ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักร้ายใต้เงาทราย

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 31 ส.ค. 66


    โรงแรมห้าดาวของประเทศไทยย่านใจกลางเมือง ได้มีโอกาสต้อนรับการมาเยือนของสุภาพบุรุษที่สาวๆ ทั้งหลายต่างขนานนามให้ว่า พญาเหยี่ยวแห่งทะเลทราย ชีคดาเนียล ซาเมียร์แห่งคาลีจวัยยี่สิบแปดปี ท่านชีคหนุ่มผู้มั่งคั่งร่ำรวยจากบ่อน้ำมันอันมหาศาล ไม่ว่าสตรีหน้าไหนก็อยากจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดชายที่สมบูรณ์แบบคนนี้

    การะเกด ชาติบุญนักข่าวสาวไทยวัยยี่สิบสามเดินทางมาถึงสถานที่นัดสำคัญด้วยความตื่นเต้น หญิงสาวเป็นนักข่าวสายเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งต้องการสัมภาษณ์ชีคดาเนียลแห่งคาลีจที่เดินทางมาประเทศไทยเป็นการส่วนตัว

     เนื่องจากชีคหนุ่มเพิ่งเข้ารับตำแหน่งแทนชีคฟาอิส บิดาที่วางมือจากงานทั้งหมดเพราะต้องการพักผ่อน ดังนั้นชีคดาเนียลจึงได้ชื่อว่าเป็นชีคที่อายุน้อยที่สุดในเวลานี้

    “ชั้นสิบห้า ห้องหนึ่งห้าศูนย์สี่”

    การะเกดหยิบกระดาษแผ่นเล็กขึ้นมาอ่านอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ สถานที่นัดพบซึ่งเธอได้รับการยืนยันจากเลขาชีคดาเนียล ให้มาพบในวันนี้เวลาเก้านาฬิกาตรง

    ทันทีที่มีการประกาศตำแหน่งชีคคนใหม่ของเมืองคาลีจ บรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจก็สั่งให้การะเกดติดตามประวัติชีคผู้นี้มาโดยตลอด เพราะคาลีจเป็นเมืองที่มีธุรกิจด้านน้ำมันเป็นอันดับต้นๆ บนคาบสมุทรอาหรับ การเปลี่ยนแปลงผู้นำย่อมนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางเศรษฐกิจซึ่งอาจมีผลต่อไปในวันข้างหน้า

    ดังนั้นการสัมภาษณ์ในวันนี้ ถือเป็นการผูกมิตรได้เป็นอย่างดี การะเกดใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์ก็สามารถติดต่อขอพบเพื่อสัมภาษณ์ได้ โดยให้เหตุผลว่าอยากความรู้จักในฐานะที่ชีคดาเนียลเป็นผู้นำคนใหม่ของคาลีจ

    คาลีจตั้งอยู่บนคาบสมุทรอาหรับ เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีประชากรไม่มากและมีผู้นำสำคัญคือตระกูลซาเมียร์ที่สืบทอดอำนาจมาหลายยุคหลายสมัยแล้ว ชีคดาเนียลได้ชื่อว่าเป็นผู้นำรุ่นใหม่ที่กำลังจะนำเมืองคาลีจก้าวสู่ความเป็นสากลมากขึ้น

    การะเกดหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องด้วยความตื่นเต้น อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเธอจะมีโอกาสได้พบกับชีคดาเนียลตัวเป็นๆ แล้ว หลังจากที่รู้จักผ่านทางสื่อโลกออน์ไลน์มาเป็นเวลานาน หญิงสาวอยากรู้เหมือนกันว่าตัวจริงของท่านชีคจะหล่อเหลาภูมิฐานเหมือนในรูปไหม

    "ดิฉันการะเกด จากทีทีนิวส์ค่ะ" นักข่าวสาวส่งยิ้มหวานเป็นทัพหน้าให้กับชายชุดสูทสีดำที่เปิดประตูให้

    "เชิญ" ชายคนดังกล่าวเปิดทางให้การะเกดเข้าไปในห้องพักทันที

    ทุกย่างก้าวที่เดินเข้ามา การะเกดแสนจะตื่นเต้นและประหม่า ไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไรเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าผู้นำแห่งคาลีจ นักข่าวสาวพยายามควบคุมสติอารมณ์ของตนให้มากที่สุดและท่องไว้ในใจว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จะสัมภาษณ์บุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงระดับโลก

    การะเกดไม่แปลกใจที่เห็นชาวคาลีจแต่งกายในชุดสูทสากล แทนที่จะเห็นการแต่งตัวที่ชินตาตามวัฒนธรรมอาหรับ เธอหาข้อมูลที่เกี่ยวกับคาลีจไว้หมดทุกอย่าง และยิ่งศึกษาก็พบว่าบุคคลที่กำลังจะได้พบในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ ช่างเป็นผู้นำที่มีความสามารถน่าทึ่ง และมีวิสัยทัศน์อันยาวไกล สมกับเป็นผู้นำรุ่นใหม่ที่จะมีบทบาทสำคัญต่อไปในอนาคต

    ชีคดาเนียล ซาเมียร์คือผู้พลิกโฉมหน้าคาลีจครั้งยิ่งใหญ่ ในเวลาแค่สองปีที่ชายหนุ่มขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้นำ ก็สามารถนำคาลีจให้ก้าวมายืนแถวหน้าในฐานะผู้ส่งออกน้ำมันอันดับต้นๆ ของคาบสมุทรอาหรับ ไม่เพียงเท่านั้นยังทำให้ความแตกต่างในวัฒนธรรมของตะวันตกและชาติอาหรับ อยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัวไม่มีปัญหา

    "มาแล้วเหรอ" เสียงทรงอำนาจดังขึ้นทำลายความเงียบสงบภายในห้อง พร้อมกับคนที่การะเกดต้องการพบหันหน้ามาหา

    เพียงแค่ได้พบหน้าครั้งแรกนักข่าวสาวก็ตกตะลึงในความหล่อเหลาและท่าทางอันภูมิฐานของชีคหนุ่ม เขาดูอ่อนวัยกว่ารูปถ่ายในโลกออนไลน์ ที่สำคัญดวงตากลมโตที่ทำให้หลงใหลทุกครั้งที่มองจากรูปภาพ วันนี้มันดูมีชีวิตชีวาจนไม่อาจจะละสายตาไปได้

     “ไม่ต้องพูดราชาศัพท์ ไม่ต้องถวายความเคารพ ตำแหน่งชีคในคาลีจคือผู้นำที่ประชาชนยกย่องให้เกียรติด้วยหัวใจ เราถือว่าคำพูดที่ออกมาจากใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ถ้าเป็นเมื่อก่อนคุณอาจจะไม่ได้มายืนตรงหน้าแบบนี้ง่ายๆ เพราะกว่าจะฝ่าด่านองครักษ์หรือนางข้าหลวงทั้งหลายมาได้ก็คงจะยากเต็มที ตอนนี้เมืองคาลีจกำลังจะก้าวสู่ความเป็นสากล ธรรมเนียมบางอย่างคงไว้แค่ในประเพณีสำคัญ คุณสามารถพูดจาทำตัวได้ตามสบายขอแค่การกระทำนั้นมาจากใจจริงก็พอ”

    คุณพระช่วย การะเกดแทบจะทำอะไรต่อไม่ถูก น้ำเสียงอันทรง พลังใบหน้าคมเข้มสมชายชาตรี ท่วงท่าที่สง่างามทุกอิริยาบถ เชื่อแล้วว่า  ทำไมผู้หญิงทั่วโลกถึงได้สมัครเป็นแฟนคลับ คนรักชีคดาเนียล นับล้านภายในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง ก็ใครใช้ให้ทั้งหล่อทั้งเก่งและมีคุณสมบัติ ครบถ้วนด้วยประการทั้งปวงขนาดนี้ ไม่ชื่นชมชื่นชอบก็ดูจะผิดปกติเสียแล้ว

    "ฉันการะเกด ชาติบุญจากทีทีนิวส์ค่ะ" หญิงสาวแนะนำตนเองอย่างเป็นทางการ แล้วนั่งลงที่โซฟาด้านข้างเมื่อชายหนุ่มผายมือเชิญ

    กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วทั้งห้องคงเป็นสมุนไพรที่ชาวคาลีจนิยมใช้กันแน่ เพียงแค่ได้กลิ่นไม่ถึงห้านาทีก็ทำให้การะเกดรู้สึกง่วงจนลืมตาไม่ขึ้น แต่พยายามฝืนที่จะทำการสัมภาษณ์ตามที่ตั้งใจไว้

    "เป็นอะไรหรือเปล่า ท่าทางคุณดูไม่ดีเลยนะ" เสียงชายหนุ่มดังกังวานขึ้นอีกครั้งในโสตประสาทของการเกด  

    สมุดจดและปากกาในมือของการะเกดร่วงหล่นลงที่พื้น โดยยังไม่ ทันได้พูดอะไรทั้งสิ้น สติสัมชัญญะทุกอย่างดับวูบ ร่างบางคออ่อนคอพับอยู่บนพนักโซฟาไปเรียบร้อยแล้ว

    ชีคดาเนียลลุกขึ้นยืนขยับเสื้อสูทให้เข้าที่เล็กน้อย สายตาชำเลืองมองมายังคนที่หลับใหล ได้เวลาแล้วที่การะเกดจะได้รู้จักคาลีจอย่างถ่อง แท้ด้วยตนเอง ไม่ใช่แค่การสัมภาษณ์ปากเปล่าแล้วไปนั่งเทียนเขียนเอง ขอต้อนรับสู่คาลีจ เมืองที่จะเป็นบ้านใหม่ของเธอ....การะเกด

     

    กลิ่นหอมจางๆ ที่โชยเข้าจมูก ปลุกสติสัมปชัญญะของการะเกดให้คืนกลับมาอีกครั้ง หญิงสาวรู้สึกเมื่อยล้าเนื้อตัวเหลือเกินคิดว่าคงเป็นเพราะทำงานหนักมาตลอดสัปดาห์จึงได้รู้สึกไม่สบายตัวเช่นนี้ เธอควรให้รางวัลชีวิตด้วยการไปหาที่พักผ่อนริมทะเลแสนสงบสักคืนสองคืน แล้วค่อยกลับมาทำงานต่อคงจะดีไม่น้อย

    "คุณตื่นแล้ว" เสียงคนพูดภาษาอาหรับดังข้างหู

    "หือ" การะเกดนึกขำตัวเองในใจ สงสัยเป็นเพราะหมกมุ่นกับการหาข้อมูลเพื่อสัมภาษณ์ท่านผู้นำสุดหล่อแห่งคาลีจมากเกินไป ถึงได้ยังสลัดทุกอย่างที่เกี่ยวกับที่นั่นไม่ออก จนกลายเป็นว่าได้ยินเสียงคนพูดภาษาอาหรับข้างหูในอพาร์ทเม้นท์ส่วนตัวของตนได้

    "คุณตื่นแล้ว" เสียงนั้นดังขึ้นมาอีกครั้ง

    "เฮ้ย" นักข่าวสาวสะดุ้งสุดตัวเมื่อลืมตาตื่นมาเห็นหญิงวัยกลางคนในชุดที่เรียกว่าอาบายะห์ ยืนอยู่กับสาวน้อยอีกสองคนใกล้กับเตียงนอน

    คุณพระช่วย ไม่ใช่ฝัน ไม่ได้คิดถึงชีคดาเนียลมากไป ไม่ใช่แค่เสียงแต่มีรูปร่างหน้าตาชัดเจนตัวเป็นๆ อยู่ต่อหน้า และเมื่อมองไปรอบๆ ห้องก็พบว่าไม่ใช่อพาร์ทเม้นท์ที่เคยอาศัยอยู่แต่เป็น

    "คุณตื่นแล้ว ไปอาบน้ำนะคะ จะได้มากินอาหาร" หญิงวัยกลางคนในชุดเสื้อคลุมยาวสีน้ำตาลยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ทักทายการะเกดเป็นภาษาอาหรับอีกครั้ง

    "คุณเป็นใคร แล้วที่นี่ ที่ไหน"

    ห้องนี้ตกแต่งอย่างหรูหราทุกอย่างที่อยู่รอบตัวยืนยันได้อย่างชัดเจนว่า ที่นี่คือดินแดนอาหรับแล้วเมืองไหนประเทศใดเล่า หรือว่าที่นี่คือ คาลีจ

    "อาบน้ำกินข้าวก่อน แล้วคุณจะทราบทุกอย่างที่ต้องการ" หญิงวัยกลางคนไม่ตอบคำถามของการะเกด เดินตรงเข้ามาหาตามด้วยสตรีสองคนที่เข้ามาจับแขนทั้งสองข้างของนักข่าวสาวไว้แน่น

    "จะทำอะไร ปล่อยนะ ฉันไม่อาบน้ำกินข้าวอะไรทั้งนั้น ฉันจะกลับบ้าน ปล่อย" การะเกดโวยวายเสียงดังลั่น

    ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่มีการตอบกลับใดๆ ทั้งนั้น เมื่อหญิงวัยกลางคนจัดการสั่งให้เอาตัวการะเกดเข้าห้องน้ำ พร้อมทั้งจัดการชำระร่างกายเธอทุกซอกทุกมุมอย่างละเอียด

    ร่างสาวกำลังจะถูกลอกคราบเมื่อสาวน้อยทั้งสองพยายามจะถอดเสื้อผ้าของการะเกดออก เจ้าตัวพยายามจะปัดป้องแต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมท่าเดียว ในที่สุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์ตัวเก่งก็ถูกโยนออกไปอย่างไร้ค่า ชุดชั้นในสีหวานทั้งบนล่างถูกปลดอย่างไม่ไยดี

    “โครม” ร่างเปลือยของการะเกดจมหายลงไปในอ่างอาบน้ำใหญ่ที่เต็มไปด้วยกลีบดอกไม้หลากสีสัน

    “จะทำอะไร อย่านะ” หญิงสาวปัดป้องร่างกายตนเอง เมื่อหญิงวัยกลางคนกระโดดตามลงมา และทำท่าว่าจะขัดถูกเนื้อเนียนให้สะอาดทุกซอกทุกมุม

    “มะ ไม่ต้อง ฉันทำเองได้” การะเกดพอจะเข้าใจว่ากำลังถูกจับอาบน้ำ แต่การอาบน้ำแบบ พิเศษ นี้ ถ้าเลือกได้ขอจัดการเองดีกว่า

    ดูเหมือนจะไร้ผล เมื่อในที่สุดเนื้อสาวก็ถูกขัดถูตามความพึงพอใจของหญิงวัยกลางคน การะเกดทำได้แค่เพียงปัดป้องเล็กน้อยเมื่อถูกรบกวนในส่วนที่พึงสงวน ไม่มีเวลาได้หาคำตอบว่าที่นี่คือที่ไหนอีกต่อไป เพราะมือไม้ที่ยุบยับบนตัวเธอเต็มไปหมด ต่างคนต่างก็พยายามจะลอกคราบและสัมผัสเนื้อตัวที่แสนหวง แค่ปัดป้องไม่ให้ร่างกายถูกสัมผัสจากคนแปลกหน้าก็หมดแรงที่จะซักถามอะไรทั้งสิ้นแล้ว

    "กินอาหารค่ะ" หญิงวัยกลางคนนำถาดอาหารมาวางตรงหน้า

    ตอนนี้การะเกดถูกสองสาวแรงดีลอกคราบ และจับแต่งตัวใหม่ในชุดเสื้อคลุมยาวสีหวานเฉกเช่นเดียวกับที่ทุกคนใส่อยู่

    นางพิจารณาสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าอย่างละเอียด สวย ยิ่งอยู่ในชุดพื้นเมืองของที่นี่แล้ว การะเกดก็ยิ่งสวยหวานกลมกลืนจนแทบแยกไม่ออกเลยว่า เธอเป็นสาวสวยอีกเชื้อชาติที่เพียงแค่สวมใส่เสื้อผ้าของที่นี่เท่านั้น

    สวยแบบนี้หรือเปล่าหนอ ถึงทำให้คนที่มีคู่หมั้นอยู่แล้วเปลี่ยนใจถวิลหาความรักต่างแดน จนเกิดโศกนาฏกรรมที่เศร้าสลดและนำมาสู่สถานการณ์ตอนนี้

    "คุณจะบอกฉันได้หรือยังคะว่านี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไมฉันต้องแต่งตัวแบบนี้ แล้วทำไมพวกคุณ..." การะเกดทนรอต่อไปไม่ไหวแล้ว สัญชาติญาณนักข่าวทำให้ต้องรู้เรื่องทุกอย่างให้เร็วที่สุด โดยไม่สนใจเรื่องอาหารการกินแม้แต่น้อย

    "คุณจะทราบทุกคำตอบหลังกินอาหารเรียบร้อยแล้ว อีกสิบนาทีพบกันนะคะ" นางไม่ตอบคำถามใดๆ ทั้งสิ้นและหันหลังเดินจากไปทันที ทิ้งให้การะเกดนั่งงงกับตนเองต่อไป

     

    การะเกดถูกนำตัวมาที่ห้องทำงานซึ่งอยู่ตรงข้ามกับห้องที่เธออยู่ หญิงวัยกลางคนยืนรออยู่เป็นเพื่อนสักพัก จนกระทั่งเสียงเปิดประตูห้องอีกด้านดังขึ้น ร่างสูงใหญ่ที่ก้าวเข้ามาให้หญิงสาวเห็นเต็มสองตาก็คือ

    "ชีคดาเนียล" การะเกดอุทานด้วยความตกใจ

    "ขอต้อนรับสู่คาลีจอย่างเป็นทางการ คุณนักข่าวคนเก่ง" ชีคหนุ่มส่งยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง แล้วหันมาเจรจาภาษาพื้นเมืองกับหญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่เป็นเพื่อน ก่อนที่นางจะออกไปด้านนอกปล่อยให้การะเกดอยู่เพียงสองต่อสองในห้องนี้เท่านั้น

    "คุณทำแบบนี้ทำไม" การะเกดเปิดฉากถามคำแรกด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง

    ไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องเสียเวลาคิดให้นานว่านี่เป็นฝีมือใคร เพียงแต่การะเกดไม่เข้าใจว่าเพื่ออะไร มีวัตถุประสงค์ใดกันแน่ หรือว่าทำอะไรผิดล่วงเกินความเป็นชีคผู้ยิ่งใหญ่ของเขาเข้าให้

    "หลับสบายดีไหม ไม่คิดว่าเธอจะนอนขี้เซาขนาดนี้ หลับที่โรงแรมตอนสัมภาษณ์แล้วยังต้องให้ฉันอุ้มมาที่นี่อีก"

    "คุณลักพาตัวฉันมาใช่ไหม" นักข่าวสาวไม่เชื่อว่าตนเองจะหลับกลางอากาศในระหว่างที่ทำงานสำคัญได้

    ต้องใช่แน่ มันต้องเป็นกลิ่นหอมพวกนั้นที่สูดดมเข้าไปเพียงไม่นาทีในระหว่างที่เตรียมการสัมภาษณ์ แต่คิดเท่าไรก็คิดไม่ออกว่าเพราะอะไรที่ทำให้ชีคดาเนียลทำเช่นนี้

    "จะว่าอย่างนั้นก็ได้มั้ง เอาเป็นว่าฉันพาเธอมาตอนหลับก็แล้วกัน" เขาพูดหน้าตาเฉยนั่งลงบนโซฟาไขว่ห้างอย่างสบายใจ สีหน้าไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการกระทำใดๆ ของตนทั้งสิ้น

    "คุณต้องการอะไร หรือว่าเปลี่ยนใจไม่อยากให้สัมภาษณ์แล้วก็บอกมา"

    หรือว่าเขาเกิดเปลี่ยนใจไม่อยากให้คนอื่นรู้วิธีพัฒนาคาลีจ ซึ่งอาจเป็นความลับสุดยอดที่อยากจะเก็บไว้คนเดียวไม่เผยแพร่ต่อให้คนนอกรู้ แต่ก็ไม่เห็นจะเป็นที่จะต้องจับตัวเธอมาไว้ที่นี่เลย แค่บอกมาคำเดียวว่ายกเลิกการสัมภาษณ์แค่นั้น รับรองว่าทุกอย่างจะไม่มีการเผยแพร่แม้แต่คำเดียว หรือว่ามันจะมีอย่างอื่นแอบแฝงกัน

    "ฉันส่งบทสัมภาษณ์ไปให้หัวหน้าเธอเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องห่วงว่าจะทำงานไม่เสร็จ บทสัมภาษณ์ของเธอได้รับคำชมอย่างดีทีเดียว"

    "อะไรนะ คุณส่งงานให้ฉันแล้ว"

    การะเกดยิ่งงงหนักเข้าไปอีก เริ่มมั่นใจแล้วว่ามีการวางแผนเรื่องนี้มาเป็นอย่างดี มิน่าเล่า การนัดพบเพื่อขอคิวสัมภาษณ์จึงได้ง่ายดายแค่ส่งอีเมล์ไปแล้วก็ได้รับคำตอบกลับมาภายในวันเดียวกัน มันยิ่งต้องมีอะไรแอบแฝงอย่างไม่ต้องสงสัยเลยแน่นอน

    "ใช่ เพราะฉะนั้นอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจไม่มีงานอะไรค้างคาทั้งนั้น อ้อ วันลาพักร้อนก็ไม่ต้องกลัวว่าจะหมด เพราะ..."

    "เล่นตลกอะไรของคุณ จับฉันมาที่นี่เพื่ออะไร ต้องการอะไรกันแน่" การะเกดถามรัวเป็นชุด

    "สำนึก" เขาตอบเพียงสั้นๆ ทว่าแฝงไปด้วยความเด็ดขาด

    ร่างสูงเงยหน้าขึ้นสบตากับคนถาม แววตาของชีคดาเนียลเต็มไปด้วยความโกรธที่การะเกดไม่เข้าใจว่า ไปทำอะไรให้พญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายโฉบเอาตัวเธอบินข้ามฟ้ามาอยู่ในดินแดนแห่งนี้ และยิ่งบอกว่าให้สำนึกด้วยแล้วก็ยิ่งคิดไม่ออกว่ามันคืออะไร

    "พูดอะไร สำนึกบ้าบออะไร ทำไมฉันต้องสำนึกด้วย" ยิ่งฟังก็ยิ่งมันไม่เข้าใจ มีอะไรที่ต้องสำนึกที่คาลีจนี่ ในเมื่อเธอรู้จักคาลีจเพราะหน้าที่การงานไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่นเลยสักนิด

    "ขอบอกให้รู้ไว้นะ ฉันมีงานอื่นมากมายที่จะต้องทำ ดังนั้นฉันจะกลับเมืองไทย เดี๋ยวนี้"

    การอยู่ที่นี่ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับการะเกดแน่ ขอกลับเมืองไทยไปตั้งหลักก่อน มีอะไรไว้ว่ากันทีหลัง อย่างไรเสียอยู่บนแผ่นดินบ้านเกิด นักข่าวสาวยังอุ่นใจมากกว่าอยู่ในดินแดนที่ไม่รู้จักเช่นคาลีจ

    "ไม่" ชีคดาเนียลตอบทันควัน

    "ต้องกลับ ฉันมีบ้านมีครอบครัวที่รออยู่ ป่านนี้พวกเขาคงห่วงที่ฉันหายมาแบบนี้ คุณจะกักขังฉันไว้แบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด ส่งตัวฉันกลับเดี๋ยวนี้" การะเกดสั่งเสียงดังลั่น

    "ท่าทางเธอคงรักครอบครัวมากซินะ ฉันก็คิดเหมือนกันว่าพวกเขาคงห่วงที่เธอหายตัวไปแบบนี้" น้ำเสียงเขาเหมือนเข้าใจสิ่งที่เธอพูดเหลือเกิน แต่เอาเข้าจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น

    “จะไม่มีการส่งตัวเธอไปไหนทั้งนั้น เธอต้องอยู่ที่นี่" ชีคหนุ่มเอ่ยเสียงดุดันต่อไปอีกว่า

    "ไม่ต้องเสียเวลาคิดจะกลับบ้าน เธอควรเตรียมตัวที่จะเป็นคนคาลีจไปตลอดชีวิตดีกว่า การะเกด"

    "ไม่ ฉันไม่อยู่ที่นี่เด็ดขาด" หญิงสาวตะโกนโต้กลับไปอย่างไม่หวั่นเกรง

    นิสัยของการะเกดไม่เคยกลัวใคร และไม่ก้มหัวให้ใครหากว่าไม่ได้ทำอะไรผิด การที่ชีคดาเนียลบังคับให้เธออยู่ในดินแดนที่ไม่ต้องการ มีหรือที่จะยอมอยู่เฉยๆ ทำตามคำสั่งที่ขัดกับหัวใจของตนเองโดยไม่ตอบโต้

    "จะไปไหน" ชีดดาเนียลลุกขึ้นมาขวางทางประตูไว้

    การะเกดไม่คุยกับคนพูดไม่รู้เรื่องให้เสียเวลา เธอจะหาทางกลับเมืองไทยด้วยตนเอง สถานทูตคือที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวในเวลานี้

    "ถอยไปนะ ฉันจะกลับบ้าน" การะเกดตวาดลั่น

    ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งสิ้น ไม่สนใจด้วยว่าชีคดาเนียลจะเป็นใครมาจากไหน ไม่รู้สึกกลัวพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายแม้แต่นิดเดียว แถมกล้าขึ้นเสียงตอบโต้โดยไม่คำนึงถึงว่าอีกฝ่ายจะพึงพอใจหรือไม่ จะชีค จะพญาเหยี่ยวหรืออะไรก็ช่าง ถ้าไม่ถูกต้องเธอก็ไม่มีวันก้มหัวหรืออ่อนข้อให้แน่

    "เธอไม่มีสิทธิ์ไปไหนจนกว่าฉันจะอนุญาต" ชีคหนุ่มประกาศกร้าว

    "เท่าที่จำได้บัตรประชาชนและใบเกิดของฉันคือคนไทย คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่ง ถอยไป คุณไม่พาฉันกลับ ฉันก็จะหาทางกลับเองให้ได้"

    "ตอนนี้เธออยู่บนแผ่นดินคาลีจ และฉันเป็นผู้นำที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่ ดังนั้นฉันสั่งเธอต้องทำ”

    "ฉันไม่ทำ ถอยไปเดี๋ยวนี้นะ" การะเกดหาญกล้ามากว่าที่คิด นักข่าวสาวออกแรงผลักให้ร่างสูงถอยห่างประตู เพื่อพาตนเองออกมาจากห้อง

    ชีคดาเนียลตัดสินใจรวบตัวการะเกดไว้แล้วลากมานั่งที่โซฟาตัวเดิม แม้เธอจะดิ้นรนหนีทั้งข่วนทั้งทำร้ายอย่างไร เขาก็ไม่ยอมปล่อยให้หญิงสาวหลุดมือไปง่ายๆ

    "หยุดบ้า แล้วนั่งสำนึกซิว่าทำอะไรกับใครไว้บ้าง" ชายหนุ่มเหวี่ยงร่างบางลงไปที่โซฟาโดยที่อีกฝ่ายถลาไปโดยไม่ทันตั้งตัว

    "ฉันไม่รู้เรื่องที่คุณพูด ฉันจะกลับบ้าน" หญิงสาวทะลึ่งตัวขึ้นมาจะยืนแต่ต้องชะงักเมื่อชีคหนุ่มเอาตัวเองคร่อมโซฟาไว้ ถ้าการะเกดออกแรงอีกนิดใบหน้าก็จะเข้ามาแนบชิดกับริมฝีปากของชีคดาเนียลทันที

    "ฉันไม่มีวันปล่อยเธอกลับบ้านง่ายๆ หรอก การะเกด" เขาคำรามในลำคออีกครั้ง

    "แต่ฉันจะกลับและคุณก็ขวางฉันไม่ได้" นักข่าวสาวเอามือดันอกที่คร่อมตัวไว้ให้ออกไปพ้น

    ให้ตายซิ ตั้งแต่เกิดมาชีคดาเนียลยังไม่เคยเห็นใครมีแรงเยอะเท่าการะเกดมาก่อน ทางเดียวที่จะจัดการกับแม่คนหัวดื้อนี้ให้อยู่หมัด ก็คือร่างกายของชีคหนุ่มต้องทำหน้าที่โถมทับลงมาที่กายสาว และใช้สองแขนตรึงร่างเล็กให้หยุดอยู่กับที่บนโซฟาตัวนั้น

    "ปล่อยนะ ปล่อย" การะเกดร้องลั่น

    เธอกำลังจะหายใจไม่ออก ไม่ใช่เพราะน้ำหนักตัวแต่เป็นเพราะเกิดมาจนยี่สิบสามปีไม่เคยมีผู้ชายหน้าไหน เอาตัวเองมาแนบชิดขนาดนี้มาก่อน

    ยิ่งเป็นพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทราย หนุ่มหล่อที่สาวๆ ทั่วโลกกรี๊ดกร๊าดด้วยแล้ว แม้จะกำลังโกรธที่ถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่ต้องการ แต่หัวใจของการะเกดก็หวั่นไหวกับแรงสัมผัส ที่เหมือนมีไฟฟ้าช๊อตให้เรี่ยวแรงที่แข็งขืนเมื่อครู่สงบลงได้ในที่สุด

    "หยุดดิ้นแล้วฟังฉันนะ" สายตาคมจ้องมองมาที่ดวงตาคู่สวย

    "ฉันไม่ได้ให้เธออยู่ที่นี่เพราะความพิศวาสอะไรทั้งสิ้น แต่ฉันต้องการให้เธอสำนึกในสิ่งที่กระทำกับคนของฉัน"

    "ฉันไม่ได้ทำอะไรใครทั้งนั้น" การะเกดสวนกลับทันที

    "ถ้าไม่ได้ทำ แล้วใครกันที่ยั่วยวนปั่นหัวให้ผู้ชายดีๆ คนหนึ่งทรยศคู่หมั้นตัวเอง และแย่ไปกว่านั้นก็คือเอาชีวิตที่มีคุณค่าสังเวยความรักจอมปลอม ถ้าไม่ใช่เธอแล้วใคร การะเกด" ชีคดาเนียลคำรามถามอย่างดุดัน จนทำให้คนที่อยู่ในการควบคุมรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ

    "ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่รู้เรื่องที่คุณพูด"

    สมองของการะเกดมึนงงไปหมดกับข้อกล่าวหาที่ชีคดาเนียลเอ่ยมา ใครกันที่ทรยศคู่หมั้น ใครกันที่เอาชีวิตสังเวยความรักจอมปลอม ใครก็ช่าง แต่เธอมั่นใจว่าไม่เคยทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้เด็ดขาด

    "ไม่รู้เรื่องใช่ไหม ดี ถ้าไม่รู้เรื่องงั้นมานี่ มาดูผลงานเธอ การะเกด"

    ชีคดาเนียลกำลังโมโหจึงไม่ปราณีปราศรัยใดๆ ทั้งสิ้น ร่างของการะเกดถูกฉุดกระชากลากถูลงมาจากชั้นบน และตรงไปยังสถานที่อีกที่หนึ่งซึ่งมั่นใจว่าเมื่อเห็นจะต้องจำได้

    "ชีคคะ" หญิงวัยกลางคนเมื่อครู่ที่อยู่ข้างล่างรีบวิ่งตามมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นชีคดาเนียลลากตัวการะเกดลงมาจากชั้นบน แล้วโยนไว้ที่บ้านอีกหลังหนึ่งซึ่งอยู่ด้านหลังของคฤหาสน์กลางทะเลทรายแห่งนี้

    "ตายจริง ชีค..."

    รอยแดงที่ข้อมือรวมถึงน้ำใสที่คลออยู่ในดวงตาคู่สวย แสดงความหวาดกลัวออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ทำให้หญิงวัยกลางคนรู้สึกสงสารคนที่ถูกเหวี่ยงให้กองลงกับพื้น แต่ครั้นจะเข้าไปช่วยก็ถูกชีคหนุ่มห้ามไว้

    "ไม่ต้อง นาดา แค่นี้ไม่ตายง่ายๆ หรอก" ชีคดาเนียลพูดอย่างคนไม่มีหัวใจ

    โดยวิสัยพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายไม่ใช่คนที่จะทำรุนแรงกับผู้หญิงและเด็ก หรือแม้แต่ลูกน้องที่อยู่ภายใต้การปกครอง ก็ไม่เคยมีใครถูกชีคดาเนียลกระทำแบบนี้มาก่อน

    การะเกดเป็นคนแรกและคงจะเป็นคนสุดท้ายที่จะถูกพายุทรายลูกนี้หมุนวนเข้าหาครั้งแล้วครั้งเล่า จนกว่าชีคดาเนียลจะได้คำตอบที่ต้องการ นั่นคือการให้เธอยอมรับว่าเป็นต้นเหตุของการสูญเสียที่อันยิ่งใหญ่ของครอบครัวซาเมียร์

    "แต่ว่าเธอล้มนะคะ" นาดาพยายามเตือนสติ

    แม้การะเกดจะตกเป็นผู้ต้องหาตามคำพิพากษาของชีคหนุ่ม ว่าเป็นต้นเหตุให้น้องชายสุดที่รักอย่างอัสมันจบชีวิตลงเมื่อหลายเดือนก่อน แต่นาดาก็คำนึงถึงคนที่อยู่ต่อมากกว่าคนที่จากไป

    ไม่ใช่ไม่เห็นคุณค่าหรือไม่เสียใจต่อการจากไปของหนุ่มน้อยแสนดีในความทรงจำ แต่เพราะไม่ต้องการให้คนที่มีชีวิตอยู่ต้องอยู่ด้วยความแค้นที่สุมทรวงเช่นทุกวันนี้

    "เธอรู้ไหม ห้องนี้คือห้องของใคร" เขาตวาดถามลั่นห้อง

    "ฉันไม่รู้ คุณพูดเรื่องบ้าอะไรกัน" นักข่าวสาวค่อยๆ ลุกขึ้นยืนแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ

    เธอเจ็บตามเนื้อตัวที่ถูกเหวี่ยงถึงสองครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน ข้อเท้าเจ็บยืนหรือทรงตัวไม่ค่อยจะไหว แต่กระนั้นก็ยังไม่ยอมแสดงท่าทีอ่อนแอหรือร้องขอความเห็นใจใดๆ

    "ไม่รู้ใช่ไหม ถ้างั้นเห็นหน้าอัสมันหน่อยเป็นไง เผื่อว่าความทรงจำมันจะกลับมาบ้าง"

    ข้อมือหญิงสาวถูกกระชากให้มานั่งลงที่โต๊ะทำงานกลางห้อง รูปภาพของชายอาหรับคนหนึ่งตั้งอยู่ตรงนั้น ให้ไปสาบานอีกสิบวัด การะเกดก็ตอบคำเดิมว่า

    "ฉันไม่รู้จักเขา"

    "ว่าไงนะ ไม่รู้จักเหรอ" ชีคหนุ่มเค้นไรฟันถาม ดวงตาวาววับขึ้นมาอย่างน่ากลัว

    "ฉันไม่รู้จักว่าเขาเป็นใคร ต่อให้ถามอีกสิบครั้งฉันก็ยืนยันคำเดิมว่าไม่รู้จัก" นักข่าวสาวยืนกรานคำเดิมหนักแน่น

    "ขอถามสักคำว่าไม่รู้สึกละอายบ้างเลยเหรอที่กล้าพูดว่าไม่รู้จักอัสมัน จะต้องให้ฉันพูดไหมว่าเธอใช้คำหวานเลี่ยนขนาดไหนล่อลวงเขา"

    "ฉันไม่เคยทำอะไรอย่างที่คุณพูดสักครั้งเดียวในชีวิต และฉันก็ไม่เคยรู้จักผู้ชายที่ชื่ออัสมันนี่ด้วย ที่สำคัญฉันบอกกี่ทีแล้วว่าแม้แต่ชื่อของคาลีจก็ไม่เคยอยู่ในหัวสมอง ถ้าฉันไม่ต้องมาทำงานสัมภาษณ์บ้าๆ นี่ รับรองว่าชาตินี้คุณกับฉันไม่มีทางได้เห็นหน้ากันแน่"

    คำพูดที่หนักแน่นของการะเกดไม่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น กลับยิ่งทำให้ชีคดาเนียลโกรธจนแทบจะควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ดีที่นาดามาขวางไว้ให้สถานการณ์ทุกอย่างผ่อนคลายลง

    "ใจเย็นนะคะ ชีค" นางห้ามปรามเมื่อเห็นสีหน้าของชายหนุ่ม

    ชีคดาเนียลไม่ทำร้ายผู้หญิง แต่แรงโทสะจะไปลงกับลมแล้งที่อยู่ใกล้หรือกลายเป็นความเศร้าซึมที่นางเองก็ไม่อยากเห็น

    "คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่า" นาดาหันมาหาการะเกด

    หญิงวัยกลางคนมองเห็นดวงตาคู่สวยเริ่มมีน้ำตาซึมออกมาเล็กน้อย นี้ดีที่สุดตอนนี้คือแยกทั้งสองให้ห่างกันเพื่อสงบสติอารมณ์ ก่อนที่จะแย่ลงกว่านี้

    ในขณะที่การะเกดทั้งเจ็บทั้งโกรธทั้งโมโหที่ถูกกระทำเช่นนี้ แต่กระนั้นก็ไม่แสดงความอ่อนแอออกมาให้ใครเห็น สาวน้อยยังคงยืนกรานที่จะต่อสู้กับคำพิพากษาที่ชีคดาเนียลมอบให้และจะสู้จนกว่าจะชนะ

    "บอกแม่คนนี้ซิว่า ถ้าไม่ยอมรับอีก ฉันจะปล่อยให้กฎหมายของเราลงโทษ" ชายหนุ่มพูดภาษาพื้นเมืองให้นาดาถ่ายทอดอีกที

    "ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นค่ะ ฉันไม่รู้จักเขา ฉันอยากกลับบ้าน" การะเกดเสียงเครือกลืนก้อนสะอื้นลงคอไม่ยอมให้ใครเห็นความอ่อนแอ

    นี่เหรอ พญาเหยี่ยวแห่งทะเลทราย ผู้ชายที่สาวๆ ทั่วโลกคลั่งไคล้ การะเกดขอเปลี่ยนสรรพนามใหม่ให้ จากพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายผู้เย่อหยิ่ง คือมารร้ายที่ไร้เหตุผลที่สุดบนโลกนี้ดีกว่า และความหล่อที่หลอกลวงให้คนอื่นคิดว่าคือสุภาพบุรุษ ที่แท้คือซาตานชั่วร้ายที่พูดไม่รู้เรื่องต่างหาก

    "คุณตั้งสติดีๆ อีกครั้งนะคะ มองผู้ชายคนนี้อีกทีรู้จักเขาไหม"

    นาดาหยิบรูปถ่ายของอัสมันที่วางอยู่บนโต๊ะมาให้การะเกดมอง พยายามจะตะล่อมถามอีกครั้งเพื่อให้ได้คำตอบที่ชัดเจน

    "ฉันไม่รู้จักค่ะ ฉันไม่รู้จักเขาจริงๆ"

     คำตอบของการะเกดเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนกองไฟ เพลิงโทสะที่ปรากฏในดวงตาพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทราย ทำให้นาตาต้องเอาตัวเองปกป้องการะเกดไว้ แม้รู้ว่าชีคดาเนียลไม่มีนิสัยทำร้ายผู้หญิง แต่ความโมโหอาจทำให้อีกฝ่ายเจ็บตัวโดยไม่ทันระวังได้

    "ให้ฉันคุยกับเธออีกครั้งก่อนได้ไหมคะ" นาดาขอร้อง

    อย่างน้อยก็ให้การะเกดตั้งสติแล้วค่อยๆ คิดทบทวนอีกครั้งหนึ่ง ส่วนตัวเธอก็จะค่อยๆ ตะล่อมพูดให้อีกฝ่ายกล้ายอมรับความจริง และหวังว่าสถานการณ์ทุกอย่างคงจะดีขึ้น

    "แค่สิบนาทีเท่านั้นค่ะ" หญิงวัยกลางคนย้ำอีกครั้งหนึ่ง แล้วประคองการะเกดไปสงบสติอารมณ์ด้านนอก ปล่อยให้ชีคหนุ่มสะกดอารมณ์ในใจตอนนี้ไปเพียงลำพังในห้องทำงานของอัสมันต่อ

     

    Thumbnail Seller Link
    รักร้ายใต้เงาทราย
    คันธมาลี
    www.mebmarket.com
    "เธอขี่ม้าเป็นเหรอ" เขายื่นหน้ามากระซิบถามข้างหู"จำได้ว่าขี่อย่างอื่นที่ง่ายกว่า ยังทำไม่ถนัดเลยแล้วขี่ม้าเธอจะ...""หยุดพ...
    Get it now
    Thumbnail Seller Link
    รอยรักสลักหัวใจ
    อาทิตยา
    www.mebmarket.com
    ความผูกพันระหว่างเรา คือรอยรักที่สลักลงในหัวใจ อย่างไม่มีวันเลือนหาย
    Get it now
    Thumbnail Seller Link
    ทัณฑ์ร้ายลวงรัก
    อิ่มอุ่น
    www.mebmarket.com
    “ฉันดูแลตัวเองได้ คุณไม่ต้องยุ่งกับฉันหรอก แล้วฉันก็ไม่ตายง่ายๆ แน่” เธอเชิดหน้าเล็กน้อยรู้สึกสะอึกในอกอย่างไรก็ไม่รู้“ก็ดี รอในนี...
    Get it now
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×