ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าสาวร่ายรัก ซีรีย์ชุด รอยฝันวันวิวาห์

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 7

    • อัปเดตล่าสุด 8 ส.ค. 66


    เมธาวีรู้สึกตัวอีกทีตอนเช้าเพราะกลิ่นหอมของข้าวต้ม พรตกำลังง่วนกับการข้าวของบางอย่างอยู่ใกล้ๆ หญิงสาวขยับดันตัวเองพยายามลุกจากที่นอนแต่ดูเหมือนว่าจะรู้สึกหน้ามืด อีกทั้งปวดเมื่อยไปทั้งตัวขยับแต่ละครั้งเจ็บจนหน้าตาเล็ด

    “ตื่นแล้วเหรอ” ชายหนุ่มหันมาเห็นเมธาวีพยายามลุกจากที่นอนจึงรีบเข้ามาหา

    “จะเข้าห้องน้ำใช่ไหม” พรตถาม เมธาวีพยักหน้ารับเขาจึงอุ้มลงไปเหมือนเคย

    พรตสั่งว่าตามสบายแต่ถ้าต้องการออกมาให้ร้องเรียก ห้ามลุกเดินออกมาเองเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นเขาจะเปิดประตูนั่งเฝ้าหน้าห้องน้ำเลย เมธาวีจำใจต้องพยักหน้ารับปากว่าจะทำตามแต่โดยดี

    พรตอุ้มเมธาวีมานั่งที่โต๊ะกินข้าว ข้าวต้มหอมฉุยที่ได้กลิ่นตอนตื่นอยู่ตรงหน้าแล้ว หญิงสาวไม่ต้องตักกินเองเพราะตอนนี้เขาตักมาจ่ออยู่ที่ริมฝีปากแล้ว

    “กินเองได้ค่ะ” เมธาวีเอ่ยด้วยความเกรงใจ

    “ผมป้อนดีกว่า เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วเราไปโรงพยาบาลกัน” พรตพูดพลางป้อนข้าวต้มให้

    “เมื่อเช้าหมอที่อนามัยมาดูอาการคุณ หมออยากให้คุณไปตรวจให้แน่ใจว่าเป็นชิคุนกุนย่าหรือเปล่า” ชายหนุ่มเล่าแล้วป้อนข้าวต้มให้อีก

    “อะไรคือชิคุนกุนย่าคะ” หญิงสาวสงสัย

    “ไข้เลือดออกที่เกิดจากยุงลายอีกชนิดหนึ่ง อาการก็คือจะมีไข้ขึ้นสูง แล้วก็ปวดเมื่อยตามข้อตามเนื้อตัว แล้วก็อาจจะมีผืนแดงขึ้น หมอบอกว่าช่วงนี้กำลังระบาด”

    “แล้วการรักษาล่ะคะ” เมธาวีวิเคราะห์ตัวเองจากการฟังสิ่งที่พรตเล่า

    “รักษาตามอาการแต่ระวังไม่ให้มีโรคแทรกซ้อน ผมก็เลยตัดสินใจว่าจะพาคุณกลับกรุงเทพฯแล้วตรวจให้ละเอียด ถ้าไม่มีอะไรเป็นแค่ไข้ธรรมดา เราค่อยกลับมาใหม่”

    “เรา อย่าบอกนะว่าคุณจะกลับมากับฉันอีก” หญิงสาวทำหน้างง

    “อ้าว ก็แน่ซิ คุณอยู่ไหนผมก็อยู่นั่น ผัวเมียต้องอยู่ด้วยกัน จำที่คุณย่าสอนไม่ได้หรือไง” พรตพูดหน้าตาเฉย

    เมธาวีฟังแล้วอึ้งคิดไม่ออกว่าจะเอาเหตุผลอะไรมาไล่เขาไป แต่สิ่งที่ทำให้เธอพูดไม่ออกอีกนั่นก็คือ

    “เรากลับไปกรุงเทพฯคราวนี้ จะจัดการเรื่องเอกสารที่ดินคุณทั้งหมด ผมจะไปปรึกษาคุณย่าว่าเรื่องที่ดินข้างโรงเรียนจะเอาไง ผมโทร.บอกครูป้อมเมื่อเช้าว่าจะเข้ากรุงเทพฯถ้ามีอะไรหรือเราต้องการข้อมูลอะไรให้โทร.หากัน ส่วนพี่ชายร่วมโลกคุณ” พรตเว้นวรรคเล็กน้อย เมธาวีสบตาเป็นเชิงถามแล้วรอฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรต่อ

    “ผมเอาโทรศัพท์คุณติดต่อไปบอกว่า ให้เวลาคิดอีกสองอาทิตย์เรื่องที่ดินผืนนั้น ถ้าไม่ขายหรือยอมแลกที่ๆ สมน้ำสมเนื้อกันตามที่คุณเสนอ เดี๋ยวมาว่ากันว่าจะเอาไง แต่ผมบอกไปแล้วว่าจะไม่แลกที่ดินตามที่เขาต้องการแน่”

    เมธาวีพูดไม่ออก แต่รู้สึกโล่งใจที่อย่างน้อยพรตก็บอกนิพนธ์เรื่องตลาดในสิ่งที่ต้องการ

    “ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวเอ่ยคำขอบคุณเบาๆ

    “ขอบคุณอะไร ขอบคุณข้าวต้มหรือว่าขอบคุณที่ผมจะพาไปหมอ หรือว่าขอบคุณที่เมื่อคืนผมนอนกอดคุณทั้งคืน” พรตถามยิ้มๆ เมธาวีหน้าแดงก่ำเมื่อรู้ว่าเมื่อคืนอยู่ในอ้อมกอดเขาตลอด

    “จะขอบคุณอะไรก็ช่าง ไปเตรียมตัวกลับบ้านเราดีกว่า อ้อ ถ้าอยากให้ผมกอดอีกตอนไหนบอกได้ไหน พร้อมบริการคุณภรรยาเสมอ”

    เมธาวีรู้สึกร้อนผ่าวทั้งใบหน้า โดยเฉพาะเมื่อคำพูดประโยคสุดท้ายถูกกระซิบที่ข้างหู พรตสั่งให้รออยู่ที่เก้าอี้ส่วนเขาขึ้นไปเก็บของต่ออีกเล็กน้อย จากนั้นทั้งคู่จึงเดินทางกลับกรุงเทพฯเพื่อไปจัดการตามที่คุณหมอสั่ง

    เมธาวีนั่งเบาะข้างคนขับโดยมีผ้าห่มคลุมตัวไว้ พรตปรับแอร์ในรถให้อยู่ในอุณหภูมิที่ไม่เย็นจนเกินไปนัก เขาบอกให้เธอหลับให้สบายเมื่อถึงบ้านแล้วจะปลุกอีกครั้ง คราวนี้หญิงสาวทำตามอย่างว่าง่ายหลับไปด้วยความอ่อนเพลียจริงๆ

    โชคดีที่เมธาวีไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่พรตก็ยังไม่วางใจพาหญิงสาวกลับมาพักที่บ้านกรุงเทพฯแทน แม้ว่าเจ้าตัวจะบอกว่าอยากกลับไปบ้านสวนอยุธยาก็ตาม ทุกคนในบ้านพิราธัสแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง โดยเฉพาะโชคกับนางปรานีที่มองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย

    ก็ใครจะคิดว่าจะได้เห็นภาพพรตดูแลเมธาวีไม่ยอมห่างเช่นนี้เล่า ในเมื่อตลอดเวลาที่ผ่านมาทั้งสองแทบไม่เคยเฉียดใกล้กันสักนิด และยิ่งเมื่อฝ่ายหญิงประกาศขอหย่าและกลับบ้านไป ทุกคนก็เข้าใจว่าพรตตีปีกกับอิสระครั้งนี้แล้ว

    “หมอว่าไงบ้างลูก” นางปรานีจับมือคนป่วยที่พรตกำลังอุ้มเข้าบ้าน

    “เป็นไข้ธรรมดาครับ แต่ว่าร่างกายอ่อนเพลียเกินไปก็เลยไม่มีแรง เดี๋ยวผมพาขึ้นไปข้างบนก่อน” ว่าแล้วพรตก็พาเมธาวีขึ้นไปบนห้องอย่างว่องไว นางปรานีมองตามด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยและแปลกใจ

    “มีอะไรที่ฉันไม่รู้ไหม โชค” นางหันมาถามชายหนุ่มที่ยืนข้างๆ

    “ผมก็เห็นอย่างที่คุณท่านเห็นครับ” โชคเอ่ยอย่างนอบน้อม

    “เจ้าพรตมันฟั่นเฟือนไปแล้ว หรือว่ามันคิดได้จริงๆ ว่าไม่ควรเสียหนูวีไป” หญิงวัยกลางคนมองหน้าเป็นเชิงถาม

    “อันนี้ต้องถามคุณพรตเองแล้วครับ ผมก็ตอบไม่ได้ แต่โดยนิสัยคุณพรตจะไม่ทำอะไรที่ไม่อยากทำ นอกจากยอมแต่งงานกับคุณวีตามคำสั่งคุณท่านครั้งนั้นหนเดียว”

    “นั่นซิ ต้องคุยกันให้รู้เรื่องแล้ว” นางปรานีเห็นด้วยกับโชค และสงสัยว่าสิ่งที่พรตกำลังทำอยู่นี้คืออะไรกันแน่

    พรตพาคนป่วยเข้ามานั่งในห้องเพื่อเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้า เมธาวีรู้สึกอึดอัดตั้งแต่อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว พรตแสดงตัวว่าเป็นสามีต่อหน้าทุกคนและจัดการทุกอย่างโดยเน้นว่าให้ปลอดภัยที่สุด แต่ที่ทำให้เธอเขินและอายมากที่สุดก็คือการที่เขาอุ้มลงจากรถ ท่ามกลางสายตาคนทั้งบ้านที่มองอย่างไม่คาดคิด

    “เช็ดตัวหน่อยไหมจะได้สบายตัวขึ้น” พรตถามพลางเอามืออังที่ศีรษะเบาๆ

    ไข้น่าจะลดเพราะหมอฉีดยาลดไข้และให้น้ำเกลือเมธาวีตอนอยู่โรงพยาบาลแล้ว อาการปวดเมื่อยน่าจะหายในไม่ช้า ส่วนข้อเท้าที่ล้มวันก่อนก็ไม่เป็นอะไรมาก คงจะเป็นปกติในอีกไม่กี่วันเช่นกัน

    “เดี๋ยวฉันทำเองค่ะ” เมธาวีรีบบอกเมื่อเห็นชายหนุ่มเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ แล้วกลับมาด้วยผ้าขนหนูชุบน้ำ

    “เช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าซะจะได้นอนสบาย จะกินอะไรเดี๋ยวฉันไปจัดการให้” เขาค่อยๆ บรรจงเช็ดหน้าอย่างช้าๆ เมธาวีรู้สึกเขินเมื่อพรตค่อยๆ ไล่ผ้าขนหนูเช็ดลงมาที่ซอกคอ

    “ฉันทำเองดีกว่าค่ะ” เธอรีบบอกแล้วคว้าผ้าขนหนูมาถือไว้เอง

    เมธาวีไม่รู้ว่าเพราะพิษไข้ที่กลับมาอีกครั้ง หรือเพราะสายตาที่พรตจ้องมองเวลานี้กันแน่ ถึงทำให้เธอรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัวอีกแล้ว เขาค่อยๆ ขยับตัวเข้ามาใกล้ใช้มือจับมือเธอที่กำลังลูบแขนแล้วช่วยเช็ดให้ โดยสายตายังไม่เลิกจ้องมองแม้แต่นิดเดียว

    “หน้าฉันมีอะไรหรือเปล่าคะ” เมธาวีถาม

    “เปล่า แค่ไม่ค่อยได้มองชัดๆ ตอนนี้ได้อยู่ใกล้เห็นชัดก็เลยมองให้เต็มตา” เขายิ้มแล้วหยิบผ้าขนหนูไปชุบน้ำอีกรอบ

    “จะทำอะไรอีกคะ” หญิงสาวถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นพรตถือเสื้อผ้าติดมือมาด้วย

    “จะเช็ดตัวต่อไง แล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าจะได้นอนสบาย” เขาวางชุดนอนสีหวานลงบนเตียง

    “คุณไม่ต้องทำหรอกค่ะ ฉันทำเองได้” เมธาวีรีบบอก

    “ยืนยังไม่ไหวเดี๋ยวก็ลมลงอีก มานี่ ฉันทำให้”

    เมธาวีใจสั่นเมื่อพรตค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อนอนออกทีละเม็ด ท่าทางเขาเหมือนไม่รู้สึกรู้สาใดๆ กับสิ่งที่กำลังทำเลย เป็นเธอต่างหากที่จับสาบเสื้อไว้แน่นไม่ยอมให้แยกจากกัน

    “ปล่อยมือซิ” เขาแกล้งทำเสียงดุแต่เมธาวียังจับไว้แน่น

    “ไม่ดูหรอกน่า ไม่เห็นมีอะไรน่าดูเลย แบนราบขนาดนี้”

    คำพูดเขาทำใบหน้าหวานแดงก่ำขึ้นมาทันที พรตค่อยๆ ปลดมือที่จับสาบเสื้อไว้แน่นออกช้าๆ พร้อมกับพูดว่า

    “ลูกผู้ชายอย่างนายพรตจะไม่ทำอะไรที่ผู้หญิงไม่เต็มใจเด็ดขาด สัญญาว่าจะไม่มองไม่แตะต้องถ้าไม่อนุญาต”

    มือที่กำสาบเสื้อแน่นเหมือนจะหมดเรี่ยวแรงเพียงคำพูดไม่กี่คำ แต่แล้วในที่สุดพรตก็สามารถถอดเสื้อของเมธาวีได้สำเร็จ เขาใช้ผ้าขนหนูอีกผืนคลุมตัวเธอไว้ไม่ให้รู้สึกเขิน จากนั้นพยายามตั้งสติไม่ให้เตลิดไปกับผิวเนียนขาวที่ปรากฏตรงหน้า ทั้งที่ความจริงแล้วเลือดในกายของชายหนุ่มเดือดพล่านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    เนินอกอิ่มที่เป็นอิสระจากชุดชั้นในสีหวานทำให้หัวใจพรตแทบเป็นบ้า เขาขอคืนคำว่าแบนราบไม่น่าดูที่พูดไปเมื่อกี้ เป็นเย้ายวนเสียจนแทบจะอดใจไม่ไหวดีกว่า แม้จะมีผ้าขนหนูบังไว้และตนเองก็ไม่ได้สัมผัสเนื้อแท้ใดๆ แม้แต่น้อย เพราะต้องรักษาสัญญาลูกผู้ชายที่ให้ไว้ตามที่พูด พรตสะกดคำว่า ไม่ในหัวดังๆ เป็นร้อยครั้ง อดกลั้นกับอารมณ์ที่เดือดพล่านในจิตใจเวลานี้เป็นอย่างมาก

    “หนาวไหม” เขาก้มลงมากระซิบถามข้างหู

    เมธาวีไม่พูดแต่ส่ายหน้าเป็นคำตอบช้าๆ พรตค่อยๆ นั่งลงตรงหน้าสบตากับคนป่วยที่หน้าแดงก่ำ ก่อนจะดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอดช้าๆ อย่างถนอม

    “ถ้าหนาวก็บอกพี่ ต้องการอะไรก็บอก พี่ทำให้ได้ทุกอย่างรู้ไหม”

    คนที่อยู่ในอ้อมกอดสะท้านไปทั่วร่าง แรงรัดจากอ้อมแขนแรงขึ้นราวกับจะกลืนกินเธอไปทั้งตัว เมธาวีพยายามจะสู้กับความอ่อนไหวนี้ และต่อต้านมันออกมาเป็นการนิ่งเฉยไม่ยินดียินร้าย หากแต่ลมหายใจของพรตจรดลงที่หน้าผากเบาๆ อ้อมแขนนั้นรัดกระชับแน่นอีกหน การเคลื่อนที่ของลมหายที่ที่เรื่อยลงมาจนถึงแก้มสาว สายตาคู่สวยช้อนขึ้นมองคนที่กระทำความหวั่นไหวนี้

    เพียงแค่สบตาเมธาวีก็เหมือนถูกกลืนหายไปในสองตาคู่นั้นของพรต ยิ่งเขาเคลื่อนริมฝีปากมาแนบชิดบนเรียวปากอิ่มด้วยแล้ว และจรดรสจูบแสนหวานลงมาช้าๆ แสนเนิ่นนาน เป็นเธอนี่แหล่ะที่เป็นฝ่ายโหยหาและไม่อยากจะไปจากแรงเสน่หานี้ สองมือคนป่วยสาวโอบกอดเขาคืนกลับ ริมฝีปากเผยอมากขึ้นเมื่อรองรับจูบหวานนั้น

    เลือดในตัวของพรตเร่าร้อนและเดือดพล่าน ยิ่งเมื่อเมธาวีตอบรับกับจูบนี้อย่างโหยหา สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายโอนอ่อนตามไม่ขัดขืน พรตก็ยิ่งฮึกเหิมและอยากได้มากกว่าจูบ อารมณ์ลูกผู้ชายที่ลุกโชนปลุกสัญชาติญาณนักล่าให้ตื่นขึ้น จากจูบที่แสนหวานได้ถูกเติมความเร่าร้อนลงไปเป็นเชื้อไฟอย่างดี ดูเหมือนว่าผู้รับเชื้ออย่างเมธาวีจะพร้อมโหมเติมความร้อนด้วยเช่นกัน

    พรตถอนจูบอย่างอ้อยอิ่งและเสียดาย สายตาละห้อยที่เขามองสบเมธาวีเต็มไปด้วยความโหยหา พรตก้มลงหมายจะจูบซ้ำอีกครั้งให้สมใจแต่แล้วเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น

    “คุณพรตคะ” สาวใช้ตะโกนร้องเรียกที่หน้าห้อง

    “มีอะไร” พรตตะโกนถามกลับอย่างขัดใจ

    “คุณท่านเชิญที่ห้องรับแขกค่ะ”

    “รู้แล้ว เดี๋ยวลงไป”

    พรตหันมาสบตาเมธาวีที่ได้สติ ใบหน้าหวานแดงก่ำเป็นลูกตำลึงจนเขาอดใจไม่ไหวต้องก้มลงมาหอมแก้มอีกฟอด

    “พี่ลงไปหาคุณย่าก่อน ใส่เสื้อแล้วนอนนะคะ เดี๋ยวพี่มา” แล้วพรตก็สวมชุดนอนสีหวานให้อย่างอ่อนโยน แล้วจึงอุ้มคนป่วยไปไว้บนเตียงนอนในที่สุด แต่ก่อนที่เขาจะออกไปนั้นเมธาวีก็รั้งมือชายหนุ่มไว้แล้วบอกว่า

    “ช่วยเรียกใครให้ขึ้นมาหาหน่อยได้ไหมคะ” เธอก้มหน้าพูดไม่กล้าสบตาเขาตรงๆ เพราะรู้สึกอายกับการกระทำเมื่อครู่

    “ต้องการอะไรคะ” พรตถามเสียงหวาน

    “อยากเข้าห้องน้ำค่ะ”

    “พี่พาไปก็ได้” ชายหนุ่มทำท่าจะเข้ามาอุ้มอีกแต่เธอห้ามไว้

    “ไม่ต้องค่ะ อย่าให้คุณย่ารอนาน ให้ใครมาพาไปก็ได้ค่ะ”

    “เดี๋ยวพี่จัดการให้ เสร็จแล้วนอนซะนะ พี่คุยกับคุณย่าเสร็จจะขึ้นมาอยู่เป็นเพื่อน” พรตเอ่ยอย่างอ่อนโยนก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาหอมแก้มอีกฟอดแล้วยิ้มเดินออกไป ปล่อยให้คนที่อยู่บนเตียงใจเต้นไม่เป็นจังหวะซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    นางปรานีเห็นหน้าหลานชายแล้วรู้สึกแปลกใจเหลือเกิน ตั้งแต่พรตบอกว่าจะไปหาเมธาวีที่บ้านสวนจนกลับมาคราวนี้ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดูจะเปลี่ยนไป ถึงแม้ว่ามันจะมีท่าทีที่ดีขึ้นแต่นางก็ยังมีความกังขาในหลายสิ่ง โดยเฉพาะเมื่อได้ยินเสียงฮัมเพลงมีความสุข ดังลงมาจากเจ้าหลานชายตัวดี

    “คุณย่ามีอะไรครับ” พรตนั่งลงที่เก้าอี้แล้วเอ่ยถาม เขามองหาเด็กรับใช้ที่อยู่ใกล้แล้วกวักมือเรียก

    “คุณไปอยู่เป็นเพื่อนคุณวีหน่อย คุณวีอยากเข้าห้องน้ำ อ้อ เฝ้าหน้าห้องน้ำคอยดูด้วยนะ ถ้าคุณวีทำอะไรนอกจากเข้าห้องน้ำให้รีบลงมาตามฉัน” ชายหนุ่มกำชับ

    “หนูวีจะทำอะไรนอกจากเข้าห้องน้ำ” นางปรานีถามด้วยความสงสัย

    “วันก่อนที่เริ่มเป็นไข้ก็ร้องจะอาบน้ำ ตกกลางคืนอยากเข้าห้องน้ำผมก็พาลงมา แล้วพอจะออกก็ไม่เรียกสุดท้ายก็ล้มไงครับ”

    “แล้วเป็นอะไรมากไหม” น้ำเสียงหญิงวัยกลางคนร้อนใจ

    “คืนนั้นไข้ขึ้นแล้วก็ขาพลิก หนาวสั่นเพราะพิษไข้ทั้งคืนครับ”

    “ทั้งคืนเหรอ แกรู้ได้ไง อย่าบอกนะว่าแกนั่งเฝ้านอนเฝ้าหนูวีทั้งคืน”

    “เอ่อ ก็ประมาณนั้นแหล่ะครับ” พรตรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปบ้าง จึงรีบสงบปากสงบคำแล้วย้อนถามว่า

    “คุณย่าเรียกผมมามีอะไรหรือเปล่า”

    “แกจะหย่าให้หนูวีเมื่อไร” นางปรานีถามตรงไปตรงมา พรตนิ่งไปเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า

    “ทำไมผมต้องหย่าด้วย ผมไม่เคยพูดนี่ครับว่าจะหย่า”

    ใช่ พรตไม่เคยเอ่ยปากสักคำว่าจะหย่าหรือต้องการหย่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความต้องการของเมธาวีทั้งนั้น

    “พูดแบบนี้แสดงว่ายังไงก็จะไม่หย่าใช่ไหม” หญิงวัยกลางคนถาม สีหน้านางปรานีจริงจังอย่างเห็นได้ชัด

    “ถ้าแกไม่หย่าแล้วจะทำไงต่อไป”

    “ก็ไม่ทำไงครับ ผมก็ใช้ชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆ”

    “ไอ้เรื่อยๆ ของแกน่ะ แบบไหน”

    “คุณย่าต้องการถามอะไรผมกันแน่ครับ” พรตถามตรงๆ เขาดูออกว่านางปรานีมีคำถามในใจ

    “แกจะเอาไงเรื่องหนูวี ในเมื่อไม่ยอมหย่าในขณะที่หนูวีจะหย่า แล้วมันจะอยู่กันยังไงต่อไป” นางปรานีถอนหายใจเบาๆ ด้วยความหนักใจ

    “ยังไงก็จะไม่มีการหย่าเกิดขึ้นแน่ คุณย่าสบายใจได้”

    “แล้วทำไมแกถึงไม่ยอมหย่า”

    สายตาที่มาพร้อมคำถามของนางปรานีทำให้พรตพูดไม่ออก ชายหนุ่มเฉไฉมองไปทางอื่นแทนไม่ยอมสบตา นางปรานีรู้ดีว่าท่าทางเช่นนี้หลานชายคงมีอะไรในใจเช่นกัน

    “ถ้าแกกลัวจะเสียหน้าเสียฟอร์ม หรือกลัวว่าคนอื่นจะหาว่าเป็นพ่อม่ายเมียหย่า ก็ไม่ต้องห่วงเพราะการหย่าของแกกับหนูวีจะไม่มีใครรู้แน่”

    “ผมไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเลยครับ” พรตบอกตามตรง

    “ผมแค่อยากช่วยให้งานของวีเสร็จเรียบร้อยก่อน”

    “แล้วค่อยหย่างั้นซิ” นางปรานีย้อน

    “ผมไม่ได้คิดเรื่องหย่า” พรตยืนยันคำเดิม

    “เจ้าพรต แกคิดยังไงกับหนูวี ย่าอยากจะขอให้แกยอมหย่าดีๆ เถอะ ถ้าแกไม่ได้รักไม่ได้ชอบ ไม่ได้รู้สึกอะไรกับหนูวีเลยสักนิดเดียว การอยากเอาชนะไม่ช่วยให้ทุกสิ่งดีขึ้นนะลูก”

    “ผมไม่ได้อยากเอาชนะ ผมแค่อยากช่วยเท่านั้น”

    “ช่วยอะไรของแก” นางปรานีสงสัย

    “เรื่องสร้างโรงเรียน เรื่องโฉนด มีอีกตั้งหลายเรื่องที่ช่วยได้”

    “ไอ้เรื่องที่แกพูดมา โชคก็ทำได้ ใครก็ทำได้ไม่จำเป็นต้องเป็นแกคนเดียวเท่านั้น”

    “แล้วเรื่องนายนิพนธ์ล่ะครับ คุณย่าจะให้นายโชคจัดการด้วยหรือเปล่า

    “เรื่องนิพนธ์ หนูวีจะจัดการเอง ยังไงก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน อีกอย่างตอนนี้นิพนธ์คงจะสนใจเรื่องผลประโยชน์ที่หนูวีจะเสนอมากกว่าที่คิดอย่างอื่น”

    “ทำไมคุณย่าคิดแบบนั้นครับ ในเมื่อคุณย่าเป็นคนพาวีมาแต่งงานกับผม ก็เพื่อป้องกันวีจากนายนิพนธ์ นี่แค่ปีเดียว คุณย่ามั่นใจได้ไงว่าหมอนั่นจะไม่คิดอะไร”

    “เพราะฉันเชื่อว่าหนูวีดูแลตัวเองได้โดยไม่มีแก แล้วแกเองก็ไม่พร้อมที่จะดูแลปกป้องใคร”

    “คุณย่า” พรตร้องเสียงดัง

    “สิ่งที่ผมทำไม่เรียกว่าดูแลปกป้องเหรอครับ คุณย่าจะให้วีไปเสียท่าไอ้หมอนั่น เพียงเพราะพูดว่าดูแลตัวเองได้ คุณย่าไม่เห็นสายตาท่าทางมัน” ยิ่งพูดพรตก็ยิ่งอยากจะจัดการนิพนธ์เหลือเกิน

    “แล้วยังไง มันต่างกับการมีแกเป็นสามีตามกฎหมายยังไง” หญิงวัยกลางคนย้อน

    “อย่างน้อยผมก็ปกป้องดูแลในฐานะสามี ไม่ให้หมอนั่นมาฉวยโอกาสกับวีได้”

    “เจ้าพรต ถ้าแกจะทำจริงๆ แกคงทำไปตั้งแต่เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาทำวันนี้หรอก แต่จะว่าไปเพราะแกไม่ทำอย่างที่ย่าหวัง มันก็เป็นเหตุผลให้หนูวีกล้าและตัดสินใจที่จะเผชิญทุกสิ่งด้วยตัวเองได้”

    “ผมยืนยันคำเดิมว่าไม่หย่า และต่อไปนี้เรื่องของวีทุกเรื่องผมจะจัดการเอง” พรตเอ่ยเสียงดังฟังชัด

    “เจ้าพรต แกพูดอะไรรู้ตัวหรือเปล่า” นางปรานีสบตาหลานชายด้วยความแปลกใจอีกครา

    “ผมพูดในฐานะสิทธิ์ความเป็นสามีของวี เรื่องของภรรยาผมทุกเรื่อง ผมจัดการเองคุณย่าไม่ต้องให้ใครมาทำแทน”

    “แกจะถือสิทธิ์ในการแต่งงานทำอะไรตามอำเภอใจไม่ได้นะ ย่าไม่ยอม”

    “วีเป็นภรรยาผม และผมเป็นสามีมีหน้าที่ต้องดูแลปกป้องช่วยเหลือภรรยาตัวเอง” พรตเอ่ยเสียงดังฟังชัด

    “แกพูดแบบนี้เพราะหวงก้างใช่ไหม เจ้าพรต แล้วหนูวีเป็นเมียแกตั้งแต่เมื่อไร แกทำอะไรน้อง” นางปรานีตกใจกับคำพูดหลานชาย

    “ผมไม่ได้ทำอะไรอย่างที่คุณย่าคิด หรือถ้ามันจะเป็นก็ไม่แปลกเพราะเราสองคนแต่งงานจดทะเบียนกันแล้ว” ชายหนุ่มพูดหน้าตาย

    “ไอ้พรต นี่แกทำบ้าอะไรของแก” นางปรานีโมโหเมื่อได้ยินคำของหลาน

    “คุณย่าใจเย็นๆ ก่อน หนูวีของคุณย่าเคยเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ผมไม่เคยทำอะไรหนูวีของคุณย่าเลยสักนิด” พรตรีบบอก แม้ว่าในใจจะรู้เต็มอกว่าทำอะไรกับหนูวีของคุณย่าไปบ้าง

    “ถ้าไม่รักไม่ชอบจริง อย่าทำอะไรหนูวี ย่าขอร้อง” หญิงวัยกลางคนสงบลงเล็กน้อยพร้อมเอ่ยว่า

    “แค่เห็นแกดูแลหนูวีอย่างนี้ ย่าก็ดีใจว่าอย่างน้อยแกยังรู้จักดูแลน้อง แต่การจะข้ามขั้นไปทำแบบนั้นโดยไม่รักไม่ชอบ แล้วสุดท้ายก็ลงเอยด้วยการหย่า ย่าไม่อยากให้มันเกิดขึ้น แกเข้าใจใช่ไหม เจ้าพรต”

    “คุณย่าไม่ต้องห่วง คนอย่างพรตถ้าจะทำอะไรใคร ต้องเกิดจากความเต็มใจเท่านั้นครับ” พรตพูดพร้อมสบตาอย่างแน่วแน่

    “ก็ดี ย่าจะถือว่านี่เป็นคำสัญญา ในเมื่อแกยืนยันว่าจะไม่หย่า ย่าก็ขอร้องให้แกช่วยดูแลหนูวีให้ดีมีความสุขและปลอดภัย อย่าให้หนูวีต้องเสียใจกับการกระทำที่ผ่านๆ มาของแก”

    “ผมทำอะไรครับคุณย่า” พรตถามด้วยท่าทีงุนงงเล็กน้อย

    “ก็ไอ้ที่แกไม่กลับบ้านเกือบปี ไปเริงร่าอยู่กับผู้หญิงอื่น อย่าคิดว่าคนที่บ้านจะไม่รู้นะ ย่ากับหนูวีรู้ทุกอย่างแต่ไม่พูดเท่านั้น”

    “คุณย่าครับ มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณย่าคิด แล้วไอ้การที่ผมไม่กลับบ้านก็เพื่อให้งานเสร็จตามกำหนด นี่ดีนะครับที่เสร็จเรียบร้อยก่อนโรคระบาดจะมา”

    “อย่าเอาเรื่องงานมาอ้าง มันไม่เกี่ยวกันสักหน่อย บริษัทกับบ้านอยู่ห่างกันแค่นี้ ที่แกไม่กลับบ้านเพราะหนูวีอยู่ที่นี่ ส่วนแก...” นางปรานีถอนหายใจดังๆ ก่อนจะเอ่ยต่อว่า

    “มีแม่ลินดาอะไรนั่นประกบตลอดไม่ใช่หรือไง”

    “คุณย่า ผมกับลินดาไม่ได้เป็นอย่างที่คุณย่าคิด นี่หนูวีของคุณย่าก็คิดเรื่องนี้เหมือนกันเหรอครับ” มิน่าเล่า พรตเข้าใจแล้ว เมธาวีถึงได้ทำเย็นชากับเขานัก ที่แท้ก็เรื่องข่าวลือนี้เอง

    “ย่าคิดแต่หนูวีไม่รู้ เอาจริงๆ นะเจ้าพรต เป็นใครก็ต้องคิด แต่งงานมาเป็นปีสามีไม่เคยกลับบ้านเลยสักวัน เป็นแกจะรู้สึกอย่างไร”

    พรตนิ่งไปเล็กน้อย สิ่งที่นางปรานีพูดก็ถูก ที่ผ่านมาเขาทำตัวเช่นนั้นจริง แทบไม่เคยกลับบ้านนอกจากงานสำคัญที่เลี่ยงไม่ได้

    “ผมไม่ได้มีคนอื่น ไม่กลับบ้านเพราะทำงานจริงๆ” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างหนักแน่น

    “ฉันเชื่อแกก็ได้ แล้วหนูวีจะเชื่ออย่างที่ฉันเชื่อไหม” นางปรานีย้อน

    “เอาไว้ค่อยคุยทีหลังก็ได้ครับ ที่ผมไม่กลับบ้านเพราะเรื่องงานจริงๆ อีกอย่างคุณย่าก็ต้องเข้าใจ ผมกับวีแต่งงานกันตามคำสั่งคุณย่า เราแทบไม่รู้จักกันเลยถึงจะเคยเห็นกันบ้างตอนเด็กๆ ต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเอง แล้ววันหนึ่งต้องมาแต่งงาน ผมแค่รู้สึกอยากมีคอมฟอร์ทโซนของตัวเองบ้าง และการที่ผมทำแบบนั้นวีก็น่าจะรู้สึกดี ไม่ใช่เหรอครับ”

    มันก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร พรตรู้แค่ว่าตอนนั้นไม่อยากกลับบ้าน ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าต้องวางหน้า ทำท่าทางอย่างไรยามต้องอยู่ใกล้ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาตามกฎหมาย ที่สำคัญคิดว่ามันคงอึดอัดหากต้องใช้ชีวิตในห้องนอนเดียวกัน

    “แล้วตอนนี้ไอ้คอมฟอร์ทโซนของแกไปไหน ทำไมเดี๋ยวนี้เข้าหาหนูวีแบบนี้” สายตาหญิงวัยกลางคนที่จ้องมองทำให้พรตต้องหลบตา

    “แกคงไม่ได้คิดจะทำอะไรใช่ไหม”

    “ผมบอกคุณย่าแล้วไงครับว่า คนอย่างผมจะไม่ทำอะไรใครโดยไม่เต็มใจ หนูวีของคุณย่าหวงตัวจะตาย ที่ผมเข้าหาได้ก็เพราะไม่สบายต่างหาก” พรตพูดความจริง

    “งั้นก็ดีแล้ว ย่าหวังว่าแกจะทำตามที่พูด หนูวีไม่ใช่ของเล่น แต่เป็นนางแก้วที่ย่าเลือกให้แก เมื่อแกไม่ต้องการย่าก็ขอคืนแต่อย่าทำให้นางแก้วของย่าต้องเสียใจหรือมีรอยมลทิน เข้าใจไหม” น้ำคำคุณย่าหนักแน่นทุกคำ พรตพยักหน้ารับแต่โดยดี

    “ผมมีเรื่องอยากขอให้คุณย่าช่วยหน่อย” พรตนึกอะไรขึ้นมาได้จึงรีบบอก

    “เรื่องอะไร”

    พรตเล่าสิ่งที่ตัวเองคิดให้นางปรานีฟังโดยละเอียด ทั้งเรื่องการจัดการที่ดินโรงเรียน รวมถึงที่ดินผืนอื่นที่เมธาวียังจัดการไม่เรียบร้อย

    “ได้ ย่าจะให้เจ้าโชครีบดำเนินการทันที” นางปรานีรับปาก

    “ขอบคุณมากครับคุณย่า” พรตพนมมือไหว้แล้วทำท่าจะลุกขึ้นห้องไป

    “พรต” หญิงวัยกลางคนร้องเรียก

    “ครับคุณย่า” ชายหนุ่มหันหน้ามาหา

    “ถ้าไม่คิดจะหย่า ทำไมไม่เปิดใจดูหนูวีจริงจังล่ะ” นางปรานีลุกขึ้นเดินมาหาหลานชาย เอื้อมมือมาแตะที่บ่าเบาๆ

    “หนูวีมีความสำคัญกับใจพรตบ้างหรือยัง”

    “คุณย่า” พรตอึ้งเล็กน้อย

    “ถ้าพรตรู้ใจตัวเองก็อย่าอายที่จะยอมรับ ย่ายังเชื่อและมั่นใจเสมอว่าหนูวีจะทำให้ชีวิตพรตมีความสุขที่สุด”

    ช่วงเวลาแค่ไม่กี่วันที่ใช้ชีวิตกับเมธาวี พรตรู้สึกสงบ สบายใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่การได้ใกล้ชิดได้ดูแลและทำโน่นทำนี่ให้นั้น พรตทำด้วยความเต็มใจอย่างที่สุด แน่นอนว่ารู้สึกมีความสุขกับการทำสิ่งนั้นให้อย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อนเลย

    หลังจากที่คุยกับนางปรานีเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็ขับรถออกไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ แล้วกลับมาทำซุปร้อนๆ โดยไม่ยอมให้ใครช่วย แต่สั่งให้ขึ้นไปอยู่ดูแลเมธาวีบนห้องแทน

    “เป็นไงบ้าง” ชายหนุ่มถามคำแรกเมื่อสาวใช้ประคองเมธาวีออกมาจากห้องน้ำ

    “รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม ขายังเจ็บอยู่อีกหรือว่าดีขึ้น” พรตสำรวจสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้า พร้อมทั้งเอามืออังศีรษะด้วยความใส่ใจ

    “ดีขึ้นแล้วค่ะ ไม่กี่วันก็คงหาย” เมธาวีเอ่ยเสียงใส

    “งั้นกินข้าว กินยา นี่สระผมด้วยเหรอ” พรตเพิ่งเห็นว่าเส้นผมเธอเปียกชื้น

    “ไม่ได้สระมาสองวันแล้วค่ะ แต่ว่ามีไดร์เป่านะคะไม่ต้องห่วง” หญิงสาวชี้ไปที่ไดร์เป่าผมที่วางอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง

    “มา พี่ทำให้” ว่าแล้วพรตก็ประคองเมธาวีนั่งลง สาวใช้รู้หน้าที่ปลีกตัวออกไปปล่อยให้ทั้งคู่อยู่กันลำพัง

    “ฉันทำเองได้ค่ะ” เมธาวีเอ่ยด้วยความเกรงใจ เมื่อเห็นว่าพรตกำลังเก้กังกับการใช้ไดร์เป่าผมให้

    “ไม่เป็นไร พี่ทำให้” พรตพยายามจะกดสวิชต์ไดร์เป่าผม แต่ความที่ไม่เคยใช้ทำให้กดร้อนที่สุด

    “อุ๊ย” หญิงสาวร้อนวาบที่ศีรษะ พรตรีบปิดแล้ววางลงทันที

    “พี่ทำให้เจ็บหรือเปล่า” น้ำเสียงชายหนุ่มรู้สึกผิดอย่างเห็นได้ชัด

    “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทำเองดีกว่า คุณพรตไปนั่งรอเถอะ” เมธาวีพูดด้วยความเกรงใจ แต่พรตไม่ยอมไปไหนคว้าหวีมาถือไว้แทน

    “พี่หวีผมให้นะ” ว่าแล้วเขาก็ค่อยๆ หวีผมอย่างเบามือที่สุด เมธาวีปล่อยให้พรตทำไปเพราะรู้ดีว่าไล่ไม่ได้

    ความเอาใจใส่อย่างอ่อนโยนของเขา ท่าทีที่สนใจเธอตลอดเวลา รอยยิ้มบนใบหน้าที่ปรากฏแทนความเฉยชาเหมือนทุกครั้ง ทำให้เมธาวีทั้งแปลกใจและสงสัยว่า พรตทำเช่นนี้กับตนทำไม

    “มีอะไรหรือเปล่าคะ หรือพี่ว่าพี่หวีแรงไป” พรตถามเพราะเห็นสีหน้าของเมธาวี

    “เปล่าค่ะ ว่าแต่คุณย่าเรียกไปมีอะไรคะ” หญิงสาวส่ายหน้าแล้วถามเรื่องที่อยากรู้

    “คุณย่าเรียกพี่ไปสั่งกำชับค่ะ” ชายหนุ่มยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า

    “คุณย่าสั่งว่าห้ามทำวีเสียใจอีก สั่งให้พี่ดูแลวีให้มีความสุขปลอดภัยที่สุด พี่รับปากคุณย่าแล้วว่าจะทำตามนั้น”

    “ที่จริงคุณพรตไม่ต้อง...” เมธาวียังพูดไม่ทันจบ พรตก็เอานิ้วชี้มาปิดปากไว้แล้วเอ่ยว่า

    “จะบอกให้พี่หย่าใช่ไหม” เขาสบตาคู่สวยนั้นแล้วกล่าวต่อว่า

    “พี่บอกคุณย่าแล้วว่าจะไม่มีการหย่าเกิดขึ้น พี่จะคอยปกป้องดูแลทำให้วีมีความสุข”

    “คุณพรตทำแบบนี้ทำไมคะ เมื่อก่อนเราไม่เคยเป็นแบบนี้” เมธาวีตัดสินใจถามตรงๆ

    “เมื่อก่อนก็คือเมื่อก่อน ตอนนี้ก็คือตอนนี้ พี่ทำเพราะอยากทำ ไม่อยากเห็นใครถูกเอาเปรียบถูกรังแก เอาล่ะ เลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่า กินข้าวแล้วกินยานอนซะ พรุ่งนี้ครูป้อมจะมาหาเราแต่เช้า” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่อง

    “ครูป้อมมาทำไมคะ” เมธาวีถามด้วยความสงสัย

    “พี่คุยกับคุณย่าเรื่องที่ดินของนายนิพนธ์ คุณย่าเลยอยากพบครูป้อมเพื่อถามอะไรเพิ่มหน่อย เรื่องโฉนดที่ดินก็เหมือนกัน คุณย่าสั่งโชคและทีมกฎหมายของบริษัทจัดการเรื่องนี้ด่วนที่สุด”

    “ความจริงไม่ต้องให้ครูป้อมมาหรอกค่ะ เกรงใจ อีกสองสามวันฉันก็หายแล้ว ค่อยกลับไปจัดการก็ได้” หญิงสาวเอ่ยด้วยความเกรงใจ

    “เราจะกลับไปจัดการเรื่องนี้ด้วยกันแน่ แต่ว่าตอนนี้ต้องให้วีแข็งแรงก่อน กินข้าวเถอะ” พรตเลื่อนถาดอาหารที่วางไว้มาตรงหน้าเมธาวี

    ซุปร้อนๆ กลิ่นหอมคือฝีมือของพรตที่ตั้งใจทำ เขาตักข้าวเตรียมป้อนแต่คนป่วยส่ายหน้าแล้วบอกว่าจะกินเอง

    “ฉันทำเองค่ะ” เมธาวีว่าแล้วหยิบช้อนไปถือไว้แทน

    “ไม่พูดคำว่าฉันได้ไหม พี่อยากได้ยินคำว่าวีแทนตัวเอง” พรตเอ่ย

    เมธาวีนิ่งไม่ตอบโต้อะไร ตักข้าวเข้าปากเงียบๆ พรตรู้ว่านี่คือปฏิกิริยาเฉยชาของหญิงสาว ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่รู้สึกอะไร แต่ตอนนี้พรตอยากได้ความใกล้ชิดมากกว่าความห่างเหิน

    “เมื่อกี้พี่ขับรถออกไปซุปเปอร์ใกล้บ้าน ซื้อของมาทำซุปนี้ให้ พรุ่งนี้มีอีกหลายเมนูนะ วีจะได้มีแรงหายเร็วๆ” ชายหนุ่มชวนคุย

    “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวเอ่ยสั้นๆ แล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ พรตแอบถอนหายใจเบาๆ รู้ว่าสิ่งที่ต้องการคงต้องใช้เวลา คุณย่าพูดถูกที่ผ่านมาเป็นเพราะเขาเองที่ทำให้มันเป็นแบบนี้

    “คุณพรตไม่กินข้าวเหรอคะ” เมธาวีเห็นเขาเอาแต่นั่งมอง

    “พี่ไม่ค่อยหิว วีกินเถอะ กินเยอะๆ จะได้มีแรง อ้อ เดี๋ยวพี่ไปหยิบมะละกอมาให้ดีกว่า พี่ซื้อผลไม้มาด้วย” พรตนึกขึ้นได้ว่ามีผลไม้ที่ปลอกไว้ในตู้เย็นอีก ความจริงแล้วเขาแค่อยากจะออกไปพักใจ ให้เวลากับอารมณ์ที่หม่นลงเพราะผิดหวังจากความเย็นชาของเมธาวีต่างหาก

    ไม่เป็นไร พรตปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นไร นี่เป็นสิ่งที่สมควรได้รับแล้ว กับสิ่งที่ทำกับเมธาวีตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา แต่ว่าสักวัน...ความเย็นชานี้จะหมดไปและเปลี่ยนเป็นความสดใสเข้ามาแทนที่

    “ไม่ต้องก็ได้ค่ะคุณพรต วีกินแค่นี้ก็อิ่มแล้ว คุณพรตกินข้าวดีกว่า เสียเวลาดูแลวีตั้งเยอะแล้ว”

    พรตรู้สึกเหมือนตัวเองมีแรงขึ้นมาอีกครั้ง รู้สึกหิวข้าวขึ้นมาทันที จนต้องลงมานั่งตรงข้ามกับเมธาวีแล้วขอร่วมกินข้าวด้วย หญิงสาวพยักหน้าแล้วชวนเขากินข้าวด้วยรอยยิ้ม เป็นข้าวมื้อที่กินแล้วรู้สึกดีที่สุดสำหรับพรตเหลือเกิน

     

    Thumbnail Seller Link
    เจ้าสาวร่ายรัก
    ยิปซี
    www.mebmarket.com
    “เพราะวีรู้ว่าคนอย่างคุณพรตพูดคำไหนคำนั้น วีเชื่อในความบริสุทธิ์ใจ แต่วีก็จะรอดูว่าคุณพรตทำได้อย่างที่พูดไหม” “ทำไมเชื่อง่าย ไม่งอ...
    Get it now
    Thumbnail Seller Link
    แรงรักเพลิงเสน่หา
    อิ่มอุ่น
    www.mebmarket.com
    เธอเข้ามาด้วยเงื่อนงำที่น่าสงสัย เขาจึงต้องใช้ไฟเสน่หาค้นความจริง ทว่าสุดท้ายไม่ว่าจะแรงรักหรือเพลิงเสน่หา ก็ไม่อาจต้านหัวใจรักของเขาและเธอได้&ldq...
    Get it now
    Thumbnail Seller Link
    แรงรักเพลิงเสน่หา
    อิ่มอุ่น
    www.mebmarket.com
    เธอเข้ามาด้วยเงื่อนงำที่น่าสงสัย เขาจึงต้องใช้ไฟเสน่หาค้นความจริง ทว่าสุดท้ายไม่ว่าจะแรงรักหรือเพลิงเสน่หา ก็ไม่อาจต้านหัวใจรักของเขาและเธอได้&ldq...
    Get it now
    Thumbnail Seller Link
    จำนนรักจอมมาร
    อิ่มอุ่น
    www.mebmarket.com
    “ถ้าขืนพูดคำว่าจะหย่า ผมจะจูบแบบเมื่อคืนนะ รู้ไหม เอ๊ะ หรือว่าต้องทำให้ดูก่อนว่าเป็นไง” โมกข์กระซิบข้างๆ หูแล้วหัวเราะเบาๆ  ลมหายใจอุ่นๆ ร...
    Get it now
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×