คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 6
ศิวนาถกำลังจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ เมื่อแม่เจ้าประคุณใช้สองมือโอบกอดความเป็นชายของเขาไว้เต็มมือ ชมพูนุชใช้สองมือของตนห่อหุ้มมันไว้แล้วค่อยๆ ลูบไล้เบาๆ อย่างช้าๆ ส่งสายตายั่วยวนให้ชายหนุ่มอย่างร้อนแรง
“ทำบ้าอะไร” เขาเอ่ยอย่างอดกลั้น
ไม่เคยมีใครทำให้ร่างกายของศิวนาถร้อนเท่านี้มาก่อน ไม่เคยมีผู้หญิงหน้าไหนยั่วยวนเขาให้ตื่นตัวแล้วมีแรงปรารถนาได้มากเท่านี้มาก่อน ชมพูนุชเสกคาถาบทไหนถึงทำให้ความต้องการในร่างกาย มันมากขึ้นจนเกินที่จะดับลงได้อีกต่อไปแล้ว
“คุณเล็กขา” นางยั่วของศิวนาถร้องหาเขาเสียงหวาน
ศิวนาถไม่รอให้เจ้าหล่อนร้องขออีกต่อไป ทุกอย่างที่จะดำเนินจากนี้ไม่อาจหยุดลงได้ หากเพลิงเสน่หาไม่ถูกดับด้วยแรงปรารถนาที่ลุกโชนในหัวใจ
ร่างเล็กถูกพลิกให้ลงมานอนราบ ศิวนาถโถมทับตามด้วยไฟเสน่หาที่ลุกโชนในหัวใจตนเอง สองขาแกร่งแยกเรียวขางามออกห่าง ให้ตัวตนที่เริ่มตื่นตัวสัมผัสดอกไม้งามกลางกายช้าๆ เจ้าหล่อนกรีดร้องบิดส่ายไปมาอย่างบ้าคลั่ง ผวาเข้ากอดร้องวิงวอนขอราวกับจะขาดใจตาย
ศิวนาถโถมตัวเองลงมาที่ร่างเล็กตามแรงปรารถนา เลือดในกายพลุ่งพล่านเสียยิ่งกว่าครั้งไหน ยิ่งคนใต้ร่างพร้อมที่จะทะยานสู่วิมานฉิมพลีด้วยกันขนาดนี้แล้ว เขาก็คงไม่ต้องรออะไรอีก ที่สำคัญชมพูนุชคงเชี่ยวชาญเรื่องเหล่านี้พอตัว ไม่ต้องสอนหรือเสียเวลาอะไรกันมาก
สองมือที่ชมพูนุชเคยเชื้อเชิญให้ครอบครองเต้างามกลับมาอีกครั้ง และคราวนี้ศิวนาถไม่ทำให้ผิดหวัง เมื่อเขาใช้น้ำหนักแห่งความปรารถนาดิบในตัวทุ่มเทลงไปที่เต้าอิ่มอย่างเต็มที่
เจ้าของอกสวยกรีดร้อง เมื่อน้ำหนักมือที่บีบเคล้นสร้างความซาบซ่านในความรู้สึก และบิดส่ายไปมาอีกครั้งเมื่อริมฝีปากร้อนนั้นครอบครองที่ยอดงามสมความปรารถนา ปลายลิ้นตวัดไล้เลียยอดอิ่มด้วยความว่องไว ไรฟันขบเม้มที่ยอดงามแรงสลับเบา หรือบางครั้งก็ดูดกลืนราวกับเด็กทารก
ชมพูนุชไม่เคยรู้สึกเบาสบายเช่นนี้มาก่อน ปลายลิ้นร้อนที่กำลังตวัดไล้เลียยอดสีหวานกลางอกทำให้เธอแสนมีความสุข ยิ่งเขาขบเม้มและใช้ไรฟันขบแรงมากเท่าไร ถึงผิวจะมีรอยแดงเป็นจ้ำเพราะน้ำหนักที่รุนแรง แต่มันกลับยิ่งทำให้ความปรารถนาภายในนั้นเอ่อล้นออกมา
ชายหนุ่มเลื่อนฝ่ามือข้างหนึ่งลงมาที่กึ่งกลางกายสาว ใช้ปลายนิ้วบดบี้ยอดเกสรที่หลบซ่อนอย่างคนรู้งาน เวลานี้ชมพูนุชไม่รู้จะเรียกความรู้สึกที่เกิดขึ้นของตนว่าอย่างไรดี เพราะยิ่งศิวนาถรุกไล่ทุกพื้นที่ในร่างกายเธอมากเท่าไร
ความพร้อม ความต้องการ ความปรารถนามันก็ยิ่งเอ่อล้นออกมาจนไม่อาจอธิบายเป็นคำพูด ปลายนิ้วที่บดบี้และไล่วนอยู่ที่ปากถ้ำเสมือนเส้นชัยที่ชมพูนุชอยากจะวิ่งให้ถึงใจจะขาด
การแสดงออกที่ชัดเจนและไม่ขัดขืน ไม่ว่าเขาจะแตะสัมผัสส่วนใดเจ้าหล่อนก็ยินดีและสามารถตอบสนองโดยง่าย มันทำให้ศิวนาถไม่ต้องคิดหรือระวังสิ่งใดมาก การไต่ภูเขาคงยากกว่าการจะทำให้ชมพูนุชปลดปล่อยความต้องการที่เกิดจากฤทธิ์ยาในเวลานี้
เขารั้งเรียวขางามไว้ข้างตัวเพื่อเปิดทางสู่วิมานฉิมพลี ดวงตาคู่สวยรอคอยอย่างมีความหวัง สัมผัสที่ปากถ้ำจากตัวตนของศิวนาถทำให้ชมพูนุชส่งเสียงครางเบาๆ อย่างซาบซ่าน และไม่ช้าความเป็นหนึ่งของทั้งคู่ก็บังเกิดขึ้น
ชมพูนุชกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด รู้สึกร้าวรานไปทั่วทั้งร่างราวกับจะแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ดวงตาคู่สวยมีน้ำคลอเต็มสองเบ้า บ่งบอกว่าความรู้สึกนั้นไม่ได้โกหก ศิวนาถรู้สึกเหมือนโลกทั้งโลกถล่มลงมาตรงหน้าในพริบตา
นี่เขาประเมินอะไรผิดไป ทำไมถึงเกิดเรื่องนี้ขึ้นได้…
จากที่จะเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตให้รอดเงื้อมมือคนชั่ว กลับกลายเป็นว่าศิวนาถต่างหากที่เป็นผู้ทำลายทุกสิ่ง
ชมพูนุชสะอาดบริสุทธิ์ราวกับผ้าขาว สัมผัสที่เขารับรู้ได้คือความจริงที่ไม่ต้องให้ใครบอก น้ำตาที่ไหลซึมหางตาไม่ใช่น้ำตาแห่งการโกหก แต่คือสิ่งที่ย้ำเตือนว่าเรื่องที่เกิดคือความจริงแน่แท้
แม้ทุกอย่างจะหยุดชะงักไปชั่วขณะ แต่เวลานี้อารมณ์และปรารถนาที่มากเกินกว่าจะหยุดยั้ง หรือหันหลังเดินกลับเป็นตัวนำหน้า ความคิดที่จะโรมรันเปลี่ยนไปเป็นค่อยๆ จับมือกันเดิน
แรงขยับในแต่ละจังหวะทำให้ชมพูนุชสะท้านไปทั่วทั้งร่าง หัวใจเธอรู้สึกเหมือนถูกปลดปล่อย ยิ่งศิวนาถถาโถมลงมารุนแรงในจังหวะที่คุ้นเคยกันแล้วมากเท่าไร ความซาบซ่านอย่างที่สุดในอารมณ์ก็ยิ่งมากขึ้น
ความสุขที่เกิดจากมายาครั้งแรกของชมพูนุช ดำเนินถึงจุดหมายปลายทางตามที่ต้องการได้อย่างสวยงาม ศิวนาถรั้งรอและผ่อนคลายให้เธอคลายความเจ็บปวดลงสักพัก
แรงปรารถนาที่ตกค้างในกายสาว เรียกร้องให้มีครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างปฏิเสธไม่ได้ มันยิ่งตอกย้ำ ผูกมัดและกลายเป็นเงื่อนตายที่ไม่มีวันแก้ให้หลุด
ศิวนาถคงลืมไปแล้วกระมังว่า ผู้หญิงที่เขากำลังฟอนเฟ้นอย่างอิ่มเอมและมีความสุข คือนางมารยาหลายร้อยเล่มเกวียนที่เคยว่าไว้ คือผู้หญิงใจร้ายที่ทำลายจิตใจของเพื่อนรัก คือผู้หญิงหน้าเงินที่หลอกครอบครัวประวันวิทย์ให้เสียเงินถึงสิบล้าน
ท่าทีออดอ้อนเอาใจและโอนอ่อนผ่อนตามที่แสนน่าเอ็นดูของชมพูนุช คือสิ่งดึงดูดใจให้ศิวนาถลืมทุกสิ่ง เธอปรารถนาและต้องการอีกเท่าไร เขาก็พร้อมที่จะมอบให้ด้วยความเต็มใจอย่างที่สุด คนหนึ่งสุขที่ได้ปลดปล่อย คนหนึ่งสุขที่ได้เชยชมและหลงไปกับมันอย่างกู่ไม่กลับ ชมพูนุชปรารถนาหรือศิวนาถแค่ต้องการกันแน่...
ชมพูนุชรู้สึกว่าโลกทั้งโลกเปลี่ยนไปเพียงแค่ชั่วข้ามคืน และอยากให้สิ่งที่เพิ่งผ่านมาเมื่อครู่ เป็นแค่ความฝันที่ตื่นขึ้นมาแล้วใจหาย หรือร่ำไห้กับฝันร้ายที่มันไม่ได้เกิดขึ้น
หากแต่สิ่งที่เห็นและสัมผัสหรือรู้สึกได้ในเวลานี้ คือรอยย้ำชัดว่ามันไม่ใช่ความฝัน ไม่ใช่ฝันร้ายที่ทำให้ตื่นมาแล้วรู้สึกอยากร้องไห้ แต่มันคือความจริง ความจริงที่ไม่มีวันลบเลือนและจะยังคงติดตราตรึงใจไปตลอดชีวิต
เธอกลับออกมาจากโรงแรมม่านรูดแห่งนั้นตอนเกือบใกล้สว่าง เพียงแค่เห็นร่างเปลือยเปล่าของตน อยู่ในอ้อมอกของศิวนาถที่มีสภาพไม่ต่างกันนั้น
ความคิดแรกที่ชมพูนุชคิดออกก็คือ พาตัวเองออกมาจากที่นั้นให้เร็วที่สุด โดยไม่ต้องปลุกคนที่นอนกกกอดกันมาร่วมค่อนคืน ลุกขึ้นมาถามหาเหตุผลหรือโวยวายเพื่อให้รู้สึกอับอายมากไปกว่านี้
โลกทั้งโลกที่เปลี่ยนไป ทิ้งร่องรอยแห่งความทรงจำไว้บนเรือนร่างแทบทุกพื้นที่ ชมพูนุชไม่โทษใครนอกจากโทษว่าเป็นความโชคร้ายของตัวเอง ทีประสบพบเจอกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน แก้วน้ำแก้วสุดท้ายนั้นคงมีบางสิ่ง ที่เป็นต้นเหตุแห่งความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่มาสู่ชีวิต
ชมพูนุชเก็บตัวอยู่ในห้อง ไม่อยากพบใครหรืออยากออกไปไหน เสียงนาฬิกาปลุกประจำวันบอกให้รู้ว่าได้เวลาที่เธอต้องจัดการตัวเอง เพื่อไปทำงานตามเหมือนเช่นเคย
ร่างเล็กค่อยๆ ยันตัวเองลุกขึ้นเดินไปที่ห้องน้ำ หยดน้ำตายังคงหลั่งรินรดแก้วสาวไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ไร้เสียงสะอื้นร้องขอความเห็นใจจากผู้ใดทั้งสิ้น มีแค่หยาดน้ำตาแห่งความชอกช้ำที่เข้าใจหัวอกของเธอในเวลานี้
ยิ่งปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจนหมด ยิ่งเห็นรอยแดงที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์พิศวาสเร่าร้อนเมื่อคืนนี้แล้ว ชมพูนุชก็ยิ่งสะอื้นร่ำไห้จนตัวโยน เปิดสายน้ำจากฝักบัวรดเรือนร่าง แล้วถูลงบนเนื้อสาวเพื่อหวังชำระล้างมลทินในหัวใจ
ทว่า ยิ่งพยายามเท่าไรมันก็แค่ลบล้างร่างกายภายนอก แต่ไม่อาจลบล้างความปวดร้าวในหัวใจได้เลยแม้แต่น้อย
ร่างเล็กทรุดตัวลงที่พื้นห้องปล่อยให้สายน้ำสาดลงบนเนื้อตัวอย่างไม่ไยดี ชมพูนุชสะอื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับจะขาดใจ วินาทีนี้ขอปลดปล่อยความเสียใจที่เต็มอยู่ในอกให้ออกไปกับสายน้ำทีเถอะ
ชีวิตที่ต้องเดินต่อของชมพูนุชมีครอบครัวเป็นเดิมพัน แม้ว่าวันนี้หัวใจจะหมดแรงแค่ไหนแต่สุดท้ายเธอก็ต้องยืนหยัดลุกขึ้นต่อสู้ เพียงแต่เส้นทางและเป้าหมายที่จะก้าวเดินต่อไปจากนี้นั้น จะต้องไม่ทำให้พัวพันเกี่ยวรั้งหรือเป็นปมใดๆ กับชีวิตนี้อีก
ชมพูนุชแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่มิดชิดกว่าทุกวัน ตั้งใจจะปกปิดร่องรอยบางจุดที่อาจจะเป็นที่สังเกตแก่ผู้พบเห็น นั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งบรรจงทาแป้งและแต้มเครื่องสำอางให้มีสีสันเล็กน้อย
แม้จะมีสีสันของเครื่องสำอางราคาแพงก็ตามที แต่ใบหน้าหวานก็ยังคงซีดเซียวและมีร่องรอยแห่งความบอบช้ำปรากฏอยู่ในดวงตาคู่นั้นตลอดเวลา
ชโยดมดูจะอารมณ์ดีกว่าเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัดเมื่อโต๊ะทำงานหน้าห้อง มีเลขาคนเดิมกลับมานั่งทำงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชมพูนุชมาถึงที่บริษัทในตอนสายเมื่อมาถึงเห็นญาดาอยู่ที่โต๊ะจึงทักทายด้วยความดีใจ
“สวัสดีค่ะ คุณญาดา”
ชมพูนุชดีใจเหลือเกินที่เห็นญาดากลับมาทำงานอีกครั้ง แสดงว่าเมื่อวานนี้ชโยดมคงจะทำความเข้าใจกับหญิงสาวแล้ว
“สวัสดีค่ะ คุณชมพูนุช” ญาดาฝืนยิ้มทักทายกลับ แม้ใบหน้าจะมีรอยยิ้มแต่แววตาที่เศร้าหมองก็ยังปรากฏให้ชมพูนุชเห็น
“ดิฉันมาเคลียร์งานที่ค้างไว้ จะรีบจัดการให้ภายในเวลาสามเดือน คุณชมพูนุชไม่ต้องเป็นห่วงอะไรทั้งนั้นนะคะ ดิฉันเข้าใจเรื่องทุกอย่างดีหมดแล้ว และขอให้เชื่อใจว่ามันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกนับต่อแต่นี้เป็นต้นไป”
“คุณญาดาพูดเรื่องอะไรคะ นุชไม่เข้าใจ” ชมพูนุชจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายพูดเรื่องอะไร
ญาดายิ้มเล็กน้อยแล้วไม่พูดอะไรต่อทั้งสิ้น ขอตัวทำงานต่อแล้วก้มหน้าจดจ่อกับกองเอกสารตรงหน้า โดยไม่หันมามองชมพูนุชอีกเลย ชมพูนุชยืนงงเพราะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จึงได้แต่เดินเข้าไปในห้องทำงานของชโยดมตามปกติ
ชโยดมเงยหน้าจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เมื่อชมพูนุชเปิดประตูห้องทำงานเข้ามา เพียงแค่เห็นหน้าหญิงสาวเท่านั้น เขาก็รีบลุกขึ้นเดินมาหาด้วยรอยยิ้มที่บ่งบอกให้รู้ว่ามีความสุขและสบายใจมากแค่ไหน
“งานเลี้ยงเมื่อคืนเลิกดึกหรือเปล่าครับ แล้วคุณนุชกลับเองหรือว่ามีใครไปส่ง” ชโยดมเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
เมื่อคืนเขาไม่ได้ติดต่อกลับมาที่ทีมงานอีกเลยว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม แต่เมื่อเช้าได้รับรายงานข่าวดีว่ากลุ่มลูกค้ายินดีจะร่วมลงทุนในโปรเจคสาขาใหม่
“ไม่ดึกเท่าไรค่ะ ว่าแต่เรื่องของคุณใหญ่เป็นอย่างไรบ้างคะ” ชมพูนุชเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อค่ำคืนนี้ และย้อนถามกลับเรื่องของชายหนุ่มด้วยความสนใจ
“โอเคครับ คุณนุชเจอญาดาแล้วใช่ไหม” สีหน้าคนพูดแช่มชื่นขึ้นมาทันที
“ค่ะ คุณใหญ่บอกเธออย่างไรคะ คุณญาดาถึงยอมกลับมาทำงาน”
“ก็บอกว่าคุณแม่เลื่อนกำหนดงานแต่งงานออกไปอีกสามเดือน ยังพอมีเวลาที่จะจัดการเรื่องของผมกับญาดาให้เรียบร้อย”
“ด้วยการให้เธอมาเคลียร์งานที่ค้างให้จบเหรอคะ”
“นั่นก็ส่วนหนึ่ง ผมบอกญาดาว่าไม่ต้องคิดมาก เรื่องทุกอย่างจะจัดการให้เรียบร้อยและคุณนุชเข้าใจทุกอย่างดี”
“โธ่ คุณใหญ่คะ”
มิน่าเล่า ชมพูนุชเข้าใจแล้วว่าเพราะอะไร ทำไมญาดาถึงพูดเช่นนั้น
“คุณใหญ่ได้บอกหรือเปล่าคะ ว่าเราสองเข้าใจกันและจะไม่มีการแต่งงานเกิดขึ้น”
“ผมบอกญาดาไปแล้วว่า เราสองคนหมายถึงผมกับคุณนุช จะช่วยกันจัดการให้เรื่องทุกอย่างลงตัวที่สุด ขอแค่ญาดาอย่าไปไหนรอวันที่ทุกอย่างลงตัวเท่านั้นเอง”
ชโยดมพูดเช่นนั้นจริง เมื่อวานเขาไปหาญาดาที่คอนโดรังรักของทั้งสอง ญาดาอยู่ในสภาพอิดโรยดวงตาแดงก่ำ บ่งบอกให้รู้ว่าผ่านการร่ำไห้มาอย่างหนัก เพียงแค่เห็นหน้าชายหนุ่มโผล่ไปเท่านั้น เธอก็ร่ำไห้โอดครวญปานจะขาดใจต่อหน้า กว่าเขาจะปลอบให้หยุดร้องไห้และอธิบายเรื่องทุกอย่างให้เข้าใจก็ใช้เวลาพอสมควร
“นุชว่า คุณใหญ่ทำให้คุณญาดาเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ” ชมพูนุชประเมินสถานการณ์เวลานี้แล้ว คิดว่าเป็นเช่นที่พูดแน่จึงอธิบายให้ชโยดมเข้าใจอย่างละเอียดว่า
“คุณญาดาคงไม่คิดว่า นุชจะเข้าใจเรื่องที่เธอรักกับคุณใหญ่ แต่คงคิดว่านุชรับได้หรือยินดีให้คุณใหญ่มีผู้หญิงอื่น”
“เฮ้ย ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
เอาล่ะซิ ชโยดมเครียดขึ้นมาทันทีเมื่อคิดตามสิ่งที่หญิงสาวพูด
“มันไม่ใช่เรื่องผิดที่คุณญาดาจะคิดแบบนั้นกับนุช เพราะเธอไม่รู้จักนุชมาก่อน อีกอย่างมันก็มีถมเถไปที่ภรรยาหลวงยอมให้สามีตัวเองมีผู้หญิงอื่น เพราะเหตุผลอะไรก็ช่าง”
“ตายล่ะ นี่ผมพลาดอีกแล้วเหรอ” ท่านประธานหนุ่มกลุ้มขึ้นมาอีกครา แถมครั้งนี้ดูจะเครียดมากกว่าเก่าด้วยซ้ำ
“ช่างมันเถอะค่ะ อธิบายไปก็คงไม่เข้าใจ นุชแนะนำว่าคุณใหญ่ต้องทำให้คุณญาดารับรู้ให้ได้ว่าคุณรักเธอมากแค่ไหน และแคร์เธอต้องการแต่งงานกับเธอคนเดียวเท่านั้น ที่สำคัญเราต้องหาวิธีที่จะบอกให้คุณหญิงรู้เรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ก่อนที่ทุกอย่างจะบานปลายมากไปกว่านี้”
เรื่องนี้ควรจะจบให้เร็วที่สุด เพราะมันเกี่ยวพันถึงเรื่องของชมพูนุชด้วยเช่นกัน หญิงสาววางแผนมาจากบ้านแล้วว่า จะช่วยชโยดมให้ลงเอยกับญาดาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร้อมกันนี้จะขอเจรจากับคุณหญิงประภาเรื่องเงินสิบล้านที่ช่วยเหลือครอบครัวเธอมาก่อนหน้า
ก่อนจะเข้ามาที่บริษัทชมพูนุชแวะธนาคารเพื่อปิดบัญชีเงินฝากที่เก็บมาทั้งชีวิตทุกบัญชี มียอมรวมอยู่ที่ห้าล้านบาทถ้วน หวังจะใช้เงินก้อนนี้คืนเงินก้อนแรกให้คุณหญิงประภาก่อน ส่วนอีกห้าล้านที่เหลือจะขอทยอยผ่อนใช้หนี้เป็นรายเดือนด้วยตนเอง
เหตุผลที่ชมพูนุชเลือกที่จะทำเช่นนี้ก็เพราะ สถานการณ์ที่เปลี่ยนไปเมื่อคืนนี้ เธอไม่สามารถหลอกตัวเองและให้ชโยดมเป็นผู้รับบาปจากสิ่งที่เกิดขึ้น
ที่สำคัญไม่อยากเห็นหน้าคนที่ทำให้ทุกอย่างในชีวิตเปลี่ยนไป ไม่อยากเจอเขา ไม่อยากเกี่ยวข้องใดๆ กับเขาทั้งสิ้น เรียกว่าให้มันจบไปกับคืนนั้นเลยดีกว่า
“ถ้างั้นผมจะหาทางบอกคุณแม่เรื่องญาดาให้เร็วที่สุด ส่วนญาดานั้นผมก็จะทำให้เธอรู้ว่า ผมรักเธอมากแค่ไหน” ชโยดมเอ่ยอย่างหนักแน่น ชมพูนุชพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมกับเอ่ยเรื่องของตนเองต่อไปว่า
“คุณใหญ่คะ นุชมีเรื่องอยากจะขอร้องให้คุณใหญ่ช่วย”
“คุณนุชมีอะไรครับ” ชายหนุ่มตั้งใจรอฟัง
“นุชขอไม่มาที่นี่แล้วนะคะ ถ้าวันไหนคุณป้ามาคุณใหญ่ช่วยโทรศัพท์บอกนุชล่วงหน้า นุชจะได้เข้ามาในวันนั้น”
“ทำไมล่ะครับ คุณนุชมีอะไรหรือเปล่า” ชโยดมไม่เข้าใจว่าทำไมหญิงสาวต้องทำเช่นนั้น
“นุชกำลังจะหางานประจำทำค่ะ นุชมีเรื่องจำเป็นต้องรีบใช้เงินจำนวนมาก นุชคงไม่สะดวกที่จะมานั่งเฉยๆ ที่นี่แล้ว”
“ใครว่านั่งเฉยๆ ครับ คุณนุชก็มีตำแหน่งมีเงินเดือนของพนักงานอยู่แล้ว”
“บอกตรงๆ ค่ะนุชคิดว่ามันไม่แฟร์ นุชไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากนั่งเฉยๆ แถมยังเอางานตัวเองมาทำด้วยซ้ำ ไม่ได้ช่วยงานบริษัทเลยสักอย่างแล้วแบบนี้จะเรียกว่าทำงานได้อย่างไรล่ะคะ”
ชมพูนุชพูดตามความจริง ถึงแม้ว่าเงินเดือนที่คุณหญิงประภาตั้งไว้ให้ที่นี่จะสูงเกินจริงก็ตามที แต่ชมพูนุชก็ไม่อยากได้และมองไปในระยะยาวว่า ตนควรหางานทำให้เป็นหลักแหล่งเพื่อผ่อนหนี้ห้าล้านที่อาจจะหาเงินก้อนมาคืนไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็มีเงินเดือนจากการทำมาหากินของตนเองมาเป็นเงินผ่อนหนี้ได้
“คุณนุชคิดมากอีกแล้ว ถ้าคุณนุชทำแบบนั้นเกิดคุณแม่รู้เข้าจะเป็นเรื่องใหญ่นะครับ เอาอย่างนี้ไหม ถ้าคุณนุชไม่สบายใจผมหาตำแหน่งจริงๆ ให้ทำงานเลย คุณนุชจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปสมัครงาน” ชโยดมมีน้ำใจอยากช่วยเหลือ
เขาไม่รู้หรอกว่าชมพูนุชต้องการทำงานประจำหรือหาเงินไปทำอะไร แต่อย่างน้อยนี่คือการตอบแทนสำหรับความมีน้ำใจที่สาวน้อยช่วยเหลือในเรื่องของญาดา
“นุชหาเองดีกว่าค่ะ” ชมพูนุชไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้อีกฝ่ายเข้าใจ
สาเหตุที่เธอไม่อยากอยู่ที่นี่ เพราะไม่อยากเจอศิวนาถ ไม่อยากมีวงโคจรที่ต้องพบเจอกันในเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น การแต่งงานจะไม่เกิดขึ้นเท่ากับว่าเธอและศิวนาถไม่มีโอกาสเกี่ยวดองกันอีก แต่ชมพูนุชคงไม่รอจนกระทั่งให้เรื่องนี้จบ เธออยากจะไปให้พ้นจากที่นี่เสียตั้งแต่วินาทีนี้เลย
“เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมหาตำแหน่งให้ อีกอย่างถ้าเกิดคุณแม่มากะทันหันจะได้ไม่มีพิรุธ คุณนุชยื่นใบสมัครงานที่อื่นก็ต้องใช้เวลานานนะครับ กว่าจะเรียกสัมภาษณ์กว่าจะทำสัญญา แล้วเงินเดือนก็ยังต้องต่อรองกันอีก” ชโยดมหว่านล้อม
ชมพูนุชลังเลใจเพราะที่ชายหนุ่มพูดก็เป็นเรื่องจริงทีเดียว การสมัครงานที่หนึ่งไม่ใช่ง่ายๆ และตอนนี้เธออยากให้มีเงินเข้าเพื่อรวบรวมคืนเจ้าหนี้ให้เร็วที่สุด ดังนั้นบางทีการทำงานที่นี่แบบเก็บเนื้อเก็บตัวหรือไม่ต้องเกี่ยวข้องกับงานของเขาก็น่าจะพอไหว
“ขอบคุณคุณใหญ่มากค่ะ แต่นุชขอตำแหน่งเล็กๆ ไม่วุ่นวายกับใครแล้วก็ไม่ต้องอยู่ชั้นนี้ด้วย ได้ไหมคะ”
ชโยดมมีน้ำใจตามที่ชมพูนุชขอ เขาส่งหญิงสาวมาอยู่ฝ่ายบุคคลในตำแหน่งที่ไม่เกี่ยวข้องพบเจอใครมากนัก นอกจากดูแลเรื่องเอกสารต่างๆ เท่านั้น บรรยากาศในที่ทำงานตลอดจนเพื่อนร่วมงานซึ่ง ล้วนให้การต้อนรับและสอนงานเป็นอย่างดี ทำให้ชมพูนุชทำงานด้วย ความสบายใจและมีความสุข
แต่ดูเหมือนว่าความสุขของชมพูนุชจะฝันสลาย เพราะเพียงแค่ ทำงานได้ครึ่งวันเท่านั้น ใครบางคนก็เดินหน้าตาบึ้งตึงลงมาที่ฝ่ายบุคคล ตรงเข้ามาที่โต๊ะทำงานของหญิงสาวทันที
“คุณ” ชมพูนุชเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อเห็นศิวนาถมายืนจ้องหน้าด้วยท่าทางและแววตาเขาเอาเรื่องอย่างเห็นได้ชัด
“จะทำอะไร ปล่อยนะ”
พ่อเจ้าประคุณไม่พูดพล่ามทำเพลง ฉุดกระชากข้อมือของหญิง สาวให้เดินตามออกมานอกห้อง โดยไม่มีใครกล้าเข้าช่วยหรือห้ามปราม อย่างใด
“ปล่อยนะ ฉันบอกให้ปล่อย ได้ยินไหม จะบ้าหรือไง” ชมพูนุช พยายามสะบัดมือที่กุมไว้อย่างมั่นคงออก แต่ดูเหมือนว่ายิ่งสะบัดเขาก็ ยิ่งบีบแน่นและลากตัวเธอออกมาที่บันได้หนีไฟ
“คุณทำบ้าอะไร” หญิงสาวตะโกนถามด้วยความโมโห
ศิวนาถยังไม่ปล่อยมือที่กุมออก แต่หันหลังเพื่อสงบสติอารมณ์ตนเองที่กำลังเดือดพล่านในเวลานี้
“ปล่อย” เธอพยายามสะบัดมืออีกครั้ง
ศิวนาถหันขวับมาไม่เพียงไม่ปล่อยมือแต่ยังดันร่างเล็กให้แนบติดกำแพง ก่อนที่จะพาตัวเองเข้าไปหาในระยะห่างกันแค่คืบ
“จะทำอะไร อย่านะ” ชมพูนุชเสียงสั่นด้วยความกลัว
ลมหายใจร้อนที่รดปลายจมูกเธอทำให้แก้มสาวร้อนวูบวาบ เนื้อ ตัวมันร้อนรุ่มบอกไม่ถูก ยิ่งเห็นสายตาที่เขาจ้องมองมาในเวลานี้ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้หัวใจสาวน้อยเต้นรัวมากขึ้นไปอีก
“ปล่อยฉัน”
“ปล่อยแน่ แต่ต้องหลังจากที่ตอบคำถามฉันเสร็จก่อน” ศิวนาถ เค้นไรฟันเอ่ย ดวงตาคู่คมจับจ้องมองใบหน้าหวานไม่ละสายตา เขากำลังควบคุมความเดือดดาลที่อยู่ในใจให้สงบ
“เธอตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกฉัน” ชายหนุ่มเอ่ยถามคำแรก
ชมพูนุชไม่คิดว่าที่เขาตามลงมาถึงที่นี่ ก็เพื่อจะถามในเรื่องที่ พยายามลืมไปจากใจ
“ฉันถามว่า ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกฉัน จะบอกลาพูดขอบคุณกัน สักคำไม่มีเลยหรือไง หรือว่าเสร็จกิจก็จบกัน”
“คุณ” ชมพูนุชหน้าแดงก่ำกับคำพูดไม่อายฟ้าอายดินของเขา
“ฉันพูดแค่นี้ทำไมต้องหน้าแดงด้วย หรือว่าพอมีสติดีเกิดความอาย” ศิวนาถยั่วอีก
กลิ่นกายสาวที่เชยชมมาทั้งคืน เนื้อนิ่มที่เขาสัมผัสและจับจองเป็นเจ้าของทุกตารางนิ้ว
ให้ตายเถอะ …
นี่เขาเป็นพวกเสพติดเรื่องอย่างว่าไปตั้งแต่เมื่อไร ทำไมถึงได้คิดถึงแต่ความแน้นแฟ้น ที่เกิดขึ้นเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาระหว่างเขาและเธอ มันสลัดไม่ออกไปจากหัวสักวินาทีเดียว ซ้ำยังเรียกร้องให้ต้องกลายเป็นหมาบ้า ที่ออกตามล่าเหยื่อที่หายไปอีกด้วย
“ปล่อย ฉันจะไปทำงานต่อ” หญิงสาวพยายามจะดันตัวเขาให้ออกห่างเพื่อเป็นอิสระ
“พี่ใหญ่บอกว่า เธออยากทำงานเพราะมีธุระต้องใช้เงินมาก สิบล้านที่ได้ไปยังไม่พอหรือไง จะเอาอีกเท่าไรถึงจะพอ”
เพราะหัวใจเรียกร้องและสั่งการให้ศิวนาถกลายเป็นหมาบ้า ทันทีที่ลืมตาตื่นในตอนเช้า แล้วพบว่าคนที่เคล้าเคลียมาตลอดคืนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เช้านี้เมื่อมาถึงบริษัทเขาตรงไปที่ห้องพี่ชายเพื่อดูว่าเจ้าหล่อนมาทำงานหรือไม่
ชโยดมบอกให้รู้ว่าชมพูนุชมาทำงาน และเวลานี้ท่านประธานหนุ่มได้หาตำแหน่งงานให้ทำจริงๆ เพราะเจ้าตัวขอออกไปหางานทำ โดยบอกเหตุผลว่าต้องใช้เงินจึงต้องทำงาน
ทันทีที่ศิวนาถรู้ว่าเจ้าหล่อนอยู่แผนกไหน เขาก็ไม่รั้งรอให้เสียเวลาตามหา ลงมาจัดการทุกอย่างเองโดยไม่สนใจว่าใครจะมองอย่างไร เหตุผลเดียวคืออยากจะเห็นหน้าและคิดถึงกลิ่นกายสาวนี้เหลือเกิน
“บอกมาซิจะเอาอีกเท่าไร ถ้าไม่มากหน้าเลือดไปนักฉันอาจจะจ่ายให้ ถือเป็นค่าความสนุกเมื่อคืนนี้”
“ไปให้พ้นนะ”
ชมพูนุชรวบรวมเรี่ยวแรงที่มีผลักร่างสูงที่ทาบทับกักขังอิสระไว้ให้ออกห่าง ก่อนจะฟาดฝ่ามือใส่หน้าคนพูดเต็มแรง แล้วรีบวิ่งหนีไปให้ไกลจากเขาโดยเร็วที่สุด
|
|
|
ความคิดเห็น