คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 10
ศิวนาถโมโหจนหน้าแดง โกรธพี่ชายตนเองที่สุดท้ายก็ตกหลุมผู้หญิงคนนี้ ชโยดมไม่น่าหลงคารมติดกับที่เจ้าหล่อนวางไว้เลย เห็นที่ว่าเขาต้องกระชากหน้ากากผู้หญิงคนนี้ให้พี่ชายได้รับรู้เสียแล้ว
ส่วนเธอ ผู้หญิงไร้ยางอาย ไม่มีสมองเห็นแก่เงินเป็นที่หนึ่ง ความโกรธทำให้ศิวนาถก้าวรวดเดียวเข้าไปหาชมพูนุชที่ยืนอยู่ไม่ไกล เพียงแค่ใกล้ตัวเจ้าหล่อน เขาก็กระชากสองแขนเข้ามาบีบแน่นพร้อมทั้งตวาดถามเสียงดังลั่นว่า
“เธอกล้าทำอย่างนี้ได้อย่างไร ชมพูนุช”
แววตาคู่คมจ้องมองอย่างเอาเรื่อง เสียงฟ้าคำรามดังลั่นยังไม่น่ากลัวเท่าอารมณ์ของศิวนาถในเวลานี้เลย
“คุณพูดเรื่องอะไร ปล่อยนะ ฉันเจ็บ” สาวน้อยสะบัดมือที่บีบแขนจนรู้สึกเจ็บ ชมพูนุชไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว
“พูดเรื่องจริงไง เรื่องไร้ยางอายของผู้หญิงคนหนึ่งที่คิดจะมีสองผัวในเวลาเดียวกัน และที่สำคัญได้ทั้งผัวพี่และผัวน้อง”
สองมือที่จับแขนเหวี่ยงร่างเล็กลงไปกองกับพื้น ชมพูนุชเจ็บจนพูดอะไรไม่ออกพยายามลุกขึ้นและเดินหนีไม่ต่อปากต่อคำกับคนพาล
“จะไปไหน” ศิวนาถกระชากข้อมือเธอไว้
ชมพูนุชไวกว่าสะบัดแล้ววิ่งไปเปิดประตู สายฝนข้างนอกโปรยปรายลงมาอย่างหนักจนแทบมองไม่เห็นอะไรเลย แต่นาทีนี้การฝ่าสายฝนกลับไปที่โรงแรมคงดีกว่าการอยู่กับคนที่พูดไม่รู้เรื่องเช่นเขาแน่
เมื่อตัดสินใจแล้วชมพูนุชก็วิ่งออกไปโดยไม่คิดชีวิต ศิวนาถวิ่งตามออกไปอย่างไม่ลดละ คว้าข้อมือเจ้าหล่อนไหวแล้วกระชากกลับมา
“ปล่อย เลิกยุ่งกับฉันเสียที”
ชมพูนุชพยายามจะสะบัดมือออก สายฝนโปรยลงมาอย่างหนัก ฟ้าคำรามรุนแรงคลื่นลมในทะเลซัดเข้าหาฝั่งอย่างบ้าคลั่ง แต่ไม่เท่ากับอารมณ์ที่ร้อนแรงในหัวใจศิวนาถเวลานี้
“ไม่ปล่อย” ศิวนาถกระชากร่างเล็กไว้
ทั้งคู่เปียกชุ่มด้วยสายฝนแต่ดูเหมือนว่าธรรมชาติที่โปรยปรายสายน้ำลงมาที่ทั้งสอง จะไม่อาจดับไฟร้อนแห่งแรงโทสะลงได้แม้แต่น้อย
ชมพูนุชสู้สุดชีวิตพยายามหนีจากการกระชากของอีกฝ่าย ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจก้มลงมาที่ข้อมือแกร่งที่พยายามยื้อยุดตนเองไว้ ใช้ไรฟันขบลงเต็มแรงโดยไม่สนใจว่าเจ้าของมือนั้นจะเจ็บปวดแค่ไหน
ศิวนาถร้องตะโกนด้วยความเจ็บ และยอมปล่อยมือที่กุมไว้ออก ชมพูนุชได้โอกาสรีบวิ่งไป แต่เขากลั้นใจลืมความเจ็บปวด คว้าตัวเธอไว้และล้มลงบนผืนทรายไปพร้อมๆ กัน
“คนบ้า” ชมพูนุชเสียหลักล้มลงที่พื้นทราย ศิวนาถได้โอกาสกระชากร่างที่ล้มลงกลับเข้าไปในบ้านหลังนั้น
“ปล่อยนะ” สายน้อยตะโกนแข็งกับสายฝน
“ปล่อยให้เธอไปทำชั่วต่อหรือไง ชมพูนุช ต่อไปนี้อย่าหวังเลยว่าจะได้เข้าใกล้พี่ชายฉันอีก เธอมันไม่คู่ควรกับการเป็นสะใภ้บ้านประวันวิทย์แม้แต่น้อย อย่างเธอมันก็เป็นได้แค่ผู้หญิงหน้าเงินที่ไร้ศักดิ์ศรี” พูดจบ เขาก็เหวี่ยงหญิงสาวเข้าไปในบ้านอย่างไร้ความปรานี
“คุณศิวนาถ ปล่อยนะ คุณไม่มีสิทธิ์ทำกับฉันแบบนี้นะ” ชมพูนุชสุดจะทนกับเขาอีกต่อไป
ศิวนาถเอาแต่ใจและไม่เคยเห็นคุณค่าความเป็นคนในตัวเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ข้อมูลใดๆ ที่ได้รับและอยู่ในหัวสมองจะเป็นเช่นไรก็ช่าง แต่เขาไม่มีสิทธิ์พิพากษาตัดสินความเป็นคนของใคร
“มากกว่านี้ฉันก็ทำมาแล้ว และถ้าจะทำอีกใครจะทำไม” เขาเอ่ยเสียงกร้าว แววตาบ่งบอกถึงความหมายในสิ่งที่พูดชัดเจน
“อย่าทำบ้าๆ นะ” เธอไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่สิ่งที่กังวลที่สุดจะต้องไม่เกิดซ้ำเป็นครั้งที่สอง
“ฉันจะทำให้เธอรู้ว่า การเตือนที่ปรานีแต่เธอไม่ทำตามมันนั้น มันมีผลลัพธ์อย่างไรบ้าง และการที่เธอคิดจะสวมเขาให้พี่ชายของฉัน มันต้องเจอกับอะไร”
ศิวนาถไม่พูดพล่ามทำเพลงใดๆ ทั้งสิ้น ก้มลงกระแทกริมฝีปากของตนแนบลงไปที่ซอกคอของหญิงสาว แม้ว่าชมพูนุชจะดิ้นรนเพียงแค่ก็ไม่อาจสู้กับพลังแห่งโทสะที่ครอบงำจิตใจของเขาได้
ทุกการจูบเต็มไปด้วยความรุนแรงและป่าเถื่อน รสสัมผัสที่จาบจ้วงอย่างไร้ความอ่อนโยนทวีความรุนแรงขึ้น
ชมพูนุชทั้งดิ้นทั้งสู้สุดกำลังตนเอง พื้นห้องกลายเป็นสมรภูมิสำหรับการต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรี เธอพยายามสกัดกันความซาบซ่านที่เกิดจากรอยจูบที่จาบจ้วงเหล่านี้
แม้ร่างกายจะมีปฏิกิริยาตามธรรมชาติที่ถูกปลุกเร้า แต่สัมผัสที่เกิดจากความยินดีของจิตใจทำให้เกิดการต่อต้าน
วินาทีที่ศิวนาถกระชากเสื้อสวยขาดคามือ เผยความสวยงามของเรือนร่างที่มีหยาดฝนโปรยลงมาสัมผัสผิวกายสาว น้ำเย็นจากฟ้าเสมือนน้ำทิพย์ชโลมหัวใจให้หญิงสาวยังมีแรงต่อสู้
แต่รอยจูบที่ร้อนรุ่มเสมือนคมมีดที่กรีดลงตามเนื้อตัว ยิ่งเขากระชากชั้นในสีหวานให้ยอดอิ่มได้สัมผัสน้ำฟ้าเนื้อต่อเนื้อด้วยแล้ว ความเย็นที่รดฉ่ำลงผิวกายสาวก็สะท้านอย่างหนาวเหน็บ
ศิวนาถหน้ามืดตามัวกับไฟโทสะที่แผดเผาตัวเองในเวลานี้ กายสาวที่อยู่ใต้ร่างสั่นระริกเพราะต้องน้ำฝนที่เย็นฉ่ำเป็นเวลานาน เขามัวเมาอยู่ที่เต้าอิ่มทั้งสองด้วยความโหยหา ลิ้มรสที่ปรารถนามานานแสนนานอย่างเอาแต่ใจ
ไรฟันที่ขบเม้มและคมเขี้ยวที่บดลงอย่างไร้ความอ่อนหวาน ไม่สนใจว่าเนื้อสาวจะบอบช้ำสักเพียงไหน ปรารถนาแค่ระบายเพลิงโทสะลงที่ร่างนี้ให้มอดไหม้เป็นจุณเพียงเท่านั้น
เขายอมรับว่าโกรธและรังเกียจผู้หญิงคนนี้อย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน แต่ในขณะเดียวกันก็ปรารถนาและโหยหาเธอมากที่สุดในชีวิตด้วยเช่นกัน
เมื่อคนใต้ร่างไม่ผลักไสและไร้แรงต่อต้าน จะด้วยความเคลิ้มตามหรือเพราะเหตุอันใดก็แล้วแต่ ศิวนาถก็ยิ่งแนบแน่นและปรารถนาในตัวเธอมากขึ้นเรื่อยๆ
ชมพูนุชไม่รู้ว่าตนเองจะทำเช่นไร เพื่อให้หลุดลอดจากเงื้อมมือคนพาลในครั้งนี้ คลื่นทะเลที่ซัดเข้าหาฝั่งอย่างรุนแรงลูกแล้วลูกเล่า ทำลายทรายที่อยู่ริมหาดให้หายไปกับแรงลมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่ไม่อาจทำลายอารมณ์ของคนใจร้ายที่ฆ่าหัวใจเธอในเวลานี้ อีกทั้งสายฝนที่โปรยลงมาที่ผืนทรายเม็ดแล้วเม็ดเล่า ก็ไม่อาจคืนสติให้กับซาตานหนุ่มที่พิฆาตเธอทั้งเป็นได้ แล้ววิธีไหน เธอจึงจะหลุดจากเพลิงโทสะของศิวนาถได้เล่า
“อย่านะ”
ชมพูนุชกรีดร้องเมื่อเขาใช้สองมือเคล้นคลึงที่อกอิ่มเต็มแรง เธอเจ็บจนน้ำตาเล็ดแต่ไม่ยอมร้องขอความเห็นใจใดๆ แรงสัมผัสที่รุนแรงขึ้นทำให้เธอต้องผ่อนการต่อต้านลงเพื่อให้ความเจ็บปวดนั้นทุเลาหาย
ศิวนาถไม่เพียงแค่ครอบครองเต้าสวยสองข้าง แต่ยังใช้ริมฝีปากบดขยี้มาที่เรียวปากอิ่มอย่างบ้าคลั่ง เขาใช้ปลายลิ้นแทรกซอนเข้าไปหาความหวานที่แสนคิดถึง
เพียงแต่แตะสัมผัสปลายลิ้นสาวที่อยู่ด้านใน เพลิงแห่งเสน่หาก็เริ่มขึ้นทันที ปลายลิ้นที่เต็มไปด้วยไฟร้อน ไล่กวาดต้อนและควบคุมทุกสิ่งให้อยู่ใต้อาณัติ แม้จะเริ่มต้นด้วยความโกรธ แต่ความหวานหอมที่อยู่ภายในก็สามารถปราบซาตานร้ายในทางอ้อม
ไม่กี่วินาทีจากนี้ทุกอย่างกลายเป็นความหอมหวานละเมียดละไม และครอบครองร่วมกันโดยมีผู้นำที่แสนโลดโผนอย่างศิวนาถโบกธงทัพนำทาง
สองมือที่เคล้าคลึงเต้าสวยเริ่มเดินทางสู่พื้นที่อื่นของเรือนร่างสาว ความเย้ายวนใจที่เกิดจากรอยจูบทำให้ชมพูนุชอ่อนแรงลงมาอย่างเห็นได้ชัด สองมือที่คลืบคลานลงมาที่หน้าท้องแบนราบทำให้กายสาวพยายามขดงอไม่ให้ไปต่อได้
แต่ศิวนาถมีวิธีเปิดทางให้กับสิ่งที่ตนปรารถนา ด้วยการคลายจูบที่แสนหวานไว้ชั่วขณะ แล้วฉกลงมาที่ยอดเต้าอิ่มแทนที่ ใช้ปลายลิ้นไล้วนไปมาปัดป่ายอย่างมีศิลปะ เรียกความซาบซ่านที่แสนทรมานให้กับเจ้าของได้เป็นอย่างดี
ให้ริมฝีปากทำหน้าที่ล่อลวงและลงทัณฑ์ชมพูนุชไปเรื่อยๆ ปลายลิ้นที่ปัดป่ายไล้เลียอย่างว่องไวและหนักแน่น สาวน้อยพยายามฝืนสติต่อต้าน แต่ก็ไม่อาจต้านแรงปรารถนาของตนที่ก่อกำเนิดขึ้นจากแรงธรรมชาติได้เช่นกัน
สองมือของศิวนาถจัดการปลดกางเกงผ้าที่หญิงสาวสวมใส่ออกไปจนพ้นทาง ปลายนิ้วร่นขอบชุดชั้นในให้ร่นลงต่ำเผยความงดงามที่เขาปรารถนาได้สำเร็จ ก่อนจะใช้ฝ่ามือนั้นเคล้าเคลียด้วยความคิดถึงและโหยหา
ชมพูนุชไม่มีสติใดหลงเหลือพอที่จะป้องกันตนเองได้อีกต่อไป วินาทีที่ปลายนิ้วนั้นซอกซอนเพื่อชื่นชมสิ่งที่ซ่อนอยู่ และเมื่อพบก็ส่งสัญญาณด้วยการไล้วนไปมา ให้เขารู้ว่าเส้นชัยที่ปรารถนาอยู่ไม่ไกลจากนี้
ร่างเล็กระทวยแล้วระทวยเล่าเพราะแรงมัวเมาของซาตานหนุ่ม ศิวนาถหอบหายใจสะท้านกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นเมื่อมองเห็นนางเปลือยที่แสนงดงามอยู่ตรงหน้า
ผมยาวดกดำที่แผ่สยายเต็มที่และตกลงมาปกปิดไหล่เนียนเล็กน้อยชวนให้น่ามอง เอวสวยได้รูปที่บิดงอเพราะไม่อยากให้สายตาคู่นี้มองเห็นความงดงามที่ซ่อนอยู่ ชมพูนุชพยายามประคองตนเองลุกขึ้นเพื่อจะหนีจากแรงปรารถนาในด้านมืดที่ตนเองก็รู้ว่ายากจะดับ
ศิวนาถใช้เวลาไม่ถึงนาทีจัดการกับเสื้อผ้าที่สวมใส่ โยนทิ้งไปอย่างไม่ไยดีแล้วโผเข้ากอดร่างเล็กที่พยายามจะหยัดยืนหนีแรงเสน่หาในครั้งนี้
ชมพูนุชแทบจะต่อต้านไม่ไหวเมื่อเนื้อแนบเนื้อสัมผัสกันอย่างชัดเจน เขาจัดการให้นางเปลือยกลายเป็นนางเปลือยที่แท้จริง แล้วอุ้มร่างของนางเปลือยเดินเข้าไปในห้องนอน
ชมพูนุชรู้ตัวว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเขาวางเธอลงบนเตียงใหญ่ ทางเดียวและทางสุดท้ายที่จะหนีกองไฟแห่งเสน่หานี้ได้ คือการหันหลังหนีและเรียกสติคืนกลับมา
แต่เมื่อซาตานหนุ่มใช้ริมฝีปากจูบพรมลงมาที่แผ่นหลังของหญิงสาวอย่างช้าๆ แต่หนักแน่น ลมหายใจร้อนที่รดผ่านผิวกายสายคือชนวนไฟแสนดีที่ปลุกเร้าความปรารถนาในหัวใจชมพูนุช
“ยะ อย่า” คนถูกเพลิงเสน่หาครอบงำร้องขอเสียงพร่า ชมพูนุชกำลังจะตกเหวแห่งราคะแล้ว
“ไม่”
เขาตอบเสียงดังฟังชัด เหมือนคนเอาแต่ใจอย่างไรอย่างนั้น และคำว่าไม่ยิ่งทำให้ก่อเกิดสิ่งอื่นตามมาอีกมากมาย
มือข้างหนึ่งโอบอุ้มเต้าอิ่มทั้งสองไว้ให้ปลายนิ้วทำหน้าที่มอบความสุขให้แก่มัน มืออีกข้างรั้งอยู่ที่เอวสวยได้รูปและเคลื่อนลงต่ำเพื่อสัมผัสความงดงามที่แสนสวย ริมฝีปากยังคงทำหน้าที่พรมจูบที่แผ่นหลังอย่างสม่ำเสมอ
ศิวนาถไม่ขาดตกบกพร่องใดๆ แม้แต่น้อย มีหรือที่ชมพูนุชจะต้านทานความสุขที่แสนหอมหวานครั้งนี้ไปได้
ร่างเล็กถูกจับให้หมุนเข้าหาชายหนุ่ม ความงดงามของนางเปลือยทำให้หัวใจศิวนาถทะยานไปไกลเกินกว่าจะเรียกกลับ ความปรารถนาที่ซ่อนลึกอยู่ในหัวใจคือเหตุผลแท้จริงของค่ำคืนนี้
เขาโหยหาและคิดถึงทุกสิ่งที่เคยเกิดขึ้น และไม่อาจทนต่อเสียงเรียกร้องที่ต้องการเธอได้
ศิวนาถจู่โจมยอดอกอิ่มที่ชูชันอีกครั้ง คราวนี้เขาละเมียดละไมมากขึ้นและให้ความอ่อนโยนชนิดที่เรียกว่าลืมความโหดร้ายที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้าไปจนหมดสิ้น
สองเต้าที่ได้รับความอ่อนหวานจากปลายลิ้น สร้างความซาบซ่านให้กับชมพูนุชเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อเขารั้งสะโพกสวยให้มานั่งทับที่หน้าขา
ชมพูนุชสะท้านไปทั่วร่าง หัวสมองไม่มีอะไรห้ามปรามการกระทำเหล่านี้ได้อีกต่อไป เธอกลายเป็นถูกล่าและตามใจคนล่าอย่างไร้การขัดขืน ร่างสาวระทวยกับรสจูบที่เคล้าเคลียอยู่กลางอก พร้อมกับการเรียนรู้บทรักบทใหม่ที่ศิวนาถกำลังจะมอบให้
สติที่มีอยู่เพียงน้อยนิดรับรู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายของตน ชมพูนุชพ่ายแพ้ต่อแรงเสน่หาที่ศิวนาถมอบให้ แม้ร่างกายและหัวใจจะพยายามหนีหรือปฏิเสธว่าไม่ต้องการให้เกิดขึ้นอีก
แต่ในที่สุด เธอก็ต้องยอมรับว่ายินดีและยินยอมอย่างที่สุดกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลา
“คะ คุณ” เธอพยายามหนีแต่สุดท้าย...
“เธอเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น ชมพูนุช” ศิวนาถกระซิบข้างหูเสียงแหบพร่า จูบหนักๆ ที่ข้างแก้มเพื่อตอกย้ำสิ่งที่พูดว่าเป็นเรื่องจริง
ความเต็มใจ ความอยากรู้ ที่ไม่สามารถห้ามได้อีกต่อไป คือการเปิดประตูกลางเชื่อมกันระหว่างคนสองคนให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันไปอย่างสิ้นเชิง
ศิวนาถยกสะโพกสาวทาบทับลงมาที่ตัวตนของตนอย่างช้าๆ พร้อมกับใช้ริมฝีปากดูดกลืนที่เต้าอิ่มไปด้วยกัน ร่างสาวสะท้านหวีดร้องเบาๆ กับเพลิงรักใหม่ที่ไม่เคยพบมาก่อน เพียงแค่ทุกอย่างลงตัวแรงขับเคลื่อนที่ชายหนุ่มเริ่มต้น ก็ฉุดกระชากให้ชีวิตของชมพูนุชก้าวสู่กองเพลิงแห่งเสน่หาอีกครั้ง
ร่างเล็กพลิ้วไหวไปกับจังหวะที่เร่าร้อน สองแขนที่เคยผลักไสกลับรัดแน่นที่บ่าแกร่งเพื่อเป็นที่พึ่ง ศิวนาถขับเคลื่อนด้วยไฟรักที่แสนเร่าร้อนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน
เขาโอบอุ้มนางเปลือยไว้ในอ้อมแขนอย่างหวงแหน มอบความแข็งแกร่งผ่านสะโพกสอบอย่างสม่ำเสมอ ทุกการขับเคลื่อนที่เกิดขึ้นเต็มไปด้วยอารมณ์แห่งความปรารถนาที่มากขึ้นและทวีความต้องการอย่างสุดจะห้ามใจได้
อกสาวแอ่นรับการดูดกลืนที่แสนเร่าร้อน พอๆ กับสะโพกสาวที่เคลื่อนไหวตามจังหวะแห่งรัก ชมพูนุชครางเบาๆ ด้วยความซาบซ่าน เนื้อสาวสั่นระริกเมื่อพบกับความสุขที่ศิวนาถมอบให้
เขาให้เธอได้พักผ่อนกับบทเรียนรักบทแรกที่ปลดปล่อยความปรารถนาที่แท้จริงในตัวตนออกมา ศิวนาถเอนกายสาวราบลงไปกับพื้นเตียง ก่อนจะค่อยๆ จูบเบาๆ ที่หน้าผากนวล เรื่อยลงมาจนถึงริมฝีปากอิ่มที่เผยอรอรับจูบนั้นอยู่แล้ว จากนั้นจึงจับเรียวขาสวยมาแนบที่สะโพกทั้งสองข้าง ก่อนจะส่งแรงขับเคลื่อนที่หนักแน่นราวไฟเผาอีกครั้งหนึ่ง
ชมพูนุชผวาและกรีดร้องในลำคอด้วยความซาบซ่าน ตอบโต้แรงรักในจังหวะหนักแน่นที่ถาโถมเวลานี้ ถอนจูบที่ปิดกั้นน้ำเสียงแห่งความยินดีออกมาชั่วคราว ก่อนจะเป็นฝ่ายแนบริมฝีปากกลับไปอีกครั้งด้วยความเร่าร้อน
แรงปรารถนาที่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจของศิวนาถ ถูกปลดปล่อยออกมาที่ชมพูนุชเพียงผู้เดียว ร่างงามสั่นสะท้านกรีดร้องอีกครั้ง เมื่อสองมือแกร่งเคล้าคลึงเต้าอิ่มอย่างมีจังหวะ พร้อมกับสะโพกแกร่งที่เร่งความเข้มข้นขึ้นทุกขณะ
ความปรารถนา ความปรารถนา ความปรารถนา ศิวนาถไม่เคยคิดเลยว่า ตัวเองจะมีความต้องการที่เอ่อล้นในตัวชมพูนุชมากมายขนาดนี้
เขาหวง เขาแหน เขาไม่ต้องการให้ใครหน้าไหนมาซ้ำรอยที่เจ้าหล่อน
มันต้องไม่เกิดขึ้นและไม่มีทางเกิดขึ้นไม่ว่ากรณีไหน ใครก็ตามที่คิดจะมาแย่งเหยื่อสาวแสนหวานของซาตานตนนี้ ต้องข้ามศพศิวนาถไปเสียก่อน
ถ้าศิวนาถจะบอกว่าจูบที่แสนอ่อนโยนและหอมหวานในเวลานี้ คือความรู้สึกในส่วนลึกของจิตใจตนที่มีต่อชมพูนุชล่ะก็
เขากล้าพูดได้เลยว่าไม่เคยมีให้ใครมาก่อนในชีวิต จูบที่แสนหวานคือสัญญาณให้รู้ว่า วิมานฉิมพลีของทั้งคู่ใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว
ชมพูนุชซึมซับจูบแสนหวานนั้นไว้ในห้วงความทรงจำ รสจูบแสนหวานที่ทำให้เธอด่ำดิ่งสู่หุบเหวแห่งปรารถนาที่ไม่มีวันจะถอนตัวได้ ยิ่งหวานมากเท่าไร ยิ่งอ่อนโยนมากแค่ไหน ก็ยิ่งทำให้สาวน้อยเคลิ้มตามสุดหัวใจ
แรงขับเคลื่อนที่ส่งต่อสู่กายสาวน้อย เรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดทุ่มเทและมอบให้ชมพูนุชเพียงผู้เดียวเท่านั้น เพลิงแห่งเสน่หา แรงแห่งปรารถนา ทุกสิ่งที่รวมอยู่ในหัวใจของศิวนาถและชมพูนุช ถูกปลดปล่อยออกมาด้วยเสียงครางแสนหวานลั่นห้อง สำลักความสุขแห่งราคะ
ศิวนาถกอดร่างเล็กไว้แน่นแนบอกไม่ยอมปล่อยไปไหน ในขณะที่อีกฝ่ายกอดแน่นไม่ยอมปล่อยเช่นกัน
เยื่อใยบางๆ ที่กำเนิดด้วยแรงเสน่หากำลังจะผูกให้ทั้งคู่ใกล้ชิดกันมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า จนกว่าฟ้าจะโปรยฝนหมดลงในค่ำคืนนี้หรือคลื่นทะเลสงบลงจนรุ่งเช้า แล้วหัวใจของทั้งคู่เล่าจะสงบลงตามแรงธรรมชาติหรือไม่
ชมพูนุชเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับศิวนาถในเช้าวันนี้ เธอหนีกลับมาจากบ้านพักหลังจากที่เพลงรักของทั้งคู่สงบลงเกือบรุ่งเช้า
ศิวนาถไม่ปล่อยให้หลุดออกจากอ้อมกอด และตอกย้ำคำว่าเป็นของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยเพลิงรักที่แสนพลิ้วไหวหลอกล่อให้เพลินอยู่กับความวาบหวามนั้นอย่างลืมทุกสิ่ง
อารมณ์ดีๆ ของศิวนาถมีอันต้องหมดไป เมื่อเขาเห็นชมพูนุชยิ้มและหัวเราะให้กับพนักงานชายของบริษัทที่โต๊ะอาหารในเช้าวันรุ่งขึ้น รวมถึงการที่พี่ชายสุดที่รักชวนเธอไปคุยในที่ลับตาสองต่อสองเป็นเวลานานสองนานอีกด้วย แต่ก็ต้องเก็บอาการความไม่พอใจไว้และรอหาโอกาสที่จะชำระความกับคนของตน
“คุณนุชครับ” ชโยดมเดินเข้ามาหาหญิงสาว
“คุณใหญ่ลืมไว้ค่ะ” ชมพูนุชไม่ลืมที่จะยื่นกล่องกำมะหยี่สีแดงที่ชายหนุ่มลืมไว้ที่บ้านพักคืนให้
“ขอบคุณครับ ผมจะบอกว่าต้องเปลี่ยนแผนแล้ว เดี๋ยวผมจะไปส่งญาดาที่บ้านแล้วค่อยมอบแหวนนี้ให้” ท่านประธานหนุ่มดึงตัวเธอไปคุยสองต่อสองเพื่อเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้รับรู้
“ขอบคุณคุณนุชมาก เมื่อคืนผมกับญาดาปรับความเข้าใจกันได้แล้ว ญาดาเข้าใจทุกอย่างฝากคำขอโทษและคำขอบคุณมาถึงคุณนุช ที่ช่วยให้เรื่องทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง”
“นุชดีใจด้วยนะคะ” ชมพูนุชเอ่ยจากใจจริง สายตาเหลือบไปเห็นใครบางคนที่มายืนจดๆ จ้องๆ หน้าบึ้งตึงอยู่ไม่ไกล แต่ก็เลือกที่จะไม่สนใจและพูดคุยกับชโยดมต่อ
“แล้วต่อไปคุณใหญ่คิดทำอย่างไรคะ”
หญิงสาวหมายถึงด่านสำคัญคือคุณหญิงประภาและเจ้าสัวบรรพต ที่จะทำอย่างไรถึงยอมรับสะใภ้ที่ลูกชายเลือกเองกับมือได้
“นี่แหล่ะครับ ที่ผมอยากจะมาขอให้คุณนุชช่วยอีกครั้ง”
“จะให้นุชช่วยอย่างไรคะ”
“ผมลงทุนซื้อโรงแรมไว้ที่เชียงใหม่ตอนนี้ใกล้จะเปิดตัวแล้ว ผมอยากจะขอให้คุณนุชไปอยู่ที่นั่นสักเดือนได้ไหมครับ”
“คุณใหญ่จะให้นุชไปทำอะไร”
“ไม่ต้องทำอะไรครับ แค่ไปเดินๆ นั่งๆ ดูอะไรนิดหน่อยก็พอ ผมจะใช้ช่วงเวลาที่คุณนุชไม่อยู่ หาทางทำให้เรื่องของญาดาเป็นจริงขึ้นมาได้”
“นุชเข้าใจแล้ว ตกลงค่ะ นุชจะไปเชียงใหม่” ชมพูนุชตอบรับโดยง่าย
เหตุผลก็คือเพื่อให้เรื่องของชโยดมลงเอยโดยเร็ว นั้นเท่ากับว่าการแต่งงานที่ผู้หญิงหมายมั่นจะต้องถูกยกเลิกไปโดยปริยาย
และอีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญไปกว่าเรื่องของชโยดมก็คือ ชมพูนุชตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ให้ห่างไกลศิวนาถมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะต้องวนเวียนอยู่ในครอบครัวประวันวิทย์ก็ตามที แต่การไปอยู่ไกลถึงเชียงใหม่จะทำให้ไม่ต้องพบหรือเจอผู้ชายใจร้ายคนนั้นอีก
“แล้วจะให้นุชเดินทางเมื่อไรคะ”
“เร็วที่สุดได้เลยครับ เดี๋ยวผมจัดการเรื่องที่พักและแจ้งทางโน้นว่าคุณนุชจะเป็นตัวแทนผมไปทำงานที่นั่น”
“ตกลงค่ะ พร้อมเมื่อไรบอกนุชได้เลยค่ะ”
“ขอบคุณคุณนุชมากเลยนะครับ สำหรับเรื่องทุกอย่าง”
ชโยดมดีใจมากที่แผนที่วางไว้เป็นไปตามต้องการ ท่านประธานหนุ่มเอื้อมมือมาจับมือของชมพูนุชไว้ด้วยความยินดี มิตรภาพที่มีให้แก่กันคือรอยยิ้มที่แสนอบอุ่น ศิวนาถมองด้วยความอิจฉาและไม่พึงพอใจ ที่เห็นทั้งคู่ส่งยิ้มให้กันรวมทั้งจับมือไม่ยอมปล่อยอีกด้วย
ชมพูนุชแยกจากชโยดมกลับมารวมกลุ่มกับพนักงานในบริษัท ท่ามกลายสายตาของศิวนาถที่จับจ้องมองดูไม่วางตา แม้สาวน้อยจะรู้ว่าเขานั่งอยู่ไม่ไกลและเพียรพยายามที่จะหาทางเข้ามาใกล้ แต่ก็เลือกที่จะหลบหลีกไม่เผชิญหน้า
“มานี่เลย”
ศิวนาถได้โอกาสที่เหล่าพนักงานทยอยแยกย้ายกันไปเตรียมตัวกลับกรุงเทพฯ ชมพูนุชลุกจากโต๊ะเป็นคนสุดท้าย เขาจึงเข้ามาประชิดและลากตัวเธอมาในที่ลับตาคน
“ปล่อยฉันนะ” ชมพูนุชสะบัดแขนจากการจับกุมและหันหลังเดินหนี
“ถ้าก้าวต่อไปอีกก้าวเดียว รับรองว่าเรื่องเมื่อคืนนี้ถึงหูพี่ใหญ่แน่” เขาไม่ได้ขู่แต่พูดจริงทำจริง ได้ผล ชมพูนุชชะงักไปครู่หนึ่ง
“กลับมาทำไมไม่บอก” เขาเดินมาขวางจ้องหน้าคนที่ยืนอย่างเอาเป็นเอาตาย
“เธอทิ้งฉันอีกครั้งแล้วนะ”
“จะพูดแค่นี้ใช่ไหม” หญิงสาวตั้งท่าจะเดินต่อแต่ศิวนาถขวางไว้ไม่ให้เดินต่อ
“เลิกยุ่งกับพี่ใหญ่ซะ อย่านึกว่าฉันไม่เห็นนะว่าเธอออดอ้อนอะไรพี่ชายฉันอีก”
ศิวนาถเห็นเต็มสองตาและเห็นตั้งแต่ที่ทั้งคู่นัดแนะหลบไปคุยกันสองต่อสอง เขาแทบอยากจะเข้าไปขวางพี่ชายสุดที่รัก ไล่ให้ไปไกลๆ คนของตนแต่สิ่งที่ทำได้คือยืนมองและโมโหลงกับลมกับแล้งไปตามระเบียบ
“หมดธุระของคุณแล้วใช่ไหม” ชมพูนุชย้อนถาม
แววตาที่มองศิวนาถมีแต่ความว่างเปล่าราวกับอีกฝ่ายเป็นคนแปลกหน้าที่เธอไม่รู้จัก แววตาเช่นนี้ทำให้หัวใจคนที่อยู่ตรงหน้ารู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก
ชมพูนุชเห็นศิวนาถไม่ตอบไม่พูดอะไรอีก จึงก้าวขาออกเดินเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ความว่างเปล่าที่ชายหนุ่มสัมผัสได้เป็นผลให้เขาต้องคว้าตัวเธอไว้ไม่ให้ไปไหน และสวมกอดจากทางด้านหลังโดยไม่พูดอะไร
“ปล่อย”
ชมพูนุชซ่อนความรู้สึกของตนเองเอาไว้ ใช้มือปลดมือที่รัดตนเองออกอย่างไม่ไยดี ยิ่งเธอทำท่าเย็นชาเมินเฉยต่อเขา หัวใจศิวนาถก็ยิ่งรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก
“ฉันจะขึ้นไปเก็บของ กรุณาหลีกทางด้วย”
น้ำเสียงที่เฉยเมิยเหมือนคนไม่มีเยื่อใยต่อกัน ทำให้ศิวนาถทนต่อไปไม่ไหว เขาก้าวมาขวางทางไว้ทวงสิทธิ์อันชอบธรรมระหว่างคนสองคนต่อหน้า
“เธอยังไม่เลิกล้มความคิดที่จะแต่งงานกับพี่ชายฉันใช่ไหม แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ล่ะ”
“ฉันกับคุณใหญ่เป็นเรื่องของเราสองคนคนอื่นไม่เกี่ยว ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้มันก็เป็นแค่ฝันร้ายอีกคืนของฉันเท่านั้น และฉันตั้งใจแล้วว่าจะไม่นอนฝันร้ายแบบนั้นอีกเด็ดขาด”
ดวงตาคู่สวยนิ่งสงบไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาทั้งสิ้น ใบหน้าหวานเชิดขึ้นคล้ายกับจะเรียกกำลังใจให้กับตัวเอง
“ฝันร้ายงั้นเหรอ ความจริงคือเธอนอนร้องครางอยู่กับฉันทั้งคืน นี่ต่างหากคือความจริง” ศิวนาถตะโกนลั่น
“คุณศิวนาถ กรุณาให้เกียรติกันด้วย ไม่ว่าอย่างไรฉันก็คือคนที่พี่ชายคุณจะต้องแต่งงานด้วย”
ชมพูนุชขอโทษที่เอาชโยดมมาอ้าง แต่การพูดเช่นนี้เพราะต้องการให้เขาเลิกยุ่งเกี่ยวกับตนซะ มันกลับไม่เป็นอย่างที่คิดเมื่อศิวนาถกลายเป็นหมาบ้าที่หวงก้างอย่างดุร้าย
“แต่งงานเหรอ เธอยังมีหน้าจะเอาตัวเองไปเกี่ยวพันกับพี่ชายฉันอีกเหรอ ไม่ละอายใจบ้างหรือไง นอนกับน้องแล้วคิดจะแต่งงานกับพี่”
“จะไปไหน” ชายหนุ่มก้าวมาขวางไว้อีก
“ถอยไปนะ ฉันไม่อยากคุยกับคุณอีกต่อไปแล้ว” ชมพูนุชไม่อยากเสียเวลาพูดอีก
เธอตั้งใจแล้วว่าจะไม่มีสิ่งใดเกี่ยวพันกับผู้ชายคนนี้อีกเป็นอันขาด เพื่อไม่ให้ปัญหาอื่นตามมา
“เลิกยุ่งกับฉันเสียที ระหว่างเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ปล่อยนะ” สาวน้อยดิ้นหนี
“คิดว่าฉันอยากยุ่งมากนักหรือไง ถ้าไม่อยากให้ฉันยุ่ง ก็เลิกคิดจะสวมเขาให้พี่ชายฉันซิ”
“...” ชมพูนุชสะบัดมือที่ถูกรั้งไว้สุดแรง ทันทีที่เป็นอิสระฝ่ามือคู่นั้นก็ฟาดลงบนใบหน้าของศิวนาถเต็มแรง
“คนเลว” เธอตะโกนต่อว่าเสียงสะอื้น
ชมพูนุชไม่เคยแม้แต่จะคิดทำเช่นนั้นกับชโยดม เธอกับคนที่ถูกเอ่ยถึงมีความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนที่มีมิตรภาพที่ดีต่อกัน
ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างหากคือคนที่ทำร้ายทั้งคำพูดและชีวิต ให้เจ็บปวดรวดร้าวหัวใจจนแทบจะหมดแรงเดินต่อ ศิวนาถไม่รู้จักตัวตนของเธอแต่กลับใช้คำพูดดูถูกและหยามเกียรติกันอย่างไร้ศักดิ์ศรี
“ถ้าคุณคิดว่าฉันเลวมากขนาดนั้น งั้นคุณก็เลิกมาวุ่นวายกับฉันได้แล้ว ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก ไปให้พ้นนะคุณศิวนาถ”
ชมพูนุชผลักคนที่ขวางสุดแรงและรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ศิวนาถคว้าตัวเธอไว้และรั้งร่างเข้ามาในอ้อมกอด ก่อนจะระดมพรมจูบริมฝีปากที่พูดจาโอหังอย่างบ้าคลั่ง
รสจูบที่บดขยี้ริมฝีปากไม่ได้เกิดจากความโกรธ แต่เกิดจากการอยากเอาชนะของศิวนาถที่มีต่อชมพูนุช เขาใช้เพลงรักที่มีชั้นเชิงหลอกล่อให้เรียวปากสวยเผยอขึ้น ก่อนจะแทรกปลายลิ้นเข้าไปกำราบคนโอหังให้ละลายในพริบตา
แม้ปากจะบอกว่าไม่อยากเจอหน้า และไล่เขาให้ไปไกลๆ จากชีวิต แต่แรงเสน่หาที่ชมพูนุชไม่อาจต้านทานได้ทุกครั้ง ยามที่ศิวนาถเชื้อเชิญให้เคลิ้มไปกับมัน ทำให้ร่างเล็กระทวยอ่อนลงในพริบตา
แรงจูบที่เริ่มจะมีอำนาจเหนือสติสัปปะชัญญะทำให้ชมพูนุชตัดสินใจทิ้งมันไปเสีย ก่อนที่ทุกอย่างจะเข้าทางของชายหนุ่ม สาวน้อยดิ้นหลุดรสจูบแห่งเสน่หาพ้นและผลักคนที่ใช้อำนาจเพลิงรักหมายสยบตนให้อยู่ในอุ้งมือออก
ศิวนาถทำท่าจะกระชากเจ้าของจูบหวานกลับมา เพราะยังปรารถนามันอย่างไม่รู้คลาย แต่ชมพูนุชถอยหนีก่อนจะหันหลังวิ่งไปให้เร็วที่สุด
“เธอไม่มีวันหนีฉันไปพ้น ชมพูนุช จำไว้”
เขาตะโกนไล่หลัง คล้ายกับจะตอกย้ำว่าไม่มีวันปล่อยชมพูนุชไปจากชีวิตแน่ เพราะอะไรถึงทำให้เขาคิดเช่นนั้น รสเสน่หาที่ตราตรึงหรือส่วนลึกที่ซ่อนในหัวใจกันแน่
|
|
|
ความคิดเห็น