ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วิวาห์พยศรัก ( ยิปซี )

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 10

    • อัปเดตล่าสุด 28 ส.ค. 66


    อรพิมดูไม่กระตือรือร้นกับการได้ไปพักผ่อนสองต่อสองกับทรงฉัตรเป็นครั้งแรกในชีวิตแต่งงานเลย ผิดกับชายหนุ่มที่ดูจะตื่นเต้นและเป็นธุระเตรียมโน่นนี่นั้นเต็มไปหมด คุณทรงพุ่มกำชับบุตรชายก่อนออกเดินทางในตอนเช้าให้ดูแลหญิงสาวให้ดีและหวังว่ากลับมาแล้วความสัมพันธ์ของทั้งสองจะแน่นแฟ้นมากขึ้น

    เครื่องบินแตะรันเวย์ที่สนามบินเชียงใหม่ในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา คุณทรงพุ่มบอกว่าไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทางไปรีสอร์ทเพราะจะมีรถของที่นั่นมารับไปที่พัก สถานที่ที่บิดาเลือกให้ฮันนีมูนชื่อรีสอร์ทร้อยรักอยู่ที่อำเภอแม่ริมนั่นเอง

    รถตู้ของทางรีสอร์ทมารอรับทั้งสองที่สนามบินและพาทั้งคู่เดินทางเข้าสู่สถานที่ฮันนีมูน ทรงฉัตรกุมมืออรพิมไว้ตลอดเวลาราวกับคู่รักกันจริงๆ ในขณะที่อรพิมยอมให้เขาจับมือเธอแต่ไม่มีรอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าแม้แต่นิดเดียว

    “ถึงแล้วพิม” เขาชี้ชวนให้ดูความงดงามที่มองเห็นมาจากด้านในรถ

    ร้อยรักรีสอร์ทตกแต่งสถานที่สไตล์เดียวกับรีสอร์ทอื่นทั่วไป ด้านหน้าเป็นออฟฟิศ แต่หลังจากออฟฟิศไปแล้วไม่เห็นอาคารที่พักหรือสิ่งอื่นใดนอกจากต้นไม้ใหญ่ คู่ฮันนีมูนลงจากรถแล้วมองไปรอบๆ

    “บ้านพักไปทางไหนครับ เราเช็กอินมาจากกรุงเทพฯแล้ว” ทรงฉัตรหันมาถามคนขับรถ

    “ลงทะเบียนที่ออฟฟิศก่อนนะครับ ถึงจะทราบว่าพักบ้านไหน” คนรถชี้ไปที่อาคารดินชั้นเดียวที่ดูธรรมดาจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นออฟฟิศ

    ที่แท้คุณทรงพุ่มให้ทั้งคู่มาฮันนีมูนที่นี่เพื่อเสริมสร้างความรักของสามีภรรยาให้แนบแน่นขึ้น ร้อยรักรีสอร์ทมีกิจกรรมพิเศษให้คู่รักที่มาพักผ่อนได้ทำร่วมกัน โดยจะรับครั้งละไม่เกินห้าคู่และพักไม่เกินห้าวัน

    “น่าสนุกนะครับ” ทรงฉัตรสนใจเมื่อได้ฟังโปรแกรมจากเจ้าหน้าที่

    “ค่ะ คู่ของคุณทรงฉัตรกับคุณอรพิมเป็นคู่สุดท้ายที่เรารับพอดี คุณดลยาเป็นคนจองให้ บ้านพักของคุณคือหลังด้านในสุด เดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่พาไปเอากระเป๋าเก็บแล้วได้ยินเสียงระฆังให้ออกมาที่หน้าบ้าน”

    อรพิมกับทรงฉัตรเดินตามเจ้าหน้าที่ไปยังบ้านพัก บ้านพักของทั้งคู่เป็นบ้านดินคล้ายกับออฟฟิศ บริเวณใกล้เคียงกันนั้นมีบ้านพักหลังอื่นแต่มีการปลูกสร้างที่แตกต่างกันไป

    “ชอบไหมพิม ผมว่าน่าอยู่ดีนะ” ทรงฉัตรชวนเธอคุยหลังจากที่สำรวจบ้านเรียบร้อย

    “ก็น่าอยู่ดีค่ะ” อรพิมตอบสั้นๆ

    “พิมชอบบ้านแบบนี้ไหม ถ้าชอบกลับไปเราไปปลูกบ้านแบบนี้สักหลังดีไหมจ้ะ” ชายหนุ่มตรงเข้ามาสวมกอดด้านหลังของหญิงสาว

    “ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องปลูกใหม่หรอก” เธอพยายามจะแกะมือของชายหนุ่มออก

    นับตั้งแต่วันที่คุณทิพย์เตือนสติหญิงสาวเรื่องทรงฉัตรเป็นครั้งสุดท้าย ท่าทีที่เคยอ่อนโยนกับชายหนุ่มก็เปลี่ยนไป อรพิมพยายามหาทางอยู่ห่างเขาให้มากที่สุดเอาเรื่องงานมาอ้าง เอาสุขภาพที่คุณหมอให้พักผ่อนอ้างสลับไป แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ติดใจอะไรหนำซ้ำกลับยิ่งดูแลเอาใจใส่เธอมากขึ้น สุดท้ายคนที่เสียใจและทรมานที่สุดก็คือตัวเธอนั่นเอง

    “ระฆังดังแล้ว ออกไปเถอะ” ชายหนุ่มจับมือหญิงสาวเดินออกมาหน้าบ้าน

    ที่ลานหน้าบ้านมีคนยืนออร่วมสิบคนได้ ทรงฉัตรจำได้ว่าเจ้าหน้าที่คนที่แนะนำโปรแกรมกิจกรรมของรีสอร์ทรวมอยู่ในนั้นด้วย และเพิ่งรู้ว่าเธอชื่อน้ำหวานวัยเพียงยี่สิบห้าปีเป็นเจ้าของร้อยรักรีสอร์ท

    “เชิญทางนี้เลยค่ะ ทุกท่าน” น้ำหวานตะโกนเรียกให้ทุกคนมารวมตัว

    สมาชิกจากบ้านพักหลังอื่นทยอยกันเดินมารวมกัน จริงอย่างที่น้ำหวานพูดนับรวมกันได้แค่สิบคนเท่านั้น ที่เหลือเป็นเจ้าหน้าที่ของ

    รีสอร์ทที่มาร่วมกิจกรรมด้วย

    “ขอต้อนรับสู่ร้อยรักรีสอร์ท รีสอร์ทที่จะนำทุกท่านถักทอความรักความอบอุ่นสู่ชีวิตคู่ที่สมบูรณ์ค่ะ” น้ำหวานกล่าวต้อนรับอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางเสียงปรบมือของแขกที่ร่วมกิจกรรม

    “ก่อนอื่นเลยขอแนะนำตนเองอีกครั้งนะคะ ชื่อน้ำหวานเป็นเจ้าของที่นี่และเป็นคนคิดกิจกรรมนี้ขึ้นมา โดยที่ทางเราตั้งเป้าไว้ว่าหลังจากนี้ผ่านไปห้าวันความรักของคู่สามีภรรยาที่ได้มาเติมเต็มกันที่นี่ จะกลับออกไปด้วยความหวานชื่นและมีพลังอันยิ่งใหญ่สร้างครอบครัวที่มั่นคงแข็งแรงและมีคุณภาพต่อไปค่ะ”

    ทุกคนตั้งใจฟังในสิ่งที่น้ำหวานกำลังจะพูดต่อไป

    “กิจกรรมมีทั้งหมดห้าวันนะคะ เริ่มจากวันนี้โดยโปรแกรมแรกคือเพิ่มพลังรักทำวิมานสวรรค์ เดี๋ยวเราจะให้คู่รักทั้งห้าไปที่โรงครัวเพื่อนำอาหารสดหรือของที่จะใช้ทานในตลอดห้าวันนี้มาเก็บไว้ในตู้เย็น ที่นี่ไม่มีแม่ครัวหรืออาหารบริการทุกคู่ต้องทำทานเอง และอย่าลืมว่าในวันอื่นๆ ที่เราไปทำกิจกรรมกลางแจ้งท่านต้องเตรียมอาหารติดไปด้วย เพราะฉะนั้นอีกครึ่งชั่วโมงเสียงระฆังดังขึ้นทุกท่านกลับมาที่นี่แล้วเจ้าหน้าที่จะพาไปโรงครัว เวลาหลังจากนี้ไปช่วยกันคิดนะคะว่าห้าวันจะทำอะไรทานดี”

    “วิมานสวรรค์ ก็คือระหว่างที่คนหนึ่งไปเอาอาหารที่โรงครัว อีกคนจะไปที่ห้องเก็บของเพื่อหาอุปกรณ์ที่จะใช้ในการพักที่นี่ ทุกคนเข้าไปในบ้านจะพบว่าเรามีแค่เตียงเปล่าๆ ซึ่งยังไม่ได้ปูผ้าไว้ ทุกท่านไปเลือกผ้าปูหรือถ้าจะนอนแบบไหนในห้องนั้นมีให้เลือก กรุณาหยิบเต๊นท์ติดมือไปด้วยนะคะเพราะคืนที่เรานอนป่าทุกคนจะได้ไม่ต้องห่วงว่าจะพักที่ไหน และใครอยากได้อะไรที่เป็นของใช้หรือจะตกแต่งบ้านพักอย่างไรให้เป็นวิมานของท่านสองคนก็หาได้จากที่นั่นค่ะ”

    อรพิมคิดหนักเพราะแค่กิจกรรมแรกเธอก็ว่ายากแล้ว เรื่องที่หลับที่นอนยังพอแก้ไขได้แต่เรื่องอาหารเห็นที่จะยากเพราะเกิดมายังไม่เคยทำกับข้าวสักครั้ง สมัยไปเรียนที่อังกฤษก็พอทำได้กล้อมแกล้ม ท่าทางว่าห้าวันนี้เธอคงไม่พ้นไข่กับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแน่

    “โอเคค่ะ ทุกคนแยกย้ายกันไปสำรวจนะคะว่าต้องใช้อะไรบ้าง และอาหารค่ำคืนนี้ขอเชิญทุกคนมาทานที่หน้าบ้านของตน โดยเราจะทำความรู้จักกันให้มากขึ้น หกโมงเย็นพบกับน้ำหวานใหม่ ขอให้ทุกคนใช้เวลาห้าวันเติมเต็มความรักให้กันอย่างมีความสุขนะคะ”

    ทุกคู่กลับเข้าไปในบ้านพักของตนเองและเริ่มลงมือทำตามที่น้ำหวานบอก ทรงฉัตรถือกระดาษกับปากกาเดินมาหาอรพิม

    “เราจะกินไรกันดีพิม” ชายหนุ่มถามเธอก่อน

    “พิมทำกับข้าวไม่เป็นค่ะ” หญิงสาวบอกเสียงอ่อย รู้สึกผิดมากที่บกพร่องในเรื่องพวกนี้ ถ้ารู้ก่อนหน้าว่าที่นี่ไม่ใช่รีสอร์ทธรรมดาที่แค่มาพักและมีอาหารอร่อยๆ เธอคงไม่มาแน่

    “ไม่เป็นไร เราก็ทำอะไรที่มันง่ายๆ แล้วกัน ผมพอทำได้บ้าง” ทรงฉัตรยิ้มให้อย่างอ่อนโยน เขาเข้าใจดีว่างานบ้านงานเรือนนั้นอรพิมไม่ถนัด แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ในการใช้ชีวิตคู่

    “แล้วเราจะเอาอะไรมาตกแต่งวิมานสวรรค์กันดีล่ะ ผ้าปูหมอนสองใบผ้าห่มเอามาสองผืนดีไหมเผื่อกลางคืนจะหนาว อืม...พิมว่าอะไรอีกดีจ้ะที่เราต้องใช้”

    “แล้วแต่คุณฉัตรเลยค่ะ แค่ที่นอนกันยุงได้ก็ไม่มีปัญหา” อรพิมนึกไม่ออกเหมือนกัน

    “เอางี้ พิมไปดูอาหารผมไปดูของใช้ดีไหม” ทรงฉัตรแบ่งงานให้

    “พิมไปดูของใช้ดีกว่าค่ะ คุณฉัตรไปดูแลอาหารเถอะ”

    เสียงระฆังดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้สมาชิกที่ร่วมกิจกรรมถูกแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกไปที่โรงครัวเพื่อเตรียมของทำอาหาร กลุ่มที่สองไปที่ห้องเก็บของเพื่อไปหาอุปกรณ์ยังชีพ ทรงฉัตรเป็นผู้ชายคนเดียวที่ไปที่ห้องครัวนอกนั้นเป็นผู้หญิงหมด และแน่นอนว่าอรพิมก็เป็นผู้หญิงคนเดียวที่ไปห้องเก็บของ

    ทรงฉัตรกลับมาที่บ้านพักก่อน เขาจัดการเอาของที่มาจากโรงครัวใส่ตู้เย็นให้เรียบร้อย อรพิมเปิดประตูเข้ามาทีหลังหญิงสาวหอบผ้าปูที่นอนหมอนและผ้าห่มพร้อมเต๊นท์เข้ามาในบ้าน เพราะความกังวลว่าจะต้องนอนกลางป่าทำให้เธอคิดแต่จะหยิบเต๊นท์มาโดยลืมดูไปว่าอย่างอื่นครบไหม

    “หมอนสองผ้าห่มมีผืนเดียวนะพิม” ทรงฉัตรสำรวจของที่หยิบมา

    “งั้นเดี๋ยวพิมกลับไปเอาเพิ่มค่ะ ไฟฉายก็ไม่ได้เอามา ตายแล้ว” อรพิมรีบวิ่งกลับไปที่ห้องเก็บของ ดีที่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปิดเธอจึงฉวยผ้าห่มและไฟฉายติดมาได้อีกหนึ่งกระบอก

    “มาแล้วค่ะ” หญิงสาววิ่งกระหืดกระหอบกลับมาที่บ้านพัก

    “โอเค ครบ ต่อไปคือจัดบ้านให้เป็นวิมานสวรรค์ มาจ้ะ พิมอยากได้อะไรไว้ตรงไหน”

    ทั้งสองมายืนอยู่ที่กลางบ้าน ทรงฉัตรมีไอเดียเก๋ๆ ที่ไม่เหมือนใครฟังแล้วทำให้รู้สึกว่าบ้านที่น่าอยู่เหลือเกิน อรพิมยกหน้าที่จัดบ้านให้ชายหนุ่ม เธอไม่มีไอเดียใดทั้งสิ้นทุกอย่างให้เป็นตามที่เขาต้องการ

    “พิมว่าทีวีวางไว้ไหนดีจ้ะ ข้างนอกหรือข้างในห้องนอนดี” ทรงฉัตรถามความเห็น

    “ตรงไหนก็ได้ค่ะ แล้วแต่คุณฉัตร” เธอไม่มีความคิดเห็นเช่นเคย

    แม้อรพิมไม่มีข้อเสนอแนะแต่ทรงฉัตรก็ถามทุกครั้งที่จะทำอะไร ความเอาใจใส่ในความรู้สึกที่เขามีต่อหญิงสาว ทำให้เธอเริ่มรู้สึกละอายใจที่ทำท่าทางหมางเมินกับเขา

     

    เสียงระฆังรอบเย็นดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าทุกคู่ต้องออกมาทานข้าวที่หน้าบ้าน อาหารมื้อแรกของแต่ละครอบครัวถูกลำเลียงมาไว้ที่โต๊ะหน้าบ้านของใครของมัน อรพิมแอบมองอาหารบ้านอื่นที่หน้าตาน่าทาน ในขณะที่ของบ้านเธอกับทรงฉัตรเรียกว่ากินกันตายมากกว่า

    “โอ้โห ทุกบ้านทำอาหารทันใช่ไหมคะ” เสียงน้ำหวานทักทายทุกคน

    “เอาล่ะคะ น้ำหวานขอแจ้งกิจกรรมพรุ่งนี้ให้ทุกบ้านทราบนะคะ ฟังไปทานไปดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลา พรุ่งนี้เราจะไปทำกิจกรรมนอกสถานที่กันชื่อว่าทดสอบรัก โดยหกโมงเช้าทุกคนพร้อมกันที่ลานตรงนี้ อย่าลืมทำอาหารกลางวันติดไปด้วยเพราะเราจะไม่ได้กลับมาที่บ้านพัก กลับมาอีกทีก็ตอนเย็นที่เลิกกิจกรรมเลย”

    ทรงฉัตรตักไข่เจียวสีเข้มให้กับอรพิมทานพร้อมฟังรายละเอียดกิจกรรมที่น้ำหวานกำลังพูดด้วย บ้านอื่นทำอะไรทานบ้างไม่รู้เพราะไม่ได้ไปดู แต่บ้านเขาคือไข่เจียวหมูสับเกรียมๆ ที่อรพิมทอด และน้ำแกงคือบะหมี่กึ่งสะเร็จรูปรสต้มยำสองซอง

    “กินได้ไหมพิม” เขาหันมาถามหญิงสาวเสียงเบา มื้อแรกไข่เกือบไหม้ ข้าวดิบจนเกือบเป็นข้าวสาวเพราะใส่น้ำน้อย ที่ดีที่สุดคงเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ใส่น้ำร้อนก็ทานได้แล้ว

    “ค่ะ ข้าวดิบ ไข่เกือบไหม้ก็เพราะพิม” เธอพูดเสียงอ่อย

    “แต่บะหมี่นี่อร่อยเพราะฝีมือพิมไม่ใช่เหรอ” เขาเย้าให้อารมณ์ดี

    “คุณฉัตร” เธอเขินกับคำชมของเขาที่ไม่ตำหนิความไม่ได้เรื่องนี้

    “เอาล่ะค่ะ ต่อไปน้ำหวานขอให้ทุกบ้านแนะนำตัวให้สมาชิกท่านอื่นได้รู้จัก แล้วก็ลองมาแบ่งปันตำนานความรักของแต่ละคู่ดีไหมคะ ว่ารักกันยังไงหรือหวานกันแค่ไหน โดยขอเริ่มจากบ้านที่อายุมากสุดในกลุ่มนี้นะคะ คุณจอห์นกับคุณฉวีค่ะ”

    เสียงปรบมือจากสมาชิกท่านอื่นดังก้องลาน คุณจอห์นลุกขึ้นยืนพูดด้วยท่าทางอารมณ์ดี เขาเป็นชาวต่างชาติวัยห้าสิบปีที่พูดภาษาไทยชัดเจนไม่เพี้ยนแม้แต่นิดเดียว

    “ผมจอห์นมากับฉวี เราแต่งงานกันมายี่สิบห้าปีไม่มีลูกเพราะผมเป็นหมัน ผมเป็นนักบินเพิ่งเกษียณและมาอยู่เมืองไทยเป็นเรื่องเป็นราวได้สองปี ผมรักภรรยามากเพราะเธอดูแลผมให้มีความสุข” สายตาของหนุ่มใหญ่มองสบมาที่ภรรยาวัยใกล้เคียงกัน

    อรพิมรู้สึกขนลุกเมื่อเห็นจอห์นจับมือภรรยาลุกขึ้นมาเล่าเรื่องชีวิตรักให้คนอื่นฟัง หญิงสาวน้ำตาคลอเบ้ารู้สึกซาบซึ้งและประทับใจกับเรื่องราวความรักที่ทั้งคู่ถ่ายทอดจบลงไปเมื่อครู่

    “น่าตื่นเต้นมากเลยค่ะ พบรักกันเพราะคุณจอห์นป่วยและไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลที่คุณฉวีทำงานอยู่ ไม่น่าเชื่อว่าการเห็นกันทุกวันจะทำให้เกิดตำนานรักข้ามประเทศที่ได้เจอกันแค่ปีละสองครั้ง แต่ความรักยืนยาวนานถึงยี่สิบห้าปีเต็ม” น้ำหวานพูดด้วยความชื่นชม

    ทรงฉัตรจับมืออรพิมมากุมไว้ แค่ตำนานความรักคู่แรกก็ทำให้เขารู้สึกซาบซึ้งและตั้งใจว่าสักวัน ทั้งคู่คงมีเรื่องราวความรักดีๆ ที่น่าจดจำแบบนี้เช่นกัน

    “คู่ต่อมานะคะ น้ำหวานขอดูจากลำดับการจอง เป็นคู่ของคุณน้ำผึ้งกับคุณไกรค่ะ อยู่บ้านไหนเอ่ย” พิธีกรคนเก่งมองหา

    สาวน้อยหน้าหวานสมชื่อน้ำผึ้งยกมือขึ้นอย่างอายๆ พร้อมกับหนุ่มไทยผิวเข้มที่ลุกตามภรรยาแสดงตัวอีกคน ความรักของน้ำผึ้งกับไกรเป็นรักต้องห้ามที่ฝ่าฝันอุปสรรคจนมีวันนี้ได้

    “ผมกับน้ำผึ้งอยู่บ้านใกล้กัน บ้านของน้ำผึ้งรวยกว่าแต่เราสองคนแอบคนกัน จนวันหนึ่งผู้ใหญ่รู้บังคับให้เลิก ตอนนั้นเราทั้งคู่เด็กมากจึงตัดสินใจทำเรื่องโง่ๆ หนีตามกันไป ผมพาน้ำผึ้งไปอาศัยบ้านพี่สาวที่ต่างจังหวัด” ไกรกุมมือภรรยาหน้าหวานไว้อย่างหวงแหน

    “ตอนนั้นพี่ไกรขายลูกชิ้นปิ้งสร้างครอบครัวเล็กๆ ของเรา หนึ่งปีผ่านไปเรามีลูกชายคนแรก พี่ไกรโดนรถชนตอนที่ไปขายของนอนโรงพยาบาลเป็นเดือน น้ำผึ้งเคยคิดจะกลับไปหาที่บ้านเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่สุดท้ายก็ตัดใจยอมเป็นแม่ค้าขายหมูปิ้งจนเก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง พี่ไกรหายแต่ทำงานหนักมากไม่ได้เราจึงมาช่วยกันคิดว่าจะทำอะไรกับเงินที่มี สุดท้ายเราก็ตกลงกันว่าจะเอาไปลงทุนทำลูกชิ้นเองขายเอง จนในที่สุดเราก็มีโรงงานแรกและเริ่มทำเฟรนไชนส์ส่งทั่วประเทศ”

    อรพิมกับทรงฉัตรเพิ่งรู้ว่าสองสามีภรรยาคู่นี้คือเจ้าของลูกชิ้น

    เฟรนไชส์เจ้าใหญ่สุดในประเทศ และถ้าจำไม่ผิดโรงงานที่ทั้งสองเพิ่งขยายสาขาไปไม่นานนี้ เป็นฝีมือการก่อสร้างที่ออกแบบโดยชายหนุ่มนั่นเอง

    “ว้าว ต้องตั้งชื่อว่ามนต์รักลูกชิ้นปิ้งเลยนะคะ ไม่น่าเชื่อว่ากว่าจะมีวันนี้ได้ต้องผ่านอะไรมามาก แต่สุดท้ายเพราะความหนักแน่นในความรักก็ทำให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี น่าชื่นชมมากค่ะ” น้ำหวานเองก็อดซาบซึ้งไปด้วยไม่ได้

    “คู่ต่อไป น้ำหวานขอเชิญคุณสิรีกับคุณดิเรกค่ะ”

    สองสามีวัยสี่สิบต้นๆ ลุกขึ้นทำความรู้จักกับสมาชิกท่านอื่น คุณสิรีเป็นผู้หญิงสาวค่อนข้างเปรี้ยวในขณะที่คุณดิเรกก็เท่ห์และสมาร์ทสมวัย

    “เราสองคนเป็นเพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยมาด้วยกัน เรียนจบก็แต่งงานผมเปิดกิจการส่งออกนำเข้าเกี่ยวกับไฟฟ้าทุกชนิด ส่วนสิรีเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกตอนนี้ลูกสาวคนเล็กเราเพิ่งจะเข้ามหาวิทยาลัยปีที่สอง” คุณดิเรกเล่าเป็นคนแรก

    “แล้วมาที่ร้อยรักรีสอร์ทเพื่อฮันนีมูนเพิ่มความหวานให้มากขึ้นเหรอคะ” น้ำหวานถามขัดขึ้น

    “เราสองคนมาที่นี่เพื่อค้นหาตัวเองว่าความรู้สึกยังเหมือนเดิมไหม ยังรู้ใจกันเหมือนเมื่อก่อนหรือเปล่า ตั้งแต่แต่งงานมาดิเรกทำแต่งานตลอด ไม่เคยมีเวลาให้ครอบครัวเท่าไร นานแล้วที่เราสองคนไม่ได้อยู่กันลำพังแบบนี้ค่ะ” คุณสิรีอธิบาย

    “รับรองว่าห้าวันนี้คุณดิเรกกับคุณสิรีจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันแน่ ที่สำคัญน้ำหวานว่าความหวานชื่นที่ถูกงานเบียดบังเวลาจะต้องกลับมาแน่นอน เอาใจช่วยนะคะ”

    อรพิมชักใจคอไม่ดี ตอนนี้เหลือเพียงสองคู่ที่ต้องเล่าที่มาที่ไปให้ทุกคนฟัง คู่อื่นดูจะมีตำนานรักที่น่าสนใจ แต่เธอกับทรงฉัตรจะบอกใครได้ว่าแต่งงานกันเพราะอะไร และที่สำคัญคือความหวานชื่นที่ควรมีในการแต่งงานก็แทบไม่เห็น

    “คุณฉัตร เราจะเล่าเรื่องจริงของเราให้พวกเขาฟังไหม” อรพิมถามด้วยความกังวล

    “ใจเย็น ผมเล่าเองก็ได้ไม่ต้องกลัวรับรองว่าไม่ให้พิมเสียหน้าแน่ ฟังเรื่องคนต่อไปก่อน” ทรงฉัตรปลอบใจ

    “เราสองคนแต่งงานกันมาได้สิบปีแล้วครับแต่ยังไม่มีลูก ผมจบ

    ด็อกเตอร์เป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ส่วนภรรยาเป็นนักวิจัยของหน่วยงานราชการ” อาจารย์พนมคนเก่งใส่แว่นหนาเตอะเริ่มเล่าเรื่องของตนเอง

    “เราสองคนอยากมีลูกมาก จึงพยายามหาเวลาให้ตรงกันแต่ก็ไม่ได้สักที พอมีคนแนะนำว่าให้ลองมาที่ร้อยรักรีสอร์ทเราสองคนหาวันพักร้อนให้ตรงกัน กว่าจะลงตัวได้ก็ปีหนึ่งพอดี”

    “โอ้ นานมากนะคะ ไม่ทราบว่าพี่ผู้หญิงอยากมาที่นี่ด้วยใช่ไหมคะ” น้ำหวานชวนวลัยสาววัยสามสิบต้นๆ ท่าทางคงแก่เรียนคุย

    “ค่ะ เพราะงานในสถาบันค่อนข้างเยอะ จะลาแต่ละครั้งก็ต้องรอให้โปรเจคจบก่อน พอคุณพนมชวนตอนแรกเราจะมาตั้งแต่ปีที่แล้วแต่ติดที่ดิฉันทำโปรเจคไม่จบ เลยต้องยกยอดมาเป็นปีนี้กว่าจะมาได้เราสองคนต้องเร่งเคลียร์งานกันเป็นเดือน หวังว่ากลับไปเราอาจจะมีลูกหรือไม่ก็...” นักวิจัยสาวแก้มแดงระเรื่อ

    “หรือไม่ก็วลัยอาจจะยอมลาออกจากงานมาดูแลผมและรอคอยลูกของเราที่จะมาเกิดครับ” อาจารย์พนมหวังเป็นเช่นนั้น

    “ขอให้โชคดีค่ะ ถ้าเป็นไปตามหวังอย่าลืมส่งข่าวให้เราทราบบ้างนะคะ” น้ำหวานอวยพรจากใจจริง

    คู่สุดท้ายเป็นคู่ของทรงฉัตรและอรพิม ชายหนุ่มกุมมือหญิงสาวลุกขึ้นมาเล่าเรื่องให้ทุกคนฟังที่รอฟังอย่างตั้งใจ

    “ผมกับพิมเราเพิ่งแต่งงานกันได้สองเดือนกว่า เรายังไม่รู้จักกันมากเพราะผู้ใหญ่จัดการให้ แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมยอมรับว่ามีทั้งความสุขและความอึดอัดใจหลายอย่างในชีวิตคู่ มีอีกหลายเรื่องรอให้เราไปจัดการให้เรียบร้อย” ทรงฉัตรกุมมือหญิงสาวไว้แน่น เพราะรู้ดีว่าตอนนี้อรพิมกำลังตื่นเต้นที่จะตอบคำถาม

    “แล้วคุณอรพิมล่ะคะ แต่งงานสองเดือนเป็นยังไงบ้าง คุณทรงฉัตรเป็นสามีที่ดีไหม” น้ำหวานสัมภาษณ์ต่อ

    “คุณฉัตรเป็นสามีที่ดีมากค่ะ แม้บางครั้งจะพูดไม่รู้เรื่องไปบ้างแต่สุดท้ายเราก็พยายามทำให้ทุกอย่างมันดีที่สุด”

    “แล้วสิ่งที่คิดไว้หลังจากนี้ล่ะคะ จะมีลูกกันกี่คน ครอบครัวจะเป็นยังไงต่อ”

    “เราสองคนจะพยายามสร้างความมั่นคงให้กับความรักที่เริ่มต้นนี้ก่อน ผมจะพิสูจน์ให้พิมรู้ว่าผมจริงใจแค่ไหน ส่วนเรื่องลูกจะมีกี่คนอันนี้แล้วแต่พิมตัดสินใจเลยครับ ผมพร้อมเสมอ” สายตาหวานฉ่ำที่ส่งมาหาหญิงสาวทำให้อรพิมหน้าแดงเล็กน้อย

    อรพิมโล่งใจที่ทรงฉัตรเลี่ยงเล่าถึงชีวิตก่อนหน้าการแต่งงานว่าเพราะอะไรทั้งสองถึงลงเอยกันจนวันนี้ ชายหนุ่มพูดเพียงแค่ความรู้สึกที่มีต่อตัวเธอในเวลานี้

    ผมจะใช้ความรักทั้งหมดที่มีสร้างครอบครัวที่มีความสุข พิมเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผมอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยตลอดชีวิต

    อรพิมแทบไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นเจตนาความคิดที่ทรงฉัตรมีต่อชีวิตคู่ที่เพิ่งเริ่มต้น เธอแทบอยากจะบอกเขาตอบไปว่าคิดแบบนั้นเช่นกัน แต่สิ่งที่ทำได้ก็คือยิ้มและเก็บความรู้สึกไว้ในหัวใจเท่านั้น

    กิจกรรมวันแรกผ่านไปด้วยดี สมาชิกทุกคนรู้จักกันมากยิ่งขึ้น ทุกคนต่างช่วยกันแบ่งปันประสบการณ์ในชีวิตคู่ให้กับคนอื่นได้รู้ ทรงฉัตรกุมมือของอรพิมไม่ยอมห่าง เขาแสดงให้ทุกคนเห็นว่าห่วงใยเธอมากแค่ไหน

    ค่ำคืนแรกที่ร้อยรักรีสอร์ท ทรงฉัตรดึงร่างนิ่มเข้ามากอดแล้วหอมชื่นใจฟอดใหญ่ หญิงสาวบ่ายเบี่ยงไม่อยากให้เขาเข้าใกล้พยายามห้ามใจไม่ให้สร้างความลึกซึ้งทั้งกายและใจขึ้นมาอีก อย่างน้อยมันอาจทำให้อรพิมรู้สึกทำใจได้เร็วขึ้น

    “พิม พรุ่งนี้ไม่ได้ทำงานซะหน่อย” ทรงฉัตรตัดพ้อเล็กน้อย       

    “พรุ่งนี้มีกิจกรรมกลางแจ้ง เหนื่อยแค่ไหนก็ไม่รู้นอนเอาแรงเถอะค่ะ” อรพิมขยับตัวออกห่าง บรรยากาศและสถานที่เป็นใจแบบนี้เธอไม่อยากให้แรงอารมณ์นำพาไปจนเกิดปัญหาอื่นตามมา

    “พิม เป็นอะไร” ทรงฉัตรเงยหน้ามองหญิงสาว

    “ทำไมพิมถึงได้ไม่อยากเข้าใกล้ผมนัก ผมทำอะไรให้พิมโกรธเหรอ” ชายหนุ่มง้องอน

    “คุณฉัตร ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ” หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นนั่ง จะบอกเขาอย่างไรดีว่าตอนนี้หัวใจเธอปวดร้าวแค่ไหน

    “แล้วทำไม ทำไมพิมทำเหมือนรังเกียจผม เราคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ” เขาเกยหน้าลงบนบ่าบาง

    “คุณฉัตรคะ พิมมีเรื่องจะบอก” อรพิมตัดสินใจแล้ว ช้าหรือเร็วก็ต้องบอกอยู่ดี

    “อะไรจ้ะ” เขาเขี่ยปลายผมที่ตกบนบ่าบางออก แล้วก้มลงหอมอีกฟอด

    “กลับไปพิมจะกลับไปอยู่บ้าน”

    ทรงฉัตรตกใจกับสิ่งที่หญิงสาวพูด อารมณ์ดีๆ เมื่อกี้พาลจะหดหาย เกิดอะไรขึ้นเพราะอะไรทำไมอรพิมถึงคิดจะกลับไป

    “ไม่ได้นะพิม เราแต่งงานกันแล้ว พิมก็ต้องอยู่บ้านผมสิ” ทรงฉัตรโวยวายเสียงดัง

    “หรือถ้าพิมไม่อยากอึดอัดแต่ในห้อง ผมขอที่ข้างบ้านปลูกอยู่กันเฉพาะเราสองคนก็ได้” ชายหนุ่มคิดหาทางออก

    “มันไม่ใช่เรื่องนั้นค่ะ คุณฉัตร” อรพิมไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี

    “แล้วมันเรื่องอะไร ผมไม่ให้พิมไป ถ้าพิมจะกลับบ้านก็ต้องบอกเหตุผลมาก่อนว่าเพราะอะไร” เขาจ้องหน้าหาคำตอบจากหญิงสาว

    อรพิมถอนหายใจไม่รู้จะพูดกับชายหนุ่มอย่างไรดี ความเงียบคือคำตอบที่ดีที่สุดของหญิงสาว แต่มันคือไฟที่เผาใจทรงฉัตรให้ร้อนรุ่มจนทนไม่ไหว

    “พิม บอกผมว่าทำไมมีเรื่องอะไรไม่สบายใจ ใครทำให้พิมรู้สึกไม่ดี บอกผม” เขาเข้ามากระแซะกอดรัดหญิงสาวไว้

    “ไม่มีค่ะ พิมอยากกลับเอง คุณฉัตรอย่าสนใจเลยค่ะ นอนเถอะ” อรพิมตัดบท ขืนพูดไปรังแต่จะทะเลาะกันเปล่าๆ กลับไปจัดการทุกอย่างทีเดียวมันคงจะง่ายขึ้น

    “พิม” ชายหนุ่มรั้งตัวเธอเข้ามากอด

    “เรื่องนี้พูดกันทีหลังก็ได้ แต่ผมขออะไรพิมอย่างได้ไหม” เขาเชยคางเธอขึ้น

    “คุณพ่อให้เรามาที่นี่เพื่อหาเวลาให้เราสองคนได้รู้จักและใกล้ชิดกันมากขึ้น ผมขอได้ไหม ขอเวลาที่นี่เป็นของผมเป็นของเรา ลืมเรื่องที่อยู่นอกรีสอร์ทให้หมด ที่นี่มีแต่เรามีบ้านของเรามีครอบครัวของเรามีเราสองคนได้ไหม”

    อรพิมน้ำตาซึมเมื่อได้ยินคำขอของทรงฉัตร เธอเองก็อยากได้เวลาแบบนี้เหมือนกัน เวลาที่มีแต่เราไม่มีใครหรือคำพูดใดมาแทรกคั่นกลางให้เธอต้องทำห่างเหินหรือทำเย็นชาใส่เขา หญิงสาวน้ำตาร่วงเปรอะแก้มนวลห้ามไม่ให้มันร้องไห้ยังง่ายกว่าห้ามไม่ให้รู้สึกดีกับทรงฉัตร

    “ผมรู้ว่าพิมมีอะไรในใจที่ไม่ได้บอก แต่ผมจะไม่ถามให้พิมรำคาญใจ แต่รับปากผมได้ไหมเรามาที่นี่เพื่อรู้จักกัน ถ้าคนสองคนมีอคติเข้าหากันแล้ว มันจะรู้จักกันได้ไง” ชายหนุ่มตั้งใจแล้วเวลาที่มีห้าวันนี้ เขาจะทำทุกวิถีทางให้อรพิมรู้ความในใจ

    “สัญญาได้ไหม ถ้าหลังห้าวันนี้ผมทำให้พิมยอมรับไม่ได้ ผมยินดีรับความพ่ายแพ้นั้น”

    “คุณฉัตร” อรพิมครางเรียกชื่อเขา อยากจะบอกเหลือเกินว่าเธอยอมรับทั้งตัวและใจแล้วว่า ทรงฉัตรคือผู้ชายคนแรกและคนเดียวในชีวิต หัวใจของอรพิมมีทรงฉัตรเข้ามานั่งอยู่ในนั้นนานแล้ว

    “นะ พิม ผมขอ” เขาวอนทั้งน้ำเสียงและท่าทางที่แสดงความบริสุทธิ์ใจจริง

    “ค่ะ” เธอรับคำด้วยความเต็มใจ

    ไม่อยากฝืนความรู้สึกตัวเองอีกต่อไปแล้ว ไม่อยากต้องทำเป็นหมางเมินใส่กัน ไม่อยากสะกัดกั้นความรักความห่วงใยที่ชายหนุ่มมอบให้ มันสุดจะทนแล้วจริงๆ

    “ห้าวันจากนี้ไปมีแค่เราสองคนเท่านั้นพิม”

    ชายหนุ่มประคองร่างนิ่มที่เฝ้าคิดถึงลงบนเตียงที่ปูไว้รอท่า ความรักความคิดถึงที่ทรงฉัตรมีต่ออรพิม ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นไฟรักที่เผาผลาญความเย็นชาของหญิงสาวไปจนหมดสิ้น เธอพ่ายแพ้ต่ออารมณ์ที่เขาชักจูงด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยคำว่ารักจากผู้ชายคนนี้

     

    กิจกรรมในวันที่สองมีชื่อว่าทดสอบรัก สมาชิกทุกคนจะได้รับใบเริ่มต้นคนละหนึ่งใบว่าให้เดินทางไปต่อที่ฐานไหน และจากนั้นจะได้คำสั่งต่อไปว่าให้ไปไหนต่อ ทุกบ้านเตรียมพร้อมสำหรับกิจกรรมนี้ น้ำหวานแจกถุงผ้าคนละใบให้ใส่ของรวมถึงอาหารกลางวันที่เตรียมไปด้วย

    “เอาล่ะคะ เราจะกลับมาเจอกันที่นี่ก่อนห้าโมงเย็นนะคะ เดินทางปลอดภัยและพบกันที่ฐานสุดท้ายค่ะ”

    หลังบ้านพักเป็นแนวต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกเรียงไว้เป็นแถว ทรงฉัตรกับอรพิมได้กระดาษใบที่ห้า สถานที่ที่ต้องไปคือหลังบ้านตัวเอง

    “หลังบ้านมีอะไรคะ ทำไมต้องมาหลังบ้านด้วย” อรพิมสงสัย

    “นี่ไงจ้ะ” ชายหนุ่มหยิบท่อนไม้ขนาดเหมาะที่มีปลายแหลมขึ้นมาได้

    “กระดาษอยู่ที่ปลายค่ะ คุณฉัตร” หญิงสาวร้องบอกด้วยความตื่นเต้น

    “หาทางไปลำธาร นี่นั่นมีอาหารเย็นมื้ออร่อยรออยู่ จุดที่สามเดินตรงไปจะเจอเครื่องครัว” ชายหนุ่มอ่านข้อความในกระดาษ

    “ลำธาร ที่นี่มีลำธารด้วยเหรอคะ”

    ทั้งคู่มองหน้ากันเป็นเชิงปรึกษา ก่อนจะตัดสินใจเอาไม้ปลายแหลมไปด้วย พร้อมกับเดินตามทางที่เขียนไว้

    จุดที่สามที่ทั้งสองเดินมาไกลจากบ้านพอสมควร ที่นั่นมีตู้กับข้าวตั้งอยู่พร้อมกับกระดาษใบหนึ่งเขียนไว้

    “ทำปลาเผาที่จับมาจากลำธารเลี้ยงคนทั้งหมด เตรียมของทำปลาเผาให้พร้อม ก่อนห้าโมงเย็นต้องเอาปลามาให้ทุกคน”

    อรพิมอยากจะบ้าตาย นี่เป็นกิจกรรมทดสอบความรักหรือแข่งขันทำกับข้าวกันแน่ ให้ไปจับปลาจากลำธารโดยให้แบกเครื่องครัวไปทำที่นั่นด้วย หญิงสาวมองดูอุปกรณ์ครัวด้วยความอ่อนใจ

    “ปลาเผาทำยังไงล่ะคะ” น้ำเสียงหญิงสาวท้อแท้เหลือเกิน

    “อาหารขี้เมาดีไหม” ทรงฉัตรเสนอความคิด

    “เป็นไงคะ อาหารขี้เมา” หญิงสาวสงสัย

    “สมัยเรียนเด็กวิศวะอย่างผมเมาเป็นว่าเล่น ถ้าปลาเผาเป็นของแก้มเหล้าก็พอรู้” ชายหนุ่มหยิบอุปกรณ์ทุกอย่างที่ต้องการใส่ถุงผ้าที่น้ำหวานแจกให้ เขาเปลี่ยนให้เธอถือไม้แล้วเอาถุงผ้ามาแบกไว้เอง ไม่อยากให้อรพิมหนัก

    “ไปไหนต่อคะ” เธอถามถึงฐานต่อไป ตอนนี้อากาศเริ่มร้อนอบอ้าว เหงื่อเริ่มซึมแล้ว

    “เดินไปทางซ้ายแล้วพักกินข้าว ถ้าหาเจอจะมีสูตรปลาเผารสเด็ด”

    “ไปพิม ถ้าเราไปถึงเร็วหาสูตรเจอแล้วของที่เอาไปขาด เราจะได้กลับมาเอาทัน” ทรงฉัตรรอบคอบเสมอ

    จากฐานนั้นมาฐานใหม่กินเวลาพอสมควร เนื่องจากเส้นทางค่อนข้างจะเป็นป่ารก ทรงฉัตรต้องคอยมองป้ายลูกศรที่ชี้ไปเป็นระยะ เพราะกลัวว่าถ้าพลาดอาจจะหลงป่าได้

    มาถึงฐานใหม่ชายหนุ่มเอาขนมปังทาแยมพร้อมกับไส้กรอกที่เตรียมมาแบ่งให้อรพิม ขวดน้ำที่เอามาเพียงสองขวดต้องแบ่งกันจิบแก้กระหาย ทั้งคู่ไม่คิดว่าอากาศจะร้อนจะต้องเดินไกลขนาดนี้

    “อิ่มไหม พิม” ชายหนุ่มถามด้วยความห่วงใย

    “อิ่มค่ะ คุณฉัตรอิ่มไหม เหงื่อออกเต็มหน้าเลย ร้อนเหรอคะ” หญิงสาวรีบเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้

    “ผ้าชุบน้ำหน่อยนะคะ จะได้เย็น” เธอเทน้ำจากขวดตัวเองลงบนผ้าแล้วเช็ดหน้าให้ทรงฉัตร

    “พิมก็ร้อนเหมือนกัน เหงื่อออกเต็มเลย” ชายหนุ่มเอาผ้าซับเหงื่อให้หญิงสาวด้วย

    “พิมไม่ร้อนค่ะ เราหาสูตรปลาเผาดีกว่า” เธอเตือนเพราะเกรงว่าเวลาจะหมด

    “นั่นสิ อยู่ที่ไหนนะสูตร” ทรงฉัตรนึกได้รีบช่วยกันหา

    ฐานนี้เป็นเพิงไม้ไผ่มีแคร่ให้นั่งพัก อรพิมตาไวเห็นสมุดเหน็บไว้บนหลังคา จึงร้องเรียกให้ชายหนุ่มเอาลงมาอ่าน

    “เราลืมตะไคร้ดับกลิ่นคาวปลากับเกลือที่จะเอามาทา” ชายหนุ่มสำรวจว่าหยิบอะไรมาบ้าง

    ในถุงมีทุกอย่างครบขาดแต่สองอย่างที่พูดมาเมื่อครู่

    “พิมรอผมอยู่ที่นี่นะ เดี๋ยวผมวิ่งกลับไปเอาแป๊ปเดียว”

    “แต่ว่าพิม” อรพิมไม่กล้าอยู่คนเดียวกลางป่า แม้รู้ว่าทรงฉัตรไปคนเดียวจะเร็วกว่า

    “ผมไปแป๊ปเดียว พิมอยู่ตรงนี้ห้ามไปไหนเด็ดขาด เข้าใจไหม อีกฐานเดียวเราก็จะเสร็จแล้ว” เขากำชับ

    หญิงสาวจำต้องพยักหน้าและรอเขาอยู่ที่นี่ บรรยากาศรอบๆ แม้เป็นเวลากลางวันอรพิมก็ยังรู้สึกกลัว กลางป่ากลางเขาแบบนี้ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นใครจะช่วยเธอทัน

    ทรงฉัตรรีบวิ่งไปและรีบวิ่งกลับ เขาเป็นห่วงที่ทิ้งอรพิมไว้แบบนั้น ชายหนุ่มคว้าของที่ขาดได้ก็รีบวิ่งกลับไปทางเดิมทันที

    “คุณฉัตร” อรพิมวิ่งไปหาเขาทันทีที่เห็นหน้า

    “ได้ของมาครบแล้ว ไปกันเลยไหม เราต้องไปจับปลาอีก” ทรงฉัตรพูดไปหอบไป

    “คุณฉัตรพักก่อนไหมคะ ดูสิ เหงื่อออกอีกแล้ว” หญิงสาวรีบเอาผ้าชุบน้ำอีกรอบแล้วเช็ดหน้าให้เขา

    ทรงฉัตรหายร้อนเมื่อมีมือนุ่มพร้อมกับผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้ ต่อให้ร้อนกว่านี้เขาก็ไม่บ่น ถ้ามีอรพิมคอยดูแลเป็นอย่างดี สองคนเตรียมเดินทางไปฐานสุดท้ายเพื่อหาทางไปลำธาร กว่าที่จะไปถึงก็ต้องแบกอุปกรณ์ต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ทั้งเหนื่อยทั้งร้อนทั้งหนักและทั้งไกล

    “นั่นไงคะ ลำธารเราถึงที่แล้ว คุณฉัตร” อรพิมร้องตะโกนลั่นอย่างดีใจ

    น้ำตกที่ไหลมาจากหน้าผาสูงชัน กระแสน้ำที่เชี่ยวกราดและความเย็นฉ่ำจากไอน้ำทำให้ทั้งสองแทบหายเหนื่อย ทรงฉัตรกองอุปกรณ์ทำปลาเผาทิ้งไว้ที่ริมตลิ่งก่อนจะลงไปกระโดดน้ำให้ชื่นใจ ขออาบน้ำให้หายเหนื่อยแล้วค่อยย่างปลากลับบ้านแล้วกัน

    ไม่เพียงแค่ทรงฉัตรคนเดียวที่สนุกกับการเล่นน้ำ ชายหนุ่มวิ่งมาดึงอรพิมลงไปเล่นน้ำด้วยกันอีกคน ความร้อนและความเหนื่อยที่เดินทางมาไกลหายเป็นปลิดทิ้ง ทรงฉัตรชวนเธอแวกว่ายในลำธารอย่างมีความสุข

    “คุณฉัตร หายไปไหนคะ” อรพิมตกใจเมื่อเขาดำน้ำหายไป

    “คุณฉัตร อย่าทำแบบนี้” เธอตะโกนร้องเรียกชื่อดังลั่น

    ไม่มีร่างของทรงฉัตรโผล่ขึ้นจากน้ำ เมื่อครู่เขายังเพิ่งดำน้ำมาโผล่ข้างๆ ให้ตกใจเล่นก่อนจะดำหายไปอีกครา แต่ครั้งนี้ชายหนุ่มไม่โผล่ขึ้นมาสักทีฃ

    “คุณฉัตร” อรพิมชักใจคอไม่ดี

    ไม่มีเสียงตอบรับหรือการแสดงว่าเขาได้ยินที่เธอเรียก อรพิมภาวนากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่าให้เกิดอะไรขึ้น หญิงสาวกลั้นใจดำน้ำลงไปตามหาชายหนุ่ม ไม่มีแม้ร่างของเขาเลย

     

    Thumbnail Seller Link
    วิวาห์พยศรัก
    ยิปซี
    www.mebmarket.com
    ชีวิตคู่เริ่มต้นแสนจืดชืด แต่ใครจะรู้เล่าว่า 'รักหน้าตาธรรมดา' คือของขวัญวิเศษในชีวิตหมายเหตุท่านใดที่โหลดแล้วไม่ต้องโหลดอีกนะคะ ย...
    Get it now
    Thumbnail Seller Link
    จำนนรักจอมมาร
    อิ่มอุ่น
    www.mebmarket.com
    “ถ้าขืนพูดคำว่าจะหย่า ผมจะจูบแบบเมื่อคืนนะ รู้ไหม เอ๊ะ หรือว่าต้องทำให้ดูก่อนว่าเป็นไง” โมกข์กระซิบข้างๆ หูแล้วหัวเราะเบาๆ  ลมหายใจอุ่นๆ ร...
    Get it now
    Thumbnail Seller Link
    ซาตานทวงรัก
    อิ่มอุ่น
    www.mebmarket.com
    ไม่มีใครรู้หรอกว่า “ความหวง” รุนแรงแค่ไหน “ความห่วง” คือทุกข์ที่เผาใจให้อยู่ไม่เป็นสุข “ความห่าง” คือความทรมาน...
    Get it now
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×