ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บทที่6 คืนวายุที่หวนกลับ
คืนวายุที่หวนกลับ
"เหมียว!!"สาวน้อยที่อยู่บนบ่าร้องเสียงหลง แต่ก็ไม่มีอาการขัดขืนใดๆ เพียงแค่สาวน้อยเริ่มตัวสั่นหูและหางสะดุ้งเหือกใหญ่และใบหน้าที่แดงขึ้น
"ท่านมุคุโร่ปล่อยโคลมละ..ลงด้วยค่ะโคลมกะ..กลัวเหมียว~"โคลมขอร้องให้มุคุโร่ปล่อยตัวเองลงแต่กลับไม่เป็นผลมุคุโร่ยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ
"ตัวสั่นไปหมดแล้วน่ะครับ ทำแบบนี้ยิ่งไม่อยากปล่อยลงเลยครับ เหมียวโคลมที่น่ารักของผม~"มุคุโร่ตอบกลับมาอย่างสะบายอารมย์
โคลมเริ่มตัวสั่นมากกว่าเิดิมและรู้สึกว่าใบหน้าเริ่มแดงมากขึ้น หูและหางอันฟูฟ่องเริ้มหดเข้ามาหาตัว และแล้วโคลมก็สลบบนบ่าของมุคุโร่อย่างง่ายดาย มุคุโร่ยังคงเดินต่อจนมาถึงหน้าห้องของตัวเอง เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบกับกล่องและถุงมากมายวางอยู่ตรงพื้นและบนโต๊ะ มุคุโร่ไม่สนใจสิ่งของพวกนั้นพร้อมทั้งเดินต่ิอไปยังเตียงขนาดใหญ่แล้วจึงวางร่างของสาวน้อยที่สลบบนบ่าของตนพร้อมทั้งคลุ่มผ้าห่มลงบนร่างบางก่อนที่จะจูมพิตลงบนข้อมือของร่างบาง แล้วจึงเดินออกจากห้องไป
ตอนนี้เป็นเวลาประมาณ5โมงเย็นสภาพอาการภายนอกฟ้าเริ่มครึมและเต็มไปด้วยหมู่เมฆสีดำเทาทั่วท้องฟ้า ลมเริ่มพัดมาเร็งขึ้นเลื่อยๆพร้อมทั้งเสียงฟ้าร้องที่ดังไปทั่วทุกที่คนสวนและคนใช้อื่นๆต่างมองขึ้นไปบนท้องฟ้า และในไม่ช้าหยดน้ำเม็ดเล็กๆก็ตกลงมาสู่เบื้องล่างแต่แล้วหยดน้ำเม็ดเล็กๆก็ใหญ่ขึ้นและเริ่มกระหน่ำหนักมากทั่วทั้งพื้นที่เปียกแฉะไปด้วยหยดฝน อากาศหนาวเย็วเพราะฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก
ณ หวงนิทราของเหมียวโคลม
'ที่นี้ที่ไหน...อ๊ะ'
บรรยากาศโดยรอบเป็นหมู่บ้านขนาดปานกลางห่างจากตัวเมืองของญี่ปุ่นไม่น้อยแต่ก็ไม่มากหญิงสาวรีบเดินตรงไปข้างหน้าและหยุดนิ่งอยู่กลับที่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นบ้านหลังหนึ่ง
ซึ่งมีชายวัยกลางคนนั้งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนม้านั้งที่สวนหลังบ้าน และหญิงวัยกลางคนเดินออกมาจากบ้านพร้อมถือถาดอาหารซึ่งมีเหยือกน้ำบรรจุน้ำมะนาวไว้ครึ่งเหยือกและแก้วอีก3ใบ เดินตรงมาที่ชายคนนั้นแล้วจึงวางถาดลงบนโต๊ะข้างหน้าชายวัยกลางคน แล้วจึงเดินไปนั้งข้างๆชายวัยกลางคนและชายคนนั้นก็พับหนังสือพิมพ์วางบนโต๊ะแล้วจึงหันไปหาหญิงไว้กลางคนและหอมแก้มหญิงคนนั้น ทั้งสองได้พูดคุยกัน
ก่อนที่จะมีกลิ่มของคุกกี้ลอยออกมาจากในบ้านและประตูหลังบ้านก็เปิดออกปรากฎร่างของหญิงสาวผมยาวสีม่วงเดินถือจานที่มีคุกกี้ที่อบเสร็จออกมา แล้วเดินตรงไปที่ชายหญิงวัยกลางคนแล้วจึงวางจานคุกกี้ลงบนโต๊ะแล้วนั้งลงบนม้านั้งตรงข้ามชายหญิงวัยกลางคน และทั้งสามก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
'คุณพ่อ คุณแม่และ...โคลมทะ..ทำไมมีโคลม2คนล่ะมะ..ไม่จริง!'
หญิงสาวเห็นอย่างนั้นแล้วจึงรีบวิ่งไปหาบุคคลที่ตนเองเรียกว่า่พ่อและแม่แต่กลับไม่ไปไหนยังคงอยู่กลับที่แม้ว่าจะพยายามออกแรงวิ่งมากแค่ไหน
'คุณพ่อ คุณแม่คุ่ะโคลมอยู่นี้ค่ะ'
'คุณพ่อ...คุณแม่ค่ะ...'
และแล้วบรรก็เปลี่ยนไปเป็นถาพของเมืองที่กำลังสั่นไหวและที่ฟ้าที่โหมกระหน่ำด้วยหยาดฝน เสียงของฟ้าร้อง และสายฟ้าที่ฟาดลงบนต้นไม้และสิ่งของต่างๆ
ตัดไปที่บ้านหลังเดิมที่สั่นไหวด้วยแรงของแผ่นดินไหวและลมพายุที่โหมกระหน่ำ สถาพของบ้านหลังคาและผนังบางส่วนหลุดออกไปตามแรงพายุและแผ่นดินไหว ข้าวของในบ้านร่วงลงบนพื้อนสิ่งของบางอย่างถูกหลังคาและผนังของบ้านทับเป็นอันมากน้ำฝนจากพายุนองทั่วพื่นของบ้าน
ในห้องครัวมีพ่อและแม่กับลูกสาวหลบอยู่ใต้โต๊ะพ่อได้กอดภรรยาและลูกสาวไว้ ภรรยากอดลูกสาวไว้แน่น ทั้งพ่อและแม่กอดให้ลอกสาวอยู่ตรงกลางเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกสาวสุดที่รักโดนข้าวของที่ตกลงมากระแทกเข้าเป็นการให้กำลังใจลูกสาวและให้ความอบอุ่นแก่ลูก
'อะ..อะไรกัน นี้มันอะไรกัน'
'คุณพ่อ คุณแม่ค่ะนี้มันคืออะไรค่ะ'
โคลมพูดออกมาแต่ก็ยังไม่ละสายตาไปจากถาพที่เห็น
แผ่นดินไหวและพายุได้หยุดลงพ่อแม่และลูกสาวได้คลายออกจากใต้โต๊ะหลังจากแน่ใจแล้วว่าทุกสิ่งได้หยุดลงแล้ว แต่แล้วกลับแมีเสีบงฝีเท้าของคนจำนวนไม่น้อยเดินเข้ามาภายในบ้าน
ผู้เป็นพ่อได้เดินออกไปดูและต้องตกใจเมื่อเสียงฝีเท้าเหล่านั้นเป็นของชายชุดดำประมาณ5-6คน พ่อรีบเดินตรงไปหาชายชุดดำและสั่งให้ทั้งหมดออกไปจากบ้านของตน แต่ชายชุดดำก็ไม่ขยับไปไหนและพูดคุยกลับพ่อต่อ พ่อพลักชายตรงหน้าและแล้วความอดทนของชายชุดดำก็ขาดลง ชายชุดดำได้นำปืนที่พกมายิงใส่ตรงกลางหัวใจของคุณพ่อ5นัด
'คุณพ่อค่ะ!!' โคลมตะโกนออกมาแต่ก็คงไม่มีใครได้ยินเพื่อนนี้เป็นเพียงถาพในความทรงจำที่หายไปของโคลมเท่านั้น
สิ้นเสียงปืนฝนก็เริ่มโปรยปลายลงมาอีกครั้งแต่ไม่หนักมาก คุณแม่เมื่อได้ยินเสียงของปืนจึงรีบสั่งให้ลูกสาววิ่งออกไปทางหลังบ้านและได้กำชักว่าไม่ให้กลับมาแม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นขอให้ลูกวิ่งต่อไปเลื่อยๆอย่าได้หยุดหรือกลับมา
ลูกสาวรีบใส่รองเท้าและเปิดประตูหลังบ้านผู้เป็นแม่ก็ยังคงยืนดูลูกสาวก่อนที่ลูกจะออกไปแม่รีบวิ่งไปสวมกอดลูกสาวและกระซิบข้างหูว่า
'โคลมแม่และพ่อรักลูกมาก และจะอยู่กับลูกตลอดไป แม้ว่าจะไม่ได้อยู่เคียงข้างแต่ ลูกจำไว้น่ะจ๊ะว่าลูกไม่ได้อยู่คนเดียว ดูแลตัวเองด้วยน่ะค่ะเอาล่ะไปได้แล้วจ๊ะดวงใจของแม่และพ่อ'
หญิงสาวรีบวิ่งออกไปท่ามกลางสายฝน เมื่อวิ่งได้ไม่นานก็มีเสียงปืนดังมาอีก2นัดพร้อมทั้งเสียงร้องของผู้เป็นแม่ หญิงสาววิ่งไปร้องไห้ไปและมีเสียงร้องของตัวเอง เสียงของสายฝนที่โหมกระหน่ำ และเสียงของฟ้าร้อง ที่อยู่ร่วมทางกับหญิงสาวตลอดทาง
'คุณแม่ค่ะ' โคลมตะโกนอีกครั้งทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีประโยชน์ เธอไม่สามารถเปลี่ยนความทรงจำของเธอได้
หญิงสาวไม่รู้ว่าวิ่งไปทางไหน ไม่รู้ว่าวิ่งไปแล้วจะรอกหรือไม่ แต่หญิงสาวก็ยังคงวิ่งไปเรื่อยๆ แม้ว่าแรงจะหมดแต่คำสั่งที่แม่ให้ไว้ยังคงก้องอยู่ในหัวและคำพูดที่แม่ได้พูดก่อนออกจากบ้านยังคงเป็นแรงผลักดันให้เธอวิ่งต่อไปได้
ถึงแรงจะไม่เหลือแล้วแต่ว่าขาก็ยังคงวิ่งตรงไปข้างหน้าเลื่อยๆ และแล้วเธอก็ได้เจอเมื่องแห่งหนึ่ง เมื่อเห็นอย่างนั้นขาที่ยังวิ่งอยู่ก็ยิ่งวิ่งเร็วขึ้น หญิงสาววิ่งเข้าไปในเมืองนั้นและแล้วเธอก็วิ่งมาถึงหน้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง
เธอยังคงวิ่งต่อแต่แล้วรถที่แล่นผ่านมาชนเธอกลิ้งไปชนกับกำแพงโรงเรียน หัวของเธอกระแทกกับกำแพง รถที่ชนได้แล่นหนีไปทิ้งร่างของหญิงสาวไว้ ร่างของเธอได้มีรอยแผลเต็มตัว รวมถึงร่องลอยของแผลสดที่พึ่งได้รับมา เลือดสดๆสีแดงไหลรินออกจากร่างของเธอและได้ผสมกับน้ำฝนที่นองเต็มพื้น สติสุดท้ายของเธอได้หมดลงแล้วเหลือแต่ความมืดที่อยู่รอบตัวเธอ
'ม่ะ..ไม่จริง...ไม่จริง..คุณพ่อ...คุณแม่...ตะ..ตายแล้ว'
แต่แล้วก็ได้มีถาะขึ้นมาอีกเป็นถาพในจิตนาการของโคลมในอดีต เป็นถาพของพ่อและแม่ที่น่าจะเสียชีวิตไปแล้วแต่ได้เป็นวิญญามาหาลูกสาวที่รัก พ่อและแม่ได้ใช้พลังเหือกสุดท้ายช่วยชีวิตลูกสาวสุดที่รักดังดวงใจ ด้วยการใช้หลังรักษาลูกสาวไว้แต่ต้องแลกด้วยการที่เธออาจจะต้องเป็นแมวในบ้างครั้ง
หลังจากนั้นร่างของหญิงสาวที่มีบาทแผลรอบตัวกลับหายไปหมดเหลือแต่บาดแผลจากรถชนที่ทำให้ตาข้างหนึ่งของเธอบอด และร่างของเธอก็เปล่งแสงแล้วกลายเป็นแมวตัวเล็กสีม่วง และถาพก็เลือนรางและหายไปกับความมืด
โคลมที่ยืนมองเหตุกานทั้งหมดได้นั่งหดตัวในหวงแห่งความมืดและเริ่มร้องไห้ออกมา
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
มิวมิว-สวัดดีค่ะคุณผู้อ่านทุกคนนิ๊ว~
มิวมิว-ดิฉันยังคงอยู่กับแขกรับเชิญคนเดิม แต่ว่ามีเรื่องให้แปลกในอย่างสุดซึงนิ๊ว~
เรียวแฮ-ก็คือการที่ฉันหายจากตอนที่แล้วอย่างสุดขั้ว!!!
มิวมิว-ใช่แล้วล่ะ อ๊ะลืมเรียกแขกรับเชิญออกมานิ๊ว~
เรียวแฮ-เชิฺญออกมาเลยไอ้คุณบอส!
ซัลซัส-ไอ้พวกสวะ!แกกล้วลืมฉันได้ไงฮะ!!
มิวมิว-แหมก็คนมันดีในนี้น่าที่เรียวแฮกลับมาแล้วอ่ะนิ๊ว~
ซัลซัส-กล้าคิดว่าคนอืนสำคัญกว่าฉันหรือไงฮะไอ้สวะซีอิ๊ว!!!
มิวมิว-แหมหึงหรอนิ๊ว~
เรียวแฮ-มีอะไรกันหรอ
ซัสซัส-ไม่มีอะไรทั้งนั้นโว้ยไอ้พวกสวะ!!!
มิวมิว-ช่างเถอะเบื่อแล้วนิ๊ว~
เรียวเฮ-อย่าลืมโหวต+เม้นอย่างสุดหูรูด!!!
//เหอๆขอโทดน่ะค่ะที่มาอัพช้าไปมากมายเลยอ่ะนิ๊ว~
Umi' maka
"เหมียว!!"สาวน้อยที่อยู่บนบ่าร้องเสียงหลง แต่ก็ไม่มีอาการขัดขืนใดๆ เพียงแค่สาวน้อยเริ่มตัวสั่นหูและหางสะดุ้งเหือกใหญ่และใบหน้าที่แดงขึ้น
"ท่านมุคุโร่ปล่อยโคลมละ..ลงด้วยค่ะโคลมกะ..กลัวเหมียว~"โคลมขอร้องให้มุคุโร่ปล่อยตัวเองลงแต่กลับไม่เป็นผลมุคุโร่ยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ
"ตัวสั่นไปหมดแล้วน่ะครับ ทำแบบนี้ยิ่งไม่อยากปล่อยลงเลยครับ เหมียวโคลมที่น่ารักของผม~"มุคุโร่ตอบกลับมาอย่างสะบายอารมย์
โคลมเริ่มตัวสั่นมากกว่าเิดิมและรู้สึกว่าใบหน้าเริ่มแดงมากขึ้น หูและหางอันฟูฟ่องเริ้มหดเข้ามาหาตัว และแล้วโคลมก็สลบบนบ่าของมุคุโร่อย่างง่ายดาย มุคุโร่ยังคงเดินต่อจนมาถึงหน้าห้องของตัวเอง เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบกับกล่องและถุงมากมายวางอยู่ตรงพื้นและบนโต๊ะ มุคุโร่ไม่สนใจสิ่งของพวกนั้นพร้อมทั้งเดินต่ิอไปยังเตียงขนาดใหญ่แล้วจึงวางร่างของสาวน้อยที่สลบบนบ่าของตนพร้อมทั้งคลุ่มผ้าห่มลงบนร่างบางก่อนที่จะจูมพิตลงบนข้อมือของร่างบาง แล้วจึงเดินออกจากห้องไป
ตอนนี้เป็นเวลาประมาณ5โมงเย็นสภาพอาการภายนอกฟ้าเริ่มครึมและเต็มไปด้วยหมู่เมฆสีดำเทาทั่วท้องฟ้า ลมเริ่มพัดมาเร็งขึ้นเลื่อยๆพร้อมทั้งเสียงฟ้าร้องที่ดังไปทั่วทุกที่คนสวนและคนใช้อื่นๆต่างมองขึ้นไปบนท้องฟ้า และในไม่ช้าหยดน้ำเม็ดเล็กๆก็ตกลงมาสู่เบื้องล่างแต่แล้วหยดน้ำเม็ดเล็กๆก็ใหญ่ขึ้นและเริ่มกระหน่ำหนักมากทั่วทั้งพื้นที่เปียกแฉะไปด้วยหยดฝน อากาศหนาวเย็วเพราะฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก
ณ หวงนิทราของเหมียวโคลม
'ที่นี้ที่ไหน...อ๊ะ'
บรรยากาศโดยรอบเป็นหมู่บ้านขนาดปานกลางห่างจากตัวเมืองของญี่ปุ่นไม่น้อยแต่ก็ไม่มากหญิงสาวรีบเดินตรงไปข้างหน้าและหยุดนิ่งอยู่กลับที่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นบ้านหลังหนึ่ง
ซึ่งมีชายวัยกลางคนนั้งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนม้านั้งที่สวนหลังบ้าน และหญิงวัยกลางคนเดินออกมาจากบ้านพร้อมถือถาดอาหารซึ่งมีเหยือกน้ำบรรจุน้ำมะนาวไว้ครึ่งเหยือกและแก้วอีก3ใบ เดินตรงมาที่ชายคนนั้นแล้วจึงวางถาดลงบนโต๊ะข้างหน้าชายวัยกลางคน แล้วจึงเดินไปนั้งข้างๆชายวัยกลางคนและชายคนนั้นก็พับหนังสือพิมพ์วางบนโต๊ะแล้วจึงหันไปหาหญิงไว้กลางคนและหอมแก้มหญิงคนนั้น ทั้งสองได้พูดคุยกัน
ก่อนที่จะมีกลิ่มของคุกกี้ลอยออกมาจากในบ้านและประตูหลังบ้านก็เปิดออกปรากฎร่างของหญิงสาวผมยาวสีม่วงเดินถือจานที่มีคุกกี้ที่อบเสร็จออกมา แล้วเดินตรงไปที่ชายหญิงวัยกลางคนแล้วจึงวางจานคุกกี้ลงบนโต๊ะแล้วนั้งลงบนม้านั้งตรงข้ามชายหญิงวัยกลางคน และทั้งสามก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
'คุณพ่อ คุณแม่และ...โคลมทะ..ทำไมมีโคลม2คนล่ะมะ..ไม่จริง!'
หญิงสาวเห็นอย่างนั้นแล้วจึงรีบวิ่งไปหาบุคคลที่ตนเองเรียกว่า่พ่อและแม่แต่กลับไม่ไปไหนยังคงอยู่กลับที่แม้ว่าจะพยายามออกแรงวิ่งมากแค่ไหน
'คุณพ่อ คุณแม่คุ่ะโคลมอยู่นี้ค่ะ'
'คุณพ่อ...คุณแม่ค่ะ...'
และแล้วบรรก็เปลี่ยนไปเป็นถาพของเมืองที่กำลังสั่นไหวและที่ฟ้าที่โหมกระหน่ำด้วยหยาดฝน เสียงของฟ้าร้อง และสายฟ้าที่ฟาดลงบนต้นไม้และสิ่งของต่างๆ
ตัดไปที่บ้านหลังเดิมที่สั่นไหวด้วยแรงของแผ่นดินไหวและลมพายุที่โหมกระหน่ำ สถาพของบ้านหลังคาและผนังบางส่วนหลุดออกไปตามแรงพายุและแผ่นดินไหว ข้าวของในบ้านร่วงลงบนพื้อนสิ่งของบางอย่างถูกหลังคาและผนังของบ้านทับเป็นอันมากน้ำฝนจากพายุนองทั่วพื่นของบ้าน
ในห้องครัวมีพ่อและแม่กับลูกสาวหลบอยู่ใต้โต๊ะพ่อได้กอดภรรยาและลูกสาวไว้ ภรรยากอดลูกสาวไว้แน่น ทั้งพ่อและแม่กอดให้ลอกสาวอยู่ตรงกลางเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกสาวสุดที่รักโดนข้าวของที่ตกลงมากระแทกเข้าเป็นการให้กำลังใจลูกสาวและให้ความอบอุ่นแก่ลูก
'อะ..อะไรกัน นี้มันอะไรกัน'
'คุณพ่อ คุณแม่ค่ะนี้มันคืออะไรค่ะ'
โคลมพูดออกมาแต่ก็ยังไม่ละสายตาไปจากถาพที่เห็น
แผ่นดินไหวและพายุได้หยุดลงพ่อแม่และลูกสาวได้คลายออกจากใต้โต๊ะหลังจากแน่ใจแล้วว่าทุกสิ่งได้หยุดลงแล้ว แต่แล้วกลับแมีเสีบงฝีเท้าของคนจำนวนไม่น้อยเดินเข้ามาภายในบ้าน
ผู้เป็นพ่อได้เดินออกไปดูและต้องตกใจเมื่อเสียงฝีเท้าเหล่านั้นเป็นของชายชุดดำประมาณ5-6คน พ่อรีบเดินตรงไปหาชายชุดดำและสั่งให้ทั้งหมดออกไปจากบ้านของตน แต่ชายชุดดำก็ไม่ขยับไปไหนและพูดคุยกลับพ่อต่อ พ่อพลักชายตรงหน้าและแล้วความอดทนของชายชุดดำก็ขาดลง ชายชุดดำได้นำปืนที่พกมายิงใส่ตรงกลางหัวใจของคุณพ่อ5นัด
'คุณพ่อค่ะ!!' โคลมตะโกนออกมาแต่ก็คงไม่มีใครได้ยินเพื่อนนี้เป็นเพียงถาพในความทรงจำที่หายไปของโคลมเท่านั้น
สิ้นเสียงปืนฝนก็เริ่มโปรยปลายลงมาอีกครั้งแต่ไม่หนักมาก คุณแม่เมื่อได้ยินเสียงของปืนจึงรีบสั่งให้ลูกสาววิ่งออกไปทางหลังบ้านและได้กำชักว่าไม่ให้กลับมาแม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นขอให้ลูกวิ่งต่อไปเลื่อยๆอย่าได้หยุดหรือกลับมา
ลูกสาวรีบใส่รองเท้าและเปิดประตูหลังบ้านผู้เป็นแม่ก็ยังคงยืนดูลูกสาวก่อนที่ลูกจะออกไปแม่รีบวิ่งไปสวมกอดลูกสาวและกระซิบข้างหูว่า
'โคลมแม่และพ่อรักลูกมาก และจะอยู่กับลูกตลอดไป แม้ว่าจะไม่ได้อยู่เคียงข้างแต่ ลูกจำไว้น่ะจ๊ะว่าลูกไม่ได้อยู่คนเดียว ดูแลตัวเองด้วยน่ะค่ะเอาล่ะไปได้แล้วจ๊ะดวงใจของแม่และพ่อ'
หญิงสาวรีบวิ่งออกไปท่ามกลางสายฝน เมื่อวิ่งได้ไม่นานก็มีเสียงปืนดังมาอีก2นัดพร้อมทั้งเสียงร้องของผู้เป็นแม่ หญิงสาววิ่งไปร้องไห้ไปและมีเสียงร้องของตัวเอง เสียงของสายฝนที่โหมกระหน่ำ และเสียงของฟ้าร้อง ที่อยู่ร่วมทางกับหญิงสาวตลอดทาง
'คุณแม่ค่ะ' โคลมตะโกนอีกครั้งทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีประโยชน์ เธอไม่สามารถเปลี่ยนความทรงจำของเธอได้
หญิงสาวไม่รู้ว่าวิ่งไปทางไหน ไม่รู้ว่าวิ่งไปแล้วจะรอกหรือไม่ แต่หญิงสาวก็ยังคงวิ่งไปเรื่อยๆ แม้ว่าแรงจะหมดแต่คำสั่งที่แม่ให้ไว้ยังคงก้องอยู่ในหัวและคำพูดที่แม่ได้พูดก่อนออกจากบ้านยังคงเป็นแรงผลักดันให้เธอวิ่งต่อไปได้
ถึงแรงจะไม่เหลือแล้วแต่ว่าขาก็ยังคงวิ่งตรงไปข้างหน้าเลื่อยๆ และแล้วเธอก็ได้เจอเมื่องแห่งหนึ่ง เมื่อเห็นอย่างนั้นขาที่ยังวิ่งอยู่ก็ยิ่งวิ่งเร็วขึ้น หญิงสาววิ่งเข้าไปในเมืองนั้นและแล้วเธอก็วิ่งมาถึงหน้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง
เธอยังคงวิ่งต่อแต่แล้วรถที่แล่นผ่านมาชนเธอกลิ้งไปชนกับกำแพงโรงเรียน หัวของเธอกระแทกกับกำแพง รถที่ชนได้แล่นหนีไปทิ้งร่างของหญิงสาวไว้ ร่างของเธอได้มีรอยแผลเต็มตัว รวมถึงร่องลอยของแผลสดที่พึ่งได้รับมา เลือดสดๆสีแดงไหลรินออกจากร่างของเธอและได้ผสมกับน้ำฝนที่นองเต็มพื้น สติสุดท้ายของเธอได้หมดลงแล้วเหลือแต่ความมืดที่อยู่รอบตัวเธอ
'ม่ะ..ไม่จริง...ไม่จริง..คุณพ่อ...คุณแม่...ตะ..ตายแล้ว'
แต่แล้วก็ได้มีถาะขึ้นมาอีกเป็นถาพในจิตนาการของโคลมในอดีต เป็นถาพของพ่อและแม่ที่น่าจะเสียชีวิตไปแล้วแต่ได้เป็นวิญญามาหาลูกสาวที่รัก พ่อและแม่ได้ใช้พลังเหือกสุดท้ายช่วยชีวิตลูกสาวสุดที่รักดังดวงใจ ด้วยการใช้หลังรักษาลูกสาวไว้แต่ต้องแลกด้วยการที่เธออาจจะต้องเป็นแมวในบ้างครั้ง
หลังจากนั้นร่างของหญิงสาวที่มีบาทแผลรอบตัวกลับหายไปหมดเหลือแต่บาดแผลจากรถชนที่ทำให้ตาข้างหนึ่งของเธอบอด และร่างของเธอก็เปล่งแสงแล้วกลายเป็นแมวตัวเล็กสีม่วง และถาพก็เลือนรางและหายไปกับความมืด
โคลมที่ยืนมองเหตุกานทั้งหมดได้นั่งหดตัวในหวงแห่งความมืดและเริ่มร้องไห้ออกมา
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
มิวมิว-สวัดดีค่ะคุณผู้อ่านทุกคนนิ๊ว~
มิวมิว-ดิฉันยังคงอยู่กับแขกรับเชิญคนเดิม แต่ว่ามีเรื่องให้แปลกในอย่างสุดซึงนิ๊ว~
เรียวแฮ-ก็คือการที่ฉันหายจากตอนที่แล้วอย่างสุดขั้ว!!!
มิวมิว-ใช่แล้วล่ะ อ๊ะลืมเรียกแขกรับเชิญออกมานิ๊ว~
เรียวแฮ-เชิฺญออกมาเลยไอ้คุณบอส!
ซัลซัส-ไอ้พวกสวะ!แกกล้วลืมฉันได้ไงฮะ!!
มิวมิว-แหมก็คนมันดีในนี้น่าที่เรียวแฮกลับมาแล้วอ่ะนิ๊ว~
ซัลซัส-กล้าคิดว่าคนอืนสำคัญกว่าฉันหรือไงฮะไอ้สวะซีอิ๊ว!!!
มิวมิว-แหมหึงหรอนิ๊ว~
เรียวแฮ-มีอะไรกันหรอ
ซัสซัส-ไม่มีอะไรทั้งนั้นโว้ยไอ้พวกสวะ!!!
มิวมิว-ช่างเถอะเบื่อแล้วนิ๊ว~
เรียวเฮ-อย่าลืมโหวต+เม้นอย่างสุดหูรูด!!!
//เหอๆขอโทดน่ะค่ะที่มาอัพช้าไปมากมายเลยอ่ะนิ๊ว~
Umi' maka
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น