ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมฟิคสั้น

    ลำดับตอนที่ #8 : my friend เพื่อนคนนี้ที่ผมแอบรัก > luhan&chorong > END

    • อัปเดตล่าสุด 15 ธ.ค. 56


    cinna monM u s i c ' B u r n




     

     




    คุณเชื่อในรักแรกพบไหม ? รักตั้งแต่แรกเห็น !

    สำหรับผมมันมันพึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เอง

    เธอเป็นใครน่ะเหรอ ? ไม่ไกลจากแถวนี้หรอก

    เธอคือ “เพื่อน” สนิทของผมเอง

    “ปาร์ค โชรง”

     

    Luhan’ Part

         วันนี้ก็เหมือนกับวันทั่วไป ผมยังคงเดินมาโรงเรียนกับยัยเพื่อนขี้บ่นของผม โชรง ! ถึงเธอจะเป็นคนที่ขี้บ่น ...แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงทนเธออยู่ได้ตั้ง 3 ปี

    “ลู่หาน !! เดินระวังหน่อยสิ !! แหกตาดูหน่อยนั้นรถนะรถ ! โดนชนไปตายคาที่เลยนะ !” เธอยังคงบ่น และเป็นแบบนี้ทุกเช้า ทุกวัน ทุกเดือน เธอคอยระวังความปลอดภัยให้ผมตลอดเวลา ...

    ปรี๊น !! เสียงแตร่รถคันหนึ่งดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าคนตรงหน้ากำลังได้รับอันตราย ผมรับคว้าร่างบางของเธอเข้ามากอดเพื่อปกป้องเธอจากรถคันนั้น ...

    ต่อนะ ! เธอคอยระวังความปลอดภัยให้ผมตลอดเวลา ...ถึงแม้เธอจะซุ่มซ่ามก็เถอะ

    “ห่วงแต่คนอื่นไม่ห่วงตัวเองตลอดล่ะ !” ผมพูด

    “แกเพื่อนฉันน่ะ !!” เธอพูดพลางทำหน้าตุบป๋อง แน่นอนครับเธองอลผมแล้ว ^^

    “เออๆ ! ไปโรงเรียนกันได้แล้ว !” ผมรีบตัดบท และเดินไปเกาะไหล่เธอแล้วเดินไปโรงเรียนด้วยกัน

     

    ณ โรงเรียน

     

         ผมและเธอเรียนห้องเดียวกัน ม. 6/1 นั่งที่ใกล้กัน นั้นเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมถอดใจจากเธอไม่ได้

     

    โป๊ก ! ปากกาด้านหนึ่งทุบลงมาที่หัวผมอย่างแรง

     

    “ดูหนังสือ ! มั่วแต่ดูอะไรอยู่ห๊ะ !” เธอบ่นใส่ผมอีกแล้ว ถึงมันจะเป็นแค่การกระซิบ แต่ผมก็ได้ยินชัดเจน

     

    “เห้ ! พวกเธอสองคนน่ะ ! คุยอะไรกันอยู่ !!” เสียงครูพูดขึ้น ก็เล่นกระซิบกันขนาดนั้น และในที่สุดผมและโชรงก็ได้ออกมายื่นขาเดียวคาบไม้บรรทัดด้วยกันที่หน้าห้อง

     

    ณ บ้าน

         ไม่ต้องแปลกใจอะไรมากทำไมเราถึงสนิทกันขนาดนี้ เพราะผมอาศัยอยู่ที่บ้านญาติเพื่อที่จะเดินไปเรียนไม่ไกล ผมเจอเธอได้ยังไงน่ะเหรอ มันยาวนะ ! เอาล่ะ ผมจะเล่าให้ฟังก็ได้ !

     

         …เมื่อ 3 ปี ที่แล้ว กลางเดือนกุมภาพันธ์ แล้วันคือวันที่ 14 วันนั้นผมพึ่งเซงจากอาการโดนเพื่อนทิ้งเพราะพวกมันต่างไปอ่อยแฟนของพวกมันทั้งนั้น ทั้งไอ้ซิ่วหมิน ไอ้ดีโอ และไอ้แบคฮยอน ผมเลยต้องเลยกลับบ้านแบบเศร้าๆกลางสายฝนที่เย็นช่ำ (ดูเหมือนละครแฮ่ะ!) แล้วผมบังเอิญได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ นาทีนั้นผมคิดว่าผมคงเจอเข้าให้แล้ว ! แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น # ผมมองสำรวจไปและเจอกับร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่กับลังนั่งร้องไห้อยู่กลางฝัน ร่างกายที่สั่นเทาของเธอทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะเข้าไปถามว่าเป็นอย่างไร

     

    “คุณครับ ! เป็นอะไรหรือเปล่าครับ !?” ผมนั่งลงที่หน้าของเธอและถามเธอไป

     

    “ทำไมฉันต้องเจอสถานการอะไรแบบนี้ด้วย ! ฮือๆ ทำไมกัน !” เธอไม่เงยหน้าขึ้นมามองผม แต่ระบายอารมณ์ออกมา

     

    “คุณครับ ! มีญาติที่ไหนหรือเปล่าครับ !?” ผมถามเธอไปอีกครั้ง

     

    “ไอ้สารเลวนั้น !! ฮึก.. ไอ้สารเลวพวกนั้นมันลักพาตัวฉันมาทิ้งเอาไว้ที่นี้ ! ฮึก.. ฉันไม่มีที่ไป ...ฉันอยากกลับบ้าน !” เธอร้องไห้หนักขึ้นมาอีก นาทีนั้นผมไม่รู้จะทำเช่นไร ผมจึงดึงร่างเธอมากอดเอาไว้ในอ้อมแขนเพื่อปลอบใจเธอ

     

    “ไม่เป็นไรนะ ! ไม่ต้องกลัว ! ฉันจะช่วยเธอเอง ฉันจะปกป้องเธอเอง” นาทีนั้นไม่รู้อะไรดลใจให้ผมพูดเช่นนั้น แต่คำพูดพวกนั้นไม่เคยทำให้ผมเสียใจเลยจนถึงวันนี้

     

    “นายไม่ใช่พวกคนไม่ดีใช่ไหม ? ฉันจะเชื่อใจนายได้ใช่ไหม ?” เธอถามมา... ผมว่าจากที่ๆเธอมาคงไกลจากที่นี่แน่ๆ

     

    “ได้สิ ! เธอรู้จักที่นี้ไหม ? ที่นี่คือโซล เมื่อหลวงของประเทศเกาหลีใต้ เธอมีญาติอยู่ที่นี่ไหม ? เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปพบพวกท่าน” ผมถามเธอไป

     

    “ไม่มี ...ฉันไม่เคยมาที่โซลเลย ฮือๆ ..” คำตอบของเธอทำให้ผมหมดหวัง ผมหันซ้ายหันขวา และเห็นสายฝนที่ไหนไป ผมไม่ได้มองผิดใช่ไหม น้ำนั้นเป็นสีแดงๆ ถึงแม้จะเป็นตอนค่ำแต่ถนนสายนี้ก็มีไฟที่สว่างพอจะมองเห็นสิ่งนั้น

     

    “คุณ !” ตอนนี้ผมไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ของเธอแล้ว ผมเอามือที่ลูบหัวเธอออกมาดูและ ... !!

     

    “เลือด !!” เธอเลือดออก ผมผละร่างเธอออกจากอ้อมกอดของผมและเห็นว่าเธอสลบไปแล้ว หลังจากนั้นผมจึงตัดสินใจทิ้งร่มและแบกเธอขึ้นหลังพาเธอกลับมาที่บ้านทันที

     

    “พี่ลู่หานพาใครมาค่ะ ?!” น้องสาวตัวน้อยนามว่านัมจู เธอเป็นลูกสาวของญาติผมและสนิทกับผม เธอพูดขึ้นด้วยความตกใจเมื่อเห็นร่างกายที่เปียกโชกและเสื้อสีขาวที่เต็มไปด้วยสีเลือดของผม รวมไปถึงร่างผู้หญิงที่ผมแบกมาอีก

     

    “นัมจูพอมีชุดนอนผู้หญิงให้พี่หน่อยไหม ?” ผมพูดกับเธอไป เธอพยักหน้าหงิกๆแต่ยังคงยื่นอึ้งอยู่

     

    “ล... หลานพาใครมาจ๊ะ !?” ญาติของผมพูดขึ้นอีกเหมือนมาเห็นเช่นนี้

     

    “เดี๋ยวผมค่อยเล่าให้น้าฟังนะครับ ! บ้านเรามีกล่องปฐมพยาบาลไหมครับ ?” ผมถามไป น้าเขาก็พยักหน้าหงิกๆ แต่ก็ยืนอึ้งไม่เดินไปไหน สภาพจิตใจเช่นเดียวกับนัมจู

     

    “ลู่หาน ! หลานไปพาใครมาเนี่ย ?!” ตอนนี้สามีของญาติผมเดินมาอีกคน

     

    “ช่วยผมหน่อยนะครับ เธอหมดสติอยู่ ! แล้วเธอยังโดนทำร้ายมาด้วย !” ผมพูดกับน้าชายของผม

     

    “อ้าว ! 2 คนนี้มายืนทำอะไรอยู่ล่ะ !! นัมจูลูกรีบไปหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนเร็ว ! คุณไปหากล่องยามาเร็ว !” น้าชายตั้งสติได้ดีกว่าทั้ง 2 รีบสั่งลูกสั่งเมียของท่านให้ช่วย แล้วผมก็แบกเธอขึ้นไปที่ห้องของผม

         ..... ผมวางเธอลงที่บนเตียงนุ่มๆของผมให้เบาและอ่อนโยนที่สุด พอวางร่างเธอเสร็จผมก็มานั่งบนเตียงใกล้ๆเธอ ผมให้มือกวาดผมสีน้ำตาลแดงที่ปิดใบหน้าขาวๆของเธอไว้ ผมหันใบหน้าของเธอมาให้เห็นชัดๆ เท่านั้นแหล่ะผมก็เหมือนตกอยู่ในภวังค์สีชมพู และได้กลิ่นไอของฤดูใบไม้ผลิ ใบหน้าของเธอช่างสวยงามอย่างนางฟ้า ตอนนี้ผมไม่สามารถหยุดมองเธอได้เลย

     

    “หลาน ! ออกมาก่อน เดี๋ยวน้ากับนัมจูจะทำแผลและเปลี่ยนผ้าให้เธอ หลานก็ไปอาบน้ำซะนะ เดี๋ยวก็ไม่สบายไปซะก่อน” น้าผู้หญิงเดินมาบอกผม ผมพยักหน้ารับไปก่อนจะเดินไปหยิบชุดไปเปลี่ยน แต่ก็ไม่ละสายตาจากเธอง่ายๆ จนเดินชนประตู !

          ..... หลังจากนั้น 3 วันที่เธอนอนสลบอยู่ เธอก็ฟื้นขึ้นมาในที่สุด

     

    “ที่นี่ ...ที่ไหนค่ะ ?” คำแรกที่เธอพูดกับผม ! ผมอุตส่าห์นั่งเฝ้าเธอตั้ง 3 วันแถมยังขาดเรียนอีก แต่ก็นะ..ผมไม่โกรธเธอหรอก ! เพราะยังไงมันก็ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว อยู่ดีๆมานอนอยู่บนเตียงนุ่มๆสีชมพู ในห้องที่ไม่ใหญ่แต่ก็ไม่เล็กที่มีวอลเปเปอร์สีขาว และที่สำคัญยังมีผู้ชายหน้าตาหล่อที่สุดใน 3 โลกมานั่งอยู่ข้างๆอีก

     

    “ที่นี่เป็นห้องของผม ! คุณหลับไป 3 วัน ผมเจอคุณที่ริมฝุตบาท ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ และวันนั้นเป็นวันที่ฝนตกหนักมาก !” ผมเล่ารายละเอียดไปให้เธอฟัง แต่ผมว่าเธอคงไม่เข้าใจหรอก ผมรู้ได้ไงนะเหรอ ? เพราะเธอทำหน้างงใส่ผมน่ะสิ !

     

    “แล้ว ...ฉัน ...ฉัน ~” เธอเหมือนพยายามจะพูดอะไรกับผมสักอย่าง น้ำเสียงอ้อยอิ้งของเธอทำให้ผมยิ่งตกหลุมรักเธอมากขึ้นไปอีก

     

    “ฉันเป็นใครค่ะ ?!” คำถามของเธอทำเอาผมเกือบหงายหลัง !! แต่ไม่เป็นไร เพราะวันนั้นตอนที่คุณน้าเอาชุดเธอไปซัก คุณน้าพบกระเป๋าเงินเธอ ทำให้เรารู้ถึงชาติกำเนิดของเธอ

     

    “เธอน่ะ ชื่อ ปาร์ค โชรง จำได้หรือยัง ?!” ผมบอกชื่อเธอไป เธอก็ส่ายหัวมาหงิกๆ ! แต่ผมจะไม่บอกที่อยู่เธอหรอก เพราะผมกับพวกน้าๆตกลงกันว่าจะทำเรื่องให้เธอเรียนที่โซล ถ้าหากเธอเกิดความจำเสื่อมขึ้นมา ..และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ - - ! ตอนนี้พวกน้าต้องทำการย้ายโรงเรียนให้เธออย่างลับๆผ่านกรมคุ้มครองมนุษย์ (?) เพราะกลัวจะมีคนมาทำร้ายเธอ ^ ^ ส่วนพ่อแม่เธอ พวกเรายังไม่เจอตัว !! แต่อาจารย์ที่โรงเรียนเก่ารับประกันนิสัยของเธอแล้ว เธอเป็นเด็กที่เรียนร้อย ; ) เรียนเก่งมาก ถือว่าเป็นหัวกะทิเลย และที่สำคัญเธออายุน้อยกว่าผม 1 ปี เพื่อความปลอดภัยของเธอ น้าของผมที่พอรู้จักผอ.ของโรงเรียนที่ผมเรียนอยู่ ได้ส่งข้อสอบชั้น ม.6 ที่เธอเคยทำไว้ตอนอยู่โรงเรียนเก่า ให้ผอ.ดู ส่วนผลคะแนนน่ะเหรอ ?! เรียกได้ว่าเทียบชั้นกันได้ ! เธอจึงได้เลื่อนชั้นขึ้นมาอยู่ชั้นเดียวและห้องเดียวกับผม อันนี้ต้องยกความดีความชอบให้น้าผม 30 % ส่วนที่เหลือนะเหรอ ? กรมคุ้มครองมนุษย์ - - !

     

         …และเรื่องทั้งหมดมันก็เป็นอย่างนี้แหล่ะ !! แต่ผมกับพวกน้ายังไม่ตัดสินใจกันว่าจะบอกความจริงกับเธอเมื่อไหร่ แค่ที่เคยตกลงกันไว้ คือ รอให้จบม.6 และมันก็คือ อีก 2 วันข้างหน้านี้เอง

     

    “ลู่หาน... กินข้าวได้แล้วจ๊ะ” เสียงเรียกของน้าดังจากข้างล่าง

     

    “ครับ !! เดี๋ยวผมลงไป !” ผมขานรับก่อนจะเดินลงไปอย่างเร็ว เมื่อถึงผมก็รีบนั่งลงที่โต๊ะข้างๆนัมจูและโชรงก็เดินมานั่งข้างๆผมหลังจากที่ทำธุระเสร็จแล้ว

     

    “วันนี้โชรงแสดงฝีมือเองเลยนะ” น้าของผมยกยอโชรง

     

    “จริงเหรอ ? งั้นต้องลองชิมดูหน่อยแล้ว” ผมว่าจบก็ตักแกงแกงกิมจิขึ้นมาชิมทันที

     

    “โห... อร่อยที่สุดในสามโลกเลย” ผมหันไปชมโชรงที่นั่งอยู่ข้างๆ

     

    “ไม่ใช่ฉันคนเดียวสักหน่อย คุณน้าแล้วก็นัมจูก็เก่งเหมือนกัน เก่งยิ่งกว่าฉันอีก” โชรงพูดเขินๆ และก้มลงไปทานข้าวที่อยู่ตรงหน้าของเธอ

     

    เวลา 23:30 น.

           ผมนั่งอยู่บนเตียงนุ่มๆของผมกับโชรงเพื่อนที่ผมแอบชอบ เธอกำลังนั่งอ่านหนังสือตามสไตล์ของเธอ เธออ่านเล่มนี้มาเป็นสิบๆรอบ และยังอ่านมันทุกวันก่อนนอน ผมอยากถามเธอจริงๆว่าไม่เบื่อเหรอ? แต่ก็ไม่กล้าขัดจังหวะเธอ

     

    “นอนได้แล้วมั้งลู่หาน” เสียงของเธอพูดกับผมแต่สายตายังคงจับจ้องไปที่หนังสือเล่มนั้น

     

    “แล้วทำไมเธอไม่นอนล่ะ?” ผมถามเธอกลับไป จะว่าผมกวนก็ได้นะเพราะผมกววนเธอจริงๆ ฮ่าๆ

     

    “งั้นนายก็นอนเถอะ ห้องนี้เป็นห้องของนายแท้ๆแต่นายไม่เคยได้นอนบนเตียงเลย” เกิดอะไรกัน! อยู่ดีๆโชรงก็บอกว่าห้องของผม! หรือเธอจะจำได้แล้ว ช่วงนี้เธอยิ่งปวดหัวอยู่บ่อยๆ ไม่นะ!!

     

    “อย่าพูดอะไรอย่างนี้สิ! งั้นเอาเป็นว่าคืนนี้เรานอนด้วยกันดีกว่า” ผมพูดทะลึ่งและนอนลงบนเตียงอย่างถือวิสาสะ กะจะให้เธอแกล้งผมเล่น

     

    ฟุบ!

    แต่ที่ไหนได้ ที่นอนข้างๆมันดันยุบลงราวกับว่ามีคนมานอนด้วย อย่างบอกนะว่าคืนนี้โชรงเธอจะนอนกับผมจริงๆ ไม่จริงหรอกมั้ง

     

    “งั้นก็นอนด้วยกันเถอะ” เสียงหวานๆของเธอมันทำให้ผมมั่นใจขึ้น! ตอนนี้เรานอนอยู่ด้วยกันจริงๆงั้นเหรอ? เพื่อเช็คความมั่นใจ ผมหันหน้าไปทางเธอและเจอกันหน้าหวานๆที่ทำให้หัวใจของผมเต้นตึกตัก ตึกตัก ไม่เป็นจังหวะ เต้นแรงขึ้น แรงขึ้นเรื่อยๆจนเหมือนจะหลุดออกมาจากอกของผม เอาเอามือมากดที่อกเอาไว้เพราะกลัวหัวใจดวงนี้ทะลุออกมาจริงๆ

     

    “โชรง... หลับแล้วเหรอ?...” ผมเรียกเธอไปเบาๆ

     

    “...” ไม่มีเสียงตอบรับ แปลว่าเธอหลับไปแล้ว ว่ากันว่าผู้ชายมักจะตกหลุมรักผู้หญิงตอนหลับ มันก็จริงนะ ทุกๆวันที่ผมได้มองเธอด้วยความเป็นห่วงมันทำให้ผมรักเธอเพิ่มขึ้นๆทุกๆครั้งจนตอนนี้หากปล่อยให้เธอไปผมไม่อยากจะคิดเลยว่าชีวิตผมจะเป็นอย่างไร

     

    “ฉันรักเธอนะโชรง ถ้าฉันบอกให้เธอไป...ก็ได้โปรดอย่าไปเลยนะ” ฉันพูดพลางใช้มือลูบผมของเธอช้าๆ ตอนนี้เรามีเวลาแค่48ชม.ที่ได้อยู่ด้วยกัน ฉันควรทำยังไงดี? ฉันควรปล่อยใหเธอไปไหม? ฉันควรเลิกรักเธอใช่ไหม? ตอนนี้ฉันอยากจะบอกรักเธอโดยให้เธอรู้ อยากกอดเธอโดยให้เธอรู้สึกถึงสัมผัสอบอุ่นของผม อยากจูบเธอและรั้งเธอเอาไว้ไม่ให้เธอเดินจากไปถึงแม้จะไม่มีทางเป็นตริงก็ตาม

     

    เช้าวันต่อมา

       Chorong’ Part

       วันนี้ฉันตื่นเร็วเป็นพิเศษเพราะเมื่อคืนได้หลับตั้งแต่หัวค่ำ และพอตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองแทรกเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของลู่หานเรียบร้อยแล้ว เราทั้งสองนอนกอดกันทั้งคืนเลยหรือไงทำไมถึงได้รู้สึกดีและอบอุ่นยันเช้าอย่างนี้

       วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายและพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายที่พวกเราเหล่าเพื่อนๆจะได้อยู่ด้วยกัน รวมฉันกับเขาคนนั้นด้วย ถึงแม้ไม่อยากจากไปแต่ก็คงจะทำอะไรไปไม่ได้มากนอกจากทำใจยอมรับ

     

    “คุณน้าค่ะ วันนี้หนูไปโรงเรียนก่อนนะค่ะ ฝากบอกลู่หานด้วย” เมื่อฉันเดินลงมาถึงชั้นล่างและเจอกันน้าสะใภ้ของลู่หานฉันก็เรียนให้ท่านทราบก่อนจะใส่รองเท้าและเดินออกไปจากบ้าน

     

      ฉันมุ่งตรงไปยังโรงเรียน และเมื่อถึงโรงเรียนก็เห็นเพื่อนๆหลายคนนั่งจับกลุ่มอ่านหนังสือกันอยู่ ฉันเดินตรงไปที่โต๊ะของฉันและเริ่มหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน

     

    เวลา 04:00

       หลังจากสอบเสร็จฉันก็เดินกลับบ้านโดยไม่รอลู่หานเหมือนตอนที่เดินมา ฉันแค่ต้องการแน่ใจอะไรบางอย่าง แต่ต้องการทำใจกับความรู้สึกบางอย่างเท่านั้นถึงได้หนีมา

     

    “โชรง!!!” เสียงเรียกที่ดังสนั่นทั้งข้างนอกและข้างใน(ใจ)ดังขึ้นมาจากข้างหลังฉัน

     

    “ลู่หาน...” ฉันเรียกชื่อเจ้าของเสียงนั้นไป

     

    “ทำไมไม่รอกันเลยล่ะ? ไปกันเถอะ” เขาถามมาและไม่รอคำตอบ รีบจูงมือฉันและพาวิ่งกลับบ้านทันที

     

    บ้าน

    “กลับมาแล้วครับ” เมื่อเข้ามาในตัวบ้าน ลู่หานก็ตะโกนเสียงดังก่อนจะปล่อยมือฉันและถอดรองเท้าของเขา และมุ่งตรงไปยังชั้นสองของบ้าน

     

    “พี่โชรงค่ะ พี่ลู่หานแกคึกอะไรกันค่ะเนี่ย แอ่ะอะโวยวายเสียงดังเชียว” นัมจูเดินมาถามฉันที่หน้าบ้านพร้อมถ้วยใบใหญ่ที่ใส่แป้งทำเค้กอยู่

     

    “ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ งั้นพี่ไปนะ” ฉันพูดไม่รอคำตอบใดๆ ขึ้นตามลู่หานไปชั้นสองทันที

     

    “โชรง!! วันนี้เราไปเที่ยวกันเถอะ” ฉันเดินมานั่งบนเตียงได้สักพักเสียงที่คุ้นเคยของลู่หานก็ดังขึ้นหลังประตูตู้เสื้อผ้า

     

    “ไม่อ่ะ! ฉันว่าจะช่วยนัมจูทำเค้ก นายไปเถอะ” ฉันพูดปฏิเสธเขาไป ถึงแม้ในใจจะอยากไปแค่ไหนก็ตาม

     

    “เสียดายแย่เลย! งั้นเอาเป็นว่าวันนี้ฉันไปช่วยพวกเธอทำด้วยแล้วกัน” ลู่หานปิดประตูตู้เสื้อผ้าและเดินออกมาพร้อมเสื้อตัวหนึ่ง

     

    “ใส่เสื้อให้ดีสิ!!” ฉันปาหมอนใส่ลู่หาน เมื่อเขาถอดเสื้อโชว์ซิกแพ็กของเขาอย่างไม่อายฟ้าดิน

     

    “เธอดูเองนะ!” เขารีบใส่เสื้อและตอบกลับมา

     

    “งั้นนายลงไปก่อนนะ ฉันขอเปลี่ยนชุดก่อน” ฉันพูดไป ลู่หานพยักหน้ารับก่อนจะเปิดประตูออกไป

     

    เช้าของอีกวัน

       เมื่อคืนผ่านไปอย่างยากลำบากมา เพราะเค้กที่กินไปมันทำให้ฉันเกือบนอนไม่หลับ แต่ฉันไม่ซีเรียสมากเพราะวันนี้คือวันสุดท้ายของภาคเรียนไปสายหน่อยก็ไม่เป็นไร

    “ลู่หาน!! นายตื่นแล้วเหรอ?” ฉันตกใจอีกครั้ง เมื่อลู่หานเดินใส่แต่ท่อนล่างและโชว์ท่อนบน แถมยังเดินล่อนจ่อนไปทั่วห้อง ฉันล่ะอยากจะบ้าตายกับผู้ชายคนนี้จริงๆ

     

    “อืม! เมื่อคืนฉันนอนไม่ค่อยหลับน่ะ” ลู่หานพูดยิ้มๆมา ก่อนจะหยิบเสื้อนักเรียนตัวสีขาวขึ้นมาสวม

     

    “งั้นเหรอ? เหมือนกันเลย นายลงไปก่อนนะเดี๋ยวฉันตามไป”

     

    “อย่านานน่ะ! จะสายแล้ว”

     

    “อืม ไม่นานหรอก” จบบทสนทนาของเราทั้งสองลู่หานก็เดินออกไปจากห้องฉันก็รีบเปลี่ยนเสื้อนักเรียนทันที

     

    โรงเรียน

       เมื่อเดินเข้ามาในห้องเรียนก็พบความวุ่นวายเต้มไปหมด เพื่อนๆเอาสีมาระบายที่หน้าพวกเราทั้งสองคนจนเราทั้งสองกลายร่างไปเป็นแมวเพราะสีที่เพื่อนๆวาดหน้าให้ โชคดีนะที่แต่งหน้าบางๆ - -!

    “ไปเล่นเกมกันไอ้ลู่ มาด้วยกันสิโชรง” ซิ่วหมินพูดก่อนจะลากพวกเราไปร่วมวงใหญ่ที่มีเพื่อนๆนั่งกันอยู่กลางห้อง

     

    “กฏมันมีอยู่ว่า ถ้าปลายขวดนี้ชี้ไปที่ใคร คนๆนั้นต้องพูดความจริงมาหนึ่งอย่างกับเพื่อนในวงนี้ แล้วคนที่โดนบอกความจริงก็ต้องให้อภัยไม่ว่าเรื่องนั้นจะร้ายแรงแค่ไหน” ซิ่วหมิ่นอธิบายกฏ

     

    “งั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า” ดีโอพูด และเริ่มหมุนขวด

     

    กึก กึก กึก! เสียงขวดดังเพราะกระทบกับพื้นและในที่สุดก็ไปหยุดที่แบคฮยอน

     

    “ความลับนี้ฉันจะบอกกับซิ่วหมิน คืออายไลเนอร์ที่อยู่ในกระเป๋าแกมันเป็นของฉันเองว่ะ! พอดีฉันกลัวครูด่าเลยเอาไปฝากไว้ในกระเป๋าแก” แบคฮยอนเริ่มเล่า

     

    “โห!! ไอเพื่อนเลว! นี้ถ้าไม่เล่นเกมนี้ก็ไม่รู้กันเลยใช่ไหม?! เออๆ ฉันไม่โกรธแก!” ซิ่วหมินโวยนิดๆ ก่อนจะยิ้มและจับมือเพื่อนอย่างให้อภัย

     

    “เอาล่ะเหยื่อคนต่อไปคือ....” คราวนี้ลู่หานเป็นคนหมุนขวนนั้น

     

    กึก กึก กึก! เหมือนฟ้าผ่าลงมากลางใจ!! ขวดนั้นมันดันมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน!!!

     

    “โชรง! บอกความลับของเธอมาเลย” ดีโอพูดด้วยหน้าตาธรรมดา แต่มันแฝงความหมายว่าช่วยทำให้เกมนี้มันสนุกที

     

    “ฉันมีเรื่องจะสารภาพกับลู่หาน... นายอย่าโกรธฉันนะ” ฉันหันไปทางลู่หานที่นั่งข้างๆ

     

    “บอกมาเลยฉันไม่โกรธเธอหรอก” ลู่หานพูดพลางยิ้มมาให้

     

    “คือ... ฉันรู้ว่าถ้าจบปีการศึกษานี้นายต้องตามหาครอบครัวให้ฉันอย่างจริงจังแน่ นายเคยบอกว่าเมื่อถึงเวลาฉันจะรู้ทุกอย่าง... มันก็ถึงเวลาที่นายต้องรู้เหมือนกัน ...คือว่าฉัน...ฉัน...” ฉันอ้ำๆอึ้งๆเพราะไม่รู้จะบอกเขาไปยังไง เพราะกลัวคนตรงหน้าจะเกลียดฉัน

     

    “ใช่... เรื่องทั้งหมดว่าเธอมาอยู่ที่บ้านคุณน้าได้ไง เธอเป็นอะไรก่อนหน้านี้ ก่อนที่เธอจะความจำ...”

     

    “ฉันไม่ได้ความจำเสื่อม!!!” ฉันชิงพูดก่อนลู่หาน ฉันรู้ว่าเขาต้องพูดว่าฉันความจำเสื่อมทั้งๆที่มันไม่ใช่

     

    “ห๊ะ!! อะไรนะ?” ลู่หานทำหน้าตกใจ

     

    “ความจริงแล้วฉันไม่ได้ความจำเสื่อม ฉันหลอกนายมาตลอด3ปี” ฉันสารภาพความจริง ถึงฉันจะไม่มองหน้าของลู่หาน แต่ก็รู้ได้ว่าเขากำลังร้องไห้อยู่

     

    “นี่เธอหลอกฉัน! ...เธอเห็นความรู้สึกของฉันเป็นของเล่นงั้นเหรอ?!!” ลู่หานตะคอกใส่ฉัน ฉันก้มหน้าร้องไห้ เพราะไม่กล้าสบตาของเขา ตอนนี้ฉันทำให้เขากลายเป็นตัวตลกไปแล้ว

     

    “ฉันไม่ได้อยากหลอกนาย! แค่อยากใช้เวลากับนายให้มากที่สุดเท่านั้นเอง! ลองคิดดูเองแล้วกันว่าจะมีใครเชื่อใจคนที่โดนทำร้ายให้นอนตายออยู่ข้างถนน และพากลับบ้านมาดูแลอย่างดี มอบความรัก ความรู้สึกดีๆให้! ฉันก็มีหัวใจนะ! ทำไมฉันจะรักคนที่มำให้ฉันได้ทุกอย่าง อย่างนายไม่ได้!!” ฉันพูดและร้องไห้หนักขึ้นก่อนจะเดินออกมานอกห้องนั้น กลางสายตานับสิบที่จับจ้องอยู่

     

     

    หลังโรงเรียน

       @ลู่หาน

     

            ผมทั้งเดินและวิ่งตามหาโชรง แต่หายังไงก็ไม่เจอสักที เธอไปอยู่ไหน?! ไปอยู่ที่ไหนกัน...? ขอร้องล่ะโชรง ฉันไม่เคยโกรธหรือเกลียดเธอเลย กลับมาหาฉันเถอะนะ ขอร้องจริงๆ T^T

     

    “ฮือๆ” ในระหว่างที่ผมวิ่งมาผมก็เจอกับเสียงร้องไห้ของใครสักคน ผมเดินตามเสียงนั้นไปและพบกับร่างของโชรงที่กำลังนั่งร้องไหนอยู่

     

    “โชรง..” ผมเรียกชื่อเธอ

     

    “ฉันรู้ว่านายโกรธฉัน ..นายเกลียดฉัน ..ไม่ต้องห่วงนะฉันจะกลับบ้านแน่!” เธอพูดมา เธอจะรู้ไหมโชรง! ฉันไม่อยากให้เธอทำอย่างนั้น

     

    “ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น! อย่าจากฉันไป... อย่าจากฉันไปนะโชรง..” ผมพูดขึ้น เธอหันมามองผมด้วยสีหน้างงงวย

     

    “นายหมายความว่าไง?” เธอถามกลับมา

     

    “ฉันรู้มาตั้งนานแล้วว่าเธอเป็นใคร เด็กกำพร้าแบบเธอจะไปทำอะไรได้ อยู่ด้วยกันที่นี่แหล่ะ อยู่กับฉัน” ผมพูดก่อนจะเช็ดน้ำตาให้เธอ

     

    “นายเองก็หลอกฉัน..”

     

    “ใช่! เพราะฉนั้นอย่าจากฉนไปเลยนะ อยู่ให้ฉันชดใช้ความผิดให้เธอตลอดไป” ผมพูดและคาดหวังคำตอบของเธอ

     

    “...” เธอไม่ตอบ แต่ก็พุ้งเข้ามากอดผม ผมอึ้งกับคำตอบเธอสักพักก่อนจะโอบเธอกลับเช่นกัน “ความลับอีกอย่างที่ฉันยังไม่ได้บอกนายก็คือ...”

     

    “ฉันรักนาย...ลู่หาน”




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×