ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมฟิคสั้น

    ลำดับตอนที่ #6 : Destiny พรมลิขิตรักพลัดพลาก > Suho&Chorong > EP.3

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ย. 56


    “โชรง ! เจ้ากำลังเข้าใจข้าผิดนะ” พระองค์คุยกับแผ่นหลังของชายาตัวเอง เพราะนางจิ้งจอกไม่ยอมหันหน้ามาคุยกับเขาเลย

    “ท่านหลอกข้ามาตลอด”

    “ข้าไม่ได้ตั้งใจทำอย่างนั้นนะ ข้ากลัวว่าถ้าเจ้ารู้ความจริง เจ้าจะไม่รักข้า”

    “แล้วที่ท่านทำมันถูกหรือคะ”

    “ข้าให้สัญญาเมื่อข้าได้ราชบัลลังค์คืนมาข้าจะมารับเจ้าไปอยู่ด้วย”

    “ไม่จำเป็นหรอกเพคะองค์รัชทายาท เมื่อถึงเวลานั้นพระองค์คงลืมคนอย่างหม่อมฉันไปแล้ว”

    “ทำไมเจ้าต้องพูดเป็นทางการกับข้าด้วยล่ะ เราคุยกันอย่างเดิมไม่ได้เหรอโชรง”

    “มันต่างไปแล้วเพคะ”

    “เราเป็นสามีภรรยากัน เราเป็นคนที่รักกัน ข้าจะยังคงยืนยันคำเดิม เจ้าจำได้ไหมที่เจ้าเคยบอกข้า เจ้าบอกว่าเจ้าจะไม่มีวันเปลี่ยนใจ ข้าก็ยังยืนยันคำเดิม”

    “พระองค์แน่พระทัยนะเพคะ” นางจิ้งจอกหันกลับมาคุยกับองค์รัชทายาท

    “ข้าแน่ใจ” พระองค์ตอบไป เมื่อทั้งสองเคลียร์กันเรียบร้อยจึงเดินกลับมาที่กระท่อมเช่นเคย

    .

    .

    “เจ้าจะดำเนินวันไหน” พระองค์ถามองค์รักษ์

    “ทันทีที่พระองค์ต้องการพะยะคะ ตอนนี้บ้านเมืองร้องเป็นไฟ คนยากคยจนก็เพิ่มมากขึ้น พวกมันกดดันและเก็บภาษีประชาชนแบบขูดเลือดขูดเนื้อ พระมเหสีแบ ซูจีก็ไม่พอพระทัยที่จะอยู่กับสวามีของตน จนหานางสนมมาให้ จนเรื่องอื้อฉาวไปยังแคว้นต่างๆ จนแคว้นต่างๆเริ่มถอยห่างจากเรา ถ้าเป็นเช่นนี้กระหม่อมคิดว่าแคว้นเราต้องกลายเป็นแคว้นที่ร้างภายในไม่กี่เดือนข้างหน้าแน่พะยะคะ” องครักษ์รายงาน

    “จริงอย่างที่เจ้าพูด ขนาดยังไม่เกิน 100 วันยังขนาดนี้ แล้วต่อไปจะเป็นยังไง งั้นเจ้าช่วยรวมพลทหารที่ยังทรงรักภัคดีด้วยแล้วกัน”

    “ถ้าเป็นพลทหารคงยากพะยะคะ เพราะพวกกันเล่นนำคนที่มีฐานะมาเป็นข้าราชกาล แต่ถ้าเป็นชาวบ้านหรือทหารที่โดนปลดมายังได้พะยะคะ”

    “ดี ! งั้นเจ้าก็ดำเนินการเลย”

    “แล้วพระองค์จะทรงเดินทางไปด้วยไหมพะยะคะ”

    “ข้าไปแน่ เพื่อเรียกขวัญกำลังใจประชาชน เจ้าต้องไปกับข้านะโชรง”

    “เพคะองค์รัชทายาท” นางจิ้งจอกตอบรับ

    .

    .

    .

    .

    .

            ณ เมืองหลวง ในตลาดที่ดูไม่คึกครื่นเหมือนตอนที่พระเจ้าคิม ซองกยูยังปกครองอยู่ คนส่วนใหญ่ทำงานกันหลังขดหลังแข็งแล้วยังมีพวกนายพลที่มารีดไถ่เงินของประชาชนอีก เมื่อองค์รัชทายาทเห็นเช่นนั้นก็หนักใจขึ้นมาทันที เมื่อถึงพลบค่ำทั้ง 3 เดินทางมาพักกันที่บ้านขององครักษ์

    “พระองค์ทรงเป็นอะไรไปเพคะ วันนี้หม่อมฉันสังเกตุเห็นพระองค์ไม่มีความสุขเลย ไม่ดีใจหรือเพคะที่ได้เสด็จกลับบ้านกลับเมือง”

    “ข้ามีความสุขไม่ได้หรอก ชาวบ้านของข้าอยู่กันอย่างยากจน โดยที่ข้าไม่ทำอะไรเลย”

    “เราต้องทำได้นะเพคะ” นางจิ้งจอกให้กำลังใจพระองค์

    “เพราะข้ามีชายาที่ดีอย่างเจ้าข้าจึงหายเหนื่อย เมื่อข้าได้บัลลังค์กลับมาแล้วข้าจะแต่งตั้งให้เจ้าเป็นพระมเหสีของข้า” องค์รัชทายาทพูด

    “เพคะ” นางจิ้งจอกตอบรับ

    .

    .

            เช้าวันรุ่งขึ้น ชาวบ้านก็ตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อทำงานอย่างหนักเช่นทุกวัน

    “อูฮยอน ! เจ้าแน่ใจหรือว่าพวกวังหลวงจะไม่รู้”

    “แน่ใจพะยะคะ พวกคนในวังหลวงนอนกันตื่นในช่วงสาย”

    “นั้นก็ถือว่าพวกนั้นไม่ทำอะไรเลยล่ะสิ” นางจิ้งจอกออกความคิดเห็น

    “ถูกแล้วพะยะคะพระชายา เพราะเช่นนี้องค์รัชทายาทจึงต้องรีบนำบัลลังค์มาให้เร็วที่สุด”

    “งั้นเราก็ไปบอกพวกชาวบ้านกันเถอะ” องค์รัชทายาทพูด

    “ชาวบ้านทั้งหลายจงมาฟังทางนี้เสียก่อน” องครักษ์นัมพูดตะโกน แต่ไม่มีชาวบ้านคนไหนสนใจเลย

    “ตอนนี้ข้าเจอองค์รัชทายาทแล้ว พระองค์ยังคงมีชีวิตอยู่” องครักษยังคงพยายามต่อไป

    “พ่อหนุ่ม ! แทนที่เจ้าจะเพ้อเรื่ององค์รัชทายาทข้าว่าเจ้าไปทำงานเถอะ” ชาวบ้านคนหนึ่งพูด

    “เดี๋ยวหม่อมฉันกลับมานะเพคะ” นางจิ้งจอกที่เห็นอย่างนั้นก็ทนไม่ไหว ทูลองค์รัชทายาทก่อนแล้วนางก็เดินมาจนพ้นตาทั้งสอง ก่อนจะร่ายหมด แล้วชาวบ้านทุกคนก็วางงานก่อนจะเดินไปฟังทั้งสองคนแล้วนางก็เดินกลับไป

    .

    .

    “ตอนนี้ข้าเจอองค์รัชทายาทแล้ว พระองค์ไม่ได้สิ้นพระชนต์ตามข่าวลือ”

    “เราจะรู้ได้ไงว่าท่านไม่ได้โกหก”

    “ข้าคิม ซูโฮ เป็นโอรสในพระราชาคิม ซองกยู ข้าเคยตรัสเอาไว้ว่าเมื่อข้าขึ้นครองราชข้าจะเป็นอย่างเช่นเสด็จพ่อ และข้ายังจำได้ว่าตอนนั้นเสด็จพ่อให้ประชาชนทุกคนได้สัมผัสข้า ไม่เว้นแม้แต่คนที่มือสปรกจากจากทำงาน” องค์รัชทายาทยืนยันหลักฐานเป็นคำพูด และมันคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อตอนที่พระองค์ยังเด็กชาวบ้านจึงเชื่อพระองค์

    “ในวันพรุ่งนี้เหล่าบุรุษที่เคยเป็นทหารเราจะไปสู้ !! เพื่อเอาบัลลังค์คืนมา ส่วนผู้หญิง !! จะทำกับข้าว อาหารที่น่ากินเอาไว้เพื่อเลี้ยงฉลอง ข้าให้สัญญาว่าพวกเราทุกคนจะต้องกินอาหารด้วยกัน” พระองค์พูดปลุกใจทุกคน

    .

    .

    .

    .

    .

            วันรุ่งขึ้นชาวบ้านทุกคนรวมตัวกันและเริ่มปฏิบัติตามแผนการที่วางไว้ โดยมีชาวบ้านคนหนึ่งที่เป็นผู้กล้าเดินไปร้องทุกข์

    “จริงๆพะยะคะ หม่อมฉันเห็นกับตาเลยว่าองค์รัชทายาทยังยังมีชีวิตอยู่” เขาล่อแล้วทหารทุกคนในวังหลวงก็มารวมตัวกัน ตามพระราชบัญชาเพื่อปกป้องบัลลังค์

    “พระองค์จะรั้งไว้ได้นานเท่าไหร่เพคะ คืนตำแหน่งให้องค์รัชทายาทกลับไปเถอะเพคะฝ่าบาท” พระมเหสีแบ ซูจีพูด

    “หยุดเดี๋ยวนี้นะ !! เจ้าต้องปกป้องอำนาจของเจ้าเอาไว้นะเซฮุน” พระพันปีอึนจีพูดกล่อมหูลูกชาย

    “ไหนล่ะองค์รัชทายาทของเจ้า” พระราชาเซฮุนหันไปถามคนที่มาแจ้ง

    “ข้าอยู่นี้ !! ข้าไม่อยากจะเชื่อว่าสนมที่ข้านับถือให้เป็นพระมารดาของข้าอีกคนจะลอบสังหารข้า” แล้วองค์รัชทายาทก็เดินเข้ามา

    “องค์รัชทายาท” มเหสีซูจีพูดด้วยความตื้นตันใจที่องค์รัชทายาทยังมีชีวิติอยู่

    “เจ้าโกหก ! เจ้าไม่ใช่องค์รัชทายาท” พระพันปีอึนจีไม่เชื่อเด็จขาด เพราะนางเป็นคนผลักองค์รัชทายาทลงไปกับมือ

    “แล้วหยกอันนี้พอจะเชื่อได้ไหมพะยะคะพระพันปี” องค์รัชทายาทพูดพลางโชว์หยกขึ้นมา

    “ใช้จริงๆด้วย”หยกขององค์รัชทายาทเมื่อกระทบกับแสงอาทิตย์มันจะแวววาวเหมือนเพชรอันล้ำค่า” พระมเหสีพูดยืนยัน

    “ไม่จริง !! จะเป็นไปได้ยังไงก็ข้าเป็นคนพลักเจาลงไปเอง !!” พระพันปีอุทานออกมา

    “อะไรนะเพคะ เมื่อครู่พระพันปีตรัสเช่นไรนะเพคะ” พระมเหสีพูด

    “พวกท่านได้บินเช่นนั้นแล้วพวกท่านจะเข้าข้างคนใจร้ายอย่างนั้นอีกหรือ พ่อแม่ของพวกท่านต้องอดยากจากการรีดไถ่ภาษีของพวกเขา พวกท่านเคยรู้บ้างหรือไม่ พวกท่านจะกลายเป็นคนจนไปทันที โปรดร่วมมือกับข้าเถอะ” องค์รัชทายาทพูด

    “อย่าไปฟังมัน !! มันมาคนเดียวจะพูดอะไรก็ได้ !!” พระพันปียังคงใช่เลห์เหลี่ยมต่อไป

    “แล้วถ้ามากันแค่นี้ล่ะ จะสู้ได้อีกไหม” แล้วองครักษ์ก็พาชาวบ้านเข้ามาเป็นจพนวมมาพวกทหารก็เริ่มไขว่เขว่

    “กระหม่อมของประทานอภัยองค์รัชทายาทพะยะคะ” แล้วทหานคนนึงเดินไปอยู่พวกองค์รัชทายาท หลังจากนั้นทหารคนอื่นๆก็เดินตามไป

    “ไม่ !! ไม่ !! อย่าไปเด็ดขาดนะ !” พระพันปีโกรธจนเลือดขึ้นหน้า

    “ยอมรับความจริงเถอะเพคะพระพันปี ! โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา” มเหสีพูด

    “ไม่มีวัน !! ถ้าพวกเจ้าไม่ฆ่าองค์รัชทายาทข้าจะฆ่าพระมเหสีทิ้งซะ” พระพันปีอาศัยแรงที่มากกว่าเอามือไปบีบคอของพระมเหสี

    “ฮะ ...อย่านะ ไม่ต้องห่วงข้า” พระมเหสีพยายามพูด

    “ลองดูสิพระราชา !! เจ้าอยากเห็นคนที่เจ้ารักตายหรือ” พระพันปีกล่อมหูลูกชายตัวเอง

    “เสด็จแม่พะนะคะ ปล่อยนางนะพะยะคะ” พระราชาเซฮุนพยายามรั้งไว้ไม่ให้ผู้เป็นแม่ทำร้ายชายาของตน

    /ฉึก/ ในระหว่างช่วงที่กำลังชนมุลอยู่นั้น พระมเหสีคว้ามีดที่พบติดตัวมาแทงเข้าที่หน้าอกของพระพันปีจนนางสิ้นใจไปตรงหหน้า

    “เสด็จแม่ !!” เห็นเช่นนั้นผู้ที่เป็นลูกอย่างเซฮุนก็เข้าไปดูหน้าแม่ตนทันที

    “การที่เราเอาอะไรที่ไม่ใช่ของตัวเองมา สุดท้ายมันจะกลับไปหาเจ้าของที่แท้จริงของมัน ท่านอย่าเสียใจไปเลย” พระมเหสีปลอบใจพระราชาเซฮุน

    .

    .

    .

    .

    .

         ฝั่งของเหล่าสาวๆที่กำลังทำอาหารเพื่อเตรียมเลี้ยงฉลองก็กำลังทำงานกันอย่างขันแข็ง โดยไม่ห่วงว่าคนที่ตนรักจะเป็นอะไรไปเพียงเพราะคำสัญญาที่องค์รัชทายาทให้ไว้ว่าทุกคนจะต้องกลับมาทานอาหารพร้อมกัน

    “มองอะไรกันจ๊ะ” นางจิ้งจอกที่กำลังทำอาหารอยู่ เมื่อเห็นเหล่าเด็กๆมามุงดูเธฮก็ถามขึ้น

    “พี่สาวเหมือนนางฟ้าเลยครับ” เด็ชายคนหนึ่งพูด

    “ขอบใจจ๊ะ” นางจิ้งจอกพูดเขินๆ

    “คุณคงเป็นพระชายาขององค์รัชทายาทใช่ไหมเพคะ” คุณป้าคนหนึ่งถามมา

    “ถ้างั้นเราก็เรียกว่าพระมเหสีสินะ พระมเหสี”

    “แล้วพระมเหสีเป็นคนที่ช่วยองค์รัชทายาทไว้หรือเปล่าเพคะ”  หลายคำถามรุมเข้ามา

    “ไม่ต้องพูดเป็นทางการกับฉันก็ได้ค่ะ ฉันไม่ถือ” นางจิ้งจอกยิ่งเขินอายเข้าไปใหญ่

    “ไม่ได้หรอกเพคะ” ทุกคนตอบพร้อมกับ แล้วเสียงหัวเราะก็เกิดขึ้นในหมู่แม้บ้านทันที

    .

    .

            ตกค่ำ อาหารต่างๆถูกวางเรียงเอาไว้ในลานกว้างรอแค่องค์รัชทายาทกกลับมาเสวย แล้วเสีงแห่งชัยชนะก็ดังขึ้น รวมถึงองค์รัชทายาท องค์รักษ์ อดีตมเหสีซูจี และอดีตพระราชาที่ไม่กล้าออกมาพบผู้คน รวมไปถึงอีกหลายๆคน

    “ตอนนี้เราได้บัลลังค์คืนมาแล้ว คืนนี้เราจะกินกันให้หน่ำใจทั้งข้า น้องซูจี องครักษ์ เสด็จแม่ของข้าด้วยเช่นกัน” องค์รัชทายาทพูดเสร็จทุกคนก็โห่ร้องด้วยความดีใจ แล้วทุกคนก็เดินไปนั่งประจำที่ เป็นงานที่เลี้ยงวังที่อบอุ่นที่สุด ฝั่งเซฮุนที่ทำผิดต่อประชาชนก็ไม่กล้าเดินเข้าไปนั่ง

    “เจ้าคงเป็นพระชาราองค์ก่อนสินะ !” นางจิ้งจอกเห็นเช่นนั้นก็เดินเข้าไปถาม

    “ทุกคนเกลียดข้าไปแล้ว !

    “ยกเว้นข้า !! ข้าไม่ใช่ประชาชนของเจ้า ! เพราะฉนั้นข้าก็ไม่จำเป็นต้องเกลียดเจ้าใช่ไหม”

    “เจ้าทำเช่นนั้นเพื่ออะไร เจ้าเป็นใครถึงได้กล้ามาปลอบใจข้า”

    “นางเป็นชายาของข้า นางให้อภัยเจ้าได้ข้าก็ให้อภัยเจ้าได้ เจ้าลงไปทานกับพวกเราเถอะ” องค์รัชทายาทมาสมทบ

    “ท่านไม่ต้องทำให้ข้าดูน่าสมเพศขนาดนั้นก็ได้ ยังไงข้าก็เป็นน้องชายของท่านคนนึง”

    “ชาวบ้านทุกคนค่ะ !! ท่าจะยอมให้อภัยอดีตพระราชาที่ไม่มีที่ไปได้ไหมค่ะ ถ้าทุกคนให้อภัยได้ ข้าจะตัดสินโทษให้เขาเดี๋ยวดี” นางจิ้งจอกเดินเข้าไปกลางวงแล้วพูดขึ้น

    “พวกเราให้อภัยได้เพคะ” เหล่าชาวบ้านผู้หญิงตอบกันพร้อมหน้า

    “งั้นโทษของเจ้าคือ ... ให้เจ้าเปลี่ยนฐานะจากพระราชาให้เป็นสามัญชนธรรมดาที่มีสิทธิเท่ากับคนทั่วไป” นางจิ้งจองลงโทษเขาทันที

    “ไปกันไปหาอะไรทาน ตอนนี้เจ้าเป็นคนธรรมดาแล้ว ข้าจะกอดคอเจ้าได้หรือไม่เซฮุน” องครักษ์เดินมาขยายความของคำพูดของนางจิ้งจอก เมื่อเซฮูนเข้าใจแล้วจึงเดินไปนั่งทานอาหารที่โต๊ะแล้วทุกคนก็กลับเข้าที่

    “เสด็จแม่เพคะ หม่อมฉันคิดว่าหม่อมฉันนั่งที่ผิด” แล้วซูจีก็พูดขึ้น

    “ทำไมล่ะลูก ลูกมีหน้าที่เป็นพระมเหสีของพระราชา ตอนนี้พระราชาตัวจริงก็กลับมาแล้ว ทำไมลูกถึงทำเช่นนั้น”

    “หม่อมฉันได้อภิเสกกับราชาองค์ก่อน ตอนนี้ถึงแม้เขาจะได้รับโทษให้เป็นคนธรรมดาแล้วก็ตามแต่หม่อมฉันไม่สามารถที่จะมีสามีได้อีก เพราะหม่อมรับไม่ได้ที่จะได้ชื่อมาเป็นหญิง 2 ผัว หม่อมฉันให้อภัยเซฮุนคนธรรมดาที่รักหม่อมฉันเพคะ” แล้วนางก็เดินไปนั่งในตำแหน่งน้องสาวของพระราชา

    “ข้าขอบใจเจ้ามากนะ” องค์รัชทายาทพูด

    “ในเมื่อทุกคนให้อภัยเซฮุนที่เป็นคนธรรมดา แล้วทำไมหม่อมฉันจะให้อภัยไม่ได้ละเพคะ” นางพูด

    “งั้นในฐานะที่ข้าเป็นพระราชาองค์ใหม่ข้าขอแต่งตั้งให้ภรรยาของข้า โชรง ขึ้นเป็นพระมเหสี” แล้วองค์รัชทายาทก็พูขึ้น ทุกคนก็รวมใจโห่ร้องออกมา เพื่อตอบสนองว่ายอมรับ พระมารดาขององค์รัชทายาทก็ทรงยินยอม

    .

    .

    .

    .

    .

            ภายในระยะเวลา 1 เดือน บ้านเมืองก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก แคว้นเพื่อนบ้านก็กลับมาไว้วางใจ พระราชาคืม ซูโฮ ครองราชกับพระมเหสีโชรง ซึ่งเป็นกูมิโฮและไม่มีใครที่รู้ว่าความนั้น นางเปลี่ยนกฎหมายบ้านเมืองจนประชาชนทุกคนรักนางเพราะนางให้อิสระเสรีกับประชาชน

    “คืนนี้กี่ค่ำแล้ว” นางจิ้งจอกถาม

    “คืนนี้ขึ้น 15 แล้วเพค่ะ”

    “งั้นวันนี้ข้าจะไปป่า ฝากบอกฝ่าบาทด้วยนะ”

    “ไม่ได้ค่ะ คืนนี้เราจะมีพิธีบวงสรงพระจันทร์ พระมเหสีไปไหนไม่ได้เพค่ะ นี้คือรับสั่งจากฝ่าบาท”

    “ทำไมต้องบวงสรวงพรจันทร์”

    “ชาวเมื่อเชื่อกันว่า ถ้าคู่รักได้ทำพิธีบวงสรวงพระจันทร์ด้วยกัน จะได้ครองรักกันไปตราบนานเท่านานเพค่ะ”

    “งั้นออกไปได้แล้ว คืนนี้ข้าจะไปนอนที่ตำหนักใกล้เขา บอกฝ่าทด้วย”

    “เพค่ะ พระมเหสี”

    .

    .

    .

    .

    .

            ตกค่ำของกลางคืน พระมเหสีก็ทรงเดินทางมาที่ตำหนักใกล้เขาเพียงลำพัง ทันทีที่ถึงพระนางก็รีบปิดประตูให้มิดชิดก่อนจะลงไปนอนกองกับพื้นด้วยความเจ็บปวด ดวงตาของนางเริ่มเป็นสีฟ้า

    /ฮู้/ เสียงเห่าหอนของสุนักแถวนั้นดังขึ้น

    “ช่วยข้าด้วยท่านแม่ ! ช่วยข้าด้วย” นางร้องเรียกผู้เป็นแม่ด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่หางของนางจะโผล่ออกมา

    “พระมเหสีเจ้าเป็นอะไรไป” แล้วเสียงของฝ่าบาทก็ดังขึ้น

    “อย่าเข้ามานะเพค่ะ !! ห้ามผู้ใดเข้ามาเด็ดขาด หม่อมฉันขอร้อง” นางตะโกนร้องออกไป

    “เจ้าไม่เป็นอะไรแน่นะ” ฝ่าบาทยังคงถามกลับมา

    “ไม่เพค่ะ หม่อมฉันไม่เป็นอะไรเพค่ะฝ่าบาท” นางตะโกนออกไป

    “องครักษ์นัม เจ้ารีบพังประตูเข้าไปดูพระเมเหสีของข้า เร็วเข้า !!” ฝ่าบามหันมาใช้องครักษ์แล้วเขาก็พังประตูเข้าไปป  แล้วพบกับพระมเหสีที่กำลังบรรทม และเอาผ้าห่ม ห่มกายมิดชิด

    “พระมเหสีบรรทมอยู่พะยะค่ะ” องครักษ์รีบมารายงาน แล้วฝ่าบาทก็เดินเข้าไปดู

    “เจ้าไม่สบายหรือพระมเหสีของข้า” พระองค์เดินเข้ามานั่งใกล้ๆพระมเหสีแล้วถาม

    “เพค่ะ หม่อมฉันอยากพักผ่อน” พระมเหสีของไปโดยไม่มองหน้า

    “งั้นข้าจะไม่กวนเจ้าแล้วก็ได้ ข้าเข้าใจแล้ว” และพระองค์ก็เดนออกไป

    “ห๊ะ !!! ห...หาง ของของพระมเหสี” แล้วนางในวังหลวงคนนึงพูดขึ้นก่ออนที่ฝ่าบาทจะหันกลับมา แต่กลับไม่พบอะไร

    “เจ้าพูดอะไรของเจ้า” ฝ่าบาทรีบหันไปดุนาง แล้วทุกคนด้านนอกก็อึ้งปอีกครั้งเมื่อเห็นพระมเหสีมองมาด้วยสายตาอาฆาตกับดวงตาสีฟ้าของนาง

    “ทหารพาฝ่าบาทกลับวัง และไปจับตัวพระมเหสีไว้” องครักษ์รีบสั่งทันทีทหารทั้งหลายก็รีบคุมตัวพระองค์ไป โดยที่พระองค์ไม่ทันได้เห็นความจริงวว่าพระชายาของพระองค์เป็นนางจิ้งจอก 9 หางจริงหรือไม่

    .

    .

            แล้วเรื่องก็บานปลายไปถึงคนในหมู่บ้าน ทุกคนที่ทั้งเชื่อและไม่เชื่อล้วนมาฟังคตัดสินของพระมเหสีที่เป็นนางจิ้งจอก 9 หาง และผู้ที่จะตัดสินคดีนั้นคือองค์หญิงซูจี

    “เบิกตัวนักโทษ” ทหารพูดเสร็จทหารก็คุมตัวพระมเหสีออกมา

    “ปล่อยพระมเหสี !” องค์หญิงซีรีบพูด เมื่อทหารปล่อยให้พระมเหสีเป็นอิสระ องค์หญิงซูจีก็เดินเข้าไปหาพระนางทันที

    “พระมเหสีไม่ควรจะสวมชุดนักโทษ เพราะพระนางไม่ใช่ !! ไปเอาชุดกับเครื่องแต่งหน้าพระมเหสีมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ องครักษ์ ท่านก็ควรไปพาฝ่าบาทมาหาพระชายาของพระองค์ด้วยไม่ใช่หรือ” องค์หญิงซูจีหันไปบ่น แล้วเหล่าข้านางในวังก็วิ่งไปเอามาอย่างเร็ว

    .

    .

    “ไม่ !! ให้ข้าได้เป็นสามัญชน ให้ข้าได้เป็นมนุษย์ ก่อนฆ่าตายได้ไหม” พระมเหสีตรัส

    “เพค่ะ พระมเหสี” แล้วองค์หญิงซูจีก็ทรงเปลี่ยนชุดให้พระนางเป็นชุดสีฟ้าที่ดูเรียบง่าย แต่ก็ยังคงสง่างามเช่นเดิม

    “วันนี้ข้าจะโดนประหารยังไงเพค่ะ” พระมเหสีถามมา

    “พวกเขาบอกให้ข้าสั่งปะหารพระมเหสีด้วยวิธีดื่มยาพิษเพค่ะ”

    “เช่นนั้นหม่อมฉันไม่ตายหรอกนะเพค่ะ องค์หญิงช่วยจุดไฟไว้ให้หม่อมฉันหน่อยได้ไหม ประชาชนคนไหนที่อยากเห็นการประหารนางจิ้งจอก องค์หญิงช่วยเชิญมาด้วยได้หรือไม่เพค่ะ”

    “พระมเหสี ..หม่อมฉันจะทำให้พระมเหสี หม่อมฉันจะจงรักภักดีกับพระมเหสีจนนาทีสุดท้ายเพค่ะ” องค์หญิงตอบรับ

            แล้วทุกอย่างก็เตรียมไวว้ตามที่พระมเหสีบอก ประชาชนส่วนใหญ่ก็เดินทางเข้ามาเพื่อดูพระมเหสีของพวกเขาอีกครั้ง โดยไม่หวั่นกลัวว่านางจะเป็นนางจิ้งจอก และไม่กลัวว่านางจะทำร้ายพระพวก ส่วนฝ่าบาทก็มาอยู่ที่นั้นเช่นกัน โดยมีทหารหลายคนรวมตัวเอาไว้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงภายหลัง อดีตพระราชาที่กลับตัวได้อย่างเซฮุนก็ยืนอยู่รอดู

    “อย่าประหารนางนะ !! ข้าบอกว่าอย่าประหารนาง ! นางทำอะไรผิด ชายาของข้าทำอะไรผิด !!” ฝ่าบาทร่ำไห้ออกมา ตะโกนเรียกความยุติธรรมให้กับผู้เป็นชายา

            และแล้วพระมเหสีก็เดินออกมาพร้อมกับองค์หญิงซูจี โดยที่ไม่มีทหารคุมตัวมา เมื่อประชาชนเห็นเช่นนั้นก็ก้มลงกราบผู้เป็นแม่ของแผ่นดินทันที รวมไปจนกระทั่งเซฮุน องครักษ์ที่ยืนอยู่ข้างๆฝ่าบาทเห็นเช่นนั้นก็ตกใจอึ้งไป

    “โชรง !! โชรง !! เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม ยังสบายดีอยู่ใช่ไหม” ฝ่าบาทคร่ำครวญออกมาด้วยน้ำตาที่ไหลรินลงมาที่ข้างแก้ม ถึงแม้พระองค์อยากจะเดินเข้าไปหาชายาของพระองค์เพียงใด แต่ก็เป็นไรไม่ได้ ถึงแม้จะอยู่ไม่ไกลกัน แต่ก็ไม่สามารถเดินไปอยู่ใกล้ๆไม่ได้ เพียงเพราะเหล่าทหารที่คุมตัวพระองค์เหมือนนักโทษ

    “หม่อมฉัน สบายดีเพค่ะฝ่าบาท หม่อมฉันยังคงสบายดีเพค่ะ” พระมเหสีมองไปที่ดวงตาของผู้เป็นสามีและพูดออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

    “พระมเหสีเพค่ะ” เหล่าประชาชนของนางร่ำร้องออกมาด้วยความเสียใจและเจ็บปวดที่นางไม่สามารถเป็นมนุษย์ได้

    “ข้าขอโทษที่โกหกทุกคนเสมอมา ข้าขอโทษจริงๆที่ทำหน้าที่พระมเหสีได้ไม่ดี ข้าขอโทษที่ข้าไม่สามารถเป็นมนุษย์อย่างพวกท่าน ทำให้พวกท่านต้องคอยหวาดระแวง” พระมเหสีพูด

    “ไม่เลยเพค่ะ พระมเหสีทรงเป็นผู้ที่ดีเลิศที่สุดแล้วเพค่ะ อย่าทรงกังวลพระทัยไปมากกว่านี้เลยเพค่ะ อย่ากังวลเพราะพวกเราเลยเพค่ะ พระมเหสี” ประชาชนคนหนึ่งพูด

    “ใช่แล้วเพค่ะพระมเหสี พระองค์ไม่ทำอะไรผิดเลยเพค่ะ” ประชาชนอีกคนพูด

    “อย่าพูดอย่างนั้นกับสัตว์อย่างข้า จิ้งจอกอย่างข้าไม่ควรได้รับการยกย่องจากพวกท่าน” พระมเหสีพูดและก้มลงคุกเข่า

    “พระมเหสีเพค่ะ อย่าทรงทำเช่นนั้นเลยเพค่ะ ประชาชนทุกคนรัก และเชิดทูลพระมเหสีมาก ได้โปรดอย่าทรงตรัวเช่นนั้นเลยเพค่ะ เห็นแก่ประชาชน เห็นแก่ข้า และฝ่าบาทเถอะเพค่ะ” องค์หญิงซูจีพูดและพยายามช่วยให้พระมเหสีลุกขึ้น

    “ใช่ !! ฝ่าบาท” เมื่อพระมเหสีพูด ก็มองขึ้นไปที่ฝ่าบาท ที่กำลังโดนทหารคุมตัวอยู่

    “โชรง !! ไม่ว่าเจ้าจะเป็นอะไร ข้าก็ยังคงยืนยันคำเดิม เจ้าจำได้ไหมคำสัญญาของข้า” ฝ่าบาทพูดมาพร้อมกับน้ำตา พระองค์ทรงร้องไห้ทุกครั้งในค่ำพูดของพระองค์

    “ฝ่าบาท ! อย่าทรงตรัสเช่นนั้นอีกเลยเพค่ะ อย่าตรัสเช่นนั้นกับจิ้งจอกอย่างหม่อมฉัน อย่าตรัสเช่นนั้นกับปีศาลอย่างหม่อมฉัน อย่าทรงตรัสเช่นนั้นกับนักโทษอย่างหม่อมฉันอีกเลยนะเพค่ะฝ่าบาท” พระมเหสีพูด

    “ข้าต่างหากที่เป็นนักโทษ ข้าโดนคุมตัวเอาไว้ ทำอะไรก็ไม่ได้ทำ แค่เดินไปหาเจ้าข้าก็ยังทำไม่ได้ เจ้าอยู่ใกล้กับข้าแค่นี้แล้ว แต่ข้าก็ยังทำไม่ได้ ความจริงแล้วข้าคือพระราชาที่ทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง”

    “ฝ่าบาท ! หม่อมฉันไม่ใช่มนุษย์อย่างที่พระองค์ทรงเข้าใจนะเพค่ะ” พระมเหสีพูด

    “ถ้าการที่ข้าได้บัลลังค์คืนมาแล้วมันจะทำให้ข้าต้องเสียเจ้าไป สู้ให้ข้าได้อยู่กับเจ้าสองคนในป่ายังดีกว่า” ฝ่าบาทพูด

    “ข้าไม่อยากให้ท่านทำเช่นนั้น ตัวจริงของข้าไม่ใช่มนุษย์นะเพค่ะ หม่อมฉันเป็นนางจิ้งจออกเก้าหาง หม่อมฉันเป็นกูมิโอนะเพค่ะ  ถ้าฝ่าบาทเห็นตัวตนของหม่อมฉันเช่นนี้แล้ว ฝ่าบาทยังคงยืนยันคำเดิมอยู่หรือเปล่าเพค่ะ”

            แล้วพระมเหสีก็เบ่งหางของตัวเองออกมา ดวงตาของนางก็กลายเป็นสีฟ้า ประชาชนที่เห็นเช่นนั้นก็ขยับออกไปรวมกันที่ตรงกลาง เซฮุนที่เห็นเช่นนั้นก็วิ่งเข้ามาลากตัวขององค์หญิซูจีให้ออกห่างๆจากนางจิ้งจอกตนนั้น ฝ่าบาทก็ค่อยๆอ่อนแรงลง พระองค์ล้มลงกับพื้นพลางร้องไห้ออกมา และยกมือขึ้นทำท่าจะคว้าร่างกายนั้นเข้ามากอดแต่ก็ทำไม่ได้เพราะร่างนั้นอยู่ไกลเกินไป

    “ปล่อยข้าเซฮุน ปล่อยข้านะ” องค์หญิงซูจีขัดขืนและจะวิ่งเข้าไปหาพระมเหสีเช่นเดิม

    “ข้าปล่อยเจ้าไปไม่ได้ ข้าปล่อยให้เจ้าไปเสี่ยงอันตรายเช่นนั้นไม่ได้” เซฮุนพูดและรัดร่างนั้นไม่แน่นกว่าเดิม

    “ปล่อยข้าสิ ! ตอนนี้พระมเหสีต้องการคนที่จะอยู่ข้าพระนางนะ !!” องค์หญิงซูจียังคงรั้งอยู่เช่นเดิม

    “เชื่อข้า ! อย่าไปนะ อย่าไปเลย” เซฮุนพูด

    “แล้วเจ้าจะให้ข้าทำเช่นไร พระมเหสี พวกท่านต้องห้ามนางไว้สิ ! นางไม่ได้เป็นภัยกับเรานะ พระนางไม่ได้เป็นภัยกับเรา เชื่อข้าสิ เชื่อข้า ฮือๆ” องค์หญิงซูจีสิ้นแรงล้มลงกับพื้นแต่ก็ยังร้องไห้ออกมาไม่หยุด

    .

    .

    “ฝ่าบาทเพค่ะ ต่อจากนี้ทรงลืมไปเถอะเพค่ะ ว่าเคยมีหม่อมฉันอยู่ข้างกาย ยืนต่อไปให้ได้นะเพค่ะฝ่าบาท” นางจิ้งจอกพูก่อนจะหันหลังไปมองที่กองไฟด้านหลัง

    “ไม่นะ !!! ห้ามไปนะ ห้ามตายเด็ดขาด” พระองค์ร้องออกมาอีกครั้ง ตะโกนออกมาเพื่อหวังว่าพระมเหสีของพระองค์จะหยุดการกระทำนั้น

    “มันจบ ...สิ้นแล้วเพค่ะฝ่าบาท” นางเดินเข้าไปใกล้กองไฟแล้วหันมาสบตากับฝ่าบาทอีกครั้ง

    “เจ้าจะตายไม่ได้นะโชรง ! ห้ามนางเอาไว้สิห้ามนางเอาไว้ นางเป็นพระมเหสีของข้านะ ! ข้าเป็นชายาของข้า จับนางเอาไว้สิ” ฝ่าบาทร้องตะโกนออกมาอย่างไม่ขาดสาย แล้วพระมเหสีของพระองค์ก็ทรงเดินเข้ากองไฟที่กำลังลุกโชติช่วงอยู่

    “ไม่นะ !!! โชรง !” ฝ่าทร้องหนักออกมายิ่งหนักกว่าเดิม

    “ทำไมพวกเจ้าไม่ห้ามนางเอาไว้ ทำไม! ปล่อยข้า ข้าจะไปหานาง ปล่อยข้า ! ปล่อย !” ฝ่าบาทพยายามวิ่งเข้าไปหาหองไฟนั้นที่กำลังแผดผาร่างของชายาของพระองค์ แต่ก็มีเหล่าประชาชนและทหารหลายนายห้ามเอาไว้

    “พระมเหสี !! ไม่.... ไม่นะเพค่ะพระมเหสี” องค์หญิงซูจีที่เห็นเช่นนั้นก็ร้องออกมาและจะเดินเข้าไปหากองไฟนั้นเช่นกัน

    “หยุดเดียวนี้นะซูจี ! อย่าไปเด็ดขาดตั้งสติสิ ! ตั้งสติหน่อย” เซฮุนกอดร่างของเธอเอาไว้แน่น แต่ทั้งใบหน้าและจิตใจขององค์หญิงซูจีตอนนี้ไปถึงกองไฟนั้นหมดแล้ว

    “เจ้าปล่อยพระมเหสีไปได้ยังไง เจ้าทำเช่นนั้นได้อย่างไร ฮือๆ” องค์หญิงซูจีสงบจิตใจแล้วหันมาร้องไห้ในอ้อมอกของเซฮุน

    .

    .

    “ฝ่าบาทพะยะค่ะ ทรงปล่อยพระมเหสีไปเถอะพะยะค่ะ” องครักษ์ห้ามเอาไว้

    “โชรง ข้าขอสัญญา ถ้าได้พบกันอีกครั้ง ! ไม่ว่าเจ้าจะเป็นอะไร ข้าก็จะรักเจ้าคนเดียว !” ฝ่าบาทพูดและมองเข้าไปในกองไฟที่ภายในมีหัวใจของพระองค์ที่พระองค์ไม่สามารถได้มันกลับคืนมาอีกแล้ว

     

    .....อย่าทรงพระกันต์แสงเพราะหม่อมฉันเลยเพค่ะฝ่าบาท อย่าทรงทำเช่นนั้นอีกเลย.....

         เสียงร่ำร้องที่ฝ่าบาทไม่มีวันที่จะได้ยินของดวงวิญญาณของนางจิ้งจอกเก้าหาง สัตว์ที่ไม่สามารถมีความรักได้ แม้ว่าจิตใจของพวกเธอจะบริสุทธิ์ขนาดไหน...







    cinna mon
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×