คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Destiny พรมลิขิตรักพลัดพลาก > Suho&Chorong > EP.2
1 สัปดาห์ผ่านไป ณ พระราชวัง
หลังจากที่นางสนมกลับมาก็กุเรื่ององค์รัชทายาทสิ้นพระชน และทางวังหลวงก็แต่งตั้งให้ลูกชายของนาง โอ เซฮุน ขึ้นครองราชสมบัติแทนในเวลาต่อมา พระราชาพระองค์ใหม่โล่ะกฎที่เคยให้อิสระแก่ประชาชน และเปลี่ยนเป็นกฎเหล็ก ให้ประชาชนทำงานหนักและจ่ายภาษีให้วังหลวงจำนวนมาก จนประชาชนเริ่มยากจนลง และปรับให้ครอบครัวที่มีฐานะเท่านั้นที่จะเข้ามารับราชกาลในวังหลวงได้
“เสด็จแม่ ! หม่อมฉันไม่อยากอภิเษกกับองค์ชาย !” เสียงหนึ่งดังขึ้น
“เจ้ามีตำแหน่งเป็นพระมเหสีขององค์ชายรัชทายาท ตอนนี้พระองค์ก็ทรงสิ้นพระชนต์ไปแล้ว เพราะฉนั้นเจ้าต้องอภิเษกกับองค์ชายเซฮุน นั้นคือสิ่งที่เจ้าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ !”
“ไม่เพคะ ! ยังไงหม่อมฉันก็จะไม่อภิเษกกับองค์ชาย หม่อมฉันจะขอตามไปรับใช้พระเจ้าคิม ซฮงกยู และองค์ชายรัชทายาทบนสวรรค์ ดีกว่าตกอยู่ในนรกจากการที่หม่อมฉันอภิเษกกับคนที่เลวทรามเช่นนั้น” ซูจี ลูกสาวคนเดียวของสนมรองพูดด้วยน้ำตาที่ไหลริน
“เจ้าห้ามพูดเช่นนั้นอีกเข้าไหม ?! ที่แม่ให้เจ้าอภิเษก เพราะมันคือหน้าที่ของเจ้า เจ้าไม่สามารถที่เลือกได้ว่าจะอภิเษกกับใคร แต่หน้าที่ของเจ้าคือเป็นพระมเหสีขององค์ชายที่จะขึ้นครองราชสมบัติแทนพระเจ้าคิม ซองกยู เท่านั้น”
“ท่านแม่ ! ท่านอย่าทรมานข้าเลย ข้าขอร้อง ...ข้าไม่เคยเสียน้ำตาให้กับเรื่องอะไรทั้งสิ้น ข้าไม่เคยเสียใจที่ท่านแม่เป็นแค่สนมรองของฝ่าบาท แต่ข้าขออย่าเดียว ท่านอย่าให้ข้าต้องตกนรกเลยนะเพคะ หม่อมฉันขอร้องจริงๆ”
“ถ้างั้นเจ้าลองแล้วกันว่าที่พระมเหสีแบ ซูจี !” เสียงหนี่งที่ไม่ได้รับเชิญดังขึ้นหลังเธอ
“พระพันปี !!” เธออุทานออกมา
“เจ้าไม่จำเป็นต้องเรียกข้าเช่นนั้น ! ข้าอนุญาติให้เจ้าเรียกข้าว่า นางสนมเอก เหมือนที่เจ้าเคยเรียกข้าเมื่อก่อน ข้าไม่คิดเลยว่าข้าจะได้มาเป็นพระมารดาของเจ้าอีกคน ถึงข้าจะชอบไม่คำพูดที่ออกจากปากเจ้าเท่าไหร่ แต่ในเมื่อองค์ชายหวังในตัวของเจ้า ข้าจึงต้องจำใจทำเช่นนั้น !” อดีตสนมอึนจีพูด
“ไม่ !! ข้าไม่มีวันยอมอภิเษกกับลูกชายของท่าน !!”
“งั้นเจ้าลองคิดดู ข้าให้เวลาเจ้าถึงวันพรุ่งนี้ ถ้าเจ้าไม่ยอมอภิเษกกับองค์ชาย เจ้าจะได้เห็นอดีตพระมเหสีดื่มยาพิษแน่” อึนจีขู่นาง
“ทำไมท่านต้องทำเช่นนี้ !! แท้จริงแล้วองค์รัชทายาทก็สิ้นพระชนต์เพราะท่านเช่นกันใช่ไหม? ท่านต้องเป็นคนฆ่าองค์รัชทายาทแน่ๆ ท่านวางแผนไว้ก่อนหน้านี้แล้ว”
“ชีวิตของข้า ... ยังมีอะไรที่เจ้าไม่รู้อีกมาก !!” นางสนมพูดคำสุดท้ายเสร็จก็เดินออกไป
“ฮือๆ ท่านแม่ .. ข้าควรทำเช่นไรดีเพคะ ข้าไม่อยากตกนรก ข้าควรทำเช่นไรดีเพคะท่านแม่ ท่านช่วยบอกข้าอีกทีได้ไหม ฮือ” หลังจากนั้น องค์หญิงซูจีก็ล้มลงกับพื้นห้องทันที
.
.
.
.
.
ณ ป่า ในถ่ำของนางจิ้งจอก
“ตอนนี้ผ่านมา 7 วันแล้วนะโชรง ! เจ้ายังไม่ส่งบุรุษผู้นั้นกลับไปอีกหรือ” สุนักจิ้งจอกผู้เป็นแม่พูด
“ข้าขอเวลาอีกนิดนะท่านแม่ ข้าสัญญาอีกไม่นาน ท่านแม่พยายามอย่างมากที่จะกลับมาเป็นจิ้งจอกเพื่อที่จะเลี้ยงดูข้า แต่ข้ากลับทำลายสิ่งที่ท่านสร้าง ข้าสัญญาว่าตำนานกูมิโฮจะจบในเร็ววันนี้ ข้าจะต้องทำให้ได้” นางจิ้งจอกพูด
“เจ้าใช้เวลานานเกินไปแล้ว แม่กลัวว่าเจ้าจะได้รับอัตราย ลูกแม่เจ้าอย่าประมาณบุรุษเด็ดขาดเข้าใจไหม ?” จิ้งจอกพูดเสร็จก็เดินเข้ามาคลอเคลียที่ขาของนางจิ้งจอกเพื่อเป็นกำลังใจให้
“แม่นาง !! อยู่นิ่งๆนะ !” จู่ๆเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นหลังนางจิ้งจอก
“ท่านซูโฮ ! นี่ท่านจะทำอะไร” นางจิ้งจอกพูดขึ้นเมื่อเห็นองค์ชายรัชทายาทไปหยิบท่อนไม้แล้วมาถือไว้แน่น
“ข้าก็จะฆ่าสุนักจิ้งจอกตัวนั้นไง !” องค์ชายพูดมา
“ไม่ได้นะ !! ห้ามท่านฆ่าสัตว์ใดในป่าแห่งนี้ !” นางจิ้งจอกรีบห้ามไว้
“มันจะทำร้ายเจ้าได้นะ !!” องค์ชายพูดจบก็ดึงร่างของนางจิ้งจอกออกมาจากจิ้งจอกตัวนั้น
“อย่าทำร้ายพวกมันเด็ดขาดนะ !! ถึงแม้พวกมันจะเป็นสัตว์เนรฉาน ถึงแม้พวกมันจะไม่เหมือนท่านแต่พวกมันก็มีหัวใจเหมือนกัน ถ้าท่านจะทุบจะตีมัน ท่านมาลงที่ข้าจะยังดีกว่า เพราะข้าเลวร้ายกว่าพวกมันนัก” นางจิ้งจอกพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ในแววตานั้นมีน้ำใสๆคลออยู่ มือที่รั้งแขนขององค์ชายเอาไว้ก็อ่อนแรงเต็มที
“เจ้าอย่าทำอย่างนี้เลย สัตว์พวกนี้เป็นอันตรายต่อเรา ถ้าเราไม่ฆ่ามัน พวกมันก็อาจจะกลับมาฆ่าเราได้นะ” องค์ชายยังคงค้านว่าจะฆ่าจิ้งจอก
“สัตว์อย่างพวกเราไม่เคยคิดที่จะทำร้ายใคร ในทางกลับกันพวกเราต่างหากที่โดนพวกมนุษย์อย่างท่านทำร้าย ทั้งโดนล่าเพียงเพราะมีมันสมองที่ด้อยกว่าเท่านั้น มนุษย์อย่างพวกท่านจะเข้าใจอะไร มนุษย์อย่างพวกท่านรู้จักแค่การเอาชนะ การแย่งชิง ไม่มีวันเข้าใจคำว่าเมตตาหรอก ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าคิดว่าท่านควรกลับไปในที่ของท่านมากกว่า ท่านคงอยู่ที่นี้ไม่ได้หรอก” นางจิ้งจอกพูดออกมาอย่างเหลืออดแล้วนางก็เดินผ่านองค์ชายไปตรงที่สุนักจิ้งจอก ก่อนจะอุ้มสุนักจิ้งจอกผู้เป็นแม่ของนางไป
“แม่นาง ! เจ้า ! เจ้าจะไปไหน ? แม่นาง !!!” องค์ชายเรียก และเดินตามหลังไป
“แม่นางเจ้าอยู่ไหน” องค์ชายเดินตามมาสักพักแต่จู่ๆแผ่นหลังของนางจิ้งจอกก็หายไป แล้วองค์ชายก็เดินต่อไปเรื่อยๆจนในที่สุดก็ค่ำ ดวงจัทร์ก็เต็มดวง เสียงหมาป่าเห่าหอนตามภาษา
.
.
ฝั่งนางจิ้งจอกที่เดินมาถึงโขดหินที่มีพืชเรืองแสงก็วางจิ้งจอกผู้เป็นแม่ของนางลง
/ฮู้ .../ แล้วเสียงหมาป่าหอนก็ลอยเข้ามาในหูของนาง นางจิ้งจอกเงยหน้าขึ้นไปมองดวงจันทร์ที่กำลังเต็มดวงอยู่ แล้วดวงตาของนางก็เปลี่ยนเป็นสีฟ้า และมีหางทั้ง 9 โผล่ออกมา
“ท่านแม่ทำไมข้า !!” เธอถามจิ้งจอกผู้เป็นแม่ไป
“ทุกๆคืนที่จันทร์เต็มดวง เจ้าจะคืนสู่ร่างเดิม แต่ร่างของเจ้าตอนนี้มันไม่ใช่จิ้งจอกอย่างข้า แต่เป็นนางปีศาลจิ้งจอก 9 หาง”
“ท่านแม่ ..” นางจิ้งจอกเรียกชื่อผู้เป็นแม่
“แม่นาง !! เจ้าอยู่ไหน !! ข้าขอโทษ ข้าจะไม่ทำเช่นนั้นอีกแล้ว เจ้าออกมาเถอะ” แล้วเสียงของชายที่นางจิ้งจอกไม่อยากเจอที่สุดก็ดังออกมา
“เจ้ารีบหนีไปก่อนที่บุรุษท่านนั้นจะเจอเจ้า” จิ้งจอกรีบเตือนลูก แล้วนางจิ้งจอกก็กระโดนขึ้นต้นไม้ไป
.
.
องค์ชายรัชทายาทยังคงเดินตามหานางจิ้งจอกอยู่เช่นเคย ถึงแม้จะมีเสียงหมาป่าหอน และบรรยากาศที่วังเวงแต่พระองค์ก็ยังไม่หยุดหา
“แม่นาง ... ออกมาเถอะ” พระองค์ยังคงเรียกต่อไป
/คลืนๆ/ แล้วเสียงต้นไม้ที่เกินจากการกระโดนของนางจิ้งจอกก็ดังขึ้น
“นั้นใครหน่ะ !” พระองค์หันไปตามเสียงก่อนจะถามขึ้น
/ตึก/ แล้วเสียงอะไรบางอย่างตกจากที่สูงก็ดังขึ้นหลังพระองค์ พระองค์หันมาช้าๆแล้วพบกับหลังของหญิงสาวคนหนึ่ง และมีหางทั้ง 9 โบกไปมา
“น...นางจิ้งจอก 9 หาง” พระองค์พูดด้วยความตกใจก่อนจะหมดสติไปกับที
“ท่านซูโฮ” นางจิ้งจอกเหมือนได้ยินเสียงล้มขององค์ชายก็หันกลับมาทันที
“ข้าขอโทษ” นางจิ้งจอกพูดก่อนจะแบกองค์ชายแล้วกระโดดกลับไปที่ถ้ำของนาง
.
.
เช้าวันรุ่งขึ้น องค์ชายลืมตาขึ้นมาและมองไปรอบๆเช่นเคย แต่ครั้งนี้เขากลับไม่เห็นนางจิ้งจอก พระองค์จึงรีบลุกขึ้นจากที่นอนทันที
“ข้ามาอยู่ที่นี้ได้ไง แล้วจิ้งจอก 9 หางที่เราเห็นเมื่อคืน หรือว่า.... แม่นาง !!” องค์ชายทบทวนเรื่องราวในหัวสักพักก่อนจะทำหน้าตกใจแล้วเดินออกมาจากถ้ำนั้นเพื่อตามหานางจิ้งจอกทันที
องค์ชายวิ่งมาสักพักจนถึงลำธาร และพบนางจิ้งจอกที่กำลังอาบน้ำอยู่ในนั้น องค์ชายเดินไปหลบอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ แล้วมองดูนางจิ้งจอกเล่นน้ำไปสักพัก
“คิดว่านางจะเป็นอะไรไปแล้วเสียอีก” องค์ชายถอดหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แล้วก็หันหลังกลับมา
“นี่ท่านมาแอบดูข้าอาบน้ำหรือ” แล้วองค์ชายก็ต้องสดุ้งทันทีเมื่อตรงหน้าพระพักตร์ของพระองค์มีร่างของนางจิ้งจอกที่พระเห็นนางอาบน้ำอยู่เมื่อกี้
“จ...เจ้ามาอยู่ที่นี้ได้ไง เมื่อครู่เจ้ายังอยู่ในลำธารมิใช่หรือ” องค์ชายพูด
“ท่านมาแอบดูข้าจริงๆด้วย ! เมื่อครู่ยังอยู่ แต่ตอนนี้ข้าอาบเสร็จแล้ว ไม่งั้นข้าคงไม่รู้ว่าบุรุษที่มีใบหน้าและผิวพรรณดีอย่างท่านจะเป็นคนวิปริต” นางจิ้งจอกพูด
“ข้าแค่เป็นห่วงเจ้า เมื่อคืนข้าเห็นนางจิ้งจอก 9 หางข้ากังวลว่าเจ้าจะเป็นอะไรไป” องค์ชายพูด
“ข้าน่ะไม่เป็นอะไรหรอก” นางจิ้งจอกพูด
“แล้วเจ้าจะรู้ได้ไงล่ะ”
“ก็เพราะว่านางจิ้งจอกมันกินแต่ตับหรือหัวใจของผู้ชาย ยิ่งรูปงามอย่างท่าน ...พวกนางยิ่งชอบ” นางจิ้งจอกพูดและเดินเข้ามาหาองค์ชายเรื่อยๆด้วยใบหน้าและแววตาโปรยเสน่ห์ จนองค์ชายต้องเดินถอยหลังไปจนติดต้นไม้
“จ...เจ้ารู้ได้ไง ว...ว่าพวกนางชอบ” องค์ชายพูดอย่างเกร่งๆ เพราะมือของนางจิ้งจอกที่เอามาพาดไหล่ของพระองค์ทั้งสองงข้าง รวมถึงใบหน้าที่ใกล้กันอีก
“ตำนานกูมิโฮไง ท่านเคยเล่าเรียนมามิใช่หรือ” นางจิ้งจอกพูดด้วยน้ำเสียงดึงดูด พร้อมกับเสน่ห์ที่แพรวพราว
“หรือว่าท่าน ...จะลืมไปหมดแล้ว” นางจิ้งจอกเลื่อนมือลงมาที่หน้าอกขององค์ชาย
“จ...เจ้าจะทำอะไร” องค์ชายถามมา
“ท่านลองมองมาที่ใบหน้าของข้าสิ พูดมาสิว่าข้าเป็นยังไง” นางจิ้งจอกพูด
“เจ้า ....เจ้าช่างงดงามดั่งนางฟ้า งามเหมือนนางสวรรค์” พระองค์พูดก่อนจะเลือนมือของพระค์ขึ้นมาจับที่ใบหน้าของนางจิ้งจอก
“หัวใจของท่านเต้นเร็วเช่นนี้ ท่านหลงรักข้าแล้ว” นางจิ้งจอกพูดก่อนจะเอามือของนางออกมาแล้วกลับเข้าสู่โหมดปกติ
“เจ้า !! เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นกับข้า” องค์ชายเอามือออกมาจากใบหน้าของนางจิ้งจอกแล้วพูดด้วยความสงสัย
“ถ้าหากท่านอ่อนไหวง่ายเช่นนี้ ท่าจะตกเป็นเหยื่อของกูมิโฮ” นางจิ้งจอกพูด
“ข้าไม่มีวันหลงเสน่ห์ของกูมิโฮ” องค์ชายพูด
“กูมิโฮสวยกว่าข้านัก ท่านไม่มีวันที่จะไม่หลงเสน่ห์ของนาง ไม่มีวันที่ท่านจะไม่มองใบหน้าของนาง” นางจิ้งจอกพูด
“งั้นข้าจะมองแค่เจ้า และเจ้าจะต้องมองแค่ข้า ข้าไม่สนแล้วว่าข้าจะได้กลับบ้านข้าหรือไม่ ข้าสนใจแค่ว่าข้าจะได้อยู่กับเจ้า แค่อยู่กับเจ้าตลอดไป”
“ไม่มีทาง ! ท่านต้องมีภาระที่ต้องรับผิดชอบ ถ้าทิ้งชีวิตไว้ที่ข้า ท่านทนไม่ได้หรอก ข้ายังมีอะไรที่ท่านจะไม่รู้อีกมาก”
“ไม่ว่ายังไง ข้าจะเชื่อเจ้า ต่อให้วันพรุ่งนี้ข้าเห็นเจ้าคุยกับสัตว์ป่า หรือต่อให้เจ้าเป็นกูมิโฮ ข้าก็จะยังยืนยันคำเดิม” องค์ชายยืนยันคำรักของพระองค์ต่อหน้านางจิ้งจอก
“งั้นข้าก็จะไม่สนอะไรอีกแล้ว ข้าหลงเสน่ห์ท่านไปแล้ว ข้าไม่มีวันเปลี่ยนใจ” นางจิ้งจอกก็ยืนยันคำรักของนางเช่นกัน
.
.
.
.
.
.
2 เดือนต่อมา ในพิธีอภิเษกสมรสขององค์ชายเซฮุนและองค์หญิงซูจี
เมื่อเสร็จพิธีแต่งงานทุกอย่างแล้ว ในช่วงค่ำก็มีการจัดเลี้ยง องค์ชายที่นั่งอยู่ข้างๆองค์หญิงซูจีมีความสุขเป็นอย่างมาก แต่ในทางกลับกันองค์หญิงซูจีกลับทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก และเมื่องานเลี้ยงจบลงองค์ชายเซฮุนและองค์หญิงซูจีก็กลับเข้าห้องหอของทั้งสองพระองค์ทันที
“ใครอยู่ข้างนอกบ้าง !! เข้ามาหาข้าหน่อย” พระมเหสีซูจีตะโกนเรียก
“เพคะพระมเหสี” แล้วก็มีแม่นมที่อายุมากคนหนึ่งเดินเข้ามา
“เจ้าช่วยไปหาเครื่องนอนมาให้ข้าอีก ถึงแม้ข้าจะเป็นพระมเหสีในพระราชาโอ เซฮุน แต่ข้าจะไม่ยอมย่างกายเข้าไปนอนใกล้ๆพระองค์อย่างเด็ดขาด !” พระมเหสีพูดอย่างเด็ดขาด และแต่ละคำพูดนางไม่แม้แต่ที่จะหันไปมองพระสวามีข้างๆของนางเลย
“มันจะมากเกินไปแล้วนะ ! เจ้าเป็นพระมเหสีของข้าเจ้าต้องเป็นของข้าแค่คนเดียว !! เจ้าออกไปได้แล้ว” พระราชาไล่นมคนนั้นออกไป
“การที่พระองค์ได้ครอบครองสิ่งที่ไม่ใช่ของพระองค์เอง และได้มันมาด้วยการแย่งชิง ข้าอยากถามหน่อยเถอะเพคะ ท่านไม่ละอายพระทัยบ้างเหรอเพคะ”
“มันคือสิ่งที่ถูกต้อง ! ข้ามีหน้าที่เป็นพระราชา เจ้าก็มีหน้าที่เป็นพระมเหสี มีอะไรที่ข้าควรละอาย”
“คนที่คู่ควรกับแหน่งพระราชามีแค่พระองค์เดียวเท่านั้น นั้นคือ องค์รัชทายาท มิใช่โอรสของสนมเอกอย่างท่าน และข้าก็มีหน้าที่เป็นพระมเหสีขององค์รัชทายาทเท่านั้น”
“ไม่ !! เจ้าต้องเป็นของข้า !!” พระราชาโอ เซฮุน พูดเสร็จก็เข้าไปหวังจะได้ตัวของพระมเหสีของพระองค์
“อย่าเข้ามานะเพคะ !! ถ้าพระองค์เข้ามาหม่อมฉันจะแทงจริงๆด้วย” พระมเหสีซูจีรีบคว้ามีดออกมาจากตัวและหันปลายมีดไปหาพระสวามีของนางทันที
“นี้เจ้ากล้าเอาอาวุธเข้ามาในห้องหอหรือ !! งั้นเจ้าก็ลองดูสิ เจ้าไม่กล้าฆ่าพระราชาอย่างข้าหรอก เพราะตอนนี้ไม่มีรัชทายาทที่จะสืบราชสมบัติอีกแล้ว ฮ่าๆ” พระราชาหัวเราะออกมาอย่างชอบใจเพราะเห็นว่าตัวเองเหนือกว่า แล้วเสียงหัวเรานั้นก็ต้องหยุดไปทันที เมื่อพระมเหสีหันปลายมีดเข้าหาตัวเอง
“งั้นท่านก็ลองดูสิเพคะ ! ถ้าท่านเข้ามาหม่อมฉันจะฆ่าตัวตาย” พระมเหสีพูดออกมาด้วยน้ำตาที่ไหลรินลงมาที่ข้างแก้ม
“เจ้าอย่าคิดอะไรชั่วช้าอย่างนั้นซูจี !”
“ท่านกลัวหรือเพคะ ! ท่านกลัวจนลืมไปแล้วหรือเพคะว่าหม่อมเป็นพระมเหสีที่ไม่เต็มใจของพระองค์ ทำไมกันเพคะ ทำไมพระองค์ต้องแช่งชิงตำแหน่งพระราชามาจากองค์รัชทายาทด้วย ทำไมพวกท่านต้องทำเช่นนั้นด้วยเพคะ” พระมเหสีพูดด้วยทำน้ำตาที่ไหลรินออกมาอย่างเต็มที่
“อำนาจคือทุกอย่าง ถ้ามีอำนาจข้าก็ทำได้ทุกอย่าง !!”
“งั้นพระองค์ก็ใช้อำนาจของพระองค์ประหารชีวิตของหม่อมฉันด้วยเถอะเพคะ เพราะมันคือหนทางเดียวที่จะทำให้หม่อมฉันมีความสุข”
“ข้าไม่มีวันทำเช่นนั้น ข้ารักเจ้า”
“สิ่งที่พระองค์เรียกว่ารัก มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องนะเพคะ พระองค์ช่วยปล่อยหม่อมฉันไปเถอะนะเพคะ หม่อมฉันขอร้องจริงๆ”
“พระมเหสี ! ข้าไม่สามารถจะปล่อยเจ้าไปได้”
“งั้นพระองค์ช่วยหาสนมเถอะเพคะ คิดซะว่ามันคือความรักของพระราชา ช่วยหาสนมเถอะเพคะ”
“ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้”
“งั้นหม่อมฉันจะตายลงนี้แหล่ะเพคะ” พอว่าจบพระมเหสีก็ทำท่าจะแทงตัวเอง
“ได้ ! ได้ ! ข้ายอมแล้ว ข้าจะหานางสนม”
.
.
.
.
.
ณ ป่า ฝ่ายขององค์รัชทายาทที่มีความสุขอยู่กับนางจิ้งจอก ทั้งสองสร้างกระท่อมเล็กๆอยู่ใกล้ๆลำธารและใช้ชีวิตดังคู่สามีภรรยา โดยที่พระองค์ไม่ทราบเลยว่าพระชายาของพระองค์คือนางจิ้งจอก 9 หาง
“น้องหญิง ! เจ้าช่วยเล่าเรื่องกูมิโฮให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่”
“ท่านจะรู้ไปทำไมคะ” นางจิ้งจอกถามมา
“ก็ข้าอยากรู้ เจ้าเล่าให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่”
“ได้สิคะ แต่เราเล่าไปหาฟืนไปได้ไหมคะ” นางจิ้งจอกยื่นข้อเสนอแล้วองค์รัชทายาทก็ตอบรับแล้วทั้งสองก็เดินออกไปด้วยกัน
“นางจิ้งจอกหรือกูมิโฮ เป็นจิ้งจอกที่บำเพ็ญศีลอยู่นานกว่า 1,000 ปี พวกมันมีวิชาที่แกร่งกล้ามาก แล้วพวกมันก็ขยายเผ่าพันธุ์ของพวกมันตลอดมา พวกมันมีชีวิตที่ยืนยาวถึง 1,000 ปี แต่พวกมันต้องกินตับ หรือ หัวใจของผู้ชาย 100 ดวงเพื่อจะเป็นมนุษย์ โดยการแปลงเป็นสาวที่มีใบหน้างดงาม”
“แล้วทำไมพวกมันถึงหวังจะเป็นมนุษย์ด้วยล่ะ”
“ข้อนี้ข้าก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ที่ข้าเรียนกูมิโฮที่กินหัวใจบุรุษนั้นจะต้องกินหัวใจของบุรุษที่รักนางจริงและพร้อมมอบหัวใจให้นางเท่านั้น และกูมิโฮที่กินตับส่วนใหญ่จะเจอกับรักแท้ในตับอันที่ 100 และพวกนางก็จะไม่กินตับของเขา และสลายไปในที่สุด”
“ความรักนี้เล่นตลกกับพวกนางจังนะ ข้ารู้แล้ว ที่นางอยากเป็นมนุษย์ก็เพื่อที่จะได้อยู่กับคนที่นางรักนี่เอง”
“แล้วจะมีประโยชน์อะไรละ เมื่อพวกนางกินหัวใจของพวกนางมาเกือบ 100 ดวงแล้ว”
“นั้นสินะ ! งั้นพวกนางก็เลือกถูกแล้วแหล่ะที่จะปล่อยให้คนที่นางรักมีชีวิตอยู่”
/ครืนๆ/ ทั้งสองเดินคุยกับมาสักพัก แล้วจู่ๆเสียงพุ่มไม้ก็ดังขึ้น
“นั้นใครน่ะ” องค์ชายตะโกนเรียก
/ครืนๆ/ เสียงยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
“ข้าถามว่าใคร”
/ควับ/ นางจิ้งจอกหันหน้าไปทางที่มีกลิ่นของมนุษย์ แล้วเปร่งตาสีฟ้าคำรามก่อนจะโยนท่อนไม้ที่เก็บมาไปตามกลิ่นนั้น จนในที่สุดก็เจอตัวการทำเสียงพุ้มไม้นั้น
“ข...ข้าขอโทษ” เมื่อมีบุรุษออกมาจากที่ตรงนั้น นางจิ้งจอกก็เปลี่ยนเป็นตาสีดำกลับทันที
“ภรรยาข้านี้เก่งจริงๆ ว่าแต่เจ้ารู้ได้ไงว่าไม่ใช่สัตว์ป่า” องค์ชายพูดชมภรรยาตัวเอง
“ข้าจำได้กลิ่นของสัตว์กับมนุษย์จะไม่เหมือนกัน นั้นคือเหตุผลที่พวกเรามีจะจมูกยาว” นางจิ้งจอกพูด
“จมูกเจ้าคงยาวเหมือนสุนักจิ้งจอกตัวนั้นเลยหล่ะ” องค์ชายพูดแซวนางจิ้งจอกกับแม่ของนางที่มาหานางเป็นประจำจนคุ้นตาของพระองค์
“แล้วเจ้ามีธุระอะไรทำไมถึงเข้ามาในป่านี้” นางจิ้งจอกหันไปถาม
“นั้นเจ้าเลือกออกหนิ ไปทำแผลที่บ้านข้าก่อนเถอะ” องค์ชายพูดเมื่อสังเกตุเห็นร่องรอยที่นางจิ้งจอกทิ้งไว้ตอนโดยนไม้ไป
.
.
หลังจากที่ทำแผลให้เขาคนนั้นเสร็จ ทั้งสามก็นั่งคุยกันในกระท่อม
“ว่าไง ! เจ้ามาที่นี้เพื่ออะไร” นางจิ้งจอกรีบถามไป
“ข้าขออภัย !” เขาหันไปขอโทษนางจิ้งจอกแล้วหันกลับไปหาองค์ชาย
“องค์รัชทายาทพะยะคะ กระหม่อมเป็นทหารที่ได้รับการฝึกฝนอย่างลับๆเพื่อเป็นองค์รักษ์ ในราชกาลของพระเจ้าคิม ซองกยู มีนามว่านัม อูฮยอน พระองค์ทรงตรัสเอาไว้ว่า หากเมื่อไรที่ท่านทรงสิ้นพระชนต์ให้กระหม่อมคอยอยู่รับใช้รับพระองค์ ตลอดจนชีวิตของกระหม่อม ข้ากระหม่อมขอประทานอภัยที่ตามหาพระองค์ช้าเกินไปจนลูกชายของสนมเอกอย่าโอ เซฮุน ได้ขึ้นครองราชสมบัติ โปรดทรงประหารชีวิตของกระหม่อมด้วยเถอะพะยะคะ” เขาคนนั้นนั่งคุกเข่าพูดอย่างเป็นทางการกับองค์ชาย ทำเอาภรรยาที่นั่งอยู่ข้างๆพระองค์ตกใจไปอย่างมาก
“ประกง ประการอะไรกัน ! เจ้าจำคนผิดแล้ว ข้าไม่ใช่องค์รัชทายาทที่เจ้าหมายถึงหรอกนะ” พระองค์รีบปฏิเสธทันที
“นี่คือหลักฐานพิสูทธพะยะคะ หากหยกของท่านต่อกับหยกของพระราชาอันนี้ได้ นั้นหมายถึงข้าไม่ได้พูดผิดพะยะคะ พระเจ้าคิม ซองกยู ทรงมอบให้ข้า ท่านตรัสเอาไว้ว่านี้คือหยกที่พระองค์ให้ท่านเป็นของขวัญตอนที่ท่านประสูติ” เขาคนนั้นหยิบหยกครึ่งเสี่ยวออกมาโชว์
“ข้าไม่มีหรอกหยกนั้นน่ะ” องค์ชายยังคงปฏิเสธ
“ท่านอย่าปฏิเสธเลยนะพะยะคะ ตอนนี้บ้านเมืองกำลังเดือดร้อน”
“เดี๋ยวก่อนเพคะ !” จู่ๆนางจิ้งจอกก็พูดขึ้น
“นี่เจ้าก็เป็นไปด้วยงั้นหรือ” พระองค์หันไปถามคนที่นั่งอยู่ข้างๆพระองค์
“ข้าเก็บหยกนั้นเอาไว้ตอนที่ข้าเจอพระองค์ เดี๋ยวข้าจะไปหยิบมาให้” พอว่าจบนางจิ้งจอกก็เดินเข้าไปหยิบถุงผ้าใบเล็ก แล้วเอาหยกออกมา ก่อนจะยืนไปให้องค์รักษ์ แล้วเขาก็เอามันต่อเข้าด้วยกัน และผลที่ออกมาคือมันเข้ากันพอดีแป๊ะ
“องค์รัชทายาทพะยะคะ” แล้วองครักษ์ก็ทำความเคารพต่อองค์รัชทยาท ส่วนพระองค์ก็หันไปมองหน้าของพระชายาของพระองค์เมื่อรู้ว่าปิดความจริงๆไม่ได้ แต่นางจิ้งจอกก็เดินออกไปจากที่ตรงนั้นและไม่ยอมสบตา พระองค์เห็นเช่นนั้นก็เดินตามไป
ความคิดเห็น