ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF] EXO ALL x JONGDAE

    ลำดับตอนที่ #47 : the winter tale

    • อัปเดตล่าสุด 11 ม.ค. 58


    The winter’s tale

     

                   

     

                    แสงไฟ ค่อยๆสว่างขึ้น จากหนึ่งดวง เป็นสองดวง เป็นสามดวง จนสว่างสุดถนนกาโรซู ผู้คนมากมายต่างรีบเดิน เพื่อที่จะไม่ได้ผจญกับความหนาวเหน็บ รีบกลับบ้านไปหาคนที่รัก เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุข หากแต่ร่างบางที่สวมกางเกงยีนส์สกินนี่สีดำ พร้อมกับเสื้อฮู้ดสีดำ กลับค่อยๆเดิน เหมือนพยายามซึมซับละอองหิมะที่โปรยลงมา

                    เรื่องราวต่างๆในฤดูหนาวที่ผ่านพ้นไปตั้งแต่เกิด เริ่มฉายซ้ำอีกครั้ง ทั้งเรื่องที่ทำให้เขามีความสุขจนร้องไห้ และทุกข์จนน้ำตาแทบเหือดแห้ง

     

     

                    ยามแรกพบสบตา พบแต่ความโหดร้ายสะท้อนออกมา

                   

                    “ฮึก ที่นี้ที่ใดกัน ท่านแม่ ท่านแม่ช่วยข้าด้วย หนาว ทำไมหนาวเยี่ยงนี้” ร่างบางกอดตัวเองแน่น ผมเผ้าที่เก็บไว้เป็นอย่างดีเริ่มหลุดลุ่ย ล้อมดวงหน้าหวานให้หวานยิ่งขึ้น คนที่ไม่เคยสัมผัสอากาศหนาว พอได้สัมผัส กลับอยากหนี

                    ที่นี้มันที่ไหนกันนะ  มืดมิด หนาวเหน็บ กลิ่นอายที่เต็มไปด้วยความทุกข์และทรมาณ ใครกันที่กล้าลักพาเขามา หากท่านแม่รู้ คงไม่ยอมอยู่เฉยเป็นแน่

                    “พระองค์ฟื้นแล้วหรือ”เสียงชายหนุ่มดังขึ้นจากด้านหลัง เขารีบหันกลับไปดูว่าเป็นใคร ชายหนุ่มผมสีดำ นัยย์ตาดำสนิท แฝงด้วยความดุร้ายและโหดเหี้ยม จนต้องเผลอเดินถอยหลังไป

                    “ท่าน!! ท่านจับเรามาทำไม เราเคยทำสิ่งใดให้ท่าน ปล่อยเราไปเถิด”

                    “ข้าคงจะปล่อยท่านไปไม่ได้ ท่านต้องอยู่ที่นี้กับข้า อยู่เป็นชายาข้า”

                    “ข้าไม่ยอม หากท่านพ่อท่านแม่ข้ารู้ ท่านนั่นแหละที่จะเดือดร้อนเอง อีกอย่างท่านจะบังคับใจข้าไม่ได้ ข้าไม่ได้รักท่านจะอภิเษกได้เยี่ยงใด”

                    “ท่านพ่อของเจ้าเองนั่นแหละ ที่ร่วมมือกับข้า แม่เจ้าข้าไม่เกรงหรอกนะ เจ้าต้องเป็นชายาข้า เป็นราชินีแห่งทีนี้ ยามเจอเพชรนิลจินดา เจ้าจะหลงลืมทุกอย่าง รักข้าเอง”ชายหนุ่มคนนั้นบีบไหลเขาจนแทบรวดร้าว ไม่จริง ทำไมท่านพ่อถึงยอมยกเขาให้คนๆนี้ ถ้าท่านแม่รู้จะเป็นเช่นใด ท่านจะว่าอย่างใด

                    “เตรียมตัวให้ดีเถิด ใกล้ถึงเวลาอภิเษกแล้ว ทับทิมนี่ทานซะ กำลังจะได้กลับมา ส่วนข้าวของแต่งตัว เดี๋ยวพวกนางรับใช้จะนำมาให้เจ้าเอง”ชายคนนั้นยื่นผลทับทิมมาให้ข้าก่อนที่จะหันหลังดินออกไป

                    “ถึงแม้ท่านจะได้ตัวข้าไป แต่จำไว้ท่านจะได้แค่ร่างกาย หัวใจของข้าท่านจะมิมีวันได้ ข้าจักเป็นราชินีที่แสนเย็นชาและเงียบเฉยต่อท่าน”

                    “แต่ถึงอย่างนั้น เจ้าก็ยังอยู่กับข้า”ชายคนนั้นเดินออกไป พร้อมกับหัวใจของเขาที่แตกสลาย

                    ข้าต้องทนอยู่ที่นี้จริงหรือ ข้าจะไม่ได้เจอแผ่นดินอีกแล้วหรือ ท่านแม่ ช่วยข้าด้วย

     

     

     

     

                    เขาเดินไปเรื่อยๆจนถึงจุดหมายที่ต้องไปในวันนี้ ข้างหน้าเป็นร้านอาหารสไตล์ยุโรป ตกแต่งได้อบอุ่น มีความเป็นส่วนตัว

                    “ขอโทษครับ ไม่ทราบว่ามีบัตรจองหรือเปล่าครับ”พนักงานต้อนรับที่อยู่หน้าประตู ถามทันทีที่เขาเดินเข้ามา เขาไม่พูดอะไร เพียงแต่ยื่นป้ายไม้ที่มีรูปผลทับทิมยื่นให้ดู พนักงานคนนั้นก็ปล่อยให้เขาเข้าไปพร้อมทั้งพาไปยังบริเวณที่นั่งของเขา

     

     

                    “พระองค์ยังไม่ทรงเสวยผลทับทิมอีกหรอเพค่ะ”

                    “ข้า ไม่อยากกินอะไรทั้งสิ้น”

                    “เสวยสักนิดเถิดเพค่ะ แม้เพียงน้อยนิดก็ดี จะได้เพิ่มพละกำลัง”

                    เขาหยิบมากินอย่างเสียได้ไม่ โดยไม่รู้เลยว่า นั้นจะเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต

     

     

     

                    “ว่ากันว่าฤดูกาลบนโลกนี้เกิดขึ้นจากการที่เทพฮาเดส ราชาแห่งปรโลก ลักพาตัว เทพีเพอร์เซโฟเน่ เทพีแห่งฤดูใบไม้ผลิ บุตรีแห่งเทวีดีมีเตอร์ เทวีแห่งการเกษตรกรรมและองค์มหาเทพซูส องค์เทวี ทรงเป็นมารดาที่หวงลูกยิ่งกว่าสิ่งใด

    ยามทั้งสองดำเนินใกล้กัน ยามนั้นผลผลิตเกษตรกรรม ดอกไม้ต่างๆล้วนงอกเงย แบ่งบาน ครั้นพอลูกหาย พระนางโศกเศร้า จนใบไม้ร่วงหล่น ผลผลิตไม่งอกเงย ส่งผลกระทบให้มนุษย์ธรรมดาเกือบล้มตาย จนซูส ทนไม่ไหว จำต้องส่งเทพเฮอเมสเป็นทูตเจรจาขอบุตรีคืน เพื่อไม่ให้ มนุษย์ต้องเดือดร้อนมากกว่าไปกว่านี้ หากแต่เพราะพระนางทรงเสวยเมล็ดทับทิมไปหกเม็ด ทำให้ภายในหนึ่งปีต้องอยู่ที่นรกหกเดือน และกลับขึ้นบนโลกหกเดือน ฝ่ายเพอร์เซโฟเน่ที่ถูกลักพาตัวมาเป็นราชินีแห่งยมโลก ก็ร้องไห้ โศกเศร้า นางรังเกียจสวามียิ่งกว่าสิ่งใด จากเทพธิดาผู้สดใส กลายเป็นราชินีแห่งความเย็นชาและเงียบงัน

                    หกเดือนที่อยู่บนโลกมนุษย์ ดวงใจแม่ปรีติ ดอกไม้จักผลิบาน พืชผลงอกงาม งานบวงทรวง

                    หกเดือนที่อยู่ในนรก มารดาเจ็บปวด โศกเศร้า พืชผลไม่งอกเงย ใบไม้ร่วงหล่น หิมะโรยริน

                    นายเชื่ออย่างนั้นไหมจงแด เพราะอย่างนั้นโลกนี้ถึงมีฤดูกาล”

                    “ถ้าบอกว่าไม่เชื่อหล่ะครับ ตำนานที่บอกเล่า อาจไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมดก็ได้”

     

                    ยามเมื่อเปิดใจ ลืมตามองดูอีกครั้ง ดวงตาคู่นั้น ช่างอบอุ่นอ่อนโยนปลอบประโลมใจ

                    “องค์ราชินีเพค่ะ ฝ่าบาททรงประทานเครื่องแต่งองค์ให้ ทอดเนตรดูสิเพค่ะ แต่ละอันงามนัก นี้ถ้าไม่รัก ฝ่าบาทไม่ขนมาให้พระองค์เสียอย่างนี้นะเพค่ะ”

                    “เอามันกองไว้ตรงนั้นแหละ ไม่ว่าจะเป็นเพชรนิลจินดาเหล่านี้ก็เทียบแหวนดอกหญ้าไม่ได้ มงกุฏแห่งทาร์ทารัสยังด้อยค่าเสียยิ่งกว่ามงกุฏแห่งพงไพร”เขาพูดเสียดังจนแม้แต่คนข้างนอกก็ยังได้ยิน ดี ให้ได้ยินเสีย แต่เพียงแค่วูบเดียวที่เอ่ยเสร็จ ก็เกิดเงาทมิฬขึ้นเบื้องหน้า

                    “แต่น้ำหนักมงกุฎทาร์ทารัสก็ยังกดเจ้าให้อยู่ข้างข้า”ชายหนุ่มเลื่อนมองดูมือของราชินีคู่กายแต่ปรากฏว่ากลับไร้ร่องรอยของแหวนที่ควรสวมใส่

    “เจ้าควรสวมแหวนที่ข้าให้ แม่เจ้าจะได้ไม่มาลงมาบีบคอข้าเสียก่อน”เมื่อพูดเสร็จชายหนุ่มก็รีบหายตัวไปทันที

    เขาได้แต่อึ้ง หรือว่า แหวนวงนั้นจะเป็นแหวนติดตาม เขารีบสวมมันทันที ก่อนที่จะตั้งกระแสจิตหาท่านแม่

    “ท่านแม่ ได้ยินลูกไหม ท่านแม่”

    “ลูกแม่!! โอ้ ใจที่สุดแม่ก็ติดต่อกับเจ้าได้ เจ้านั่นไม่ได้ทำอะไรลูกใช่ไหม แม่นึกว่าเขาจะผิดสัญญากับแม่”

    “เปล่าเลยท่านแม่ ข้าสบายดี ท่านแม่ ทรงอย่าเศร้าเลย”

    “รออีกนิดนะลูก เดี่ยวก็จะครบสัญญาแล้ว แม่จะไปรับเจ้า”

     

    “เอาเครื่องประดับแต่งตัวให้ข้า เร็วๆ”หรือข้าต้องเปิดใจ มองเขาใหม่

     

     

     

     

     

    “เล่ากันว่า แม้พระนางจะไม่รัก แต่ก็หวงพระสวามีไม่น้อย อนึ่งเทพีดีมิเตอร์ก็รักลูกนางมากจนลามไปหวงลูกเขยแทนลูก ใครที่มาข้องแวะกับฮาเดสเป็นอันรู้ดีว่าจะโดนบทลงโทษจากพระนาง”

    “ไม่รักจะหวงได้อย่างไง ส่วนเรื่องแม่ยายลูกเขย มันแน่อยู่แล้ว”เขาได้ค้อนวงงามจากคนงามที่ค้อนจนตาจะเหลือกเท่าแม่ตัวเองแล้ว

     

     

     

     

    ต้นฤดูใบไม้ร่วง วิหารดีมิเตอร์

    “นี่ก็เลยวันที่ทางนั้นจะมารับตัวลูกแล้ว หรือเจ้านั้นจะไม่โปรดลูกแล้ว จะทิ้งลูกไว้ที่นี้ แม่จะดีใจที่สุดหากเป็นอย่างนั้น เจ้าจะได้อยู่กับแม่ไปนานๆ”หากแต่เขากลับไม่รู้สึกเหมือนท่านแม่ ในใจมันร้อนรุ่มพิกล

    “ท่านแม่ ข้าขอตัวไปที่อุทยานก่อน แล้วเดี่ยวข้าจะกลับมา”

    นี้มันก็เลยเวลามาตั้งครึ่งเดือนแล้ว ทำไมถึงไม่มารับนะ หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมข้าต้องมากระวนกระวายด้วย ว่าเขาจะไม่มารับข้า ทั้งๆที่อย่างนี้สิ ถึงจะดีที่สุด แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งดังฉุดความคิดเขาออกมา

    “ท่านฮาเดส ทำไมท่านจึงมาที่นี้ค่ะ ข้าเห็นท่านหลายครั้งแล้วน้า หรือท่านมาหาข้า อืมมม อยู่กับข้านานๆน้า”

    ภาพที่เขาเห็น คือสามีที่กำลังถูกหญิงอื่นลวนลาม แต่กลับไม่ปัดป้องออกไป ท่านมาทุกวัน แต่กลับไม่ไปหาข้า ท่านมาทุกวัน แต่ไม่รับข้ากลับไป

    เขาตัดสินใจกลับหันหลังไป แต่ทว่ากลับเผลอสะดุดก้อนหินเข้าทำให้อุทานออกมา และทำให้อีกคนรู้ตัวว่ามีคนที่แอบฟังเขาอยู่

    “เดี๋ยวอย่าพึ่งไป เจ้ากำลังเข้าใจผิด เดี๋ยว ปล่อยข้าได้แล้วมินธี ข้ามาหาภรรยาข้า”ชายหนุ่มรีบแกะมือของผู้ที่มายุ่มย่ามออกไปแล้วรีบตามคนที่วิ่งออกไปทันที

    “เจ้าต้องฟังข้า ฟังให้รู้เรื่อง ที่เจ้าเห็นมันไม่ใช่นะ เจ้ากำลังเข้าใจผิด”ชายหนุ่มจับตัวของอีกคนเอาไว้ไม่ให้หนีไปได้อีก แต่ก็ใช่ว่าอีกคนจะยอมอยู่เฉยๆ

    “ไม่ ข้าเชื่อในสิ่งที่ข้าเห็น สิ่งที่ข้าได้ยิน ท่าน ฮึก ท่านมาที่นี้ทุกวัน ฮึก ตะ แต่ท่านไม่มาหาข้า ท่านมาที่นี้ทุกวัน ฮึก แต่ท่านไม่มารับข้า เพราะข้าไม่ยอมท่านใช่ไหม เพราะข้ามันดื้อใช่ไหม ท่านเบื่อข้าแล้วละสิ ถึงจะทิ้งข้าไว้ที่นี้ ฮึก ทิ้งข้าไว้กับท่านแม่ ท่านก็เหมือนท่านพ่อ ฮึก มีชายาไปทั่วแดน ไปให้พ้น ในเมื่อไม่รักข้าแล้วก็ไปให้พ้น ปล่อยข้านะ”แทนที่ชายหนุ่มจะทำตามกลับหัวเราะอย่างชอบใจกับสิ่งที่ได้ยิน

    “ท่านหัวเราะอะไร ปล่อยข้านะ ข้าบอกให้ปล่อยไง”

    “ข้าหัวเราะ คนขี้หึง ขี้น้อยใจนะสิ”

    “ใครหึงท่าน ข้าไม่ได้รักท่าน ข้าจะหึงท่านไปทำไม แล้วใครน้อยใจท่านกัน ปล่อยสิ ข้าบอกให้ปล่อย อ๊ะ”เขาตกใจที่อยู่ดีๆก็โดนอีกคนขโมยหอมแก้ม

    “ก็คนที่บ่นว่าข้าไม่ยอมมาหา นี่ไง คนขี้น้อยใจ คนที่หาว่าข้าไม่รัก น้อยใจ คิดไปเองว่าข้าทิ้ง ไม่ยอมมารับ คนที่วิ่งหนีตอนเห็นข้าโดนคนอื่นกอด นี่แหละคนขี้หึง ฟอด

    เพิร์ซ ฟังข้าให้ดี ที่ข้าไม่มารับเจ้า เพราะข้าเห็นว่าเจ้านั่นคิดถึงแม่เพียงใด แล้วแม่เจ้าก็ช่างแปรปรวนง่าย แม้จะรู้ว่าข้าจะมารับเจ้าก็ยังไม่วายฟูมฟายไปเสียทุกครั้ง แล้วปีนี้ผลผลิตก็ออกผลไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หากเจ้ากลับไปเสียตอนนี้เกรงว่าแม่เจ้ายิ่งเสียใจ พืชผลอะไรก็พาลจะแย่เอา มันจะกระทบถึงการสักการะ เจ้าจงเข้าใจด้วย งานข้าก็ต้องทำ รักเจ้าข้าก็รัก เพราะอย่างนี้ข้าจึงมาทีนี้ทุกวัน เพื่อมาดูเจ้าอย่างห่างๆ

    ยิ้มเสีย หยุดร้องไห้สะอึกสะอื้นได้แล้ว ดูสิ ดอกไม้ มันเหี่ยวเฉาเพราะเจ้าแล้ว ไม่สวยเลย ขี้แงไปได้ ราชินีของข้า”

    “ไม่สวยก็ไม่สวยสิ ฮึก ปล่อยข้าเลยนะ อยากหาคนสวยๆนู้น ไปหามินธี”

    “เกี่ยวอะไรกับนาง ข้าบอกเจ้าแล้ว ว่าข้าไม่ได้มาเพราะนาง ข้ามิคิดอันใด ไหนดูข้อเท้าเจ้าก่อน เมื่อกี้สะดุดก้อนหินไม่ใช่หรือ”ใบหน้างามขึ้นสีแดงระเรื่อ เมื่อดูการกระทำอันอ่อนโยนของคนที่เขาเคยเกลียดและกลัว เคย เขาจะใช้คำว่าเคยได้แล้วหรอ ไม่ทันที่พูดอะไร อยู่ดีๆก็มีเสียงร้องดังขึ้นมา

    “เอ๊ะ นั่นมันเสียงจากทางที่เรามา”

    “ไปดูกันเถอะ”

    แต่เมื่อทั้งสองมาถึงกลับพบเทวีดิมีเตอร์และพุ่มไม้พุ่มหนึ่ง

    “ท่านแม่ นี่มันอะไรกัน เสียงเมื่อครู่ เป็นเสียงท่านหรือ แล้วนี่ต้นอะไร ข้าไม่เคยเห็น”

    “มินธี นี่ท่านสาปนางหรือ ดีมีเตอร์”หากแต่คำตอบที่ได้ยินกลับให้เขาอึ้ง

    “ใช่ มินธีนั่นแหล่ะ ข้าสาปนางเอง ก็นางกล้ามายุ่งย่ามกลับเจ้า เพื่อเป็นการตัดไฟเสียต้นลม เจ้าจะได้ไม่นอกใจลูกสาวข้า แล้วทำให้ลูกสาวข้าเสียใจ ข้าจึงต้องสาปนาง “

    “ท่านแม่ ใยท่านจึงทำอย่างนี้ หากเขานอกใจข้า ข้าย่อมมีวิธีของข้าเอง ท่านแม่ ท่านไม่ไว้ใจเขา ข้าไม่ว่า แต่นี้ท่านไม่ใจในตัวข้า พาข้ากลับทาร์ทารัสทีฮาเดส”

    “เพิร์ซ เพิร์ซ เพอร์เซโฟเน่ แม่ขอโทษ กลับมาแม่นะลูก กลับมาหาแม่ เพิร์ซ!!

    ว่ากันว่าปีนั้นฤดูหนาว แล้งกว่าที่เคยเป็น เหตุเพราะเพอร์เซโฟเน่หนีกลับไปทาร์ทารัสทันที ซ้ำยังไม่ยอมรับสาร การติดต่อใดๆจากมารดา พระเทพีทรงโศกเศร้าไม่ยอมทำการใด ปล่อยให้ความแห้งแล้งมาเยือนแก่มนุษย์โลก

    ส่วนนางมินธีที่ถูกสาปนั้นกลายเป็นต้นมิ้นต์ ฮาเดสรับไว้เป็นต้นไม้ประจำตัว เพื่อตอบแทนความรักนาง เหล่าชนชาวกรีกจึงมักจะใส่กิ่งมิ้นต์ในโรงศพเพื่อสักการะเจ้านรก

     

     

     

     

    “เจ้าแกล้งข้า เพอร์เซโฟเน่”

    “ข้าแกล้งท่านตรงไหน ฮาเดส”

    “พอข้าปล่อยเจ้า เจ้าก็หนีเที่ยวรอบโลก แทบทุกๆครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงบนโลก”

    “ข้าก็ต้องตามข่าวสารบ้าง เปลี่ยนแปลงตามกาลสมัยบ้าง หรือท่านคิดว่าจะคงอยู่อย่างเดิมได้ เพราะข้าหนีเที่ยวรอบโลกไม่ใช่หรือ ท่านจึงต้องตามข้า เห็นเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไปปรับให้กลมกลืน และเป็นพวกเราที่ปรับเข้ากับมนุษย์ได้เร็วกว่าพวกโอลิมปัสเสียอีก”

    “ถ้าเจ้าหนีเที่ยวก็ดี แต่นี้เจ้าเล่นปรับเปลี่ยนชื่อ รูปลักษณ์ ทำให้ข้าต้องเสียเวลาตามหา”

    “แต่ข้าก็เห็นท่านสนุกกับการตามหาข้านี่ หึหึ อีกอย่างท่านจะให้ข้าเดินทางด้วยร่างหญิงแสนงาม ดึงดูดให้ชายอื่นหลงใหลข้า ดีมิดี จะพาลฉุดข้าหรือ”

                    “ก็ใช่ว่าจะต่างจากเดิม อยู่ในร่างชายก็ยังไม่วายมีผู้ชายมายุ่งกับเจ้าอยู่ดี แต่พอเจอข้า เจ้าก็มิยอมกลับคืนร่างเดิม ดึงดันอยู่ร่างนั้น จะให้ข้าแปลงเป็นหญิงคนรักเจ้าก็มิยอม หึ เพิร์ซ แล้วคราวนี้อะไร เล่นชวนแม่เจ้ามาเล่นแบบนี้ด้วย พ่อเจ้าต่อว่าข้าตั้งมากมาย จนข้าละขี้เกียจฟัง”

                    “อิอิ พี่จุนไม่เห็นหรอฮะ ว่าตอนนี้นะ เขานิยมเรื่องแบบนี้จะตาย น่ารักนะฮะ แดอ่านแล้วก็ชอบ น่ารักกกก เลยอยากทำบ้าง ชวนคุณแม่เล่นด้วยท่านก็ตกลง อีกอย่าง ดัดหลังท่านพ่อบ้างไงฮะ ตอนนั้นแหล่ะ ทำเป็นไม่สนใจท่านแม่พอมาตอนนี้ อิอิ หึงท่านแม่จะตาย”

                    “เจ้าตัวป่วนเอ้ย เล่นจนพอใจแล้วยัง”จุมนมยอนหรือฮาเดสยกมือมาขยี้หัวเจ้าตัวดื้อ ป่วนเสมอมาไม่ว่าเวลาจะผ่านมาแค่ไหน

                    พอเพอร์เซโฟเน่เริ่มเปิดใจให้เขา เผยนิสัยตัวเองมา ก็เล่นทำเอานรกแทบป่วน เพราะเจ้าตัวก็ดื้อไม่ใช่น้อย วิ่งทำนู้นทำนี้ เปลี่ยนอะไรในนรกไปมากมาย อารมณ์แปรปรวนดั่งผู้เป็นมารดา บางครั้งก็นิ่งเงียบ เย็นชา บางครั้งก็อ่อนโยน เรียบร้อย และบางครั้งก็ดื้อ แสบซน

                    “พอใจแล้วฮะ”จงแดหรือเพอร์เซโฟเน่ ยิ้มพลางมองผู้ชายพอใจเปิดใจให้แล้วพบแต่ที่ความอ่อนโยนและห่วงใยให้กัน ฮาเดสไม่ค่อยจะขัดใจเขานัก ยกเว้นว่ามันจะส่งผลต่องาน ตามใจและมักจะสรรหาของต่างๆมาให้ ที่เขาใจอ่อนยอมรักผู้ชายคนนี้จริงๆไม่ใช่เพราะสิ่งของ หากแต่เป็นเพราะความเอาใจใส่ของคนๆนี้ ผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าคู่ชีวิตนิจนิรันดร์

    เพราะพวกเราอยู่มานานเหลือเกิน จนเขาคิดว่ามันอาจจะทำให้เบื่อกันไปบ้าง หากปรับเปลี่ยนอะไรเสียหน่อยชีวิตคู่คงมีสีสันมากขึ้น เพราะคิดอย่างนั้น เขาจึงเที่ยวรอบโลก มองดูเหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์ที่ทำให้โลกเปลี่ยนไป ที่ปรับตัวให้สอดคล้อง และเปลี่ยนแปลงเพื่อเข้ากับมัน

    และเพราะอย่างนั้นมันเลยกลายเป็นเรื่องสนุกที่จะอีกฝ่ายตามหา แน่นอนว่าคู่ชีวิตของเขาไม่เคยขัดใจ รวมทั้งการเล่นครั้งนี้ ที่พวกเขามาลงหลักปักฐานที่โซล ฮาเดสหรือที่เรียกกันอีกชื่อว่า จุนมยอน ทำธุรกิจเกี่ยวกับจิวเวอรี่และอสังหาริมทรัพย์ตามความชอบของตน

    “กลับบ้านกันนะจงแด”

    “ครับ กลับบ้านเรา”

    “รักนะ ซารางเฮ”

    “อิอิ ซารางเฮ”

     

    -END-

     

    คุยกับตูน

    สวัสดีค่า ไม่เจอกันตั้งนานเนอะ ตูนขี้เกียจเอง ฮ่าๆๆ ก็พึ่งเข้าปีหนึ่งใหม่อีกครั้ง งานมันก็เยอะ กิจกรรมก็แยะ ก็เลยขี้เกียจตามประสาค่ะ พอเห็นไรต์บางคนที่ทั้งทำงานหรือเรียนทั้งเขียนนิยายลงแบบไม่ขาดตอน หลายเรื่องแล้วนับถือจริงๆ ขยันจังเนอะ อ่านตอนนี้งงบ้างไหมค่ะ ตูนตั้งใจจะเขียนนิยายเรื่องกำเนิดฤดูแล้ง(หนาว)ของโลกค่ะ  งานนี้พี่จุนเลยได้รับสิงฮาเดส เพราะฮาเดสเป็นเจ้านรกซึ่งขาวและรวยมาก ทำให้คิดถึงพี่จุนคนดีเป็นอันดับแรกเลย ส่วนตัวตูนออกจะชอบฮาเดสนะค่ะ เพราะในตำนานที่อ่านมาหลายๆฉบับ คือ ฮาเดสมีภรรยาแค่คนเดียว จะมีนางเล็กๆก็แค่คนสองคนซึ่งหนึ่งในนั้นคือนางมินธีที่บางตำราก็ว่าเพอร์เซโฟเน่สาป บางตำราก็ว่าดีมีเตอร์สาปเพราะหวงลูกเขยแทนลูก ให้กลายเป็นต้นมินต์ ฮาเดสมักจะอยู่ในแต่นรกไม่ได้สุงสิงกลับใครมากนัก ถูกกีดกันจากโอลิมปัสเพราะซูส กลัวจะแย่งอำนาจ พอจะเดาได้ไหมค่ะว่าเทพีดีมิเตอร์พอมาอยู่ที่โซลจะกลายเป็นใคร ฮ่าๆๆๆ

    ปีใหม่นี้ก็ให้คนอ่านมีความสุข คิดอะไรก็สมความปรารถนานะค่ะ สุขภาพดี รักหนูเฉินไปนานๆน้า รักทุกคนค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×