ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    CHENtasy

    ลำดับตอนที่ #4 : Series I : Love @drama:Black Pearl [END]

    • อัปเดตล่าสุด 27 ม.ค. 57





     

     

     

     

     

    Suho part

     

                สวัสดีครับ ผมชื่อคิมจุนมยอน คุณจะเรียกว่าผมซูโฮก็ได้นะไม่ว่ากันผมเป็นนักธุรกิจเครื่องประดับ เขาเรียกผมว่าอะไรนะ อ้อ ยักษ์ใหญ่แห่งท้องทะเล ถ้าผมเป็นยักษ์คงจะเป็นยักษ์ที่ตัวเตี้ยและขาวที่สุดมั้ง ปกติผมไม่ค่อยมาที่จีนเท่าไหร่หรอกนะ ทั้งๆที่นี้เป็นแหล่งผลิตไข่มุกธรรมชาติของเรา แต่ผู้อาวุโสทาโอท่านสั่งให้ผมมา

     

    ซูโฮ ไปดูแลควบคุมการถ่ายแบบคอลเล็คชั่นที่จีนด้วย

     

    อะไรนะครับท่านอาวุโส แต่ว่าปกติหน้าที่นี้เป็นของท่านอาวุโสจงอินนะครับ

     

    จงอินไม่ค่อยสบาย หลานช่วยไปทำหน้าที่นี้แทนที อีกไม่นานก็จะรับช่วงต่อแล้ว ต้องรู้จักงานหลายๆงานเข้าไว้ ไปซะ แล้วหลานจะไม่เสียใจเลย

     

    นี่แหละคือเหตุผลที่ทำให้ผมต้องมาอยู่ที่นี้

     

    “โอ๊ย ขอโทษครับ เป็นอะไรไปไหมครับ” ใครกันที่วิ่งมาชนผมทำไมไม่ดูตาม้าตาเรือเลย ที่ทางก็ออกจะมีมากมายมาเดินชนผมทำไมครับคุณ ผมกำลังจะเอ่ยปากด่าออกไปแต่พอเงยหน้ามาเห็นใบหน้าหวานที่แสดงความเป็นห่วงผมอย่างจริงใจก็ด่าไม่ลง

     

    “วิ่งหนีอะไร ทำไมไม่ดูตาม้าตาเรือเลย”

     

    “ขอโทษครับ ผมหนีฮยองมา ถ้ามีใครถามอย่าบอกนะฮะว่าเจอผมนะ ผมไปก่อนนะ” ชายคนนั้นดูรีบๆตอบผมอย่างรวดเร็วก่อนที่จะวิ่งหนีต่อไปผมจึงรีบจับแขนเขาเอาไว้

     

    “เดี๋ยวก่อน นายชื่ออะไร”

     

    “เฉิน ผมชื่อเฉินฮะ ไปก่อนนะครับ” เฮ้อ ไปเร็วมาเร็วดีแท้ สักพักก็มีคนวิ่งตามมา ถามหาว่าเห็นคนที่ตัวสูงประมาณผมไหม ผอมๆ ผมสีน้ำตาลอ่อนเหลือบทองวิ่งมาทางนี้ไหม อ้อ ชายคนที่ชนผมเมื่อกี้นี่เอง มันเหมือนมีอะไรไม่รู้แหะ มาดลใจให้ผมบอกไปว่าไม่เห็น เฮ้อ แปลกจริงแท้ตัวเรา กลับโรงแรมดีกว่า เห็นว่าวันนี้ตอนเย็นๆจะมีคอนเสิร์ตเลิฟแอดเดอะบีช ไปอาบน้ำพักผ่อนดีกว่าเรา

     

     

    Chen part

     

    สวัสดีครับ ผมชื่อเฉินฮะ แต่ความจริงผมชื่อคิมจงแดนะ งงหละสิ ทำไมผมมีสองชื่อ เอาเป็นว่าผมเป็นนักร้อง และชื่อในวงการผมชื่อเฉินนะฮะ

     

    โอ๊ย แทนที่จะได้พักผ่อน ฮยองก็ให้ผมซ้อมร้องเพลงอีกแล้ว โธ่ มาทะเลมันก็ต้องเล่นน้ำสิ ผมมาทะเลทำไมนะหรอ พอดีผมได้รับเชิญให้มาร้องเพลงที่คอนเสิร์ตที่จะจัดเย็นนี้ ทั้งๆที่เป็นคนเกาหลีแท้ร้อยเปอร์เซ็น แต่คุณเชื่อไหม ผมอยู่ที่ฝรั่งเศสมากกว่าที่นั้นเสียอีก  แต่ผมก็ไม่เดือดร้อนหรอกนะ บางครั้งผมยังรู้สึกเลยว่าผมอยู่ที่นี่มานานแสนนาน

     

    วกเข้ากลับมาที่ประเด็นหลักก่อน เพราะฮยองจะให้ผมซ้อมร้องเพลงต่อ ผมเลยหนีมา ใช่ ผมหนีผู้จัดการตัวเอง ไม่ได้เล่นน้ำทะเลตั้งนานแล้ว มาคราวนี้ก็ต้องขอเล่นให้จุใจหน่อย ผมวิ่งหนีมาชนคนๆหนึ่ง คนอะไรขาวชะมัด ผมรีบขอโทษเขา

     

    “โอ๊ย ขอโทษครับ เป็นอะไรไปไหมครับ”

     

    “วิ่งหนีอะไร ทำไมไม่ดูตาม้าตาเรือเลย”

     

    “ขอโทษครับ ผมหนีฮยองมา ถ้ามีใครถามอย่าบอกนะฮะว่าเจอผมนะ ผมไปก่อนนะ” ผมรีบตอบเขาไปเพราะรีบที่จะวิ่งหนีต่อไป

     

    “เดี๋ยวก่อน นายชื่ออะไร”

     

    “เฉิน ผมชื่อเฉินฮะ ไปก่อนนะครับ” ปกติผมไม่ใช่คนที่จะบอกชื่อให้กับคนแปลกหน้าง่ายๆหรอกนะ แต่แปลกแหะ เขาไม่รู้จักผมหรอ ผมมั่นใจพอสมควรนะว่าดังพอตัว ช่างเถอะ ไปเล่นน้ำดีกว่า ใกล้ๆเวลางานค่อยกลับไปที่โรงแรม

     

    พอกลับไปถึงผมโดนฮยองบ่นจนหูจะชา เซฮุนบ่น ทำไมไม่ชวนเขาไปด้วยโธ่ ก็นายวิ่งเร็วเกินไป เดี๋ยวตามนายไม่ทัน พี่ลู่ห่านก็ดุ ทำอะไรไม่ค่อยคิด พี่อ่ะ ก็ผมแค่อยากเล่นน้ำ

     

    ความจริงช่วงนี้นะเป็นวันหยุดของเราแท้ๆ ถ้าไม่เห็นแก่คุณพ่อไม่รับงานนี้หรอก งานนี้คุณพ่อเล่นขนเครื่องประดับแบบจัดเต็ม โธ่ ไม่รักกันจริงไม่ใส่นะครับคุณพ่อ เล่นมาเป็นพวงแบบนี้ แต่แปลก ที่พอใส่แล้วกลับคุ้นเคยเหมือนกับว่าเคยใส่มาก่อน แต่ว่าคราวหน้าเสื้อผ้าขอสีขาวนะครับพ่อ ชุดสีดำมันล่อยุงดีแท้

     

    งานนี้พวกเราเลยปล่อยเพลงใหม่ เป็นซีรี่ย์เพลงที่เกี่ยวกับนางเงือก มินิอัลบั้มคราวนี้ผมเป็นคนแต่งเพลงทั้งหมดเองเลยนะ ร่วมกับพี่เลย์ พี่รองของวง มันน่าแปลก(อีกแล้ว) สมาชิกวงของพวกเราชอบเรื่องราวเกี่ยวกับเงือกทั้งนั้น ทุกคนชอบทะเล

     

    และแล้วก็ถึงเวลาที่เราต้องขึ้นแสดง เวทีจัดอยู่ที่ชายหาด บรรยากาศอย่างดี เราร้องเพลง Baby, don’t cry เป็นเพลงแรก ทั้งๆที่ก็ร้องเพลงนี้มาตั้งหลายครั้ง ทำไมผมรู้สึกเศร้าแปลกๆ อยากร้องไห้จัง พระจันทร์เต็มดวงกำลังส่องแสง ทำให้ผมรู้สึกเศร้ามากขึ้น น้ำตาผมเริ่มคลอ และสุดท้ายมันก็ไหลออกมา

     

    เราจบเพลงนั้นด้วยน้ำตาของผมเอง พี่แบคเข้ามากอดผมพลางเช็ดน้ำตาให้ ปลอบเบาๆ อย่าร้องไห้ ต้องแสดงต่ออยู่นะ ทำงานก่อน ทำไมอ้อมกอดนี้ไม่เหมือนกอดของใครอีกคน แล้วกอดของใคร กอดของใครกันที่ผมคิดถึง ปวดหัวจัง แต่ผมก็ตั้งสติร้องเพลงอีกเพลง

     

    เพลง Baby ตอนที่ผมแต่งเพลงนี้ผมร้องไห้ไปแต่งไป ไม่รู้ทำไมผมถึงแต่งเพลงนี้ขึ้นมาอยู่ดีๆมันก็เข้ามาในหัว ยิ่งผมร้องเท่าไหร่ ผมยิ่งปวดหัว ทำไมหัวใจผมมันเต้นแรงอย่างนี้ ทำไมมันรู้สึกบีบหัวใจเหลือเกิน โอ๊ย ผมเริ่มจะทนไม่ไหวแล้วนะ พอร้องเพลงจบ กำลังจะเริ่มเพลงสุดท้าย ผมก็รู้สึกทำไมโลกมันมืดจังเลย

     

     

    Suho part

     

    ตอนนี้ผมอยู่ที่คอนเสิร์ต ในฐานะของผู้ให้ใช้สถานที่ก็ต้องมาดูหน่อยสิ นอกจากพวกจิวเวอร์รี่ต่างๆแล้ว ตระกูลผมยังมีธุรกิจท่องเที่ยวโรงแรมด้วย อ้อ ค่ายเพลงอีกหนึ่งค่าย ไม่รู้ว่างานนี้จะมีศิลปินจากค่ายเราไหม อื้อ คนจัดงานนี้เก่งพอควรเลือกเพลงแต่ละเพลงได้ดีเหลือเกิน เข้ากับบรรยากาศทะเลได้มาก

     

    และแล้วก็ถึงการแสดงชุดท้าย จากค่ายของเคเอ็นเตอร์เทน ค่ายเพลงของเราเอง เอ๊ะ นั่นมันคนที่ชนผมนิ เป็นนักร้องค่ายเราเองหรอ เสียงหวานไพเราะ สื่ออารมณ์ได้ดี ผมฟังแล้วรู้สึกไปตามเพลง แต่ทำไมมันถึงรู้สึกรุนแรงอย่างนี้

     

    ผมเห็นเขาร้องไห้ด้วย ผมอยากเข้าไปเช็ดน้ำตานั้น ผมอยากเข้าไปกอดไปปลอบเขาเหลือเกิน อย่าร้องไห้สิ อย่าร้อง น้ำตานายไม่เหมาะกับหน้าหวานๆของนายเลยนะ ยิ้มเหมือนเมื่อตอนบ่ายสิ นายนะเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่านะ ทำไมผมรู้สึกเจ็บที่หน้าอกด้านซ้าย ปวด ปวดใจเหลือเกิน

     

    เมื่อเขาเริ่มร้องเพลงใหม่อีกเพลง ทำไมผมถึงได้รู้สึกคุ้นเพลงนี้ ผมจำได้ว่าไม่เคยเข้าไปยุ่งกับค่ายเพลงเลย ไม่มีทางที่จะเคยได้ยิน แต่ผมกลับรู้สึกว่าเพลงนั้นร้องเพื่อผม เพลงนี้แต่งมาเพื่อผม น้ำตาผมไหลโดยที่ไม่รู้ตัว ปวดหัว ยิ่งฟังทำไมยิ่งปวดหัว น้ำตาก็ยิ่งไหล

     

    พอจบเพลงทำไมเขาถึงยืนโงนเงนอย่างนั้นผมรีบเข้าไปใกล้เวที อย่าพึ่งล้มนะ นั่น เขากำลังล้มลงหมดสติ ผมรีบขึ้นเวทีอุ้มเขาลงมาถามหาเตียงสนาม แต่สมาชิกคนอื่นๆบอกว่าให้ผมพาเขาไปที่ห้องในโรงแรมเลย ทันทีที่ผมพาเข้าไป ผู้จัดการลีที่อยู่ตรงนั้นก็รีบตรงเข้ามา

     

    “คุณหนูเฉิน คุณชายซูโฮครับ ให้ผมเรียกหมอมาให้ไหมครับ”

     

    “เรียกมาเลย ด่วน เดี๋ยวนี้” ผมรีบสั่งผู้จัดการก่อนที่จะพาคนในอ้อมกอดขึ้นไปที่ห้องของพวกเขา คนที่ชื่อเลย์รู้สึกจะมีความรู้เรื่องปฐมพยาบาลดี รีบปฐมพยาบาลก่อน พยายามเรียกให้เขาได้สติ

     

    “สวัสดีครับ คุณซูโฮ”ชายหนุ่มหน้าหวานรูปร่างบอบบางผมสีทองหันหน้ามาทักทายผม

     

    “คุณรู้จักผมได้ไง”

     

    “ไม่มีใครในพวกเราไม่รู้จักคุณหรอก นอกจากจงแด ผมหมายถึงเฉินนะ คุณเป็นว่าที่เจ้าของค่ายเราคนใหม่ พนักงานในบริษัทอย่างผม ก็ต้องรู้จักเป็นธรรมดา”

     

     

    เมื่อหมอมาผมก็เร่งให้ดูอาการทันที เฮ้อ โชคดี เขาไม่เป็นอะไรมาก เพียงแค่อาจพักผ่อนไม่เพียงพอ ผมถามผู้จัดการวงว่าพรุ่งนี้มีงานอะไรไหม งานถ่ายแบบเครื่องประดับของผมนั้นเอง ผมสั่งให้เลื่อนไปครึ่งวัน อย่างน้อยให้พวกเขาได้พักผ่อนให้เต็มที่ก่อนที่จะเริ่มงานใหม่ ขืนทำตามกำหนดเดิม คนป่วยได้เข้าโรงพยาบาลแน่ ครั้นจะเลื่อนไปอีกวันก็ไม่ได้ เพราะตารางงานของผมเองนี่แหละที่เต็มไม่สามารถมาดูแลได้

     

    “ผมต้องขอตัวก่อนตัวนะครับ ยังไงพรุ่งนี้บ่ายหวังว่าคนป่วยจะอาการดีขึ้น” แต่ก่อนที่ผมจะออกจากห้องไปก็มีเสียงที่ทำให้ผมต้องหยุดชะงัก

     

    ซูโฮ เราไม่เหลือใครแล้ว เราไม่เหลือใครเลยนอกจากท่าน ท่านอย่าทิ้งเรานะ อย่าทิ้งเรา เราไม่เหลือใครแล้วจริงๆฮึก ฮือ อย่าไป อย่าไปนะ

     

    ผมไม่รู้หรอกนะว่าซูโฮที่เขาเรียกนะเป็นผมหรือเปล่า แต่ผมรีบไปจับมือเขาไว้ พลางปลอบ

     

    “ผมสัญญา ไม่ทิ้งคุณไปไหน ผมอยู่ตรงนี้แล้วไง หยุดร้องไห้นะ หยุดร้องไห้เถอะนะ”เขาลุกขึ้นมากอดผมทั้งๆที่หลับตา ผมตกใจมากไม่คิดว่าเขาจะกอดผม ผมลูบหลังเขาให้หายสะอื้น สักพักเขาก็เงียบไป ผมก้มหน้าดู เขาหลับไปอีกครั้งแล้ว ใบหน้าของเขาที่มีคราบน้ำตามันไม่เหมาะกับเขาเลยจริงๆ ผมเช็ดมันออกอย่างแผ่วเบา

     

    “ผมคิดว่าคุณคงต้องอยู่ที่นี้กับพี่เฉินแล้วหล่ะ เดี๋ยวผมไปนอนกับพวกพี่ๆเอง”ผู้ชายที่มีผมสีรุ้งพูดกับผม

     

    “เซฮุน เดี๋ยวนายมานอนกับพี่ก็แล้วกัน คุณซูโฮครับ ช่วยดูแลพี่จงแดให้พวกเราด้วยนะครับ ต้องขอโทษด้วยจริงที่ต้องลำบากคุณ แต่ดูท่าทางแล้ว ขืนเป็นแบบนี้อีกตอนกลางดึก ผมกลัวว่าต้องไปปลุกคุณที่ห้องแน่”

     

    “ไม่เป็นไรครับ ยังไงพวกคุณก็ไปพักผ่อนเถอะครับ พรุ่งนี้เรายังต้องทำงานกันต่ออยู่”

     

    พวกเขาออกจากห้องไปกันหมดแล้ว ผมโทรให้เลขาเอาเสื้อผ้ามาให้ผม ก่อนที่จะดูแลความเรียบร้อยของคนป่วยอีกครั้ง

     

    “หลับฝันดีนะครับ”

     

     

     

    - ห้องของลู่ห่าน –

     

     

    “พี่ลู่ห่านครับ อีกไม่นานเรื่องราวทั้งหมดจะจบลงใช่ไหมครับ”

     

    “ใช่ ดีโอ อีกไม่นาน เรื่องราวทุกอย่างจะจบลง เฉิน น้องของพี่จะได้มีความสุขสักที  

     

     

     

     

    วันรุ่งขึ้น

     

    Chen part

     

    อื้อ มึนหัวจัง ปวดตาด้วย นี่ผมเป็นอะไรไป เมื่อวานผมฝันแปลกๆอีกแล้ว ผมเห็นผู้ชายคนหนึ่งหน้าตาคล้ายกับคนที่ผมชนมาก ในฝันผมกำลังร้องไห้ ขอร้องให้เขาอยู่กับผม เขาเข้ามากอดและปลอบผม เขาสัญญาว่าจะอยู่กับผม เขาบอกให้ผมหยุดร้องไห้

     

    ให้ตายเถอะผมฝันถึงมันอีกแล้ว ผมฝันอย่างนี้เป็นร้อยเป็นพันครั้งได้ นี่แหละแรงบันดาลใจที่ทำให้ผมแต่งเพลง baby, don’t cry  อื้ม ทำไมหมอนข้างถึงได้แข็งแบบนี้หล่ะ หอมด้วย แต่เอ๊ะ ผมอยู่ที่โรงแรมนะ จะมีหมอนข้างได้ไง หรือผมนอนกอดเซฮุน ไม่ เซฮุนผอมกว่านี้ ผมขมวดคิ้วก่อนที่จะลืมตาดูว่าผมนอนกอดอะไรอยู่ คนๆนั้น คนที่ผมชนนิ ผมมานอนกอดเขาได้อย่างไงกัน

     

    “อ๊ากกกกกกก”

     

    “อื้ม ตื่นแล้วหรอ คุณยังปวดหัว มึนๆอยู่ไหม”ผู้ชายคนนั้นถามผมด้วยเสียงหัวเงียของคนที่พึ่งตื่น

     

    “คุณเป็นใคร แล้วมานอนในห้องของผมได้ไง เซฮุนอยู่ไหน เซฮุน”

     

    หึหึผมได้ยินเขาหัวเราะเบาๆในลำคอ ขำอะไรหนักหนา ผมเลยส่งค้อนไปให้เบาๆ

     

    “เมื่อวานคุณยังเรียกชื่อผมอยู่เลยนะ แถมยังขอไม่ให้ผมไปไหนด้วย ขอให้ผมอยู่กับคุณ เซฮุนเลยขอให้ผมช่วยอยู่ที่นี้ดูแลคุณ ส่วนเขาไปนอนกับดีโอแล้ว”

     

    อะไรกันนี่ไม่ใช่ฝันเหรอ  หรือมันเกิดอะไรขึ้น ผมงงไปหมดแล้ว

     

    “เดี๋ยวๆ คุณชื่อซูโฮ แล้วเมื่อวานผมขอคุณอย่างนั้นจริงหรอ ทำไมผมจำอะไรไม่ได้เลย”เขาเข้ามาจัดท่าให้นอนผมพิงหัวเตียงแล้วเอาหมอนของเขามาหนุนหลังให้ผม

     

    “อย่าพึ่งคิดอะไรเลยตอนนี้ ไม่งั้นคุณจะปวดหัวอีกนะ เมื่อวานอยู่ดีๆหลังจากที่คุณร้องเพลงจบคุณก็เป็นลมไป ผมเลยอุ้มคุณมานอนที่นี้แหละ แล้วพอผมกำลังจะไปคุณก็เรียกผมเอาไว้ไม่ให้ไป ตอนนั้นคุณคงละเมอมั้ง ดีโอก็เลยขอให้ผมอยู่ที่นี่ช่วยดูแลคุณ ส่วนเซฮุนก็ไปนอนกับดีโอ ผมชื่อ คิมจุนมยอน หรือคุณจะเรียกผมว่าซูโฮก็ได้”

     

    “คิมจุนมยอน อ่า ทำไมคุ้นๆจังเหมือนคุณพ่อจะพูดถึงอยู่นะ”ผมพูดกับตัวเองเบาๆแต่เหมือนว่าเขาจะได้ยินอยู่   

     

    คุณพ่อที่คุณพูดถึงคือใครหล่ะ”

     

    “คุณพ่อทาโอ ทาโอ หวงจื่อเทานะ”

     

    “มิน่าผู้จัดการลีถึงเรียกคุณว่าคุณหนู เพราะคุณเป็นลูกท่านอาวุโสทาโอนี่เอง แต่ที่ผมทราบ ท่านไม่มีลูกไม่ใช่หรอ”

     

    “คุณรู้จักคุณพ่อ ผมเป็นลูกบุญธรรมท่านนะ ว่าแต่คุณเป็นใคร ถ้าขึ้นชื่อว่าคิม งั้นเราคงเป็นญาติกัน”

     

    “ผมเป็นหลานของน้องท่านนะ ผมดูแลธุรกิจส่วนจิวเวอร์รี่ อ้อ การถ่ายแบบวันนี้ผมเลื่อนให้ไปถ่ายตอนบ่ายแล้วนะ เพราะผมเห็นว่าคุณไม่ค่อยสบายและพวกพี่ๆน้องๆคุณจะได้พักผ่อน แต่เอ๊ะ ถ้าคุณดีขึ้นอย่างนี้แล้ว  งั้นกลับมาถ่ายตั้งแต่ตอนเช้าเหมือนเดิมได้แล้วนิ ผมโทรไปเลื่อนให้ถ่ายเวลาเดิมดีกว่า”

     

    “อย่านะ อย่า ไม่เอา เออ ผมหมายถึงให้พวกพี่ๆได้พักผ่อนบ้างและก็ โอ๊ย ตอนนี้ผมปวดหัวจัง”ผมรีบทำเป็นปวดหัวทันที

     

    “ปวดหัวอีกแล้วหรอ เอ๊ะนี่ผมคิดว่าถ้าวันนี้คุณสบายดีผมจะพาไปดำน้ำดูปะการังนะนี่ เสียดายแทนคุณจัง” ดำน้ำ ดำน้ำหรอผมอยากไปจังผมไม่ได้ดำน้ำมานานแล้ว

     

    Suho part

    “ดำน้ำ ดำน้ำหรอ อ่า ตอนนี้หายปวดหัวแล้ว ไปดำน้ำนะ ไปดำด้วยกันนะ นะ”ดูท่าทางที่เขาทำสิ ทำไมน่ารักอย่างนี่ ห้ามใจอ่อนเด็ดขาด

     

    “แน่ใจนะว่าหายแล้วนะ”

     

    “แน่ใจสิ นะ นะพาไปดำน้ำหน่อยนะ”

     

    “เอางี้ไหม รีบถ่ายแบบกันตั้งแต่เช้า ตอนบ่ายจะได้ไปดำน้ำไง ช่วงเวลานั้นดีที่สุดนะ ไม่งั้นก็ต้องอดเพราะว่าพรุ่งนี้คุณก็ต้องกลับเกาหลีแล้วนิ” อีกอย่างงานผมจะได้เสร็จเร็วๆสะที จะได้พักผ่อนนิดหนึ่งก่อนที่ต้องกลับไปรบกับงานอื่นต่อ ดูท่าเขานั่งคิดสิ อย่างกับว่ากำลังคิดแก้ปัญหาระดับชาติ ผมได้แต่หัวเราะในใจไม่งั้นโดนค้อนอีกแน่

     

    “ก็ได้ ถ่ายกันตอนเช้าก็ได้ แต่นายสัญญาแล้วนะ ว่าจะพาฉันไปดำน้ำ อย่าลืมสัญญาหล่ะ ห้ามลืมนะ”

     

    “แน่นอน สัญญา ไม่ลืมแน่ๆ แต่ว่าตอนนี้รีบไปอาบน้ำแต่งตัวดีไหม จะได้รีบถ่าย รีบเสร็จ”

     

    “เย้ จะได้ไปเที่ยวแล้ว อ๊ะ นายรีบไปบอกคนอื่นเลยนะ ไปเร็ว ใช่ ใช่ อาบน้ำ”เขากอดผมอย่างดีใจก่อนที่จะผละออกไป ผมแอบเห็นนะว่าหน้าเขาแดงขึ้น อ่า หน้าผมด้วย

    -

     

    - บริเวณการถ่ายแบบ –

     

    วันนี้ตั้งแต่เช้าผมมาดูการถ่ายแบบเครื่องประดับคอลเลคชั่นใหม่ ดูเหมือนว่าเขาจะดูกระตือรือร้นในการถ่ายแบบมาก สงสัยอยากไปดำน้ำมากจริงๆสินะ นี่ เห็นนะตอนช่วงพักเบรกแอบเอากล้องมาถ่ายรูปผมตอนไม่ได้ตั้งตัวด้วย บอกว่าให้ลบออกไปก็ไม่ยอมลบ ตามไปถ่ายรูปคนอื่น ที่กำลังถ่ายแบบอยู่ก็มี ซนจริงๆ

     

    ผมพึ่งรู้นะเนี่ยว่าคนตัวเล็กนะชอบถ่ายรูป ฝีมือดีเชียวหล่ะ สู้กับตากล้องมือดีของเราได้ทีเดียว   พอถึงคิวที่เขาต้องถ่ายเดี่ยว ก็รีบวิ่งไปถ่าย สงสัยอยากให้เสร็จเร็วๆจะได้ไปเที่ยว มีการย้ำเตือนไม่ให้ผมหนีไปไหนอีกด้วย

     

    “นี่ซูโฮ ห้ามหนีเราไปนะ รอเราด้วย”

     

    “เรียกผมว่าฮยองก่อน แล้วจะไม่หนีไปไหนเลย สัญญา”

     

    “ก็ได้ ซูโฮฮยองอย่าหนีผมไปนะครับ รอผมไปดำน้ำด้วย พอใจแล้วยัง”

     

    “ครับ พอใจแล้ว รีบไปถ่ายแบบเร็วเลย จะได้ไปเร็วๆไง” แค่นี้เท่านั้นรีบไปถ่ายแบบเลย เด็กน้อยจริง [end Suho part]

     

    “ดูเหมือนว่าคุณจะปราบเด็กดื้อของเราได้แล้วนะครับ” ลู่ห่านที่ถ่ายเสร็จเป็นคนแรกพูดขึ้นมา

    “เด็กดื้อ ดื้อจริงๆนะครับ ซนเหมือนเด็กๆ เอาแต่ใจเล็กๆด้วย”

     

    “ขนาดเซฮุนที่เป็นน้องเล็กของยังไม่ดื้อไม่ซนเท่าเฉินเลย เพราะว่าท่านทาโอตามใจตั้งแต่เด็กนะสิ แต่ถึงจะเอาแต่ใจไปบ้างก็ไม่เคยขัดใจท่านทาโอสักครั้ง ความจริงตอนนี้เป็นเวลาพักผ่อนของพวกเรา แต่เพราะท่านทาโอขอให้มาร้องเพลงกับถ่ายแบบที่นี้ เฉินถึงได้ยอมมา นี่ท่านก็พึ่งโทรมา บอกว่ายกเลิกงานทุกงานเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ เพราะเป็นห่วงว่าพวกเราจะเป็นแบบเฉิน แต่ความจริงท่านนะเป็นห่วงเฉินต่างหาก ถึงสั่งให้หยุดงาน”

     

    “ผมพึ่งรู้นะเนี่ยว่าท่านอาวุโสทาโอจะรักลูก หวงลูกมากขนาดนี้”

     

    “ความจริงต้องบอกว่าพวกเราทุกคนต่างหากครับคุณซูโฮ”

     

    “อ้าวคุณแบคฮยอนเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วหรอครับ”

     

    “ครับ ผมกับเฉินเกิดห่างกันไม่นานเท่าไหร่ ก็เลยสนิทกันมากนะครับพวกเราทุกคนในวง เรียนด้วยกัน โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กแล้วครับ พวกเราชอบร้องเพลง ท่านทาโอเห็นว่ามีแวว ก็เลยให้พวกเราเดบิวต์กัน เฉินนะมองดูภายนอกเหมือนเป็นคนที่สดใส ยิ้มได้ตลอดเวลา หัวแข็งเล็กน้อย แต่ความจริงเขาอ่อนแอนะครับ คิดมากเหมือนกันแต่ซ่อนภายใต้รอยยิ้ม มีอะไรไม่ค่อยบอกเราเท่าไหร่ ทำอะไรรวดเร็ว หัวดีเรียนเก่งนะครับ คว้าที่หนึ่งทุกปี นี่ก็พึ่งจบป.โทด้านบริหารให้ท่านทาโอภูมิใจ”

     

    “อ่ะ จบโทแล้วหรอครับ ผมนึกว่าเขาพึ่งจบตรีอยู่เลย”

     

    “เรียนเร็วนะครับ ข้ามชั้นเรียนไปสามครั้ง พี่เฉินเป็นแบบนี้แหละครับ ตัดสินใจเร็ว ทำอะไรเร็ว ปุ๊บปั๊บเสร็จ แต่ในขณะเดียวกันก็เปลี่ยนใจเร็ว”

     

    “อ่า ตกลงว่าตอนนี้เฉินเขาอายุเท่าไหร่กันแน่นิครับ คุณดีโอ”

     

    “ยี่สิบสองปี พี่ลู่ห่านยี่สิบหก พี่เลย์ยี่สิบห้า พี่แบคยี่สิบสาม พี่ดีโอยี่สิบเอ็ด ส่วนผมสิบเก้า พวกผมห้าคนเป็นพี่น้องกัน”

     

    “อ้าวนี่ผมกับคุณเลย์รุ่นเดียวกันหรอนี่”

     

    “ครับ รุ่นเดียวกัน แต่ผมพึ่งจบตรีนะ พอดีไม่ได้หัวดีเหมือนเฉินนะ”

     

    “ก็ให้ใช้ให้พี่ไปเรียนอะไรที่มันเรียนยากๆนานๆเองหล่ะ”แบคฮยอนแซวพี่ชายตัวเอง

     

    “ใครจะไปเรียนเหมือนนายหล่ะ พ่อหนุ่มนิเทศ”

     

    “ครับ คุณหมอเลย์“

     

    “มิน่าหล่ะ ตอนที่เฉินเป็นลมคุณถึงได้ดูไม่ค่อยเป็นห่วงเท่าไหร่ ที่แท้ก็เป็นหมอนี่เอง”

     

    “คุณกังวลเกินเหตุไปเอง คุณซูโฮ” เลย์พูดด้วยน้ำเสียงคริสติน่า ตลกชาวอิตาลีที่พูดเกาหลีได้

     

    แล้วทุกคนก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมากับเสียงที่เลย์ทำ รวมทั้งตัวผมด้วย ให้ตายสิพวกเขาช่างเป็นพี่น้องที่เข้ากันได้ดีจริงๆ  พี่น้องมหัศจรรย์

     

    “พวกนายหัวเราะอะไรกันนะ” เฉินที่พึ่งถ่ายแบบเสร็จแปลกใจที่ได้ยินเสียงหัวเราะของทุกคน

     

    “เปล่า ไม่มีอะไร ไม่รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหรอ เดี๋ยวก็ไม่ได้ไปดำน้ำหรอก”

     

    “เฮ้อ คงไม่ได้ไปแล้วหล่ะ เมื่อกี้ลมมาแรงที่เดียว เกือบเก็บของกันไม่ทัน คลื่นลูกใหญ่เลย ฝนก็ทำท่าว่าจะตก อดเลย พรุ่งนี้ก็ต้องกลับเกาหลีแล้วสิ”เขาพูดพลางทำหน้าเสียดาย

     

    “ท่านทาโอโทรมาบอกว่ายกเลิกงานของพวกเราเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ดังนั้น เชิญตามสบายนะน้องรัก”

     

    “ว้าว จริงหรอครับพี่ลู่ คุณพ่อน่ารักที่สุดเลย พรุ่งนี้นายต้องพาฉันไปดำน้ำนะซูโฮ นะ”ดูเขาสิพอรู้ว่าได้หยุดงาน ก็ยิ้มซะกว้างเชียว ดีใจจะได้เที่ยวเล่นละสิ

     

    “ขอโทษนะ แต่พรุ่งนี้ผมต้องกลับที่เกาหลีเหมือนกันงานเยอะมาก”ผมเสียดายจริงๆนี่ถ้าไม่ติดว่ามีประชุมที่เกาหลีวันพรุ่งนี้ก็อยากอยู่เที่ยวกับเขาเหมือนกัน

     

    “พวกพี่ๆหล่ะ ดีโอ เซฮุน”

     

    “พวกเราจะกลับเกาหลีตอนบ่ายหลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ เซฮุนมีเรียน ดีโอจะไปเรียนทำอาหารเพิ่ม พี่มีงาน แบคยังรับงานอีเว้นท์อยู่ ส่วนพี่ลู่จะไปเที่ยวฮ่องกง”

     

    “เชอะ ไม่มีใครอยู่ที่นี้กับผมเลย ไปเที่ยวกับพี่ลู่ดีไหมเนี่ย แต่ถ้าพี่ลู่ไปฮ่องกง ก็ต้องไปหาพี่เฮนรี่แน่ๆ ไม่ไปดีกว่าไม่อยากเป็น กขค เดี๋ยวโดนพี่เฮนรี่เอาไม้สีไวโอลินฟาดก้นอีก เชอะ เห็นแฟนดีกว่าน้อง ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า”พอไม่มีใครอยู่เที่ยวด้วย ดูสิ หน้านี้งอเลย ผมอยากจะขำออกมา แต่ก็กลัวคนตรงหน้าโกรธ แต่ก่อนที่คนตรงหน้าผมจะเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเลขาของผมก็เดินเข้ามาพร้อมกับคำพูดที่ทำให้ทั้งรอยยิ้มของผมและเขากลับคืนมา

     

    “คุณซูโฮครับ ท่านอาวุโสทาโอโทรมาบอกว่า ให้ยกเลิกตารางของคุณที่เกาหลีเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ครับ แล้วให้คุณช่วยดูแลโรงแรมลิตเติ้ล ปริ้น ที่นี้และดูแลคุณหนูเฉินด้วยครับ ส่วนที่เกาหลีท่านจะเข้าไปดูแลแทนคุณเอง นี่คือตารางงานสัปดาห์หน้าอันใหม่ครับ”ผมเห็นตารางงานอันใหม่แล้วก็ขำ นี่มันมีแต่รายการพาคนตัวเล็กไปเที่ยวทั้งนั้น

     

    “คุณพ่อช่างใจดีจริงๆ เห็นไหมท่านต้องเห็นว่าพวกพี่ๆ ดีโอ และเซฮุนไม่อยู่กับผมแน่ๆ เลยให้ซูโฮอยู่กับผม เชอะ ไม่มีใครรักผมเท่าคุณพ่ออีกแล้ว คอยดูนะกลับไปคราวนี้จะไปแต่งเพลงรักใหม่ให้ท่านอีกสักสองสามเพลง”

     

    “จ้า ไม่มีใครรักและตามใจนายเท่าท่านทาโอแล้ว”แบคพูดแซวเพื่อนตัวเอง ซึ่งได้สายตาค้อนๆจากเฉินไปกิน

     

    “นายได้ยินแล้วใช่ไหมซูโฮ ว่าคุณพ่อให้ดูแลเรา ดังนั้นนายต้องพาเราไปเที่ยวทุกวัน อีกอย่างนายสัญญาแล้วด้วย”

     

    “ครับ คุณชาย ตามสัญญาครับ”

     

    “เกี่ยวก้อยสัญญาเลย อ่ะ”เขายื่นนิ้วก้อยของเขาออกมา พลางส่งยิ้มหวานมาให้

     

    “อื้ม สัญญา”ผมเกี่ยวก้อยกับเขาแน่น  ผมว่าผมชักหลงรักรอยยิ้มและเจ้าของรอยยิ้มไปแล้วหล่ะ

     

    “รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไป๊ แล้วเดี๋ยวมาดูตารางงานผมกัน จะได้วางแผนกันว่าจะไปเที่ยวที่ไหน เมื่อไหร่ได้บ้าง”ตามเดิม เด็กดื้อของผมรีบไปเปลี่ยนโดยที่ไม่ต้องให้บอกซ้ำสอง (จบซูโฮพาร์ท)

     

    ส่วนห้าพี่น้องก็พากันสบสายตา ทาโอ ยอดเยี่ยมเสมอ นี่คงเป็นแผนของเจ้าสินะที่จะทำสองคนนี้รักกัน

     

     

     

    Suho part

     

    ตลอดทั้งหกวันที่ผ่านมา หน้าที่ของผมคือ ต้องพาคนตัวเล็กไปเที่ยวทุกที่ที่เขาอยากไป ทั้งดำน้ำ ว่ายน้ำ ล่องเรือใบ ก่อทราย เจสกี เที่ยวถนนย่านของกิน ไปดูฟาร์มไข่มุก และอีกมากมายเท่าที่จะคิดได้

     

    เราสองคนสนิทกันมากขึ้น ใกล้ชิดกันก็บ่อย หลายครั้งที่เขากอดผม บางครั้งก็หอมแก้มด้วย รู้ไหมใจผมเต้นแรงเลยนะ ผมหลงรักเขาไปแล้วหล่ะ ไม่รู้ว่าหลังจากวันนี้ไปแล้ว กลับไปเกาหลี เราจะยังได้เจอกันอีกไหม

     

    วันนี้คือวันสุดท้ายที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน ผมไม่อยากให้วันนี้ผ่านพ้นไปเลย ตลอดหกวันที่ผ่านมาเราอยู่ด้วยกันตลอด เที่ยวด้วยกัน บางครั้งมีงานด่วนเข้ามาให้ต้องดู เขาก็มักจะเข้ามาช่วยผม แม้แต่นอนเราก็นอนห้องเดียวกันเพราะเขาไม่ชอบการอยู่คนเดียว ผมรู้สึกว่าผมไม่อาจขาดเขาได้ อยากมีเขาอยู่ข้างกาย ผมตัดสินใจแล้ว วันนี้ ผมจะบอกรักเขา

     

    “เฉิน วันนี้ตอนบ่ายพอดีผมมีธุระด่วน คุณอยู่คนเดียวได้ไหม”

     

    “ไปด้วยไม่ได้หรอ”

     

    “ไม่ได้ มันนานหน่อยนะ แต่สัญญาไม่เกินหกโมงเย็นจะกลับมาหา จะพาไปกินมื้อเย็นที่ริมหาด แต่งตัวให้สวยรอผมได้เลย”

     

    “หล่อต่างหาก สัญญาแล้วนะ ห้ามมาสายเด็ดขาด เข้าใจไหม นี่ไม่ใช่คำขอ แต่เป็นคำสั่ง”

     

    “ครับ คุณชาย สัญญาเท่าชีวิตเลยครับ”

     

    “งั้นรีบไปรีบมาเลย เร็ว” เขาสั่งผม เพราะรู้ดีว่าผมจะทำให้อย่างแน่นอน ผมเลยลองยื่นหน้าหาเขา

     

    “เอิ่ม ขอค่ามัดจำหน่อยสิ”

     

    Chen part

               

    ดูสิเขาสิ ยื่นหน้าเข้ามาให้ผมหอมแก้ม ให้ตายเถอะ หน้าผมแดงและร้อนจนจะแตกได้แล้วนะ ถึงแม้ว่าหลายครั้งตลอดหลายวันที่ผ่านมาผมจะเป็นคนเข้าไปหอมแก้มเขาเอง แต่วันนี้เป็นครั้งแรกเลยนะที่เขาขอให้ผมทำอย่างนี้นะ

     

    “ฟอด เร็วเลย ได้ค่ามัดจำไปแล้วนิ” ผมทำใจหอมแก้มเขาเร็วๆ

     

    “ครับ ไปแล้วครับ ตอนเย็นเจอกันที่ห้องครับ” เขาออกไปแล้ว เฮ้อ เขาจะรู้บ้างไหมทุกครั้งที่ผมหอมแก้มเขานะ ผมเองก็ใจเต้นเหมือนกันนะ ถึงแม้จะเป็นคนเริ่มเองก็เถอะ

     

    ตลอดหกวันที่ผ่านมาเราสองคนตัวติดกันเชียวหล่ะ ผมเห็นสายตาพนักงานสาวบางคนที่มองเขาอย่างชื่นชม เชอะ อย่ามามองนะ เอ๊ะ แล้วนี่ผมจะมาหวงเขาทำไม ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย เขาเอาใจผมทุกอย่าง ผมบอกให้เขาทำอะไร เขาก็ทำตามทุกอย่าง อย่างไม่มีเงื่อนไขเลย ผมเองก็ชักจะหวั่นไหวไปกับเขาเหมือนกัน

     

    ผมหลงรักเขาไปแล้วหรอ แต่มันแค่สัปดาห์เดียวเองนะที่เรารู้จักกัน แต่แปลก ผมกับรู้สึกว่า เรารู้จักกันมานานกว่านั้น เฮ้อ ถ้าผ่านวันนี้ไปแล้วจะเป็นอย่างไรหนอ เราจะยังได้ไปเที่ยว พูดคุย อยู่ด้วยกันอย่างนี้ไหม ผมเริ่มชินที่อยู่กับเขาไปแล้ว ไม่มีเขา ผมจะเหงาไหมนะ เฮ้อ อย่ามัวแต่คิดมากเลย ไปเล่นเปียโนให้คลายเครียดดีกว่า (จบพาร์ทของเฉิน)

     

     

    - ตกเย็น ที่ริมชายหาด –

     

    “นี่ นายจะพาเราไปไหนนะซูโฮ”เฉินที่ตอนนี้โดนผ้าปิดตาถามคนที่เดินจูงมือเขาอยู่

     

    “เดี๋ยวก็รู้ เดินต่อไปนะ อีกไม่กี่นาทีหรอก” ซูโฮที่ตอนนี้เปลี่ยนจากนักธุรกิจมาเป็นพี่เลี้ยงจำเป็นของเด็กดื้อเสียงดีไปอีกหนึ่งสัปดาห์ตอบไป สักพักก็ถึงที่ที่เขาจัดเอาไว้

     

    “ถึงแล้วครับ”ซูโฮพูดพลางเปิดผ้าที่ปิดตาให้เฉิน

     

    “ว้าว นายทำมันหรอ ที่นายหายไปตอนกลางวันเพราะอย่างนี้นะหรอ นายรู้ได้ไงว่าเราชอบน่ะ” สิ่งที่เฉินเห็นก็คือซุ้มที่ตกแต่งไปด้วยดอกไม้และผ้าสีขาวแซมด้วยสีฟ้าอ่อนๆ มีเปียโนสีดำหนึ่งหลัง เครื่องเล่นแผ่นบันทึกเสียง และมื้อค่ำ ใต้แสงเทียน

     

    “นายไม่ชอบกินสัตว์ทะเลและปลาทุกชนิด ไม่ชอบและเกลียดตำนานเอลฟ์สุดๆ ถ้าใครพูดถึงเอลฟ์ นายจะไม่ฟังและหนีออกจากตรงนั้น ชอบเล่นเปียโนทุกวัน โดยเฉพาะเวลามาที่นี้นายมักจะชอบเล่นที่ริมชายหาดใต้แสงเทียน นายชอบดอกไม้สีขาวและฟ้า ชอบสีน้ำทะเล สีขาว ทุกอย่างที่เกี่ยวกับทะเลนายชอบทั้งนั้น ก่อนนอนชอบเปิดเพลงรักเบาๆคลอจากเครื่องเล่น ต้องดื่มนมอุ่นหยดกลิ่นวนิลาด้วยหนึ่งแก้ว แล้วนายจะหลับฝันดี ถ้าไม่ทำนายจะฝันร้ายเสมอ ส่วนรู้ได้อย่างไง ก็สังเกตนายจากหกวันที่ผ่านมาไง ผมทำการบ้านดีพอไหม ”

     

    “ขอบใจนะ นี่ถ้านายกำลังจีบฉันอยู่นิ สอบผ่านเลยนะเนี่ย”เฉินเข้ากอดซูโฮพลางพูดติดตลกตามนิสัยของเขา แต่จะรู้บ้างไหมคำพูดและการกระทำของเขามันทำให้หัวใจของอีกฝ่ายเต้นแรงแค่ไหน

     

    “งั้น ขอค่าทำเป็นเพลงสักเพลงได้ไหม”

     

    “แค่นี้เอง ได้สิ สำหรับนาย เอาสักสี่ห้าเพลงเลยก็ได้”

     

    “พูดออกมาแล้วนะ รักษาคำพูดด้วย”

     

    “แน่นอน”เฉินพูดพลางเดินไปนั่งที่เปียโนพรมนิ้วเล่นเป็นเพลงรักหวานดังก้องกังวาน ร้องคลอเบาๆตามไปด้วย เสียงหวานที่ซูโฮฟังกี่ครั้งก็ไม่เคยพอ เขาอยากฟังมันอีกครั้งแล้วครั้งเล่า อยากฟังมันไปตลอดชีวิต

     

    “เริ่มในวันใดไม่เคยนึกฝัน แต่สิ่งในนั้นกำลังเกิดขึ้นมา ตั้งตาตั้งใจ สักวันคงได้ อยู่เคียงกายเธอ”เพลงในการ์ตูนที่ตลอดทั้งสัปดาห์คนตัวเล็กเปิดดูกับเขาตลอด แต่เขากลับรู้สึกว่า เคยได้ยินมันมาก่อนหน้านั้น มานานแสนนาน

     

    “อ่า ซูโฮ พอก่อนได้ไหม ตอนนี้เราหิวแล้วอ่า”

     

    “มากินกันก่อนเถอะ มีแต่ของชอบของนายทั้งนั้น”

     

    ****************************

     

    “เต้นรำสักเพลงได้ไหมครับ คุณผู้ชาย”เมื่อทานมื้อค่ำเสร็จผมก็ชวนเขาเต้นรำ

     

    “บ้า เอาสิ”เขาเต้นรำได้สวยมาก สง่างาม ผมตัดสินใจแล้ว วันนี้เป็นไงเป็นกัน

     

    “เป็นแฟนกันดีไหมครับ”คนตรงหน้าผมดูตกใจเหลือเกิน

     

    “แต่ว่าเราพึ่งรู้จักกันแค่สัปดาห์เดียวนี่นะ”

     

    “คุณไม่รู้สึกหรอ ว่าเรารู้จักกันมานานกว่านั้น นานกว่าที่เราจะนับได้”

     

    “รู้สึกสิ ฉันรู้สึกเหมือนว่าเราเคยรักกันมานานแสนนาน เหมือนคนที่ฉันกำลังตามหา เหมือนกับคนที่ฉันฝันถึงทุกคืนตั้งแต่เด็ก”

     

    “ตั้งแต่ที่พบเจอคุณเป็นครั้งแรก ผมก็รู้สึกว่าคุ้นหน้าคุ้นตาคุณ เหมือนเราเคยรู้จักกัน ตอนที่คุณยิ้มมันเหมือนโลกทั้งโลกของผมสว่างเพราะมัน ตอนที่คุณร้องไห้ในคอนเสิร์ต รู้ไหมหัวใจของผมถูกบีบอย่างแรง น้ำตาของคุณผมไม่อยากเห็นมันเลย แม้ว่ามันจะไหลเพราะความดีใจ มันก็ไม่เหมาะกับคุณสักนิด แต่หลายวันที่ผ่านมา วันไหนที่คุณเหนื่อยจนลืมกินนม หรือหลับไปโดยไม่ได้ฟังเพลง ตอนที่คุณฝันร้าย คุณจะร้องไห้ทุกคืน ผมไม่อยากเห็นมัน ดังนั้นได้โปรด อย่าร้องไห้นะครับ”

     

    “จะพยายามไม่ร้องนะ แต่นายก็ต้องสัญญา ห้ามทิ้งฉัน ห้ามทิ้งเด็ดขาด ต้องมองฉันคนเดียว รักฉันคนเดียว ทำได้ไหม”

     

    “มากกว่านี้ก็ยังได้ ถ้าทุกอย่างมันทำให้คุณอยู่กับผม สัญญา สัญญาว่าจะอยู่กับคุณตลอดไป”

    “งั้นพรุ่งนี้คุณต้องไปขอฉันกับคุณคุณพ่อแล้วหล่ะ คุณแฟน ผ่านด่านท่านให้ได้นะครับ”

     

    “แน่นอนครับ ที่รัก”

     

     

     

     

    - วันรุ่งขึ้นที่ห้องของทาโอ –

     

     

    “คุณพ่อ ลูกคิดถึงคุณพ่อจังเลยครับ”เฉินเข้ามากอดทาโออย่างดีใจ

     

    “ถ้าคิดถึง แล้วทำไมถึงมัวแต่เที่ยวเล่น ไม่มาหาพ่อหล่ะ”

     

    “ก็ นานๆทีจะได้พักนิครับ เออ คุณพ่อครับคือว่าผมกับซูโฮ”แต่ก่อนที่เฉินจะพูดจบทาโอก็พูดขัดขึ้นมาก่อน

     

    “พ่อพอดูออกนะ งั้นมันก็คงถึงเวลาที่ของสิ่งนี้ควรจะกลับไปสู่เจ้าของเดิมมันได้แล้ว”ทาโอหยิบกุญแจออกมาไขกล่องโบราณที่มักจะเอาไว้ข้างตัวเสมอ หยิบเปลือกหอยมุกอันหนึ่งออกมา

     

    “ลูกและซูโฮลองเปิดมันออกดูสิ แล้วลูกจะรู้คำตอบของทุกสิ่งทุกอย่างทั้งความฝันที่ลูกฝันมาตลอดยี่สิบสองปี และหลานเองก็จะได้รู้เหมือนกัน ว่าความฝันเรื้อรังของหลานและอาการที่หลานเป็นมาตลอดหนึ่งสัปดาห์นั้นมันเกิดมาจากอะไร ซูโฮ”

     

    สิ่งที่พวกเขาทั้งสองคนได้เห็นคือไข่มุกสีดำเม็ดใหญ่ที่มองดูก็รู้แล้วว่าเป็นมุกธรรมชาติไม่ใช่มุกเลี้ยง เมื่อมองดีๆจะเห็นสีแดงคล้ายเลือดปนด้วยระเรื่อรอบๆมีไข่มุกเม็ดเล็กๆสีขาวอมชมพูร้อยเป็นสายสร้อย มีภาพของนครบาดาลที่มองมุมไหนก็เห็น ลอยอยู่ไม่ได้ติดอยู่กับตัวหอย หูของพวกเขาได้ยินเสียงเพลงที่ฟังไม่รู้เรื่องแต่กลับเข้าใจความความของมันทุกอย่าง ในหัวปรากฏภาพของแต่ละเหตุการณ์ที่พวกเขาเคยฝันถึง

     

    “ซะ ซูโฮ”น้ำตาของเฉินไหลออกมา

     

    “บอกแล้วไงว่าอย่างร้องไห้ ที่รักของผม ตอนนี้เราได้รักกัน ได้อยู่ด้วยกันแล้วนะ”ซูโฮกอดร่างของคนรักที่ตอนนี้กำลังร้องไห้ เพราะอดีตของเราที่ได้รับรู้

     

    “ใช่ ที่สุดในตอนนี้พวกท่านสองคนก็ได้รักกันแล้ว ไม่มีสิ่งใดจะมาขัดขวางความรักของพวกท่านได้แล้ว”

     

    “คุณพ่อ หมายความพวกเราคือพวกท่านทั้งสองคนกลับมาเกิดหรอครับ”

     

    “ใช่ ลูกคือท่านพี่เฉิน ส่วนจุนมยอน หลานก็คือท่านซูโฮ”

     

    “ท่านอาวุโส ท่านเป็นเงือกใช่ไหมครับ แล้วอีกห้าคนนั่นหละครับ เกิดใหม่หรือยังเป็นเงือกอยู่”

     

    “ไม่ว่าจะเกิดอีกครั้ง ความฉลาดและหัวไว้ไม่ได้หายไปเลย ใช่ พวกเราเป็นเงือก ที่พวกพี่ๆและน้องฮุนมาอยู่ที่โลกมนุษย์ก็เพราะต้องการอยู่กับจงแด เพื่อมาดูแลคนที่พวกเรารักมากที่สุด ดวงใจของเรา”

     

    “คุณพ่อ แล้วลูก ลูกเป็นใครกันแน่ มนุษย์หรือเงือก”

     

    “ตอนนี้ลูกเป็นมนุษย์ แต่ตอนเกิดลูกเป็นเงือก เพราะจุนมยอนที่เกิดก่อนลูกเป็นมนุษย์ พ่อไม่อยากให้ชาติพันธุ์มาขวางความรักที่จะเกิดในอนาคตพ่อจึงร่ายมนต์ให้ลูกเป็นคนถาวร”

     

    “คุณพ่อ ขอบคุณนะครับ”

     

    “ในที่สุดลูกก็เป็นสมาชิกครอบครัวของเราอย่างเต็มตัวเสียที จุนมยอนเป็นสายเลือดที่เกิดจากทายาทของลูกหลานของพ่อและเอเวอรีน คู่ชีวิตนิจนิรันดร์ของพ่อ ส่วนลูก ลูกผุดเกิดขึ้นเองที่บัลลังก์ของพ่อ ตอนที่เจอลูกเป็นครั้งแรก ลูกไม่ยอมให้ใครอุ้มเลย นอกจากพ่อ ลูกจึงเป็นของพ่อ แต่ไม่ว่าอย่างไง ลูกก็คือลูกของพ่อ จำไว้ ลูกไม่ใช่แค่ร่างเกิดใหม่ของท่านพี่เฉินเท่านั้น แต่ลูก คือลูกรักของพ่อ”

     

    “คุณพ่อ ลูกก็รักคุณพ่อนะครับ”

     

    “ท่านทาโอครับ ผมขอถามอย่างหนึ่ง”

     

    “ถามมาสิ”

     

    “แล้วเลขาของผม พี่มินซอกนะครับ เขาเป็นเงือกไหมครับ เพราะเท่าที่ผมเห็นดูเหมือนว่าในบ้านหลังนี้จะมีแต่พวกเงือกนะครับ”

     

    “ไม่หรอก มินซอกไม่ได้เป็นอะไรมากเกินกว่าที่เขาเป็น สักวันหลานจะรู้เองว่าเขาเป็นอะไร แต่ตอนนี้ช่วยสวมสร้อยมุกนั้นให้จงแดได้แล้ว มันสมควรที่จะอยู่กับคนที่ควรอยู่ด้วยมือของบุคคลที่ควรสวมให้ เพราะมันคือของขวัญแต่งงาน คือสิ่งของที่ยืนยันว่า พวกเขาแต่งงานกัน เป็นคู่ชีวิตนิจนิรันดร์แม้แต่เพียงแค่จิตวิญญาณก็ตาม”

     

    “แต่งงานกับผมนะครับ เฉิน”

     

    “อื้ม ฉันจะแต่งกับนาย”

     

    เมื่อเฉินตอบรับคำนั้น ซูโฮสวมใส่สร้อยไข่มุกนั้นให้เฉินด้วยมือที่สั่นเทา ทันทีที่สายสร้อยสวมลงบนคอของจงแด ทั้งสองรู้สึกว่าหัวใจของพวกเขาเต้นเร็วขึ้น มันเต้นด้วยความยินดีราวกับว่าได้เจออีกครึ่งหนึ่งของมัน

     

    “ตอนนี้ ลูกกับจุนมยอนก็แต่งงานกันแล้ว แม้ว่าคนที่รู้จะมีเพียงแค่พวกเราและชาวเงือก พ่อจะรีบให้เขาจัดงานแต่งของลูกทั้งสองคน อย่างเป็นทางการ คิมกรุ๊ปได้นายและนายหญิงคนใหม่แล้ว”

     

    “ท่านอาวุโสหมายความว่าไงครับ ท่าน คงไม่ได้หมายถึง”

     

    “มันถึงเวลาที่ข้าและพี่น้องควรได้พักผ่อนแล้วจุนมยอน พวกเราอยู่กันมานาน นานมาก และข้าก็อยากไปหาเอเวอรีนเหลือเกิน เก็บเรื่องราวพวกนี้ให้ดี ในกล่องนี้มีของประจำตระกูลเรา เก็บมันไว้ให้ดีนะซูโฮ”ทาโอยื่นกล่องโบราณนั้นให้ซูโฮ

     

    “คุณพ่อ อย่าพึ่งไปสิครับ อยู่กับพวกเราก่อน อย่างน้อยก็ ก็ รออยู่ด้วยหลานก่อนสิครับ”

     

    “เอาหล่ะ เป็นว่าพ่อจะรอเวลานั้นก่อนก็แล้วกัน เร็วๆหล่ะ พ่ออยากพักผ่อนเสียที รีบไปดูกันเถอะว่าจะจัดงานกันอย่างไร” ทันทีที่สองคนนั้นออกจากห้องไปอย่างมีความสุขเพื่อเตรียมตัวจัดงานที่สำคัญในชีวิตของตัวเอง  เขาได้ยินเสียงสองคนนั้นคุยเรื่องเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวอยู่

     

    เพื่อนเจ้าสาวคุณจะให้ใครเป็นหรอ

     

    ต้องคริสติน่าอยู่แล้ว แล้วซูโฮหล่ะ

     

    ชานยอล เพื่อนผมเองนะ

     

    ทาโอเอารูปเอเวอรีนที่เขาวางไว้ข้างโต๊ะมาดู

     

    “เอเวอรีน เจ้าเห็นไหม ได้ยินแล้วยัง สองคนนั้นแต่งงานกันแล้วนะ อีกไม่นานข้าคงจะได้อุ้มหลาน เอเวอรีนเจ้ารอข้าไปก่อนนะ ขอข้าเลี้ยงหลานก่อน  ขอข้าดูว่าพ่อเจ้าจะทำอย่างไรให้แม่เจ้าลดทิฐิ แล้วข้าจะตามเจ้าไป รักเจ้าเสมอ คู่ชีวิตนิจนิรันดร์ของข้า”

     

    - Happy Ending -

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×