ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    CHENtasy

    ลำดับตอนที่ #8 : Series II : Lady and The Beast:My lady

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.พ. 57


     

    My Lady

     

     

    [Chanyoel part]

     

    สวัสดีครับ ผมชื่อชานยอล ผมเป็นนักธุรกิจ พ่อของผมชื่อคังอิน ส่วนแม่คุณอย่าถามถึงเลย ผมเกลียดเธอ เธอทิ้งพวกเราสองคนพ่อลูกในวันที่พวกเรากำลังจะล้มละลาย ผมอ้อนวอนขอให้อยู่ต่อกับเราแต่เธอก็ไม่ฟัง ทิ้งผมไปกับชายชู้ที่เธอแอบเล่นเมื่อรู้ว่าพวกเรากำลังจะไม่เหลืออะไร คนที่มีเงิน มีทุกอย่าง ผมเกลียดเธอ

     

    ผู้หญิงแพศยาคนนั้น ทำให้ผมไม่เชื่อในความรัก ไม่เชื่อในคำพูดของผู้หญิง ผมมองว่าพวกนั้นเป็นแค่วัตถุรองรับระบายอารมณ์ทางเพศก็เท่านั้น แต่ผมก็ป้องกันตัวเองทุกครั้ง ไม่อยากจะทำให้เกิดห่วงติดตัว จนกระทั่งวันหนึ่ง พ่อบอกให้ผมแต่งงานกับผู้หญิงที่ท่านเลือกให้

     

    คริสติน่า ลูกสาวของคุณลุงชินดงที่เคยช่วยพวกเราในอดีตไม่ให้ล้มะลาย ผมรักและเคารพคุณลุงชินดงเหมือนพ่อคนหนึ่งเพราะท่านช่วยเหลือพวกเราไว้มาก ถ้าไม่มีท่าน เมื่อสิบกว่าปีก่อนก็ไม่รู้ว่าพวกเราสองคนพ่อลูกจะเป็นอย่างไง

     

    คุณพ่อเอารูปเธอให้ผมดู ทำไมผมรู้สึกคุ้นๆหน้าเธอ ผมไม่เคยเจอเธอเพราะเธอไปเรียนที่ฝรั่งเศสตั้งแต่เด็ก หน้าของเธอเหมือนผู้ชายคนหนึ่งที่ผมมักจะฝันถึงบ่อยๆ ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกทั้งรักและเกลียดคนๆนี้ อยากทำคนคนนี้ร้องไห้ แปลกจริง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ตอบตกลงไป

     

    หลังจากนั้นไม่นานสักพักเพื่อนของผมก็โทรมาหา ซูโฮ เขาขอให้ผมไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ตกใจนิดหน่อยที่อยู่ดีๆเพื่อนกำลังจะแต่งงานแต่ก็ดีใจด้วย แต่พอรู้ชื่อคนที่มาเป็นเพื่อนเจ้าสาวนี้สิ ผมตอบตกลงทันที จะได้เจอกันแล้วนะ คุณว่าที่ภรรยา

     

    เมื่อแรกเจอ ผมยอมรับเธอเป็นคนที่สวยมาก แต่สวยแบบเศร้าๆทั้งสายตาของเธอแฝงไว้ด้วยความเศร้า เหมือนคนอมทุกข์นั่นแหละ แต่ไม่รู้ทำไมผมมองว่านั่นเป็นเสน่ห์ของเธอ

     

    หลังจากงานแต่งของซูโฮได้สักสองสัปดาห์ ก็เป็นงานแต่งของผมกับเธอ ในงานแต่งแน่นอนเจ้าสาวของผมสวยมาก ทำไมผู้หญิงคนนี้ต้องทำให้หัวใจของเต้นไม่เป็นจังหวะด้วย รอยยิ้มที่เธอยิ้มมาเหมือนจะพยายามตอกน้ำแข็งในหัวใจที่เย็นชาของผม ไม่ได้ อีกส่วนหนึ่งในหัวใจของผมมันยังคัดค้าน มันยังเกลียด เกลียดเธอ ผมจะไม่รู้สึกอย่างนั้นเด็ดขาด

     

    สิ่งที่ผมต้องทำ คือต้องทำให้ผู้หญิงคนนี้ร้องไห้ให้ได้ ใช่ ผมจะทำให้เธอร้องไห้ให้ได้ หลังจากแต่งงานผมไม่ได้ไปฮันนีมูนเพราะงานมันเยอะและเป็นเธอเองเหมือนกันที่ขอคุณพ่อว่าไม่จำเป็น แต่มีหรือคุณพ่อจะยอมง่ายๆ ท่านจึงเปลี่ยนไปเที่ยวเอง โดยทิ้งให้ผมอยู่กับเธอในคฤหาสน์หลังงาม

     

    ไหนๆคุณพ่อก็ไม่อยู่ หึ ผมจึงคิดแผนที่จะแกล้งเธอ ผมควงผู้หญิงเข้ามาในบ้าน หวังว่าจะทำให้เธอไม่พอใจได้ บอกแล้วไง ผมอยากเห็นน้ำตาของเธอ อยากเห็นใบหน้าที่เย็นชานั้นแสดงอาการเจ็บปวดออกมาบ้าง

     

    แต่มันก็ไม่เป็นไปตามแผน หน้าเธอนิ่งทุกครั้งที่ผมพาใครคนอื่นเข้ามา ผมไม่เห็นแววตาที่เจ็บปวดเลย ผมพยายามฟังว่าเธอแอบร้องไห้ในห้องหรือเปล่า ก็ไม่ได้ยินแต่อย่างใด พอเช้าอีกวันที่เธอจะมาดูแลห้องของผม จัดเตรียมเสื้อผ้าให้ ผมก็เห็นเธอยิ้มเล็กๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่ดี ใบหน้าก็ไม่ได้แสดงอาการว่าร้องไห้หนักมา ไม่มีร่องรอยว่าจะใช้เครื่องสำอางกลบเกลื่อนเลย

     

    แล้วทำไมผมต้องสังเกตถึงขนาดนี้ด้วยล่ะ แต่ในที่สุดก็เหมือนว่าความพยายามของผมจะสำเร็จไปนิดหนึ่ง นิดนึงจริงๆ เช้าวันที่หลังจากผมมีอะไรกับหญิงอื่นสองคนพร้อมกัน ตอนที่เธอมาจัดเสื้อผ้าให้ผมนั้น ผมรู้สึกว่าเธอมองค้อนผมอยู่ ใช่เธอมองค้อนผมจริงๆ

     

    พอตกเย็นเธอก็มาจัดอ่างอาบน้ำให้ คราวนี้ต่างจากปกติ เพราะเธอจุดเทียนหอมด้วย อา กลิ่นที่เธอจุดมันเป็นกลิ่นที่ทำให้ผ่อนคลาย ทำให้มีความอยากในกิจอย่างว่าน้อยลง นี่คงจะเตือนผมทางอ้อมนะสิ ว่าให้หยุดพักเสียบ้าง ฉลาดจริงๆผู้หญิงคนนี้ เธอรู้ดีว่าพูดไปก็เท่านั้น พูดไปแทนที่ผมจะเชื่อกลับยิ่งจะทำมากกว่าเดิมมากกว่า

     

    หนึ่งในสิ่งที่ผมเกลียดก็คือ การที่คู่นอนของผมไปมีอะไรกับคนอื่นก่อนหน้าที่จะมีอะไรกับผม พวกเขามีคนอื่นผมไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว ไม่สนด้วยซ้ำ แต่ถ้าวันไหนที่มานอนกับผม ต้องไม่มีอะไรกับใครมาก่อน ผมไม่ชอบกินของเหลือ

     

    การที่ผมรู้ว่าคู่นอนวันนี้ไปมีอะไรมาก่อนทำให้ผมโมโห เมื่อโดนจับได้ก็ปฎิเสธ ผมเกลียด ผมเกลียดการโกหก เพราะนั่นคือสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นทำมาตลอด ผมเกลียดมากเมื่อมีใครมารื้อปมในใจของผม ผมควบคุมตัวเองไม่ได้อาละวาดทำลายข้าวของที่อยู่ในห้อง

     

    “หึ ไอ้คุณตัว หน้าเงิน หึ แกมันก็แค่อยากได้เงินของฉันเท่านั้น  นังผู้หญิงแพศยา ออกไป”

     

    “ไปแน่ ไม่อยู่หรอก นี่มันอสูรร้ายชัดๆ เชิญคุณนายอยู่กับสามีโรคจิตเถอะนะ เงินเยอะอย่างนี้ผมไม่โพนทะนาบอก”

     

    “อย่าเข้ามานะ นังแพศยาแกก็เหมือนไอ้ตัวนั้นใช่ไหม เห็นแก่เงิน ไม่เคยรักฉันเลยสักคน ออกไปนะ อย่ามาจับเนื้อตัวของฉัน แกไม่ใช่แม่ฉัน ออกไป ออกไป!!” อย่าเอามือมาจับผมนะ บอกให้ออกไปไง แต่ดูเหมือนสัมผัสคู่นั้นจะไม่ยอมหายไปไหน

     

    “ฮึก ฮึก แม่ครับอย่าทิ้งผมไป อย่าไป ฮึก อย่าทิ้งพวกเรา อย่าทิ้งผมกับพ่อเลยนะครับ ฮึก อย่าไป อย่าไป”อ้อมกอดอันอบอุ่นที่ผมอยากได้ อย่าหายไปไหนนะ

     

    “ไม่ไปไหน อยู่ที่นี้ อยู่นี้ไง ไม่ไปไหน อยู่ด้วยกัน ไม่ทิ้ง สัญญา”อย่าคลายกอดนะ อย่าจากไปนะ

     

    “อยู่กับผมนะครับ ฮึก อยู่กับผม”

     

     

     

    - วันรุ่งขึ้น –

     

    ผมรู้สึกตัวขึ้นมา ทำไมรู้สึกหนักหัวจัง เมื่อวานเกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ๆถึงจำอะไรไม่ได้ นอกจากเหตุการณ์ที่ผมอาละวาดแล้วหลังจากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้ แต่ก่อนที่ผมจะลุกขึ้นก็ได้ยินเสียงเคาะประตูเสียก่อน ผมแกล้งทำเป็นหลับต่อไป

     

    “ก๊อก ก๊อก คุณหญิงค่ะ เปิดประตูให้นมหน่อยค่ะ”

     

    “จ๊ะ มีอะไรหรอจ๊ะ แม่มิยอน”

     

    “คุณซิ่วหมินเอาซุปไก่มาให้ค่ะ บอกว่าเป็นฝีมือคุณดีโอ ตระกูลคิมส่งมาให้เป็นของเยี่ยมไข้แล้วก็ฝากบอกข้อความจากคุณจงแดมาให้คุณด้วยว่าวันนี้ไม่ต้องเข้าประชุมที่บอร์ดค่ะ แล้วนี่คุณหนูตื่นแล้วยังค่ะ”

     

    “คุณหนูของแม่มิยอนยังไม่ตื่นเลยจ๊ะ ซุปไก่ หญิงวานให้แม่มิยอนช่วยตั้งไฟต่อได้ไหมจ๊ะ จะได้อุ่นๆแล้วก็จะได้เปื่อยอีก” ผมลุกขึ้นตามมาแอบฟังเธอพูดกับแม่นมของผม

     

    “จะให้นมอุ่นหม้อธรรมดาหรือหม้อตุ๋นค่ะ”

     

    “หม้อตุ๋นจ๊ะ ส่วนคุณหนูแม่มิยอน ถ้าตื่น หญิงจะลงไปบอกนะ”

     

    “เมื่อวานคุณหญิงน่าจะให้นมช่วยเก็บของให้ เหนื่อยไหมค่ะ” เก็บของ เธอจะไปไหน

     

    “ไม่เหนื่อยเท่าไหร่หรอกค่ะ  แค่เก็บของที่คุณหนูของนมทำแตก ทำความสะอาดแค่นี้หญิงสบายมาก แต่หญิงเสียดายของที่แตกไปนะค่ะ บางอย่างเป็นของหายาก ไม่รู้ว่าจะซ่อมได้ไหม หญิงแยกของแล้วนะค่ะ โชคดีที่ว่าหญิงรู้จักช่างซ่อมและบางอย่างหญิงก็พอซ่อมเองได้อยู่บ้าง วันนี้ว่าจะลองไปถามช่างดู” นี่เธอเป็นคนทำความสะอาดห้องเองหรอ

     

    “คุณหญิงลองไปถามคุณพ่อบ้านใหญ่เชวแล้วยังค่ะ  พ่อบ้านของที่นี้ทำงานได้หลายอย่างนะค่ะ พวกช่างฝีมือดีๆ เราก็มี เอาอย่างนี้ดีไหมคะ เดี๋ยวนมจะให้เขามาขนลงไปนะค่ะ”

     

    “ขอบคุณนะค่ะ แม่มิยอน ถ้าเขาตื่นเมื่อไหร่ ค่อยขนลงไปก็ได้ค่ะ”

     

     

    “ค่ะ คุณหญิง นมไปตุ๋นซุปไก่ก่อนนะค่ะ”เมื่อพูดจบแม่มิยอนก็ออกไป ผมเลยรีบกลับมานอนทำทุกอย่างให้เหมือนเดิม สักพักเธอก็เข้ามา ผมแกล้งทำเป็นหลับ ผมรู้สึกได้ว่าเธอนั่งลงอยู่ที่ข้างๆเตียงนอนของผม

     

    เฮ้อ เมื่อไหร่จะตื่นค่ะ ตื่นมาเร็วๆสิค่ะ เจ้าชายอสูรของฉัน เดี๋ยวฉันมาไปอาบน้ำก่อนนะค่ะ ฉันลงไปทำข้าวต้มให้คุณยังไม่ได้อาบน้ำเลย รีบๆตื่นมากินข้าวต้มฝีมือฉันสิค่ะ”

     

    เธอจับมือของผมมากุมเอาไว้แนบแก้มเธอ ผมไม่เคยเห็นมุมนี้ของเธอเลย ก่อนที่เธอจะจากไป เธอทำสิ่งที่ผมไม่คาดคิด เธอจูบหน้าผากผม ภาวนาอย่าพึ่งให้เธอได้ยินเสียงหัวใจผมตอนนี้เลย ตอนนี้เธอเข้าห้องของเธอไปแล้วผมได้ยินเสียงประตูที่คั่นกลางเปิดและปิดอย่างรวดเร็ว

     

    ผมลุกขึ้นมาพิงพนักหัวเตียง ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมอาละวาดแล้วเธอเป็นคนเข้ามาหยุด แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธออ่อนโยนกับผมอย่างนี้ ปกติเธอติดออกที่จะนิ่งและเย็นชานิดหนึ่งด้วยซ้ำ ผมมองไปทั่วห้อง นี้ก็เป็นนิสัยอีกอย่างของเธอ ระเบียบ ผมจะเชื่อใจผู้หญิงคนนี้ได้ไหมว่าเธอจะดูแลผมได้ตลอดไป จะทนกับนิสัยผมได้ จะไม่เป็นเหมือนอย่างแม่ของผม

     

    “คุณตื่นแล้ว เดี๋ยวฉันไปยกข้าวต้มกับซุปไก่มาให้นะค่ะ ดีโอทำมาเป็นของเยี่ยมไข้ให้นะค่ะ”

     

    “ไม่ต้อง โทรเรียกก็พอ ผมอยากอาบน้ำ ช่วยเตรียมอ่างให้ที”

     

    “ค่ะ เดี๋ยวฉันจัดการให้นะค่ะ” ไอ้เรื่องนิสัยชอบทำอะไรเองด้วย เธอไม่ได้รอให้คนใช้มาทำทั้งหมด อะไรที่เกี่ยวกับผม เธอทำมันเอง เหมือนว่าเธอให้ความสำคัญกับมันและนั่นทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจนิดๆ

     

    “ฉันเตรียมน้ำให้แล้วนะค่ะ คุณเข้าไปอาบได้เลย วันนี้คุณจะเข้าบริษัทไหมค่ะ”

     

    “ไม่ วันนี้ผมอยากพักผ่อน” ผมเข้าไปอาบน้ำแช่ตัวสักพักให้ผ่อนคลาย อืม กลิ่นส้มจากเทียนที่เธอจุดทำให้ผมผ่อนคลายและสดชื่นขึ้นมาก พอจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเธอก็จัดชุดไว้ให้ รสนิยมผู้หญิงคนนี้ดีเสมอเธอรู้ว่าควรจัดอย่างไรให้ถูกกาลเทศะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    อาหารถูกยกไว้ที่โต๊ะโซฟา พร้อมโน้ตที่เธอเขียนไว้ พอไม่ได้เข้าบริษัทผมก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไร นึกได้ว่าเธอคงอยู่ในห้องผมจึงแอบแง้มๆดูว่าเธอกำลังทำอะไร ภาพตรงหน้ามันทำให้ผมต้องยิ้มออกมา

     

    เธอทำงานอยู่ เซ็นเอกสารไป คุยงานไป ผมไม่เคยเห็นมุมนี้ของเธอเลย ไม่เคยรู้เลยว่าเธอทำงานพวกนี้ด้วย นึกว่าเธอจบคหกรรมเสียอีก เห็นพ่อบอกไว้อย่างนั้น หรือไม่พ่อก็คงบอกแล้วแต่ผมไม่ได้ตั้งใจฟังเอง แต่แล้วเธอก็หันหน้ามาทางที่ผมยืนอยู่ที่ประตูกลางพอดี

     

    “คุณมีอะไรหรือเปล่าค่ะ”

     

    “ทำงานเสร็จแล้วยัง”

     

    “เสร็จแล้วค่ะ”

     

    “ทำไมเธอไม่เคยบอกว่าเธอทำงานพวกนี้ด้วย ฉันคิดว่าเธอจบคหกรรมเสียอีก เห็นกลับมาที่บ้านกี่ครั้งพอถามเมื่อไหร่ ก็บอกว่าคุณผู้หญิงอยู่ในครัว”

     

    “ฉันคิดว่าคุณพ่อคังอินคงบอกคุณไปแล้ว เลยไม่ได้บอกค่ะ”

     

    “แล้วตกลงเธอจบอะไรมา”

     

    “ฉันจบโท MBA ค่ะ จบพร้อมจงแดพวกเราพาสชั้นเรียนนะค่ะ ที่ไม่ได้บอกไปเพราะบางสังคมคนบางคนไม่ได้ต้องการคนที่เกินกว่าหน้าตาเขานิค่ะ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องบอก บางสังคมบางคนชอบคนเก่งชอบคนมีความสามารถ เราก็บอกได้อย่างเต็มที่ หรือคุณคิดว่ามันไม่จริงค่ะ”

     

    “จริง แต่ว่าฉันชอบคนเก่งและแสดงฝีมือออกมา ไปเก็บเสื้อผ้าของเธอ เรามีที่ที่ต้องไปกัน”

     

    “ไปไหนค่ะ”

     

    “สามีจะพาภรรยาไปฮันนีมูนไม่ได้หรอไงครับ ที่รัก ฟอด~”นี่ผมทำอะไรไปเนี่ย หอมแก้มเธอ อ่า กลิ่นกายของเธอมันทำให้ผมต้องปั่นป่วนรีบเข้าไปในห้อง โทรสั่งให้พ่อบ้านมาเก็บเสื้อผ้าให้ผม

     

    ผมตัดสินใจจะไปที่เซจูเพราะอาทิตย์หน้าผมมีประชุมผู้ประกอบการและงานเลี้ยงที่นั่น และผมเองก็จำเป็นต้องพูดเรื่องที่ดินด้วย ผมโทรสั่งให้เลขาของผมเอาประวัติของเธอมาให้ผมด้วย ผมอยากรู้เธอจะสามารถยืนอยู่ข้างๆผมได้ไหม ผมยอมรับ ผมชอบผู้หญิงสวยและฉลาด มีความสามารถพอ

     

     

     

     

     

    เมื่อถึงเกาะเซจูผมก็พาเธอไปที่บ้านพักส่วนตัวของผมเอง อยากจะรู้ว่าเธอสามารถอยู่ในที่แบบนั้นได้ไหม บ้านหลังเล็กๆที่ต้องอยู่คนเดียว ไม่มีคนใช้

     

    “ชอบไหม อยู่ได้หรือเปล่า ถ้าเธออยู่ไม่ได้ ขับรถกลับที่ลิตเติ้ลปริ้นซ์ได้เลย ไม่ต้องห่วงผม”

     

    “อยู่ได้ค่ะ ฉันไม่รู้ว่าคุณมีบ้านพักส่วนตัวด้วย”สายตาของเธอที่เห็นบ้านดูแล้วเหมือนเด็กที่ชอบใจในของเล่น คงพออยู่ได้ล่ะมั้ง

     

    “เป็นบ้านพักร้อนนะ ผมสร้างไว้นานแล้ว ผมชอบที่จะทำอะไรคนเดียวบ้าง เวลามาเที่ยวที่นี้เมื่อไหร่ผมก็มาพักที่นี้ทุกที ห้องคุณอยู่ทางด้านขวานะ เดี๋ยวผมเอากระเป๋าไปไว้ให้”

     

    “ขอบคุณค่ะ” ผมจัดการเก็บของให้เรียบร้อยแล้วค่อยลงมา อ่า ทะเลผมไม่ได้มานานแล้ว

     

    “น้ำเย็นๆของคุณค่ะ”

     

    “ขอบใจ”

     

    “เมื่อกี้ฉันเปิดตู้เย็นเห็นของสดอยู่เต็มตู้ คุณอยากกินอะไรค่ะ นี่ก็เลยมื้อเที่ยงมานานแล้ว”

     

    “เส้นสปาเก็ตตี้ยังมีอยู่ไหม ถ้ามีผมอยากกินสปาเก็ตตีซีฟู้ด”

     

    “ค่ะ ซีฟู้ดแต่ไม่เอากุ้งใช่ไหมค่ะ คุณแพ้กุ้ง”

     

    “คุณรู้”

     

    “ก็ต้องรู้สิค่ะ เดี๋ยวเผลอทำของที่คุณแพ้เข้าจะแย่เอา ฉันรีบไปทำให้ก่อนนะค่ะ” ผมมองเธอทำอาหาร ดูเธอมีความสุข ยิ้มออกมา ผู้หญิงคนนี้สวย แต่จะสวยมากยิ่งขึ้นถ้าเธอยิ้ม อยู่ดีๆผมก็เกิดอาการอยากแกล้งเธออีกแล้วสิ

     

    “ไม่ต้องมาช่วยฉันก็ได้นะค่ะ คุณไปพักผ่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันยกไปให้”

     

    “มา ให้ผมช่วยหั่นของให้ จะได้เสร็จเร็วๆไง”

     

    “แต่ว่า”

     

    “ไม่มีแต่”ผมแย่งเธอทำไปจนหมดเลย ก็ผมไม่ได้ทำอาหารกินเองก็นานแล้วนะ ผมได้รับคำชมจากเธอด้วยว่าอร่อย ทำไมใจมันเต้นแรงอีกแล้ว มันเหมือนใครสักคนเอากองไฟวางใกล้หัวใจของผม

     

    วันนี้ผมไม่ได้พาเธอไปเที่ยวเล่นที่ไหน แต่ว่านอนอยู่ในบ้าน ผมอยากแกล้งเธออีกแล้ว ก็เลยล้มตัวลงนอนหนุนตักเธอ ดูเธอจะตกใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ถักนิดติ้งต่อไป ถึงจะเงียบๆ แต่ผมก็มีความสุขนะ

     

     

     

     

     

    วันรุ่งขึ้นหลังจากที่พวกเราทานอาหารเช้าและเธอทำความสะอาดบ้านเสร็จแล้ว ผมก็พาเธอไปที่หมู่บ้านชาวประมง ใกล้ๆกับบ้านของเรา ที่ผมจะไปคุยเรื่องซื้อที่ดิน ที่นั่นเธอเจอคนของเธอ ผมไม่รู้เลยว่า เธอจะรู้จักคนที่นี้ ดูเหมือนว่าผู้ใหญ่บ้านของคนของเธอคิดว่าผมจะเอาเธอมากล่อมให้ขายที่ให้

     

    “คุณจะเอาท่านหญิงมากล่อมพวกเราหรอค่ะ ยังไงพวกเราก็ไม่ขายที่เด็ดขาด”

     

    “ผมไม่รู้ว่า ติน่ามีความสัมพันธ์กับพวกคุณ ผมไม่ได้คิดจะเอาเธอมากล่อมพวกคุณแต่อย่างไร” อยู่ดีๆผมก็อยากเรียกว่าติน่าอย่างที่เพื่อนๆของเธอเรียกเธอบ้าง

     

    “นมจ๊ะ หญิงไม่ได้มาเพื่อกล่อมนมและชาวบ้านหรอกนะ แต่ว่าเรื่องที่ดินที่เราจะสร้างบังกะโลนั้น ทำไมนมไม่ลองคิดดูล่ะ ว่ามันจะเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนที่นี้เหมือนกัน

     

    ผู้ใหญ่บ้านค่ะ บังกะโลที่เราจะสร้าง เราสร้างโดยที่กระทบต่อทะเลและธรรมชาติให้น้อยที่สุด เพราะเราสร้างที่นั้นด้วยความคิดที่เป็นมิตรกับธรรมชาติและชุมชน เราไม่ได้มาซื้อที่ทำกินของชาวบ้านอย่างเดียวหากแต่เราจะเข้ามาพัฒนาชุมชนนี้ด้วย

     

    เราจะรับพนักงานที่เป็นลูกหลานของคนในชุมชนนี้  แล้วพวกเราก็ไม่ได้ซื้อที่ดินไปเสียหมด ดังนั้นที่ทำกินของชาวบ้านก็ยังมีอยู่ เราจะช่วยให้คนในชุมชนมีรายได้เสริมจากการประมง เช่น การทำของที่ระลึกขายแก่นักท่องเที่ยว

     

    และที่สำคัญหญิงยังคิดที่จะมอบทุนแก่เด็กที่เรียนดีเรียนเก่งให้ไปเรียนในโซลจะได้กลับมาพัฒนาที่นี้ได้ไงจ๊ะ นมจ๊ะ อีกไม่นานที่นี้จะมีโรงแรมมากมายผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ที่อื่นหากเขามาซื้อเขาจะไม่ทำเหมือนอย่างที่พวกเราทำหรอกนะ ผู้ใหญ่บ้านและนมลองเอาไปคิดดูนะค่ะ”

     

     

    โอเคผมยอมแล้ว เธอเก่งจริงๆ ผมไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเธอ แต่คงรู้ได้จากเลขาผมมั้ง ผมไม่ได้ส่งซิกอะไรให้เธอเลย แต่เธอเองก็รู้ว่าควรจะทำอะไรในฐานะของคนตระกูลปาร์ค

     

    “ถ้าพวกคุณกลัวว่าเราจะไม่รักษาคำพูด ผมยินดีที่จะทำสัญญาทุกอย่าง และยินดีที่จะให้พวกคุณมาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้สามารถดูแบบแปลน ตรวจสอบได้ ผมตั้งใจที่จะสร้างที่นี้ให้เหมือนกับว่ามันเป็นครอบครัวของพวกเรา ให้มันเป็นของทุกคน

     

    ต้องขอโทษแทนพวกนายหน้าพวกนั้นด้วยที่มาพูดจาข่มขู่พวกคุณ ไม่อย่างนั้นผมคงไม่ลงมาพูดด้วยตัวเอง เพราะเจตนาผมเป็นอย่างที่ภรรยาของผมพูดทุกอย่าง ผมตั้งใจที่จะมาสร้างเพื่อพัฒนาจริงๆ ไม่ได้มาเพื่อที่จะทำลาย ให้ทุกคนเป็นเจ้าของบังกะโล เพราะผมคิดที่จะให้พนักงานและทุกคนเป็นหุ้นส่วนของที่นี้ ยังไง ก็ขอให้ผู้ใหญ่บ้านลองเอาไปคิดดูนะครับ”

     

    “ท่านหญิงค่ะ บริษัทที่ออกแบบและสร้างใช่บริษัทของคุณและคุณเฉินหรือเปล่าค่ะ”

     

    “จ๊ะ บริษัทของหญิงและเฉินเอง” มิน่าซูโฮถึงได้แนะนำบริษัทนี้ให้ผมตอนที่ผมไปปรึกษาด้วย คงเพราะเป็นหนึ่งในบริษัทของตระกูลคิม

     

    “ผู้ใหญ่บ้าน ถ้าเป็นบริษัทของท่านหญิง ฉันมั่นใจว่าเขาต้องทำได้ และท่านหญิงเองก็ก็เป็นคนพูดคำไหนคำนั้น มันก็จริงอย่างที่ท่านหญิงพูดด้วย ลำพังแค่รายได้จากการประมงคงไม่พอสำหรับการส่งเสียลูกหลานของเราได้มีความรู้มากพอ หมู่บ้านของเรามีคนมีความรู้ไม่กี่คนเอง”

     

    “พวกคุณจะทำอย่างที่พวกคุณบอกใช่ไหม พวกคุณเตรียมเอกสารทำสัญญาซื้อที่ดินด้วยล่ะ เพราะชาวบ้านเป็นคนให้ผมตัดสินใจ อ้อ ที่พวกคุณบอกไปเมื่อกี้ก็ขอให้ทำสัญญาด้วย ผมจะขอให้ตำรวจมาเป็นพยานด้วยหวังว่าคุณจะไม่ขัดนะคุณปาร์ค และแน่นอนผมจะช่วยคุมการก่อสร้างแน่ถ้ามันไม่เป็นไปตามที่คุณตกลงไว้พวกเราจะรื้อถอนทันที”

     

    “ตกลงครับ ผมจะให้เลขาทำเอกสารพวกนั้นให้เร็วที่สุด รวมทั้งการประเมินราคา คาดคิดพออีกประมาณสองสัปดาห์คงจะเสร็จ ขอบคุณนะครับที่วางใจพวกเรา”

     

    “ผมไม่ได้วางใจคุณหรอกนะคุณชานยอล แต่ผมวางใจท่านหญิงต่างหาก เธอเคยช่วยชุมชนพวกเราแม้ว่าจะไม่เคยเข้ามาเห็นสภาพมันจริงๆก็ตาม”

     

    ตอนนี้ผมคิดว่าผมพอใจและภูมิใจที่พ่อเลือกเธอให้ผมแล้วล่ะ คนที่จะมาเป็นภรรยาของผม เป็นนายหญิงของตระกูลปาร์ค ต้องเก่ง สวย นิสัยดี สามารถรับกับอารมณ์ของผมได้ เธอครอบครองมันหมดทุกอย่างจริงๆ ผมวางใจไว้ในมือเธอได้แล้วใช่ไหม สามารถวางอนาคตของเราในมือเธอได้แล้วใช่ไหม

     

     

     

     

     

     

    เราได้ของมาเยอะจากผู้ใหญ่บ้านแม้ว่าเราจะปฏิเสธอย่างไร พวกเขาก็ยังเอามาให้เรา ระหว่างการเดินทางกลับบ้านผมตัดสินใจถามเธอว่าเธอรู้ได้อย่างไร

     

    “คุณรู้แผนพัฒนาที่นี้ได้อย่างไรติน่า”

     

    “ฉันบอกแล้วไงค่ะ ว่าฉันมีตารางของคุณ แล้วคุณอย่าลืมสิค่ะ ว่าบริษัทที่ก่อสร้างและออกแบบคือบริษัทของฉันนะค่ะ เสียดายที่คุณไม่รู้จักใช้บริการเรื่องอสังหากับเรา ไม่งั้นได้สร้างนานแล้ว”

     

    “ติน่าพึ่งเพิ่มส่วนของอสังหานี้ไม่ใช่หรือไง แล้วจะบอกว่าจะได้สร้างตั้งนานได้อย่างไร”

     

    “แล้วคุณรู้ได้อย่างไงค่ะ ว่าฉันพึ่งเพิ่มของบริการส่วนอสังหา”

     

    “ก็แค่ผมบอกให้เลขาเอาประวัติของคุณมาให้ผม กริ๊งเดียวเท่านั้นแหละ ข้อมูลทุกอย่างก็อยู่ในมือผม”

     

    “คุณให้เลขาหาให้คุณ ในขณะที่ฉันหลับนะหรอค่ะ ร้ายกาจ”

     

    “ไม่งั้นผมจะเป็นเจ้าชายอสูรของคุณหรอ”ผมเห็นว่าเธอหน้าแดง คงจะสงสัยว่าผมรู้ได้ยังไงว่าเธอเรียกผมว่าเจ้าชายอสูร

     

    “วันนี้มื้อเย็นคุณอยากกินอะไรค่ะ”เปลี่ยนเรื่องจนได้สินะ

     

    “ถ้าฝนไม่ตกไปเสียก่อน ผมว่าเราลองก่อเตาไฟปิ้งของทะเลกินไหม ของสดๆปิ้งกินอร่อยนะ”

     

    “ก็ดีค่ะ”

     

    ดังนั้นกว่ามื้อค่ำนี้พวกเราจึงจัดการกันที่นอกบ้าน ผมเป็นคนก่อกองไฟ พวกเราสนุกกับมื้อค่ำนี้จริงๆ เธอผ่อนคลายขึ้นเยอะ เราเริ่มพูดจากันมากขึ้น เปิดมุมมองของกันและกันผ่านเรื่องราวที่หยิบยกขึ้นมาเล่า

     

    พวกเราอยู่เล่นกันไม่นานก็ต้องรีบเข้ามาในบ้านเสียก่อนเพราะว่าฝน และดูเหมือนว่าพายุ เมื่อพวกเราเข้ามาในบ้านก็แยกย้ายกันเข้านอน ผมได้ยินเสียงเธอกรี๊ดหลังจากที่ฟ้าร้องเสียงดัง ผมนึกมาได้ว่าเธอกลัวเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่า ผมเป็นห่วงเธอ จึงรีบเคาะประตูห้อง

     

    “ติน่า เปิดประตู เปิดประตูให้ผมหน่อย”

    เธอกอดผมทันทีที่เปิดประตูออกมา ตัวเธอสั่นไป คงจะกลัวมากสินะ ผมจึงจูบเธอเบาๆเป็นการปลอบ สัมผัสที่ใกล้ชิดกัน กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวของเธอมันทำเอาความรู้สึกของผมปั่นป่วนไปหมด ผมชักจะห้ามใจไม่ไหวแล้วนะ

     

    ผมชอบริมฝีปากของเธอมันหวานเสียจนผมอดใจไม่ไหวต้องก้มลงไปชิมอีกครั้ง อีกครั้งและอีกครั้ง ผมหลงร่างกายนี้เหลือเกิน สาบานเลยจะไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้เธอเด็ดขาด อ่า ผมสัมผัสได้ว่าผมเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ และนี้คือครั้งแรกของพวกเรา

     

    ในคืนวันแต่งงานผมไม่ได้ทำอะไรเธอเลย ทำไมผมโง่อย่างนี้ เสียงหวานของเธอยามเรียกชื่อของผมมันทำให้ผมแทบคลั่งจนต้องทำให้เธอเรียกชื่อผมซ้ำไปซ้ำมา อ่า เธอเป็นสวรรค์ เป็นเลดี้ เป็นผู้หญิง เป็นทุกๆอย่างของผมคนเดียว

     

                “ผมรักคุณ ยอลรักติน่านะ จุ๊บ My lady

     

     

     

     

     

     

    เช้าวันนี้สดใสไม่เหมือนวันอื่นๆ เพราะเช้าวันนี้ผมได้ตื่นขึ้นมาโดยมีเธออยู่ข้างๆกาย ผมเช็ดตัวให้เธอ เพราะเห็นเหงื่อเธอออกเยอะเหลือเกิน ร่างกายขาวเต็มไปด้วยร่องรอยตราประทับจากผม ตอนนี้ดูเหมือนว่าเลดี้ของผมจะรู้สึกตัวแล้วล่ะ

     

    “ตื่นแล้วหรอ นอนก่อนเถอะ ผมจะเช็ดตัวให้”เธอรีบส่ายหัว แก้มแดงเชียง คงจะอายสินะ

     

    “เขินหรอ เขินทำไม ผมเห็นหมดแล้วนะ”

     

    “ไม่เอา ก็ตอนนั้นมันยังมืดอยู่นิ แต่ตอนนี้สว่างโร่แล้ว”

     

    “งั้นผมมุดเข้าใต้ผ้าห่มเช็ดให้ดีไหมแค่นี้ก็มืดแล้ว”

     

    “บ้า ฉันไปอาบน้ำเองได้ค่ะ”

     

    “แทนตัวเองว่าติน่าสิ เหมือนที่คุณแทนตัวเองอย่างเมื่อวานไง”

     

    “ไม่เอาค่ะ”

     

    “จะพูดไหม หรือจะให้ผมลงโทษ”ผมโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้หน้าของเธอจนริมฝีปากเราจะชิดกันอยู่แล้ว

     

    “พูดแล้วค่ะ ติน่าอาบเองได้ คุณไม่ต้องเช็ดตัวให้ติน่าหรอก”

     

    “จุ๊ๆ ไม่เอาไม่เรียกผมว่าคุณ เรียกผมว่ายอลสิ เรียกผมอย่างเมื่อคืน ผมชอบให้เสียงหวานๆของคุณเรียกผมอย่างนั้นนะ”

     

    “ยอล”เสียงหวานของเธอทำให้ผมอดใจไม่ไหวต้องก้มลงไปชิมริมฝีปากหวานรับเช้าวันใหม่

     

    “มาเดี๋ยวยอลพยุงติน่าไปนะ ติน่าเดินเองไม่ไหวหรอก” เธอหน้าแดงน่ารักอีกแล้ว พวกคุณคิดเหมือนผมไหมว่าเลดี้ของผมช่างสวยเหลือเกินตอนที่เธอหน้าแดง ผมบอกแล้วไงว่าผมชอบคนสวย คงต้องทำให้เธอเขินบ่อยๆแล้วหล่ะ

     

     

     

     

     

    ตอนนี้ความรักของผมมันไม่มีความเกลียดชังแล้ว เพราะความรัก ความอบอุ่น ความจริงใจที่เธอคนนี้มีให้ เมื่อผมทิ้งความเกลียดชังลงไปได้ ผมก็ได้เจอรักแท้ของผม ที่จะอยู่เคียงข้างกับผมตลอดไป

    Kristina, She’s my lady’

     

    - END BEAST PART-

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×