ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    CHENtasy

    ลำดับตอนที่ #2 : Series I : Love @drama:Baby,don't cry

    • อัปเดตล่าสุด 25 ม.ค. 57











    First Tears

     

    ผมชื่อซูโฮ ผมชอบท่องเที่ยวไปทั่วมหาสมุทร ผมรักน้ำ ทุกสิ่งที่อย่างที่เกี่ยวกับน้ำผมชอบทั้งนั้น ผมมีความฝันที่ออกจะเกินตัวไปหน่อย ผมอยากเห็นเงือกสักครั้ง บอกตามตรงในฐานะของคนที่รักน้ำและคนที่มีสายเลือดของภูติน้ำ ผมอยากเห็นสิ่งมีชีวิตครึ่งมนุษย์ครึ่งมัจฉาเป็นที่สุด ชนเผ่าผู้ครอบครองน่านน้ำมหาสมุทรนี้จะเป็นอย่างไรหนอ จะงดงามเหมือนดั่งภาพวาดไหม หรือว่างดงามมากกว่านั้น หากเทพโพไซดอนยังปรานี ผมขอเจอสักครั้งจะได้ไหมครับ
     

    ไม่รู้ว่าเทพโพไซดอนได้ยินคำขอของผมหรือเปล่า เย็นวันนั้นที่ผมล่องเรือกำลังเดินทางกลับจากนครแห่งพรายกับคนที่เป็นทั้งเพื่อนทั้งนายของผม คริส เจ้าชายแห่งนครเอลฟ์ ระหว่างที่ทุกคนสังสรรค์กัน ผมรู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังแอบมองพวกเราอยู่ แต่ใครจะแอบมองพวกเราอยู่หล่ะ ตอนนี้พวกเราท่องทะเลอยู่นะ เทพพระเจ้า หรือว่านั้นจะเป็นเงือกกันแน่
     

    ผมพยายามเสาะหาสายตานั้น ทันใดนั้นผมก็เห็นดวงหน้าหวานรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้านั้นสวยสดใสเหลือเกิน ผมรู้สึกตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกพบ แต่สายตาของเขามันทำให้ผมเจ็บปวดเหลือเกิน สายตาคู่นั้นมองไปที่คริส แววตาที่มองไปนั้นเห็นได้ชัดว่าเขารักคริส
     

    โชคร้ายที่วันนั้นเหมือนราชาแห่งท้องทะเลจะอารมณ์เสีย เฮอริเคนเข้าถล่มเรือพวกเรา แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ผมให้ลูกเรือลงเรือเล็กฉุกเฉินก่อนจนครบ ในขณะที่ผมและคริสโดดลงเรือเพื่อขึ้นเรือฉุกเฉินนั้น คลื่นลูกใหญ่เข้ามาทำให้เรืออยู่ห่างออกไป ผมช่วยพยุงคริสว่ายน้ำเพราะเขาว่ายน้ำไม่เป็น แต่คริสอ่อนแรงเหลือเกิน เขาหลุดจากมือผม จมน้ำลงไป ในขณะที่ผมกำลังไปช่วยเขานั้น ก็มีคนมาช่วยเขาก่อน เงือกตัวนั้นที่ผมเห็น เขารีบพยุงคริสว่ายน้ำกลับฝั่ง ส่วนผมนะเหรอ ต้องขอบคุณคุณยายของผมที่ท่านเป็นภูติน้ำเหลือเกิน สายเลือดของท่านช่วยชีวิตผมให้ปลอดภัย
     

    เช้าวันต่อมาผมได้สติขึ้นมา อาจเป็นเพราะสายเลือดทำให้ผมฟื้นตัวได้เร็ว ภาพที่อยู่ตรงหน้ามันทำให้ผมทั้งอัศจรรย์ใจ และเจ็บปวดเหลือเกิน เขาคอยเฝ้าห่วงดูแลให้คริสได้สติเร็วที่สุด หางของเขาสีม่วงเข้มจนเกือบเป็นสีน้ำเงินยามต้องแสงอาทิตย์เป็นประกายงาม รูปร่างของเขาแข็งแกร่งแต่ก็บอบบาง ผมสีน้ำตาลอ่อนเหลือบทองขับให้ใบหน้านั้นหวานขึ้น น้ำเสียงหวานยามร้องเพลงขับขานเมื่อคริสเริ่มรู้สึกตัวขึ้น
     

    “ควรทำอย่างไงจะได้เพียงมาเจอ เป็นดั่งเงาเธอเสมอทั่วทุกแห่งหน เต็มใจยอมทำจะได้ยล รอยยิ้มสดใส จะพากันเดิน วิ่งเพลินอุรา สุขใจในแสงตะวันใต้ฟ้าใกล้ สองเราคู่ใจ ขอเพียงเคียงใกล้ อยู่ในโลกเธอ”
     

     เพลงนั้นไพเราะเหลือเกิน ผมอยากเป็นเจ้าของเพลงนั้น ทันใดนั้นแมกซ์และซิ่วหมินก็หาเราเจอพอดี เขารีบลงน้ำซ่อนตัวแล้วว่ายน้ำกลับใต้ท้องทะเล ผมได้แต่เสียใจและเดินตามคริสไปอย่างเงียบๆ
     

    ทุกๆวันทุกๆคืนผมจะมานั่งอยู่ที่ชายหาดตรงที่ผมมาเกยอยู่ คอยชะเง้อมอง เผื่อว่าเขาอาจจะมามองหาคริสก็ได้ จนกระทั่งสัปดาห์หนึ่งผ่านไปขณะที่ผมกำลังไปที่นั้น แมกซ์เห่าเหมือนกับว่ามันเจออะไรที่น่าประหลาดใจ ผมรีบวิ่งไปดูทันที
     

    โอ้ ท่านเทพพระเจ้า ผมเจอเขา ใช่ผมเจอเขา แต่ทว่ามันมีบางสิ่งบางอย่างที่แปลกไป เขามีขา ผมถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คำตอบที่ได้กลับมากลับทำให้ผมอึ้ง ไม่มีเสียงใดๆออกจากปากของเขา เป็นไปไม่ได้ เสียงของเขาหายไปได้อย่างไง เท่าที่ผมรู้มาสำหรับเงือกแล้วเสียงคือสมบัติล้ำค่าของพวกเขา หากแต่อยู่ดีๆผมต้องรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงอะไรในหัว
     

    ท่านผู้มีสายเลือดแห่งภูติ ท่านได้ยินเสียงจิตของข้าไหม
     

    ผมถามเขา เขาเรียกผมใช่ไหม เขาทำได้อย่างไร
     

    หากเป็นท่านผู้มีสายเลือดแห่งภูติทั้งเจ็ดผู้ที่เคยเป็นข้าบริวารของแม่ข้า ท่านย่อมได้ยิน ข้าสื่อสารกับท่านทางจิต เราคุยกันทางจิตได้ เพ่งจิตท่านดูสิ
     

    คุณ คุณได้ยินผมใช่ไหม คุณคือเงือกที่ช่วยเจ้าชายใช่ไหม
     

    ใช่ คือเราเอง เราช่วยเขาเอง ท่านช่วยพาเราไปพบเขาได้ไหม
     

    คุณ คุณชื่ออะไร
     

    เราชื่อเฉิน ท่าน เราขอร้อง ได้โปรดช่วยนำเราไปหาเจ้าชายด้วย
     

    ผมชื่อซูโฮ ผมคงพาคุณไปหาเจ้าชายตอนนี้ไม่ได้ ผมว่าคุณน่าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าที่มันดูดีกว่านี้นะ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านผมก่อนเถอะ แล้วผมจะช่วยคุณ หน้าของเฉินแดงขึ้นทันทีที่ก้มลงมองตัวเองใช่ตอนนี้เขามีเพียงแค่ผ้าผืนเดียวห่อหุ้มกาย หากไปสภาพนี้คงไม่ดีแน่
     

    ขอบคุณ ท่านผู้มีพระคุณหากแต่เมื่อเฉินพยายามเดินเขากลับเดินโซเซจนล้มลง ผมจึงเข้าไปช่วยพยุงเขาเพราะรู้ว่าเขาคงพึ่งจะหัดเดินเป็นแน่
     

    ผมพาเฉินมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ปราสาทของผมที่ท่านตาสร้างไว้ คนในปราสาทต่างพากันสงสัยที่ผมพาเขาเข้ามาแต่ก็ไม่มีใครพูด เขาน่ารัก รอยยิ้มที่เขามอบให้ผมช่างสดใสเหมือนพระอาทิตย์ที่กำลังเฉิดฉาย เขายิ้มให้ทุกๆคน ผมชักหวงรอยยิ้มนี้แล้วสิ ยิ่งยามคนตรงหน้าพูดออกมายิ่งน่ารัก(แม้จะเป็นเพียงเสียงของจิตก็ตาม) เสียงหวานกังวาน ตอนนี้ผมรู้สึกดีใจเหลือเกินที่เขาพูดไม่ได้ มีแค่ผมคนเดียวที่เคยได้ยินเสียงของเขา
     

    ซูโฮ เมื่อไหร่ท่านจะพาข้าไปหาเจ้าชาย
     

    ทานอาหารเย็นก่อนนะ แล้วผมจะพาไป
     

    ท่านพูดจริงนะ ท่านสัญญาแล้ว
     

    สัญญา
     

    ให้ตายเถอะผมไม่เคยรู้สึกโกรธใครเท่าคริส ผมกลัวเหลือเกินหากผมบอกความจริงเขาไปเขาจะเป็นอย่างไง แต่ผมต้องบอก
     

    เฉิน ผมมีเรื่องจะบอก คุณทำใจดีๆนะ
     

    เรื่องอะไรเหรอซูโฮ
     

    คริส กำลังจะแต่งงาน พรุ่งนี้ที่มหาวิหาร
     

    ไม่จริง ท่านโกหกเรา เราได้ยินพวกท่านคุยกันที่เรือนั่น คริสยกเลิกงานแต่งระหว่างเขากับเจ้าหญิงโกเวอเฮเฟนแล้ว
     

    เฉิน ฟังผมพูดก่อน คริสกำลังจะแต่งงานจริงๆ ไม่ใช่กับเจ้าหญิงโกเวอเฮเฟน แต่เป็นคนที่เขารัก รักมานานแล้ว ชานยอล คู่หมั้นที่พึ่งหมั้นกันเมื่อสามวันก่อน
     

    ไม่จริง ฮึก ไม่จริง ข้าจะไปถามเขา ซูโฮพาข้าไปพบเจ้าชายที ข้าจะไปถามเขา ฮึก ฮือๆ
     

    ปวดใจ แค่เห็นน้ำตาของเฉินที่หลั่งเป็นสายผมก็ปวดใจเกินทน เขาไม่เหมาะกับน้ำตา ผมทนไม่ได้ที่จะน้ำตาของเขา
     

    ผมจะพาไปตอนนี้เลย แต่ได้โปรดเช็ดน้ำตาก่อนได้ไหม อย่าร้องไห้เลย อย่าร้องเลย คุณไม่เหมาะกับน้ำตาเลย
     

    แต่ก่อนที่ผมจะพาเขาไปหาคริส กริมสปี้ พ่อบ้านของปราสาทก็รายงานมาว่าคริสและคู่หมั้นขอเข้าพบผม ผมเลยให้เขาไปรอที่ห้องนั่งเล่น ก่อนจะพาเฉินไปล้างหน้าแล้วพาเขาไปพบคริส
     

    “นายมีอะไรหรอคริส ถึงได้มาหาฉัน วันพรุ่งนี้จะแต่งแล้ว นายน่าจะอยู่คุมงานนะ”
     

    “ฉันจะมาขอยืมใช้ท่าเรือของนาย ยอลบอกว่าอยากล่องเรือในมหาสมุทรดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ แล้วนั่น ใครนะ เพื่อนใหม่นายหรือไง”
     

    “ใช่ เพื่อนใหม่ เขาคือคนที่ช่วยชีวิตนายตอนที่เรือแตกไง”
     

    “ว่าแต่คุณชื่ออะไร”
     

    “เฉิน เขาชื่อเฉิน”
     

    “เอ๊ะ ซูโฮ ฉันถามเขานะ นายตอบแทนทำไมเนี่ย”
     

    “เขาพูดไม่ได้”
     

    “เอ๊ะ ถ้าจะไม่ใช่แล้วมั้งซูโฮ คนที่ช่วยฉัน เขาพูดได้นะ ร้องเพลงเพราะด้วย”
     

    “พอดีเขาพึ่งเจอเหตุการณ์เลวร้ายนะ เลยช็อก พูดไม่ได้ชั่วคราว แต่เขาคือคนที่ช่วยนายไว้จริงๆ ฉันเห็นเขาชัดกว่านายนะ”
     

    “งั้นต้องขอโทษที่พูดไปอย่างนั้น ขอบคุณนะ ถ้าไม่ได้คุณผมต้องตายแน่ๆ คงไม่ได้รอดกลับมาหาคนรัก”
     

    “ต้องขอบคุณจริงๆนะครับที่ชีวิตคริสเอาไว้”ชานยอลกับคริสกุมมือกันไว้ เขาเห็นสายตาที่เฉินมองมือของทั้งสองคนนั้นกุมกันเอาไว้ สายตานั้นมันเศร้าเหลือเกิน
     

    “พวกนายสองคนมากันแค่นี้ใช่ไหม เอาเถอะ ฉันอนุญาต  ไปพักผ่อนกันได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่สวยไม่หล่อกันนะ”
     

    “งั้นพวกเราคงต้องขอตัว เชิญด้วยนะครับคุณเฉิน หวังว่าพวกเราจะเป็นเพื่อนที่สนิทกันได้ง่ายๆ”ชานยอลจับมือเฉินอย่างคนที่เป็นมิตร ครั้นพอคริสและชานยอลอกจากห้องไป น้ำตาของเฉินที่พยายามกลั้นมันเอาไว้ตลอดการสนทนาก็ไหลออกเป็นสาย สะอึกจนตัวโยน ผมทนไม่ไหวเข้าไปกอดเขา ผมรู้เขาเจ็บกับความจริงที่ได้รู้ แต่ผมเองก็เจ็บปวดไม่แพ้กับเขา น้ำตาของเขาสำหรับมันมีค่า ผมไม่อยากเห็นมัน ได้โปรด อย่าร้องไห้เลยที่รัก มันบีบหัวใจผมเหลือเกิน แสงจันทร์ที่กระทบลงมาทำให้ใบหน้าของเฉินหวานยิ่งขึ้นมันจะงดงามกว่านั้นหากไม่มีหยดน้ำตาที่ไหลออกจากดวงตาคู่นั้น
     

    ซูโฮ เราไม่เหลือใครแล้ว เราไม่เหลือใครเลยนอกจากท่าน ท่านอย่าทิ้งเรานะ อย่าทิ้งเรา เราไม่เหลือใครแล้วจริงๆฮึก ฮือ
     

    ผมจะอยู่กับคุณ ผมสัญญา ผมจะไม่มีวันทิ้งคุณไป ได้โปรดหยุดร้องไห้เถอะนะ อย่าเสียน้ำตาให้เขาอีกเลย น้ำตาของคุณมันไม่มีค่าสำหรับเขาหรอก ได้โปรดอย่าร้อง ผมเจ็บปวดใจเกินทนที่เห็นน้ำตาของคุณ ได้โปรดหันกลับมามองผมได้ไหม มองมาที่ผมได้ไหม
     

    ฮึก ฮือๆ เราขอโทษ แต่เรารักเขา รักเหลือเกิน รักจนทิ้งทุกอย่างเพื่อเขา ยอมเสียยอมเสี่ยงทุกอย่างเพื่อที่จะได้เป็นคนเพื่อพบเจอเขา เพื่อหวังว่าจะได้แต่งงานกับเขา แต่เขากลับกำลังแต่งงานกับคนอื่น เราทำใจไม่ได้ ฮือ เราสูญเสียพ่อ พี่น้อง พลังอำนาจ บัลลังก์ และเสียงของเรา เพื่อเขา ฮือ ถ้าเราต้องเสียท่านอีก เราคงอยู่ไม่ได้ ท่านอย่าทิ้งเรา อย่าทิ้งเราเหมือนกับเขา
     

    สัญญา ผมสัญญาด้วยพลังของผมทั้งหมดและความรักที่ผมมี แต่ตอนนี้ได้โปรด โปรดหยุดร้องไห้เถอะ คืนนี้ ได้โปรด หยุดร้องไห้เถอะ หลับ ไปหลับกันเถอะนะ พรุ่งนี้คุณจะตื่นจากฝันร้ายนี้ จุ๊บผมตัดสินใจจูบซับน้ำตาของเขา เขานิ่งไปด้วยความตกใจก่อนที่สลบไปเพราะความเหนื่อย



     

    Last Tears
     

            รุ่งขึ้นผมตื่นขึ้นมา ผมรีบเข้าไปที่ห้องเขาไม่เห็นเขาอยู่ในห้อง ผมแทบเป็นบ้า รีบถามกรินว่าเขาอยู่ที่ไหน ทันทีที่รู้ว่าเขาอยู่ที่ท่าน้ำ ผมรีบวิ่งไปหาเขา กลัว กลัวว่าเขาจะคิดสั้น พอไปถึงผมรีบกอดและสำรวจเขา โอ้ พระเจ้า ท่านยังปรานี เขายังปลอดภัย แต่ดวงตาของเขานี่สิ เต็มไปด้วยน้ำตา ผมต้องกอดปลอบเขา ผมตัดสินใจยกเลิกเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้คริสทันที ผมไม่กล้าปล่อยให้เฉินอยู่คนเดียว
     

    ผมพาเขาไปเที่ยวในตัวเมือง ที่อยู่ห่างจากอาณาเขตของเอลฟ์ทันที ดูเหมือนว่าเขาเริ่มที่จะทำใจได้ สังเกตได้ที่เขาดูตื่นเต้นไปเสียทุกอย่างที่ได้เจอ เมื่อเจอสิ่งที่ถูกใจเขาจะยิ้มจนตาแทบไม่เห็น แค่เห็นแค่นี้ก็ดูเหมือนว่าโลกทั้งโลกของผมจะสว่างไสวไปด้วยรอยยิ้มนั่น เราจบวันนั้นด้วยการดินเนอร์ใต้แสงเทียน เต้นรำด้วยกันสองเพลง ก่อนที่จะกลับไปยังปราสาท ผมยังมีหวังอยู่ใช่ไหมว่าเขาอาจจะมองมาที่ผมบ้าง
     

    เราไปเที่ยวด้วยกันทุกวัน แม้ว่าเขาจะยิ้มและหัวเราะได้มากขึ้น แต่ผมก็พอเห็นว่าเขาแอบไปร้องไห้ที่ท่าน้ำอีกแล้วจนผมต้องคอยตามไปดู เพราะกลัวว่าเขาจะคิดสั้น
     

    ผ่านไปสัปดาห์หนึ่งต่อมา ด้วยนิสัยที่เรียบง่าย น่ารัก เข้ากับคนได้ง่ายและรอยยิ้มที่มีอยู่อย่างสม่ำเสมอก็ทำให้คนทั้งปราสาทรักและเคารพเฉิน เพราะใครๆก็ดูออกว่าตั้งแต่หนุ่มคนนี้เข้ามาอยู่ที่ปราสาทหลังนี้ ผมยิ้มบ่อยขึ้น อารมณ์ดีขึ้น ไม่เคร่งในกฎระเบียบมากจนเกินไปเหมือนเมื่อก่อน หรือที่พ่อบ้านของผมมักจะแซวผมเสมอ ท่านชายกำลังมีความรัก เห็นทีพวกเรากำลังจะได้นายหญิงเสียแล้ว แม้แต่กระทั่งชานยอลก็สนิทกับเฉินมากขึ้นด้วยนิสัยที่เข้ากับคนอื่นได้ง่ายทั้งสองคน
     

    วันหนึ่ง ผมเห็นเขาไปที่ท่าน้ำท่าทางดีใจจะได้เจอคนสำคัญ แต่พอกลับมาผมเห็นเขาแอบร้องไห้ในห้องนอน ข้างหัวนอนมีมีดเล่มหนึ่ง ผมรีบเข้าไปในห้องหยิบมีดออกมา ผมถามเขา เขาเอามีดมาทำไม เอามาได้อย่างไง แต่คำตอบที่ได้มันแทบทำให้ผมล้มได้ทั้งยืน
     

                พวกพี่ๆและน้องๆเอามีดมาให้ฉัน พี่เลย์บอกให้เอาฆ่าคริสภายในสามวันไม่เช่นนั้นจะเป็นเราเองที่ต้องตาย พวกพี่น้องอยากให้เรากลับเป็นเงือก เราอยากกลับเป็นเงือก แต่เราฆ่าคริสไม่ได้ และเราไม่อยากจากซูโฮไป
     

                ท่านเทพพระเจ้าช่างแกล้ง ผมจะทำอย่างไง คริสก็เพื่อน เขาก็คนที่ผมรัก ผมจะทำอย่างไง คริสเป็นเพื่อนแล้วไง คริสทำให้เขาร้องไห้ คริสทำให้เขาต้องเจ็บปวดใจ หากคริสตาย เฉินจะกลับเป็นเงือก ถ้าเฉินกลับเป็นเงือก หมายความว่าเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน ผมจะทำอย่างไง จะทำอย่างไร เอ๊ะ แค่ไม่ได้อยู่ด้วยกันนิ ไม่ใช่ว่าไม่เจอสักหน่อย ใช่ ใช่ ผมรู้แล้ว
     

                “งั้นให้ผมฆ่าเขาให้คุณสิ เฉิน ผมไม่อาจเสียคุณไปได้ ต่อให้คุณเป็นเงือก เราอยู่ด้วยกันไม่ได้ แต่เรายังเจอกันได้อยู่นะ คุณฆ่าคริสไม่ได้ ผมจะไปฆ่าเอง”
     

    ไม่ อย่านะซูโฮ เราไม่อยากให้ท่านฆ่าเขา เขาเป็นเพื่อนท่าน อีกอย่างเงื่อนไขหนึ่งในนั้นคือเราต้องฆ่าเอง ห้ามให้ใครฆ่าให้ หากเราทำ คริสจะตาย เราสงสารยอล ยอลเป็นเพื่อนเรา
     

    “แต่คุณจะตาย กลายเป็นฟอง ผมทนไม่ได้ ทนไม่ได้!!
     

    มันต้องมีทางแก้มากกว่านั้นสิ พรุ่งนี้พวกพี่ๆจะมาหาฉันที่ท่าน้ำอีกตอนเช้า ฉันจะลองถามพวกเขาใหม่ มันต้องมีหนทางที่ดีกว่านี้
     

    “เอาเป็นว่าผมจะไปกับคุณด้วย รอผมด้วยนะครับ”
     

    อื้อ เขารับปากก่อนที่จะเก็บมีดเอาไว้ เขาห้ามเด็ดขาดไม่ให้ผมหยิบมีดเล่มนั้น เขายังรักคริสอยู่ใช่ไหม ยังห่วงมันอยู่ใช่ไหม ถึงได้ห้ามผมยังนั้น ยิ่งคิดผมยิ่งแค้นใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ ผมเชื่อเขา ผมทำตามคำสั่งของเขา
     

    เช้าวันต่อมาผมไปที่ท่าน้ำกับเฉิน ผมเจอพี่น้องของเขาอีกหกคนแต่ละคนล้วนแต่มีใบหน้าที่โกรธขึงและโศกเศร้า
     

    คนนี้นะเหรอที่ช่วยน้อง สายเลือดแห่งภูติน้ำจริงสินะ
     

    ครับ ท่านพี่ลู่ห่าน
     

    นี้ก็เหลืออีกแค่สองวันแล้ว พี่ต้องตัดใจฆ่าเจ้าชายเอลฟ์คนนั้นได้แล้ว ไม่เช่นนั้นพี่จะต้องตาย หากพี่ตายนครบาดาลเราจะเป็นอย่างไง พี่ย่อมรู้ดี
     

    ทาโอ พี่ขอโทษแต่พี่ไม่อาจฆ่าเขาได้ ไม่ใช่พี่ว่ายังรักเขา แต่หากพี่ทำ ยอลจะเสียใจ ยอลเป็นเพื่อนพี่
     

    แต่ก็เป็นคนที่ทำร้ายหัวใจน้องเหมือนกัน
     

    ยอลไม่รู้เรื่องพวกนี้หรอกพี่แบค
     

    แล้วพี่จะทำอย่างไง พวกเราชาวนครบาดาล และท่านพ่อต้องการท่าน
     

    ดีโอ น้องเองก็มีพลังไม่ด้อยกว่าพี่ หากเป็นน้อง ทาโอและเซฮุนย่อมดูแลนครบาดาลได้เป็นอย่างดี พี่ลู่ห่านเองก็เป็นกำลังสำคัญ ขาดพี่ไปเสียคนไม่ก่อให้เกิดผลอะไรมากหรอก แค่อาจไร้สายฟ้ายามที่ลมพายุมาเท่านั้นเอง
     

    ไม่ขำนะครับพี่เฉิน
     

    พี่ก็ไม่ได้ล้อเล่น เซฮุน
     

    พี่จะไปเรียกพ่อมดไคซูร่ามา เขาน่าจะช่วยหาทางออกให้เราได้
     

    แล้วคราวนี้เราจะเอาอะไรไปแลกเปลี่ยนหละครับพี่เลย์ แค่ทุกคนยอมเสียน้ำตาเพื่อให้ได้มีดเล่มนั้นมา ผมก็รู้สึกเสียใจและโทษตนเองมากแล้ว
     

    มีใครเรียกหาพ่อหมอไม่ทราบ
     

    ท่านไคซูร่าทุกคนประสานเสียงเรียกคนที่อยู่ด้านหลังผม ผมหันหลังกลับไป ชายคนนี้ถักผมเปียแต่งตัวเหมือนชาวพวกยิปซีนักทำนายทั้งหลาย
     

    ท่านมาในรูปแบบนี้ได้อย่างไงคนที่ชื่อเซฮุนถาม
     

    ลืมแล้วหรือไงคนนี้คือใคร พ่อมดไคซูร่าเชียวนะ ข้ารู้ ข้าเห็น พลังข้ามีเยอะ
     

    นอกจากฆ่าเจ้าชายเอลฟ์แล้วยังมีทางอื่นอีกไหมที่จะทำให้น้องข้ากลับเป็นเงือก
     

    มีอยู่หนทางหนึ่ง นั่นก็คือ หาผู้ชายที่รักน้องของท่านจนหมดสุดหัวใจ แล้วให้เขาใช้มีดนั้นปลิดชีพมอบชีวิต จิตวิญญาณให้น้องท่าน หนึ่งชีวิตต่ออีกหนึ่งชีวิต หนึ่งจิตวิญญาณความรักต่อหนึ่งดวงจิตของผู้เป็นที่รัก
     

    ผมเอง ผมรักเฉินจนหมดหัวใจ ผมทำได้ เฉินเอามีดเล่มนั้นให้ผมผมที่ฟังพวกเขาพูดคุยมาตลอดเสนอตัวเองขึ้นมา ใช่ เพราะผมรักเฉินจนหมดหัวใจ หากผมสามารถตายแทนได้ ผมจะทำ
     

    อย่าทำ ซูโฮ เราไม่ให้ท่านทำ ท่านทำให้เรามากแล้ว หากท่านทำ เราจะแทงหัวใจตัวเราเอง ท่านพี่ น้องทั้งหลาย ซูโฮ ขอเราคุยกับท่านไคซูร่าเป็นการส่วนตัวจะได้ไหม
     

    ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากจะยอมให้เขาไปคุยกับพ่อมดไคซูร่า สักพักทั้งสองก็กลับเข้ามา มีดนั่นอยู่ในมือของไคซูร่า ผมโล่งใจอย่างน้อยเขาก็ไม่คิดฆ่าตัวเอง แต่เขาจะทำอย่างไร ผมไม่รู้เลย เราทั้งสองคนกล่าวลาเหล่าเงือกทั้งหก ก่อนที่จะกลับเข้าไปในปราสาท
     

    วันนี้เขาดูแปลกไป ผมดูออก เขาพยายามทำตัวให้ร่าเริง พยายามชวนผมไปเที่ยวเล่น และที่น่าแปลกใจที่สุด วันนี้เขาทำมื้อเย็นให้ผมทาน ตั้งแต่เขามาอยู่ที่นี้ เราก็ทานแต่ผัก เพราะเขาไม่ทานเนื้อสัตว์ใดๆและที่ปราสาทเราก็ไม่ทานสัตว์น้ำอยู่แล้ว มื้อเย็นมื้อนี้อร่อยมาก อร่อยที่สุดในชีวิตของผม
     

    แปลกใจจริงๆเพราะคืนนี้เขาขอนอนกับผม โอ้พระเจ้า ผมกลัวจะห้ามใจตัวเองไม่ได้จริงๆ ก่อนนอนเขาทำให้ผมแปลกใจอีกครั้ง เขาจูบผม จูบ จูบแรกของเราสองคน ก่อนที่เขาจะนอนกอดผมแล้วหลับไป
     

    ให้ตายเถอะ ให้ผมตายตอนนี้ก็ได้ ตายในอ้อมกอดของเขา ผมรักเขาเหลือเกิน รักมากจนไม่รู้จะพูดอย่างไง กว่าผมจะหลับได้ก็เกือบเข้าวันใหม่ได้สองชั่วโมงแล้ว กว่าผมจะตื่นก็เกือบเที่ยงวันของอีกวัน ผมตื่นมาไม่เห็นเขา ผมใจไม่ดีเลย ผมไม่เคยหลับนานอย่างนี้ ต่อให้ทำงานหนักจนโต้รุ่งแค่ไหนก็ไม่เคยตื่นสายอย่างนี้
     

    จริงสิวันนี้มันวันสุดท้ายของข้อกำหนดนั่น ผมรีบลงมาถามพ่อบ้าน เขาไปไหน และก็ยังเป็นคำตอบเดิม ท่าน้ำ เขาไปที่ท่าน้ำอีกแล้ว เมื่อผมลงไปที่นั้นกลับไม่เห็นใคร เขาอยู่ไหน เขาไปไหน ผมใจไม่ดีเลย สิ่งที่เต้นอยู่ในอกด้านซ้ายเต้นระรัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
     

    “มาแล้วหรือทายาทแห่งภูติ”
     

    “ใครนะ”
     

    “ทาโอ น้องชายแห่งเฉิน” อ้อเงือกตนนั้นเองที่เมื่อวานพูดให้เฉินฆ่าคริส
     

    “คุณมีเรื่องอะไร”
     

    “ท่านรักพี่ข้ามากแค่ไหน”
     

    “มากพอที่จะตายแทนเขาได้”
     

    “หากพี่ชายเจอท่านก่อนที่จะเจอเจ้าเอลฟ์คนนั้นคงจะดี คงไม่ต้องทุกข์ใจอย่างนี้ ท่านรู้ไหมน้ำตาของเงือกมีค่าเพียงใด”
     

    “ผมไม่รู้”
     

    “น้ำตาของเงือกนั้นมีค่ารองลงจากเสียงของเรา น้ำตาเงือกใช้รักษาบาดแผลได้ทุกชนิด เงือกบางตนที่พลังแกร่งแข็ง น้ำตาจะเป็นมุก มุกที่มีสีแดงระเรื่อแทรกอยู่บางๆ ยิ่งผู้ที่มีพลังมาก เสียใจมาก พวกเขามีวิธีที่ปลิดชีวิตตัวเอง ด้วยการ หลั่งไข่มุกรัตติกาล ไข่มุกสีดำสนิทที่หากจะมองให้ดี จะเห็นสีแดงระเรื่อคล้ายเลือดปนออกมา นั่นคือวิธีอันมีเกียรติของเรา เหล่าเงือกผู้อาภัพ”
     

    “คุณบอกผมทำไม หรือว่า เฉิน เฉินอยู่ไหน เฉินคงไม่ได้ทำมันหรอกใช่ไหม แต่เฉินจะทำได้ไง ตอนนี้เขาเป็นมนุษย์”
     

    “เจ้าเป็นเหมือนอย่างที่พี่ข้าบอกจริงๆ ฉลาด หัวไว ใช่พี่ข้ากำลังหลั่งมุกนั้นอยู่ ตอนนี้เท่านั้นที่พี่ข้าเป็นเงือกอีกครั้ง พี่ยื่นข้อเสนอสุดท้ายกับท่านไคซูร่า กลับเป็นเงือก ขอเสียง ด้วยการแลกเปลี่ยนขั้นสูงสุด พลังชีวิตของตัวเอง เพื่อสิ่งสุดท้าย ตายอย่างสมเกียรติ ข้ามาที่นี้เพื่อหยุดเจ้า หยุดไม่ให้เจ้าตามหา ตามไปที่บาดาล”
     

    “ม่ายยยยยยยยยยย ไม่จริง เฉิน อย่าทำ อย่าทำอย่างนั้น ฮึก ฮือออออย่า อย่าทำ อย่าร้องไห้ อย่าร้องไห้อีกเลย ฮึก ฆ่าผม ฆ่าผมเถอะ ฆ่าผมด้วยมีดเล่มนั้นด้วยมือคุณ ฮึก ผมจะอยู่ยังไง จะอยู่อย่างไงถ้าไม่มีคุณ”




     

    ผมได้แต่เรียกหาเขาจนเสียงแทบไม่มี พระอาทิตย์ตกเกือบลับขอบฟ้า ทาโอพาผมไปที่ชายหาดที่ผมไปเจอเขาเป็นครั้งแรกเมื่อยามเป็นมนุษย์ ผมเห็นเฉินอ่อนแรงเหลือเกิน เขาอยู่ที่นั่น ทำไมเขาถึงได้อ่อนแรงเช่นนี้ ทำไมน้ำตาของเขาถึงไม่หยุดไหลเสียที
     

    “เฉิน อย่าร้องไห้ อย่าร้อง อย่าร้องอีกเลย ผมขอร้อง มีด มีดอยู่ไหน ได้โปรดฆ่าผม ฆ่าผมด้วยมือของคุณ ฆ่าผมเถอะนะ”


                  “ซูโฮ อย่าตายตามฉันนะ นายต้องมีชีวิตอยู่ต่อ คอยดูแลเมืองนี้ คอยดูแลที่แห่งนี้ที่ๆมีความทรงจำของเรา อย่าลืมฉัน สัญญา สัญญาสิ สัญญาจะมองฉัน รักฉันเพียงแค่คนเดียว สัญญาได้ไหม”เสียงของเขาเบาจนแทบไม่ได้ยินแต่ทุกถ้อยคำกลับตอกย้ำในใจของผม เขากำลังจะตาย เขากำลังจะจากผมไป

     

    “สัญญา สัญญา ผมจะมองแค่คุณ จะรักคุณคนเดียว เฉิน อย่าไป อย่า หยุด หยุดร้องไห้เสียเถอะ หยุดร้องเถอะนะ น้ำตาของคุณ มันไม่สวยเลย”ผมเห็นน้ำตาของเขาที่ตอนนี้มันกลายเป็นหยดเลือดไปแล้วหยดลงบนหอยมุกอันหนึ่ง ยิ่งหยดน้ำตาหยดลงบนเปลือกหอย ตัวหอยนั้นยิ่งเปล่งแสง เขาร้องไห้มานานเท่าไหร่กัน ร้องไห้มามากเท่าไหร่ น้ำตาของเขาบีบหัวใจผมได้เสมอ
     

    “กะ เก็บมันเอาไว้ที่รักของฉัน ฉันจะอยู่กับนายตลอดไปตราบเท่าที่ลมหายใจนายยังอยู่ จุมพิตฉัน เป็นครั้งสุดท้ายได้ไหม” เขายื่นหอยมุกอันนั้นให้ผม ผมจูบเขาอย่างอ่อนโยน ด้วยความรักทั้งหมดที่มี ถ่ายทอดทุกความรู้สึก เมื่อผมผละออกมา เขาเริ่มร้องเพลง เสียงของเขาไพเราะเสมอ ผมเคยอยากฟังเสียงของเขาอีกครั้งแต่ตอนนี้ไม่อยากได้ยินแล้ว ไม่อยากฟังแล้ว ผมกอดเขาแน่นพร่ำบอกให้เขาหยุดร้อง หยุดร้องเพลง หยุดร้องไห้ ทันทีที่แสงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ใบหน้าของเขาสงบเหลือเกิน รอยยิ้มหวานประทับไว้ที่ใบหน้านั้น ร่างกายอุ่น แต่ไร้ซึ่งลมหายใจ ร่างของเขาค่อยๆสลายกลายเป็นฟองน้ำไปกับคลื่นที่ซัดเข้าอย่างรุนแรงราวกับกำลังร้องไห้กับการจากไปของผู้ควบคุมทะเลนี้
     

    “เฉิน!!” ผมร้องไห้ ตะโกนเรียกชื่อเขาอย่างบ้าคลั่ง เหล่าพี่น้องของเขาต่างร้องไห้กับการสูญเสีย ผมเปิดหอยมุกที่เฉินให้ผมออกมา ข้างในนั้นมีไข่มุกสีดำที่หากมองดีๆจะเห็นสีแดงเหมือนเลือดปนมาระเรื่ออย่างที่ทาโอเคยบอกผม มีภาพนครใต้บาดาล มีเพลงแห่งความทรงจำของเขาที่ร้องแล้วถ่ายทอดมันลงไปในไข่มุกนี้ เล่าถึงเหตุการณ์ต่างๆ ความทรงจำระหว่างเรา น้ำตาของผมหยดลงกระทบกับไข่มุกนั้นเม็ดแล้วเม็ดเล่าน่าแปลกที่มันกลับกลายเป็นไข่มุกเม็ดเล็กร้อยเรียงกันเป็นสายสร้อยต่อกับไข่มุกสีดำ ก่อนที่เหล่าพี่น้องของเฉินจะจากไป เขาได้เอาเปลือกหอยที่บันทึกเสียงของเฉินมาให้ผม บอกว่าเป็นสิ่งที่เขาต้องการบอกผมทุกอย่าง ให้ผมทำตามอย่างไม่มีข้อแม้

     

    ผมเปิดมันออกมาฟังหลังจากที่พวกเขาจากไปแล้ว
     

    “ซูโฮที่รักของฉัน ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเริ่มรักนายเมื่อไหร่ แต่ตอนนี้ฉันรักนายแล้วนะ รักนายมาก รักจนยอมให้นายมาตายแทนฉันไม่ได้ เมื่อนายได้ยินข้อความนี้ ฉันคงตายไปจากโลกนี้ไปแล้ว โปรดอย่าร้องไห้ โปรดทำความฝันของนายต่อไปให้ได้
     

    นายต้องมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อทำความฝันของนาย ความฝันของเรา เก็บไข่มุกจากฉันให้ดี นั้นคือตัวแทนของฉันที่จะอยู่กับนายตลอดไป ฉันทำตามสัญญาแล้วนะ ฉันจะอยู่กับนาย ตราบเท่าที่นายยังมีลมหายใจ เมื่อนายใกล้สิ้นใจขอให้ลูกของยอลช่วยส่งมันกลับสู่ท้องทะเลอีกครั้ง ทิ้งมันลงที่ทะเล พี่น้องของฉันจะตามหามันได้เสมอ
     

    หากลูกของยอลเป็นผู้หญิงโปรดให้เขาชื่อเอเวอรีน หากเป็นผู้ชายให้ชื่อเชน ตามคำสัญญาที่ฉันเคยให้กับยอลและคริสว่าจะตั้งชื่อให้ลูกคนแรกของเขา โปรดส่งคำอวยพรของอาคนนี้ให้เขาด้วย ขอให้เขาเป็นเด็กนี่เติบโตอย่างแข็งแรงได้รับความรักจากทุกๆคน เป็นที่รักของผู้ที่พบเห็น มีพลังมหาศาล ยามเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ขอให้เขารักษาความดี กตัญญูรู้คน ทำประโยชน์ให้แก่โลกนี้ ต่อไปเขาจะดูแลนาย
     

     อ้อพลังของนายนะมันพัฒนาได้นะ ฝึกมันด้วยนะที่รัก ในวันข้างหน้ามันจะช่วยนายได้มากโข อย่าลืม คำสัญญาของนาย รักฉัน มองแค่ฉันคนเดียว เจอกันคราวหน้าเราจะได้อยู่ด้วยกัน เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่ว่าจะเราสองคนจะเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันหรือไม่ เราจะรักกันตลอดกาล คู่ชีวิตนิจนิรันดร์ของฉัน ฉันรู้นะว่านายอยากได้เพลงที่ฉันแต่งและร้องให้มันกับนายคนเดียว อาจไม่เพราะ หรือยาวเท่าเพลงนั้น แต่เพลงที่ฉันบันทึกลงในมุกนั้นก็เป็นเพลงที่ฉันตั้งใจทำเพื่อนาย
     

    เริ่มในวันใดไม่เคยนึกฝัน แต่สิ่งในนั้นกำลังเกิดขึ้นมา ตั้งตาตั้งใจ สักวันคงได้ อยู่เคียงกายเธอ
     

    รักนายเสมอที่รักของฉัน
     

    เฉิน”
     

     

    เฉินตอนนี้ฉันทำมันอย่างแล้วนะที่นายบอกกับฉันนะ ฉันทำมันจนครบแล้ว ตอนนี้ลมหายใจฉันใกล้จะหมดแล้ว ที่รักรอฉันด้วย เจอกันคราวหน้าเราจะอยู่ด้วยกัน
     

    เหล่าทายาทแห่งมนุษย์ผู้มีสายเลือดเอลฟ์และเงือกเอยจงเก็บคำสั่งของบรรพบุรุษผู้นี้ด้วย เก็บไข่มุกสีดำให้ดี เมื่อไหร่ที่ข้ากลับมาอีกครั้ง โปรดให้เขาและมอบมันให้แก่นายหญิงผู้คู่ควร
     

    ซูโฮ”

     

    ซูโฮในวัยเกือบร้อยห้าสิบปีจบบันทึกตัวสุดท้ายคำสั่งเสียที่เขาจะทิ้งไว้ให้แก่ลูกหลาน
     

    “เอเวอรีน หลานจงนำจดหมายนี้เก็บไว้ให้ดี มอบมันให้แก่ทายาทลูกหลานของเจ้าและทาโอ เอาไข่มุกดำให้ทาโอไปเก็บไว้ที่นครบาดาลดั่งเดิม อาใกล้จะหมดลมหายใจเต็มที จะได้ไปเจออาหญิงของเจ้าแล้ว เฉินรออาอยู่”
     

    “ค่ะ หลานจะทำตามคำสั่งของคุณอาทุกอย่าง คุณอาไปดีเถอะนะค่ะ”
     

    “ลาก่อนหลานรัก”


     

    -วันรุ่งขึ้น-

     

    เอเวอรีนร้องไห้อย่างหนักซบใบหน้ากับไหล่ผู้เป็นสามีหลังจากที่อ่านจดหมายของผู้เป็นอา
     

    “เอเวอรีน ซูโฮนะเขามีความสุขแล้ว”
     

    “ทาโอค่ะ คุณอาทั้งสองจะได้เจอกันอีกครั้งใช่ไหมค่ะ อีกนานไหมค่ะ เมื่อถึงตอนนั้นคุณจะอยู่อยู่ใช่ไหมค่ะ”
     

    “ผมจะยังอยู่ อยู่เพื่อเห็นข้อสรุปแห่งความรักนิจนิรันดร์นี้”
     

    “โชคดีเหลือเกิน ที่ท่านไตตันรุ่นก่อน เห็นใจคุณอาเฉิน เราถึงได้รักและแต่งงานกันอย่างนี้”
     

    “ผมรักคุณที่รักของผม”
     

    “ฉันก็รักคุณนะค่ะ”
     

    “อย่าร้องไห้เลยที่รัก ไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่พันปีคุณก็จะอยู่ในใจของผมที่รัก Baby, don’t Cry
     

    ขอบคุณครับพี่ที่ทำให้พวกเราได้รักกัน


     

    - Ending -


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×