ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC GOT7: WE [INTERLINE]

    ลำดับตอนที่ #1 : Intro&Chapter I

    • อัปเดตล่าสุด 5 เม.ย. 58





    I thought I saw a man brought to life

    He was warm He came around

    And he was dignified

    He showed me what if was to cry

                 

                   กระเป๋าเดินทางสีแดงใหม่เอี่ยมพลิกไปมาบนพื้นซีเมนต์อย่างน่าสงสาร เสียงดังครืดคราดเกิดขึ้นเป็นพักๆเมื่อล้อกลมเกิดสะดุดเข้ากับก้อนกรวดใหญ่น้อยที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วทางเดิน แขนเรียวภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวใช้เพียงนิ้วชี้เกี่ยวลากเจ้ากระเป๋าเดินทางใบเขื่องอย่างไม่ใยดี ปั้ก ปั้ก ปั้ก เจ้าของใจร้ายผู้ซังกะตายลากมันขึ้นบันไดเตี้ยๆสามขั้นที่เป็นทางเข้าหน้าตึกสีขาว จังหวะการก้าวเท้าเนิบนาบหยุดลง เมื่อเจ้าของรองเท้าหนังขัดมันสีดำถูกคนเป็นมารดาสะกิดให้นั่งบริเวณโซฟาชุดเก่าๆ สีหน้าบูดบึ้งของเจ้าของกระเป๋าเดินทางสีแดงทำเอาคนเป็นแม่อดเตือนไม่ได้



     “แบมแบม ทำหน้าให้มันดีๆหน่อยสิ”


    “กลับเหอะม้า” เจ้าของชื่อแบมแบมไม่ว่าเปล่า กระเป๋าเดินทางใบเขื่องกำลังจะถูกหิ้วด้วยฝีมือเด็กหนุ่มหากแต่คนเป็นแม่กลับดันไหล่ลูกชายให้นั่งลงชิดเบาะโซฟา สองมือควานหาซองเอกสารสีน้ำตาลในกระเป๋าสะพายข้างตัว ยื่นให้คนเป็นลูกพลางผินหน้าไปยังเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์


    “เอาไปยื่นซะ”


    “...หม่าม้า”


    “ไม่ดื้อนะแบม เราคุยกันแล้ว หนึ่งปีนี้แบมจะเอาแต่อยู่บ้านเฉยๆไม่ได้ ในเมื่อสอบติดที่นี่ก็เรียนที่นี่ไปก่อน ไม่แน่อยู่ไปอยู่มาเราอาจจะชอบก็ได้ เราต้องรู้จักเปิดใจนะแบม เพราะฉะนั้น...เอาไปยื่นซะ”


    "ฝันเหอะม้า แบมจะเริ่มนับถอยหลังรอวันจบปีหนึ่งตั้งแต่วินาทีนี้เลย เฮอะ"


    ถึงแบมแบมจะไม่พอใจหากแต่เด็กหนุ่มก็ยอมลุกขึ้นตามที่หม่าม้าสั่งอยู่ดี ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่าสองขามันหนักอึ้งขนาดนี้ ระยะทางจากชุดโซฟาเก่าๆ ขาดๆ ไม่ได้อยู่ไกลเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ที่มีผู้หญิงผมสั้นสีดอกเลานั่งอยู่เลยสักนิด


    ซองเอกสารถูกวางบนเคาท์เตอร์ไม้เก่าๆอย่างไร้แรง นัยน์ตาคมของคุณป้าที่แบมแบมเพิ่งตระหนักได้ว่าน่าจะเป็นคนดูแลหอตวัดมองหน้าเด็กหนุ่มนิ่ง ไม่มีวี่แววของความเอ็นดูหรือยินดีเลยสักนิด นิ้วโป้งและชี้หนีบกระดาษไม่กี่แผ่นในนั้นขึ้นมา กวาดสายตามอง ก่อนที่ริมฝีปากสีซีดจะเอื้อนประโยคที่ทำให้คิ้วทั้งสองของแบมแบมขมวดจนแทบผูกได้เป็นโบว์


    “เอกสารไม่ครบ”


    “ครับ?” ไม่ครบได้ยังไงในเมื่อเขาว่าเขาอ่านระเบียบการอย่างชัดเจนแล้วนะว่าหอในมหาวิทยาลัยต้องเตรียมเอกสารอะไรมาบ้าง


    “สำเนาบัตรประชาชนของเธออยู่ไหน”


    "อ่า...สักครู่นะครับ" แบมแบมค้อมหัวน้อยๆเป็นเชิงขอโทษ กวาดเอาเอกสารบนเคาท์เตอร์มาถือไว้ก่อนเดินไปหาผู้เป็นแม่ที่นั่งรออยู่ที่โซฟา


    "ม้า สำเนาบัตรประชาชนอยู่ไหนอะ"


    "อ้าว ม้าเตือนแล้วใช่ไหมว่าให้ดูให้ครบ แล้วไปหลงอยู่ที่ไหนล่ะเนี่ย" ว่าพลางเปิดกระเป๋าสะพายของตัวเองสำรวจ ส่วนแบมแบมทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวข้างๆ ถอนหายใจหนักหน่วงด้วยความเบื่อหน่าย


    "สงสัยมหา'ลัยจะรู้ว่าแบมไม่อยากอยู่ มีปัญหาตั้งแต่วันแรกเลย" แบมแบมบ่นงุ้งงิ้ง ปลดกระเป๋าเป้ใบเล็กออกมา หวังจะช่วยแม่หาอีกแรง


    "ม้า เจอแล้วๆ อยู่ในเป้"


    "สะเพร่าจริงๆเลยแบมแบม ม้าชักจะห่วงเราแล้วนะ"


    "ใช่ไหมล่ะม้า เปลี่ยนใจกลับบ้านยังทันน้า" แบมแบมยิ้มหวานทำตาปริบๆใส่แต่ก็ไม่เป็นผล หม่าม้าตีหน้าผากแบมแบมเบาๆก่อนส่ายหน้าเอือมระอา


    "ไม่ต้องมาอ้อนม้า หาเจอแล้วก็เอาไปให้เขา เสียเวลาหมดแล้วเห็นไหม กว่าจะได้เข้าห้องจัดของเสร็จเดี๋ยวก็ค่ำพอดี"


    “คร้าบ ครับ” เด็กหนุ่มยู่หน้าใส่หม่าม้า ก่อนสองขาจะก้าวเอื่อยไปยังเคาท์เตอร์เก่าๆที่มีคุณป้าแก่ๆคนเดิมนั่งอยู่


    แบมแบมยื่นเอกสารให้คุณป้าผู้ดูแลหอครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว และตอนนี้เขากำลังเซ็นชื่อเข้าหออยู่ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใช่คนแรกที่มาถึง และคิดว่าน่าจะเป็นคนสุดท้ายอีกต่างหากเมื่อช่องทั้งสี่ถูกเติมเต็มไปแล้วสามช่อง เหลือก็เพียงตัวเขานี่เอง

    รัฐศาสตร์

    มนุษยศาสตร์

    นิติศาสตร์

    และแบมแบมจรดปลายปากกาค่อยๆเขียนชื่อคณะของตัวเองลงในช่องว่างช่องสุดท้าย

    เภสัชศาสตร์

    แต่เอ่อเดี๋ยวนะ เหมือนเมื่อกี้แบมแบมจะได้ยินอะไรแว้บๆ

    'ห้อง 5401 นะคะ' เสียงหวานที่ต่างจากคุณป้าข้างหน้าของเขาโดยสิ้นเชิงที่ดังขึ้นเมื่อครู่ทำเอาแบมแบมขมวดคิ้วมุ่น ลากสายตาไปยังหัวกระดาษในมือก่อนจะพบว่า 5401 นี่มันห้องของเขานี่นา


    ใบหน้าหวานหันขวับไปยังเคาท์เตอร์ล็อคข้างๆด้วยอยากเห็นเพื่อนร่วมห้องของตัวเอง แต่ก็ต้องถอนหายใจออกมาเป็นครั้งที่ร้อยของวัน เมื่อเขาเห็นเพียงหลังไวๆของผู้ชายในเครื่องแบบนักศึกษาใหม่เอี่ยมเดินเลี้ยวขึ้นบันไดไปแล้ว


    เอาเถอะเดี๋ยวก็ได้เจอกันอยู่ดี

     




     

     

    5401 ครับ”

    “เซ็นตรงนี้ได้เลยจ้ะ”


    แบมแบมรับปากกาจากพี่สาวคนสวย เซ็นชื่อตนเองอีกครั้งในสมุดรับกุญแจ นัยน์ตาใสเลื่อนสายตาจากชื่อของตนเองที่เซ็นเสร็จแล้วไปยังบรรทัดบน  อย่างน้อยไม่เห็นหน้า รู้ชื่อกันไว้หน่อยก็ไม่เสียหายนี่นา

     

     

               

    5401มาร์ค ต้วน

     

     

    .

    .

    .

    นายสินะหนึ่งในรูมเมทของฉัน

     

     

     







     

     


     

    แบมแบมไม่ได้คิดไปเองนะ แต่เขารู้สึกว่าบรรยากาศในห้องตอนนี้มันช่างน่าอึดอัดเสียจริง อันที่จริงไอ้ความอึดอัดมันก็เริ่มจะมาทักทายตั้งแต่ตอนที่อีกฝ่ายโผล่ออกมาจากระเบียงแล้วใช้สายตากล่าวโทษเป็นนัยๆว่า นายแย่งเตียงฉันแล้วนั่นแหละแทนที่จะบอกกันดีๆตั้งแต่แรก จะปล่อยให้เขานั่งจัดของจนเสร็จแล้วค่อยเปิดปากพูดทำไมล่ะวะ!!!

     

    ย้อนไปสองชั่วโมงก่อน

    “แบมแบม ทำหน้าให้มันดีๆหน่อยสิ ทำหน้าบูดอย่างนี้ เดี๋ยวเพื่อนร่วมห้องเห็นเขาจะคิดว่ามนุษยสัมพันธ์เราไม่ดีเอาได้นะ” หม่าม้าไม่ว่าเปล่าใช่มือซ้ายดึงแก้มนุ่มของแบมแบมจนยืด ไอ้การกระทำอย่างนี้ยิ่งทำให้เด็กหนุ่มหัวเสียยิ่งกว่าเดิม เขาไม่คิดจะสนใจคำพูดของมารดาเลยสักนิด ใบหน้าบูดบึ้งที่กำลังบึ้งบูดยิ่งกว่าเดิมจ้องลูกบิดประตูตรงหน้าเขม็ง ริมฝีปากอิ่มสีแดงพรูลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะกลั้นใจเปิดประตูเข้าไป



    ห้องสีเหลี่ยมผืนผ้าขนาดพออยู่ได้สี่คนปรากฏแก่สายตา ผนังห้องถูกฉาบไว้ด้วยสีขาวที่บางจุดก็เริ่มลอกเป็นแผ่นๆตามกาลเวลา เตียงเดี่ยวสี่หลังถูกแบ่งไว้เป็นฝั่งละสองแบบหันปลายเท้าชนกัน แต่ละหลังถูกขนาบข้างด้วยตู้และโต๊ะเขียนหนังสือขนาดเล็กๆที่ทางหอจัดไว้ให้นักศึกษา แบมแบมกวาดสายตาสำรวจไปทั่วห้องแต่กลับไม่พบวี่แววของสิ่งมีชีวิตใดในห้องเลยแม้แต่น้อยก็ดีเหมือนกัน อารมณ์เขาตอนนี้ไม่พร้อมจะผูกมิตรกับใครหรอกนะ


    “มันว่างสองเตียงอะม้า เอาเตียงไหนดี”


    “ไหนเราบอกว่าเขามากันครบแล้วไง เตียงมันจะเหลือได้ไงแบม ไปดูดีๆซิ”


    “ก็ไม่มีของวางไว้จะรู้ได้ไงว่าเลือกรึยัง คนให้ถามก็ไม่มี แบมเหนื่อยแล้วด้วย อยากรีบจัดของแล้ว จะได้พักสักที”


    “ไอ้ลูกคนนี้นี่ ดื้อจริงๆ ตามใจแล้วกัน” หม่าม้าพูดจบก็เดินไปนั่งเช็คแทปเลตบนเตียงที่ว่างอีกเตียง ไม่สนใจเด็กดื้ออีกต่อไป


    แบมแบมมองสองเตียงแรกที่ถูกจับจองโดยกระเป๋าสัมภาระ ก่อนจะสำรวจเตียงว่างอีกสองเตียง หันหัวไปทางทิศตะวันตกมันไม่ดี เอาเตียงนี้นี่แหละวะ

     

     

     

    “เสร็จสักที” แบมแบมปาดเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นตามไรผมออกจากหน้าผาก นัยน์ตาใสจ้องมองอดีตเตียงโล่งๆสีขาวที่ตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นผ้าปูที่นอนลายจุดสีน้ำตาล ฟากหนึ่งของโต๊ะเขียนหนังสือข้างเตียงเต็มไปด้วยตำราเรียนตามหลักสูตรเภสัชศาสตร์ของมหาวิทยาลัย ส่วนอีกฟากคือตำราติวข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยสำหรับเด็กเกรดสิบสอง ใช่ แบมแบมยังต้องอ่านหนังสือสำหรับเด็กเกรดสิบสองเพราะปีหน้าเขายังหวังที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีกครั้ง แบมแบมไม่อยากเรียนที่นี้ ไม่เคยพอใจหากต้องเรียนคณะนี้ ความตั้งใจของเด็กหนุ่มคือคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยโซล ไม่ใช่คณะเภสัชศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยต่างจังหวัดอย่างที่เรียนอยู่ ใช่ ปีนี้เขาสอบไม่ติด เขาสอบเข้ามหาลัยวิทยาลัยตามที่หวังไม่ได้ แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีโอกาส


    หม่าม้าให้โอกาสแบมแบมซิ่ว แต่หม่าม้าไม่ให้แบมแบมอยู่เฉยๆที่บ้านแน่ ไม่ว่ายังไงแบมก็ต้องมาเรียนที่นี่ เพราะแบมสอบติดที่นี่ มันคือโชคชะตาของแบม


    นั่นคือสิ่งที่หม่าม้าพูด และเป็นสิ่งที่แบมแบมต้องทำตามอย่างขัดไม่ได้ เอาตรงๆแบมแบมก็รู้แหละว่าหม่าม้าคงอายถ้าเพื่อนถามว่าลูกชายเรียนที่ไหนแล้วหม่าม้าไม่มีอะไรจะไปตอบเขาอะนะ แบมแบมยอมทนๆเรียนไปก็ได้ ถ้าเผื่อหม่าม้าจะสบายใจ แบมแบมผินหน้าไปยังโคมไฟที่เต็มไปด้วยโพสอิทสีต่างๆ เนื้อความในโพสอิทนั้นล้วนแต่เป็นข้อความให้กำลังใจในเวลาที่แบมแบมอ่านหนังสือแล้วท้อเสมอ

    .

    .

    DON’T GIVE UP…JUST LIGHT IT UP

    ใช่ อย่าเพิ่งยอมแพ้สิแบมแบม


    เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขา บางทีความกังวลและความผิดหวังก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ บางครั้งเราคิดว่ามันโอเค แต่ในบางครามันก็ตีตื้นขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัว


    “จัดของเสร็จแล้วหรอแบม” แบมแบมหันไปมองหน้าหม่าม้าที่กำลังเดินเข้ามาหา มือข้างหนึ่งของหม่าม้าทาบทับบริเวณแก้มของเขาในขณะที่มืออีกข้างลูบศีรษะแบมแบมอย่างแผ่วเบา นัยน์ตาฉายแววใจดีของหม่าม้าสบเข้ากับนัยน์ตาสิ้นหวังของลูกชาย ริมฝีปากอิ่มของคนเป็นแม่แย้มรอยยิ้มน้อยๆ ก่อนที่เสียงนุ่มแสนอบอุ่นจะก้องกันวานอยู่ในหูของแบมแบม


    “สู้ๆนะ” แค่เพียงประโยคสั้นๆของหม่าม้า รอยยิ้มแรกของวันก็ผุดขึ้นจากริมฝีปากของแบมแบมได้สักที ครับ หม่าม้า

     

     

     

     

    แกร่ก!!

     

    เสียงเปิดประตูดังขึ้นเป็นเหตุให้แบมแบมผละตัวออกจากหม่าม้า นัยน์ตาใสมองไปยังประตูห้อง เด็กหนุ่มเห็นหญิงสาวอายุราวสามสิบกำลังหอบหิ้วข้าวของเต็มสองมือ


    “จัดของเสร็จแล้วหรอ” ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีแดงไม่ได้ไม่ได้พูดกับเขา หากแต่เป็นใครบางคนที่เพิ่งโผล่ออกมาจากระเบียงห้อง


    “ยังอะพี่” นัยน์ตาคมของเจ้าของเสียงทุ้มมองมาที่แบมแบมชั่วครู่ แล้วหันไปมองเตียงนุ่มน่านอนที่เขาเพิ่งจัดเสร็จ


    “อ้าว สรุปนอนเตียงนั้” เจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลเข้มเลิกคิ้วถามงงๆ แต่ยังไม่ทันจบประโยค ไอ้มนุษย์หน้าระเบียงก็ขัดขึ้นมาก่อน


    “เปล่า” ....ห้วนชะมัด


    “ในห้องมันร้อนเลยออกไปฟังเพลงที่ระเบียง พอจะกลับมาจัดของก็...” มนุษย์หน้าระเบียงเลื่อนสายตาคมกริบมามองเตียงที่ถูกคลุมด้วยผ้าปูที่นอนลายจุดสีน้ำตาลของแบมแบมอีกครั้ง


    “นั่นแหละ...ขี้เกียจจะพูดมาก เลยปล่อยเลยตามเลย” ก่อนหันไปพยักเพยิดหน้าให้กับหญิงสาวผู้มาใหม่ที่ยืนอยู่หน้าประตูห้อง


    แบมแบมเห็นบรรยากาศในห้องกำลังถูกฉาบไปด้วยหมอกของความมาคุจึงหันไปบอกผู้เป็นแม่ให้กลับก่อนพร้อมเดินไปส่งที่หน้าประตูห้องเสร็จสรรพ


    “แบมอย่าไปมีเรื่องกับเขานะลูก” หม่าม้ากระซิบเบาๆ ลูบหัวแบมแบมหนึ่งทีแล้วเดินลงบันไดไป


    เห้อ... เด็กหนุ่มถอนหายใจครั้งที่หนึ่งพันของวันนี้ แบมแบมหมุนตัวช้าๆไปเผชิญหน้ากับผู้ก่อหมอกควันมาคุที่ตอนนี้กำลังเดินมาหยุดอยู่ระหว่างเตียงลายจุดของแบมแบมกับอีกเตียงหนึ่งที่มีเจ้าของจองเอาไว้เรียบร้อยแล้ว


    ตานั่นก้มๆเงยๆหอบข้าวของที่วางอยู่บนพื้นข้างเตียงแล้วริมฝีปากเรียวสีสดบนใบหน้าเรียบเฉยก็ขยับขึ้นลงแบบไม่ค่อยเต็มใจเท่าไรนัก


    “เดี๋ยวฉันนอนเตียงนั้นก็ได้” พูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่แสนจะไร้อารมณ์ก่อนเดินไปสุมของทั้งหมดไว้บนเตียงหลังสุดท้ายที่ยังไม่มีใครจับจอง ภายในเวลาไม่ถึงสิบวินาที คุณมนุษย์หน้านิ่งนั่นก็เดินออกไปพร้อมหญิงสาวอีกคนที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่เงียบๆ ไม่วายกระแทกประตูปิดดังปั้งส่งท้ายแทนคำร่ำลา


    และนี้ก็คือต้นเหตุของความอึดอัดทั้งหมดทั้งมวลที่ลอยวนเวียนอยู่ในห้องหมายเลข 5401 ห้องนี้ ถึงแม้ว่าไอ้คนทิ้งระเบิดจะเดินออกไปแล้วไม่กลับมาอีกเลยก็เถอะ


    ก็เล่นวางของไว้ที่พื้นระหว่างเตียงสองเตียง เขาก็นึกว่าเป็นของของเจ้าของเตียงข้างๆน่ะสิ นี่จะมาหาว่าเขาผิดฝ่ายเดียวก็ไม่ถูกนะไอ้มนุษย์นิ่ง!


    แบมแบมพ่นกลุ่มลมหายใจก้อนที่ 1,001 ของวันออกมาแรงๆ


    หึ...ดี ดีจริงๆ


    ชีวิต 365 วันของแบมแบมในที่แห่งนี้มันต้องมีความสุขล้นจนกระอักเลือดตายแน่ๆ แบมแบมคนนี้เอาหัวเป็นประกันเลย!


    บ้าเอ๊ย...










     : มาลงไว้ก่อนนะคะ มีแค่โครงจริงๆเรื่องนี้ ถ้ามีคนอ่านก็คงได้แต่งกันต่อเนอะ ;--) by MYWE




     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×