ตอนที่ 3 : รดน้ำครั้งที่ 2 ไม่เจ็บอย่างฉันใครจะเข้าใจ
รดน้ำครั้งที่ 2
ไม่เจ็บอย่างฉันใครจะเข้าใจ คนบ้าน่ากลัวเท่าไร
///
“เราปลูกผักของเราอย่างดีเลยนะ พรวนดินรอเวลากว่าทุกอย่างจะพร้อม หาเมล็ดมาแถมกะพื้นที่เผื่อว่ากว่าน้องเราโตแต่ละต้นจะต้องเว้นระยะห่างเท่าไหน หมั่นไปรดน้ำบ่อยๆไหนจะคอยระวังเรื่องแมลงเลี้ยงดูเหมือนลูกเลย”
“……”
“แต่แล้ววันหนึ่งเธอกลับมาเด็ดคะน้าที่เราหวงแหนไปผัดน้ำมันหอยโดยไม่ขอก่อนเธอเป็นเหี้ยไรอะ?”
“คะ...คือแบบว่าเพื่อนเราไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ”
ช่างเป็นคำแก้ตัวแสนคลาสสิกมากไอ้ประเภทรู้เท่าไม่ถึงการณ์เนี่ย!
“ขโมยผักเราไปตั้งกี่ครั้ง ทำแหว่งไปกี่หนมาวันนี้บอกไม่ตั้งใจ เฮงซวยเอ้ย”
“เธอใจเย็นก่อนนะ” คนชื่อจอห์นพยายามยกมือโบกบนอากาศไปมาเช่นเดียวกับไม้ที่ได้แต่กะพริบตาปริบๆ
“เราว่าเรื่องนี้มันสามารถไกล่เกลี่ยกันได้”
“อย่ามาแทนตัวเราว่าเธอ” ผมสวนกลับ
“ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นอะ”
“ทีตัวเองยังทำได้เลยน...”
“เราทำได้แต่เธอห้ามทำ จะบอกให้ว่าพวกสมรู้ร่วมคิดไม่มีสิทธ์เถียงหรอกนะ”
ผมไม่ได้ตั้งใจจะโมโหใส่คนนอกแต่ว่าก็อดไม่ได้จริงๆนั่นแหละ อารมณ์พาไปล้วนๆเพราะยิ่งมองหน้าพวกสมรู้ร่วมคิดใจดวงน้อยของคนเป็นพ่อก็ปวดร้าวไปทั่วทั้งทรวง มันสั่นไหวราวกับใครมากวนน้ำให้ขุ่นอีกครั้ง ลืมแม้กระทั่งคำที่ใช้เรียกแทนตัวเองจะหันหลังกลับมาใช้ผมแบบทางการและห่างเหินทีหลังก็ไม่ทันแล้วเลยต้องปล่อยเลยตามเลยไปก่อน
“ต่อจากนี้หวังว่าจะไม่เจอคนชื่อบอมมายุ่มย่ามกับแปลงผักของเราอีกโอเคไหม?”
ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อข่มความรู้สึกอยากจะกระโจนไปกระชากคอเสื้อเหล่าคนตรงหน้า คือใจน่ะพร้อมบวกมากเลยนะแต่ว่าตอนนี้ไอ้เรามันหัวเดียวกระเทียมลีบจะไปซ่ามากก็ไม่ได้เพราะนี่มันถิ่นเขา ถ้ามีเอกกับเฉินมาด้วยยังพอสูสีแต่นี่ตัวรึก็เท่าลูกหมาเสี่ยงเหลือเกินต่อการโดนฆ่าแล้วถ่วงน้ำมากยิ่งใกล้ๆบ่ออยู่ด้วย
“เอ่อ...คือว่า”
“พ่อเราเป็นมาเฟียแถวเยาวราช แม่เราเป็นลูกสาวอดีตนายกเก่า ถ้ามายุ่งกับน้องๆของเราอีกอย่าหาว่าเราไม่เตือน”
เยาวราชมีบ่อนหรือเจ้าถิ่นไหมไม่รู้แต่ว่าของกินที่นั่นอร่อยมาก ผมที่คิดเรื่องอ้างไม่ทันหลุดโค้ดสถานที่แถวนั้นมาเพราะตัวเองเพิ่งไปทานข้าวกับครอบครัวเมื่อไม่นานมานี้ ส่วนเรื่องที่แม่เป็นลูกสาวอดีตนายกอันนี้ก็ไม่ได้โกหกนะเออ อากงผมเคยเป็นจับกังจริงๆแบกหามหนักมากกว่าจะตั้งตัวได้และอยู่สุขสบายในบั้นปลายชีวิต
“อ่าแล้วก็”
“ก็อะไรครับ...?”
“ฝากแสดงความเสียใจถึงหัวขโมยด้วยนะ” ผมพูดขึ้นด้วยใบหน้านิ่งๆ
ตุลยากรเข้าใจดีว่าความสูญเสียมันเป็นอย่างไร
เข้าใจเพราะพวกมึงอะไอ้แก๊งปลาช่อนเอ้ย!
“สักวันก็จะดีขึ้นเอง คราวนี้เราจะให้อภัยเพราะเห็นเขากำลังเศร้าใจ แต่ถ้ามีครั้งหน้าอีกเราจะเจื๋อนไอ้นั่นของเพื่อนพวกเธอเอาไปทำปุ๋ย”
“……”
“ส่วนนายคนนั้นที่นั่งเงียบมาตลอดดูมีสติที่สุดเราฝากคุมสติเพื่อนๆด้วย แวะมาแค่นี้แหละ หวังว่าจะไม่เจอกันอีกนะ”
อีกฝ่ายทำเพียงแค่พยักหน้ารับ ไม่พูดไม่หือไม่อือเหมือนเดิม ผมมองภาพนั้นก่อนจะหมุนตัวกลับไปยังทางที่เคยมาเพราะอยู่ต่างถิ่นนานไม่ดี ไม่เจนเส้นทางและอย่างที่รู้กันว่าตีนสามคู่นั้นมีจำนวนมากกว่าคู่หนึ่ง แต่ทั้งนี้นายตุลยากรไม่ได้ปอดแหกหรอกนะ ก็แค่ระมัดระวังตัวเองเป็นอย่างดีเท่านั้นเอง
ทว่ายังไม่ทันจะก้าวได้ครบเจ็ดแบบเจ้าชายสิทธัตถะผมก็รู้สึกว่าจมูกตัวเองไปบดเข้ากับอะไรสักอย่างจนบี้เอนซ้ายไปหลายองศา แถมปากย้อยๆของตัวเองก็กระทบกับไหล่ของใครสักคนหลังจากมัวแต่พะวงเรื่องตีนหลายคู่จนไม่ทันระวังจนเดินชนเข้าดังปึก ผมได้แต่ยกมือคลำหนึ่งในอวัยวะที่สำคัญที่สุดเพราะต้องใช้ไว้กินข้าวป้อยๆขณะคิดว่าน้ำลายของตนมันเลอะเปรอะเสื้อของอีกฝ่ายหรือเปล่า ก่อนจะเบิกตากว้างราวกับเจอคริสเฮมส์เวิร์ธเมื่อพิจารณาใบหน้าของผู้ต้องหาชัดๆ
กายสูงในชุดนักศึกษาดูธรรมดาแต่ถูกคลุมทับด้วยเสื้อกันหนาวสีดำสนิท ดวงตารีเรียวจับจองมายังผมที่กำลังมองเจ้าตัวอยู่ก่อนแล้ว ที่หลังของร่างนั้นมีเป้ และภายในเป้มีใบคะน้าแพลมออกมานิดหน่อย เพียงเท่านั้น...แค่นั้นจริงๆเพราะหลังจากเห็นอารมณ์ที่เริ่มคงที่และใกล้สงบก็ประทุขึ้นอีกครั้งราวกับโกโก้ครั้นที่ไหลท่วมทุ่งข้าวสาลี
“ชื่อบอมใช่ไหม?”
“ใช่ครับๆ มันนี่แหละ”
บอม...คือเพื่อนเขารักมึงมากเลยนะเอาจริงๆ
“เอ่อ...ไอ้บอมนี่ไงน้องแปลงท้ายสวนของมึงอะ คือน้องโกรธมากที่มึงเด็ดคะน้าเขาไปแดก จะเอาเรื่องด้วยนะได้ข่าว เขาจะแจ้งความ แล้วถ้าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ให้ความเป็นธรรมกับเขาไม่ได้ก็จะให้พ่อที่เป็นมาเฟียเยาวราชมาสั่งเก็บมึง ทีนี้เรื่องใหญ่แน่ ถูกตัดออกจากกองมรดกไม่พอยังตายอย่างหมาไร้ดินกลบหน้าอีก”
พูดเรื่องเหี้ยอะไรกันเนี่ย?
เสียงที่แทรกขึ้นมาทำให้ผมเริ่มคิดว่าคนชื่อไม้น่าจะอาการหนักสุด อีกฝ่ายต้องได้รับการบำบัดอย่างถูกต้องและพักการเรียนไปสักเทอมแหละจริงๆ
“ขอโทษจริงๆนะ”
แต่บทจะง่ายก็ง่ายแบบนี้เลยเหรอ?
“พอดีเงินเดือนยังไม่ออกน่ะ” คนที่ชื่อบอมยกมือขึ้นเกาแก้มเบาๆ
“จะทำแบบนี้อีกแค่ครั้งเดียวแหละเพราะแม่หายโกรธแล้ว เข้าใจแล้วด้วยว่าความสูญเสียมันเป็นยังไง แต่ขออีกแค่มื้อเดียวจริงๆตอนนี้เงินเหลือติดตัวแค่สิบห้าบาทเอง แถมยังต้องไปขอพริกขี้หนูลุงยามที่ตึกมาอีก”
“……”
ใบหน้านั้นดูเศร้าเกินกว่าจะใจร้ายตีความว่าอีกฝ่ายกำลังแสดงละคร ยิ่งเสียงนกเสียงกาข้างหลังที่ดังขึ้นร่ายชีวิตรักแสนรันทดของอีกฝ่ายที่วันนี้ใส่ชุดดำไว้อาลัยปลาทองที่รักผู้จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับก็ยิ่งทำให้ผมอยากจะยืมเท้าเพื่อนสนิทอย่างป้องกับเอกมาเกาหัวทั้งซ้ายและขวา ก็คือรู้สึกผิดแหละ เข้าใจด้วยนะว่าการสูญเสียมันเป็นยังไงแต่ก็ขอเด็ดอีกหนอย่างงี้เหรอ?
มันได้จริงๆเหรอวะบอม!?
“เอางี้ จะปลูกคะน้ารอบใหม่วันไหน?”
“ถามทำไม?” ผมเผลอพูดออกไปห้วนๆด้วยน้ำเสียงที่โคตรจะหาเรื่องขณะมองอีกฝ่ายอย่างหวาดระแวง
“จะมาเด็ดอีกเหรอ ไม่เอานะ เราด่าเลยนะ”
“เปล่าๆ แค่จะไปช่วยปลูก”
“ช่วยทำไม ทำเองได้”
“ก็ไถ่โทษไง” คนตรงหน้าพูดเสียงอ้อมแอ้ม
“จะซื้อเมล็ดมาให้ จะช่วยทำตั้งแต่ขุดดินเลย”
“ไม่ต้องอะ เอาเวลาไปตั้งใจเรียนเถอะ ถูกตัดออกจากกองมรดกอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นคนตรงหน้ายิ้มออกมากับคำพูดเขา ทำไมวะ? มันไม่น่ากลัวเลยเหรอ นี่กดเสียงสุดแล้วนะจะบอกให้ พยายามใช้เสียงทุ้มต่ำแบบที่ป้องเคยสอน วางอำนาจประหนึ่งเตรียมพร้อมที่จะสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าแก๊งวองโกเล่แล้วทำไมถึงยังยิ้มอยู่ได้
“พี่ชื่อบอมเบย์ อยู่ปีสี่การจัดการประมง นายล่ะ?”
เสียงนั้นพูดแนะนำตัวเอ่ยถามราวกับไม่ได้สนใจในสิ่งที่ผมเอ่ยเมื่อครู่ และไม่รู้ว่าทำไมถึงได้มั่นใจนักกับการแทนตัวเองว่าพี่แต่กรณีนี้ผมจะตีความหมายไปว่าอีกฝ่ายชมว่าหน้าเด็กก็แล้วกัน ซึ่งพอถูกอวยเบาๆว่าหน้าเด็กก็เหมือนว่าความโกรธจะลดลงไปนิดหน่อย แต่แค่นิดเดียวจริงๆแหละ และที่สำคัญนะ...
“ไม่บอก”
เออสิ จะบอกให้โง่เหรอ?
เกิดมันตามตัวถูกดักตีหัวแตกสติฟั่นเฟือนขึ้นมานี่หมดอนาคตเลยนะ
“ตามมารยาทต้องบอกกลับนะ”
“เรามีมารยาทแต่เราจะไม่บอก”
อีกแล้ว ยิ้มแบบนี้อีกแล้ว...
ไอ้รอยยิ้มแบบพี่โปรดพี่ชายผมนี่มันอะไร มาเอ็นดูอะไรก่อนเอางี้นะ มีสิทธ์เหรอ? ในฐานะโจรเนี่ยถามก่อนเลยว่ามีสิทธิ์อะไรมายิ้มทั้งที่ด้านหลังยังแบกศพน้องๆคะน้าอยู่ คนอะไรหน้าด้านเกินใจจะทนไหว
“ปกติแทนตัวเองว่าเราตลอดเลยเหรอ?”
“จู้จี้”
ผมเผลอขมวดคิ้วขณะเหลือบมองไปยังไม้ที่หยิบยำขึ้นมาตักกินขณะยืนชมเหตุการณ์สะเทือนขวัญไปด้วย จุดนี้ยิ่งคุยก็ยิ่งหิวบอกตรงๆเลยนะ ผมอยากกลับหอไปหาอะไรกินให้เร็วที่สุด เรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ได้รับการสะสางแล้วและนายตุลยากรจะปล่อยไปไม่เอาความถ้าหากว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายแบบที่ผู้ชายชื่อบอมบอกจริงๆ
ทว่าเสียงพูดของเพื่อนทั้งสองของอีกฝ่ายกลับดังขึ้นและสาธยายร่ายยาวราวกับนี่คือช่วงเวลาวงเวียนชีวิตของชายผู้เสียปลาไปเพราะน้องไม่หายใจ สาเหตุการณ์การตายที่สันนิษฐานคือเดซี่เป็นตะคริวอะไรสักอย่างซึ่งไร้สาระจนผมอยากพาตัวเองออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดเพราะรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังจะตายเพราะธาตุไฟกำลังจะเข้าแทรก แถมลมปราณก็จ่อรอเพื่อแตกซ่านเพราะถูกความปัญญาอ่อนระดับเดียวกับป้องจู่โจมเข้าอย่างแรง
“แล้วตกลงชื่ออะไรนะ?”
“ปาร์คคร...”
“……”
ฉวยโอกาสเป็นบ้า!
“เอาอย่างนี้นะปาร์ค”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเรียบๆ แววตาของอีกฝ่ายไม่ได้แฝงความขบขันหรือล้อเล่นอีกต่อไปแล้ว มือหนายกขึ้นมาวางนาบบนไหล่ของผมแล้วตบเบาๆอยู่สองสามครั้ง ดูจริงจังเกินเบอร์เช่นเดียวกับเพื่อนของเจ้าตัวอีกสองคนที่เดินมาประจันหน้ากับผู้สูญเสียคนนี้ที่กำลังคิดหาทางวิ่งเพราะตอนนี้ฝ่ายนั้นมีตั้งสี่คนแต่แผนการที่อยู่ในหัวกลับเป็นอันต้องอันตรธานหายไปเมื่อได้ยินคำพูดต่อมา
“นายอยากกินปลานิลทอดน้ำปลาไหม?”
“อ...อะไรนะ?”
“ปลานิลทอดน้ำปลากับผัดผักบุ้ง” อีกฝ่ายว่า
“อร่อยมาก”
ไอ้ปลานิลที่ว่านี่ใช่ตัวที่ชื่ออนาสตาเซียของเพื่อนมึงที่คุยกันเมื่อกี้หรือเปล่าบอม?
สองเท้าก้าวถอยหลังห่างออกมาจากคนตรงหน้าสองก้าวด้วยสไตล์แบบไมเคิลแจ็คสัน ในใจพลางคิดในใจว่าขืนคุยนานกว่านี้จะต้องประสาทแดกตามป้องแน่ๆ นายตุลยากรอยู่กับคนพวกนี้ต่อไปอีกไม่ได้แล้วจริงๆ
“ไม่เป็นไร จากกันด้วยดีเถอะนะ”
ผมโพลงขึ้นก่อนจะรีบเดินจ้ำออกไปจากตรงนั้น ไม่รับฟังและไม่รับรู้กับบรรดาเสียงที่ดังตามหลังมาเมื่อโดนเอาชนะความประสาทแดกด้วยความประสาทแดกที่เหนือชั้นกว่า ผมอยากไปหาป้องกับเอกตอนนี้ด้วยซ้ำแล้วเล่าให้อีกฝ่ายได้ฟังว่าตนเจอแล้วคนที่ไม่เต็มบาทยิ่งกว่าสองคนนั้นพร้อมกับหนึ่งคำถามที่เกิดขึ้นอยู่ภายในหัว
ว่ามหาลัยเรามีมาตรฐานในการรับนักศึกษาเข้าเรียนไหมนะ?
“เย็นนี้ไปดูน้องเป็นเพื่อนกูหน่อยสิ...”
แม้จะผ่านมาหลายวันแล้วแต่จิตใจดวงน้อยๆของคนถูกกระทำก็ยังไม่กลับสู่ความปกติ ผมสะกิดป้องที่นั่งดูดน้ำปั่นอยู่ด้วยแววตาคาดหวัง มันเหมือนกับว่านายตุลยากรได้ใช้ความกล้าหาญที่มีทั้งหมดไปแล้วตั้งแต่วันที่เดินห้าวไปหาเรื่องชาวบ้านถึงคณะ พอกลับมาเล่าทุกอย่างให้เพื่อนฟังสุดท้ายก็กลายเป็นผมที่ได้แต่หน้าถอดสีเพราะตัวเองนั้นสามารถรอดตายกลับมาได้อย่างหวุดหวิด
ต้นตระกูลใครจะเป็นมาเฟียเยาวราชไม่รู้ล่ะแต่ไอ้กลุ่มนั้นอะมีอยู่คนหนึ่งที่นั่งเงียบๆอยู่ไม่พูดไม่จาซึ่งผมมารู้ทีหลังว่าบ้านเขารวยและมีอิทธิพลมากพอจะสั่งฆ่าหั่นศพชายหนุ่มหน้าตาดีที่มีฐานะปานกลางอย่างตุลยากรเอาไปทำเป็นปุ๋ยหมักได้โดยไม่มีใครรู้ ทีนี้ก็ตัวลีบเลยสิครับ ผมกลายเป็นคนเงียบขรึมและใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างคุ้มค่ายิ่งกว่าเดิมเพราะไม่รู้ว่าจะโดนอุ้มไปทำมิดีมิร้ายวันไหน
“ถ้าเขาจะดักกระทืบมึงเขามาทำตั้งแต่สามวันก่อนละ”
“ป้อง!” ผมเบิกตากว้างกับคำพูดนั้น
“อย่าเสียงดังสิ กูพ่อทูลหัวแฮรี่พอตเตอร์นะ” เมื่อเห็นว่าร่างข้างกายทำหน้าเหมือนควายสงสัยผมเลยกระแอมไอเบาๆทีหนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ
“หมายถึงกูซีเรียสอะ”
ร่างข้างกายถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ราวกับมันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้ทำแบบนั้น ตอนนี้เอกกับเฉินไม่อยู่ ทั้งคู่หายเข้าหอสมุดไปปั่นงานที่ต้องขีดเส้นใต้ย้ำๆด้วยว่าเป็นงานค้างที่ต้องส่งก่อนห้าโมงเย็น พอกินข้าวเที่ยงเสร็จสองตัวเลยวิ่งไปจับจองคอมของมหาลัยโดยให้เหตุผลว่าแล็ปท็อปนั้นมีไว้เล่นเกมไม่ใช่เพื่อเปิดเวิร์ดเลี่ยงได้ก็เลี่ยงไม่อย่างนั้นน้องจะได้รับความรู้จากการค้นหาเรื่องราวในอินเตอร์เน็ตมากจนเกินไป
ปัญญาอ่อนจริงๆ...
ผมคิดแบบนั้นแต่ไม่ได้พูดออกไปเพราะกลัวว่าตอนโดนดักตีจะไม่มีใครพาไปโรงบาล
“กูสืบมาแล้ว พวกนั้นเขาไม่ลดตัวมาทำไรมึงหรอก”
“แต่เขาเคยขโมยคะน้ากูนะ”
“คงอยากทำอะไรท้าทายๆดูอย่างเช่นกระตุกหนวดหมาปอม”
“กระตุกหนวดเสือ” ผมแก้คำให้
“ตัวมึงเล็กกว่าxเซนต์เบอร์นาร์ดอีกปาร์ค รักการปลูกผักแต่เสือกกินแต่ของไร้สาระ”
ป้องมองผมด้วยสายตาเหยียดหยาม มึงสูงตายล่ะไอ้เหี้ยแค่มีกล้ามเยอะกว่าหน่อยทำเป็นข่ม ขอโทษที่กินแต่ขนมได้ไหมล่ะ ไม่ชอบดื่มนมแล้วจะทำไม แล้วบะหมี่น้ำตกเคยไปฆ่าใครตายหรือไงทำไมต้องทำร้ายจิตใจกันด้วย!
“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนี้กูไม่ใจอ่อนหรอก ผักห่าไรต้องแวะไปดูเช้าดูเย็น”
“แต่น้องใกล้เก็บไปโลดแล่นบนแผงได้แล้วนะ...”
“ไร้สาระ”
“ป้องอะ”
ผมกระพริบตาปริบๆเรียกคะแนนความสงสาร แม้ว่าจะดูเหมือนฝุ่นเข้าตาไปหน่อยแต่เคยเผลอทำแบบนี้บ่อยจนจับทางได้ว่าเพื่อนร่างควายๆในกลุ่มแพ้อะไรแบบนี้ อีกไม่กี่วันมอจะมีตลาดนัดแล้ว แถมมันไม่เหมือนกับตลาดธรรมดาด้วยนะจะบอกให้ อาทิตย์ละครั้งทางมหาลัยจะจัดตลาดภายในมอโดยมีนิสิตแต่ละสาขาเอาของมาขาย อย่างพวกคหกรรมก็จะมีโซนข้าวแกงโซนใหญ่เป็นของตัวเองที่ผมชอบแวะไป ยิ้มกว้างๆหน่อยก็จะได้ไข่ลูกเขยมากินเพิ่มมันเป็นอะไรที่ฟินมากจริงๆ ส่วนพวกพืชสวนส่วนมากเขาจะเก็บผักไปขาย
ผมเองที่ไปยืมแปลงชาวบ้านมาก็จะทำแบบนั้นเช่นกันเพราะแมวที่ใต้ตึกแถวหออยู่ในวัยกำลังโต การได้เห็นผักของตัวเองงอกงาม ได้เห็นคนมีความสุขกับการซื้อแถมเห็นสัตว์เลี้ยงที่อุปการะไว้อิ่มท้องมันก็รู้สึกฟินอ่อนๆแหละ แต่ย้ำไว้ก่อนว่าไอ้ที่บอกว่าได้เห็นคนอื่นมีความสุขกับผักตัวเองนี่ไม่ได้หมายความว่าให้มาขโมยครับประทานโทษ อันนั้นถ้าเห็นอีกจะด่าในแบบที่รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง ในเมื่อผมไม่ผิดตั้งแต่แรกเพราะฉะนั้นตราบใดที่นายตุลยากรยังมีชีวิตอยู่จะไม่ยอมให้ความ อยุติธรรมมากล้ำกรายพวกน้องๆคะน้าใบเขียวอีกแน่! เพราะฉะนั้นนะ...
“สรุปจะไปเป็นเพื่อนกูไหม?”
“ไม่เว้ย”
“อือๆ ไม่เป็นไรหรอกกูเข้าใจ” ผมพยักหน้าน้อยๆยอมรับความผิดหวัง
“ไปคนเดียวก็ได้ไม่เห็นต้องกลัวเลย กูมันขี้ขลาดเองแหละที่ตัวเท่าจุ๊ดจู๋หมาอย่างที่มึงว่าแต่ไม่เจียมบอดี้ พอไปทวงความยุติธรรมให้น้องๆกลับมาก็กลัวโดนตามกระทืบพาลทำให้มึงลำบากไปด้วย แต่ไม่เป็นไรนะมึงไม่ผิดเลยป้องคำว่าเพื่อนมันสั้นแบบนี้แหละต่างจากศิลปะที่ยืนยาว กูจะก้าวต่...”
“เออ เดี๋ยวไปเป็นเพื่อนพอใจยัง?”
“…….”
“เลิกตัดพ้อเหอะกูไม่ตามใจมึงหรอกนะ ไปแค่แป๊บเดียวเท่านั้นแหละแล้วกูก็จะกลับ”
“แน๊ เพื่อนใครทำไมน่ารักจังวะ”
“ไม่ต้องมาชม” อีกฝ่ายว่า
“รอมึงพูดจบพอดีกูได้สั่งปั้นตุ๊กตาทอง มึงเอาไปเลยออสการ์ปีนี้อะ”
ผมหัวเราะคิกคักกับคำพูดนั้นของเพื่อนสนิท ไม่ต้องอ้างถึงชื่อต้นข้าวกับตำแหน่งว่าที่พี่เขยปกป้องก็ใจอ่อนเป็นขี้เหลวที่โดนแดดตอนบ่ายไปเรียบร้อยโรงเรียนตุลยากร อีกฝ่ายตกหลุมพรางแบบนี้มาสองปีกว่าแล้ว ชอบทำตัวเหมือนจะขัดใจไม่สปอยแต่สุดท้ายก็เรียบร้อยเหมือนเฉินกับเอกนั่นแหละ
“อย่าลืมไปบอกให้ไอ้หน้าโง่สองตัวนั้นจองแผงให้มึงด้วยอะ”
“นั่นดิ ลืมไปเลยถ้ามึงไม่เตือนเนี่ย”
คนฟังดีดนิ้วให้กับคำพูดนั้นราวกับเพิ่งนึกได้ ผมลืมไปจริงๆนั่นแหละว่าตัวเองต้องจองแผงด้วยแถมต้องระเห็จไปอยู่โซนท้ายๆหน่อยเพื่อไม่ให้เจอกับพวกพืชสวน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวโดนเขม่นอีกว่าไปขอแปลงเขามาปลูกแล้วยังจะเสนอหน้าเด็ดผักมาขายแข่ง น่าเศร้าจริงๆชีวิตของผู้ชายคนนี้
“ค่อยบอกก็ได้ ยังไงเตือนกูอีกทีด้วย”
“เออไอ้ลูกเป็ด กูมันทาสโง่ๆของมึงนี่ จิกหัวใช้เก่งฉิบหาย”
“เพราะไว้วางใจต่างหาก มึงเป็นคนสำคัญสำหรับกูเลยนะรู้ปะ”
“จริงเหรอ?”
ผมยิ้มน้อยๆหลังได้ยินคำถามนั้นก่อนจะพยักหน้าซึ่งดูเหมือนว่าป้องจะมีสีหน้าพอใจมากขึ้นกับคำตอบไร้เสียงของผม บรรยากาศช่วงเที่ยงครึ่งกับน้ำปั่นและขนมขบเคี้ยวที่คั่นกลางระหว่างเราไม่สามารถกลบกลิ่นไอมิตรภาพที่อบอวลไปทั่วบริเวณม้าหินแห่งนี้ได้เลย เรายิ้มให้กัน ฟันอีกฝ่ายขาวแสบตาเป็นประกายม็อบแม็บ
ก็นะ...
วงการบันเทิงก็เป็นแบบนี้แหละ
เชื่อไหมสิ่งมีชีวิตที่ชื่อปกป้องนั้นเป็นคนที่รักษาสัญญาดีมาก อีกฝ่ายหายหัวไปทันทีหลังจากผมเช็คความเรียบร้อยของน้องๆเสร็จ ไม่แหว่ง ปลอดภัยไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วงอีกแล้วในความคิด คะน้าสีเขียวเข้มของผมเติบโตอย่างดีจากความรักและความเอาใจใส่แม้จะมีบางต้นเว้าแหว่งไปบ้างระหว่างทางแต่ผมจะพยายามไม่นึกถึง จะไม่แฟลชแบ็คให้รู้สึกโมโหเล่นๆเพราะผมเองก็ต้องรีบแวะไปกินไอศกรีมร้านประจำก่อนที่บัตรส่วนลดจะหมดอายุในวันพรุ่งนี้ มันเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ทำให้ชีวิตเรียบๆของผมมีสีสัน แวะกินของคาวกับของหวานแล้วค่อยกลับหอ ดูหนังสักเรื่องในคืนนี้ก่อนจะรีบนอนเพราะงานที่ได้รับมาทำเสร็จทั้งหมดแล้ว
ตุลยากรชีวิตดีๆที่ลงตัวจริงๆ
ผมเดินเข้ามาในร้านก่อนจะหาที่นั่งริมๆซึ่งให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวหน่อย รอครู่หนึ่งพนักงานก็เดินมาพร้อมกับเมนูแต่เพราะมีเป้าหมายชัดเจนอยู่แล้วจึงเอ่ยสั่งเลยโดยไม่ต้องดู คุกกี้แอนด์ครีม เรนโบว์กับวานิลลาคือของโปรดที่ตัดสินใจไม่ได้สุดท้ายจึงเลือกมาอย่างละลูก พี่พนักงานขายตรงอีกนิดหน่อยเรื่องเครื่องดื่มแต่ด้วยความที่มีสติมากพอจึงไม่หลงเป็นเหยื่อคำว่ามีเฉพาะเทศกาลนี้เท่านั้น
“ขอนั่งด้วยคนสิ”
เสียงทุ้มที่ดังอยู่ใกล้ๆมันคุ้นหูเกินไปจนผมต้องเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์ทั้งๆที่กำลังแชทคุยกับพี่ชายอย่างออกรส เกือบพลั้งปากไปแล้วด้วยซ้ำว่าที่นั่งว่างๆในร้านไม่ได้ถูกจับจองโดยเหล่ากงเหล่าม่าผมที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าสักหน่อยทำไมไม่ไปนั่งล่ะ ทว่าทุกสิ่งที่คิดพลันหยุดชะงักเช่นเดียวกับร่างกายที่เผลอขยับถอยหลังจนเก้าอี้เกิดเสียงลากเล่นเอาขนลุกไปหมดทั้งร่าง
“ว่าไง”
ไม่ว่าไงล่ะ คำถามคือมาได้ไงวะต่างหาก!?
ผมมองโจรเถื่อนตรงหน้าด้วยสายตาหวาดระแวง กลัวว่าถ้าคนน้อยกว่านี้ตนจะโดนตุ๊ยท้องแล้วลากไปกระทืบแล้วเอาปลาดาบเงินแช่แข็งแทงพุง บอกก่อนว่ารู้รายละเอียดศัตรูแล้วนะจะบอกให้ เฉินกับป้องสืบมาให้ อีกฝ่ายอยู่ปีสี่ชื่อทิธิติ ครอบครัวทำธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งที่ผมเองก็เคยหลวมตัวซื้อมากินบ่อยๆ ฐานะทางบ้านค่อนข้างรวยแต่เสือกมาขโมยผักกูไปกินครับสังคม
คิดๆแล้วแค้นสุดขีด สุดฤทธิ์สุดเดชมาก...
“ยังไม่ได้อนุญาตให้นั่งสักหน่อย”
“หือ ว่าไงนะ?”
เหมือนกับมีเสียง ‘ชิ้ง’ ออกมาจากทางสายตาและมีออร่าแปลกๆคล้ายในหนังจีนกำลังภายใน หน้าตาอีกฝ่ายค่อนข้างดุ เวลาไม่ยิ้มแล้วดูน่ากลัวมากจนอดคิดไม่ได้ว่าหากทำอะไรให้ไม่พอใจหน่อยอาจจะถูกดอลลี่แช่แข็งฟาดหัวแตกก็เป็นไปได้
“เปล่า...คือแบบ หมายถึงสามารถนั่งได้เลยตามสบาย”
กระจอกจริงๆคนอะไร...
นี่อาจจะเป็นจุดจบของชายผู้ตัวเล็กกว่าxเซนต์เบอร์นาร์ดอย่างที่ป้องว่า แต่อยากจะขอแก้ต่างให้ตัวเองหน่อยว่าสูงร้อยเจ็ดสิบห้านี่มันไม่ธรรมดาเลยนะเฮ้ย! ก่อนจะวกกลับมาประเด็นเดิมว่าทำไมถึงยังอยู่นี่อีก ทั้งที่ไม่ติดใจเอาความ แถมยังให้อภัยไม่ถือโทษโกรธเคืองแล้วทำไมยังตามราวีกันไม่เลิกสักที?
“กินอะไรน่ะ?”
กูมาร้านไอศกรีมมึงจะให้กูเอาหมูสไลด์ใส่หม้อต้มเหรอบอม?
จิตใต้สำนึกสั่งให้ผมตอบแบบนั้นออกไปแม้ว่าในความเป็นจริงแล้วน่ะ...
“ยุ่งอะไรด้วย?”
ห้าวหาญสุดได้แค่นี้แหละจริงๆนะ คือขนาดตัวต่างกันเกินไป ถ้าให้บอกตามตรงคือผมค่อนข้างสูงนะ ตามแบบชายไทยปกติเลยคือร้อยเจ็ดสิบหกกำลังดีจะมียืดตัวบ้างนิดหน่อยอย่างเช่นวันที่ห้าวนั่งรถรางไปตึกข้างๆตอนนั้นสูงขึ้นเป็นพิเศษเพราะใส่เสริมส้น แต่ไอ้คนตรงหน้าเนี่ยก็เกินไป เหมือนตอนเด็กพ่อแม่กว้านซื้อนมผงให้กินอย่างไรอย่างนั้นแหละ
“สามสกู๊ปเอง พอเหรอ?”
พูดเหมือนถ้าบอกว่าไม่แล้วจะจะไปเหมาไอศกรีมไผ่ทองมาให้อีกถังงั้นแหละ...
ใบหน้าดุๆของคนอายุมากกว่าเริ่มมีรอยยิ้มผิดกับผมที่ยังไม่ค่อยเข้าใจถึงสถานการณ์สักเท่าไหร่นัก อีกฝ่ายหยิบเมนูมาดูก่อนจะสั่งทั้งน้ำและเค้กมาราวกับจะเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยง คือจะกินน้ำสองแก้วเลยจริงดิ? ไม่กลัวตอนกลางคืนวิ่งเข้าห้องน้ำบ่อยๆเหรอ ไหนจะเค้กอีก คนเรามีปากเดียวไม่จำเป็นต้องสั่งถึงสามชิ้นไหม ไม่รู้หรือไงว่ามันทำให้คนที่กำลังประหยัดศีลแตก
“รีบกินสิ ละลายแล้วนะ”
คนเราจะสามารถกินของที่ชอบอย่างอร่อยได้ยังไงในเมื่อรู้สึกตัวตลอดว่ามีคนมอง? ผมได้แต่คิดเรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมาในหัว เราไม่เคยเจอกันมาก่อน แม้ว่าอีกฝ่ายจะดูดีมากแต่ผมก็ไม่เคยได้ยินว่าเดือนของประมงมีคนชื่อบอม โอเคเอาใหม่ ต้องบอกว่าผมไม่ใส่ใจมากกว่าแต่ถึงอย่างนั้นตอนไปถามเฉินเจ้าตัวก็ยืนยันด้วยคำตอบเดียวกันกับเอกว่าโจรเถื่อนตรงหน้าไม่ได้ลงสมัครกิจกรรมใดๆ มีนิสัยค่อนข้างเก็บตัวแต่ก็พอจะมีชื่อเสียงอยู่บ้างในเพจของมอที่เขาชอบเอาผู้ชายไปจิ้นกัน
ผมเองยังเคยโดนเลยตอนอยู่กับเอก จำได้ว่าตอนนั้นเห็นของกินในมือเพื่อนแล้วหน้ามืดเลยอยากจะขอกัดลูกชิ้นปิ้งสักคำ ทว่านายตุลยากรไม่อาจรู้เลยว่าไอ้การกระทำแบบนั้นมันเรียกว่าเรือแล่น ทั้งไททานิคเอยวิ่งบนบกเอยหลากหลายคอมเม้นที่อ่านแล้วผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันฟินยังไง ดูตรงไหนก็ไม่เหมาะกันนะคนดีๆอย่างผมกับเจ้าชายแห่งวงการประสาทแดกแบบเอกน่ะ
“มองอะไรนักหนา ไม่แบ่งหรอกนะ”
มือข้างที่ไม่ได้ถือช้อนคว้าถ้วยไอศกรีมเข้ามาใกล้ตัวอย่างหวงแหน มีแค่สามลูกเองแถมบัตรลดมีแค่ใบเดียวด้วยถ้าอยากกินก็สั่งเองสิไม่ใช่มานั่งเท้าคางมองคนอื่นกินแบบนี้มันเสียมารยาทไม่รู้หรือไงวะ
“เค้กพี่มาแล้ว”
“หะ...หา?”
อยู่ๆอีกฝ่ายก็เปลี่ยนเรื่องคุยเสียดื้อๆทั้งที่ยังไม่ได้ตอบคำถามของผมเลยด้วยซ้ำ คนชื่อบอมปล่อยให้พนักงานวางจานเค้กสามชิ้นกับน้ำอีกสองแก้ว หนึ่งในนั้นคือโอรีโอ้ปั่นที่ดูน่ากินเอามากๆกับชาธรรมดาแบบที่พี่โปรดชอบ แต่ในขณะที่สมองของผมกำลังประมวลผลว่าทำไมเจ้าตัวถึงสั่งของมามากมายขนาดนี้เสียงทุ้มก็เริ่มเอ่ยต่อ
“ปาร์คกินเค้กด้วยกันไหมครับ?”
ไม่...ไม่ได้ผลหรอกหรอกจริงๆนะ ของกินซื้อคนอย่างผมไม่ได้จำไว้!
“พี่ยกโอรีโอ้ปั่นให้แก้วหนึ่งด้วย”
ทว่าประโยคต่อมากลับทำให้คนฟังชะงักเพราะรู้สึกว่ามันช่างกินใจเหลือเกิน
“กินคนเดียวไม่หมดหรอก ยังไงนายช่วยกินเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิ”
จะว่าไปแล้วพี่บอมอะไรนี่ก็เป็นคนดีเหมือนกันนะ
tbc
#เกษตรทฤษฎีรัก
ข้อแนะนำของการอ่านคืออยากให้อ่านตอนสมองโล่งๆค่ะ และลมปานแตกซ่านไปกับน้องปาร์ค5555 มาร่วมเอาใจช่วยน้องเขาจากเหล่าคนประสาท ตุลยากรจะรอดพ้นเงื้อมือโจรหรือไม่ และเขาจะมีอนาคตที่สดใสได้อย่างไร จนกว่าจะพบกันใหม่เอนจอยรีดดิ้ง!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

โง้ยย น่าร๊ากกก
น้องปาร์ค ช่างแพนิค 555