ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Superstar with shy girl หนุ่มซุปเปอร์สตาร์กับยัยขี้อาย

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 28 ต.ค. 55


    บทที่ 2

    “เราจะกินอะไรกันดีเนี่ย?” ผมถามทำลายความเงียบ หลังจากเราเดินมาถึงย่านร้านอาหารในเมืองแล้ว

    “นายเคยสนใจความคิดเห็นของฉันด้วยหรือไง- -* เธอพูดอย่างโกรธๆ สงสัยวันนี้ผมคงบังคับเธอมากไปหน่อยแฮะ

    “เธออยากกินอะไรล่ะ วันนี้ฉันเลี้ยงเอง”

    ...ไม่เอา ฉันไม่อยากติดหนี้นาย ยัยนี่ยังงอนไม่เลิกแฮะ

    นี่ถ้าเธอไม่เลือก ฉันเลือกเองเลยนะ กินร้านนี้แล้วกัน” ( ^.^ )> ผมชี้ไปยังร้านรถเข็นข้างทาง

    กินแมลงทอดกัน ^^+”

    O[]O! ไม่น่า ไม่กิน (>_< )( >_<)” เธอปฏิเสธเสียงแข็ง ท่าทางของเธอนี่ตลกดีนะ ผู้หญิงอะไรถึงกับอ้าปากค้าง ผมแค่ล้อเธอเล่นเฉยๆเอง555

    งั้นเธอจะกินอะไรล่ะเธอชอบกินอะไร?”

    ...(._. )( ._.) (._. ) นายห้ามหัวเราะนะ ฉันชอบกินเนื้อย่างเป็นชีวิตจิตใจน่ะ แล้วต้องเป็น...เนื้อย่างบุตเฟต์ด้วยนะ” เธอตอบผมแบบอายๆ

    อุ๊บ!” ผมแทบเอามีปิดปากไม่ให้หัวเราะแทบไม่ทัน แค่ผู้หญิงที่ชอบเนื้อย่างเป็นชีวิตจิตใจก็แปลกแล้ว แต่ยัยนี่ยังระบุเจาะจงด้วยว่าต้องเป็นบุตเฟต์เท่านั้น ^O^ เลยทำให้โดนสายตาค้อนใส่ และมีของแถมเป็นเสียงบ่นเบาๆว่า “อุตส่าห์บอกแล้วไงว่าห้ามหัวเราะน่ะ

    “ขอโทษที เราไปกินเนื้อย่างบุตเฟต์กันเถอะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง^^

    ]]]]]]]]]]]]]

    ทำไมเธอถึงชอบกินเนื้อย่างบุตเฟต์ล่ะ” ผมโพล่ถามเธอขณะเธอกำลังจะคีบเนื้อที่ย่างสุกแล้วเข้าปากอย่างอารมณ์ดี

    “ถ้าฉันพูดไปนายได้หัวเราะฉันอีกแน่ ” เธอทำหน้าไม่อยากตอบ-_-'' ทำให้ผมยิ่งอยากรู้

    บอกมาเถอะนะ ฉันอยากรู้” ผมพยายามขยั้นขย

    “ห้ามหัวเราะจริงๆนะ” เธอถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

    อืม ฉันสัญญาไม่หัวเราะแน่นอน” ผมกล่าว พร้อมทั้งเอามือปิดปากไว้เพื่อเป็นมาตรการป้องกันเผื่อหลุดหัวเราะออกมา

    “เพราะฉันไม่กล้าสั่งอาหารเองนี่ แต่ถ้าเป็นบุตเฟต์ ก็ไม่ต้องสั่งใช่ไหมล่ะ^_^ เธอพูดอย่างสบายอารมณ์ แต่เหตุผลที่เธอพูดมาไม่เห็นทำให้ผมหัวเราะออก แต่กลับทำให้ผมรู้สึกผิดหวังกับคำตอบที่เธอให้มา

    “แล้วเธอไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองหรือไง?” ผมถามเธอกลับ แต่เธอกลับไม่ยอมมองหน้าผม

    “ไม่ใช่เรื่องของนาย” เธอตอบกลับและก็ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา ถึงผมมองไม่เห็นแต่คงคิดว่าเธอคงกำลังร้องไห้อยู่เป็นแน่ หลังจากนั้นเธอก็ไม่ยอมพูดกับผมจน ผมเดินส่งเธอถึงหน้าบ้าน

    “...เข้าบ้านเถอะ อย่าลืมทบทวนหนังสือนะ แต่อย่านอนดึกล่ะ เพราะพรุ่งนี้มีเรียน ” ผมพูดบอกเธอ

    ...

    “แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ” เธอเดินก้มหน้าเดินเข้าบ้าน โดยไม่แม้แต่มองหน้าผม ผมคงพูดจี้ใจดำเธอไปล่ะมั้ง

    ]]]]]]]]]]]]] 

    วันอังคาร พักเที่ยง ณ ดาดฟ้าของตึกเรียน

    “ทำไมถึงเรียกชั้นมาพบที่นี่ล่ะ”

    “ฉันมีเรื่องอยากถามเธอน่ะ...ปุยฝ้าย ผมตอบคำถามของเธอผู้ซึ่งเป็นเพียงคนเดียวที่ผมคิดว่ารู้คำตอบของคำถามที่ผมอยากรู้

    “เรื่องเกี่ยวกับโซระใช่ไหมล่ะ” เธอพูดอย่างรู้ทัน แต่ก็ไม่ทำให้ผมแปลกใจ เพราะผมเองก็รู้ดีว่าเธอเป็นคนที่มีสายตาเฉียบคม สามารถเข้าใจผู้อื่นได้ดี และเป็นคนที่เข้าใจยัยโซระมากที่สุด

    “ใช่!” ผมตอบเธอไปตามตรง พร้อมทั้งเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวานที่ร้านเนื้อย่างให้เธอฟัง

    อืม!ไคล์คุง นายนะพูดจี้ใจดำถูกจุดเลยล่ะ เหมือนไปแทงแผลยัยนั่นเต็มๆเลย555

    “...ทำไมล่ะ?

    ก็ยัยนั่นน่ะ ไม่ใช่ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองนะ...แต่ไม่ว่าจะตั้งใจทำกี่ครั้ง ก็ไม่สำเร็จน่ะ เธอค่อยๆเล่าอย่างช้าๆ ผมนิ่งเงียบตั้งใจฟังอย่างตั้งใจฟัง “เธอดีขึ้นมากเลยนะจากเมื่อก่อนน่ะ ตอนนี้ฉันเองก็คิดว่าเธอก็กำลังพยายามอยู่

    ]]]]]]]]]]]]]

     

    เมื่อ ปีก่อน (ประถม 5)

    ในตอนนั้นฉันยังไม่เคยคุยกับโซระเลย ทั้งที่อยู่ห้องเดียวกันตั้งแต่ประถม 1 ในความคิดของฉันและเด็กๆทุกๆคนในห้อง เธอเป็นคนที่เงียบๆ ไม่พูดคุยกับใคร ชอบเดินก้มหน้าก้มตาทุกคนจึงทำเหมือนโซระไม่มีตัวตน เธอมีชื่อเล่นในห้องว่า โซระสีจางจาง” (=ท้องฟ้าสีจางจาง)ตอนนั้นฉันไม่เคยได้ยินเสียงเธอด้วยซ้ำ เสียงๆเดียวที่เคยได้ยินคือเสียงร้องไห้ของเธอ

    “ฮือๆๆ ฮือๆๆ T[]T” โซระร้องไห้อย่างหนักอยู่หน้าห้องเรียน

    “อย่าร้องไห้เลยนะ แค่ร้องเพลงเอง ครูปล่อยให้เธอผ่านโดยไม่ร้องเพลงเลยไม่ได้หรอก เพราะที่ผ่านมาตอนนำเสนอหน้าชั้นเธอก็ไม่ยอมออกไปพูดเลย หยุดไม่ยอมมาเรียนตลอดเลย” ครูพยายามพูดปลอบ และบังคับให้เธอร้องเพลง

    “ฮือๆๆ ฮือๆๆ T[]T” โซระยิ่งร้องไห้หนักขึ้น

    “ร้องเพลงเถอะนะ แค่ท่อนฮุกก็ยังดี ไม่งั้น ครูไม่ยอมให้กลับไปนั่งที่นะ” ครูพยายามพูดต่อ

    “ฮือๆๆ ฮือๆๆ T[]T” โซระยังคงร้องต่อไป

    “ครูครับ ช่างเขาเถอะครับ เขาไม่อยากร้องเพลง ก็อย่าไปบังคับเขาเลย” เด็กผู้ชายในห้องคนหนึ่ง พูดขึ้นหลังจากครูพยายามให้โซระร้องเพลงเกือบสิบนาทีแล้ว

    “นั่นสิคะ จะไปสนใจเขาทำไม ให้หนูร้องเพลงแทนเขาไหมล่ะคะ” ฉันซึ่งตอนนั้นยังเป็นเด็กประถม ยังไม่เข้าใจจิตใจของคนอื่น พูดไปโดยไม่ได้คิดว่าคำพูดที่พูดออกไปจะทำร้ายจิตใจใครบ้าง

    “555 เอาเลยๆๆ ปุยฝ้ายร้องเลย”  เพื่อนๆในห้องต่างส่งเสียงร้องเชียร์

    “ตามคำเรียกร้องค่า ต่อไปเด็กหญิงปุยฝ้ายจะออกมาร้องเพลงตามคำขอค่ะ ฉันลุกจากที่นั่งออกไปหน้าห้อง

    “เธอเข้าไปได้แล้วล่ะ แค่ร้องเพลงเอง เอาแต่ร้องไห้อยู่ได้” ฉันพูดกับโซระด้วยน้ำเสียงโมโห พร้อมทั้งผลักยัยนั่นให้เข้าไปนั่งที่

    “...” โซระเดินไปนั่งที่โดยดี

    “เอาล่ะนะ เด็กหญิงปุยฝ้ายจะเรื่มร้องเพลงแล้วนะ เพลงแรก คือ...” ฉันยังไม่ทันจะพูดเสร็จ ก็มีเสียงดังแทรกขึ้นมา

    “โฮก โฮก โฮก TT [] TT โซระที่ฟุบหน้าลงไปในโต๊ะ ปล่อยโฮกร้องไห้ออกมาอย่างหนัก

    “โซระ เป็นไรจ๊ะ อย่าร้องไห้เลยนะ ครูขอโทษที่บังคับเธอ” ครูรีบวิ่งไปปลอบ

    เฮอะ!โตขนาดนี้ยังจะเอาแต่จะร้องไห้อยู่อีก คนอะไรน่ารำคาญจริงๆ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงโมโหมาก เป็นเพราะโซระทำให้เสียเวลาเรียนไปเกือบครึ่งคาบแล้ว แถมยังมาขัดขวางไม่ให้ฉันเริ่มร้องเพลงอีก

    “โฮก โฮก โฮก” โซระยิ่งร้องหนักกว่าเดิม

    ยิ่งเธอร้องไห้มากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้บรรยากาศในห้องค่อยๆแย่ลง คนในห้องต่างพากันเริ่มโหมโรงต่อว่าโซระ

    “นี่ๆเลิกร้องเถอะ มันน่ารำคาญนะ”

    “ฉันล่ะไม่ชอบเลย ทำไมห้องเราต้องมีเธอด้วยนะ”

    “ฉันล่ะเกลียดคนอย่างเธอจริงๆ”

    พอมีคนเริ่ม ก็มีคนตาม ยิ่งพูดไปๆ คำพูดที่ออกมาก็เริ่มรุนแรงขึ้น

    นี่ ทุกคน ใจเย็นกันก่อนสิจ๊ะ อย่าว่าอะไรโซระเลย วันนี้เลิกเรียนแค่นี้นะ เจอกันพรุ่งนี้จ๊ะ

    นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพ หัวหน้าห้องรีบทำหน้าที่

    “ขอบคุณครับ/ค่ะ”

    ครูเข้าไปอุ้มโซระขึ้นมาซบที่อก แล้วเดินอุ้มออกไปจากห้องทั้งอย่างนั้น

    และนับจากวันนั้นโซระก็ไม่ได้มาโรงเรียนเลย

    “วันนี้โซระก็ไม่มาเรียนอีกเหรอจ้า” ครูเอ่ยถามหัวหน้าห้อง

    “ครับครู”

    “เฮ้อ!” ครูถอนหายใจ

    “ครูมีเรื่องอยากพูดกับพวกเธอทุกคน ครูอยากให้พวกเธอเก็บเรื่องนี้ไปคิดนะ” ครูค่อยพูดด้วยสีหน้าจริงจัง และกวาดตาไปทั่วห้อง เพื่อเป็นการส่งสัญญาณว่าเรื่องที่จะพูดเป็นเรื่องสำคัญ

    “ครูคิดว่าตอนนี้เธอยังเด็ก คงยังไม่เข้าใจเรื่องที่ครูจะพูดหรอก แต่ครูอยากให้พวกเธอรู้ไว้นะว่า คนเราไม่เหมือนกัน สภาพจิใจ,วุฒิภาวะ หรือสภาวะสิ่งแวดล้อมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แม้จะเปลี่ยนฝาแฝดกันก็ยังมีความคิดไม่เหมือนกัน ยังเป็นคนละคนกัน เพราะฉะนั้นพวกเธอต้องเรียนรู้ที่จะเข้าใจตนเอง เข้าใจผู้อื่น เรียนรู้การอยู่ร่วมกัน เรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเอง และเรียนรู้ที่จะไม่ทำร้ายผู้อื่น...  ครูหยุดพูดนิ่งเงียบไปสักพัก เพื่อให้พวกเราคิดตาม

    “เพราะฉะนั้นเรื่องโซระก็เหมือนกัน เมื่อโซระกลับมาเรียน ครูอยากให้พวกเธอเป็นเพื่อนที่ดีกับเขา เข้าใจไหม? ครูกล่าวถาม

    “ครับ/ค่ะ” ทุกคนตอบรับ

    “ดีมากจ๊ะ” ครูยิ้มพอใจกับท่าทีและคำตอบของนักเรียน

    บอกตามตรงตอนนั้นฉันตั้งใจฟังสิ่งที่ครูพูดมาก เพราะก็คิดสำนึกผิดเหมือนกัน ว่าตนเองเป็นสาเหตุที่ทำให้โซระไม่มาโรงเรียน ฉันจึงเก็บคำพูดของครูไปคิดแล้วคิดอีก แต่ในตอนนั้นแม้จะพินิจพิจารณาเท่าไหร่ก็ยังไม่เข้าใจ

    เอ๊ะนั่นมันโซระนี่” ฉันซึ่งมาเดินซื้อของที่ตลาดกับแม่เหลือบไปเห็นโซระที่ใส่ชุดนักเรียนพร้อมกระเป๋ากำลังเดินก้มหน้าก้มตาผ่านไป

    “แม่ค่ะ หนูไปหาเพื่อนนะ กลับบ้านไปก่อนเลยค่ะ” ฉันบอกแม่ แล้วจึงรีบวิ่งไล่ตามโซระไป

    ตอนนี้ฉันกำลังวิ่งไล่สุดกำลังเพื่อตามโซระที่ก้มหน้าก้มตาเดิน ราวกับว่าถ้าฉันคาดกับเธอตอนนี้ฉันคงไม่ได้พบเธออีก และในที่สุดฉันก็วิ่งมาจนใกล้เธอแล้ว เธอกำลังเดินอยู่ข้างหน้าฉัน ฉันกำลังจะส่งเสียงเรียกเธอ แต่ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเห็นว่าทั้งแขน ขา หรือแม้แต่ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยบาดแผล ฉันตัดสินใจไม่เรียกเธอ แต่คอยเดินตามเธอไปเรื่อยๆ โดยรักษาระยะห่างเอาไว้ เธอเดินก้มหน้าก้มตาเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาเหมือนไม่มีจุดหมาย เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าฉันคอยเดินตามเธออยู่ เธอได้แต่เดินไปเรื่อยๆๆ ฉันเดินตามเธอจนไม่รู้ว่าเดินตามมานานแค่ไหนแล้ว เดินมาไกลแค่ไหน ท้องฟ้าที่เป็นสีฟ้า เปลี่ยนเป็นสีแดง และเปลี่ยนไปเปลี่ยนสีดำในที่สุด แต่เธอก็ยังเดิน เดินต่อไป ในระหว่างที่เดินตามเธอไป ฉันก็คิดถึงเรื่องที่ครูพูด คิดที่จะเข้าใจตนเอง คิดที่จะเข้าใจคนที่เดินอยู่ข้างหน้า แต่ไม่ว่ายังไง ไม่ว่าจะคิดมากเท่าไหร่ ฉันก็ยังไม่เข้าใจ จนในที่สุดฉันก็หยุดเดิน และตะโกนเรียกเธอออกไป โซระ

    ได้ผลโซระหยุดเดิน ฉันจึงรีบสาวเท้าเข้าไปหาเธอ

    “ทำไมเธอไม่ไปโรงเรียนห๊าทั้งๆที่ใส่ชุดนักเรียนอยู่...แล้วทำไมถึงไม่กลับบ้านนี่มันมืดแล้วนะ...ทำไมถึงเดินไปมาอย่างนี้ ฉันเดินตามเธอจนเหนื่อยแล้วนะ เธอจะเดินไปถึงไหนกัน? ไปที่ไหนกันแล้ว...แล้วทำไมถึงมีแผลเต็มตัวไปหมด?ใครเป็นคนทำร้ายเธอกันเธอมีเรื่องอะไรก็พูดออกมาสิ ฉันยินดีรับฟังนะ รู้ไหมคุณครู แล้วก็เพื่อนๆในห้อง เค้าเป็นห่วงเธอ เธอรู้บ้างไหมว่าฉันเป็นห่วงเธอแค่ไหน ฉันค่อยๆพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก พลางสะอึกสะอื้น น้ำตาฉันค่อยๆไหลออกมา ฉันค่อยๆพูดสิ่งที่ฉันอยากรู้ สิ่งที่ฉันคิดระหว่างเดินตามโซระมา แต่คำถามพวกนี้ฉันไม่รู้คำตอบ ก็ฉันไม่ใช่โซระนี่ และเมื่อฉันถามตัวเองว่าทำไหมถึงอยากรู้ ฉันก็สามารถหาคำตอบได้ว่า เพราะคิดอยากที่จะเข้าใจโซระ เพราะงั้นเมื่อฉันไม่สามารถหาคำตอบเหล่านี้ได้ มีทางเดียวที่ฉันจะเข้าใจ นั่นก็คือถามเจ้าตัวตรงๆ

    “...” โซระไม่ได้ตอบอะไร เธอเดินเข้ามาหาฉัน เธอจับชายเสื้อของฉัน แล้วก็เริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น

    ฉันผู้ซึ่งยังไม่ได้คำตอบใดๆจากโซระ แต่เมื่อเห็นสีหน้า และแววตาของโซระ เป็นครั้งแรกที่ฉันกับเธอได้มองหน้า และสบตากัน ฉันก็เหมือนจะเริ่มเข้าใจสิ่งที่ครูพูดนิดหน่อย ฉันคว้าตัวเธอเข้ามากอด และเธอเองก็กอดฉันตอบ ในที่สุดเราสองคนก็กอดกัน และแข่งกันร้องไห้โฮกออกมา ( T[]T)xX(T[]T )

    ท่ามกลางหมู่ดาวในท้องฟ้า ในสวนสาธารณะในเมือง เราสองคนยืนกอดกันร้องไห้ ไม่รู้ว่านานแค่ไหน ร้องไห้จนไม่มีน้ำตาที่จะไหลออกมา เป็นครั้งแรกที่ฉันร้องไห้ให้กับเรื่องของคนอื่นเหมือนเป็นเรื่องของตัวเอง

    นี่มันก็ดึกแล้ว เรากลับบ้านกันเถอะ

    “...” โซระไม่ได้พูดอะไร แต่กลับยื่นมือมาจับชายเสื้อข้างหลังของฉัน เมื่อฉันกำลังจะเดินพาเธอกลับบ้าน

    “เธอไม่อยากกลับบ้านเหรอ?” ฉันถามโซระ

    (-_-)(_ _)(-_-)(_ _)” โซระพยักหน้าตอบ

    ฉันเริ่มลำดับเหตุการณ์ได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ บาดแผลต่างๆใครเป็นคนทำ

    งั้น เราไปบ้านของฉันกัน?” ฉันเอ่ยชวน

    “...” โซระนิ่งเงียบ

    “ไม่ต้องห่วงน่า พ่อกับแม่ของฉันใจดีมากๆเลย แล้วอีกอย่างตั้งแต่วันนี้...เราสองคนเป็นเพื่อนซี้กันแล้วนะ” ฉันพูดเกลี่ยกล่อมให้โซระไปบ้านฉัน

    “...” โซระไม่พูดอะไรออกมา แต่ฉันก็รับรู้ความรู้สึกของเธอได้จากรอยยิ้มของเธอ^^(เป็นครั้งแรกที่เห็นเธอยิ้ม)

    โซระ ตั้งแต่วันนี้ไปเราเป็นเพื่อนซี้สุดเลิฟกันแล้วนะ มีเรื่องอะไรเรื่องก็ต้องบอกฉันนะ ต้องพูดให้ฉันฟัง” ฉันยื่นมือนิ้วก้อยไปให้โซระ โซระเองก็ยื่นนิ้วก้อยออกมา แล้วเราก็เกี่ยวก้อยสัญญากัน “สัญญานะ” (^_-)db(-_^)

    “อ้อมีอีกเรื่องหนึ่ง...เรื่องเมื่อวันนั้นน่ะ ฉันขอโทษนะ” ฉันพูดแล้วรีบเดินนำเธอกลับบ้าน เพราะฉันอายที่จะให้เธอเห็นว่าตอนนี้หน้าฉันแดงขนาดไหน  =///=

    หลังจากกลับบ้าน ฉันเล่าเรื่องของโซระให้กับพ่อและแม่ฟัง พ่อกับแม่จึงไปโรงเรียนเพื่อจัดการเป็นธุระให้โซระ หลังจากนั้นไม่นานในที่สุดฉันก็ได้รู้คำตอบ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโซระ บ้านเธอ พ่อกับแม่เพิ่งหย่ากัน โดยก่อนหน้านี้ในบ้านทั้งพ่อกับแม่ไม่มีใครพูดกับเธอเลย ทำเหมือนเธอไม่มีตัวตน ทำให้คำพูดของเธอค่อยๆเลื่อนหายไป ในที่สุดเธอก็พูดไม่ได้ ไม่ใช่ว่าที่โรงเรียนเธอไม่พูดกับเพื่อน แต่เธอพูดไม่ได้ต่างหาก ที่เธอไม่ไปโรงเรียนเป็นเพราะบาดแผลที่พ่อกับแม่ทำร้ายเธอน่ะ เธอไม่อยากถูกเพื่อนๆเกลียด เธอไม่ได้โกรธฉัน ไม่ได้โทษฉันเลยแม้แต่น้อย แต่ฉันเองก็สำนึกผิดนะที่ทำไม่ดีกับโซระไป ฉันจึงสัญญากับตัวเอง ว่าจะไม่ทำให้คนอื่นเสียใจ ไม่ทำร้ายจิตใจคนอื่นอีก จะไม่ทำให้โซระเสียใจอีกเป็นอันขาด ฉันคิดว่าฉันเข้าใจแล้วล่ะ ในที่สุดฉันก็เข้าใจในสิ่งที่ครูพูด

    ]]]]]]]]]]]]]

    “เอ๊ะ!เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นเหรอเนี่ย” ผมเริ่มเข้าใจแล้วล่ะ หลังจากได้ฟังเรื่องนี้ก็ทำให้ผมคิดว่าเริ่มเข้าใจโซระขึ้นมาบ้างแล้ว

    อืม เพราะมีปัญหาพูดไม่ได้ กับปัญหาทั้งที่บ้านและโรงเรียน เลยทำให้ยัยนั่นไม่ค่อยมีความมั่นใจไงล่ะ แล้วยิ่งกว่านั้นเดิมทีก็เป็นคนขี้อายอยู่แล้ว พอรวมทุกอย่างเข้าด้วยกันเลยได้ยัยโซระออกมาไง สิ่งที่ปุยฝ้ายพูดออกมา มันแสดงได้ว่าเธอให้ความสำคัญกับโซระมากแค่ไหน เธอเป็นคนที่เข้าใจโซระมากที่สุดจริงๆ

    “แล้วจากที่เป็นอย่างในตอนนั้น เปลี่ยนมาเป็นโซระในตอนนี้ ฉันก็คิดว่าเธอใช้พยายามมามากเลยล่ะ แม้แต่ตอนนี้ฉันก็คิดว่าโซระกำลังพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นอยู่นะ ” ปุยฝ้ายพูดและยิ้มอย่างอ่อนโยน

    “นี่!ฉันมีอีกคำถามที่อยากถามเธอ” เมื่อได้ยินที่ปุยฝ้ายเล่า ทำให้ในใจผมเกิดคำถามขึ้น

    “จะถามอะไรล่ะ?ถามมาสิ ฉันเองก็มีเรื่องอยากถามนายเหมือนกัน”

    “เมื่อเธอเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับโซระมากที่สุด และรู้จักเธอดีที่สุด แล้วในเมื่อเธอรู้ว่าฉันจะให้โซระมาเป็นคู่ควงไปงานเลี้ยงซึ่งมันเป็นงานที่ยากลำบากทีเดียวสำหรับโซระ เธอจะห้ามโซระไหม?” ผมยิงคำถามออกไป

    “ไม่หรอก ไม่ห้ามแน่นอน” เธอตอบอย่างรวดเร็ว ไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย “ฉันคิดว่ามันเป็นโอกาสดีสำหรับโซระด้วยซ้ำ”

    งั้นเหรอ ฉันดีใจนะที่เธอพูดอย่างนี้” พอได้ยินเธอตอบมาแบบนี้ มันทำให้ผมโล่งใจไม่น้อย

    “นี่นายรู้ไหม ตั้งแต่รู้จักกับนาย ยัยนั่นร่าเริงขึ้นเยอะเลยนะ เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นยัยนั่นสนิทสนมกับคนอื่นอย่างนี้น่ะ เพราะฉะนั้นฉันเลยคิดว่าถ้าเป็นนาย ต้องช่วยให้เธอเปลี่ยนแปลงตัวเธอได้แน่

    “ฉันไม่ได้ช่วยอะไรหรอก มันอยู่ที่ตัวโซระต่างหาก” นั่นสิตัวผมจะไปช่วยอะไรเธอได้

    “ไม่หรอก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนายนั่นแหละ” เธอตอบ

    งั้นแสดงว่าอีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอน่ะสิ” ผมพูดออกไป พลางคิดในใจว่า ปุยฝ้ายเป็นคนสำคัญกับโซระมากจริงๆ

    อุ๊บ!ฉันคิดว่านายนี่ก็เป็นคนดีเหมือนกันนะ ไคล์ เธอหัวเราะออกมาเบาๆ และยิ้มอย่างอารมณ์ดี

    “ฉันเองก็มีคำถามอยากถามนายเหมือนกัน” คราวนี้เธอทำหน้าจริงจัง และกำลังจะยิงคำถามใส่ผมบ้าง

    “...” ผมนิ่งเงียบคอยฟังคำถาม

    “นายชอบโซระใช่ไหมล่ะ” เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง และคำถามนั่นก็ทำเอาผมตกใจไม่ทันตั้งตัว ก็ยัยนี่เล่นถามกันตรงๆโต้งๆเลยแฮะ

    O///O ไม่ใช่นะ ฉันนนไม่ได้ชอบยัยนั่น” ผมรีบปฏิเสธออกไปอย่างตะกุกตะกัก ผมชอบยั่ยนั่นเหรอ ไม่ใช่นะ ที่เข้ามาใกล้ๆเธอ เพราะเรื่องงานเต้นรำต่างหากล่ะ ผมพยายามย้ำในใจ

    “อ้อเหรอ” เธอยิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนเดินจากไปอย่างพอใจ ดูเหมือนว่าเธอจะสามารถตอบคำถามที่เธอสงสัยได้แล้ว -///-

    “อ้าว!ปุยฝ้าย อยู่นี่นี่เอง ฉันตามหาเธอไปทั่วเลยนะ ฉันมีเรื่องอยากบอกเธอล่ะ” โซระเปิดประตูจากบันไดขึ้นมาบนดาดฟ้า พร้อมกับวิ่งไปหาปุยฝ้าย

    “นายก็อยู่ด้วยเหรอเนี่ย” เธอพูดพลางมองมาที่ผม วันนี้เธอดูสดใสขึ้น เธอคงยกโทษให้ผมแล้วใช่ไหม

    “ว่าแต่เธอมีเรื่องอะไรดีๆล่ะ” ปุยฝ้ายถามเมื่อเห็น หน้าตาอารมณ์ดีของเพื่อนเลิฟ

    “นี่ๆๆวันนี้น่ะ ฉันไปสั่งซื้ออาหารเองล่ะ ในโรงอาหารที่มีคนเต็มไปหมดเลยได้แล้วล่ะ”โซระพูดพร้อมกับกอดปุยฝ้าย ผมแอบยิ้มเล็กๆกับสิ่งที่เธอพูดมา โซระเธอพยามยามได้ดีมาก

    “จริงเหรอ พยายามได้ดีมาก” ปุยฝ้ายยิ้มพอใจในตัวของเพื่อนและกอดเธอกลับ ปุยฝ้ายหันมามองหน้าผม พร้อมทั้งกับยักคิ้วให้ผม ( ^_' ) เหมือนกับเป็นการพูดว่า “เห็นไหมล่ะ โซระกำลังพยายามในแบบของตัวเองอยู่” ผมจึงยิ้ม และพยักหน้าตอบเป็นการส่งสัญญาณว่า “อืม!ผมเข้าใจแล้ว”

    นายไคล์ เมื่อวานนี้ฉันขอโทษนะ” โซระเดินก้มหน้าเข้ามาหาผม (_ _) พร้อมกับกล่าวขอโทษ

    “แล้วก็...ขอบคุณ” เธอพูดต่อ แต่ในตอนนี้เธอเงยหน้าขึ้นมา แล้วก็ส่งรอยยิ้มให้ผม ท่าทางในตอนนี้ของเธอน่ารักดี -.,-

    อืม!ไม่เป็นไร ฉันเองก็ต้องขอโทษเธอเหมือนกัน” ผมกล่าวขอโทษ เพราะได้รู้แล้วว่าได้พูดจี้ใจดำเธอไป

     “^^

    “^^”

    “วันนี้ฉันตั้งใจเรียนไม่ได้แอบงีบหลับเลยสักคาบนะ แล้วเมื่อคืนฉันก็อ่านหนังสือเตรียมพร้อมสำหรับวันนี้มาล่วงหน้าแล้วด้วย” เธอพูดต่อ และเมื่อได้ยินดังนั้นก็ทำให้ผมดีใจ เธอไม่ทำให้ผมผิดหวังจริงๆ^^

    “จริงเหรอ ทำได้ดีมาก ตั้งใจต่อไปล่ะ” ผมพูด พลางยกมือขยี้หัวเธอ

    “เธอไม่ต้องห่วงนะ ฉันเลือกคนถูกแล้วล่ะ” ผมเดินเข้าไปกระซิบกับปุยฝ้าย

    “ทั้งสองคนแล้วเจอกันที่ห้องนะ” ผมพูด แล้วเดินออกจากดาดฟ้าลงบันไดอย่างสบายอารมณ์ เลยไม่ได้ยิน เสียงที่กระซิบตอบเบาๆของปุยฝ้าย “นายบอกไม่ชอบงั้นเหรอ แต่สายตานายน่ะ เขียนไว้ชัดเลยว่าชอบมากๆนะ ^__^

    ]]]]]]จบ...บทที่ 2]]]]]]]

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×