ห้องสมุด Darkness Royal โรงเรียนเวทย์มนต์

ลำดับตอนที่ #1 : ตำนานแม่มด คู่มือค้อนตัดสิน สิ้นสุดยุคแม่มดโบราณ

จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ความรู้สึกของคนต่อสาวกของซาตานและอำนาจร้ายก็ยังคงผสมผสานกันระหว่างความทึ่งและความกลัว และแม้กระทั้งคู่มือเพื่อช่วยในการตรวจสอบและจัดการกับแม่มดมาตั่งแต่ปี ค.ศ.1486 เรียกว่า มัลเลียสมาเลอฟิคารัม (Malleus Maleficarum) หรื

อแปลเป็นไทยก็คือค้อนตัดสินของแม่มด 

ถือเป็นคู่มือปีศาจวิทยาที่มีอยู่จริงๆ และยังใช้กันจริงๆ 
หนังสือคู่มือดังกล่าวครอบคลุมปัญหาเร่งด่วนที่ต้องการหาคำตอบในสมัยนั้น เป็นต้นว่า
จริงหรือที่ความเชื่อเรื่องแม่มดเป็นปัญหาใหญ่ต่อความเชื่อของคาทอลิกจนจำเป็นต้องยืนกรานความคิดที่ต่อต้านความเชื่อนอกรีตกลุ่มนี้

ซึ่งจากคู่มมือนี้เองทำให้เกิดการปราบปรามพวกแม่มด ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกแพะรับบาป >< ซึ่งผู้ที่สนใจทางดานวิคคาก็ถูก นำไปเป็นผู้ต้องหาด่วยด่วย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่สุด สำหรับเหตุกาลนี้ ผู้ต้งหาส่วนใหญ่ ก็จะเป็นแม่บ้านวิคคา หรือ หญิงชราแก่ๆๆ ที่เลียงแมวและอยู่ตัวคนเดียว
ประวัติความเป็นมาของ ลัทธิแม่มดนั้น แต่เดิมในยุโรปสมัยโบราณ ผู้หญิงเป็นผู้ที่ควบคุมพลังทางจิตวิญญาณของสังคม 
เนื่องจากผู้หญิงเป็นทั้งผู้ให้กำเนิด และเลี้ยงดูเด็กทารกให้เจริญวัย เป็นผู้ปรุงยาสมุนไพรเพื่อการรักษาโรค ดูแลเกษตรกรรม
และกิจกรรมอื

่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับพื้นดิน ผู้หญิงจึงเป็นผู้นำของ ภูมิปัญญาท้องถิ่น(wicca) อย่างแท้จริง มีการบูชาธรรมชาติ 
เช่น พระอาทิตย์ พระจันทร์ ภูเขา แม่น้ำ และต้นไม้สีเขียวทั้งหลาย เป็นต้น ในสมัยนั้นประชาชนนิยมบูชา เทพธิดา 
หรือเทพเจ้าที่เป็นเพศหญิง(goddess) มากกว่าเทพเจ้าเพศชาย

 

เมื่อศาสนาคริสต์เกิดขึ้นและแพร่หลายไปในยุโรป บาทหลวงซึ่งเป็นเพศชายเริ่มต่อสู้แย่งชิงเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ
ทางจิตวิญญาณนั้นจากเพศหญิง บาทหลวงผู้ชายเริ่มกล่าวหาและประณามผู้หญิงซึ่งเป็นผู้นำของภูมิปัญญาท้องถิ่น 
ที่ปรุงยาสมุนไพร รักษาโรค และทำหน้าที่ผดุงครรภ์เหล่านั้นว่า แม่มด คำว่า แม่มด(witch) จึงเป็นคำที่ใช้กล่าวอ้าง
เพื่อที่จะประณาม ปราบปราม หรือทำลายผู้หญิงซึ่งเป็นเจ้าของภูมิปัญญาและผู้ควบคุมพลังจิตวิญญาณของสังคมในขณะนั้น

 

ในยุโรปยุคกลางหรือแม้แต่ในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 ทั้งในยุโรปและอเมริกา มีการออกตามล่า แม่มด กันอย่างขนานใหญ่ 
ผู้หญิงที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น แม่มด จะถูกจับมัดติดกับเสา และถูกเผาไฟทั้งเป็น หรือมิฉะนั้นก็จะถูกขว้างปาด้วยก้อนหินจนถึงแก่ชีวิต 
นับเ

ป็นการปราบปรามพลังแห่งจิตวิญญาณและสติปัญญาของเพศหญิงอย่างขนานใหญ่ในยุโรป เพื่อที่จะสถาปนาสังคม
ที่มีผู้ชายเป็นใหญ่(patriarchy)ขึ้นมาแทนที่ นับต่อจากนั้นศาสนาที่ผู้ชายเป็นใหญ่ จึงได้เข้าแทนที่ศาสนาที่มีผู้หญิงเป็นผู้นำ