ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : TH. ③
INTRO
The virus
The virus
'จงแด จงแด....'
'จงแดเตาะ...ตอบพี่หน่อย'
'ให้ตะ..ตายสิ สัญญา..ญาณไม่ดิ..ดีเลย'
'โจะ..จงแด พะ..พี่รออยู่ทะ..ที่มินิมาร์ทขะ..ข้างคอนโด..นะ'
'และ..แล้วเจอกะ..กัน ซ่าาาาาาาาาาาาาาาาา'
.
.
.
ร่างเล็กของใครบางคนกำลังนั่งรอเวลาเลิกเรียนของเด็กนักเรียนมัธยมปลายในสวนหย่อมเล็กๆภายในโรงเรียนของรัฐบาล นิ้วเล็กเคาะโต๊ะไม้เนื้อดีเป็นจังหวะพร้อมกับฮัมเพลงไปด้วยเบาๆ
จังหวะในการเคาะโต๊ะรัวเร็วและเชื่องช้าสลับกันไปในแต่ละทำนองของเพลง ใบหน้าน่ารักเปื้อนยิ้มเบาบาง แสงแดดอ่อนๆที่สอดส่องเข้ามาเล็กน้อยทำให้อากาศไม่จนหนาวเกินไป เงาของใบไม้ใหญ่ยิ่งทำให้บรรยากาศยิ่งร่มรื่นสบายตัว เสียงฮัมเพลงหยุดลงพร้อมกับจังหวะการเคาะที่เงียบไป
'คิม มินซอก' นักศึกษาปีสาม คณะมนุษย์ศาตร์ เหยียดแขนคู่เล็กของตนให้สุดเพื่อผ่อนคลายร่างกาย บิดตัวไปมาเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้ทรงยาว สูดหายใจเข้าลึกๆและค่อยๆปล่อยออกมาอย่างใจเย็น ตอนนี้ร่างเล็กรู้สึกสบายตัวขึ้นเยอะซึ่งแตกต่างจากเมื่อตอนสายที่ต้องมานั่งอุดอู้ทำรายงานอยู่ที่ห้องสมุดกับเพื่อนในกลุ่มและมันก็พึ่งเสร็จมาเมื่อชั่วโมงก่อนหน้านี้
ความเงียบที่โรยตัวลงมาโดยรอบเนื่องจากไม่มีใครอยู่นอกจากร่างเล็กไม่ได้ทำให้บรรยากาศดูหดหู่มากเท่าไหร่ มินซอกก้มมองนาฬิกาข้อมือตัวเก่งที่รุ่นน้องคนสนิทพึ่งจะซื้อมาให้เมื่อวันเกิดที่พึ่งผ่านมา ราคามันแพงจนหูฉี่แต่ก็โชคดีที่สองคนนั้นมันรวมตังค์กันซื้อให้เขา เข็มสั้นสีดำชี้ไปยังเลขสามเยื้องเลขสี่พร้อมกับเข็มยาวที่กำลังหมุนชี้ไปที่เลขสิบ
"อีกสิบนาที" เสียงหวานพูดกับตัวเองเบาๆคล้ายเหมือนเตือนว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเขาจะเจอหน้ารุ่นน้องสุดที่รักทั้งสอง
แต่สิบนาทีที่ว่ามันก็ช่างยาวนาน....
"อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก" เสียงแหบแห้งของใครคนหนึ่งที่เดาว่าน่าจะเป็นผู้ชายร้องโอดครวญคล้ายเจ็บปวดดังมาจากอีกฟากหนึ่งของสวนหย่อม เสียงเสียงนั้นทำให้มินซอกสะดุ้งสุดตัวสัญชาตญาณความอยากรู้อยากเห็นทำให้ขาเล็กเจ้ากรรมรีบสาวเท้าไปยังต้นเหตุของเสียงทันที
ร่างเล็กเดินลัดเลาะมาถึงจุดเกินเหตุ ภาพของผู้ชายตรงหน้าที่ขึ้นคร่อมใครคนหนึ่งซึ่งมินซอกรู้จักดี มันจะไม่เป็นปัญหาอะไรมากมายถ้าคนที่ขึ้นคร่อมนั่นกำลังไม่ฉีกเนื้อหนังที่เหี่ยวย่นของภารโรงแก่ๆคนหนึ่งจนมันขาดติดมือไปเป็นแผ่นๆ มือที่แห้งเหี่ยวและมีเลือดแห้งกรังติดอยู่เป็นจุดๆตะครุบไปที่ไหล่ของชายชราจนเสียงแหบแห้งต้องร้องขึ้นอย่างเจ็บปวดอีกครั้ง
สักพักเสียงนั่นก็หยุดไปพร้อมกับลมหายใจที่ขาดหายไปอย่างเวทนา..
มินซอกยกมือขึ้นมาป้องปากพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินลงมาอย่างห้ามไม่ได้ ชายที่ขึ้นคร่อมยังคงกัดกินไปยังไหล่หนาของชายที่พึ่งเสียชีวิตไปด้วยฝีมือของตนอย่างหิวกระหายจนมินซอกสะอื้นไห้เสียงแผ่ว ทำไมถึงต้องเป็น...
ภารโรงแก่ๆคนหนึ่งที่มักจะยิ้มทักทายเขาอย่างเป็นมิตร..
ภารโรงแก่ๆคนหนึ่งที่ทำดีกับคนอื่นๆโดยไม่หวังผลตอบแทน..
ภารโรงแก่ๆคนหนึ่งที่ดูแลลสวนหย่อมนี้อย่างดีราวกับว่ามันเป็นครึ่งชีวิต..
กำลังค่อยๆลุกขึ้นมาด้วยสภาพที่น่าเวทนาพร้อมเสียงร้องโหยหวนกับชีวิตใหม่..
"เฮือก" ร่างเล็กผวาสุดตัวกับคนตรงหน้า ชายคนที่ขึ้นคร่อมกำลังค่อยๆยันตัวขึ้นมาจากพื้นอย่างทุลักทุเล มือแห้งเหี่ยวที่บัดนี้กำลังหันมาทางเขาค่อยๆเกร็งนิ้วจนเห็นเส้นเลือดที่นูนขึ้นมา มินซอกกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างหวาดผวา เสียงร้องเหมือนดีใจที่ได้เจอเหยื่อดังขึ้นจากลำคอที่ส่วนหนึ่งขาดว่อน เลือดสีเข้มเกือบดำไหลเยิ้มออกมาจากแผลที่ซอกคอและปากที่ไร้ริมฝีปากปกปิด
"อืออออออออออออออออออออ"
"แฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ่"
ปึก!
นับว่าเป็นโชคดีในโชคร้ายของมินซอกหรือปล่าวแต่ร่างเล็กก็ไม่สนใจ ชายหนุ่มที่คอขาดไปครึ่งซีกเดินสะดุดกับก้อนหินก้อนใหญ่ที่ตั้งขวางอยู่ทำให้ร่างทั้งร่างล้มตัวไปกองอยู่กับพื้น ซึ่งมันก็นับว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ร่างเล็กจะได้หาทางหนีเพื่อพ้นจากสถานนะการชวนคลื่นไส้นี่
มินซอกรีบวิ่งแหวกโพรงพุ่มไม้หนีออกมาโดยเร็วและไม่แม้แต่จะคิดหันกลับไปมองภาพข้างหลัง
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด" เสียงกรีดร้องดังขึ้นบาดหูอีกครั้งจนร่างเล็กต้องยกมือขึ้นมาปิดหู เปลือกตาบางปิดลงเหมือนไม่ต้องการรับรู้อะไรทั้งสิ้นขณะที่ขาเล็กภายใต้กางเกงสีอ่อนก็ยังคงวิ่งต่อไปเรื่อยๆและก็ดูเหมือนจะเร่งฝีเท้าขึ้นไปอีก
เสียงฝีเท้ายังดังแข่งกับความสับสนที่จุกแน่นไปทั่วอก จนมินซอกรู้สึกว่าตัวเองชนเข้ากับอะไรบางอย่างที่มีลักษณะเป็นของเหลวและของแข็ง แต่ความรู้สึกที่แล่นเข้ามาอย่างแรกคือ...เย็น ตัดสินใจเหลือบตามองแล้วก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อพบกับศพคนเป็นๆที่ยืนคอตกอยู่ตรงหน้า เลือดสีแดงเกือบดำไหลย้อยออกมาจากแผลเหวอะหวะที่หัว เศษแก้วเล็กๆแต่คมบาดใจยังคงให้เห็นอยู่บนศีรษะที่มีเลือดไหลลงมาไม่ขาดสาย มันส่งกลิ่นเหม็นชวนคลื่นไส้ออกมาจนร่างบางอยากอาเจียน
ทันใดนั้นสายตาที่สั่นคลอนก็เหลือบไปเห็นรอยกัดที่คล้ายๆฟันตรงบริเวณซอกคอ...
หรือว่า...
"กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ"
พลั่ก!!
ร่างบางใช้แรงที่มีทั้งหมดดันอกศพคนตรงหน้าให้ออกห่างและรีบวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต ยิ่งได้ยินเสียงร้องอย่างโหยหวนที่ตามมาติดๆก็ยิ่งเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นและเร็วขึ้น
เขาไม่รู้หรอกว่าตัวเองมาอยู่ที่สนามบาสข้างโรงยิมได้ไง..
รู้แต่ว่าที่นี่มันกำลังจะกลายเป็นนรกไปแล้ว..
ซากศพคนจำนวนมากที่เดินเพล่นพล่านอยู่ในนั้น..
ยิ่งทำให้หัวใจดวงเล็กเต้นตึงตังด้วยความหวาดผวา..
เด็กนักเรียนคนหนึ่งที่ถูกกัดจนแขนขาดไปหนึ่งข้างๆกำลังร้องขอความช่วยเหลืออย่างสุดชีวิต..
แต่เขาก็ทำได้แค่ยืนมองด้วยสายตาที่มีน้ำตาเอ่อคลอ..
มันเกิดบ้าอะไรขึ้น ?
ทำไม ?
"กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ"
จังหวะในการเคาะโต๊ะรัวเร็วและเชื่องช้าสลับกันไปในแต่ละทำนองของเพลง ใบหน้าน่ารักเปื้อนยิ้มเบาบาง แสงแดดอ่อนๆที่สอดส่องเข้ามาเล็กน้อยทำให้อากาศไม่จนหนาวเกินไป เงาของใบไม้ใหญ่ยิ่งทำให้บรรยากาศยิ่งร่มรื่นสบายตัว เสียงฮัมเพลงหยุดลงพร้อมกับจังหวะการเคาะที่เงียบไป
'คิม มินซอก' นักศึกษาปีสาม คณะมนุษย์ศาตร์ เหยียดแขนคู่เล็กของตนให้สุดเพื่อผ่อนคลายร่างกาย บิดตัวไปมาเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้ทรงยาว สูดหายใจเข้าลึกๆและค่อยๆปล่อยออกมาอย่างใจเย็น ตอนนี้ร่างเล็กรู้สึกสบายตัวขึ้นเยอะซึ่งแตกต่างจากเมื่อตอนสายที่ต้องมานั่งอุดอู้ทำรายงานอยู่ที่ห้องสมุดกับเพื่อนในกลุ่มและมันก็พึ่งเสร็จมาเมื่อชั่วโมงก่อนหน้านี้
ความเงียบที่โรยตัวลงมาโดยรอบเนื่องจากไม่มีใครอยู่นอกจากร่างเล็กไม่ได้ทำให้บรรยากาศดูหดหู่มากเท่าไหร่ มินซอกก้มมองนาฬิกาข้อมือตัวเก่งที่รุ่นน้องคนสนิทพึ่งจะซื้อมาให้เมื่อวันเกิดที่พึ่งผ่านมา ราคามันแพงจนหูฉี่แต่ก็โชคดีที่สองคนนั้นมันรวมตังค์กันซื้อให้เขา เข็มสั้นสีดำชี้ไปยังเลขสามเยื้องเลขสี่พร้อมกับเข็มยาวที่กำลังหมุนชี้ไปที่เลขสิบ
"อีกสิบนาที" เสียงหวานพูดกับตัวเองเบาๆคล้ายเหมือนเตือนว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเขาจะเจอหน้ารุ่นน้องสุดที่รักทั้งสอง
แต่สิบนาทีที่ว่ามันก็ช่างยาวนาน....
"อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก" เสียงแหบแห้งของใครคนหนึ่งที่เดาว่าน่าจะเป็นผู้ชายร้องโอดครวญคล้ายเจ็บปวดดังมาจากอีกฟากหนึ่งของสวนหย่อม เสียงเสียงนั้นทำให้มินซอกสะดุ้งสุดตัวสัญชาตญาณความอยากรู้อยากเห็นทำให้ขาเล็กเจ้ากรรมรีบสาวเท้าไปยังต้นเหตุของเสียงทันที
ร่างเล็กเดินลัดเลาะมาถึงจุดเกินเหตุ ภาพของผู้ชายตรงหน้าที่ขึ้นคร่อมใครคนหนึ่งซึ่งมินซอกรู้จักดี มันจะไม่เป็นปัญหาอะไรมากมายถ้าคนที่ขึ้นคร่อมนั่นกำลังไม่ฉีกเนื้อหนังที่เหี่ยวย่นของภารโรงแก่ๆคนหนึ่งจนมันขาดติดมือไปเป็นแผ่นๆ มือที่แห้งเหี่ยวและมีเลือดแห้งกรังติดอยู่เป็นจุดๆตะครุบไปที่ไหล่ของชายชราจนเสียงแหบแห้งต้องร้องขึ้นอย่างเจ็บปวดอีกครั้ง
สักพักเสียงนั่นก็หยุดไปพร้อมกับลมหายใจที่ขาดหายไปอย่างเวทนา..
มินซอกยกมือขึ้นมาป้องปากพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินลงมาอย่างห้ามไม่ได้ ชายที่ขึ้นคร่อมยังคงกัดกินไปยังไหล่หนาของชายที่พึ่งเสียชีวิตไปด้วยฝีมือของตนอย่างหิวกระหายจนมินซอกสะอื้นไห้เสียงแผ่ว ทำไมถึงต้องเป็น...
ภารโรงแก่ๆคนหนึ่งที่มักจะยิ้มทักทายเขาอย่างเป็นมิตร..
ภารโรงแก่ๆคนหนึ่งที่ทำดีกับคนอื่นๆโดยไม่หวังผลตอบแทน..
ภารโรงแก่ๆคนหนึ่งที่ดูแลลสวนหย่อมนี้อย่างดีราวกับว่ามันเป็นครึ่งชีวิต..
กำลังค่อยๆลุกขึ้นมาด้วยสภาพที่น่าเวทนาพร้อมเสียงร้องโหยหวนกับชีวิตใหม่..
"เฮือก" ร่างเล็กผวาสุดตัวกับคนตรงหน้า ชายคนที่ขึ้นคร่อมกำลังค่อยๆยันตัวขึ้นมาจากพื้นอย่างทุลักทุเล มือแห้งเหี่ยวที่บัดนี้กำลังหันมาทางเขาค่อยๆเกร็งนิ้วจนเห็นเส้นเลือดที่นูนขึ้นมา มินซอกกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างหวาดผวา เสียงร้องเหมือนดีใจที่ได้เจอเหยื่อดังขึ้นจากลำคอที่ส่วนหนึ่งขาดว่อน เลือดสีเข้มเกือบดำไหลเยิ้มออกมาจากแผลที่ซอกคอและปากที่ไร้ริมฝีปากปกปิด
"อืออออออออออออออออออออ"
"แฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ่"
ปึก!
นับว่าเป็นโชคดีในโชคร้ายของมินซอกหรือปล่าวแต่ร่างเล็กก็ไม่สนใจ ชายหนุ่มที่คอขาดไปครึ่งซีกเดินสะดุดกับก้อนหินก้อนใหญ่ที่ตั้งขวางอยู่ทำให้ร่างทั้งร่างล้มตัวไปกองอยู่กับพื้น ซึ่งมันก็นับว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ร่างเล็กจะได้หาทางหนีเพื่อพ้นจากสถานนะการชวนคลื่นไส้นี่
มินซอกรีบวิ่งแหวกโพรงพุ่มไม้หนีออกมาโดยเร็วและไม่แม้แต่จะคิดหันกลับไปมองภาพข้างหลัง
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด" เสียงกรีดร้องดังขึ้นบาดหูอีกครั้งจนร่างเล็กต้องยกมือขึ้นมาปิดหู เปลือกตาบางปิดลงเหมือนไม่ต้องการรับรู้อะไรทั้งสิ้นขณะที่ขาเล็กภายใต้กางเกงสีอ่อนก็ยังคงวิ่งต่อไปเรื่อยๆและก็ดูเหมือนจะเร่งฝีเท้าขึ้นไปอีก
เสียงฝีเท้ายังดังแข่งกับความสับสนที่จุกแน่นไปทั่วอก จนมินซอกรู้สึกว่าตัวเองชนเข้ากับอะไรบางอย่างที่มีลักษณะเป็นของเหลวและของแข็ง แต่ความรู้สึกที่แล่นเข้ามาอย่างแรกคือ...เย็น ตัดสินใจเหลือบตามองแล้วก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อพบกับศพคนเป็นๆที่ยืนคอตกอยู่ตรงหน้า เลือดสีแดงเกือบดำไหลย้อยออกมาจากแผลเหวอะหวะที่หัว เศษแก้วเล็กๆแต่คมบาดใจยังคงให้เห็นอยู่บนศีรษะที่มีเลือดไหลลงมาไม่ขาดสาย มันส่งกลิ่นเหม็นชวนคลื่นไส้ออกมาจนร่างบางอยากอาเจียน
ทันใดนั้นสายตาที่สั่นคลอนก็เหลือบไปเห็นรอยกัดที่คล้ายๆฟันตรงบริเวณซอกคอ...
หรือว่า...
"กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ"
พลั่ก!!
ร่างบางใช้แรงที่มีทั้งหมดดันอกศพคนตรงหน้าให้ออกห่างและรีบวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต ยิ่งได้ยินเสียงร้องอย่างโหยหวนที่ตามมาติดๆก็ยิ่งเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นและเร็วขึ้น
เขาไม่รู้หรอกว่าตัวเองมาอยู่ที่สนามบาสข้างโรงยิมได้ไง..
รู้แต่ว่าที่นี่มันกำลังจะกลายเป็นนรกไปแล้ว..
ซากศพคนจำนวนมากที่เดินเพล่นพล่านอยู่ในนั้น..
ยิ่งทำให้หัวใจดวงเล็กเต้นตึงตังด้วยความหวาดผวา..
เด็กนักเรียนคนหนึ่งที่ถูกกัดจนแขนขาดไปหนึ่งข้างๆกำลังร้องขอความช่วยเหลืออย่างสุดชีวิต..
แต่เขาก็ทำได้แค่ยืนมองด้วยสายตาที่มีน้ำตาเอ่อคลอ..
มันเกิดบ้าอะไรขึ้น ?
ทำไม ?
"กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ"
.
.
.
.
.
เสียงฝีเท้านับร้อยที่เดินเร่ร่อนอยู่ท่ามกลางความมืดมิดของใจกลางเมืองหลวงเกาหลีใต้กำลังออกหาเหยื่อ รถราต่างๆจอดคาทิ้งไว้ให้เห็นอยู่ระรานตาบางทีก็แปลกใจไม่น้อยที่ทำไมถึงตัดสินใจทิ้งรถไปทั้งที่มันก็สามารถใช้ประโยนช์ได้มากมาย หรือว่าปัจจัยต่างๆในการใช้ชีวิตของมนุษย์ทุกคนมันผันเปรี่ยนไปแล้ว
จากกองเงินที่สามารถซื้อแลกเปลี่ยนสิ่งของต่างๆกลายเป็นแค่เศษกระดาษ
จากอาหารธรรมดาๆที่ขายตามข้างทางกลายเป็นสิ่งของที่จำเป็นที่สุดในตอนนี้
จากที่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุขกลายเป็นต้องมาหนีหัวซุกหัวซุนเพื่อเอาตัวรอด
จากแค่หนังภาพยนตร์ธรรมดาๆที่จะไม่ใช่หนังที่ใช้ฉายในโรงภาพยนตร์อีกต่อไป
จากแค่การที่มีชีวิตอยู่ไปวันๆกลายเป็นตายอย่างทรมาน!!
แฮก..แฮก..แฮก
เสียงหอบหายใจช้าๆแต่รุนแรงดังขึ้นจากชายหนุ่มผู้ที่มีชีวิตรอดเพียงผู้เดียวภายในย่านแห่งนี้ นัยต์ตาคมเหลือบหันไปมองศพที่ไร้ชีวิตนับร้อยที่เดินเพล่นพล่านอยู่ตามบริเวณต่างๆภายในถนนที่ตัดผ่านหน้าคอนโดและอพาร์ทเม้นต์เล็กๆที่พึ่งจะระเบิดเป็นจุนไปเมื่อสิบนาทีที่แล้ว แน่นอนเสียงระเบิดบ้าๆนั่นทำให้พวกมันที่อยู่ใรระแวกนี้หันมาสนใจเป็นจุดๆเดียว ทันทีทันใดฝูงผีดิบนับสิบก็เดินมารุมอยู่ที่รั้วกำแพงกันเป็นแนวยาว
ร่างโปร่งตัดสินใจเดินอ้อมมาข้างหลังอพาร์ทเม้นต์เพื่อหาทางหนีโชคดีไม่น้อยที่ไม่มีพวกมันสักตัว อาจจะเพราะหันไปสนใจเสียงระเบิดนั่นเลยพากันเดินออกไป ข้างหลังตึกอพาร์ทเม้นต์เก่าๆนี้มีพื้นที่กว้างพอสมควรและถัดไปคือกำแพงที่ไม่ได้สูงมากนักตั้งอยู่เป็นแนวระยะสั้นๆข้างหลังกำแพงมีต้นไม้ที่สูงชันถึงมันจะมืดแต่เขาก็พอเดาได้ว่ามันกินพื้นที่ไปไม่น้อยเลยทีเดียว เสียงแมลงต่างๆที่พากันประสานเสียงขับร้องดังก้องมาจากป่าทึบที่มืดสนิทซึ่งมันก็ดังพอสมควร
แต่ทำไมไอ้พวกบ้านั่นไม่มีใครตามเสียงนี้มาเลยล่ะ ?
มนุษย์ผู้เหลือรอดเพียงคนเดียวพยายามใช้มันสมองที่สั่งสมความรู้มาตั้งแต่เล็กยันโตคิดวิเคราะห์เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น การตอบสนองของพวกมันตามที่เขาเคยติดตามหนังแนวนี้มาอย่างแรกคือ เสียง..
พวกมันจะมีการตอบสนองต่อเสียงไม่ว่าจะเสียงอะไรก็ตาม การรับรู้ของมันจะยึดเสียงเป็นหลักและตรงเข้าสู่แหล่งเกิดเสียงทันทีที่ได้ยิน แต่ทำไมไอ้พวกบ้านี่ถึงไม่ตามเสียงแมลงนี่มา ? เสียงมันดังไม่น้อยซะที่ไหนบางทีอาจจะดังออกไปถึงนอกถนนแล้วด้วยซ้ำ ชายหนุ่มหันกลับไปมองเหล่าผีดิบที่บางส่วนยังคงรุมอยู่ตรงกำแพงและบางส่วนก็เดินวนอยู่รอบๆหน้าตึก เหมือนกับว่าพวกมันกำลังรอคอยอะไรสักอย่าง!!!
ตึง!! ตึง!!
ทันใดนั้นเสียงตึงตังจากห้องชั้นล่างคล้ายมีของตกก็ดังขึ้น ผีดิบทุกตัวที่เดินอยู่แถวๆนั้นรีบไปรุมที่หน้าห้องทันทีที่ได้ยินเสียง พวกมันกระหน่ำทุบประตูอย่างแรงพร้อมกับเสียงตึงตังที่ยังไม่เงียบไปสักที หรือว่าจะมีคนอยู่ในนั้น ? ร่างโปรางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ขณะที่สายตาก็ยังจดจ้องไปที่ห้องๆนั้น
อพาร์ทเม้นท์เก่าๆนี้มีสองชั้นชั้นแรกมีพื้นซีเม้นต์ที่ปูทับด้วยกระเบื้องสีสวยยื่นออกมา ส่วนชั้นสองมีระเบียงที่ยื่นออกมาในระยะที่เท่ากับพื้นซีเมนต์ของชั้นล่าง ตัวห้องแต่ละห้องขนาดเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสซึ่งกินพื้นที่ตั้งแต่หน้าตึกถึงหลังตึก ข้างหลังห้องทุกห้องจะมีหน้าต่างไว้ระบายอากาศห้องละสองบานซึ่งเป็นหน้าต่างแบบเลื่อนเปิดปิด ถ้าให้เขาเดาคาดว่าข้างในห้องคงมีเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้อำนวยความสะดวกหลายๆอย่าง เช่น ตู้ โต๊ะ เตียง เป็นต้น ซึ่งรวมๆแล้วก็น่าจะมีสักแปดถึงเก้าห้อง
ปัง ปัง
เสียงทุบประตูยังคงดังกระหน่ำไปทั่วบริเวณเรียกให้พวกผีดิบที่เดินอยู่บนถนนหันมาสนใจทันที พวกมันเดินมาหยุดอยู่ที่รั้วและกำแพงพร้อมกับเสียงโหยหวนโดยที่พวกผีดิบที่ยืนอยู่ข้างหน้าห้องก็ยังคงทุบไปที่ประตูห้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ครืดด...
เสียงเลื่อนหน้าต่างเรียกความสนใจแก่ร่างโปร่ง ชายหนุ่มละสายตาจากห้องแรกไปมองห้องถัดไปที่มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังปีนออกมาจากหน้าต่าง ลู่ห่านเบิกตาโพรงมองหน้าเด็กหนุ่มผิวเข้มที่ตีหน้าตายขณะที่กำลังปีนออกมาอย่างทุลักทุเล ให้ตายสิยังมีคนเหลือรอดอยู่อีกหรอ !!
"นาย?" ชายหนุ่มเปล่งเสียงออกมาคล้ายคำถามแล้วชี้นิ้วไปที่เด็กหนุ่ม
"อะไร?" คำตอบที่ถูกส่งมาห้วนๆทำให้ลู่ห่านลดนิ้วลง
"เสียงนั่นฝีมือของนายหรอ ?" ชี้นิ้วไปที่ห้องๆแรกแล้วเอ่ยปากถาม
"อือ" คำตอบยานๆที่ส่งกับทำให้ลู่ห่านไม่คิดจะสานต่อ เออ! ก็คนมันพึ่งเจอกัน!!
"พี่รู้ป่ะว่ามันเกิดอะไรขึ้น?" คำถามจริงๆจังๆถูกส่งมาจากปากของเด็กหนุ่ม ลู่ห่านเหล่ตามองเล็กน้อยแล้วตอบตามความจริง
"ไม่รู้" ตอบเสียงแข็งๆไปแล้วเชิดหน้า
"ผมรู้"
"ห๊ะ นายรู้หรอ" ลู่ห่านมองคนที่อายุน้อยกว่าอย่างอึ้งๆและเผลออุทานออกมาเสียง เด็กหนุ่มหน้าตาขวางโลกอย่างนี้น่ะหรอจะรู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ?
"ชู่วว เงียบหน่อย ผมกำลังเบี่ยงเบนความสนใจมันอยู่" ยกนิ้วขึ้นมาจุ๊ปากบอกให้อีกคนเงียบเพื่อรอดูผลงาน
"เบี่ยงเบนอะไร" ลู่ห่านถาม
"รอดูเถอะแต่ตอนนี้เราต้องหาที่ซ่อน เราต้องอยู่ห่างจากห้องหกสิบเมตร" เด็กหนุ่มถอนหายใจแล้วส่ายหน้าเบาๆพร้อมพูดตอบและออกตัวเดินห่างจากตึก
"อะไรหกสิบเมตร?" ลู่ห่านทำหน้าเหรอหราแต่ก็ยอมตามไปด้วย เด็กหนุ่มเดินไปที่มุมของกำแพงด้านหลังตรงนั้นมีกล่องลังขนาดใหญ่วางซ้อนกันระเกะระกะกันเต็มไปหมด มือหนาพยายามดึงกล่องพวกนั้นออกแล้วโยนไปข้างๆอย่างรีบๆ
"ถ้าจะยืนอยู่อย่างนั้นเดินไปให้มันกินเถอะ" พูดเสียงยานๆกลับมาแต่ประโยคกับแทงใจคนที่ยืนดูอยู่อย่างเจ็บแปรบ
"ช่วยก็ช่วย" บอกปัดๆแล้วรีบไปช่วยเด็กหนุ่มดึงกล่องลังขนาดใหญ่ที่อยู่ในสุด ทั้งสองช่วยกันดึงอยู่สักพักกล่องก็หลุดออกมา ร่างโปร่งสังเกตเห็นรูขนาดใหญ่มากที่สามารถกลืนเขาไปได้ทั้งตัวอยู่ตรงมุมของกำแพง
"นี่ทำมันไว้หรอ" ลู่ห่านถามอึ้งๆ
"อือ นานละแหละแต่พึ่งมาใช้" ตอบเสียงยานๆและมุดตัวเข้าไปในรู
"เฮ้ยๆ รอก่อน" ลู่ห่านรีบพูดรั้งเด็กหนุ่มไว้แล้วรีบมุดตัวตามไปอีกคนหนึ่ง
ดูเหมือนว่าพวกผีดิบบ้านั่นมันจะเพิ่มจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเพราะประตูรั้วเหล็กถูกทุบจนพังเปิดโอกาสให้พวกมันสามารถเข้ามาได้ สิ่งแรกที่มันตรงเข้าไปคือประตูที่เกือบจะพังจากฝีมือของตัวอื่นๆที่มารุมก่อนหน้านี้ รุมตึงตังกันอยู่สักพักประตูเหล็กแผ่นบางก็ถูกทุบจนพังพร้อมกับเสียงระเบิดที่ดังสนั่นไปทั่วบริเวณ!
ตูมมมมมมมมมมมมมมมมม!!!
"เฮ้ย เสียงระเบิด" ลู่ห่านที่วิ่งตามเด็กหนุ่มร้องเสียงหลงเมื่อได้ยินเสียงระเบิดที่ดังพอสมควร เขาหันหน้าไปทางทิศทางเกิดเสียงและก็พบกับอพาร์ทเม้นต์เก่าๆที่ถูกไฟสีแดงฉานลุกโชนไปทั่ว ผีดิบตัวหนึ่งที่ถูกแรงระเบิดอัดจนเละเหลือแค่ครึ่งกระเด็นมาตกอยู่ที่หน้าเด็กหนุ่มจนลู่ห่านต้องร้องเสียงหลงอีกรอบ
"หวังว่ามันจะล่อพวกมันได้" เด็กหนุ่มวิ่งเหยาะๆไปหลบที่หลังต้นไม้ใหญ่แล้วนั่งมองผลงานของตนพร้อมกับพูดพึมพัมกับตนเอง
"แสดงว่าระเบิดนั่นฝีมือนาย" ลู่ห่านถามขณะที่วิ่งมานั่งข้างๆเด็กหนุ่ม
"อืม" ตอบกลับไปโดยที่สายตาก็ยังจ้องไปที่เปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้
"ชั้นสองก็ด้วย"
"อืม"
"นายชื่ออะไร" ถามคนข้างกายแล้วหันไปมองตึกที่กำลังส่องสว่างด้วยเปลวเพลิงบ้าง
"ทำไมผมต้องบอก" เด็กหนุ่มถามกลับไปเพราะไม่ไว้ใจคนที่อายุมากกว่า
"ถามไปงั้นจะได้ไปตั้งชื่อลูก" ร่างโปร่งพูดตอบกวนๆไปแล้วหัวเราะเหอะในลำคอ
"คิมจงอิน"
"เสี่ยวลู่ห่าน"
เมื่อสิบนาทีก่อน...
ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม..
"เฮือก" ร่างโปร่งสะดุ้งสุดตัวแล้วรีบวิ่งออกจากห้องทันที เสียงระเบิดที่ดังมาจากข้างหลังทำให้ตัดสินใจกระโดดลงไปข้างล่างทันทีบวกกับแรงระเบิดที่อัดมาจากข้างหลังทำให้ไม่มีทางเลือกอืื่น ร่างทั้งร่างตกลงสู่พื้นทันทีแต่ด้วยความสูงที่ไม่มากนักทำให้เขาไม่ได้เจ็บตัวอะไรมาก
แรงอัดของระเบิดทำให่สิ่งของต่างๆถูกระเบิดตามไปด้วย ข้าวของภายในห้องทุกชิ้น
จากกองเงินที่สามารถซื้อแลกเปลี่ยนสิ่งของต่างๆกลายเป็นแค่เศษกระดาษ
จากอาหารธรรมดาๆที่ขายตามข้างทางกลายเป็นสิ่งของที่จำเป็นที่สุดในตอนนี้
จากที่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุขกลายเป็นต้องมาหนีหัวซุกหัวซุนเพื่อเอาตัวรอด
จากแค่หนังภาพยนตร์ธรรมดาๆที่จะไม่ใช่หนังที่ใช้ฉายในโรงภาพยนตร์อีกต่อไป
จากแค่การที่มีชีวิตอยู่ไปวันๆกลายเป็นตายอย่างทรมาน!!
แฮก..แฮก..แฮก
เสียงหอบหายใจช้าๆแต่รุนแรงดังขึ้นจากชายหนุ่มผู้ที่มีชีวิตรอดเพียงผู้เดียวภายในย่านแห่งนี้ นัยต์ตาคมเหลือบหันไปมองศพที่ไร้ชีวิตนับร้อยที่เดินเพล่นพล่านอยู่ตามบริเวณต่างๆภายในถนนที่ตัดผ่านหน้าคอนโดและอพาร์ทเม้นต์เล็กๆที่พึ่งจะระเบิดเป็นจุนไปเมื่อสิบนาทีที่แล้ว แน่นอนเสียงระเบิดบ้าๆนั่นทำให้พวกมันที่อยู่ใรระแวกนี้หันมาสนใจเป็นจุดๆเดียว ทันทีทันใดฝูงผีดิบนับสิบก็เดินมารุมอยู่ที่รั้วกำแพงกันเป็นแนวยาว
ร่างโปร่งตัดสินใจเดินอ้อมมาข้างหลังอพาร์ทเม้นต์เพื่อหาทางหนีโชคดีไม่น้อยที่ไม่มีพวกมันสักตัว อาจจะเพราะหันไปสนใจเสียงระเบิดนั่นเลยพากันเดินออกไป ข้างหลังตึกอพาร์ทเม้นต์เก่าๆนี้มีพื้นที่กว้างพอสมควรและถัดไปคือกำแพงที่ไม่ได้สูงมากนักตั้งอยู่เป็นแนวระยะสั้นๆข้างหลังกำแพงมีต้นไม้ที่สูงชันถึงมันจะมืดแต่เขาก็พอเดาได้ว่ามันกินพื้นที่ไปไม่น้อยเลยทีเดียว เสียงแมลงต่างๆที่พากันประสานเสียงขับร้องดังก้องมาจากป่าทึบที่มืดสนิทซึ่งมันก็ดังพอสมควร
แต่ทำไมไอ้พวกบ้านั่นไม่มีใครตามเสียงนี้มาเลยล่ะ ?
มนุษย์ผู้เหลือรอดเพียงคนเดียวพยายามใช้มันสมองที่สั่งสมความรู้มาตั้งแต่เล็กยันโตคิดวิเคราะห์เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น การตอบสนองของพวกมันตามที่เขาเคยติดตามหนังแนวนี้มาอย่างแรกคือ เสียง..
พวกมันจะมีการตอบสนองต่อเสียงไม่ว่าจะเสียงอะไรก็ตาม การรับรู้ของมันจะยึดเสียงเป็นหลักและตรงเข้าสู่แหล่งเกิดเสียงทันทีที่ได้ยิน แต่ทำไมไอ้พวกบ้านี่ถึงไม่ตามเสียงแมลงนี่มา ? เสียงมันดังไม่น้อยซะที่ไหนบางทีอาจจะดังออกไปถึงนอกถนนแล้วด้วยซ้ำ ชายหนุ่มหันกลับไปมองเหล่าผีดิบที่บางส่วนยังคงรุมอยู่ตรงกำแพงและบางส่วนก็เดินวนอยู่รอบๆหน้าตึก เหมือนกับว่าพวกมันกำลังรอคอยอะไรสักอย่าง!!!
ตึง!! ตึง!!
ทันใดนั้นเสียงตึงตังจากห้องชั้นล่างคล้ายมีของตกก็ดังขึ้น ผีดิบทุกตัวที่เดินอยู่แถวๆนั้นรีบไปรุมที่หน้าห้องทันทีที่ได้ยินเสียง พวกมันกระหน่ำทุบประตูอย่างแรงพร้อมกับเสียงตึงตังที่ยังไม่เงียบไปสักที หรือว่าจะมีคนอยู่ในนั้น ? ร่างโปรางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ขณะที่สายตาก็ยังจดจ้องไปที่ห้องๆนั้น
อพาร์ทเม้นท์เก่าๆนี้มีสองชั้นชั้นแรกมีพื้นซีเม้นต์ที่ปูทับด้วยกระเบื้องสีสวยยื่นออกมา ส่วนชั้นสองมีระเบียงที่ยื่นออกมาในระยะที่เท่ากับพื้นซีเมนต์ของชั้นล่าง ตัวห้องแต่ละห้องขนาดเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสซึ่งกินพื้นที่ตั้งแต่หน้าตึกถึงหลังตึก ข้างหลังห้องทุกห้องจะมีหน้าต่างไว้ระบายอากาศห้องละสองบานซึ่งเป็นหน้าต่างแบบเลื่อนเปิดปิด ถ้าให้เขาเดาคาดว่าข้างในห้องคงมีเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้อำนวยความสะดวกหลายๆอย่าง เช่น ตู้ โต๊ะ เตียง เป็นต้น ซึ่งรวมๆแล้วก็น่าจะมีสักแปดถึงเก้าห้อง
ปัง ปัง
เสียงทุบประตูยังคงดังกระหน่ำไปทั่วบริเวณเรียกให้พวกผีดิบที่เดินอยู่บนถนนหันมาสนใจทันที พวกมันเดินมาหยุดอยู่ที่รั้วและกำแพงพร้อมกับเสียงโหยหวนโดยที่พวกผีดิบที่ยืนอยู่ข้างหน้าห้องก็ยังคงทุบไปที่ประตูห้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ครืดด...
เสียงเลื่อนหน้าต่างเรียกความสนใจแก่ร่างโปร่ง ชายหนุ่มละสายตาจากห้องแรกไปมองห้องถัดไปที่มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังปีนออกมาจากหน้าต่าง ลู่ห่านเบิกตาโพรงมองหน้าเด็กหนุ่มผิวเข้มที่ตีหน้าตายขณะที่กำลังปีนออกมาอย่างทุลักทุเล ให้ตายสิยังมีคนเหลือรอดอยู่อีกหรอ !!
"นาย?" ชายหนุ่มเปล่งเสียงออกมาคล้ายคำถามแล้วชี้นิ้วไปที่เด็กหนุ่ม
"อะไร?" คำตอบที่ถูกส่งมาห้วนๆทำให้ลู่ห่านลดนิ้วลง
"เสียงนั่นฝีมือของนายหรอ ?" ชี้นิ้วไปที่ห้องๆแรกแล้วเอ่ยปากถาม
"อือ" คำตอบยานๆที่ส่งกับทำให้ลู่ห่านไม่คิดจะสานต่อ เออ! ก็คนมันพึ่งเจอกัน!!
"พี่รู้ป่ะว่ามันเกิดอะไรขึ้น?" คำถามจริงๆจังๆถูกส่งมาจากปากของเด็กหนุ่ม ลู่ห่านเหล่ตามองเล็กน้อยแล้วตอบตามความจริง
"ไม่รู้" ตอบเสียงแข็งๆไปแล้วเชิดหน้า
"ผมรู้"
"ห๊ะ นายรู้หรอ" ลู่ห่านมองคนที่อายุน้อยกว่าอย่างอึ้งๆและเผลออุทานออกมาเสียง เด็กหนุ่มหน้าตาขวางโลกอย่างนี้น่ะหรอจะรู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ?
"ชู่วว เงียบหน่อย ผมกำลังเบี่ยงเบนความสนใจมันอยู่" ยกนิ้วขึ้นมาจุ๊ปากบอกให้อีกคนเงียบเพื่อรอดูผลงาน
"เบี่ยงเบนอะไร" ลู่ห่านถาม
"รอดูเถอะแต่ตอนนี้เราต้องหาที่ซ่อน เราต้องอยู่ห่างจากห้องหกสิบเมตร" เด็กหนุ่มถอนหายใจแล้วส่ายหน้าเบาๆพร้อมพูดตอบและออกตัวเดินห่างจากตึก
"อะไรหกสิบเมตร?" ลู่ห่านทำหน้าเหรอหราแต่ก็ยอมตามไปด้วย เด็กหนุ่มเดินไปที่มุมของกำแพงด้านหลังตรงนั้นมีกล่องลังขนาดใหญ่วางซ้อนกันระเกะระกะกันเต็มไปหมด มือหนาพยายามดึงกล่องพวกนั้นออกแล้วโยนไปข้างๆอย่างรีบๆ
"ถ้าจะยืนอยู่อย่างนั้นเดินไปให้มันกินเถอะ" พูดเสียงยานๆกลับมาแต่ประโยคกับแทงใจคนที่ยืนดูอยู่อย่างเจ็บแปรบ
"ช่วยก็ช่วย" บอกปัดๆแล้วรีบไปช่วยเด็กหนุ่มดึงกล่องลังขนาดใหญ่ที่อยู่ในสุด ทั้งสองช่วยกันดึงอยู่สักพักกล่องก็หลุดออกมา ร่างโปร่งสังเกตเห็นรูขนาดใหญ่มากที่สามารถกลืนเขาไปได้ทั้งตัวอยู่ตรงมุมของกำแพง
"นี่ทำมันไว้หรอ" ลู่ห่านถามอึ้งๆ
"อือ นานละแหละแต่พึ่งมาใช้" ตอบเสียงยานๆและมุดตัวเข้าไปในรู
"เฮ้ยๆ รอก่อน" ลู่ห่านรีบพูดรั้งเด็กหนุ่มไว้แล้วรีบมุดตัวตามไปอีกคนหนึ่ง
ดูเหมือนว่าพวกผีดิบบ้านั่นมันจะเพิ่มจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเพราะประตูรั้วเหล็กถูกทุบจนพังเปิดโอกาสให้พวกมันสามารถเข้ามาได้ สิ่งแรกที่มันตรงเข้าไปคือประตูที่เกือบจะพังจากฝีมือของตัวอื่นๆที่มารุมก่อนหน้านี้ รุมตึงตังกันอยู่สักพักประตูเหล็กแผ่นบางก็ถูกทุบจนพังพร้อมกับเสียงระเบิดที่ดังสนั่นไปทั่วบริเวณ!
ตูมมมมมมมมมมมมมมมมม!!!
"เฮ้ย เสียงระเบิด" ลู่ห่านที่วิ่งตามเด็กหนุ่มร้องเสียงหลงเมื่อได้ยินเสียงระเบิดที่ดังพอสมควร เขาหันหน้าไปทางทิศทางเกิดเสียงและก็พบกับอพาร์ทเม้นต์เก่าๆที่ถูกไฟสีแดงฉานลุกโชนไปทั่ว ผีดิบตัวหนึ่งที่ถูกแรงระเบิดอัดจนเละเหลือแค่ครึ่งกระเด็นมาตกอยู่ที่หน้าเด็กหนุ่มจนลู่ห่านต้องร้องเสียงหลงอีกรอบ
"หวังว่ามันจะล่อพวกมันได้" เด็กหนุ่มวิ่งเหยาะๆไปหลบที่หลังต้นไม้ใหญ่แล้วนั่งมองผลงานของตนพร้อมกับพูดพึมพัมกับตนเอง
"แสดงว่าระเบิดนั่นฝีมือนาย" ลู่ห่านถามขณะที่วิ่งมานั่งข้างๆเด็กหนุ่ม
"อืม" ตอบกลับไปโดยที่สายตาก็ยังจ้องไปที่เปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้
"ชั้นสองก็ด้วย"
"อืม"
"นายชื่ออะไร" ถามคนข้างกายแล้วหันไปมองตึกที่กำลังส่องสว่างด้วยเปลวเพลิงบ้าง
"ทำไมผมต้องบอก" เด็กหนุ่มถามกลับไปเพราะไม่ไว้ใจคนที่อายุมากกว่า
"ถามไปงั้นจะได้ไปตั้งชื่อลูก" ร่างโปร่งพูดตอบกวนๆไปแล้วหัวเราะเหอะในลำคอ
"คิมจงอิน"
"เสี่ยวลู่ห่าน"
เมื่อสิบนาทีก่อน...
ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม..
"เฮือก" ร่างโปร่งสะดุ้งสุดตัวแล้วรีบวิ่งออกจากห้องทันที เสียงระเบิดที่ดังมาจากข้างหลังทำให้ตัดสินใจกระโดดลงไปข้างล่างทันทีบวกกับแรงระเบิดที่อัดมาจากข้างหลังทำให้ไม่มีทางเลือกอืื่น ร่างทั้งร่างตกลงสู่พื้นทันทีแต่ด้วยความสูงที่ไม่มากนักทำให้เขาไม่ได้เจ็บตัวอะไรมาก
แรงอัดของระเบิดทำให่สิ่งของต่างๆถูกระเบิดตามไปด้วย ข้าวของภายในห้องทุกชิ้น
เปลี่ยนพล็อตใหม่อย่าโกรธกันนะ TTOTT #เลิฟยูว <3
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น