คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Beauty Poison 2:Horse
-2-
Horse
ไม่มีความโหดร้ายใดเทียบเท่ากับความโหดร้ายที่มนุษย์กระทำต่อกันเอง
ไม่มีความอัปยศใดเทียบเท่ากับความอัปยศที่มนุษย์คนหนึ่งหยิบยื่นให้แก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
รถม้าจอดเทียบหน้าประตูไม้บานใหญ่ในยามท้องฟ้ามืดสนิท แสงจากโคมสีเขียวสว่างเป็นสัญลักษณ์ว่าสถานที่แห่งนี้พร้อมมอบความหรรษาให้แก่ทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชม ประตูไม้เปิดออกช้าๆ ด้วยฝีมือของคนด้านใน ลู่หานกวาดตามองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าหยิ่งทระนง เขาเดินเข้าไปอย่างอกผายไหล่ผึ่งตามบุคลิกลักษณะของชายชาติทหาร
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านมา”
ลู่หานไม่ใส่ใจกับเสียงทักทายตามธรรมเนียมของคนงานชายผู้เฝ้าหน้าประตู เขาสาวเท้าเข้าไปยังสำนักกีแซงโดยตรงไปยังตัวเรือนรับแขก ในสำนักฮันวอลแห่งนี้กินพื้นที่หลายสิบไร่ ด้านในมีเรือนเกาหลีโบราณขนาดเล็กหลายหลังและแบ่งเป็นโซนอีกหลายโซน โซนด้านหน้าสุดคือเรือนรับแขกขนาดใหญ่ มีอยู่หลายห้อง แต่ละห้องจะมีชื่อเรียกประจำเป็นดอกไม้ ส่วนโซนทางด้านขวาเป็นสวนดอกไม้ มีศาลาไม้ตั้งอยู่กลางบ่อน้ำขนาดใหญ่เอาไว้นั่งพักผ่อน ส่วนถัดเข้าไปคือเรือนซึ่งใช้เอาไว้รับแขกเช่นกันแต่เป็นแขกพิเศษแบบค้างคืนไม่ใช่แขกที่มาดื่มกินเพียงอย่างเดียว
ภายในบริเวณสำนักกีแซงฮันวอลนับว่าสวยงามมากทีเดียว ทั้งสถาปัตยกรรมแบบเกาหลีโบราณและสวนดอกไม้ซึ่งสวยงามไม่ต่างกับสวนในราชวัง ความร่มรื่นของพันธุ์ไม้นานาชนิดในสถานแห่งนี้ทำให้แทบลืมภาพความแร้นแค้นของประชาชนเกาหลีผู้อยู่ภายนอก ทำให้ลืมภาพความทารุณของกองทัพญี่ปุ่น ทำให้ลืมภาพความโหดร้ายของสงคราม
ลู่หานชอบมาในเวลาเครียดจัด การได้เห็นสิ่งสวยงามและได้รับการปรนนิบัติอย่างเอาใจจากผู้หญิงสวยๆ ทำให้อารมณ์ของเขาเย็นลงมาบ้างแถมคนเกาหลีในที่แห่งนี้ยังไม่ได้ใช้สายตารังเกียจดูแคลนเขาอีกด้วย
คิดอะไรเพลินๆ จนเดินมาถึงตัวสำนักรับแขก เขาเดินเข้าไปอย่างคุ้นเคยเพราะมาที่นี่บ่อยอยู่แล้วทั้งยังเป็นคนปกครองที่นี่ตามหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมาย
“ท่านผู้พัน”เพราะเสียงเรียกอย่างอ่อนหวานนั้นทำให้ลู่หานต้องหันกลับไปมอง เขาทำเพียงเลิกคิ้วเพียงเล็กน้อยใส่ฮโยจินซึ่งอยู่ในชุดฮันบกสีเหลืองอ่อน เธอเป็นหัวหน้ากีแซงผู้ดูแลกีแซงทั้งหมดในสำนักฮันวอลจึงมักได้พูดคุยกับเขาเป็นประจำ ทำให้รู้จักกันมากพอสมควร
“เด็กนั่นอยู่ไหน”ไม่มีคำว่าค่อยเป็นค่อยไปสำหรับลู่หาน ไม่สนใจทักทายเธอกลับหากมุ่งไปถึงจุดประสงค์ของการมาที่นี่ ฮโยจินชะงักเพียงเล็กน้อยแต่ยังยิ้มและรักษาสีหน้าได้เป็นอย่างดี
“เชิญท่านเข้าไปในห้องรับแขกก่อนเถอะเจ้าค่ะ วันนี้เราเตรียมจูยองไว้ให้ท่านแล้ว”ฮโยจินโค้งให้ลู่หานอย่างนอบน้อมและผายมือไปยังห้องรับแขกด้านขวาสุด
“หมายความว่ายังไง? คนที่ฉันให้เธอเตรียมคือเด็กคนนั้นไม่ใช่หรือ? จูยองคงไม่ใช่ชื่อเด็กนั้นใช่ไหม!”ลู่หานกระแทกเสียงใส่ฮโยจินและชักสีหน้าอย่างไม่ชอบใจนัก เขาเป็นคนประเภท อยากได้อะไรก็ต้องได้และเพราะมีอำนาจมากจึงเหลิงไปกับมันจนเหมือนคนบ้า
การไม่ยอมทำตามที่สั่งเท่ากับว่าฮโยจินกล้าหือกับเขาและเป็นสิ่งที่ลู่หานรับไม่ได้
“เด็กคนนั้นเพิ่งได้ตัวมาวันนี้และยังไม่ได้รับการฝึกฝนให้เป็นกีแซง ดิฉันเกรงว่าจะทำอะไรไม่ถูกตาท่านเข้าแล้วจะเกิดเรื่องใหญ่น่ะเจ้าค่ะ”ฮโยจินอธิบายอย่างใจเย็น ตามกฎของกีแซงแห่งสำนักฮันวอล ทุกคนต้องถูกฝึกอย่างน้อยสามเดือนเพื่อเตรียมตัวสำหรับการเป็นกีแซงและเป็นกฎที่ลู่หานรู้ดี
“แต่ระยะหลังมานี้ก็ไม่มีการฝึกแล้วไม่ใช่เหรอ แค่จับตัวใส่ชุดฮันบกแล้วออกมานั่งรินเหล้าให้แขกก็จบ อย่ามาอ้างประเพณีไปหน่อยเลยฮโยจิน เด็กนั่นอยู่ที่ไหน!! เอามันออกมาเดี๋ยวนี้!”ลู่หานจ้องหน้าฮโยจินและเดินรุกเข้าใส่เป็นเชิงข่มขู่
“เชิญท่านผู้พันด้านในก่อนค่ะ เราเตรียมจูยองไว้ให้ท่านแล้ว”ฮโยจินเชิ่ดหน้าขึ้น เธอเดินนำไปยังห้องรับแขกซึ่งจัดเตรียมไว้เพื่อลู่หาน ชายหนุ่มเห็นอย่างนั้นจึงอยากหัวเราะกับท่าทางของเธอ นอกจากจะไม่กลัวแล้วยังมาวางท่าอวดดีใส่เขาเสียด้วย
ฮโยจินจัดได้ว่าเป็นกีแซงผู้หยิ่งในศักดิ์ศรีของตนเหลือเกิน เธอวางตัวเหมือนนางพญาแม้จะมีสถานะอันต่ำต้อย เป็นกีแซงแบบสมัยโชซอนแท้ๆ ทีเดียว
ลู่หานว่าอะไรมากไม่ได้นอกจากเดินตามหลังหญิงสาวเข้าไปในห้องรับแขก เขาเห็นอาหารมากมายวางเรียงอยู่บนโต๊ะญี่ปุ่นตัวเตี้ย ตรงมุมห้องมีนักดนตรีชายสวมชุดฮันบกประจำอยู่หน้าเครื่องดนตรีเกาหลีโบราณและมีกีแซงหญิงวัยแรกรุ่นหน้าตาสวยนั่งรอท่าเขาอยู่ก่อนแล้ว
ฮโยจินค้อมตัวคำนับลู่หานแล้วตั้งท่าจะเดินออกไปหากไม่โดนมือเกร่งคว้าแขนแล้วกระชากเข้ามาเสียก่อน ลู่หานมองหญิงสาวตรงหน้าซึ่งแก่กว่าเขาไม่กี่ปีแต่ยังคงความสวยจนรักษาอันดับหนึ่งในสำนักฮันวอลแม้จะมีเด็กสาวหน้าตาดีมากมายก็ตาม
“นานแล้วนะที่เธอไม่ได้ต้อนรับฉัน ทำไมไม่ทำมันวันนี้ล่ะ”เพราะสายตาหยาบคายของลู่หานมองลามเลียไปทั่วทั้งตัวจึงทำให้ฮโยจินหน้าแดง ไม่คิดว่าลู่หานจะเรียกใช้เธออีกเพราะเธออายุมากกว่าเขาถึงครึ่งรอบและคิดว่าชายหนุ่มคงชอบความสดใหม่และหญิงสาวมากกว่า หากกิริยาจาบจ้วงของลู่หานคล้ายบอกกับเธอว่าเขาต้องการแกล้งเอาคืนที่โดนเธอขัดใจ หญิงสาวได้แต่พ่นลมหายใจออกมาช้าๆ และเหลือบตามองสาวน้อยที่คิดว่าจะเตรียมให้ลู่หาน เธอพยักหน้าให้เด็กคนนั้นออกไปและคิดว่าค่ำคืนนี้คงจะเป็นเธอที่โดนชายหนุ่มคนนี้แผลงฤทธิ์ใส่
“พวกแกก็ออกไปด้วย!”ลู่หานหันไปตวาดใส่นักดนตรีชาย ทำให้พวกนั้นลนลานรีบคว้าเครื่องดนตรีประจำตัวแล้ววิ่งออกไป หลังจากเหลือกันอยู่เพียงแค่สองคน ลู่หานจึงปล่อยตัวฮโยจินออกนั่งลงรับประทานอาหารของตนอย่างเงียบๆ
ฮโยจินรู้สึกราวกับเพิ่งรอดตาย เธอคิดว่าในตอนแรกอาจจะโดนลู่หานทำรุนแรงใส่ตามประสาคนนิสัยคล้ายภูเขาไฟระอุซึ่งพร้อมจะปะทุได้ตลอดเวลา ลู่หานนั้นเดาทิศทางไม่ได้เลยว่าจะระเบิดออกมาในตอนไหน
“เด็กนั่นชื่ออะไร”ลู่หานไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงได้สนใจเด็กชายคนนั้นมากขนาดนี้ แม้จะพยายามสลัดออกจากความคิดแต่เขาหลุดปากถามถึงเรื่องราวของเด็กคนนั้นออกมาอีกครั้งและดูเหมือนว่าฮโยจินจะรู้…
“ได้ยินว่าเด็กคนนั้นวิ่งไปชนท่านเข้า ทางเราต้องขอโทษแทนด้วยเจ้าค่ะ”ฮโยจินแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินคำถามและไม่ได้ตอบในสิ่งที่ลู่หานอยากรู้ นั้นทำให้แก้วเหล้าของลู่หานที่เธอเพิ่งรินบรั่นดีชั้นเลิศลงไปให้เมื่อครู่นี้ ถูกลู่หานยกขึ้นสาดเหล้าใส่หน้าของเธอ
“อย่ามากวนโมโหฉัน! บอกมาว่าเด็กนั้นชื่ออะไร!!!”ลู่หานรู้ดีว่าได้ถูกกวนอารมณ์เสียแล้วจากกีแซงระดับล่างที่อยู่ต่ำใต้เท้าของเขา ลู่หานจำเป็นต้องเหยียบนางเอาไว้เพื่อไม่ให้บังอาจเผยอขึ้นมาตีริมฝีปากด้วย เหล้าบรั่นดีสาดหน้าจึงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ชายหนุ่มเลือกใช้เพื่อให้คนต่ำๆ เช่นเธอรู้สถานะตัวเอง
ไม่ควร…ไม่ควรทำให้คนอย่างลู่หานขุ่นใจ
“ไม่ยักรู้ว่าท่านจะใส่ใจเด็กชายธรรมดาคนนึงมากเท่านี้”
“ฮโยจิน นังนี่!!!”ลู่หานลุกพรวดขึ้นแล้วเขวี้ยงแก้วเหล้าใส่หน้าฮโยจินจนมันกระเด็นหล่นลงพื้นและแตกกระจาย เศษแก้วเล็กๆ กระเด็นโดนข้างแก้มของฮโยจินทำให้เกิดรอยแผลเล็กๆ
“จะได้รู้ว่าทีหลัง หากถามดีๆ ก็ให้รีบตอบ ไม่ใช่มาย้อนถามฉันให้อารมณ์เสีย”ลู่หานแสยะยิ้ม เขาสาสมใจเมื่อได้เห็นหญิงสาวตรงหน้าบาดเจ็บ ฮโยจินเพียงก้มหน้าต่ำและยกมือขึ้นจับแก้มของตัวเอง กัดฟันข่มความแค้นเอาไว้ทั้งน้ำตา เธอถูกกดขี่ราวกับสัตว์และไม่มีปากเสียงหรือกล้าหาญมากพอจะลุกขึ้นต่อกรกับชายทรงอำนาจคนนี้
ลู่หานยืนมองฮโยจินอยู่ชั่วครู่แล้วเดินพรวดออกจากห้องรับแขกไป ในคืนนี้เขาคงไม่มีอารมณ์นอนกับกีแซงหน้าเละคนนั้นหรอกแถมยังหงุดหงิดใจชอบกลเพียงเพราะไม่ได้คำตอบเรื่องเด็กคนนั้น
มาถึงตรงนี้แล้วลู่หานก็ต้องชะงักไป ทำไมเรื่องของเด็กนั้นถึงได้คาใจเขานักและทำไมเขาถึงต้องใส่ใจมากมายขนาดนี้ ยิ่งคิดยิ่งอารมณ์เสีย
กึกๆๆๆๆ
แบคฮยอนเขย่าโซ่ที่พันธนาการตัวเองอีกครั้ง ข้อเท้าของตัวเองในตอนนี้มันบวมแดงและมีรอยถลอกจนน่ากลัว เป็นเพราะความดื้อรั้นของแบคฮยอนเองที่แม้จะรู้ว่าไม่มีทางหลุดออกจากโซ่เหล็กหนานี้ได้แต่ยังพยายามดึงเท้าของตัวเองออกจากโซ่บ้าๆ นี่ สุดท้ายเขาก็เจ็บตัว
กินเวลามาหลายชั่วโมงกับการโดนขังให้สำนึกผิดอยู่ในนี้ อากาศหนาวขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อท้องฟ้ามืดก็มาพร้อมกับสัตว์ปีกตัวเล็กที่จ้องดูดเลือดของแบคฮยอนทำให้เนื้อกายขาวเนียนเพราะได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดีตลอดชนิดยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม โดนเจ้ายุงหลายสิบตัวเวียนกินเลือดเสียจนอิ่ม
แบคฮยอนน้ำตาคลออย่างหมดหวัง สุดท้ายล้มตัวลงนอนบนกองฟางสกปรกแล้วไม่วายเอาเท้าถีบเสาไม้ระบายอารมณ์ หากยิ่งถีบยิ่งน้ำตาไหล สุดท้ายจึงร้องไห้ด้วยความแค้นใจ เท้าทั้งสองข้างยังถีบเสาอยู่อย่างนั้นราวกับมันคือหน้าของกีแซงหญิงคนนั้นที่สั่งขังเขาเอาไว้
กึกๆๆๆๆๆ
“ฮือออออออออ ปล่อยผมออกไปนะ”
กึกๆๆๆๆๆๆ
“ฮือออออออ ไอ้สารเลว”
ลู่หานซึ่งคิดว่าจะเดินเล่นรอบสำนักสักครู่แล้วจึงค่อยกลับบ้านพัก เขาได้ยินเสียงร้องไห้ออกมาจากบริเวณคอกม้า ด้วยความสงสัยจึงเดินเข้าไปใกล้เรื่อยๆ หากลองชะเง้อดูในคอกม้ากลับไม่เห็น พบเพียงม้าสองสามตัวเท่านั้น
กึกๆๆๆๆๆ
ลู่หานหันไปมองยังเรือนเก็บฟางซึ่งตั้งอยู่ติดกัน เสียงออกมาจากเรือนนั้นเอง…ร่างโปร่งเดินเข้าไปใกล้แล้วเงี่ยหูฟังอีกครั้ง คราวนี้เขาได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ จึงแอบมองผ่านร่องไม้เข้าไปแล้วเห็นร่างของใครสักคนนอนร้องไห้อยู่ ด้วยความมืดทำให้ไม่อาจบอกได้ว่าคนคนนั้นคือผู้ชายหรือผู้หญิง เป็นเด็กหรือผู้ใหญ่
แม้ว่าลู่หานไม่ใช่คนใส่ใจกับสิ่งรอบข้างมากกว่าตนเอง ดังนั้นการจะเปิดประตูเข้าไปถามไถ่คนซึ่งโดนขังไว้ในคอกเก็บฟางจึงไม่ใช่นิสัยของเขา แต่มีบางอย่างทำให้เขาระงับสัญชาตญาณความอยากรู้ของตนเองเอาไว้ไม่อยู่
“ฮือออออ คุณพ่อ…”
เสียงหวานๆ นั้นทำให้ลู่หานปั่นป่วนอย่างน่าประหลาด เสียงสะอื้นเบาๆ และเสียงร้องไห้อย่างน่าสงสารไม่ได้ทำให้ลู่หานรู้สึกอื่นใดนอกจากความอยากรู้ เขาไม่ได้เห็นใจหรือรู้สึกร่วมไปด้วยหรอก เขาแค่อยากเห็นใบหน้าของเจ้าของเสียงเท่านั้น หากเสียงหวานขนาดนั้นแล้วใบหน้าเล่าจะหวานเหมือนเสียงหรือไม่
ประตูไม้ถูกผลักออกพร้อมแสงสว่างจากตะเกียงเจ้าพายุ แบคฮยอนยันตัวลุกขึ้นแล้วกระเถิบตัวไปติดกับมุมเสา หมดคาบของลูกคุณหนูผู้เอาแต่ใจ ตอนนี้เป็นเพียงแบคฮยอนเด็กน้อยผู้เสียขวัญ ใบหน้าหวานซุกกับหัวเข่าของตนที่ชันขึ้นเหลือเพียงดวงตาโผล่ออกมามองผู้เข้ามาใหม่เท่านั้น
ความสว่างของตะเกียงใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทำให้แบคฮยอนได้เห็นปลายคางของผู้มาใหม่ เขาเป็นชายร่างสูงโปร่งและอยู่ในชุดทหารญี่ปุ่น นั้นทำให้แบคฮยอนเกลียดกลัวมากกว่าเดิม หากความเกลียดนั้นคงไม่เท่ากับตอนที่ได้เห็นใบหน้าเต็มๆ ของชายคนนั้นเมื่ออีกฝ่ายยกตะเกียงสูงขึ้น
งดงามราวกับเจ้าชาย เหมือนงานวาดชั้นดีที่ทั้งสวยหวานและคมคายในเวลาเดียวกัน ความสมบูรณ์แบบของเครื่องหน้ายามถูกแสงสีส้มอ่อนจากตะเกียงตกกระทบทำให้แทบลืมหายใจ
แต่มันก็แค่….สำหรับคนอื่นที่ไม่ใช่แบคฮยอน!!
สำหรับเด็กชายตัวน้อยซึ่งเคยโดนมือหนาๆ นั้นกระชากท่อนแขนจนแทบหลุดเป็นสองท่อนแถมรู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงชาวเกาหลีขายชาติ ไปเข้ากับพวกญี่ปุ่นจนได้เป็นนายทหารยศสูง ความงดงามทั้งมวลที่ชายคนนี้มีนั้นกลับน่าเกลียดสิ้นดีในสายตาของแบคฮยอน
เด็กตัวน้อยเกลียดชายตรงหน้าเพราะต้องการหาใครสักคนเอาไว้สาปแช่งสำหรับชะตากรรมของตนในครั้งนี้ เด็กน้อยจึงเลือกให้พวกญี่ปุ่นให้เป็นคนรับความเกลียดชังจากตนทั้งหมดและชายรูปงามตรงหน้าดูเข้าทีที่สุด
การได้พบกันอีกครั้ง สภาพดูแย่กว่าครั้งแรกเสียอีก เด็กตรงหน้ามอมแมมจนแยกไม่ออกว่าเป็นคนหรือหมา ลู่หานไล่สายตามองสภาพปอนๆ ของคนอ่อนกว่าพลางทำสีหน้าดูแคลนและบางอย่างทำให้ลู่หานนึกสนใจคนตรงหน้ามากขึ้นไปอีก
“เข้ามาในนี้ทำไม!”ต่างฝ่ายต่างจ้องหน้ากันไม่กี่อึดใจ คนตัวเล็กกว่าร้องตะโกนออกมาด้วยอาการหวาดระแวง สายตาเคลือบแคลงและรังเกียจฉายชัดเสียจนลู่หานไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก
แม้ว่าเขาจะโดนมองด้วยสายตาเช่นนั้นจากคนเกาหลีทุกคนแต่มันไม่เคยชินหรอกนะ รังแต่จะเพิ่มความโกรธแค้นมากขึ้นจนอยากจะทำลายทุกอย่าง
ลู่หานแสยะยิ้ม เขาวางตะเกียงลงบนโต๊ะที่ตั้งอยู่ใกล้กัน เขาสาวเท้าเดินเข้าไปหาเด็กน้อยปากเก่งซึ่งกำลังตัวสั่นคนนั้น ร่างเล็กเขยิบหนีอีกครั้งแม้หมดหนทางจะหนีจนตัวเกือบจมเข้าไปในกองฟาง ร่างโปร่งค่อยๆ ย่อตัว คุกเข่าข้างนึงลงกับพื้น ส่วนอีกข้างชันขึ้นพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้เด็กน้อย ลู่หานมองใบหน้าของเด็กน้อยอย่างเพ่งพิศราวกับจินตนาการว่าภายใต้คราบฝุ่นมอมแมมพวกนี้ เมื่อใบหน้าถูกชำระล้างให้สะอาดแล้วจะน่ามองสักแค่ไหนกันเชียว ลู่หานเชื่อสายตาความแหลมคมของตนเองว่าสักวันในอนาคตอันใกล้ เด็กคนนี้อาจกลายเป็นกีแซงค่าตัวสูงลิบเลยทีเดียว
“เอาหน้าออกไปนะ” แบคฮยอนหันหน้าหนีเมื่ออีกฝ่ายคุกคามมากขึ้น รังเกียจและสะอิดสะเอียนลมหายใจที่เป่ารดตรงข้างแก้มของตน ปลายจมูกของนายทหารหนุ่มเกือบชนกับแก้มของเด็กน้อยอยู่รอมร่อ
“ชื่ออะไร”
“ไม่จำเป็นต้องบอก”
“จำเป็นสิเพราะเวลาที่อยู่บนตัวเธอ ฉันจะได้ครางถูก”ลู่หานนึกสนุกจึงยื่นหน้าเข้าไปอีก ยิ่งเด็กน้อยหดคอหนี เขายิ่งเข้าใกล้
“พูดจาน่าเกลียด ไอ้บ้า”เพียงแค่ถูกวาจาหยาบคายและน้ำเสียงแหบพร่านั้นกวนอารมณ์ให้ขุ่นเคือง แบคฮยอนหันหน้ากลับไปแล้วตะคอกใส่ด้วยความรังเกียจหากมันคือการฆ่าตัวตายดีๆ นี่เอง เมื่อใบหน้าของชายหนุ่มยื่นเข้ามาหามากกว่าเดิมและประกบริมฝีปากทันที
ไม่เคยคิดว่าจะโดนใครมากระทำอุกอาจใส่แบบนี้ ทั้งกักขฬะ หยาบโลน น่ารังเกียจ แบคฮยอนยกมือผลักออกชายหนุ่มออกอย่างแรง นึกเกลียดตัวเองที่เด็กกว่าและตัวเล็กกว่า พละกำลังของเขาไม่เพียงแต่ชายหนุ่มตรงหน้าไม่สะเทือนเท่านั้น หากตัวของเขากลับโดนรวบเข้าไปหาจนไม่อาจขยับหนีได้
ริมฝีปากบางเม้มสนิทเข้าหากันไม่ยอมให้อีกฝ่ายทำมากกว่านั้น รังเกียจจนแทบอ้วกและร้องไห้ออกมาด้วยความขลาดกลัว นึกถึงพ่อและแม่ เขาคิดว่าตัวเองต้องตายแน่แล้วในตอนนี้…ใจจะขาดตายด้วยความขยะแขยง
ลู่หานบดขยี้ริมฝีปากลงบนกลีบปากบาง ยิ่งอีกฝ่ายพยศเขายิ่งต้องกำราบ บอกตามตรงว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ตอนนี้มันเหนือแผนการหรือความคาดคิดของเขาเอามากๆ ในตอนแรกไม่คิดจะจูบด้วยซ้ำแต่พอใบหน้านั้นหันมาและริมฝีปากเฉียดกัน สัญชาตญาณดิบกลับนำพาให้เขาประกบปากลงบนปากบางแทบในทันทีหลังจากโดนต่อว่าจบ
อีกนัยหนึ่งคือเขาเกลียดนักกับแววตาเย่อหยิ่งของเด็กน้อย เกลียดจนอยากจะทำอะไรก็ได้เพื่อให้อีกฝ่ายสยบต่อเขา ไม่รู้หรอกว่าเด็กนี่เป็นลูกหลานใคร อาจเคยอยู่สูงส่งมากก่อนเพราะดูจากเสื้อผ้าและกิริยาผู้ดีนั้น แต่ในเวลานี้เป็นแค่คนที่กำลังโดนเขาปล้นจูบและสะอื้นไห้อยู่ในอก
เนื้อตัวสั่นเทาราวกับลูกนกด้วยความกลัว แค่นี้เท่านั้นที่ทำให้ลู่หานสะใจ
ลู่หานขยี้จูบอย่างหนำใจแล้วผละออก เขามองเด็กน้อยในอ้อมกอดแล้วยิ้มสมใจ ใบหน้าหวานมีน้ำตาไหลเป็นทาง ริมฝีปากแดงช้ำจนน่าจูบอีกรอบ ดวงตาเหลือบน้ำตาค่อยๆ เงยหน้ามองลู่หานด้วยความสับสน
สับสนว่าจะเกลียดหรือกลัวมากกว่ากัน
แบคฮยอนตั้งสติแล้วผลักลู่หานออกจากตัว ชายคนนั้นยอมปล่อยเขาอย่างง่ายดายเพราะได้ทำในสิ่งร้ายกาจสมใจไปแล้ว แบคฮยอนยกหลังมือขึ้นปิดริมฝีปากแล้วอยากจะปล่อยโฮออกมา ทั้งชีวิตไม่เคยเจอกับความหยาบคายและน่ากลัวขนาดนี้มาก่อน
แบคฮยอนรู้สึกตกต่ำกว่าการโดนขังไว้ในคอกนี้เพียงเพราะจูบหยาบๆ จากศัตรู
ผลั่ก เด็กน้อยเรียกศักดิ์ศรีคืนให้ตัวเองด้วยหมัดน้อยๆ ไม่เคยใช้มันต่อยใคร เขามอบให้ลู่หานเพื่อตอบแทนสิ่งที่อีกฝ่ายกระทำต่อตน หากนั้นมันเป็นการทำให้แบคฮยอนถึงจุดจบต่างหาก
แม้หมัดจะไม่ได้หนักและออกจะเหมือนเป็นการสะกิดด้วยซ้ำ หากนั้นคือการหยามศักดิ์ศรีของลู่หานเช่นกัน คนอย่างเขา…ไม่มีทางจะยอมโดนเด็กต่อยหรอก!
“แกอยากตายใช่มั้ย!!”ลู่หานกระชากคอเสื้อของคนอ่อนกว่าขึ้นมา มือทั้งสองข้างกอบกุมลำคอเรียวแล้วออกแรงบีบจนอีกฝ่ายกระเสือกกระสนดิ้นพล่านเพราะขาดอากาศหายใจ
“แค่กๆ แอ่ก ปละ ปล่อย”แบคฮยอนทั้งทุบ ทั้งหยิกลงบนมือของอีกฝ่าย ดวงตารีมีหยดน้ำตาเกาะอยู่ตรงหางตา มองลู่หานด้วยความคับแค้น
สาบานเลย ถ้าคราวนี้รอดไปได้ ลู่หานจะต้องตายด้วยมือของแบคฮยอน!
แอ๊ดดด
“ท่านครับ!!”
ประตูเปิดออกพร้อมกับเสียงตะหนกของผู้ที่จะเข้ามาปล่อยตัวแบคฮยอน คิมจงแดวิ่งเข้าไปดึงมือลู่หานออกจากต้นคอของแบคฮยอนเมื่อเห็นว่าเด็กน้อยเริ่มหมดลมหายใจเข้าไปทุกขณะ
ลู่หานยอมปล่อยมือออก เขาหันไปเหวี่ยงแขนใส่จงแดจนอีกฝ่ายกระเด็นออกไปอีกมุมนึง ร่างโปร่งลุกขึ้นแล้วย่างเข้าหาแบคฮยอนเงื้อมือจะทำร้ายหากไม่โดนจงแดเข้ามารวบตัวไว้ก่อน
“ขอร้องเถอะครับท่าน อย่าทำอะไรมันเลย มันยังเด็กนัก”
“ปล่อยกู”ลู่หานยืนนิ่งและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆ อาการนิ่งสงบของลู่หานทำให้จงแดวางใจแต่ยังคงกอดไว้หลวมๆ ทำให้ลู่หานต้องเอี้ยวใบหน้าหันไปทำตาดุใส่อีกรอบ
จงแดยอมปล่อยลู่หานแล้วเข้าไปนั่งขวางตัวแบคฮยอนเอาไว้ เด็กน้อยยกมือขึ้นจับคอตัวเองพร้อมทั้งหอบหายใจไม่หยุด เมื่อครู่นี้เกือบตายแล้วแท้ๆ อีกแค่นิดเดียวจะหมดลมแล้ว
จงแดลนลานไขกุญแจออกจากโซ่ที่พันธนาการแบคฮยอนเอาไว้ จงแดจับตัวแบคฮยอนด้วยความเป็นห่วง เขาคิดจะเข้ามาปล่อยตัวแบคฮยอนให้ไปอาบน้ำ กินข้าวและพาไปหานายหญิงแท้ๆ กลับมาเจออีกฝ่ายเกือบโดนผู้พันบ้าอำนาจฆ่าเอา
ลู่หานยืนมองนิ่งคล้ายสงบสติอารมณ์ได้แล้วเมื่อเห็นจงแดไขกุญแจปลดโซ่ออกจากข้อเท้าของแบคฮยอน ร่างโปร่งก้าวพรวดเข้าไปหา ใช้เท้าถีบจงแดซึ่งขวางทางอยู่จนกระเด็นแล้วคว้าตัวแบคฮยอนขึ้นมา
แบคฮยอนโรยแรงจนไม่มีปัญหาขัดขืน เขาโดนลากออกไปโดยอีกฝ่ายไม่สนว่าเขาจะหกล้มหรือเหยียบเศษหินจนตำเท้าจนมีเลือดไหลหรือไม่ ตลอดทางของการโดนลากนั้นเขาดิ้นขัดขืนด้วยแรงอันน้อยนิดเท่าที่มี
ไร้ซึ่งความปราณีจากคนจิตใจเลวทราม แบคฮยอนโดนเหวี่ยงลงไปกองกับพื้นหน้าเรือนรับแขก ร่างเล็กแทบหมดสติเพราะอะไรหลายๆ อย่างที่เผชิญมาทั้งวัน เขานั่งหมอบลงกับพื้นอย่างน่าเวทนา
“ทุกคน ออกมา!!!”ลู่หานตะโกนสั่งกีแซงในเรือนรับแขก ใช้เวลาไม่นานนักกีแซงเกือบทั้งหมดออกมายืนรวมกันรวมถึงนายหญิงเจ้าของสำนักและฮโยจินด้วย
เมื่อคนอื่นๆ เห็นสภาพแบคฮยอนจึงยกมือปิดปากด้วยความตกใจ ฮโยจินหน้าซีดเผือด ไม่คาดคิดว่าลู่หานจะไปพบกับแบคฮยอนเข้าจนได้ทั้งที่เธอเอาไปขังในคอกเก็บฟางแล้วแท้ๆ
“ฮโยจิน! เธอบอกว่าเด็กนี่จะเป็นกีแซงใช่ไหม แต่ฉันไม่เห็นด้วย มันไม่เหมาะจะเป็นกีแซงของที่นี่เพราะถือตัวเกินไป หยิ่งเกินไปและอวดดีเกินไป เธอก็รู้ว่าญี่ปุ่นไม่ชอบคนเกาหลีที่อวดดีแบบนี้”
“ท่านคะ”
“เพราะฉะนั้น…ในฐานะผู้ควบคุมสำนักกีแซงฮันวอล ฉันจะไม่ยอมให้มีกีแซงแบบนี้อยู่ในสำนักเด็ดขาด ในเมื่อเด็กนี่ไม่เหมาะให้บริการนายทหารระดับสูง ฉันจึงเห็นว่าสิ่งที่มันพอจะทำประโยชน์ได้บ้างก็คือการไปบำเรอให้ไอ้พวกอดอยากปากแห้งในกองทัพ”ลู่หานแสยะยิ้ม เขาพิพากษาอย่างโหดร้ายโดยไม่นึกเห็นใจเด็กตัวน้อยที่จะต้องไปเป็นนางบำเรอให้คนทั้งกองทัพ
“ไม่!!!”แบคฮยอนโงหัวขึ้นมาจากพื้น แหงนหน้ามองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างตะหนกราวกับอีกฝ่ายสูงใหญ่เท่ากับยักษ์ ส่วนเขาเป็นเพียงมดงานตัวเล็กๆ ซึ่งกำลังจะโดนขยี้
“ได้โปรดเถอะค่ะท่านผู้พัน อยะ อย่าทำแบบนั้นเลย ฉันสัญญาว่าจะอบรมแบคฮยอนเป็นอย่างดีและเขาจะต้องเป็นกีแซงที่ดีที่สุดของสำนัก”นายหญิงวัยชราเสียงสั่น เธอมองหน้าแบคฮยอนด้วยความเวทนาและแสนเห็นใจ ต่อให้ตายเธอจะไม่มีทางยอมให้เด็กคนนี้ถูกพาไปอย่างนี้เด็ดขาด
“ไม่มีการโปรดสัตว์อะไรทั้งนั้น ฉันจะเอามันไปบริจาคให้กองร้อยสาม…คงสมใจแก หากได้มีผัวร้อยคนในเวลาเดียวกัน”ลู่หานพูดประโยคสุดท้ายกับแบคฮยอน ไร้ซึ่งความเห็นใจหรือผ่อนปรนใดๆ ทั้งนั้น ลู่หานต้องทำ…ทำเพื่อให้แบคฮยอนเห็นว่าเขามีอำนาจมากแค่ไหนและคนที่ต้องสยบแทบเท้าคือแบคฮยอน
“ไม่ ฮึก ไม่เอา ไม่!!! ขะ ขอโทษ ผมขอโทษ อย่าเอาผมไปทำแบบนั้น ไม่ ฮือออ”แบคฮยอนคลานเข้าไปจับเท้าของลู่หาน เด็กน้อยแหงนหน้าคอตั้งบ่า ทิ้งมันไปเถอะศักดิ์ศรีพวกนั้น ในยามนี้เพื่อความอยู่รอดและไม่ให้ชีวิตของตัวเองน่าอัปยศไปมากกว่า ต่อให้เขาต้องจูบเท้าของคนคนนี้ก็ยอม
ส่วนหลังจากนี้….แบคฮยอนจะทำให้ ‘มัน’ นั้นเหละที่มาสยบแทบเท้าของเขาบ้าง
ลู่หานหัวเราะอย่างสะใจ เพียงไม่กี่นาที คนที่ต่อยหน้าเขาและมองเขาอย่างอวดดีกำลังร้องไห้อยู่แทบเท้า หากแต่ถ้าเห็นใจแล้วปล่อยไปง่ายๆ คงไม่ใช่ลู่หาน
ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีการแลกเปลี่ยนเสมอ
“ถ้าไม่ทำก็บอกหน่อยสิว่าจะมีอะไรแลกเปลี่ยน”ลู่หานสะบัดเท้าออกจากมือของแบคฮยอน ย่อตัวลงในระดับที่เสมอกับแบคฮยอนและมองอีกฝ่ายอย่างเป็นต่อ
เมื่อเจอคำถามแบบนั้นเข้าไป แบคฮยอนถึงกับไปต่อไม่เป็น ตอนนี้เขาไม่มีอะไรเลยที่พอจะแลกเปลี่ยนกับคนตรงหน้าได้
“ดูจากสภาพแล้ว คงเหลือแต่ ‘ตัว’ สินะ”ลู่หานพูดอย่างอารมณ์ดีผิดกับแบคฮยอนซึ่งกำลังสะอื้นจนลมหายใจขาดช่วง
แบคฮยอนไม่ตอบอะไรกลับไป พอเข้าใจความหมายจากแววตาหยาบคายของลู่หาน ร่างเล็กก้มหน้าลงมองพื้นเพราะคำว่าศักดิ์ศรียังค้ำคอจนไม่อาจตอบอะไรกลับไปได้ในทันที
“เลือกเอาว่าจะนอนอ้าขากว้างๆ ให้ฉันคนเดียวหรือจะยอมไปเป็นนางบำเรอให้คนทั้งกองทัพ”
“!!!”แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นสบตากับลู่หานอีกครั้ง เด็กน้อยร้องไห้ออกมาอย่างจำนน เพียงเท่านี้คงเป็นคำตอบที่สมใจของคนเลวแล้ว
ลู่หานยืดตัวขึ้น เขากวาดตามองไปยังกีแซงทุกคนที่เรียกมาเป็นพยานในเหตุการณ์ ก่อนหยุดสายตาตรงนายหญิงและฮโยจิน
“วันพรุ่งนี้หวังว่าฉันจะได้เห็น ‘กีแซงที่ดีที่สุด’ ของฮันวอลมาคอยต้อนรับฉัน”ลู่หานย้อนคำพูดของนายหญิง ร่างโปร่งเปรยตามองแบคฮยอนอีกครั้งราวกับมองไรฝุ่นไร้ค่าไร้ราคา เหยียดยิ้มร้ายตรงมุมปากเมื่อเห็นเด็กคนนั้นเนื้อตัวสั่นเทา
ลู่หานใช้อำนาจและความโหดร้ายของเขาปราบพยศม้าที่ร้ายกาจที่สุดในโชซอนได้สำเร็จแล้ว…
ไรเตอร์:คือเป็นเรื่องที่สูบพลังเรามากอ่ะ
ความคิดเห็น