ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO]Beauty Poison (LUBAEK)

    ลำดับตอนที่ #3 : Beauty Poison 2:Horse

    • อัปเดตล่าสุด 14 เม.ย. 57


     

     

    -2-

    Horse

    ไม่มีความโหดร้ายใดเทียบเท่ากับความโหดร้ายที่มนุษย์กระทำต่อกันเอง

    ไม่มีความอัปยศใดเทียบเท่ากับความอัปยศที่มนุษย์คนหนึ่งหยิบยื่นให้แก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

     

     

    รถม้าจอดเทียบหน้าประตูไม้บานใหญ่ในยามท้องฟ้ามืดสนิท  แสงจากโคมสีเขียวสว่างเป็นสัญลักษณ์ว่าสถานที่แห่งนี้พร้อมมอบความหรรษาให้แก่ทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชม  ประตูไม้เปิดออกช้าๆ ด้วยฝีมือของคนด้านใน  ลู่หานกวาดตามองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าหยิ่งทระนง  เขาเดินเข้าไปอย่างอกผายไหล่ผึ่งตามบุคลิกลักษณะของชายชาติทหาร 

     

    เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านมา

     

    ลู่หานไม่ใส่ใจกับเสียงทักทายตามธรรมเนียมของคนงานชายผู้เฝ้าหน้าประตู  เขาสาวเท้าเข้าไปยังสำนักกีแซงโดยตรงไปยังตัวเรือนรับแขก  ในสำนักฮันวอลแห่งนี้กินพื้นที่หลายสิบไร่  ด้านในมีเรือนเกาหลีโบราณขนาดเล็กหลายหลังและแบ่งเป็นโซนอีกหลายโซน  โซนด้านหน้าสุดคือเรือนรับแขกขนาดใหญ่  มีอยู่หลายห้อง  แต่ละห้องจะมีชื่อเรียกประจำเป็นดอกไม้  ส่วนโซนทางด้านขวาเป็นสวนดอกไม้  มีศาลาไม้ตั้งอยู่กลางบ่อน้ำขนาดใหญ่เอาไว้นั่งพักผ่อน  ส่วนถัดเข้าไปคือเรือนซึ่งใช้เอาไว้รับแขกเช่นกันแต่เป็นแขกพิเศษแบบค้างคืนไม่ใช่แขกที่มาดื่มกินเพียงอย่างเดียว

     

    ภายในบริเวณสำนักกีแซงฮันวอลนับว่าสวยงามมากทีเดียว  ทั้งสถาปัตยกรรมแบบเกาหลีโบราณและสวนดอกไม้ซึ่งสวยงามไม่ต่างกับสวนในราชวัง  ความร่มรื่นของพันธุ์ไม้นานาชนิดในสถานแห่งนี้ทำให้แทบลืมภาพความแร้นแค้นของประชาชนเกาหลีผู้อยู่ภายนอก  ทำให้ลืมภาพความทารุณของกองทัพญี่ปุ่น  ทำให้ลืมภาพความโหดร้ายของสงคราม

     

    ลู่หานชอบมาในเวลาเครียดจัด  การได้เห็นสิ่งสวยงามและได้รับการปรนนิบัติอย่างเอาใจจากผู้หญิงสวยๆ ทำให้อารมณ์ของเขาเย็นลงมาบ้างแถมคนเกาหลีในที่แห่งนี้ยังไม่ได้ใช้สายตารังเกียจดูแคลนเขาอีกด้วย

     

    คิดอะไรเพลินๆ จนเดินมาถึงตัวสำนักรับแขก  เขาเดินเข้าไปอย่างคุ้นเคยเพราะมาที่นี่บ่อยอยู่แล้วทั้งยังเป็นคนปกครองที่นี่ตามหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมาย

     

    ท่านผู้พันเพราะเสียงเรียกอย่างอ่อนหวานนั้นทำให้ลู่หานต้องหันกลับไปมอง  เขาทำเพียงเลิกคิ้วเพียงเล็กน้อยใส่ฮโยจินซึ่งอยู่ในชุดฮันบกสีเหลืองอ่อน  เธอเป็นหัวหน้ากีแซงผู้ดูแลกีแซงทั้งหมดในสำนักฮันวอลจึงมักได้พูดคุยกับเขาเป็นประจำ  ทำให้รู้จักกันมากพอสมควร

     

    เด็กนั่นอยู่ไหนไม่มีคำว่าค่อยเป็นค่อยไปสำหรับลู่หาน  ไม่สนใจทักทายเธอกลับหากมุ่งไปถึงจุดประสงค์ของการมาที่นี่  ฮโยจินชะงักเพียงเล็กน้อยแต่ยังยิ้มและรักษาสีหน้าได้เป็นอย่างดี

     

    เชิญท่านเข้าไปในห้องรับแขกก่อนเถอะเจ้าค่ะ  วันนี้เราเตรียมจูยองไว้ให้ท่านแล้วฮโยจินโค้งให้ลู่หานอย่างนอบน้อมและผายมือไปยังห้องรับแขกด้านขวาสุด

     

    หมายความว่ายังไงคนที่ฉันให้เธอเตรียมคือเด็กคนนั้นไม่ใช่หรือจูยองคงไม่ใช่ชื่อเด็กนั้นใช่ไหม!”ลู่หานกระแทกเสียงใส่ฮโยจินและชักสีหน้าอย่างไม่ชอบใจนัก  เขาเป็นคนประเภท  อยากได้อะไรก็ต้องได้และเพราะมีอำนาจมากจึงเหลิงไปกับมันจนเหมือนคนบ้า

     

    การไม่ยอมทำตามที่สั่งเท่ากับว่าฮโยจินกล้าหือกับเขาและเป็นสิ่งที่ลู่หานรับไม่ได้

     

    เด็กคนนั้นเพิ่งได้ตัวมาวันนี้และยังไม่ได้รับการฝึกฝนให้เป็นกีแซง  ดิฉันเกรงว่าจะทำอะไรไม่ถูกตาท่านเข้าแล้วจะเกิดเรื่องใหญ่น่ะเจ้าค่ะฮโยจินอธิบายอย่างใจเย็น  ตามกฎของกีแซงแห่งสำนักฮันวอล  ทุกคนต้องถูกฝึกอย่างน้อยสามเดือนเพื่อเตรียมตัวสำหรับการเป็นกีแซงและเป็นกฎที่ลู่หานรู้ดี

     

    แต่ระยะหลังมานี้ก็ไม่มีการฝึกแล้วไม่ใช่เหรอ  แค่จับตัวใส่ชุดฮันบกแล้วออกมานั่งรินเหล้าให้แขกก็จบ  อย่ามาอ้างประเพณีไปหน่อยเลยฮโยจิน  เด็กนั่นอยู่ที่ไหน!!  เอามันออกมาเดี๋ยวนี้!”ลู่หานจ้องหน้าฮโยจินและเดินรุกเข้าใส่เป็นเชิงข่มขู่  

     

    เชิญท่านผู้พันด้านในก่อนค่ะ  เราเตรียมจูยองไว้ให้ท่านแล้วฮโยจินเชิ่ดหน้าขึ้น  เธอเดินนำไปยังห้องรับแขกซึ่งจัดเตรียมไว้เพื่อลู่หาน  ชายหนุ่มเห็นอย่างนั้นจึงอยากหัวเราะกับท่าทางของเธอ นอกจากจะไม่กลัวแล้วยังมาวางท่าอวดดีใส่เขาเสียด้วย

     

    ฮโยจินจัดได้ว่าเป็นกีแซงผู้หยิ่งในศักดิ์ศรีของตนเหลือเกิน  เธอวางตัวเหมือนนางพญาแม้จะมีสถานะอันต่ำต้อย  เป็นกีแซงแบบสมัยโชซอนแท้ๆ ทีเดียว

     

    ลู่หานว่าอะไรมากไม่ได้นอกจากเดินตามหลังหญิงสาวเข้าไปในห้องรับแขก  เขาเห็นอาหารมากมายวางเรียงอยู่บนโต๊ะญี่ปุ่นตัวเตี้ย  ตรงมุมห้องมีนักดนตรีชายสวมชุดฮันบกประจำอยู่หน้าเครื่องดนตรีเกาหลีโบราณและมีกีแซงหญิงวัยแรกรุ่นหน้าตาสวยนั่งรอท่าเขาอยู่ก่อนแล้ว 

     

    ฮโยจินค้อมตัวคำนับลู่หานแล้วตั้งท่าจะเดินออกไปหากไม่โดนมือเกร่งคว้าแขนแล้วกระชากเข้ามาเสียก่อน  ลู่หานมองหญิงสาวตรงหน้าซึ่งแก่กว่าเขาไม่กี่ปีแต่ยังคงความสวยจนรักษาอันดับหนึ่งในสำนักฮันวอลแม้จะมีเด็กสาวหน้าตาดีมากมายก็ตาม

     

    นานแล้วนะที่เธอไม่ได้ต้อนรับฉัน  ทำไมไม่ทำมันวันนี้ล่ะเพราะสายตาหยาบคายของลู่หานมองลามเลียไปทั่วทั้งตัวจึงทำให้ฮโยจินหน้าแดง  ไม่คิดว่าลู่หานจะเรียกใช้เธออีกเพราะเธออายุมากกว่าเขาถึงครึ่งรอบและคิดว่าชายหนุ่มคงชอบความสดใหม่และหญิงสาวมากกว่า  หากกิริยาจาบจ้วงของลู่หานคล้ายบอกกับเธอว่าเขาต้องการแกล้งเอาคืนที่โดนเธอขัดใจ  หญิงสาวได้แต่พ่นลมหายใจออกมาช้าๆ และเหลือบตามองสาวน้อยที่คิดว่าจะเตรียมให้ลู่หาน  เธอพยักหน้าให้เด็กคนนั้นออกไปและคิดว่าค่ำคืนนี้คงจะเป็นเธอที่โดนชายหนุ่มคนนี้แผลงฤทธิ์ใส่

     

    พวกแกก็ออกไปด้วย!”ลู่หานหันไปตวาดใส่นักดนตรีชาย  ทำให้พวกนั้นลนลานรีบคว้าเครื่องดนตรีประจำตัวแล้ววิ่งออกไป  หลังจากเหลือกันอยู่เพียงแค่สองคน  ลู่หานจึงปล่อยตัวฮโยจินออกนั่งลงรับประทานอาหารของตนอย่างเงียบๆ

     

    ฮโยจินรู้สึกราวกับเพิ่งรอดตาย  เธอคิดว่าในตอนแรกอาจจะโดนลู่หานทำรุนแรงใส่ตามประสาคนนิสัยคล้ายภูเขาไฟระอุซึ่งพร้อมจะปะทุได้ตลอดเวลา  ลู่หานนั้นเดาทิศทางไม่ได้เลยว่าจะระเบิดออกมาในตอนไหน

     

    เด็กนั่นชื่ออะไรลู่หานไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงได้สนใจเด็กชายคนนั้นมากขนาดนี้  แม้จะพยายามสลัดออกจากความคิดแต่เขาหลุดปากถามถึงเรื่องราวของเด็กคนนั้นออกมาอีกครั้งและดูเหมือนว่าฮโยจินจะรู้

     

    ได้ยินว่าเด็กคนนั้นวิ่งไปชนท่านเข้า  ทางเราต้องขอโทษแทนด้วยเจ้าค่ะฮโยจินแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินคำถามและไม่ได้ตอบในสิ่งที่ลู่หานอยากรู้  นั้นทำให้แก้วเหล้าของลู่หานที่เธอเพิ่งรินบรั่นดีชั้นเลิศลงไปให้เมื่อครู่นี้  ถูกลู่หานยกขึ้นสาดเหล้าใส่หน้าของเธอ

     

    อย่ามากวนโมโหฉันบอกมาว่าเด็กนั้นชื่ออะไร!!!”ลู่หานรู้ดีว่าได้ถูกกวนอารมณ์เสียแล้วจากกีแซงระดับล่างที่อยู่ต่ำใต้เท้าของเขา  ลู่หานจำเป็นต้องเหยียบนางเอาไว้เพื่อไม่ให้บังอาจเผยอขึ้นมาตีริมฝีปากด้วย  เหล้าบรั่นดีสาดหน้าจึงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ชายหนุ่มเลือกใช้เพื่อให้คนต่ำๆ เช่นเธอรู้สถานะตัวเอง

     

    ไม่ควรไม่ควรทำให้คนอย่างลู่หานขุ่นใจ

     

    ไม่ยักรู้ว่าท่านจะใส่ใจเด็กชายธรรมดาคนนึงมากเท่านี้

     

    ฮโยจิน  นังนี่!!!”ลู่หานลุกพรวดขึ้นแล้วเขวี้ยงแก้วเหล้าใส่หน้าฮโยจินจนมันกระเด็นหล่นลงพื้นและแตกกระจาย    เศษแก้วเล็กๆ กระเด็นโดนข้างแก้มของฮโยจินทำให้เกิดรอยแผลเล็กๆ

     

    จะได้รู้ว่าทีหลัง  หากถามดีๆ ก็ให้รีบตอบ  ไม่ใช่มาย้อนถามฉันให้อารมณ์เสียลู่หานแสยะยิ้ม  เขาสาสมใจเมื่อได้เห็นหญิงสาวตรงหน้าบาดเจ็บ  ฮโยจินเพียงก้มหน้าต่ำและยกมือขึ้นจับแก้มของตัวเอง  กัดฟันข่มความแค้นเอาไว้ทั้งน้ำตา  เธอถูกกดขี่ราวกับสัตว์และไม่มีปากเสียงหรือกล้าหาญมากพอจะลุกขึ้นต่อกรกับชายทรงอำนาจคนนี้

     

    ลู่หานยืนมองฮโยจินอยู่ชั่วครู่แล้วเดินพรวดออกจากห้องรับแขกไป  ในคืนนี้เขาคงไม่มีอารมณ์นอนกับกีแซงหน้าเละคนนั้นหรอกแถมยังหงุดหงิดใจชอบกลเพียงเพราะไม่ได้คำตอบเรื่องเด็กคนนั้น

     

    มาถึงตรงนี้แล้วลู่หานก็ต้องชะงักไป  ทำไมเรื่องของเด็กนั้นถึงได้คาใจเขานักและทำไมเขาถึงต้องใส่ใจมากมายขนาดนี้  ยิ่งคิดยิ่งอารมณ์เสีย

     

     

     

    กึกๆๆๆๆ

     

    แบคฮยอนเขย่าโซ่ที่พันธนาการตัวเองอีกครั้ง  ข้อเท้าของตัวเองในตอนนี้มันบวมแดงและมีรอยถลอกจนน่ากลัว  เป็นเพราะความดื้อรั้นของแบคฮยอนเองที่แม้จะรู้ว่าไม่มีทางหลุดออกจากโซ่เหล็กหนานี้ได้แต่ยังพยายามดึงเท้าของตัวเองออกจากโซ่บ้าๆ นี่  สุดท้ายเขาก็เจ็บตัว

     

    กินเวลามาหลายชั่วโมงกับการโดนขังให้สำนึกผิดอยู่ในนี้  อากาศหนาวขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อท้องฟ้ามืดก็มาพร้อมกับสัตว์ปีกตัวเล็กที่จ้องดูดเลือดของแบคฮยอนทำให้เนื้อกายขาวเนียนเพราะได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดีตลอดชนิดยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม  โดนเจ้ายุงหลายสิบตัวเวียนกินเลือดเสียจนอิ่ม

     

    แบคฮยอนน้ำตาคลออย่างหมดหวัง  สุดท้ายล้มตัวลงนอนบนกองฟางสกปรกแล้วไม่วายเอาเท้าถีบเสาไม้ระบายอารมณ์   หากยิ่งถีบยิ่งน้ำตาไหล  สุดท้ายจึงร้องไห้ด้วยความแค้นใจ  เท้าทั้งสองข้างยังถีบเสาอยู่อย่างนั้นราวกับมันคือหน้าของกีแซงหญิงคนนั้นที่สั่งขังเขาเอาไว้

     

     

    กึกๆๆๆๆๆ

     

    ฮือออออออออ  ปล่อยผมออกไปนะ

     

    กึกๆๆๆๆๆๆ

     

    ฮือออออออ ไอ้สารเลว

     

    ลู่หานซึ่งคิดว่าจะเดินเล่นรอบสำนักสักครู่แล้วจึงค่อยกลับบ้านพัก  เขาได้ยินเสียงร้องไห้ออกมาจากบริเวณคอกม้า  ด้วยความสงสัยจึงเดินเข้าไปใกล้เรื่อยๆ  หากลองชะเง้อดูในคอกม้ากลับไม่เห็น  พบเพียงม้าสองสามตัวเท่านั้น

     

    กึกๆๆๆๆๆ

     

    ลู่หานหันไปมองยังเรือนเก็บฟางซึ่งตั้งอยู่ติดกัน  เสียงออกมาจากเรือนนั้นเองร่างโปร่งเดินเข้าไปใกล้แล้วเงี่ยหูฟังอีกครั้ง  คราวนี้เขาได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ จึงแอบมองผ่านร่องไม้เข้าไปแล้วเห็นร่างของใครสักคนนอนร้องไห้อยู่  ด้วยความมืดทำให้ไม่อาจบอกได้ว่าคนคนนั้นคือผู้ชายหรือผู้หญิง  เป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ 

     

    แม้ว่าลู่หานไม่ใช่คนใส่ใจกับสิ่งรอบข้างมากกว่าตนเอง  ดังนั้นการจะเปิดประตูเข้าไปถามไถ่คนซึ่งโดนขังไว้ในคอกเก็บฟางจึงไม่ใช่นิสัยของเขา  แต่มีบางอย่างทำให้เขาระงับสัญชาตญาณความอยากรู้ของตนเองเอาไว้ไม่อยู่

     

    ฮือออออ คุณพ่อ

     

    เสียงหวานๆ นั้นทำให้ลู่หานปั่นป่วนอย่างน่าประหลาด  เสียงสะอื้นเบาๆ และเสียงร้องไห้อย่างน่าสงสารไม่ได้ทำให้ลู่หานรู้สึกอื่นใดนอกจากความอยากรู้  เขาไม่ได้เห็นใจหรือรู้สึกร่วมไปด้วยหรอก  เขาแค่อยากเห็นใบหน้าของเจ้าของเสียงเท่านั้น  หากเสียงหวานขนาดนั้นแล้วใบหน้าเล่าจะหวานเหมือนเสียงหรือไม่

     

    ประตูไม้ถูกผลักออกพร้อมแสงสว่างจากตะเกียงเจ้าพายุ  แบคฮยอนยันตัวลุกขึ้นแล้วกระเถิบตัวไปติดกับมุมเสา  หมดคาบของลูกคุณหนูผู้เอาแต่ใจ  ตอนนี้เป็นเพียงแบคฮยอนเด็กน้อยผู้เสียขวัญ  ใบหน้าหวานซุกกับหัวเข่าของตนที่ชันขึ้นเหลือเพียงดวงตาโผล่ออกมามองผู้เข้ามาใหม่เท่านั้น

     

    ความสว่างของตะเกียงใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทำให้แบคฮยอนได้เห็นปลายคางของผู้มาใหม่  เขาเป็นชายร่างสูงโปร่งและอยู่ในชุดทหารญี่ปุ่น  นั้นทำให้แบคฮยอนเกลียดกลัวมากกว่าเดิม  หากความเกลียดนั้นคงไม่เท่ากับตอนที่ได้เห็นใบหน้าเต็มๆ ของชายคนนั้นเมื่ออีกฝ่ายยกตะเกียงสูงขึ้น

     

    งดงามราวกับเจ้าชาย  เหมือนงานวาดชั้นดีที่ทั้งสวยหวานและคมคายในเวลาเดียวกัน  ความสมบูรณ์แบบของเครื่องหน้ายามถูกแสงสีส้มอ่อนจากตะเกียงตกกระทบทำให้แทบลืมหายใจ

     

    แต่มันก็แค่….สำหรับคนอื่นที่ไม่ใช่แบคฮยอน!!

     

    สำหรับเด็กชายตัวน้อยซึ่งเคยโดนมือหนาๆ นั้นกระชากท่อนแขนจนแทบหลุดเป็นสองท่อนแถมรู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงชาวเกาหลีขายชาติ  ไปเข้ากับพวกญี่ปุ่นจนได้เป็นนายทหารยศสูง  ความงดงามทั้งมวลที่ชายคนนี้มีนั้นกลับน่าเกลียดสิ้นดีในสายตาของแบคฮยอน

     

    เด็กตัวน้อยเกลียดชายตรงหน้าเพราะต้องการหาใครสักคนเอาไว้สาปแช่งสำหรับชะตากรรมของตนในครั้งนี้  เด็กน้อยจึงเลือกให้พวกญี่ปุ่นให้เป็นคนรับความเกลียดชังจากตนทั้งหมดและชายรูปงามตรงหน้าดูเข้าทีที่สุด

     

    การได้พบกันอีกครั้ง  สภาพดูแย่กว่าครั้งแรกเสียอีก  เด็กตรงหน้ามอมแมมจนแยกไม่ออกว่าเป็นคนหรือหมา   ลู่หานไล่สายตามองสภาพปอนๆ ของคนอ่อนกว่าพลางทำสีหน้าดูแคลนและบางอย่างทำให้ลู่หานนึกสนใจคนตรงหน้ามากขึ้นไปอีก

     

    เข้ามาในนี้ทำไม!”ต่างฝ่ายต่างจ้องหน้ากันไม่กี่อึดใจ  คนตัวเล็กกว่าร้องตะโกนออกมาด้วยอาการหวาดระแวง  สายตาเคลือบแคลงและรังเกียจฉายชัดเสียจนลู่หานไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก 

     

    แม้ว่าเขาจะโดนมองด้วยสายตาเช่นนั้นจากคนเกาหลีทุกคนแต่มันไม่เคยชินหรอกนะ  รังแต่จะเพิ่มความโกรธแค้นมากขึ้นจนอยากจะทำลายทุกอย่าง

     

    ลู่หานแสยะยิ้ม  เขาวางตะเกียงลงบนโต๊ะที่ตั้งอยู่ใกล้กัน  เขาสาวเท้าเดินเข้าไปหาเด็กน้อยปากเก่งซึ่งกำลังตัวสั่นคนนั้น  ร่างเล็กเขยิบหนีอีกครั้งแม้หมดหนทางจะหนีจนตัวเกือบจมเข้าไปในกองฟาง  ร่างโปร่งค่อยๆ ย่อตัว  คุกเข่าข้างนึงลงกับพื้น  ส่วนอีกข้างชันขึ้นพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้เด็กน้อย  ลู่หานมองใบหน้าของเด็กน้อยอย่างเพ่งพิศราวกับจินตนาการว่าภายใต้คราบฝุ่นมอมแมมพวกนี้  เมื่อใบหน้าถูกชำระล้างให้สะอาดแล้วจะน่ามองสักแค่ไหนกันเชียว  ลู่หานเชื่อสายตาความแหลมคมของตนเองว่าสักวันในอนาคตอันใกล้  เด็กคนนี้อาจกลายเป็นกีแซงค่าตัวสูงลิบเลยทีเดียว

     

    เอาหน้าออกไปนะ”  แบคฮยอนหันหน้าหนีเมื่ออีกฝ่ายคุกคามมากขึ้น  รังเกียจและสะอิดสะเอียนลมหายใจที่เป่ารดตรงข้างแก้มของตน  ปลายจมูกของนายทหารหนุ่มเกือบชนกับแก้มของเด็กน้อยอยู่รอมร่อ

     

    ชื่ออะไร

     

    ไม่จำเป็นต้องบอก

     

    จำเป็นสิเพราะเวลาที่อยู่บนตัวเธอ  ฉันจะได้ครางถูกลู่หานนึกสนุกจึงยื่นหน้าเข้าไปอีก  ยิ่งเด็กน้อยหดคอหนี  เขายิ่งเข้าใกล้

     

    พูดจาน่าเกลียด  ไอ้บ้าเพียงแค่ถูกวาจาหยาบคายและน้ำเสียงแหบพร่านั้นกวนอารมณ์ให้ขุ่นเคือง  แบคฮยอนหันหน้ากลับไปแล้วตะคอกใส่ด้วยความรังเกียจหากมันคือการฆ่าตัวตายดีๆ นี่เอง  เมื่อใบหน้าของชายหนุ่มยื่นเข้ามาหามากกว่าเดิมและประกบริมฝีปากทันที

     

    ไม่เคยคิดว่าจะโดนใครมากระทำอุกอาจใส่แบบนี้  ทั้งกักขฬะ  หยาบโลน  น่ารังเกียจ  แบคฮยอนยกมือผลักออกชายหนุ่มออกอย่างแรง  นึกเกลียดตัวเองที่เด็กกว่าและตัวเล็กกว่า  พละกำลังของเขาไม่เพียงแต่ชายหนุ่มตรงหน้าไม่สะเทือนเท่านั้น  หากตัวของเขากลับโดนรวบเข้าไปหาจนไม่อาจขยับหนีได้

     

    ริมฝีปากบางเม้มสนิทเข้าหากันไม่ยอมให้อีกฝ่ายทำมากกว่านั้น  รังเกียจจนแทบอ้วกและร้องไห้ออกมาด้วยความขลาดกลัว  นึกถึงพ่อและแม่  เขาคิดว่าตัวเองต้องตายแน่แล้วในตอนนี้ใจจะขาดตายด้วยความขยะแขยง

     

    ลู่หานบดขยี้ริมฝีปากลงบนกลีบปากบาง  ยิ่งอีกฝ่ายพยศเขายิ่งต้องกำราบ  บอกตามตรงว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ตอนนี้มันเหนือแผนการหรือความคาดคิดของเขาเอามากๆ  ในตอนแรกไม่คิดจะจูบด้วยซ้ำแต่พอใบหน้านั้นหันมาและริมฝีปากเฉียดกัน  สัญชาตญาณดิบกลับนำพาให้เขาประกบปากลงบนปากบางแทบในทันทีหลังจากโดนต่อว่าจบ

     

    อีกนัยหนึ่งคือเขาเกลียดนักกับแววตาเย่อหยิ่งของเด็กน้อย  เกลียดจนอยากจะทำอะไรก็ได้เพื่อให้อีกฝ่ายสยบต่อเขา  ไม่รู้หรอกว่าเด็กนี่เป็นลูกหลานใคร  อาจเคยอยู่สูงส่งมากก่อนเพราะดูจากเสื้อผ้าและกิริยาผู้ดีนั้น  แต่ในเวลานี้เป็นแค่คนที่กำลังโดนเขาปล้นจูบและสะอื้นไห้อยู่ในอก

     

    เนื้อตัวสั่นเทาราวกับลูกนกด้วยความกลัว  แค่นี้เท่านั้นที่ทำให้ลู่หานสะใจ

     

    ลู่หานขยี้จูบอย่างหนำใจแล้วผละออก  เขามองเด็กน้อยในอ้อมกอดแล้วยิ้มสมใจ  ใบหน้าหวานมีน้ำตาไหลเป็นทาง  ริมฝีปากแดงช้ำจนน่าจูบอีกรอบ  ดวงตาเหลือบน้ำตาค่อยๆ เงยหน้ามองลู่หานด้วยความสับสน

     

    สับสนว่าจะเกลียดหรือกลัวมากกว่ากัน

     

    แบคฮยอนตั้งสติแล้วผลักลู่หานออกจากตัว  ชายคนนั้นยอมปล่อยเขาอย่างง่ายดายเพราะได้ทำในสิ่งร้ายกาจสมใจไปแล้ว  แบคฮยอนยกหลังมือขึ้นปิดริมฝีปากแล้วอยากจะปล่อยโฮออกมา  ทั้งชีวิตไม่เคยเจอกับความหยาบคายและน่ากลัวขนาดนี้มาก่อน

     

    แบคฮยอนรู้สึกตกต่ำกว่าการโดนขังไว้ในคอกนี้เพียงเพราะจูบหยาบๆ จากศัตรู

     

    ผลั่ก   เด็กน้อยเรียกศักดิ์ศรีคืนให้ตัวเองด้วยหมัดน้อยๆ ไม่เคยใช้มันต่อยใคร  เขามอบให้ลู่หานเพื่อตอบแทนสิ่งที่อีกฝ่ายกระทำต่อตน  หากนั้นมันเป็นการทำให้แบคฮยอนถึงจุดจบต่างหาก

     

    แม้หมัดจะไม่ได้หนักและออกจะเหมือนเป็นการสะกิดด้วยซ้ำ  หากนั้นคือการหยามศักดิ์ศรีของลู่หานเช่นกัน  คนอย่างเขาไม่มีทางจะยอมโดนเด็กต่อยหรอก!

     

    แกอยากตายใช่มั้ย!!”ลู่หานกระชากคอเสื้อของคนอ่อนกว่าขึ้นมา  มือทั้งสองข้างกอบกุมลำคอเรียวแล้วออกแรงบีบจนอีกฝ่ายกระเสือกกระสนดิ้นพล่านเพราะขาดอากาศหายใจ

     

    แค่กๆ แอ่ก ปละ ปล่อยแบคฮยอนทั้งทุบ  ทั้งหยิกลงบนมือของอีกฝ่าย  ดวงตารีมีหยดน้ำตาเกาะอยู่ตรงหางตา  มองลู่หานด้วยความคับแค้น 

     

    สาบานเลย  ถ้าคราวนี้รอดไปได้  ลู่หานจะต้องตายด้วยมือของแบคฮยอน!

     

    แอ๊ดดด

     

    ท่านครับ!!

     

    ประตูเปิดออกพร้อมกับเสียงตะหนกของผู้ที่จะเข้ามาปล่อยตัวแบคฮยอน  คิมจงแดวิ่งเข้าไปดึงมือลู่หานออกจากต้นคอของแบคฮยอนเมื่อเห็นว่าเด็กน้อยเริ่มหมดลมหายใจเข้าไปทุกขณะ

     

    ลู่หานยอมปล่อยมือออก  เขาหันไปเหวี่ยงแขนใส่จงแดจนอีกฝ่ายกระเด็นออกไปอีกมุมนึง  ร่างโปร่งลุกขึ้นแล้วย่างเข้าหาแบคฮยอนเงื้อมือจะทำร้ายหากไม่โดนจงแดเข้ามารวบตัวไว้ก่อน

     

    ขอร้องเถอะครับท่าน  อย่าทำอะไรมันเลย  มันยังเด็กนัก

     

    ปล่อยกูลู่หานยืนนิ่งและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆ  อาการนิ่งสงบของลู่หานทำให้จงแดวางใจแต่ยังคงกอดไว้หลวมๆ ทำให้ลู่หานต้องเอี้ยวใบหน้าหันไปทำตาดุใส่อีกรอบ

     

    จงแดยอมปล่อยลู่หานแล้วเข้าไปนั่งขวางตัวแบคฮยอนเอาไว้  เด็กน้อยยกมือขึ้นจับคอตัวเองพร้อมทั้งหอบหายใจไม่หยุด  เมื่อครู่นี้เกือบตายแล้วแท้ๆ  อีกแค่นิดเดียวจะหมดลมแล้ว

     

    จงแดลนลานไขกุญแจออกจากโซ่ที่พันธนาการแบคฮยอนเอาไว้  จงแดจับตัวแบคฮยอนด้วยความเป็นห่วง  เขาคิดจะเข้ามาปล่อยตัวแบคฮยอนให้ไปอาบน้ำ  กินข้าวและพาไปหานายหญิงแท้ๆ กลับมาเจออีกฝ่ายเกือบโดนผู้พันบ้าอำนาจฆ่าเอา

     

    ลู่หานยืนมองนิ่งคล้ายสงบสติอารมณ์ได้แล้วเมื่อเห็นจงแดไขกุญแจปลดโซ่ออกจากข้อเท้าของแบคฮยอน  ร่างโปร่งก้าวพรวดเข้าไปหา  ใช้เท้าถีบจงแดซึ่งขวางทางอยู่จนกระเด็นแล้วคว้าตัวแบคฮยอนขึ้นมา

     

    แบคฮยอนโรยแรงจนไม่มีปัญหาขัดขืน  เขาโดนลากออกไปโดยอีกฝ่ายไม่สนว่าเขาจะหกล้มหรือเหยียบเศษหินจนตำเท้าจนมีเลือดไหลหรือไม่  ตลอดทางของการโดนลากนั้นเขาดิ้นขัดขืนด้วยแรงอันน้อยนิดเท่าที่มี

     

    ไร้ซึ่งความปราณีจากคนจิตใจเลวทราม  แบคฮยอนโดนเหวี่ยงลงไปกองกับพื้นหน้าเรือนรับแขก  ร่างเล็กแทบหมดสติเพราะอะไรหลายๆ อย่างที่เผชิญมาทั้งวัน   เขานั่งหมอบลงกับพื้นอย่างน่าเวทนา

     

    ทุกคน  ออกมา!!!”ลู่หานตะโกนสั่งกีแซงในเรือนรับแขก  ใช้เวลาไม่นานนักกีแซงเกือบทั้งหมดออกมายืนรวมกันรวมถึงนายหญิงเจ้าของสำนักและฮโยจินด้วย

     

    เมื่อคนอื่นๆ เห็นสภาพแบคฮยอนจึงยกมือปิดปากด้วยความตกใจ  ฮโยจินหน้าซีดเผือด  ไม่คาดคิดว่าลู่หานจะไปพบกับแบคฮยอนเข้าจนได้ทั้งที่เธอเอาไปขังในคอกเก็บฟางแล้วแท้ๆ

     

    ฮโยจินเธอบอกว่าเด็กนี่จะเป็นกีแซงใช่ไหม  แต่ฉันไม่เห็นด้วย  มันไม่เหมาะจะเป็นกีแซงของที่นี่เพราะถือตัวเกินไป  หยิ่งเกินไปและอวดดีเกินไป  เธอก็รู้ว่าญี่ปุ่นไม่ชอบคนเกาหลีที่อวดดีแบบนี้

     

    ท่านคะ

     

    เพราะฉะนั้นในฐานะผู้ควบคุมสำนักกีแซงฮันวอล   ฉันจะไม่ยอมให้มีกีแซงแบบนี้อยู่ในสำนักเด็ดขาด ในเมื่อเด็กนี่ไม่เหมาะให้บริการนายทหารระดับสูง  ฉันจึงเห็นว่าสิ่งที่มันพอจะทำประโยชน์ได้บ้างก็คือการไปบำเรอให้ไอ้พวกอดอยากปากแห้งในกองทัพลู่หานแสยะยิ้ม   เขาพิพากษาอย่างโหดร้ายโดยไม่นึกเห็นใจเด็กตัวน้อยที่จะต้องไปเป็นนางบำเรอให้คนทั้งกองทัพ

     

    ไม่!!!”แบคฮยอนโงหัวขึ้นมาจากพื้น  แหงนหน้ามองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างตะหนกราวกับอีกฝ่ายสูงใหญ่เท่ากับยักษ์  ส่วนเขาเป็นเพียงมดงานตัวเล็กๆ ซึ่งกำลังจะโดนขยี้

     

    ได้โปรดเถอะค่ะท่านผู้พัน  อยะ  อย่าทำแบบนั้นเลย  ฉันสัญญาว่าจะอบรมแบคฮยอนเป็นอย่างดีและเขาจะต้องเป็นกีแซงที่ดีที่สุดของสำนักนายหญิงวัยชราเสียงสั่น  เธอมองหน้าแบคฮยอนด้วยความเวทนาและแสนเห็นใจ  ต่อให้ตายเธอจะไม่มีทางยอมให้เด็กคนนี้ถูกพาไปอย่างนี้เด็ดขาด

     

    ไม่มีการโปรดสัตว์อะไรทั้งนั้น  ฉันจะเอามันไปบริจาคให้กองร้อยสามคงสมใจแก  หากได้มีผัวร้อยคนในเวลาเดียวกันลู่หานพูดประโยคสุดท้ายกับแบคฮยอน  ไร้ซึ่งความเห็นใจหรือผ่อนปรนใดๆ ทั้งนั้น  ลู่หานต้องทำทำเพื่อให้แบคฮยอนเห็นว่าเขามีอำนาจมากแค่ไหนและคนที่ต้องสยบแทบเท้าคือแบคฮยอน

     

    ไม่  ฮึก  ไม่เอา  ไม่!!!  ขะ  ขอโทษ  ผมขอโทษ  อย่าเอาผมไปทำแบบนั้น  ไม่ ฮือออแบคฮยอนคลานเข้าไปจับเท้าของลู่หาน  เด็กน้อยแหงนหน้าคอตั้งบ่า  ทิ้งมันไปเถอะศักดิ์ศรีพวกนั้น  ในยามนี้เพื่อความอยู่รอดและไม่ให้ชีวิตของตัวเองน่าอัปยศไปมากกว่า  ต่อให้เขาต้องจูบเท้าของคนคนนี้ก็ยอม

     

    ส่วนหลังจากนี้….แบคฮยอนจะทำให้ มัน นั้นเหละที่มาสยบแทบเท้าของเขาบ้าง

     

    ลู่หานหัวเราะอย่างสะใจ  เพียงไม่กี่นาที  คนที่ต่อยหน้าเขาและมองเขาอย่างอวดดีกำลังร้องไห้อยู่แทบเท้า  หากแต่ถ้าเห็นใจแล้วปล่อยไปง่ายๆ คงไม่ใช่ลู่หาน

     

    ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีการแลกเปลี่ยนเสมอ

     

    ถ้าไม่ทำก็บอกหน่อยสิว่าจะมีอะไรแลกเปลี่ยนลู่หานสะบัดเท้าออกจากมือของแบคฮยอน  ย่อตัวลงในระดับที่เสมอกับแบคฮยอนและมองอีกฝ่ายอย่างเป็นต่อ

     

    เมื่อเจอคำถามแบบนั้นเข้าไป  แบคฮยอนถึงกับไปต่อไม่เป็น  ตอนนี้เขาไม่มีอะไรเลยที่พอจะแลกเปลี่ยนกับคนตรงหน้าได้

     

    ดูจากสภาพแล้ว  คงเหลือแต่ ตัว สินะลู่หานพูดอย่างอารมณ์ดีผิดกับแบคฮยอนซึ่งกำลังสะอื้นจนลมหายใจขาดช่วง

     

    แบคฮยอนไม่ตอบอะไรกลับไป  พอเข้าใจความหมายจากแววตาหยาบคายของลู่หาน  ร่างเล็กก้มหน้าลงมองพื้นเพราะคำว่าศักดิ์ศรียังค้ำคอจนไม่อาจตอบอะไรกลับไปได้ในทันที

     

    เลือกเอาว่าจะนอนอ้าขากว้างๆ ให้ฉันคนเดียวหรือจะยอมไปเป็นนางบำเรอให้คนทั้งกองทัพ

     

    !!!”แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นสบตากับลู่หานอีกครั้ง  เด็กน้อยร้องไห้ออกมาอย่างจำนน  เพียงเท่านี้คงเป็นคำตอบที่สมใจของคนเลวแล้ว 

     

    ลู่หานยืดตัวขึ้น  เขากวาดตามองไปยังกีแซงทุกคนที่เรียกมาเป็นพยานในเหตุการณ์  ก่อนหยุดสายตาตรงนายหญิงและฮโยจิน

     

    วันพรุ่งนี้หวังว่าฉันจะได้เห็น กีแซงที่ดีที่สุด ของฮันวอลมาคอยต้อนรับฉันลู่หานย้อนคำพูดของนายหญิง  ร่างโปร่งเปรยตามองแบคฮยอนอีกครั้งราวกับมองไรฝุ่นไร้ค่าไร้ราคา  เหยียดยิ้มร้ายตรงมุมปากเมื่อเห็นเด็กคนนั้นเนื้อตัวสั่นเทา

     

    ลู่หานใช้อำนาจและความโหดร้ายของเขาปราบพยศม้าที่ร้ายกาจที่สุดในโชซอนได้สำเร็จแล้ว

     

     

     

     

     


     

    ไรเตอร์:คือเป็นเรื่องที่สูบพลังเรามากอ่ะ

     

     

    :-Daisy ✿
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×