คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Beauty Poison:INTRO
INTRO
ปี 1910 ญี่ปุ่นได้ทำการรุกรานเกาหลีใต้เป็นครั้งที่สองและได้ผนวกดินแดนเกาหลีเป็นของตน เกาหลียุคตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศญี่ปุ่นเป็นความบาดเจ็บสาหัสทางประวัติศาสตร์
การแสดงออกถึงความเป็นชนชาติเกาหลีถือเป็นความผิดร้ายแรง ราชวังและหนังสือประวัติศาสตร์เกาหลีถูกทำลาย ห้ามมีการเรียนการสอนภาษาเกาหลีในโรงเรียน ชายหนุ่มถูกเกณฑ์ไปรบกับประเทศจีน หญิงสาวถูกนำไปบำเรอให้แก่กองทัพญี่ปุ่น ชาวบ้านถูกบังคับให้ทำนาเพื่อส่งข้าวให้ญี่ปุ่นและผลผลิตทางการเกษตรทุกอย่างอันเกิดขึ้นบนแผ่นดินเกาหลีต้องมอบให้แก่ทางการญี่ปุ่นเท่านั้น
ปี 1918 กษัตริย์องค์สุดท้ายของเกาหลีสิ้นพระชนม์ด้วยยาพิษ การกดขี่ข่มเหงจากญี่ปุ่นรุนแรงขึ้น ทหารญี่ปุ่นก่ออาชญากรรมสังหารพลเรือนราวกับผักปลา รวมทั้งยังโจมตีชาวเกาหลีเพื่อฆ่า ข่มขืนและขโมยอย่างทารุณ คนชนชั้นสูงต้องหนีออกนอกประเทศเพื่อเอาตัวรอด นายทหารระดับสูงถูกตามล่าทั้งครอบครัว คนเกาหลีต่างมีชีวิตโหดร้ายยิ่งกว่าทาส
ปี 1918 กรุงโซล,ประเทศเกาหลี
“ไม่!!! ไม่นะ คุณพ่อ…ฮึก”ร่างเล็กผอมบางถูกจูงลากมาตามทางถนนลูกรังในตลาดสดโดยชายวัยกลางคน ร่างเล็กทิ้งตัวลงไปกับพื้นแม้ถูกดึงไปกับพื้นจนเสื้อผ้าขาดรุ่ย มอมแมม ใบหน้าเรียวหวานเปรอะเปื้อนด้วยคราบโคลนไคล ดวงตาเรียวแดงช้ำถูกบดบังด้วยน้ำตาเรียกความเวทนาจากผู้พบเห็น หากในยามนี้คงไม่มีใครอยากเข้าไปยุ่งกับปัญหาครอบครัวของคนอื่นนักเพราะลำพังกับการกินอยู่ของตัวเองและมีชีวิตรอดให้พ้นวันวันหนึ่งยังถือว่าเป็นเรื่องยากลำบาก
เขาคนนี้ยังดูเด็กนัก อายุคงไม่ถึงยี่สิบปีกลับถูกลากมายังหน้าเรือนไม้เกาหลีโบราณซึ่งตั้งอยู่ท้ายตลาด ด้านหน้าของประตูไม้บานใหญ่ประดับด้วยโคมไฟสีเขียวอันเป็นสัญลักษณ์ของสถานที่แห่งนี้
“คุณพ่อได้โปรด ฮืออออ อย่าขายผม อย่าขายผมให้ที่นี่ ไม่เอา ผมไม่เข้าไปในนั้น ฮือออ คุณพ่อ”เขาร้องไห้อย่างน่าเวทนา ทรุดลงคุกเข่าตรงหน้าพ่อแท้ๆ ของตัวเอง ก้มลงคำนับจนหัวติดพื้น วอนเว้าขอให้อีกฝ่ายเกิดเมตตาและฉุกคิดถึงสิ่งที่กำลังทำกับลูกชายวัยสิบเจ็ดปี
“แบคฮยอนฟังพ่อนะ แกต้องมีชีวิตอยู่เพื่อรอพี่ชายของแก หลังจากสงครามญี่ปุ่นกับจีนสงบพี่ชายของแกจะกลับมา”คนเป็นพ่อนั่งลงคุกเข่าในระดับเดียวกับลูก เขาดึงตัวลูกชายขึ้นมาเพราะไม่อยากให้ใบหน้างดงามของลูกชายเปื้อนฝุ่นโคลนมากไปกว่านี้ ริมฝีปากเอื้อนเอ่ยแต่ละคำออกมาด้วยน้ำเสียงอันเต็มไปด้วยความหวังราวกับเพื่อปลอบประโลมใจแก่ลูกชายผู้เสียขวัญ
มันคงได้ผลอยู่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น ลูกชายคนเล็กของบ้านชะงักเพียงชั่วครู่เมื่อนึกถึงพี่ชายคนโตหากแต่มันจะเป็นไปได้หรือ? ไม่เคยมีชายเกาหลีใต้คนใดถูกเกณฑ์ไปรบยังประเทศจีนแล้วรอดกลับมา
“ฮึก คุณพ่อได้โปรดเถอะครับ ผมขอตายดีกว่าจะต้องมีชีวิตอยู่ในนั้น ผมจะไปกับคุณพ่อด้วย” ‘พยอน แบคฮยอน’ คว้ามือหยาบกร้านของพ่อมาแนบแก้มแล้วร่ำไห้อย่างน่าเห็นใจ อ้อนวอนด้วยน้ำเสียงแหบพร่าสั่นเครือ มองลึกลงไปในดวงตาของพ่อที่รักและบูชายิ่งกว่าสิ่งใดในชีวิต
หวังเพียงพ่อจะเห็นใจเขาบ้าง…
“แบคฮยอน!! แกต้องอยู่ที่นี่ ฉันขายแกให้กับหัวหน้ากีแซงไปแล้ว”
“ไม่!!!! คุณพ่อ ฮือออออ เอาผมไปด้วย….ผมสัญญาว่าจะไม่กินเยอะ จะไม่ป่วยและจะไม่ดื้อกับคุณพ่อ ได้โปรด ฮือออ อย่าให้ผมเป็นกีแซง อย่าให้ผมอยู่ที่นี่!!!”
“พ่อทำเพื่อให้แกมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยไม่ต้องกังวลว่าวันไหนแกจะโดนลากไปเป็นทหารแบบพี่ชายของแกหรือโดนพวกมันลากตัวไปบำเรอ อยู่ในนั้นถึงจะเป็นแค่กีแซง ถึงจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยการ ‘แลก’ กับศักดิ์ศรีแต่มันเป็นแห่งสุดท้ายในเกาหลีที่ยังคงปลอดภัย แกจะได้นอนหลับสบายโดยไม่ต้องออกไปหนีหัวซุกหัวซุนกับพ่อ แกจะมีอาหารให้กินครบสามมื้อโดยไม่ต้องอดอยากและที่สำคัญแกจะมีชีวิตอยู่เพื่อรอพี่ชายกลับมา ลูกของฉัน…”
“คุณพ่อ…”แบคฮยอนเรียกพ่อเสียงเบา ร่างเล็กเข้าใจในเจตนาของคนเป็นพ่อและเข้าใจสถานการณ์ลำบากที่พวกเราทุกคนต้องพบเจอ
เราถูกรุกรานด้วยประเทศแข็งแกร่งกว่า กษัตริย์องค์สุดท้ายสิ้นพระชนม์เพราะถูกประทานยาพิษจากประเทศผู้บุกรุก ระบอบต่างๆ ของประเทศพังครืด เราตกอยู่ในสภาวะสงคราม อดอยาก เสียขวัญและไร้ซึ่งอิสรภาพใดๆ
“แบคฮยอนลูกรักของพ่อ ร่างกายของแกเป็นครึ่งหนึ่งของพ่อ พ่อเลี้ยงแกมาด้วยความรักและทะนุถนอม พ่อไม่คิดว่าเราจะต้องมีวันนี้ พ่อถูกทางการญี่ปุ่นหมายหัวให้เป็นบุคคลอันตราย พี่ชายของแกโดนลากไปรบที่จีน แม่กับพี่สาวของแก ฮึก โดนพวกมันเอาไปทารุณ สิ่งสุดท้ายในชีวิตของพ่อที่เหลืออยู่นั่นคือแก…พ่อจะไม่ยอมเห็นแกโดนฆ่าตายต่อหน้าหรือเห็นแกโดนพวกมันลากไปปู้ยี่ปู้ยำ”
คนเป็นพ่อทวนชะตากรรมอย่างขมขื่น ระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้นกลับทำให้นายพลอย่างเขาสูญสิ้นทุกอย่างจนกลายเป็นเพียงคนจรจัด ทั้งเกียรติยศ ศักดิ์ศรีถูกพร่าไปสิ้น เหลือเพียงแค่ชีวิตซึ่งไม่รู้ว่าจะโดนจับไปยิงทิ้งตอนไหน
“ฮึก คุณพ่อได้โปรดเหลือทางเลือกให้ผมบ้าง”
“พ่อเป็นชายชาติทหาร สิ่งที่พ่อทำอยู่นี้คือความอัปยศอย่างยิ่งในชีวิตของพ่อ ได้โปรดเข้าใจเจตนาของพ่อด้วยเถิดลูกรัก”
‘นายพลพยอนแทซัน’ ปัดมือลูกชายออกอย่างไม่ใยดี คนเป็นพ่อมองหน้าลูกชายครั้งสุดท้าย เป็นการยากเหลือเกินในการหันหลังให้ลูกชายคนเล็กคนนี้
แบคฮยอนเป็นลูกรักของเขา จะว่าลำเอียงก็ได้แต่เขาเอ็นดูลูกชายคนเล็กนัก แบคฮยอนทั้งฉลาดและขี้อ้อนสามารถทำให้เขาซึ่งมักวางตัวเป็นพ่อผู้เคร่งขรึมและเจ้าระเบียบตามแบบชายชาติทหารต้องใจอ่อนให้เสมอ คงเป็นครั้งนี้ที่เขาสามารถปฎิเสธแบคฮยอนได้อย่างเด็ดขาด
“พะ พ่อ คุณพ่ออออ อย่าไป!! อย่าทิ้งผมไว้ที่นี่ ไม่!!!!”แบคฮยอนเอื้อมสุดแขนไขว่คว้าตัวคนเป็นพ่อ ร่างเล็กลุกขึ้นยืนหมายวิ่งตามแต่ยังไม่ทันก้าว ประตูไม้บานใหญ่ถูกเปิดออกพร้อมชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกับแบคฮยอน ชายหนุ่มทั้งสองคนเข้ามาจับแขนแบคฮยอนเอาไว้คนละข้าง
“ลากตัวเด็กคนนี้เข้าไป”หญิงสาววัยสามสิบต้นๆ สวมชุดฮันบกโบราณทอดสายตาเย็นชามายังเด็กชายหน้าตามอมแมม เสียงหวานช่างแฝงไปด้วยพลังอำนาจและเย่อหยิ่งจนทำให้แบคฮยอนหยุดดิ้นไปชั่วขณะ เด็กน้อยตะลึงกับความงามของหญิงสาวตรงหน้า นานแล้วที่ไม่เคยเห็นใครได้แต่งตัวสวยๆ เช่นนี้แถมเธอยังอยู่ในชุดฮันบกเกาหลีอันเปรียบเสมือนของต้องห้ามสำหรับแผ่นดินของเราในเวลานี้
“ปล่อยผม!!! อย่ามาแตะต้องตัวผม ปล่อยนะไอ้พวกน่ารังเกียจ พวกทาสญี่ปุ่น ปล่อย!!!”แบคฮยอนสงบไม่นานนักหรอก เขาร้องไห้เสียงดัง ตะโกนใส่หน้าหญิงสาวด้วยความแค้นเคืองในชะตากรรมชีวิต เขาถูกขายให้กับสถานที่อันโสมมและน่ารังเกียจ เขากำลังจะเป็นพวกขายร่างกายเช่นเดียวกับเธอแถมยังขายให้กับพวกศัตรูที่เข้ามารุกรานประเทศของเรา
คำว่า ‘ทาสญี่ปุ่น’ ทำให้คนได้ยินถึงกับตัวชา เธอเข้าใจเด็กน้อยกำลังมีโทสะจึงไม่อยากใส่ใจแต่สีหน้ารังเกียจและสายตาแข็งกร้าวของคนอายุน้อยกว่าทำให้เธอหายใจลำบากนัก เธอเบือนหน้าหนีเพื่อซ่อนความเจ็บปวดทางแววตา
แบคฮยอนเห็นว่าชายทั้งสองสนใจกับอาการหน้าซีดเผือดของหญิงสาวในชุดฮันบกสวย เธอดูมีอำนาจมากใน ‘สำนักโคมเขียว’ หรือเรียกให้ดูดีขึ้นมาหน่อยมันคือ ‘สำนักกีแซง’ แห่งสุดท้ายของเกาหลีที่เหลือรอดจากการโดนทำลาย
ร่างเล็กสะบัดแขนออกจากการเกาะกุม วิ่งออกไปไม่คิดชีวิตตามรอยเท้าพ่อของตน
“ไปตามกลับมาให้ได้ ก่อนที่เด็กนั้นจะถูกพวกนั้นพบเข้าเสียก่อน”หญิงสาวมีสีหน้าตะหนก ยกมือขึ้นทาบอกแล้วออกคำสั่งเสียงสั่น เธอมองตามแผ่นหลังบางด้วยความกังวลใจ
“ครับ นายหญิง!!!”
เด็กคนนั้นผู้มีสายเลือดของชนชั้นสูง เป็นลูกชายของท่านายพลพยอนแทซัน นายทหารระดับสูงในกองทัพและมีแม่เป็นถึงปลายแถวของราชวงศ์ มันไม่ง่ายนักหรอกกับการกำราบคนชนชั้นสูงเช่นนั้นให้ลงมาอยู่ในระดับล่างสุดของชนชั้นในสังคม อาจเป็นงานยากของเธออยู่สักหน่อยในการทำให้เด็กน้อยยอมเป็นกีแซง
“จับพวกมันทุกคนที่พูดถึงจักรพรรดิของเรา ถ้าเป็นชายให้เอาไปทรมานแล้วตัดลิ้นทิ้ง ส่วนผู้หญิง…เอาไปโยนให้ไอ้พวกอดอยากในกองร้อยสี่ พวกมันไม่ได้ปลดปล่อยกันมาสองอาทิตย์แล้ว”
ความโกลาหลเกิดขึ้นทันทีกับตลาดสดแผงลอย ข้อกล่าวหานั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ชายหนุ่มผู้บ้าอำนาจได้สร้างมันขึ้นมาเพื่อหาความชอบธรรมในการทำลายทุกอย่างให้พินาศ เสียงหัวเราะเหี้ยมขัดกับใบหน้าหวานดังขึ้นท่ามกลางเสียงกรีดร้อง เสียงร่ำไห้ขอชีวิตและเสียงสาปแช่ง
“ไอ้ลู่หาน ไอ้คนทรยศขายชาติ ไอ้ขี้ข้าญี่ปุ่น แกมันแค่หมา…หมาของพวกญี่ปุ่น ถุ้ย!!!”
‘ลู่หาน’ หยุดหัวเราะ ใบหน้ารื่นเริงเมื่อครู่เรียบตึงและค่อยๆ บิดเบี้ยวด้วยความโกรธราวกับเป็นคนละคน ร่างโปร่งสาวเท้าเดินตรงไปยังชายหนุ่มซึ่งเขาคุ้นหน้าเป็นอย่างดี
ก็แค่เคยเล่นด้วยกันเมื่อสมัยยังเป็นเด็ก
ปึก!! ชายหนุ่มสัญชาติญี่ปุ่น เชื้อชาติเกาหลีผู้ ‘เคยเป็น’ คนเกาหลีใช้ปืนหวดลงบนหน้าของชายปากดีคนนั้น
“แม่ของแกยังอยู่ดีใช่มั้ย?”
“ไอ้ลู่หาน..”
“น้องสาวของแกอายุเท่าไหร่แล้วล่ะปีนี้”
“แก…”
“จำได้ว่าน้องแกสวยเสียด้วย”
“อย่ายุ่งกับฮวาซอง”
“ฉันไม่ แต่คนอื่นไม่….รู้”
“ไอ้สารเลว!! แกเป็นคนเกาหลี เคยเป็นพวกเรา!!! ทำไมแกถึงทำเรื่องเลวร้ายกับชาติของบรรพบุรุษ”
“หุบปาก!!”
“คนอย่างแกสมควรโดนฉีกร่างให้แหลกเป็นชิ้นๆ”
ปัง!! ลู่หานจ่อปืนตรงศรีษะของชายคนนั้น เขาเหนี่ยวไกปืนด้วยสีหน้าสงบ เลือดจากหัวของชายเคราะห์ร้ายกระเด็นเปื้อนใบหน้าอันงดงาม ลู่หานยกหลังมือเช็ดเลือดโสโครกของพวกขี้แพ้บนใบหน้าของตนอย่างใจเย็น
“เพราะเกาหลีไม่เคยให้อะไรฉันเลย…”
นั้นคือคำตอบของลู่หาน คำตอบให้แก่ร่างไร้วิญญาณซึ่งครั้งหนึ่งเคยเคารพนับถือน้ำใจกันมาก่อนแต่นั้นมันนานมาแล้ว
“ผู้พันครับ…เราจับตัวคนทั้งหมดได้ครบแล้วครับ”
“ยังเหลือคนนึงนอนอยู่ตรงนี้ไง”
“….”
“แต่ตายแล้ว”ลู่หานยักไหล่ เขาเก็บปืนเหน็บลงกับซองซึ่งติดไว้ตรงเข็มขัดด้านหลัง ร่างโปร่งยกมือโบกให้ลูกน้องของตัวเอง คนยศน้อยกว่าโค้งคำนับให้แล้วหันไปออกคำสั่งเป็นภาษาญี่ปุ่นแก่นายทหารยศน้อยกว่าอีกระดับให้ต้อนนักโทษกลับไปยังสถานคุมขัง
ลู่หานยืนมองซากความเสียหายของตลาดแผงลอยด้วยสีหน้าเรียบ ไม่มีความสำนึก ไม่มีความเสียใจหรือหดหู่ ใบหน้างดงามนั้นยังคงนิ่งสงบเสมือนผิวน้ำนิ่งยามไร้ลม
เขาพากายของตัวเองออกจากตรงนั้น หันหลังให้กับความพินาศที่สร้างมันเองกับมือ ก้าวไม่ถึงครึ่งก้าว ร่างของเขากลับโดนชนจนเซเล็กน้อยผิดกับอีกคนซึ่งล้มลงไปนั่งกับพื้น คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความหงุดหงิด เขายืนรอให้อีกฝ่ายก้มหัวขอโทษหากร่างเล็กกลับทำในสิ่งที่ตรงข้ามกันคือกำลังจะวิ่งหนี ลู่หานจับแขนบางเอาไว้ได้แล้วกระชากเข้ามาหาตัว
คราบฝุ่นโคลนไม่อาจบดบังความงามของคนตรงหน้า
ดวงตาแดงช้ำไม่ได้ดูน่าเกลียดหากกลับทำให้น่ารังแก
ริมฝีปากบางชมพูคือสิ่งที่สะกดสายตาของลู่หานอยู่ในตอนนี้
“ทหารญี่ปุ่น?”แบคฮยอนเบิกตากว้างด้วยความตะหนก อีกฝ่ายเป็น ‘ศัตรู’ แสนอันตรายและน่าขยะแขยง พวก ‘ทหารญี่ปุ่น’ ช่างน่ารังเกียจสำหรับพวกเรานัก พวกมันทำครอบครัวของแบคฮยอนต้องพบกับชะตากรรมอัปยศเช่นนี้ พ่อของเขาถูกทางการญี่ปุ่นไล่ล่าจนต้องหนีเอาชีวิตรอดหัวซุกหัวซุน แม่กับพี่สาวถูกจับไปยับยีจนตอนนี้ยังไม่รู้ชะตากรรม พี่ชายคนโตถูกบังคับให้ไปรบที่ประเทศจีน แถมเขาต้องถูกขายให้กับสำนักกีแซง…ทุกอย่าง เป็นเพราะ ‘พวกมัน’
“อายุเท่าไหร่”ลู่หานถามด้วยน้ำเสียงวางอำนาจ เขาลองประเมินด้วยสายตาคร่าวๆ เด็กคนนี้ไม่น่าเกินยี่สิบ ส่วนตัวเขาอยู่บนโลกนี้มายี่สิบเจ็ดปีแล้ว
“…”
“ฉันถามว่าแกอายุเท่าไหร่!!”
“ทำไมพูดเกาหลีได้ เป็นคนเกาหลีนี่!!”แบคฮยอนมองเหมือนเห็นสิ่งแปลกประหลาด สำเนียงแบบนั้นดูยังไงก็เป็นคนที่เติบโตมาบนแผ่นดินเดียวกับเขาอย่างแน่นอน หากชายคนนี้กลับสวมชุดทหารญี่ปุ่น ดาวบนบ่านั้นบอกได้ว่าไม่ใช่นายทหารปลายแถวเช่นกัน
แบคฮยอนเริ่มเข้าใจได้เองในเวลาเสี้ยวนาที ร่างเล็กหัวเราะลงลำคอพลางมองชายตรงหน้าด้วยความรังเกียจกว่าเดิม นึกสะอิดสะเอียนและเกลียดชังรุนแรงมากขึ้น
คงเป็นพวก ‘ขายชาติ’ จนได้ดี
ลู่หานหน้าตึงเมื่อโดนด่าทางสายตา ลงน้ำหนักมือบีบท่อนแขนของคนตัวเล็กแน่นกว่าเดิมจนสัมผัสได้ถึงกระดูก สีหน้าแหยแกเพราะความเจ็บปวดนั้นบอกได้ดี
“ท่านผู้พันขอรับ”ชายในสำนักโคมเขียววิ่งเข้ามาได้ทันการณ์ก่อนเกิดเรื่องบานปลาย ทั้งสองคนร้องเรียกยศของร่างโปร่งด้วยความคุ้นเคย
“เด็กนั้นมาจากสำนักกีแซงของเราขอรับ ได้โปรดปล่อยตัวมันมาให้เราเถอะ”โค้งให้จนหัวแทบติดพื้นด้วยความนอบน้อม น้ำเสียงละล่ำละลักนั่นบอกได้ดีว่ากลัวจนลนลานแค่ไหน
“หน้าตามอมแมมแบบนี้น่ะเหรอ? นายหญิงของพวกแกมีรสนิยมในการเลือกแย่ลงนะ”ลู่หานทำเสียงดูแคลน เขาพูดถึงนายหญิงของสำนักกีแซงด้วยความคุ้นเคย ที่นั้นมีเด็กสาวหน้าตาสะสวยมากมายราวกับมันคือหอปุปผาชาติของกษัตริย์โชซอนและเป็นสถานที่อันมีไว้เพื่อให้บริการนายทหารญี่ปุ่นระดับสูงเช่นพวกเขา
“!!!”
“ฝากบอกนายหญิงของแกด้วยว่าคืนนี้ฉันจะเข้าไปที่นั่นและจองตัวเด็กคนนี้ทั้งคืน”
“ไม่!!”แบคฮยอนตวาดลั่น หันไปมองชายจากสำนักกีแซงด้วยแววตาหวาดหวั่นสลับกับหันกลับมามองนายทหารญี่ปุ่นด้วยความชิงชัง!!
“แกต้องถูกลงโทษที่วิ่งมาชนฉัน…ทั้งคืน”เสียงหัวเราะเหี้ยมในลำคอของชายอายุมากกว่าและยังเป็น “ฝ่ายตรงข้าม” ที่แบคฮยอนเกลียดชังได้สร้างความหวาดหวั่นให้เกิดขึ้นกับหัวใจดวงน้อยๆ น้ำตาเอ่อท้นตรงขอบตาด้วยความขยาดกลัวก่อนไหลอาบแก้มอีกครั้ง
แบคฮยอนไม่มีแม้แต่โอกาสโต้ตอบกลับไปเพราะถูกชายของสำนักกีแซงเอามือมาปิดปากไว้แล้วหิ้วตัวออกไป ร่างเล็กดิ้นพล่านเหมือนปลาขาดน้ำ ดวงตาแดงช้ำมองใบหน้างดงามราวกับหลุดออกมาจากภาพวาดของศิลปินชั้นครูในสมัยโชซอน ใบหน้างดงามนั้นยังคงมองเขาด้วยสีหน้าเรียบนิ่งทว่ากลับน่ากลัวอย่างแปลกประหลาด ร่างเล็กหวีดร้องเหมือนวัวถูกต้อนเข้าโรงเชือด หากเสียงดังอู้อี้เพราะถูกปิดปากไว้
หากนั้นคือครั้งแรกของการพบกัน จุดเริ่มต้นที่คนทั้งคู่อยากย้อนเวลากลับมาแก้ไขและคงเลือกเดินไปอีกทาง...เขาทั้งสองคนเลือกที่จะไม่ต้องได้พบกันเลยเสียยังดีกว่า
ไรเตอร์:เรื่องเก่ายังไม่จบก็มาโปรยเรื่องใหม่ อย่าตีเค้าน้า เม้นหรือสครีมแทก #บตฟพ เป็นกำลังใจให้ไรท์นะคะ
ความคิดเห็น