ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] WonKyu ft.HaeEun | Ex-friend "แฟนเก่า"

    ลำดับตอนที่ #17 : Diary หน้าที่ 15 : คนโง่..

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.65K
      21
      6 ส.ค. 54

      

     

     

     

     

     

     

    หนึ่งปี..สำหรับบางคนมันอาจจะผ่านไปเร็วมาก

    แต่สำหรับโจคยูฮยอนแล้ว..

     

     

    แค่หนึ่งวัน..

    มันช่างผ่านไปช้าเสียเหลือเกิน..

     

     

     

     

     

     

    03/02/13

     

     

    ของขวัญวันเกิด..กับบุคคลปริศนา

     

    ของขวัญวันเกิดกล่องสีขาวถูกวางไว้หน้าห้องในขณะที่ผมกำลังจะเดินออกไปสอบ

    มันน่าประหลาดใจมากที่มีคนให้ของขวัญกับผมในขณะที่ผมยังอยู่มหาลัยนรกนี่

    ผมหยิบกล่องของขวัญขึ้นมาก่อนจะหันไปมองประตูลิฟท์ที่มีใครบางคนกำลังจะเดินเข้าไปด้านใน

    รูปร่างของเขาสูงใหญ่ดูคุ้นตา.. จนทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่านั่นจะเป็นเจ้าของกล่องของขวัญปริศนานี่รึเปล่า?

     

    ผมวิ่งตามเขาไปจนถึงหน้าประตูลิฟท์ แต่แล้วก็ไม่ทัน..

    ประตูลิฟท์ปิดลงต่อหน้าต่อตาผม ..ไม่มีโอกาสแม้แต่จะเห็นเสี้ยวหน้าของเขา

     

    ผมชะเง้อหน้าออกไปข้างนอก.. คิดไว้ว่าเขาต้องเดินออกมาทางนี้แน่..

    แต่รอเท่าไหร่.. คนๆ นั้นก็ไม่เดินออกมาสักที..

     

     

    ของขวัญวันเกิดชิ้นแรกที่ได้รับ.. ผมค่อยๆ แกะมันออกอย่างประณีตในขณะที่ในหัวของผมยังมีเรื่องราวของบุคคลปริศนาอยู่..

     

    เขาเป็นใคร?

     

    ถ้าคิดในอีกแง่หนึ่ง ก็อาจจะเป็นใครสักคนที่อยู่หอพักแล้วก็บังเอิญเดินออกมาจังหวะนั้นพอดีก็ได้

     

     

    แต่ถ้าคิดในแบบของคนโง่..

    เขาคนนั้น..จะเป็นนายได้รึเปล่านะซีวอน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

     

     

    RRrrrr…!!!

     

    ร่างโปร่งหันมองไปตามเสียงก่อนจะวางปากกาลงพลางเก็บไดอารี่เข้าที่แล้วเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดรับ

     

    ฮัลโหล

    ไปกินข้าวกัน

    ไม่ล่ะ มึงก็ไปกินกับรูมเมทสุดที่รักมึงสิ แขวะพร้อมกับเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาก่อนจะเอาแขนเกยหน้าผากแล้วหลับตาลง

    อะไร กูชวนมึงไปแดกนะ เกี่ยวอะไรกับคนอื่นวะ

    แน่ใจเหรอว่าคนอื่นน่ะ..

     

    นึกแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ เมื่อนึกถึงอีทงเฮที่ชอบทำตัวปากแข็งไม่ยอมรับความจริงสักที

    ปากบอกไม่ชอบอีฮยอกแจ.. แต่ที่ทำอยู่ทุกวันนี่ไม่ต่างจากคนเป็นแฟนกันเลยสักนิด

     

    กูพึ่งกินไปเมื่อกี้นี้เอง

    กินแล้วก็กินอีกได้

    ฟังกูนะทงเฮ พรุ่งนี้กูสอบตัวสุดท้าย และกูก็ต้องอ่านหนังสือ ไว้พรุ่งนี้มากวนตีนใหม่ก็ยังไม่สาย ..แค่นี้ก่อนนะพูดแล้วก็ตัดสายทิ้งทันทีก่อนที่ทงเฮจะโวยวายซะก่อน

     

    ยิ่งเรียนงานก็ยิ่งเยอะจนแทบไม่มีเวลาได้พักผ่อน ช่วงสอบปลายภาคของปีสองได้เข้ามาเยือนอีกแล้ว คยูฮยอนต้องอ่านหนังสือให้มากกว่าเทอมก่อนถ้าเขาคิดจะเอาเกรดสวยๆ ไปฝากแม่ที่บ้าน

    ถ้าพูดถึงข้อเสีย..ก็คงเป็นเรื่องนอนไม่พอ และนั่นเป็นต้นเหตุของการป่วยอิดออด จะหายก็ไม่หายสักที.. เจ็บคอบ้างล่ะ ปวดหัวบ้างล่ะ ครั่นเนื้อครั่นตัวบ้างล่ะ แบบนี้จะมองว่าเป็นข้อเสียได้ไหมนะ?

     

    แต่คงไม่หรอก.. เพราะข้อดีมันก็มีอยู่เหมือนกัน..

     

    เพราะอย่างน้อย..มันก็ทำให้คนปากแข็งรู้รสชาติของชีวิตตัวคนเดียวได้มากขึ้น..ทำให้ได้รู้ซึ้งถึงความผิดพลาดที่ตัวเองได้ทำลงไปเป็นครั้งที่สอง

     

     

     

     

    คุณได้รับข้อความจาก..

    ทงเฮ

    [กูไม่ได้ชวนมึงออกไปเที่ยวเล่น.. แค่อยากพาไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันในวันเกิดมึงก็เท่านั้น ..มึงอยู่ตัวคนเดียวบนโลกรึไงวะ?]

     

     

    ริมฝีปากบางยิ้มออกมาเมื่อได้อ่านข้อความที่แฝงไปด้วยความห่วงใยของทงเฮก่อนจะส่งข้อความกลับไป

     

     

     

     

    คุณกำลังส่งข้อความถึง..

    ทงเฮ

    [ไว้หลังสอบได้ไหม? พอถึงวันนั้นมึงเตรียมกระเป๋าฉีกได้เลยครับ *smile*]

     

     

     

     

    ใบหน้ามนเหลือบมองของขวัญที่ถูกแกะออกมาวางไว้บนโต๊ะ จ้องมองมันอยู่อย่างนั้นถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่นาฬิกาทรายที่ดูธรรมดาและหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป

     

     

     

    ‘Happy Birthday

    Did you see? It's tangible..’

     

    สุขสันต์วันเกิด

    เห็นรึเปล่า? ว่ามันมีอยู่จริง..

     

     

     

     

     

    ทรายที่อยู่ในนั้นน่ะมีแต่ของปลอมทั้งนั้นแหละ ดวงตากลมจ้องมองนาฬิกาทรายที่ถูกตั้งโชว์อยู่หน้ากระจกขณะที่เขาทั้งคู่กำลังเดินซื้ออุปกรณ์ที่ต้องใช้ในงานโรงเรียน

    ทรายสีขาวไม่มีอยู่จริงสักหน่อย

    มีสิ ร่างสูงตอบ ก่อนจะมองหน้าคนรักที่ทำหน้าไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด

     

     

     

     

     

    ถึงมันจะหาได้ยากในโลกใบนี้..แต่ไม่ใช่ว่ามันไม่มีอยู่จริงสักหน่อย 

     

     

     

     

     

     

    นาฬิกาทรายสีขาว..ที่ไม่มีอะไรน่าสนใจ..

    มีเพียงแค่ทรายเม็ดเล็กๆ ที่ร่วงลงมาอย่างช้าๆ จนกว่าจะหมด..

    และถึงตอนนั้น...คนที่เฝ้ารอมันก็ได้แค่พลิกกลับเพื่อที่จะให้มันไหลลงมาอีกครั้ง..

     

     

    เหมือนกับเขาในตอนนี้...

     

     

     

     

     

     

     

    ที่รอคอยใครบางคนอย่างไร้จุดหมาย..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

     

    ซ่า....

     

    สายฝนที่ตกลงมาไม่หยุดถึงแม้ว่าจะตกยาวนานมาร่วมสามชั่วโมงแล้ว.. เปลือกตาบางปิดลงพร้อมกับแฟ้มรายงานในมือที่ต้องเอาไปแก้ก่อนพรีเซนท์ในวันพรุ่งนี้.. ใบหน้ามนก้มลงมองนาฬิกาข้อมือก่อนจะถอนหายใจเบาๆ

     

     

     

    นี่ก็ปีสามแล้ว.. จะว่าเวลาผ่านไปเร็วก็ไม่ใช่.. จะว่าช้าก็ไม่เชิง..

     

     

     

    เป็นคนเห็นคุณค่าของเวลาตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะโจคยูฮยอน

     

     

     

    เสียงฟ้าร้องดังขึ้นเป็นระยะหากแต่ไม่ได้สร้างความหวาดกลัวให้ร่างโปร่งเลยแม้แต่น้อย

     

     

     

    เพราะเวลาฝนตก..ผมมักจะคิดถึงเขาเสมอ..

     

     

     

     

     

     

    รู้ว่าไม่ชอบพกร่ม..แต่อากาศแบบนี้ตอนเย็นฝนอาจจะตกนะ

     

     


    ถึงแม้ว่าซีวอนจะไม่อยู่แล้ว..แต่ผมก็ยังคงเหมือนเดิม..

    ไม่ชอบพกร่มยังไง ในวันนี้ก็ยังคงเป็นอย่างนั้น

     

     

    แต่ก็เพราะไม่ชอบพกร่มนี่แหละนะ..ถึงได้ต้องมานั่งซังกะตายรอให้ฝนหยุดอยู่อย่างนี้

     

     

    ผมเดินไปส่งนะครับ คยูฮยอนเงยหน้าขึ้นมองตามเจ้าของเสียงตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงศรีษะ หรี่ตามองขณะที่ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น

    ร่มสีขาวถูกกางออกพร้อมกับข้อมือที่ถูกร่างสูงพันธนาการเอาไว้.. คยูฮยอนมองมือตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนทุกครั้ง

     

    นายไม่มีเรียนรึไง

    ผมเรียนเสร็จแล้วครับ ผมจะต้องเดินผ่านหน้าหอพี่พอดี ไม่ลำบากหรอก พูดดักเอาไว้เพราะรู้ดีว่าคยูฮยอนนั้นขี้เกรงใจสักแค่ไหน

    ร่มคันแค่นี้กางไปก็เปียกทั้งคู่..นายกลับไปเถอะ เดี๋ยวฝนก็หยุดแล้วล่ะ

     

     

     

     

     

    คิดมากทำไม.. ก็แค่เปียกเองครับ

     

     

     

     

    ตลอดเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาทำให้ชางมินเข้าใจอะไรได้มากขึ้น.. ทั้งพฤติกรรมของรุ่นพี่คนอื่นที่ไม่น่าเคารพสักเท่าไหร่.. หลายๆ คนยังคงแอนตี้คยูฮยอนอยู่ ถึงแม้ว่าบางส่วนจะเข้ามาคุยบ้างแล้ว

     

     

     

    ในตอนนี้เข้าใจดีแล้ว..ว่าทำไมคยูฮยอนถึงได้ปิดกั้นตัวเองขนาดนี้

     

     

     

     

    แต่ก็แค่อยากให้ไว้ใจ..ว่าชิมชางมินจะไม่มีวันทำร้ายโจคยูฮยอนเด็ดขาด

     

     

     

     

    บอกแล้วว่าร่มมันเล็ก..เปียกหมดแล้วเห็นไหม รีบเอาหนังสือออกมาตากเร็ว คิดแล้วก็น่าโมโหจริงๆ นี่ชางมินเห็นเขาเป็นพี่บ้างรึเปล่า ทำไมเจ้าเด็กบ้าคนนี้ไม่เคยเชื่อฟังเขาเลย

    รับทราบแล้วครับ~ ว่าแต่ผมตากเสื้อกับกางเกงได้ที่ไหนเนี่ย? ร่างสูงถามขณะที่อยู่ในสภาพบ๊อกเซอร์และเสื้อกล้ามสีขาวตัวเดียว

     

    คยูฮยอนเดินมาหยิบเสื้อนักศึกษากับกางเกงมาโดยไม่มีท่าทีเขินอายเลยแม้แต่น้อยจนร่างสูงประหลาดใจอยู่ไม่น้อย.. ไม่เขินเลยรึไงกัน?

     

    อยู่คนเดียวไม่เหงาเหรอครับ

     

    เอาหนังสือออกมาตาก พูดย้ำอีกครั้งเพราะเจ้าตัวยังคงนิ่งเฉย ชางมินอมยิ้มก่อนจะรับไม้แขวนเสื้อมาโดยที่ไม่รู้ตัวเลยฝ่ายอีกฝ่ายกำลังรู้สึกแย่เพราะคำพูดตัวเองแค่ไหน

    แต่อย่างน้อยแฟ้มพี่ก็ปลอดภัยนะครับ เอาความดีขึ้นมาพูดบ้างหวังให้อีกคนเห็นใจ แต่ดูเหมือนจะไร้ผล

    จะกินอะไรรึเปล่า เปลี่ยนบทสนทนาเอาดื้อๆ ทำเอาอีกฝ่ายคอตก ร่างสูงเดินไปนั่งบนโซฟาพลางจ้องมองพี่รหัสที่กำลังเอาเสื้อผ้าของเขาไปผึ่งไว้กับพัดลม

     

    เอาบะหมี่สำเร็จรูปก็ได้ครับ ง่ายดี

     

    ร่างสูงกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง ขณะที่ร่างโปร่งเดินเข้าห้องครัวไป อยากรู้มานานแล้วว่าห้องของคยูฮยอนนั้นจะเป็นแบบไหน จะเป็นคนชอบสะสมการ์ตูนหรือแผ่นเกมส์รึเปล่า?

    ภายในห้องสีขาวที่มีโปสการ์ดติดอยู่ข้างผนังเต็มไปหมด ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีลวดลายของสถานที่ท่องเที่ยวอย่างที่ควรจะเป็นก็ตาม แต่ก็อดสงสัยไม่ได้เลยว่าโปสการ์ดเหล่านั้นมันคืออะไรกันแน่? 

     

    ขายาวเดินมาเรื่อยๆ จนหยุดอยู่ตรงหน้าตู้เย็นก่อนจะสะดุดตากับแก้วที่วางอยู่ แก้วกระเบื้องสีฟ้าถูกหยิบขึ้นมาดูใกล้ๆ พลิกดูซ้ายขวาไปมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น คยูฮยอนเดินออกมาพร้อมกับบะหมี่ถ้วยที่อยู่ในมือก่อนจะหยุดยืนนิ่งๆ เมื่อเห็นการกระทำของอีกฝ่าย

     

    ผมเคยได้ยินมาว่ารูมเมทของพี่..”

    วางมันลงซะ..” ร่างสูงหยุดชะงักเมื่ออีกฝ่ายจับข้อมือของเขาไว้ ชางมินหันกลับไปมองพี่รหัสที่จ้องเขาด้วยแววตาจริงจัง

     

    “………….” แก้วสีฟ้าถูกชูขึ้นสูงเหนือศรีษะ ร่างโปร่งยังคงจ้องหน้าชางมินอยู่อย่างนั้นไม่มีแม้แต่จะมองตามแก้วที่ถูกชูขึ้นสูงเลยสักนิด

     

     

    รูมเมทพี่ไปไหนเหรอครับ?

     

    “………….”

     

    พี่ไม่คิดจะเล่าเรื่องของพี่..ให้ผมฟังบ้างเลยเหรอ.. เอ่ยน้ำเสียงตัดพ้อทั้งที่ยังสบตากับอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้น

    ...............

     

    พี่อยู่ตัวคนเดียวบนโลกใบนี้ไม่ได้หรอกนะ..

     

    วางมันลง..ชิมชางมิน

     

     

    ...............

     

     

     พี่จะปิดกั้นตัวเองไปถึงไหน…..”

     

     

     

     

     

    เพล๊ง!!!!

     

    ร่างสูงเบิกตากว้างเมื่อคยูฮยอนโผเข้ามาแย่งแก้วจากมือเขาจนเสียหลักล้มลงไปกองกับพื้น

     

    ให้ตายเถอะ..ที่แย่กว่านั้นคือเขากำลังทับตัวคยูฮยอนเต็มๆ เลยน่ะสิ

     

     

    ....เจ็บไหมครับ!” ร่างสูงผละออกพร้อมกับสำรวจร่างกายคนที่นอนนิ่งอยู่ข้างใต้ด้วยความเป็นห่วง

    “……..”

    ผมขอโทษ พี่เจ็บตรงไหนรึเปล่า?

    “……..”

    พี่ครับ

     

     

     

    กลับไปเถอะ เอ่ยเสียงแผ่วทั้งที่สายตายังคงจ้องมองซากเศษแก้วที่แตกกระจายอยู่บนพื้น.. ร่างสูงมองใบหน้ามนที่เอ่ยเสียงเย็นชาและไม่หันมามองเขาด้วยความรู้สึกผิด

     

     

     

    แย่แล้วล่ะชิมชางมิน..

     

     

     

    คือ..

    ออกไป

     

     

     

     

     

     

    นั่นเป็นประโยคสุดท้าย.. ที่ชิมชางมินได้ยินจากปากของโจคยูฮยอน..

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

    ซ่า........

     

    สายฝนยังตกลงมาไม่ขาด.. เสียงฟ้าร้องตอกย้ำความรู้สึกในขณะที่คยูฮยอนกำลังพยายามนั่งประติดประต่อเศษแก้วให้กลับมาเหมือนเดิม..

     

    “……!!” ร่างโปร่งสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะจ้องมองนิ้วมือตัวเองที่เลือดกำลังไหลออกมา.. บ้าจริง..

     

     

    เดี๋ยวเราเก็บเอง คยูฮยอนไปอ่านหนังสือต่อเถอะ

     

     

    มือเรียวสั่นสะท้าน น้ำใสคลอหน่วงขณะจ้องมองแก้วรูปร่างบิดเบี้ยวที่พยายามนั่งประกอบอยู่เป็นชั่วโมง.. รอยแผลที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ยังไม่สร้างความเจ็บปวดให้ได้เท่าความรู้สึกของเขาในตอนนี้เลยแม้แต่น้อย..

     

     

    ครั้งที่สองแล้วโจคยูฮยอน.. นายทำมันแตกเป็นครั้งที่สองแล้ว..

     

    อึ่ก.. หยาดน้ำตาค่อยๆ ไหลออกมา.. โทษตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า..

     

    ไม่ว่าจะทำอะไร..ก็ดูเหมือนว่าผมจะเป็นคนทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปซะทุกเรื่อง..

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

    เช้าวันรุ่งขึ้น..

     

    ฝนยังคงเทกระหน่ำลงมาไม่หยุดตั้งแต่เมื่อวานนี้ ถ้าระบบระบายน้ำของมหาลัยไม่ดีป่านนี้น้ำคงท่วมไปแล้วเป็นแน่.. นิ้วเรียวทั้งสิบมีพลาสเตอร์สีน้ำตาลติดอยู่เกือบห้านิ้ว เนกไทถูกสวมอย่างสุภาพเพื่อเตรียมเข้าพรีเซนท์งานในวันนี้.. ร่มสีฟ้าที่ใครอีกคนเคยให้ถูกหยิบขึ้นมาถือไว้ในมืออีกข้างก่อนจะเดินไปสำรวจร่างกายหน้ากระจกอีกครั้ง

     

     

    เรียบร้อย.. ถูกระเบียบทุกอย่างแล้วนะ

     

     

    ดวงตากลมหันไปมองแก้วสีฟ้าที่วางอยู่บนโต๊ะ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเกิดซีวอนยังอยู่.. เขาจะทำสีหน้ายังไง เมื่อแก้วใบเดียวที่เหลืออยู่นั้น..

     

     

    เฮ้อ..

     

     

    ไม่เอาน่าโจคยูฮยอน.. นี่ก็ผ่านมาสองปีแล้วนะ นายควรจะทำใจได้แล้ว.. ยิ่งรอก็ยิ่งเจ็บ.. นายไม่ชอบทำร้ายตัวเองไม่ใช่เหรอ?

     

    ถึงแม้ว่าจะได้รับโปสการ์ดแปลกๆ ทุกเดือน.. แต่นั่นก็ทำให้ตีความหมายออกมาไม่ได้เลยว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไร กระดาษสี่เหลี่ยมแผ่นเดียวที่ไม่มีแม้แต่คำพูดทักทายนั่น..

     

    ผมดูเหมือนคนตาบอด.. ปิดหูปิดตาไม่ยอมรับความจริง เอาแต่ยืนอยู่กับที่แล้วก็รอให้เขาเดินกลับมา

     

     

     

    ซึ่งความหวังนั้นมันช่างริบหรี่เสียเหลือเกิน..

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

     

    ราวกับว่า.. ผมมีชีวิตอยู่ได้เพราะลมหายใจของเมื่อวาน..

    ....มีแต่ความทรงจำเก่าๆ ..ที่มันเลือนลาง

     

     

     

     

    ร่มสีฟ้าถูกกางออกก่อนที่ร่างโปร่งจะเดินออกมาจากหอพัก.. เรียวขาหยุดชะงักเมื่อเห็นใครบางคนยืนกางร่มอยู่ตรงหน้า ควันสีขาวพ่นออกมาจากริมฝีปากหยักบ่งบอกว่าอีกฝ่ายยืนรออยู่นานแล้ว.. ทั้งที่ฝนตกอากาศหนาวเย็นขนาดนี้ แต่ชิมชางมินก็เลือกที่จะมายืนรอ..

     

     

     

    เพียงเพราะแค่อยากพูดว่าขอโทษเท่านั้น..

     

     

     

    .......

    “...คือ

    ไม่มีเรียนรึไง

    เรื่องอื่นไว้ก่อนเถอะครับ..ที่ผมมาวันนี้..ผมตั้งใจจะมาขอโทษพี่

    ถ้าเรื่องแก้วใบนั้นน่ะช่างมันเถอะ

    ช่างไม่ได้หรอกครับ..ผมไม่รู้..ว่าแก้วใบนั้นสำคัญสำหรับพี่แค่ไหน ร่างสูงก้มหน้าลง เมื่อคืนรู้สึกผิดมากจนนอนไม่หลับ อยากจะโทรมาขอโทษแต่ก็กลัวว่าจะทำให้คยูฮยอนโกรธยิ่งกว่าเดิม..

     

     

    เขายังจำแววตาคยูฮยอนในตอนนั้นได้ดี..

     

     

    อยากเป็นหวัดตายรึไง..ไปเข้าเรียนได้แล้วนะ ร่างโปร่งเดินสวนอีกคนออกมาจากตรงนั้นคิดตัดปัญหา เพราะขืนอยู่ต่อชิมชางมินคงไม่เลิกโทษตัวเองแน่

     

     

     

    พี่ซีวอนใช่ไหมครับ

     

     

     

    คยูฮยอนหยุดชะงักเมื่อได้ยินชื่อนั้นออกจากปากร่างสูง.. ทั้งคู่หยุดยืนอยู่กับที่ท่ามกลางสายฝน โดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก..

     

     

    มันเป็นของสำคัญ..ของพี่ซีวอนใช่ไหมครับ..

     

    ...........

     

    เตียงที่ว่างเปล่าในห้องของพี่..นั่นก็คงเป็นของพี่ซีวอน....

     

    ...........

     

    เขาคือ..

     

    ...........

     

    ไม่มีคำตอบจากปากคยูฮยอนถึงแม้ว่าอีกฝ่ายยังคงถามไม่หยุด.. ความรู้สึกผิดก่อนหน้านี้ถูกความสงสัยกลบไปหมด.. รอยยิ้มที่แต่งเติมบนใบหน้าหล่อของร่างสูงนั้นในวันนี้ค่อยๆ จางหายไป..

    ตลอดเวลาปีกว่าที่ผ่านมา ชิมชางมิน พยายามมาตลอด.. พยายามทำให้คยูฮยอนมีความสุขหลังจากที่รู้เรื่องราวต่างๆ ในอดีตของเขา..

     

     

    ชางมินไม่ได้ต้องการคำว่า ขอบคุณ จากปากคยูฮยอน..

    สิ่งที่ต้องการมากที่สุด..ก็คือรอยยิ้มของเขาก็เท่านั้น

     

     

     

     

     

     

    จะบอกอะไรให้..อย่าคิดที่จะมัดใจคยูฮยอนมันเลย นี่พี่ไม่ได้ตัดพ้อแกหรอกนะ น้ำเสียงของลุงรหัสที่ดูจริงจังไปกว่าทุกครั้งทำให้ชางมินหวั่นใจอยู่ไม่น้อย

    เอ่อ..ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับพี่อีทึก

    จะบอกว่าที่ทำมาเป็นปีๆ เนี่ย..มันก็แค่พี่รหัสกับน้องรหัสเท่านั้นเหรอ?

     

     

    ตอบไม่ได้...

     

     

    ในตอนนี้แกอาจจะยังทนไหว..แต่คนเราจะวิ่งตามสิ่งที่จับต้องไม่ได้อีกนานสักแค่ไหนกัน

    “……….”

    พระเจ้าสร้างอดัมกับอีฟขึ้นมาเป็นมนุษย์คู่แรกบนโลกใบนี้ ทั้งคู่รักกันและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน

    “……….”

    แต่ถ้าเกิดพระเจ้าสร้างใครอีกคนขึ้นมาพร้อมกับอดัมกับอีฟล่ะ? บางที..ทั้งคู่อาจจะไม่ได้รักกันเหมือนอย่างที่ได้ยินกันมาก็ได้..

    อีฟอาจมีใจให้อีกคน..ในขณะที่อดัมเองก็รักอีฟหมดทั้งหัวใจ..

    ............

    พี่จะไม่ห้ามแกหรอกนะ.. แค่อยากเตือนว่าคนเราน่ะ..ถ้าจะพยายาม..มันก็ได้..แต่เผื่อใจไว้บ้างก็ดี..เพราะคนที่ใช่สำหรับเราน่ะ..

     

     

     

     

     

    เขาอาจจะเป็นคนที่ใช่สำหรับคนอื่นในเวลาเดียวกันก็ได้

     

     

     

     

     

    .......ชางมิน

    แกน่ะเหมือนซีวอนมากเลยนะ..ในตอนนี้ถ้าคยูฮยอนมันจะเจ็บเพราะแกมันก็ไม่แปลกหรอก มือแกร่งตบลงบนบ่าหลานรหัสเบาๆ ก่อนจะจะยันตัวลุกขึ้นยืนเมื่อใครอีกคนมายืนรออยู่หน้าประตูแล้ว

     

    คำพูดทุกประโยคที่อีทึกเล่าให้ฟังมันทำให้ร่างสูงพูดไม่ออก.. มือเรียวยาวยกขึ้นป้องปากตัวเอง..ภาพต่างๆ ในอดีตฉายขึ้นมาในหัว

     

     

     

    ซีวอน..

     

     

     

    ใช่.. เขาได้ยินชื่อนี้จากปากคยูฮยอนมาก่อน..

     

     

     

     

    ฝนเริ่มซาลงถึงแม้ว่าก้อนเมฆสีเทาจะเคลื่อนออกไปบ้างแล้ว แสงสว่างจากดวงอาทิตย์เริ่มสาดส่องลงมาแต่ก็ไม่ได้ทำให้คนสองรู้สึกคนอบอุ่นขึ้นเลยแม้แต่น้อย..

     

     

    เขาคือ..คนที่พี่รักใช่ไหมครับ...

     

    ..................

     

    ..................

     

    ถ้าได้คำตอบ นายจะรู้สึกดีขึ้นใช่ไหม เป็นประโยคที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกผิด ไม่ได้หมายความแบบนั้น ไม่ได้ต้องการให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น.. แต่ก็แค่อยากรับรู้เรื่องราวของคยูฮยอนบ้างก็เท่านั้น

     

    ตลอดเวลาที่ผ่านมา.. เขาเคยคิดว่าตัวเองเป็นคนที่รู้จักคยูฮยอนดีระดับนึงรองจากพี่ทงเฮ แต่จริงๆ แล้ว..

     

     

     

    ชิมชางมินแทบไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับคยูฮยอนเลยสักนิด..

     

     

     

    ทำไมไม่เอะใจ.. เตียงฝั่งตรงข้ามที่ว่างเปล่า.. ถึงจะไม่เคยถามชื่อรูมเมทที่จากไปของคยูฮยอน รู้แค่เพียงว่าคนๆ นั้นได้ทุนไปเรียนต่างประเทศ..และจะไม่กลับมาที่นี่อีก..

     

     

     

    แต่ทำไม..ผ้าปูที่นอนกับผ้าห่มยังคงปูไว้อยู่อย่างนั้น

     

     

    ใช่

    ..................

    พี่รักเขา

    ..................

    ..................

    ......ผมทำให้พี่.....รู้สึกแย่ใช่ไหมครับ..... คำตอบที่ได้รับถึงแม้ว่ามันจะทำให้เขารู้สึกจุกในอก..แต่ก็ยังคงถามต่อไป..

    พี่บอกว่าไม่เป็นไรไง

     

     

     

     

     

     

    พี่รู้สึกแย่เพราะต้องทนเห็นหน้าผมในขณะที่พี่กำลังฝืนใจไม่ให้คิดถึงเขาใช่ไหมครับ...

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    ใครบางคนก็ต้องการคำพูดสั้นๆ เพียงคำเดียว

    เพียงเพราะต้องการความมั่นใจ..

    ในขณะเดียวกัน.. ใครอีกคนก็ใช้สัมผัสทางกายแทนคำพูดทั้งหมดของหัวใจ

     

     

     

     

    พี่ทงเฮ!” ร่างหนาหันกลับไปมองตามเสียงเรียกก่อนจะหันกลับไปสเก๊ตรูปต่อ ร่างอวบนั่งลงข้างๆ พี่รหัสพร้อมกับฉีกยิ้มก่อนจะชูพวงกุญแจขึ้นมาตรงหน้า

    สุขสันต์วันเกิด~” มือหนาหยุดชะงักเมื่อมีพวงกุญแจหน้าตาประหลาดๆ ลอยอยู่ตรงหน้า ทงเฮถอนหายใจเบาๆ พร้อมกับหันไปมองหน้าน้องรหัสหน้าหวานที่ยังคงยิ้มให้อยู่ตรงนั้น

    .....?

    น่ารักไหมครับ~”

    นี่อะไร?

    พวงกุญแจลายปลานี่โม่ไงครับ ผมทำเองเลยนะ ก็รู้ว่าเป็นพวงกุญแจรูปปลา แต่..

    ขอบใจมาก รับมาพร้อมกับขยี้หัวอีกคน ใบหน้าหวานยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าพี่รหัส

     

     

     

    ยังคงจำได้..วันนั้นที่เขานั่งดรอว์อิ้งตามลำพังอยู่ในห้องคนเดียวจนฟ้ามืด แต่ผลงานที่ออกมาก็ยังไม่เป็นที่พอใจเมื่อมองรูปในกระดาษกับหุ่นต้นแบบที่วางอยู่บนโต๊ะกลางห้อง..

     

    ทั้งที่วาดตามแบบแล้วแท้ๆ แต่ทำไมถึงออกมาไม่ได้ดั่งใจ

     

    จู่ๆ ก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่นๆ ที่ช่วงหลังก่อนที่มีมือหนาของใครบางคนมากุมมือที่ถือดินสอของเขาไว้พร้อมกับแรเงาทับลงไปตามแสงเงาของรูปแม้ว่าบางส่วนเขาจะแรเงาลงไปบ้างแล้ว ดวงหน้าหวานหันไปมองเจ้าของมือปริศนาก่อนจะเบิกตากว้างในขณะที่มือเรียวยังคงแรเงาอยู่อย่างนั้นโดยการควบคุมของใครอีกคน

     

     

     

    พี่ทงเฮ..

     

     

     

    เห็นรึเปล่าว่าตรงนี้มันยังไม่มีมิติ.. ต้องแรเงาทับลงไปอีก เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยกระซิบข้างหูทำเอาดวงหน้าหวานขึ้นสีแดงระเรื่อ..

    อย่ามัวแต่กล้าๆ กลัวๆ ใช้ใจสิ เห็นรึเปล่า? ได้แต่มองมือตัวเองที่ถูกมือหนากุมเอาไว้ หัวใจเต้นแรงขึ้นยิ่งกว่าเดิมเมื่ออีกฝ่ายวางมือลงบนไหล่ รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่เขานั้นไม่เคยเข้าถึง

    เป็นไง ดูมีมิติขึ้นมาแล้วใช่ไหมถามพร้อมกับยิ้มให้คนตรงหน้าก่อนจะผละออก.. ดวงหน้าหวานมองผลงานที่อีกฝ่ายช่วยแต่งเติมให้ทั้งที่ในเวลานี้ไม่น่าจะมีใครอยู่บนตึกแล้ว.. แต่ทำไม...

     

    รีบกลับได้แล้ว ข้าวเย็นไม่กินไง? มือหนาขยี้หัวคนที่นั่งทำหน้าเอ๋อเบาๆ ก่อนจะผิวปากเดินออกจากห้องดรอว์อิ้งไป เหลือไว้เพียงแค่สัมผัสอุ่นๆ ที่ทำให้หัวใจเต้นแรง..

     

     

    ยิ่งเวลาผ่านไป..มันยิ่งชัดเจนมากขึ้น..

    ว่าความรู้สึกที่มีต่ออีทงเฮนั้น..

    มันมากขึ้นจนเกินกว่าคำว่า พี่รหัสกับน้องรหัส ไปแล้ว

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

    วันนี้จะไปฉลองที่ไหนรึเปล่าครับ..ภาวนาให้ตอบว่าไม่.. ถ้าคำตอบตรงกับที่หวังจะได้รวบรวมความกล้าชวนไปฉลองด้วยกัน.. ถึงแม้ว่าความหวังนั้นมันจะริบหรี่

    ฉลองเหรอ.. ใบหน้าคมขมวดคิ้วพลางนึกถึงใครอีกคนเมื่อปีที่แล้ว..

     

     

     

     

     

    ทำไมยังไม่แต่งตัวอีก

    ทำไมฉันต้องแต่งด้วย

    ไม่แต่งแล้วจะออกไปในสภาพนี้งั้นเหรออีฮยอกแจ พูดพลางมองคนที่อยู่ในชุดนอนสีฟ้า ร่างบางดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงจนคนที่ยืนแต่งตัวรอหงุดหงิดขึ้นมาทันที

     

     

    อีฮยอกแจอยากตายใช่ไหม ถึงได้หักหน้าเขาขนาดนี้?

     

     

    ลุกเดี๋ยวนี้ ร่างหนานั่งลงข้างเตียงพร้อมกับดึงผ้าห่มออกก่อนจะดึงข้อมือเล็กให้ลุกขึ้นมานั่ง

    อะไรกันเล่า..

    วันนี้วันเกิดนาย เห็นปฏิทินไหม?

    อื้อ เห็นแล้ว ร่างบางขยี้ตาพลางมองไปตามนิ้วที่ทงเฮชี้ไป

    แล้ววันนี้ฉันอุตส่าห์สละเวลามาเพื่อที่จะพานายไปข้างนอก

    หา?

    ยังจะมาหาอีก

    แล้วทำไมต้องออกไปข้างนอกด้วย อีกอย่างฉันก็ไม่ได้ขอร้องให้นายมาทำแบบนี้สักหน่อย

     

    ยิ่งได้ยินคำตอบแล้วยิ่งรู้สึกเสียฟอร์ม บ้าจริง! สิ่งที่อีฮยอกแจควรทำในตอนนี้คือเขินจนหน้าแดงแล้วรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำต่างหากเล่า!

     

    นายอยากตายใช่ไหมอีฮยอกแจ

    วันเกิดของฉันมันก็เหมือนกับทุกๆ วันนั่นแหละ..ไม่เห็นจะมีอะไรต่างไปจากเมื่อวาน..แค่ได้รับคำอวยพรจากครอบครัวและเพื่อนๆ ก็พอแล้ว

    ............

     

     

    แค่นั้นก็พอ..งั้นเหรอ..

    อีทงเฮไม่เคยสัมผัสคำๆ นั้นหรอก

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    ไม่ได้ไปไหนหรอก ตอบพร้อมกับหันกลับไปสเก๊ตภาพต่อ คนได้ฟังยิ้มกว้างก่อนจะหายใจเข้าลึกๆ เพื่อรวบรวมความกล้า

     

     

     

     

     

    ทำไมฉันต้องให้ของขวัญนายด้วย

    เพราะมันคือวันเกิดฉันไง

    มันก็ใช่ แต่ของขวัญน่ะมีใครที่ไหนเค้าทวงกันแบบนี้บ้าง

    เพราะถ้าฉันอยากได้..นายก็ต้องไปหามาให้ฉัน พูดเอาแต่ใจก่อนจะทิ้งตั๋วหนังลงบนโต๊ะ

    .....อะไร

    ตั๋วหนังไง

    กำลังจะชวนฉันไปดูหนังเหรอ?

    ซื่อบื้อ! ทำไมต้องถามอะไรโง่ๆ ด้วยเนี่ย

    ก็นายไม่เคยชวนฉันนี่

    ฉันไม่ได้ชวนนาย แต่พรุ่งนี้ทุ่มนึงฉันต้องเห็นนายที่หน้าคณะ

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

    ถ้าพี่ไม่ได้ไปไหน..เราไป....

    อ้าว..มาถึงแล้วทำไมไม่เดินเข้ามาล่ะ ยังไม่ทันจะพูดจบอีทงเฮก็แทรกขึ้นมาก่อน ซองมินมองตามสายตาของอีกฝ่ายก่อนจะเห็นร่างผอมบางยืนเลิกลั่กอยู่หน้าคณะ ดวงหน้าหวานชาวูบอย่างบอกไม่ถูกเพียงแค่ได้เห็นแววตาที่อีทงเฮมองคนๆ นั้น..

     

     

    คงเพราะว่าไม่เคยเห็นใครมาหาทงเฮถึงที่นี่แบบนี้มาก่อน..

     

     

    นายสายไปสี่สิบแปดนาที ทันทีที่ร่างบางเดินมาหยุดตรงหน้า ร่างหนาก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาจับผิดทันที

    ขอโทษ..พอดีว่าฉัน..

    เพราะว่าวันนี้เป็นวันเกิดของฉัน ฉันจะไม่ทำโทษนายหนึ่งวันก็แล้วกัน พูดจบก็เก็บอุปกรณ์ใส่กระเป๋าสะพายข้างก่อนจะลุกขึ้นเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าร่างบาง

     

    ฮยอกแจมองอีกคนที่ได้แต่นั่งมองเขาทั้งคู่..นี่คือน้องรหัสของทงเฮ ฮยอกแจจำได้ สีหน้าของเขานั้นดูไม่ดีสักเท่าไหร่..

     

    จะไปกันรึยัง หนังรอบสามทุ่มครึ่งนะ ไหนจะต้องพาหมูอย่างนายไปกินข้าวอีก พูดพร้อมกับคว้าข้อมือเล็กของฮยอกแจเอาไว้ ร่างบางเลิกคิ้วมองคนเอาแต่ใจก่อนจะผลักไหล่แรงๆ หากแต่คนถูกผลักนั้นกลับไม่รู้สึกโกรธเคืองเลยแม้แต่น้อย

     

     

     

    ในตอนนี้..

    อีซองมินรู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นเพียงแค่อากาศธาตุที่อยู่รอบๆ ตัว..

    ที่เขา.. ไม่เคยสัมผัสได้..

     

     

    ภาพที่เห็นมันคงทำให้เข้าใจอะไรได้ง่ายขึ้น.. ความหวังเพียงเล็กน้อยของเขาค่อยๆ เลือนหายไป.. ต้องเตือนตัวเองแล้วนะอีซองมิน.. เตือนตัวเองไว้ว่านายเป็นเพียงแค่น้องรหัสเท่านั้น..

     

     

     

     

    เพราะว่าในแววตาของอีทงเฮ..ไม่เคยมีอีซองมินอยู่ในนั้นเลยสักครั้ง

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    คุณได้รับข้อความจาก..

    ชางมิน

    [ผมเสียใจ..]

     

     

     

    คุณกำลังส่งข้อความถึง..

    ชางมิน

    [ไม่เป็นไร]

     

     

    มือถือถูกเก็บเข้าไปในกระเป๋าก่อนจะทอดสายตามองออกไปข้างหน้า.. ริมแม่น้ำฮันที่เงียบสงบในเวลาค่ำคืน.. เส้นผมปลิวไสวไปตามแรงลมรู้สึกเย็นที่ปลายจมูก.. มือเรียวกระชับผ้าพันคอสีขาวขึ้นสูงจนปิดริมฝีปากอิ่ม..

     

     

    ตอนนี้รู้สึกอะไรอยู่.. ยังตอบตัวเองไม่ได้เลย..

     

     

    ว่างเปล่า

     

     

    คงเป็นความรู้สึกนี้ล่ะมั้ง.. ที่มันชัดเจนอยู่ในใจ

     

    ในตอนนี้เข้าใจซีวอนแล้วล่ะ.. เข้าใจแล้วว่าเวลาที่เอาแต่พูดคำว่าไม่เป็นไรนั้นมันรู้สึกยังไง

     

     

    ไม่เป็นไร พูดออกไปเพราะรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

     

    กับ..

     

    ไม่เป็นไร พูดตัดบทเพื่อให้อีกฝ่ายลืมเรื่องนั้นไปสักที

     

     

    หลายคนกลัวความมืดและความเงียบ.. แต่ผมกลับไม่เคยรู้สึกอย่างนั้นเลย ถึงมันจะทำให้เรารู้สึกว้าเหว่..หวาดกลัว..แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมเข้มแข็งขึ้น

    ผมเชื่ออย่างนั้น.. ถึงในความมืดผมอาจจะหวาดกลัวที่จะต้องก้าวเดินไปข้างหน้าตามลำพังโดยที่ไม่มีแสงไฟ..

     

     

     

    แต่ถ้าทนอยู่กับสิ่งที่ทำให้หวาดกลัวได้..วันข้างหน้าผมก็จะไม่รู้สึกกลัวมันอีก

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

    ไม่ยักรู้ว่านายชอบดูหนังรัก ฮยอกแจป้องปากกระซิบเบาๆ เว้นระยะห่างไว้พอสมควร.. ทงเฮขมวดคิ้วทำท่าเงี่ยหูเพราะได้ยินไม่ชัด

    ฉันพูดว่า ไม่ยักรู้ว่านายน่ะชอบดูหนังรัก!” พูดจบอีทงเฮก็เอนหลังพิงพนักโซฟาที่นั่งสวีทที่เขาเองตั้งใจโทรจองไว้ล่วงหน้าโดยที่ไม่บอกฮยอกแจ

    ฉันได้ตั๋วมาฟรีหรอก เพื่อนที่คณะให้มาเป็นของขวัญวันเกิด.. ใครอยากจะมาดูหนังรักกับนายกัน

    ไม่อยากแล้วชวนฉันมาทำไม แสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด อีทงเฮนิสัยไม่ดี พูดแบบนี้อีกแล้วนะ

    ก็ไม่รู้จะชวนใคร นายเองก็ว่างไม่ใช่รึไง

    ฉันไม่เคยบอกเลยนะว่าฉันว่าง

    ก็ดีแล้ว อยู่กับฉันจะได้ไม่ว่าง

    แล้วทำไมไม่ชวนน้องรหัสนายมาล่ะ บ้าจริง ป๊อปคอร์นถูกหยิบเข้าปากไม่ได้หยุด อีทงเฮกำลังทำให้อีฮยอกแจมีน้ำโหเพราะปากเขา...

    หึ..ฉันไม่ปล่อยให้นายไปอยู่กับไอ้เด็กหน้าตี๋ขับสกู๊ตเตอร์ติ๋มๆ นั่นหรอก พูดจบก็คว้าแก้วน้ำอัดลมขึ้นมาดื่มดับอารมณ์ คิดจะชวนทะเลาะงั้นเหรออีฮยอกแจ..ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร

     

    หนังดำเนินไปถึงช่วงกลางเรื่องฉากที่พระเอกตัดสินใจเข้าไปสารภาพรักกับนางเอกก่อนที่ตัวเองจะต้องเข้าพิธีแต่งงานกับคนอื่น

    หยาดน้ำใสคลอหน่วง อินกับหนังมันเป็นเรื่องปกติของอีฮยอกแจอยู่แล้ว ทงเฮเหลือบมองอีกฝ่ายที่นั่งเบะปากยกมือขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ แต่ถึงอย่างนั้นป๊อปคอร์นก็ยังถูกหยิบเข้าปากไม่หยุด

     

     

    ...เอ๋? ใบหน้าหวานขมวดคิ้วเมื่อจู่ๆ ก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่อยู่ในกล่องป๊อปคอร์น มือเล็กหยิบมันขึ้นมาก่อนจะพลิกหน้าพลิกหลังด้วยความสงสัย.. นี่มันกล่องอะไร.. ทำไมมาอยู่ในกล่องป๊อปคอร์นได้

     

    ร่างบางเปิดกล่องสีดำขึ้นมาก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ.. นี่มัน..

     

     

    อีทง... ยังไม่ทันได้พูดอะไร ริมฝีปากสีเชอรี่ก็ถูกปิดด้วยริมฝีปากของใครอีกคน.. ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างเพราะตั้งตัวไม่ทันกับรสจูบที่อีกฝ่ายมอบให้ มือหนารั้งท้ายทอยร่างบางให้เชิดขึ้นก่อนจะส่งลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากหวาน.. เปลือกตาบางค่อยๆ ปิดลง มือเล็กยังคงถือกล่องกำมะหยี่สีดำไว้อยู่อย่างนั้น.. ปล่อยให้หัวใจได้ซึมซับสัมผัสที่แสนอ่อนโยนของคนตรงหน้า

     

    ร่างหนาผละริมฝีปากออกอย่างเสียดายขณะที่ยังจ้องดวงหน้าหวานที่ยังคงหลับตาอยู่อย่างนั้น..

     

    .............

    .............

    ไอ้นี่..ของนายไม่ใช่เหรอ ฮยอกแจก้มหน้าลงพร้อมกับยื่นกำไลเงินให้

    ใช่ นั่นของฉันเอง

    .....ก็เอาไปสิ

    ฉันให้นาย

    .............”

     

     

     

     

     

    เพราะว่าวันนี้เป็นวันเกิดของฉัน..ฉันถึงให้นายเป็นคนเก็บมันไว้ยังไงล่ะอีฮยอกแจ

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

    วันที่ 3 กุมภาพันธ์ ปี 2014

     

     

     

    ของขวัญหลายกล่องที่ได้รับจากพี่รหัส น้องรหัส และหลานรหัสหลังจากช่วงสอบปลายภาคในช่วงปีสามเทอมสองถูกหอบกลับมาที่หอพักอย่างลำบาก ไม่เคยคิดว่าสายรหัสจะรวมหัวกันอำเขาได้ขนาดนี้

     

    ฝีเท้าหยุดอยู่กับที่เมื่อเห็นใครบางคนกำลังวางกล่องของขวัญไว้ที่หน้าห้องเขา.. ร่างสูงยันตัวลุกขึ้นก่อนจะหันหน้ากลับมา.. ทั้งคู่สบตากันนิ่งไม่มีใครพูดอะไร แต่ดูร่างสูงจะตกใจอยู่ไม่น้อย

     

    คุณเป็นใคร

    เอ่อ...

    ........

    คือ....” ร่างสูงตอบตะกุกตะกักพลางเกาท้ายทอย รู้สึกได้ถึงกลิ่นเหล้าที่ติดอยู่ตามตัวอีกฝ่าย

     

    ร่างโปร่งก้มลงมองกล่องของขวัญสีขาวที่วางอยู่บนพื้นอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง.. นี่มันกล่องแบบเดียวกับที่เขาได้รับเมื่อปีที่แล้วเลยไม่ใช่เหรอ..

     

    คุณ..ส่งผิดห้องใช่ไหม.. ถามพร้อมกับจ้องหน้าเค้นเอาความจริง หวังให้อีกฝ่ายตอบกลับมาว่าใช่

    .............กล่องของขวัญและช่อดอกไม้ที่อยู่ในมือตกลงไปกองกับพื้นเมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบอะไรกลับมา.. นั่นยิ่งทำให้คยูฮยอนรู้สึกหวาดกลัวกับคำตอบยิ่งกว่าเดิม

     

     

    .............

     

    หรือว่าจะเป็นของซีวอน.. ซีวอนฝากคุณมาให้ผมใช่ไหมครับ..

     

    ของขวัญที่ได้รับเมื่อปีที่แล้วมันต้องเป็นของซีวอนสิ.. แล้วของขวัญชิ้นนี้ก็ด้วย..

     

    ร่างสูงก้มหลงหยิบกล่องของขวัญขึ้นมาก่อนจะยื่นให้อีกฝ่าย.. คยูฮยอนรับมันมาก่อนจะเงยหน้ามองร่างสูงอีกครั้ง..

     

     

     

     

     

    ...สุขสันต์วันเกิดครับ

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

     

    ในตอนนี้..สิ่งที่ทำให้ผมเจ็บปวดได้มากที่สุด..

    ก็คือการเหยียบย่ำความรู้สึกของตัวเอง

     

     

     

     

     

     

     

     

    อะไรน่ะ? อีทึกถามขณะที่ทั้งคู่ยืนมองรุ่นน้องปีหนึ่งที่กำลังจะขึ้นปีสองร่วมกิจกรรมกันอย่างสนุกสนานเพื่อเตรียมงานรับน้องในเทอมหน้า

    ....โปสการ์ดครับ พูดจบอีทึกก็แย่งไปดูก่อนจะขมวดคิ้ว ถึงแม้ว่าอีทึกจะเรียนจบไปแล้วแต่เขาก็ยังคงวนเวียนอยู่แถวนี้เพราะด้วยความเป็นช่างภาพอิสระ ไม่ต้องไปทนนั่งอุดอู้อยู่ในออฟฟิต

    รูปอะไรวะ? แล้วใครส่งมา?

    ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ได้แบบนี้มาสามปีแล้ว คยูฮยอนรับโปสการ์ดสีม่วงเก็บไว้ในกระเป๋า

    จากซีวอนรึเปล่า~ ไอ้หมอนี่นั่นคิดอะไรอยู่นะ ส่งโปสการ์ดแปลกๆ มา แถมยังไม่เขียนอะไรเลยสักตัวแบบนี้ อีทึกเอาศอกสะกิดแขนร่างโปร่งที่ยืนเงียบอยู่ตรงนั้น

    พูดได้ไม่เต็มปาก.. ว่าโปสการ์ดที่ได้รับมาเกือบสามสิบใบนั้นเป็นของซีวอน หลังจากที่เขาได้รับของขวัญจากคนแปลกหน้าในวันนั้น..

     

    ราวกับความฝันแหลกสลายไปในพริบตา.. เท่ากับว่าคยูฮยอนหลอกตัวเองมาตลอด.. ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยได้รับนั้นคือสิ่งที่ซีวอนมอบให้..

     

     

     

    เปล่าเลย..

     

     

     

    ไม่ใช่หรอกครับ.. ตอบเบาๆ ทำเอาคนฟังหน้าเจื่อนไปในทันที

    .......แล้วของใครวะ?

    ผมไม่รู้จักเขา

    เหอ? หมายความว่าไง? เขาในที่นี้ของแกคือ..?

    ผมเห็นคนๆ หนึ่งเอาของขวัญมาวางไว้หน้าห้องตอนปีสามเทอมสอง.. กล่องของขวัญชิ้นนั้นมันหน้าตาเหมือนกับกล่องของขวัญเมื่อตอนปีสองไม่มีผิด

    อ่า.......

    คนๆ นั้นไม่พูดอะไรกับผมเลยนอกจากคำว่า..สุขสันต์วันเกิด..ร่างโปร่งหลุบตาลงพลางถอนหายใจ

     

     

     

    หรือว่าบางที.. เขาก็ควรจะเลิกหวังลมๆ แล้งๆ แบบนี้สักที..

     

     

     

    คยูฮยอน

    ครับ

    พี่จะไม่โทษที่แกรู้ตัวช้าหรอกนะ แต่แกคิดไว้รึยัง..ว่าถ้าซีวอนกลับมา..แกจะทำยังไง นั่นสิ.. ถ้าซีวอนกลับมาจริงๆ คยูฮยอนจะทำยังไง

     

    ผม..

     

    นี่ผ่านมากี่ปีแล้ว พี่รู้ว่าแกรักมันมาก แต่เวลาผ่านไปอะไรก็เปลี่ยน.. ร่างโปร่งมองหน้าอีทึกเมื่อได้ยินคำพูดเรียกสติคนโง่อย่างเขา.. นั่นน่ะสิ.. เวลาผ่านไปกี่ปีแล้ว..

     

     

    ระยะทาง..ความห่างเหิน..บวกกับอดีตที่แสนเจ็บปวด..ในความคิดของพี่..

    ...............

    โทษทีว่ะ ช่างมันเถอะ

    พูดมาเถอะครับ ผมรับได้

    ....มันอาจจะปล่อยแกแล้วจริงๆ ก็ได้

    ...............

    จะรอไปถึงเมื่อไหร่ อีกไม่กี่เดือนก็จะรับปริญญาแล้วนะ

     

     

     

     

     

    ความรู้สึกจุกในอก พูดไม่ออก.. มันเป็นอย่างนี้นี่เองสินะ..

    เอาแต่คิดว่าจะรอ.. โดยที่ไม่นึกถึงความเป็นจริงเลยว่าตอนนี้เขาไปถึงไหนแล้ว

     

     

     

     

     

     

     

    แล้วถ้าเกิดซีวอนมันไม่ได้กลับมาคนเดียว..แกจะทำยังไง?

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    ปัง!!!!

     

     

    เสียงประตูถูกปิดอย่างแรงก่อนที่ขาเรียวจะวิ่งเข้ามากระชากโปสการ์ดทั้งหมดที่ติดอยู่บนผนังเหวี่ยงลงไปกับพื้นห้อง เศษกระดาษปลิวว่อนไปทั่ว บรรยากาศที่เงียบสงบมีเพียงแค่เสียงหอบหายใจของคนที่สิ้นหวัง..

    ดวงตาแข็งกร้าวที่มีหยาดน้ำใสคลอหน่วงก่อนจะหันไปเห็นสมุดไดอารี่สีขาวที่เขามักจะเขียนเรื่องราวและความรู้สึกที่มีต่อซีวอนลงไป

     

     

     

     

    แล้วถ้าเกิดซีวอนมันไม่ได้กลับมาคนเดียว..แกจะทำยังไง?

     

     

     

     

    ไดอารี่สีขาวหน้าแรกถูกเปิดออกเผยให้เห็นรูปถ่ายนับสิบ นั่นยิ่งทำให้ร่างโปร่งรู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจมากกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า.. มือเรียวที่สั่นสะท้านกำกระดาษหน้าแรกไว้แน่นพลางหลับตาลง

     

     

     

     

    ไดอารี่ที่ตั้งใจจะฉีกทิ้ง....

     

     

     

    แต่สุดท้ายก็ไม่กล้า.. ภาพรอยยิ้มของเขามันยังคงชัดเจน

     

     

     

     

     

     

     

     

    ทิ้งไว้ให้ทำไม?

     

     

     

     

     

     

    ร่างโปร่งทรุดลงไปกองกับพื้น หมดเรี่ยวแรง ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น

    ทั้งที่เมื่อก่อนตอนเลิกกันยังไม่เห็นเสียใจอะไรมากมายขนาดนี้.. แล้วตอนนี้มันอะไรกันล่ะโจคยูฮยอน?

     

     

     

    รอเหมือนคนโง่..

     

     

    คนโง่ที่ยังคงรอให้เขากลับมาทุกวัน..รออย่างไร้จุดหมาย

     

     

    ภาวนาว่าจะเห็นเขายืนกางร่มรออยู่ที่หน้าคณะ..

    ภาวนาว่าจะได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วพูดว่ากลับมาแล้วในทุกๆ วัน..

    ภาวนาว่าตื่นมาในตอนเช้าแล้วเตียงฝั่งตรงข้ามจะยังคงมีเขานอนหลับอยู่ตรงนั้น..

     

     

    แต่ทุกอย่าง.. มันเป็นเพียงแค่เรื่องโกหกงั้นเหรอ..

     

     

    ระยะเวลา.. ใช่.. มันผ่านมาสามปีครึ่งแล้ว..แต่ก็ยังคงรออยู่อย่างนั้นถึงแม้ว่าจะดูเป็นคนโง่ในสายตาคนอื่นก็ตาม..

     

    ความห่างเหิน.. กำแพงที่เขาเป็นคนสร้างมัน เพื่อปิดกั้นไม่ให้ซีวอนได้ก้าวผ่านเข้ามาได้..

     

    อดีตที่แสนเจ็บปวด.. หกปีที่แล้วคยูฮยอนเป็นคนสร้างรอยแผลเป็นนั้นไว้ให้ก่อนจากกัน.. พอเวลาผ่านไปถึงแม้ว่าความเจ็บปวดจากบาดแผลนั่นจะหายไปแล้วแต่รอยแผลเป็นก็ยังคงอยู่..

     

     

     

     

     

    และเขา..ก็เป็นคนกลับมาซ้ำรอยแผลนั้นอีกครั้ง

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

    สิ่งที่ผมต้องการที่สุดในตอนนี้ก็คือ..

    เวลา

     

     

     

     

    ภายในห้องสี่เหลี่ยมที่มีโปสการ์ดมากมายกระจายอยู่ทั่วพื้นห้อง แสงแดดยามเช้าลอดเข้ามาหากแต่ร่างโปร่งที่นอนเหม่อลอยอยู่บนพื้นยังคงไม่ได้นอนจนถึงตอนนี้..

     

     

     

    คุณได้รับข้อความจาก..

    ทงเฮ

    [บ่ายนี้กูลองชุดครุยเสร็จแล้วจะเข้าไปหานะ ไปกินข้าวกัน]

     

     

     

    คุณได้รับข้อความจาก..

    ชางมิน

    [อรุณสวัสดิ์ครับ..ผมพึ่งผ่านหน้าหอพักพี่เมื่อกี้เห็นไฟเปิดอยู่..พึ่งตื่นหรือยังไม่ได้นอนครับ?]

     

     

     

     

    ร่างโปร่งค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่งพลางกวาดสายตาไปทั่วห้องก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ.. มือเรียวยันขอบอ่างไว้ทั้งสองข้างพร้อมกับจ้องมองใบหน้าที่ซีดเซียว อีกทั้งขอบตาที่บวมช้ำของตัวเอง

     

     

    ดูสภาพตัวเองในตอนนี้สิโจคยูฮยอน.. ดูไม่ได้เลยจริงๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

    ร่างโปร่งแขวนผ้าขนหนูไว้หลังจากอาบน้ำเสร็จก่อนจะเดินมาจัดการกับโปสการ์ดที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นห้องหลังจากใช้เวลาสงบสติอารมณ์อยู่นาน

     

    มือเรียวค่อยๆ รวบโปสการ์ดมารวมกันก่อนจะหยุดชะงักเมื่อการ์ดสองใบที่วางอยู่ข้างกันนั้นดูเหมือนว่าจะเอามาประติดประต่อกันได้..ดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อโปสการ์ดทั้งสองใบที่มีรูปคล้ายคลึงกันนั้น..

     

     

    มันเป็นรูปเดียวกัน..

     

     

    ร่างโปร่งกระจายโปสการ์ดทั้งหมดออกก่อนอย่างรีบร้อนจะเริ่มหารูปที่ใกล้เคียงมาวางข้างๆ กัน.. โปสการ์ดทั้งหมดออกมาเป็นรูปร่างที่ชัดเจนยิ่งขึ้นหลังจากที่สลับปรับเปลี่ยนไปมาอยู่เกือบชั่วโมง.. คยูฮยอนยืนมองการ์ดทั้งหมดที่วางเป็นระเบียบอยู่บนพื้นก่อนที่หยาดน้ำตาจะใหลออกมาอย่างไม่ตั้งใจ..

     

    โปสการ์ดสามสิบกว่าแผ่นถูกวางเรียงเหมือนจิ๊กซอว์...รูปดอกไลแล็คเด่นชัดจนกลั้นน้ำตาแทบไม่ไหว... ประโยคบรรยายตรงมุมขวาล่างของรูปที่คยูฮยอนไม่เคยเอะใจเลยสักนิด.. ทั้งที่ถูกเขียนด้วยปากกาสีขาวตัดกับสีพื้นแล้วแท้ๆ ทำไมถึงเดาไม่ออก..

     

     

     

     

     



     

     

      
      

     


     

    The happy time in my life is doing everything for you..

    ช่วงเวลาที่มีความสุขของผม..คือการได้กระทำทุกสิ่งเพื่อคุณ..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    *พูดคนเดียว*

     

    ต่อไปตอน 16 จะจบในตอนนั้นนะค๊าบ

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×