ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] WonKyu ft.HaeEun | Ex-friend "แฟนเก่า"

    ลำดับตอนที่ #14 : Diary หน้าที่ 12 : Too late

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.2K
      21
      26 ก.ค. 54

     

     




     

     

     

    เส้นคั่นบางๆ

    ระหว่างคำว่า อดีต และ ปัจจุบัน

     

     

     

     

     

    คงเป็นเพราะช่วงเตรียมสอบเลยทำให้ทุกคนต่างหันหน้าเข้าหาหนังสือ จากที่ไม่ค่อยได้คุยกันอยู่แล้วนับวันก็ยิ่งห่างเกินกันออกไป พอหันหลังกลับไปมองก็พบเพียงแค่แผ่นหลังกว้างกับเสียงเปิดหน้ากระดาษเท่านั้น..

     

    เวลาผ่านไปจนดึกดื่น คยูฮยอนอ้าปากหาวแล้วหาวอีกแต่ก็ต้องฝืนถ่างตาอ่านหนังสือต่อไป ใบหน้ามนหันไปมองใครอีกคนที่ลุกขึ้นเดินไปชงกาแฟดื่ม ซีวอนเรียนบริหารคงปวดหัวกับตัวหนังสือมากกว่าเขาหลายเท่า

     

    ต่างคนต่างอยู่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ถึงแม้จะรู้สึกอึดอัดบ้างที่ต้องเจอหน้ากันทุกวัน แต่มันก็คงดีกว่าการที่จะให้เขาเข้าไปคุยกับซีวอนแล้วทุกอย่างมันแย่ลง.. มันผิดที่ตัวเขาเองนั่นแหละ.. ผิดที่ห้ามใจตัวเองไม่ได้ เรื่องราวถึงบานปลายมาขนาดนี้.. เพราะสิ่งที่ทำไปก็เหมือนกับการให้ความหวังซีวอนจนทุกอย่างมันเป็นแบบนี้

     

    เฮ้อ.. ร่างโปร่งถอนหายใจออกมาเบาๆ พลางยกมือขึ้นบีบขมับตัวเองทั้งสองข้างก่อนที่แก้วโกโก้ร้อนจะถูกวางลงพร้อมกับกลิ่นโคโลญจ์อ่อนๆ ที่ลอยแตะจมูก.. คยูฮยอนเอี้ยวตัวกลับไปมองหากแต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้หยุดสบตากับเขาเหมือนอย่างที่เคยเป็น.. ร่างสูงเดินกลับไปนั่งจมปุกอยู่กับหนังสืออีกครั้งจนคยูฮยอนประหลาดใจ

     

     

    ซีวอนอาจจะเหนื่อยกับการวิ่งตามเขาแล้วก็เป็นได้

    แต่พอถูกเมินกลับรู้สึกใจหาย ทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายต้องการให้มันเป็นอย่างนี้แท้ๆ

     

    เอาแต่ใจจริงๆโจคยูฮยอน..

     

     

    ร่างโปร่งเอื้อมมือหวังจะหยิบปากกาเน้นข้อความที่อยู่ในกล่องปากกาที่วางอยู่ไกลมือแต่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเผลอปัดแก้วโกโก้ร้อนที่ร่างสูงพึ่งวางไว้ให้เมื่อครู่ตกลงบนพื้นอย่างไม่ตั้งใจ

     

     

     

    เพล๊ง!!!”

     

    ความซุ่มซ่ามเป็นต้นเหตุให้ทั้งคู่แทบสำลักความอึดอัดในใจออกมา แก้วกระเบื้องสีเขียวแตกกระจายไปทั่วพื้นห้องท่ามกลางความเงียบในเวลาค่ำคืน.. ร่างโปร่งรีบก้มลงไปเก็บซากเศษแก้วที่ซีวอนซื้อมาเป็นคู่แต่บัดนี้กลับแตกกระจายเพราะฝีมือของเขา ทั้งที่มือยังไม่ได้สัมผัสเศษแก้วเลยสักชิ้นข้อมือเล็กกลับถูกดึงรั้งไว้โดยใครอีกคน

     

    คยูฮยอนเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงที่ก้มหน้าเก็บเศษแก้วด้วยมือเดียวทั้งที่มืออีกข้างยังคงจับข้อมือเขาไว้อยู่โดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ

     

     

    ไม่ได้ตั้งใจ..

     

     

    เดี๋ยวเราเก็บเอง คยูฮยอนไปอ่านหนังสือต่อเถอะ ใบหน้าคมพูดทั้งที่ไม่เงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย นั่นยิ่งทำให้คยูฮยอนรู้สึกผิดมากขึ้นเป็นเท่าตัว

    “…..”

     

     

    แก้วคู่ที่ยังไม่เคยใช้ถึงแม้ว่ามันจะเคยถูกเติมเต็มด้วยน้ำเปล่าหรือนมช็อคโกแลตมาแล้ว..แต่สุดท้ายก็จบด้วยการถูกเททิ้งทุกครั้ง.. ปัจจุบันเหลือแค่เศษซากที่ร่างสูงค่อยๆเก็บมัน

     

     

    ถ้าโกรธหรือไม่พอใจจะบ่นบ้างก็ได้นะ.. แต่อย่าเงียบไปแบบนี้

     

     

    ร่างโปร่งหยัดตัวยืนขึ้นก่อนจะรีบเดินไปเข้าห้องน้ำทันที.. ซีวอนหยุดการกระทำทุกอย่างพร้อมกับจ้องไปยังเศษแก้วในที่โกยขยะ.. แก้วสีเขียวที่ไม่ได้มีลวดลายสวยงามเหมือนแก้วใบอื่น มีเพียงร่มสีขาวลอยอยู่ท่ามกลางสายฝน หากแต่ถ้านำมาวางคู่กันกับแก้วสีฟ้าอีกใบก็จะได้เป็นรูปร่างเด็กผู้ชายถือร่มอยู่ท่ามกลางสายฝน..

     

     

     

    ต่อไปนี้.. คงเหลือเพียงแค่เด็กผู้ชายยืนตากฝนอย่างโดดเดี่ยวโดยที่ไม่มีร่มคอยกำบังสายฝนที่ตกลงมาอีกแล้ว..

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    เปลือกตาบางค่อยๆลืมขึ้นเมื่อได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก ร่างโปร่งยันตัวลุกขึ้นนั่งพลางเกาหัวอ้าปากหาวเพราะนอนไม่พอ วันนี้เป็นวันแรกแรกของการสอบปลายภาคถึงแม้ว่าจะลืมตาไม่ขึ้นสักแค่ไหนแต่ก็ต้องฝืนเดินไปอาบน้ำอยู่ดี

     

    ร่างโปร่งหยุดยืนกับที่เมื่อเห็นโพสอิทสีฟ้าติดอยู่หน้าห้องน้ำ มือบางดึงมันออกมาใกล้ๆก่อนจะเพ่งสายตามอง

     

     

     

    นมถั่วเหลืองอยู่ในตู้เย็น มันช่วยเรื่องความจำได้ดีเลยนะ : )’

     

     

     

    โพสอิทถูกถือไว้อยู่อย่างนั้น ทั้งที่พึ่งหกโมงเช้าแท้ ๆ แต่ใครอีกคนกลับไม่อยู่ห้องซะแล้ว ซีวอนคงไปนั่งอ่านหนังสือหน้าห้องสอบเช่นเคย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงเป็นห่วงเป็นใยเขาอยู่..

     

    ขาเรียวก้าวมาหยุดหน้าโต๊ะอาหารที่เขาสองคนนั่งทานมื้อเย็นด้วยกันทุกวัน.. ดวงตาคู่สวยสั่นระริกเมื่อเห็นแก้วใบสีเขียวที่ตกแตกเมื่อวานได้ถูกประกอบติดกันในสภาพบิดเบี้ยวและรอยต่ออย่างเห็นได้ชัดวางไว้บนแผ่นกระดาษสีขาว

     

     

    ทั้งที่ต้องอ่านหนังสือ

    ทั้งที่ต้องพักผ่อนเพื่อเตรียมสอบในเช้านี้

    แต่เขาก็ยังพยายามนั่งประกอบซากเศษแก้วกระเบื้องที่แตกร้าวไปแล้วให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิม..

     

    รอยต่อของแก้วก็เหมือนกับความรู้สึกของเขาทั้งคู่นั่นแหละ.. แก้วที่แตกไปแล้ว.. ต่อให้พยายามประกอบมันสักเท่าไหร่.. ยังไงก็ยังคงเห็นรอยร้าวอยู่ดี

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    วันแรกของการสอบแสนทรหดได้ผ่านไปอย่างทุลักทุเล.. อีฮยอกแจถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อกลับมาเปิดหนังสืออ่านย้อนหลัง ข้อสอบออกตามหนังสืออย่างที่อาจารย์บอกทุกอย่างแล้วแต่เขากลับจำไม่ได้

     

    สอบได้รึเปล่าเด็กน้อย~” มือเรียวเอื้อมไปขยี้หัวคนตัวเล็กกว่าพลางนั่งลงยองๆตรงหน้า ฮยอกแจเบะปากเมื่อได้ยินคำถามของพี่รหัส ทั้งที่พยายามจะลืมเรื่องสอบไปแล้วแท้ๆ

    โอ๊ะๆ พี่พูดแทงใจฮยอกแจเหรอ ฮ่าๆ ดูทำหน้าเข้าสิหัวเราะจนเห็นลักยิ้มเล็กๆ ฮีชอลลุกขึ้นยืนพร้อมกับจูงมืออีกคนให้ลุกขึ้นตามก่อนจะถือกระเป๋าให้

    จะไปไหนครับ?

    เอ้า.. ก็ฮยอกแจสอบเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ

    ใช่ครับแต่..

    ไปกินไอติมกันดีกว่า~” มือเรียวสอดประสานกับมือเล็กให้เดินตาม อีฮยอกแจหันไปมองรอบข้างราวกับหวาดระแวง..

     

     

    กลัว.. กลัวว่าจะถูกนินทาเหมือนกับคยูฮยอน

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    มือไปโดนอะไรมาน่ะซีวอน ผู้มาใหม่เดินเข้ามาถามร่างสูงที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่หน้าห้องสอบ

    อ๋อ.. แก้วบาดน่ะครับ ริมฝีปากหยักยิ้มให้ก่อนจะก้มหน้าลงไปตั้งใจอ่านหนังสือต่อ ร่างโปร่งหยิบสมุดเลคเชอร์ขึ้นมาเปิดบ้าง ถึงจะได้ยินคำตอบจากปากเพื่อนแล้วแต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้..แค่แก้วแตกแล้วทำไมต้องติดพลาสเตอร์เยอะแยะขนาดนั้น

     

    ได้ยินมาว่านายได้ทุนไปเรียนอังกฤษด้วย เจ๋งว่ะ

    โชคช่วยต่างหาก หัวเราะในลำคอทั้งที่สายตายังคงจดจ้องอยู่ที่ตัวหนังสือ

    อย่าถ่อมตัวไปหน่อยเลย ใจหายเหมือนกันนะเนี่ย

    พูดเหมือนเราไปแล้วไปลับงั้นแหละ ฮ่าๆ

    มันก็ไม่ต่างอะไรเลยนี่ นายเรียนจบที่นั่นพอกลับมาก็คงทำงานเลยใช่ไหมล่ะ แล้วเราจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่

    ต้องได้เจอสิ

    ยังไงก็ติดต่อมาบ้างแล้วกัน ห้ามหนีหายไปเฉยๆนะเว้ย ร่างโปร่งเอาศอกสะกิดคนเป็นเพื่อนก่อนจะหัวเราะออกมาทั้งคู่

    ไม่หายหรอก..เรายังมีเรื่องที่ต้องรบกวนให้นายต้องช่วยอยู่..ฮันคยอง

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

    ในร้านไอศกรีมที่ถูกตกแต่งอย่างน่ารักย่านหลัง ม. เป็นจุดศูนย์รวมของนักศึกษาที่จะมานั่งอ่านหนังสือ สอนพิเศษ หรือแม้กระทั่งนัดเดท ลูกเชอรี่สีแดงถูกหยิบขึ้นมาจ่อตรงหน้าร่างเล็กก่อนที่ดวงตาเรียวจะหรี่มองลูกเชอรี่สลับกับใบหน้าสวยของพี่รหัสไปมา

     

    ...ผมจะอ่านหนังสือครับ

    อะไรกัน สอบเสร็จแล้วนะ ไว้กลับไปอ่านที่ห้องก็ได้นี่.. เร็วสิ..อ้าม~”

     

    เพราะรู้ว่าฮยอกแจมีเรื่องอึดอัดในใจ ก็แค่อยากให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้างก็เท่านั้น

     

    อย่าทำหน้าบึ้งนักซี่~ ถ้าไม่กินพี่งอนนะ เหมือนกับเป็นประโยคคำสั่งนัยๆ จนร่างบางต้องจำใจทำตามที่ฮีชอลบอก

     

    โอ๊ะ~” มือเรียวชักกลับเมื่อใครอีกคนทำท่าจะอ้าปากงับลูกเชอรี่ของโปรดของเขา คนตัวเล็กคิ้วขมวดก่อนจะเอนหลังพิงพนักโซฟาแสดงสีหน้าไม่พอใจจนคิมฮีชอลหลุดหัวเราะออกมา

    อะไรเล่า งอนพี่เหรอ

    พี่น่ะกินไปเลยครับ ผมจะอ่านหนังสือต่อแล้ว ฮยอกแจบ่นพึมพำเบาๆ พลางก้มหน้าอ่านหนังสือปล่อยให้คนขี้แกล้งนั่งกินไอศครีมต่อไป

     

     

     

     

     

    RRRrrrr….

     

     

    ปลายสายที่โทรเข้ามาสร้างความงุนงงให้อีฮยอกแจได้ไม่น้อย.. มือเล็กชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจกดรับสาย

     

    “….”

    .....

    ....มีอะไร..โทรมาแล้วทำไมไม่พูด

    ‘…..กึ่กๆ

    นี่..อีทงเฮ!” ฮยอกแจเริ่มโมโหเมื่อปลายสายเอาแต่เงียบไม่พูดไม่จา จะทำอะไรอีกล่ะ จะป่วนให้ปวดหัวเล่นแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนกับทุกครั้งเหรอไง?

    ‘…..’

    อีทงเฮ.. อย่ามาทำแบบนี้นะ!” คิมฮีชอลลดสีหน้าลงอย่างเห็นได้ชัด ดวงตากลมโตจ้องหน้ารุ่นน้องที่เริ่มนั่งไม่ติดกับที่ด้วยความหงุดหงิดแต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้

     

    เพล้ง!!’ เสียงบางสิ่งตกกระทบลงบนพื้นอย่างแรงจนร่างบางเริ่มใจไม่ดี มือถือเครื่องเล็กที่ถืออยู่ถูกกำไว้แน่นพร้อมกับเอ่ยเรียกชื่อคนที่อยู่ในปลายสายด้วยความเป็นห่วง

     

     

    ทงเฮ..ทงเฮ!!”

     

     

     

     

    ตื้ด.............................

     

     

     

     

    มือเล็กสั่นสะท้านเริ่มจับต้นชนปลายไม่ถูก.. เกิดอะไรขึ้นกับทงเฮ.. แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน? วันนี้ทงเฮไม่มีสอบ..เขาจะอยู่ห้องรึเปล่านะ..

     

     

    หมั่บ..

     

    มือเรียวกุมข้อมือร่างบางเอาไว้ในขณะที่ขาเล็กกำลังจะก้าวเท้าออกไป.. ฮยอกแจหันกลับมามองหน้าพี่รหัสที่ฉายแววตาจริงจังจนเขาเองรู้สึกกลัว

     

    อย่าไป

     

    จำไม่ได้เหรอว่าหมอนั่นทำอะไรไว้บ้าง

     

     

    คำเตือนของฮีชอลทำให้ฮยอกแจฉุกคิดขึ้นมาได้ถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ทำให้เขาปวดหัวได้ไม่หยุด

    ฮยอกแจ.. ใบหน้าสวยยังคงจ้องหน้ารุ่นน้องอยู่อย่างนั้น ไม่อยากให้ฮยอกแจต้องกลับไปรู้สึกแย่ๆ เพราะความเอาแต่ใจของรูมเมทตัวปัญหาของเขาอีก

     

    จากเรื่องวันนั้น วันที่ฮยอกแจรีบกลับไปที่ห้องเพราะเป็นห่วงทงเฮ.. แต่ก็โดนหลอกให้ไปเก้อ

     

    “….”

    ถ้าเกิดตอนนี้ฮยอกแจสอบอยู่ล่ะ? ก็จะยอมทิ้งสอบแล้วไปหามันงั้นเหรอ?

    ถ้าเกิดโดนหลอกอีกจะทำยังไง?

     

     

     

     

     

     

    ขอโทษครับพี่ฮีชอล..

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    ขาเล็กวิ่งมาหยุดหน้าประตูลิฟท์ หมายเลขที่บ่งบอกชั้นทำเอาฮยอกแจอยากเปลี่ยนใจวิ่งขึ้นบันไดแทน ร่างบางหอบหายใจหนักอีกทั้งเหงื่อไคลที่ไหลซึมไปทั่วใบหน้าหวาน ความกังวลถึงใครอีกคนทำให้เขารีบกลับมาที่นี่..

     

     

     

     

     

     

    ติ๊ง ..

     

     

    เสียงประตูลิฟท์เปิดออกเรียวขาก็เริ่มวิ่งอีกครั้ง.. มือเล็กล้วงกุญแจห้องในกระเป๋าก่อนจะเปิดมันออกอย่างรีบร้อน

     

     

    กังวล.. กลัว..

     

     

    ถ้าเกิดโดนหลอกอีกจะทำยังไง?

    แต่ความรู้สึกนั้นกลับถูกกลบไปเพียงเพราะคิดว่าใครอีกคนกำลังมีอันตราย.. ถึงยังไงก็ตาม.. อีฮยอกแจตัดอีทงเฮไปจากหัวใจไม่ได้หรอก

     

     

     

    ปัง!

     

     

     

    “….”

    “….”

     

    ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเพราะภาพที่เห็นอยู่นั้นทำให้อีฮยอกแจเข้าใจทุกอย่างได้ดี.. ร่างหนาในชุดเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงสามส่วนสบายๆบ่งบอกว่าวันนี้เขาพร้อมจะนอนไร้สาระอยู่ในห้องไม่ไปไหนทั้งที่คนอื่นๆ กำลังตั้งใจอ่านหนังสือสอบอย่างเอาเป็นเอาตาย

    ใบหน้าคมละสายตาจากเกมส์ทีวีเพียงครู่เพื่อหันไปมองหน้าผู้มาใหม่ก่อนจะหันกลับไปจดจ้องภาพที่ฉายอยู่ในจออีกครั้ง

     

     

    “…..”

    ......

     

     

     

    ที่รีบวิ่งมา..เพื่ออะไร

     

     

     

    มองอะไร ถามทั้งที่สายตายังคงสนใจแต่แก้วอยู่อย่างนั้น มือหนากดจอยสติ๊กรัวๆ ไม่ได้สนใจคนที่ยืนอยู่เลยแม้แต่น้อย

     

    นายโทรหาฉัน.. ร่างบางพูดเสียงแผ่ว.. ใช่.. เพราะว่าทงเฮโทรหา..ถึงได้รีบกลับมายังไงล่ะ

     

    หือ..

     

    ฉันได้ยินเสียงอะไรแตก..ก็เลย

     

    มือหนากดหยุดเกมส์เอาไว้พลางเสตามองมายังร่างบางที่ยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น.. ใบหน้าคมแสดงสีหน้านิ่งเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่รู้เรื่องทุกอย่างอยู่เต็มอก

     

    อ๊อ..ถ้าหมายถึงเรื่องนั้น ร่างหนาลุกขึ้นเดินไปหยิบถุงขยะเล็กๆ ข้างในบรรจุเศษจานแก้วเอาไว้มาให้อีกคนดูพลางเกาหัว

    ตอนล้างจานมือมันลื่นไปหน่อย ขอโทษด้วยแล้วกันนะ โห~ท่าทางจานใบนี้ท่าจะแพงซะด้วยสิ ทงเฮยักใหล่แล้วเดินเอาขยะไปทิ้งที่เดิมก่อนจะเดินกลับมานั่งบนโซฟาอีกครั้ง

     

    “…..”

     

    ส่วนเรื่องโทรออก... มือหนาคว้ามือถือสีดำขึ้นมากดเลื่อนดูพลางทำหน้าตกใจจนเกินจริง

     

    ฉันโทรหานายนี่นา! ..อา..แย่จริง..สงสัยฉันเผลอนั่งทับแล้วมันกดโทรออกเองล่ะมั้ง ทงเฮหันไปหัวเราะหน้าตาเฉยผิดกับสีหน้าฮยอกแจที่ยังคงนิ่งอยู่อย่างนั้น.. ร่างหนายกยิ้มพลางหันกลับไปสนใจจอแก้วอีกครั้งปล่อยให้ใครอีกคนยืนกำหมัดแน่นด้วยความอึดอัดใจ

     

     

    มือถือมันคงกดโทรเองตอนที่นายกำลังล้างจานอยู่สินะอีทงเฮ..

     

     

     

    จะทำแบบนี้อีกนานแค่ไหน

    ร่างบางถามเสียงนิ่งแต่ก็ไม่ได้ทำให้คนที่นั่งเล่นเกมส์อยู่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย

    จะทำร้ายฉันอีกนานเท่าไหร่ถึงจะพอใจ..

    ได้ยินทุกอย่าง แต่แล้วไงล่ะ?

     

    เลิกทำเป็นเจ้าเข้าเจ้าของฉันสักที ในเมื่อฉันกับนายเราไม่ได้เป็นอะไรกัน!”

     

     

    หมดความอดทนแล้ว.. จะทรมานกันอีกนานแค่ไหน..

    ความผิดของอีฮยอกแจมันมากมายขนาดที่ให้อภัยไม่ได้เลยหรือยังไงกัน?

     

     

    งั้นเรามาคบกันไหมล่ะ เอ่ยถามเสียงเรียบทั้งที่ไม่ได้หันมามองหน้าคู่สนทนาเลยสักนิด

     

    “….”

     

    มือหนาวางจอยสติ๊กลงบนโซฟาก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าร่างบาง ฮยอกแจพยายามกลั้นน้ำตาตัวเองเอาไว้ถึงแม้ว่ามันจะยากลำบากสักแค่ไหน ดวงตาคู่สวยช้อนขึ้นมองใบหน้าคนใจร้ายด้วยแววตาแข็งกร้าว

     

     

    นายกับฉัน..เรามาคบกัน

     

     

     

    พูดอะไรของนายฮยอกแจถามก่อนจะหันหลังกลับ ไม่อยากคุยกับคนพรรค์นี้แล้ว น่าจะเชื่อตามที่พี่ฮีชอลบอกตั้งแต่ทีแรก..

     

    มือหนารวบเอวบางเอาไว้พร้อมกับดึงเข้ามากอดแน่น จมูกโด่งสันกดลงที่เรือนผมในขณะที่คนตัวเล็กพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดของคนใจร้าย

     

    อย่ามายุ่งกับฉัน!”

    แต่นายยังไม่ตอบตกลงเลยนี่..อีฮยอกแจ

    ตอบเหรอ? ตอบอะไรล่ะ! ฉันจะไม่ยอมให้นายมาปั่นหัวฉันอีกแล้ว!”

    เอาแต่ใจจัง ฉันอุตส่าห์เปิดทางให้นายขนาดนี้แล้ว ชอบไม่ใช่เหรออะไรที่มันเป็นความลับน่ะ.. ฉันไม่บอกซีวอนหรอก

    “…….” ร่างบางหอบหายใจเมื่อการที่พยายามดิ้นให้หลุดออกจากอ้อมกอดของอีกฝ่ายไม่เป็นผล

     

     

    สุดท้าย.. อีทงเฮก็ไม่เคยรู้อะไรเลยสักอย่าง

     

     

    อย่าดื้อสิ.. นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบเวลาที่นายขัดใจฉัน ริมฝีปากหนากดจูบลงบนพวงแก้มเนียนอย่างจาบจ้วงถึงแม้ว่าร่างบางจะพยายามเบือนหลบสักแค่ไหน

    คบกันงั้นเหรอ..นายน่ะ..เคยรักฉันด้วยรึไง.. ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง.. ถึงแม้จะรู้ดีแก่ใจว่าคำตอบนั้นจะออกมาเป็นยังไง.. จะออกมาทำร้ายจิตใจเขาแค่ไหน

     

     

    แต่ก็ยังอยากฟัง..

     

     

     

     

     

     

     

     

    เปล่า

     

     

     

     

     

     

     

     

    นั่นไง.. ได้ยินชัดเต็มสองหูรึยังล่ะอีฮยอกแจ..

     

     

    นายเองก็ต้องการแบบนี้ไม่ใช่รึไง?กระชับกอดแน่นขึ้นยิ่งกว่าเดิมขัดกับคำพูดที่แสนเย็นชา ถึงแม้อ้อมกอดนี้จะอบอุ่นสักแค่ไหน..แต่ข้างในกลับหนาวเย็นจนแทบไม่ไหว

     

    ฉัน..ไม่ต้องการ ร่างบางเอ่ยเสียงแผ่ว สิ่งที่ทำร้ายจิตใจของอีฮยอกแจได้ดีที่สุดก็คือประโยคนี้.. ถึงแม้จะเป็นประโยคสั้นๆ แต่มันทำให้หัวใจคนที่ได้ฟังแหลกสลายจนแทบไม่เหลือชิ้นดี

     

    น้ำตาที่เคยใหลออกมาได้ง่ายๆ ในตอนนี้มันคงเหือดแห้งไปหมดแล้ว.. พอกันทีกับคนๆนี้ บอกตัวเองเป็นครั้งที่เท่าไหร่แต่ก็ไม่เคยหลาบจำสักที

     

     

    ..อีฮยอกแจ เสียงกระซิบข้างใบหูพร้อมกับสำผัสวาบหวามตรงช่วงท้อง.. มือหนาพลิกตัวร่างบางให้หันหน้าเข้าหาก่อนจะเชยคางมนขึ้นเพื่อรับรสจูบอ่อนโยนที่ร่างหนามอบให้... นิ้วเรียวยาวไล้ไปตามพวงแก้มเนียนช้าๆอย่างทะนุถนอมหากแต่สัมผัสทุกอย่างนั้นมีแต่ความขมขื่น...

     

     

     

     

    เหมือนกับทุกครั้ง..

    พูดจาทำร้ายจิตใจกันให้เจ็บปวด..แล้วก็เข้ามากอดราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบนี้..

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

     

    ช่วงเวลาแห่งการตัดสินใจ..

    ถ้าพลาดไปแล้ว.. ก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีก

     

     

     

     

    อ้วกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

    เหี้ยอะไรของมึงครับเนี่ย? แดกไปแค่นี้เมาซะแล้วเหรอ ฮ่าๆ

     

    เสียงเฮฮาของทั้งรุ่นพี่ปีสองและน้องปีหนึ่งที่ต่างรวมสายรหัสมาเพื่อเลี้ยงฉลองหลังจากสอบไฟนอลเสร็จ.. ระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่แสนกดดันได้ผ่านไปอย่างยากลำบากถึงแม้หลายคนจะอดหลับอดนอนกับการฝืนทนอ่านหนังสือ ถึงจะง่วงสักแค่ไหน..แต่พอเหล้าเข้าปากตาก็สว่างกันทั้งนั้น

     

    เล่นเกมส์กันอีกเปล่า รุ่นพี่ยกแก้วช็อตที่ข้างในมีน้ำสีอำพันขึ้นมา

    เกมส์ห่าอะไรอีก ไม่ต้องเล่นแล้วสัดเปลือง อีทึกว่าพลางลดมือเพื่อนลงก่อนจะตบหัวไปทีนึง

    กลัวปริ้นอ่ะดิ

    ไม่ได้รู้เหี้ยอะไรเลย พรุ่งนี้กูต้องทำงานนะ อีทึกพูดพร้อมกับยกแก้วขึ้นมาดื่มในขณะที่คนอื่นๆ ก็เริ่มรินเหล้าแจกจ่ายกันไปทั่วโต๊ะ

    คยูฮยอน เป็นไรวะ? ผู้เป็นพี่หันไปถามน้องรหัสที่นั่งอยู่ข้างๆ มือเรียวกำมือถือไว้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองรุ่นพี่พร้อมกับยิ้มบางๆ

     

    เปล่าหรอกพี่

    อย่ามาโกหกเลยน่า

    “…..”

    เรื่องซีวอนอีกล่ะสิ ราวกับอ่านใจเขาออกเพียงแค่มองเข้าไปในดวงตาอีกคน คยูฮยอนหลุบสายตาลง นึกถึงข้อความที่พึ่งได้รับจากใครบางคนที่รออยู่ที่หอพักแล้วก็ต้องถอนหายใจ

     

    เป็นอะไรไปอีทึกถามย้ำอีกครั้งก่อนที่คยูฮยอนจะยื่นมือถือให้.. มือแกร่งรับมาเปิดดูข้อความสั้นๆ ที่ซีวอนส่งมาทำให้คนใจแข็งอย่างคยูฮยอนลังเลอยู่ไม่น้อย...

     

     

    คุณได้รับข้อความจาก..

     

    ซีวอน

     

    [เราจะรอจนถึงเที่ยงคืน..นี่คือสิ่งสุดท้ายที่เราอยากจะขอคยูฮยอน..]

     

     

    จะไม่ไปงั้นเหรอ?อีทึกหันไปถามคนข้างๆ พร้อมกับยื่นมือถือคืนให้ ร่างโปร่งส่ายหน้าเบาๆ ทั้งที่ไม่รู้ว่าอีกคนรอเขาทำไม.. และรอเพื่ออะไร.. แต่ยังไงก็กลัวกับการที่จะต้องกลับไปเผชิญหน้ากับซีวอน

     

    ทำไมวะ?

    ผมไม่อยากไปตอบทั้งที่ไม่มองหน้าพี่รหัส ต้องห้ามใจตัวเองไว้ อย่าใจอ่อนเหมือนคราวที่แล้วอีก

    แน่ใจนะว่าแกไม่อยากไป

    .......

    ก็ตามใจอีทึกหันกลับเข้าวงเหล้าแทนที่จะพูดหว่านล้อมน้องรหัสเหมือนกับทุกครั้ง.. บางเรื่องคนอย่างเขาก็คงเตือนสติคยูฮยอนไม่ได้ คงต้องให้สัมผัสถึงความเจ็บปวดเองแล้วล่ะมั้งถึงจะรู้สึก

     

    ร่างโปร่งลุกขึ้นเดินแทรกผู้คนออกมาเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์.. ใบหน้ามนเงยขึ้นมองท้องฟ้าที่ปราศจากดวงดาว มีเพียงแค่กระแสลมเพียงแผ่วเบาที่ให้ความรู้สึกอ้างว้างเท่านั้น

     

    เรียวขาก้าวเดินออกไปข้างหน้า ให้บรรยากาศที่เงียบสงบในเวลาค่ำคืนช่วยทำให้จิตใจเขาสงบลงบ้าง.. ทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาว่าที่ทำไปนั้นมันถูกต้องแล้ว..หรือว่าผิดพลาดทั้งหมด

     

    .....

    .....

     

    ร่างโปร่งหยุดชะงักเมื่อเห็นอีฮยอกแจยืนนั่งอยู่บนม้านั่งตามลำพัง ทั้งที่เมื่อกี้เขาเห็นร่างบางยังอยู่ในวงเหล้าแต่ทำไมตอนนี้ถึงได้มานั่งอยู่ตามลำพังแบบนี้

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

    .........

    .........

     

    พรุ่งนี้นายจะกลับบ้านรึเปล่าเป็นฮยอกแจที่ถามขึ้นมาก่อนทั้งที่สายตายังคงจดจ้องอยู่ที่ถุงมือสีดำข้างหนึ่งที่อยู่ในมือ

    กลับสิ แล้วนายล่ะ

    อื้อ.. ฉันเองก็จะกลับเหมือนกัน..ก็สอบเสร็จแล้วนี่นา ฮยอกแจยิ้มบางๆ ประหลาดใจอยู่เหมือนกันที่คยูฮยอนยอมนั่งกับเขาตามคำเชิญ ถึงจะยังกลัวคยูฮยอนอยู่บ้าง..แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้กล้าเอ่ยปากชวนออกไป

     

    ......

    ทงเฮ..

    ซีวอน..

    คยูฮยอนถามก่อนเลยฮยอกแจหันมายิ้มให้กับคนข้างๆ ที่จู่ๆก็เปิดคำถามถึงบุคคลที่สามขึ้นมาพร้อมกัน

    หมอนั่น..เป็นยังไงบ้างถามเพราะเป็นห่วง หลังจากวันนั้นเขาก็ไม่ได้คุยกับทงเฮอีก ไม่รู้เลยว่าทงเฮโกรธหรือว่าต้องการเวลากันแน่

    ถ้าถามถึงทงเฮ..ฉันก็จะตอบว่าเค้าก็ยังคงบ้าชอบทำอะไรไม่คิดอยู่เหมือนเดิมใช่.. อีทงเฮเป็นอย่างนั้นในสายตาอีฮยอกแจจริงๆ

    ...ขอบใจ ร่างโปร่งเอ่ยขอบคุณเบาๆ อย่างน้อยก็รู้สึกสบายใจขึ้นถึงแม้ว่าเรื่องราวระหว่างเขากับทงเฮมันยังคงคาราคาซังอยู่อย่างนี้.. แต่ก็ยังดีกว่าไม่รู้อะไรเลย

    ส่วนซีวอน..คยูฮยอนเว้นจังหวะไว้เพียงครู่หนึ่งเมื่อนึกถึงใครอีกคนที่กำลังรอเขาอยู่.. จะต้องบอกอีฮยอกแจยังไงดีนะ.. ทั้งที่อยู่ด้วยกันทุกวันแต่เขากลับไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับซีวอนเลยสักนิด

    เขาก็..

    นายอยากกลับไปหาเขาไหม มือเล็กเอื้อมมากุมมืออีกฝ่ายที่วางอยู่ตรงหน้าขาไว้ ประโยคที่พูดมันออกมาจากใจฮยอกแจจริงๆ

     

     

    กลับไปหาเขาเถอะโจคยูฮยอน.. กลับไปหาคนที่รักนาย..

    อย่าเหมือนเขา.. ที่ต้องทนอยู่กับความรู้สึกครึ่งๆ กลางๆ กับคนที่ไม่มีหัวใจ

     

     

    ....................

    นายจะโกรธฉันก็ได้.. แต่การที่วิ่งหนีความรู้สึกตัวเองน่ะ..มันทรมานนะ..นายเองก็รู้ดีไม่ใช่เหรอ..

    .................นายต้องการอะไรจะบ้ารึเปล่าอีฮยอกแจ.. ไม่เห็นรึไงว่าที่ต้องเลิกกับซีวอนก็เพราะใคร?

    เมื่อก่อน..สำหรับฉัน..การที่เราทุ่มเททุกอย่างเพื่อคนที่เรารักจนถูกคนอื่นด่าว่าโง่..ฉันก็ไม่สนใจหรอกนะ.. แต่การฝืนใจให้ทำตรงข้ามกับความรู้สึกตัวเองนี่สิ..ที่เรียกว่าโง่

    .........

    ฉันกับซีวอน..บางครั้งมันอาจดูเหมือนความรัก..แต่จริงๆ แล้วที่เราสองคนคบกันก็เพราะว่าต่างคนต่างเห็นใจอีกฝ่ายฮยอกแจยิ้มบางๆ ก่อนจะกำถุงมือสีดำที่มีอยู่ข้างเดียวไว้แน่น

     

     

    คยูฮยอน.. การเป็นคนดี..ไม่ได้หมายความว่าจะมีความสุขเสมอไปหรอกนะ

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

    แสงสว่างในห้องที่เกิดขึ้นเพราะเทียนหอมที่ถูกตกแต่งวางประดับอยู่ที่ริมหน้าต่างและพื้นห้อง.. ดอกไลแล็คสีม่วงถูกประดับไว้ในแจกันสีขาวที่ถูกวางไว้บนโต๊ะอาหารอย่างสวยงาม..

     

     

    ความหมายของดอกไลแล็คคือ รักครั้งแรก

     

     

    รักครั้งแรกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความทรงจำ..

    รักครั้งแรกที่ทำให้เขาเริ่มทำอะไรเพื่อคนๆนึงเป็นครั้งแรกทั้งที่ตัวเขาเองก็ไม่เคยคิดว่าจะได้มาทำอะไรแบบนี้ เพียงเพราะแค่อยากให้คนรักมีความสุข

    รักครั้งแรกที่มีแต่ความไม่เข้าใจ..เมื่อความเห็นสวนทางจนต้องทะเลาะกัน..และสุดท้ายก็ต้องมีใครคนหนึ่งที่เป็นฝ่ายง้อ

     

     

    และรักครั้งแรกของชเวซีวอน..ก็คือ..โจคยูฮยอน

     

     

     

     

    ร่างสูงก้มลงมองนาฬิกาข้อมือสีดำก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นเต็มความสูงพลางกวาดสายตามองไปรอบห้อง.. เลยเวลามาแล้วสิบห้านาที..

     

     

    หมดหวังแล้วใช่ไหมซีวอน..

     

     

    ร่างสูงเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะของคยูฮยอนก่อนจะวางไดอารี่สีขาวที่เขาเขียนเรื่องราวต่างๆที่เกี่ยวกับคยูฮยอนลงไปตั้งแต่วันแรกที่รู้ตัวว่าตกหลุมรักคยูฮยอนจนถึงเมื่อวานนี้

     

    กุญแจห้องที่ใช้เป็นประจำทุกวันถูกวางไว้บนไดอารี่บ่งบอกว่าเขาจะไม่กลับมาที่นี่อีก

    แก้วสีฟ้าลายเด็กผู้ชายยืนทำท่าถือร่มท่ามกลางสายฝนถูกวางไว้บนหลังตู้เย็นอย่างโดดเดี่ยวเมื่อแก้วใบสีเขียวที่มีแต่รอยต่อถูกเก็บในกล่องสีขาวอย่างดี

     

    ถึงแม้ว่ามันจะเอามาใช้ไม่ได้อีก..แต่ยังไงมันก็คือของสำคัญที่แทนตัวคยูฮยอนได้หากว่าเขารู้สึกคิดถึงคนที่อยู่ห่างไกล..

     

    มือแกร่งคว้ากระเป๋าเป้ใบใหญ่พร้อมกับลากกระเป๋าเดินทาง..ถึงจะอยากรอคยูฮยอนต่อสักแค่ไหน.. แต่เขาคงปล่อยให้พ่อกับแม่อยู่ชั้นหนึ่งรอเขานานๆ ไม่ได้

     

    เทียนหอมที่ทำหน้าที่ส่องแสงสว่างได้ถูกดับลงก่อนที่ร่างสูงจะเดินออกจากประตูไป  เปลือกตาหนาค่อยๆ หลับลง ทำใจกับเรื่องที่คาดหวังไว้ว่าคยูฮยอนจะกลับมา..

     

     

     

    แต่ซีวอนคงหวังมากจนเกินไป..

     

     

     

    มือถือสั่นอีกครั้งพร้อมกับหมายเลขของผู้เป็นพ่อ เตือนสติซีวอนให้รู้ว่ามีคนรอเขาอยู่ข้างล่าง..

     

     

    หมดเวลาแล้วสินะ..

     

     

    ขายาวก้าวไปข้างหน้าช้าๆ จนหยุดอยู่ที่หน้าลิฟท์ ยังคงหวังลึกๆ อยู่ในใจว่าคยูฮยอนจะกลับมาทันก่อนที่เขาจะออกไปจากที่นี่..

     

    ทุกอย่างที่เขาทำไปทั้งหมดในคืนนี้.. จริงๆแล้วมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น.. ที่เขาอยากจะสื่อให้คยูฮยอนได้รับรู้..

     

     

    เสียงประตูลิฟท์เปิดออกก่อนที่ใบหน้าคมหันกลับไปมองประตูห้องที่เขาพึ่งเดินออกมา.. ร่างสูงฉายแววตาอาลัยอาวรณ์ ถ้าเกิดเขาไปจากที่นี่แล้ว.. ก็ไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่ถึงจะได้เจอกับคยูฮยอนอีก

     

    คำพูดประโยคเดียวที่ไม่รู้ว่าจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีหรือโมโห..แต่ก็เลือกที่จะเสี่ยง..ในเมื่อมันเป็นวันสุดท้ายที่จะได้พูดมันก่อนที่เขาจะไปที่ๆ ไม่สามารถมองเห็นคยูฮยอนได้อีก

     

     

     

    บางทีพระเจ้าอาจจะกำหนดให้ทุกอย่างมันออกมาเป็นแบบนี้..

    บางทีพระเจ้าอาจจะกำหนดเส้นทางให้เขาเดินไปข้างหน้าโดยที่ไม่มีคยูฮยอน

    บางทีพระเจ้าอาจจะให้เวลากับเขาทั้งคู่.. เพื่อถามหัวใจตัวเอง..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ว่ายังต้องการกันและกันอยู่หรือเปล่า..

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

     

    ขาเรียววิ่งมาอยู่ที่หน้าหอพักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองตึกสูงใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้า.. ร่างโปร่งหอบหายใจถี่แต่ก็ยังฝืนวิ่งต่อ..

     

     

    วินาทีเดียวก็สำคัญ..

    ไม่อยากปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไร้ค่าอีกต่อไปแล้ว

     

     

     

    ..ซีวอนเป็นเหมือนนาฬิกาตายมาตลอด..

    คนเราก็เปรียบเหมือนกับนาฬิกานั่นแหละ.. ต่อให้มีถ่านสักร้อยก้อน..แต่ถ้ามันคนละขนาดก็ไม่สามารถทำให้นาฬิกาเดินไปข้างหน้าได้หรอก

     

     

    นายเคยเป็นคนทำให้นาฬิกาเรือนนั้นเดินไปข้างหน้ามาตลอด.. ครั้งหนึ่งถ่านก้อนนั้นเคยถูกถอดออกไป..นาฬิกาเรือนนั้นเลยไม่สามารถเดินต่อไปข้างหน้าได้..

     

     

    ทุกอย่าง..มันขึ้นอยู่กับนายนะคยูฮยอน

     

     

     

    คำพูดของอีฮยอกแจทำให้คนปากแข็งรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก.. ครั้งหนึ่งเคยคิดว่าซีวอนคงลืมเขาไปได้ง่ายๆ เหมือนกับคู่รักคู่อื่นที่เวลาเลิกกันไปแล้วก็กลายเป็นแค่คนรู้จัก.. แต่กับซีวอนไม่ใช่..

     

     

    ความรู้สึกที่เคยมีเป็นยังไง.. มันก็ยังคงชัดเจนอยู่อย่างนั้น

     

     

    ถึงแม้ว่าคยูฮยอนจะผลักไสเขาสักแค่ไหน.. แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาก็คือรอยยิ้มที่อบอุ่นทุกครั้ง.. ถึงแม้ว่าในหัวใจเขาจะรู้สึกเจ็บปวดกับการกระทำของตัวเองสักเท่าไหร่แต่ก็ฝืนทำออกไป..

     

     

    เพียงเพราะความอวดดีของตัวเอง...

     

     

    ตลอดเวลาที่ผ่านมา.. ฉันปิดกั้นตัวเอง ไม่เคยถามหัวใจเลยสักครั้งว่าคนที่ฉันรักคือซีวอนจริงหรือเปล่า

    เคยได้ยินไหม..ว่าคนเราจะรู้สึกเสียใจก็ต่อเมื่อสูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดไป

     

     

    อย่าทำร้ายตัวเองเพราะความทิฐิเลยคยูฮยอน

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

     

     

    ปัง!

     

     

    ประตูถูกผลักออกเต็มแรงพร้อมกับเรียวขาที่ก้าวเข้ามาในห้องด้วยความกระวนกระวาย.. ภายในห้องที่เงียบสงบ.. มีเพียงแค่กลิ่นหอมของเทียนที่อบอวลไปทั่วห้อง

     

    คยูฮยอนยืนนิ่ง ดวงตาคู่สวยมองไปรอบๆ ห้องหวังว่าใครบางคนจะออกมาหยุดยืนตรงหน้าแล้วพูดกับเขาว่า กลับมาแล้วเหรอ

     

     

     

     

    หากแต่ก็เป็นเพียงแค่จินตนาการเท่านั้น..

     

     

     

     

    ร่างโปร่งเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานของตัวเองที่มีไดอารี่สีขาววางและกุญแจห้องวางเอาไว้..

     

    เพียงแค่ไดอารี่หน้าแรกถูกเปิดออก.. คยูฮยอนก็แทบจะปล่อยโฮออกมาตรงนั้น.. หน้ากระดาษที่มีรูปของคยูฮยอนอยู่เต็มไปหมดจนแทบไม่เหลือที่ว่าง..

     

     

    ‘For You..’

     

    มือเรียวปิดไดอารี่ลงก่อนจะหันกลับไปมองตู้เสื้อผ้าของซีวอน ริมฝีปากบางสั่นระริก.. ร่างโปร่งเปิดประตูตู้เสื้อผ้าออกอย่างรวดเร็ว

     

     

    ตู้เสื้อผ้าที่ว่างเปล่า..

     

     

    .....อึก คยูฮยอนทรุดลงไปกองกับพื้น.. ใครก็ได้.. บอกเขาทีว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง..

     

     

     

     

    ซีวอนแค่ขนของกลับบ้านช่วงปิดเทอมแค่นั้นใช่ไหม?

    พอเปิดเทอม..ซีวอนก็จะกลับมา..

     

     

     

     

     

    13/07/11

     

     

     

    ไดอารี่หน้าสุดท้าย..

    นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้บอกความรู้สึกของผมลงบนไดอารี่เล่มนี้..

     

     

     

    จำได้รึเปล่าคยูฮยอน.. ครั้งหนึ่งเราเคยบอกว่า

     

    ความรักสำหรับเรามันดูสวยงามเสมอ

    ต่อให้มันจะทำให้เราเจ็บ.. ทำให้เสียใจสักแค่ไหน..

    แต่ในความเจ็บนั้นมันก็ยังมีช่วงเวลาแห่งความสุขอยู่..

     

     

    ถึงแม้ว่าช่วงเวลาตลอดหนึ่งเทอมที่ผ่านมานั้นมันเต็มไปด้วยความอึดอัด

    แต่ผมไม่เคยนึกเสียใจเลย..ที่ได้กลับมาเจอเขาอีกครั้ง

     

     

    ตอนที่เขาเปิดอ่านไดอารี่หน้านี้คงเข้าวันที่สิบสี่แล้ว..หรืออาจจะช้ากว่านั้น..

    ผมไม่แน่ใจเลยว่าแผนการตกแต่งห้องที่แสนโรแมนติกนั่นจะเป็นผลรึเปล่า..

     

     

    ยินดีที่ได้รู้จักนะ

     

     

    ถ้าแผนการนั้นไม่สำเร็จ.. ผมก็คงต้องบอกผ่านไดอารี่หน้านี้

    ทุกวันที่สิบสี่หลังจากที่เราเลิกกันไปผมก็ไม่มีโอกาสได้พูดประโยคนี้อีก

    เพราะตัวผมเองก็ไม่รู้ว่าคยูฮยอนจะดีใจรึเปล่าที่ได้รู้จักกับผม (หัวเราะ)

     

     

    มันคือวันแรกที่เราได้รู้จักกัน.. จำได้ใช่ไหม?

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ดูแลตัวเองให้ดีนะ..คยูฮยอน...

     

     

     

     

     

     

     

    Siwon Choi

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×