ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Snow Prince...(Lesson 2) วิวาห์อลวนปล้นหัวใจนายคาสโนว่า

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 8

    • อัปเดตล่าสุด 5 ส.ค. 56


    ตอนนี้ฉันและพี่ฮันนี่เราเดินทางมาสู่ประเทศไทยเรียบ ร้อยแล้ว อากาศที่นี่ร้อนกว่าที่ฉันคิดเอาไว้เยอะเลย แต่บรรยากาศดีมากเลย บ้านของพี่ฮันนี่อยู่ติดกับทะเล มาถึงตอนนี้ฉันถึงได้มั่นใจนักหนาว่าพี่เค้ารวยมากจริงๆ

    “ไงจ๊ะ... บ้านพี่” พี่ฮันนี่พูด

    “สวยมากเลยค่ะ ถึงอากาศมันจะร้อนไปหน่อยก็เถอะ” ฉันพูด

    “ว่าแต่เธอตื่นเต้นไหม อีกไม่กี่วันก็จะแต่งงานแล้ว”

    “ไม่รู้สิคะ ถ้ามันเกิดจากความรักฉันคงจะมีความสุข แต่นี่เป็นเพราะความเข้าใจผิดของพ่อและแม่ของฉัน ฉันเลยบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร”

    “พ่อกับแม่ของเธอ คุณแม่ของพี่จะเป็นคนพามาเอง” พี่ฮันนี่แตะที่ไหล่ฉันเบาๆ

    “ขอบคุณพี่มากๆ นะคะ พี่ช่วยฉันไว้เยอะเลย”

    “พี่เต็มใจทำเพื่อเธอ เอาล่ะ อย่ามัวแต่คิดอะไรอยู่เลย พี่จะพาเธอไปเลือกชุดแต่งงานเอง” พูดจบพี่ฮันนี่ก็พาฉันออกไปจัดการเรื่องชุดแต่งงาน

    พี่ฮันนี่เล่าให้ฉันฟังเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานของ เธอ และเธอก็บอกว่างานของฉันก็คงจะออกมาเป็นแบบเดียวกันกับงานของเธอไม่ได้ คิดแล้วก็รู้สึกร้อนวูบวาบอยู่เหมือนกัน ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างฉันจะได้แต่งงานและไม่น่าเชื่อว่าคนที่แต่งงานกับฉัน คือนักร้องดังระดับเอเชีย คนธรรมดาๆ อย่างฉัน ได้มาเจอเรื่องแบบนี้ มันช่างน่าขำจริงๆ แต่อย่างไรเสีย... เจ้าบ่าวของฉัน เขาไม่ได้รู้สึกดีกับฉันเลยสักนิด ออกจะเกลียดฉันด้วยซ้ำไป หลังจากการไปพบแม่ของเขา ฉันกับเขาก็ไม่ได้เจอหน้ากันอีกเลย มีแค่โทรคุยกันเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น แต่ก็ช่างเถอะ เขาเสียสละมากพอแล้ว ฉันยังจะหวังให้เขามาทำดีกับฉันก็โลภเกินไปแล้ว

     

    พรุ่งนี้แล้วสินะ ที่ฉันจะต้องแต่งงาน พอคิดก็ยังรู้สึกขำไม่หายที่การแต่งงานของฉันมันเกิดขึ้นมาเพียงเพราะความ เข้าใจผิดของพ่อและแม่ของฉัน ความรู้สึกผิดที่มีต่อว่าที่เจ้าบ่าวก็มีมากมายเหลือเกิน ตอนนี้พ่อแม่ของฉันและคุณแม่ของพี่ฮันนี่มาถึงกันแล้ว และตอนดึกๆ พวกห้าหนุ่มจะเดินทางตามมา ส่วนแม่ของว่าที่เจ้าบ่าวได้ยินว่าเธอจะมาถึงพรุ่งนี้เช้า เพราะวันนี้เธอติดประชุมด่วน ฉันไม่รู้สึกโกรธหรืออะไรท่านเลย คิดเห็นใจเธอเสียอีก ทำงานเหนื่อยๆ ลูกชายก็ไม่เข้าใจเอาเสียเลย

    “ยังไม่นอนอีกเหรอจ๊ะว่าที่เจ้าสาว” พี่ฮันนี่เดินออกมานั่งข้างๆ ฉันที่ระเบียงบ้าน ที่ในตอนนี้มองไม่เห็นความสวยของทะเลแล้ว ได้ยินเพียงเสียงคลื่นเท่านั้น

    “ยังค่ะ... นอนไม่หลับ” ฉันหันไปยิ้มให้พี่ฮันนี่ “พี่คงรอสามีพี่สินะคะ”

    “จ๊ะ... ตอนนี้พวกนั้นมาถึงเมืองไทยกันแล้ว กำลังรอขึ้นเครื่องมาที่นี่อีกชั่วโมงครึ่งก็มาถึงแล้ว พี่ทำอาหารไว้ให้พวกนั้นเพิ่งเสร็จ” พี่ฮันนี่พูด

    “ไม่เรียกให้ฉันไปช่วยล่ะคะ” ฉันพูด

    “พี่ไม่แน่ใจว่าจะพอกินกันเหรอเปล่า เธอไปทำเพิ่มอีกสักสองอย่างสิ ถ้ายังไม่ง่วง”

    “ได้ค่ะ” พูดจบฉันก็เดินเข้ามาในห้องครัว

    “ปลาที่นี่มีเยอะมาก ว่าที่เจ้าบ่าวของเธอชอบกิน” พี่ฮันนี่เดินตามเข้ามาในห้องครัว “สามีของพี่เขาชอบกินอาหารคนละแนวกับมินแจ คนอื่นๆ กินอะไรก็ได้ แต่สองคนนี้จะต่างออกไป เลือกกิน”

    “ฉันว่า... มินแจเขาก็ไม่ได้เลือกกินนะคะ วันนั้นที่ฉันไปทำกับข้าวให้กิน เขาก็กินหมด” ฉันหันไปโต้แย้งกับพี่ฮันนี่เพราะเมื่อวันนั้นฉันทำอะไรเขาก็กินจนหมดนะ หรืออาจจะเป็นเพราะเขาหิว

    “เธอทำอาหารถูกปากเขานะสิ เห็นไหมเนี้ย พวกเธอเหมาะสมกัน” พี่ฮันนี่พูดแล้วก็หัวเราะ ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องครัว

    “หิว!!!” เสียงใสๆ ของพี่จีฮุนดังขึ้นขณะที่ฉันกับพี่ฮันนี่ช่วยกันจัดโต๊ะอาหาร

    “มากันแล้วเหรอ” พี่ฮันนี่หันไปทักทายหนุ่มๆ ที่ทยอยเดินตามกันมา

    “ฮันนี่ของฉัน” พี่มินจุนเดินเข้ามากอดภรรยาของเขา “ฉันคิดถึงเธอมากเลย” เขาพูดก่อนที่จะหอมแก้มภรรยาของเขาไปฟอดใหญ่

    “ฉันไม่เห็นจะคิดถึงเธอเลย” พี่ฮันนี่พูด

    “ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ โอเค... คืนนี้ฉันจะออกไปนอนที่อื่น” พูดจบพี่มินจุนทำท่าจะเดินออกไป

    “จะไปไหน...” พี่ฮันนี่พูดก่อนที่จะฉุดข้อมือสามีของเธอเอาไว้

    “ไปให้เธอคิดถึงฉันก่อนไงแล้วค่อยมา” พี่มินจุนพูด

    “ฉันคิดถึงเธอแล้ว... คิดถึงมากเลย” พี่ฮันนี่พูด ทำให้พี่มินจุนหันมายิ้มหวานให้ภรรยาของเขา

    “ก็แค่นี้แหละ” พูดจบพี่มินจุนก็นั่งลงที่เก้าอี้

    “ไม่เห็นว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวเขาทักกันเลย” พี่ฮยอนอูพูดขึ้นหลังจากที่นั่งลงเรียบร้อยแล้ว ฉันและเขาหันไปมองหน้ากัน

    “ไปนั่งข้างว่าที่เจ้าบ่าวสิ” พี่ฮันนี่ดันหลังฉันให้ไปนั่งข้างๆเขา

    “ไม่เจอกันหลายวันเลยนะ” เขาหันมาพูดกับฉัน

    “อืม... นายดูผอมไปอีกแล้วนะ” ฉันพูดกับเขาบ้าง

    “อย่างนั้นเหรอ... ฉันไม่ค่อยมีเวลากินน่ะ”

    “คนอื่นไม่เห็นจะดูผอมลงเหมือนนายเลย” ฉันกวาดตามองหน้าหนุ่มๆ ที่ตั้งหน้าตั้งตากินข้าวกันก่อนที่จะหันมามองดูคนข้างๆแล้วพูด

    “เหรอ... ฉันกินอะไรไม่ค่อยได้ ไม่ค่อยหิวเลย” เขาพูด ฉันจัดการยกจานปลาทอดมาวางไว้ตรงหน้าของเขาก่อนที่จะแกะเนื้อปลาออกจากกาง ใหญ่ให้เขา แล้วตักไข่ม้วนให้เขา

    “กินซะ... กินเยอะๆ” ฉันพูด เขามองหน้าฉันก่อนจะกินข้าว ฉันแอบยิ้มให้คนที่เพิ่งพูดไปว่ากินอะไรไม่ค่อยได้ เพราะตอนนี้เขาเติมข้าวไปรอบที่สามแล้ว

    “นายกินปลาทั้งตัวคนเดียวเลยนะมินแจ” พี่จุนโฮที่นั่งอยู่อีกข้างหนึ่งของเขาพูดขึ้น ก่อนที่จะหันมายิ้มให้ฉัน

    “นายก็กินสิ” เขาหันไปพูดกับเพื่อน

    “ก็ไม่มีใครแกะปลาให้ฉันเหมือนนายนี่นา”

    “ตรงนี้เหลือเยอะเลย เดี๋ยวพี่แกะให้เธอเอง” พี่ฮันนี่พูดขึ้น

    “ฮ่าๆๆ ผมไม่ค่อยชอบกินปลาพี่ก็รู้ พี่ดูแลสามีพี่ไปเถอะ” พี่จุนโฮหัวเราะขึ้นมา

    “น่าอิจฉาคนกำลังจะแต่งงาน” พี่จีฮุนพูด ก่อนที่จะก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ

    “ฮันนี่แม่ล่ะ” พี่มินจุนพูดขึ้นหลังจากที่กินข้าวกันเสร็จและพากันเดินออกไปนั่งรับลมที่ ระเบียงบ้านกัน โดยที่ฉันกับพี่ฮันนี่กำลังช่วยกันเสิร์ฟไอศกรีมกะทิ(พี่ฮันนี่เรียกมันว่า อย่างนั้น) เป็นไอศกรีมที่มีรสชาติดีอย่างบอกไม่ถูก มันทำมาจากมะพร้าว

    “ผู้ใหญ่เข้านอนกันตั้งแต่หัวค่ำแล้วล่ะ” พี่ฮันนี่พูด

    “ทำไมของฉันถ้วยใหญ่จัง” ว่าที่เจ้าบ่าวหันมาถามฉัน

    “ก็พี่ฮันนี่บอกว่านายชอบ นายต้องกินเยอะๆ” ฉันพูดก่อนที่จะส่งแก้วน้ำมะพร้าวให้กับเขาอีก

    “ฉันอาจจะท้องแตกตายได้” เขาพูด แต่ก็ยังกิน ฉันเห็นเขายิ้มตอนที่ตักไอศกรีมเข้าปาก ถ้าเขายิ้มให้ฉันบ้างก็คงจะดีนะ เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาจนกระทั่งจะต้องแต่งงานกันอยู่แล้ว เขายิ้มให้ฉันแค่ครั้งเดียวเท่านั้น คืนก่อนวันเกิดเหตุวันนั้นเท่านั้น

    “ดึกแล้วนะ... ยังไม่นอนอีกเหรอว่าที่เจ้าสาว” พี่ฮันนี่พูดขึ้นมาท่ามกลางความมืด คืนนี้พี่ฮันนี่มานอนเป็นเพื่อนฉัน กว่าจะตกลงกันกับพี่มินจุนได้ พี่ฮันนี่เหนื่อยแทบตายเหมือนกัน

    “ค่ะ... คนอื่นที่กำลังจะแต่งงานพวกเธออาจจะดีใจจนนอนไม่หลับ แต่สำหรับฉันแล้ว กระวนกระวายใจจนนอนไม่หลับ กังวลว่าจะก่อเรื่องอะไรให้เขา... ไม่พอใจอีก” ฉันพูด

    “อย่ากังวลไปแล้ว พี่เชื่อว่าสิ่งที่เธอจะทำให้เขาต่อจากนี้ไป มันจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้น มินแจน่ะ จริงๆแล้วเขาเป็นคนที่ร่าเริงสดใส แต่พอมาพักหลังๆ ดูเขาซึมๆ ไป เธอต้องช่วยให้เขาหลุดพ้นจากความรู้สึกเดียวดายนั้นมาให้ได้นะจีวอน”

    “ฉันจะช่วยอะไรเขาได้คะพี่ฮันนี่ นอกเสียจากสร้างความปวดหัวให้เขา”

    “อย่างน้อยที่สุด... อาหารของเธอ และวิธีคลายเครียดของเธอก็ช่วยเขาได้นะ อ่อ แล้วท่องคำสาบานจำหรือยัง”

    “จำแล้วค่ะ เป็นห่วงแต่เจ้าบ่าวสิคะ”

    “เชื่อใจเขาเถอะ เอาล่ะๆ นอนได้แล้ว พรุ่งนี้เป็นวันที่เธอต้องสวยที่สุด” พี่ฮันนี่พูดก่อนที่จะลูบที่ผมของฉันเบาๆ

     

    “ว้าว... เธอเหมือนเจ้าหญิงเลย” พี่ฮันนี่พูดขึ้นหลังจากที่ฉันโดนแต่งตัวและแต่งหน้าเสร็จแล้ว

    “พี่ชมฉันเกินไปแล้ว” ฉันพูดก่อนจะลุกขึ้นมองตัวเองในกระจก ว้าว... ไม่น่าเชื่อว่าคนในกระจกจะเป็นฉันจริงๆ ฉันที่อยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวยาวจนลากพื้น ผมที่เคยปล่อยยาวตอนนี้โดนรวบขึ้นและประดับด้วยมงกุฎเพชร ใบหน้าที่ฉันคิดว่าแสนจะธรรมดาของฉันถูกแต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ แต่ดูดีจัง ต้องยกความดีให้ช่างแต่งหน้าเขาจริงๆ

    “เรียบร้อยแล้วหรือยังจ๊ะสาวๆ” คุณแม่ของพี่ฮันนี่เดินเข้ามา “โอ๊ะ... สาวน้อยน่ารักกลายเป็นเจ้าหญิงไปแล้วเหรอเนี้ย”

    “สวยมากเลยนะคะคุณแม่ ทำให้หนูอยากจะแต่งงานอีกครั้ง” พี่ฮันนี่เข้าไปกอดคุณแม่ของเธอ

    “รอให้สามีของลูกพร้อมที่จะประกาศแต่งงานก่อนสิจ๊ะงานนี้แม่จะประกาศให้คนรู้กันทั่วเกาหลีเลย ลูกต้องเป็นราชินีของงานเลยทีเดียว”

    “กว่าจะถึงเวลานั้นหนูก็แก่ไปแล้วล่ะค่ะ” พี่ฮันนี่พูดแล้วทำหน้าค้อนๆ แต่ดูแล้วน่ารักสมเป็นเธอ

    “ได้เวลาแล้ว... เจ้าสาวพร้อมหรือยังลูก” แม่ของฉันเดินเข้ามาในห้องแต่งตัว พอมาเจอหน้าฉันแม่ก็ยิ้มจนแก้มปริ “ว้าว... เจ้าหญิงของแม่... ตอนนี้ลูกกำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝาแล้วเหรอเนี้ย แม่ค่อยตายตาหลับหน่อย” แม่พูดและน้ำตาก็เริ่มคลอ

    “แม่ค่ะ... อย่าร้องไห้สิ” ฉันพูดก่อนที่จะเข้าไปกอดแม่

    “คิดแล้วก็ใจหาย... ลูกสาวตัวน้อยๆ ของแม่โตเป็นสาวและกำลังจะแต่งงานแล้ว” แม่พูดแล้วกอดตอบฉัน

    “แม่...” ฉันพูด

    “เอาล่ะ ออกไปได้แล้ว ทุกคนพร้อมกันหมดแล้ว อ่อ... แม่สามีลูกก็มาถึงแล้วนะ เราคุยกันแล้วเธอเป็นผู้หญิงที่ดีมากทีเดียว” แม่พูด

    “ใช่ค่ะ... ซอฮยอนเป็นคนน่ารัก” คุณแม่ของพี่ฮันนี่พูดขึ้น

    “ไปกันเถอะค่ะ” พี่ฮันนี่พูดก่อนจะเดินกอดแขนคุณแม่ของเธอออกไป พ่อของฉันรออยู่หน้าประตูห้องแต่งตัว

    “เจ้าหญิงของพ่อ” พ่อพูดก่อนจะเข้ามากอดฉัน ฉันกอดตอบ พ่อยื่นแขนออกมาให้ฉันควง เราเดินไปพร้อมกัน งานของฉันไม่ได้จัดขึ้นข้างชายหาดเหมือนตอนงานของพี่ฮันนี่เพราะป้องกันปาปา รัชซี่เหมือนตอนงานของพี่ฮันนี่ แต่จัดงานอยู่ในห้องโถงใหญ่ของบ้านแทน ในตอนนี้ห้องโถงรับแขกธรรมดากลายมาเป็นสวนดอกไม้ขนาดย่อม ประดับประดาไปด้วยดอกไม้หลากสี ฉันมองเห็นบาทหลวงที่เป็นคนเดียวกันกับงานของพี่ฮันนี่ และ... เจ้าบ่าวของฉัน... เขาใส่ชุดทักซิโด้สีขาวยืนสูงสง่าหันมาทางฉัน มีเสียงไวโอลีนและเสียงเปียโนสดๆ ที่แม่ของเจ้าบ่าวเป็นคนจัดการ บรรเลงฟังแล้วเพราะดีจัง ฉันแอบหันไปมองเพื่อนเจ้าบ่าว พี่มินจุนใส่สูทสีชมพูเข้ากันกับชุดของพี่ฮันนี่ หนุ่มๆที่เหลือใส่สูทสีขาวยืนอยู่ถัดจากเจ้าบ่าว แม่เจ้าบ่าวส่งยิ้มใจดีมาที่ฉัน วันนี้เธอก็ยังคงสวยเหมือนเดิม พ่อเดินพาฉันไปส่งให้กับเจ้าบ่าว

    “ฝากลูกสาวพ่อด้วยนะลูก” พ่อพูดแล้วก็ส่งมือฉันไปให้กับเจ้าบ่าวเขารับมือฉันไป

    “ครับ... คุณพ่อ” เขายิ้มให้พ่อของฉันอย่างอ่อนโยน

    “เอาล่ะ... ต่อจากนี้ไปพ่อจะเริ่มพิธีอันศักดิ์สิทธิ์แล้วนะ ผู้เป็นพยานในที่นี้ ผู้ใดมีความประสงค์จะคัดค้านการแต่งงานในครั้งนี้ ก็ขอให้ยกมือตั้งแต่ตอนนี้” บาทหลวงหยุดพูดและหันไปมองรอบงาน “ไม่มีนะ พ่อจะเริ่มแล้วนะ...เจ้าบ่าว เจ้าสาว ท่านทั้งสองตั้งใจที่จะร่วมชีวิตเป็นสามีภรรยา กันตามพระประสงค์ของพระเจ้า จงให้คำมั่นสัญญาและปฏิญาณต่อกันจำเพาะพระพักตร์พระเจ้า และต่อหน้าสุภาพชนในที่นี้ว่าท่านทั้งสองจะเอาใจใส่เลี้ยงดูกันจะร่วมทุกข์ ร่วมสุขกันด้วยความอดทน และจะรักษาบัญญัติ แห่งชีวิตสมรส ที่พระเจ้าทรงตั้งไว้ด้วยความเพียรพยายาม ถ้าท่านมีความตั้งใจเช่นนั้น จงให้คำสัญญาและปฏิญาณต่อกันด้วยความจริงใจ” พูดจบบาทหลวงมองไปยังเจ้าบ่าว ในตอนนี้หัวใจของฉันเต้นรัวไปหมด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ฉันและเขาหันหน้าเข้าหากัน และจับมือกัน ฉันรู้ได้ถึงมืออันเย็นเฉียบของเจ้าบ่าวของฉัน เขานิ่งไปนาน จนทุกคนมองมาที่เขาเป็นตาเดียว มันทำให้ฉันเริ่มใจเสียไปด้วยแล้วเหมือนกัน...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×