คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 6 #Kim Min Jae
“แต่งงาน!!!” เสียงของสมาชิกในวงของผมพูดพร้อมกัน หลังจากที่ผมกลับมาจากการไปปรึกษาพี่ฮันนี่ที่ร้านไหมพรม
“นายไปทำใครเค้าท้องมาอย่างนั้นเหรอมินแจ” นี่คือความคิดแหวกแนวของลีดเดอร์ของผม
“นายจะแต่งกะใคร” นี่คือคำถามของคิม จุนโฮผู้ใจดีที่สุดในวง
“แม่นายบังคับเหรอ” นี่คือคำถามของบุคคลที่ผมคิดว่าเขาบ๊องๆ คัง จีฮุน
“เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอมินแจ” นี่คือคำถามอันชาญฉลาดของปาร์ค ฮยอนอูที่ขึ้นชื่อว่ารู้ทันคนอื่นไปหมด
“นายถามถูกประเด็นที่สุดแล้วปาร์ค ฮยอนอู” ผมพูดแล้วเข้าไปกอดคอเพื่อน ก่อนที่จะเริ่มเล่าเรื่องราวอันอับจนหนทางของผมให้ทุกคนฟัง รวมไปถึงเหตุการณ์ที่ผมได้เข้าไปปรึกษาพี่ฮันนี่ด้วย
“ฟังแล้ว... ทำให้พี่... คิดถึงภรรยาพี่จริงๆเลย” พูดจบพี่ใหญ่ของผมก็ล้วงโทรศัพท์ออกมา “ทำไมรับช้าจังเลย... เหรอ... ฉันคิดถึงเธอจังเลย... รู้แล้ว...” เขาหันมามองพวกเราก่อนที่จะยิ้มแล้วก็เดินห่างออกไป ผมเห็นแววตาของพี่มินจุนเวลาที่เขาพูดถึงภรรยาของเขามันช่างแตกต่างจากแววตา ปกติของเขา ผมอิจฉาเขาจริงๆ อิจฉาที่เขาได้ครอบครองหัวใจของผู้หญิงที่ดีและ... ผู้หญิงที่ผมหลงรัก และในตอนนี้ผมอิจฉาที่พี่มินจุนได้ใช้ชีวิตคู่ร่วมกับผู้หญิงที่เขารัก แต่... ผมสิ อกหัก... แถมยังได้แต่งงานกับผู้หญิงที่เธอเกลียดผมตั้งแต่แรกพบ และที่ผมไม่เข้าใจทำไมผมถึงพูดกับเธอดีๆ ไม่ได้เลยสักที
“จะไหวเหรอเพื่อน” ปาร์ค ฮยอนอูพูดขึ้นหลังจากที่พี่มินจุนเดินห่างออกไป
“แล้วนายมีทางออกที่ดีกว่านี้ไหม” ผมหันไปคุยกับเพื่อน เขาถอนหายใจแล้วก็ส่ายหน้า ให้ตายสิ คนที่ผมคิดว่าพึ่งได้ที่สุดแล้วยังไม่มีทางออกให้ผมเลย
“มันก็คงต้องเป็นไปตามฟ้าลิขิต ไม่แน่นะอยู่ๆกันไป อาจจะรักกันไปเองก็ได้ สุดท้ายนายอาจจะเป็นอีกคนที่มีความสุขไปก่อนเราสามคนที่เหลืออยู่” ปาร์ค ฮยอนอูพูด
“หึๆ ความเป็นไปคือศูนย์ว่ะเพื่อน เธอเกลียดฉันอยากกับอะไรดี” ผมพูด
“แล้วนายเกลียดเธอหรือไง” ปาร์ค ฮยอนอูถามคำถามที่ผมไม่เคยพบคำตอบเลย
“เกลียด... ไม่รู้...” ผมพูด ก่อนที่จะคิด ผมไม่ได้เกลียดเธอนะ แต่พอเห็นหน้าแล้วคำพูดดีๆ มันหายไปไหนหมดก็ไม่รู้
“แต่ง จริงๆ นะเพื่อน นายต้องสาบานต่อหน้าพระเจ้า” ปาร์ค ฮยอนอูออกความคิดเห็น ทำให้ผมรู้สึกร้อนวูบไปในทันที ใช่แล้ว ผมต้องสาบาน ผมกลัวการสาบานที่สุด และผมก็ต้องทำอย่างนั้นเหรอ ผมต้องสาบานว่าจะรักและซื่อสัตย์กับผู้หญิงคนนั้นอย่างนั้นเหรอ
“ทุกคน... ไปกันได้แล้ว” เสียงผู้จัดการเรียกให้เราเตรียมตัวทำงาน
จริงๆ แล้วันนี้เป็นวันหยุดของเรานะเนี้ย แต่อยู่ๆ ก็ต้องมีประชุมด่วนขึ้นมา ทำให้ผมต้องมาทำงาน วันนี้ทั้งวันมันทำให้ผมมึนๆ งงๆ และกังวลกับคำสาบานที่ผมต้องพูดต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้า ผมเป็นคนที่ว่า จะไม่สาบานถ้าผมทำมันไม่ได้จริงๆ มันไม่ใช่แค่เรื่องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าแล้วล่ะ แล้วไหนผมต้องบอกคนที่บ้านของผมอีกล่ะ ผู้หญิงคนนั้นเธอจะว่าอย่างไรถ้าผมบอกเธอว่าผมจะแต่งงาน เธอคงจะรับรู้และบอกกับผมว่า... ‘มินแจ... แม่ไม่ว่าง’ ผมไม่ เข้าใจเธอเลยจริงๆ ผู้หญิงอย่างเธอจะให้กำเนิดผมออกมาทำไม เมื่อเธอรักแต่งานของเธอ นานมาแล้วที่ผมไม่ได้เรียกเธอว่าแม่... คำเดียวที่ผมมักจะได้ยินจากเธอคือ... มินแจ... แม่ไม่ว่าง คำนี้ผมได้ยินจนชินไปแล้ว หลังจากที่ผมเริ่มโตผมก็ไม่คิดที่จะเรียกร้องอะไรจากเธออีก ผมกับเธอเราต่างคนต่างอยู่มานานแล้วนับตั้งแต่ที่คุณพ่อจากเราผม ความสัมพันธ์ระหว่าผมกับเธอก็ยิ่งแย่ เราแทบจะไม่ได้เจอหน้ากันเลยด้วยซ้ำ คุณพ่อซะกว่าที่เป็นคนดูแลผม สนใจความรู้สึกของผมมากกว่าเธอ
“มินแจ... มีเรื่องจะคุยกับแม่เหรอ” เธอพูดกับผม หลังจากที่เรานัดทานอาหารค่ำที่ชั้นดาดฟ้าโรงแรมในเครือของเรา ใช่... อาหารค่ำจริงๆ เพราะตอนนี้ก็เกือบๆ จะเที่ยงคืนแล้ว และเธอก็ผิดนัดผมมาเกือบชั่วโมง
“ผมคงไม่รับกวนเวลาของคุณนานมากนักหรอกครับ ผมมาเพื่อจะบอกคุณว่าผมจะแต่งงาน” ผมพูดทันทีที่เธอนั่งลง
“ตะ... แต่งงาน!!!” เธอพูดเสียงดังต่างไปจากทุกที “ละ... ลูกจะแต่งงานกับใคร แล้วงานของลูกล่ะ นี่ก็เพิ่งจะเปิดตัวไปไม่ใช่เหรอ”
“การแต่งงานจะไม่กระทบกระเทือนงานของผม ผมจะไปจัดงานแต่งงานที่ประเทศไทย คุณคงไม่มีเวลาพอที่จะไปร่วมงาน ผมแค่มาบอกให้คุณรับรู้เอาไว้ เพราะผมจะพา... ภรรยาของผมเข้ามาอยู่ที่โรงแรมนี้ ผมไม่อยากให้เธอไปอยู่ที่บ้านร้าง... บ้านหลังใหญ่ที่ไม่มีใครอยู่หลังนั้น อยู่ในโรงแรมแบบนี้ จะได้ไม่ใครรู้ว่าเราอยู่ด้วยกัน ผมคงไม่ต้องแจ้งคุณเรื่องวันและเวลาจัดงาน ขอบคุณที่สละเวลามาพบผมวันนี้ ผมขอตัวก่อนนะครับ ท่านประธาน” พอพูดจบผมก็ลุกขึ้น
“มินแจ... อย่าเพิ่งไป ทานข้าวเป็นเพื่อนแม่ก่อน” เธอพูด นานมาแล้วที่ผมไม่ได้ร่วมโต๊ะอาหารกับเธอ
“ผมไม่หิว เชิญคุณตามสบายเลย”
“ถึงลูกไม่หิว... ก็นั่งเป็นเพื่อนแม่หน่อยได้ไหม นานมากแล้วที่เราไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันเลย” คำพูดของเธอทำให้ผมนิ่งงันไป ก่อนที่จะนั่งลงดังเดิม เธอหันไปสั่งให้พนักงานเสิร์ฟอาหาร อาหารที่จัดวางไว้ตรงหน้าของผมล้วนเป็นอาหารชั้นดี แต่... เธอคงไม่รู้ว่าผมค่อยชอบกินเนื้อวัว “สเต็กวัวชั้นดี แม่เตรียมมันไว้ให้ลูก” เธอพูดด้วยรอยยิ้ม
“คุณอาจจะลืม อ่อ... ไม่สิ คุณคงไม่ทราบว่าผมไม่ชอบเนื้อวัว...” คำพูดของผมทำให้แววตาของเธอเศร้าไปในทันที
“แม่... ขอโทษ” เธอพูดก่อนที่จะหันไปเรียกพนักงาน
“คุณทานของคุณเถอะครับ ผมไม่หิว พอคุณทานเสร็จผมจะได้รีบกลับไปพักผ่อนบ้าง เพราะพรุ่งนี้ผมมีงานต้องทำแต่เช้า” ผมพูดก่อนจะหันไปมองทางอื่น ระหว่างที่เธอกำลังทานอาหารอยู่นั้น ไร้บทสนทนาใดๆ เกิดขึ้นเลย
“แม่เคารพในการตัดสินใจของลูก ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลไหน งานแต่งงานของลูกแม่ต้องไปให้ได้ ถ้าลูกพอมีเวลาพาว่าที่เจ้าสาวของลูกมาเจอแม่ทีนะ” เธอพูดกับผมก่อนที่ผมจะเดินแยกออกมา ผมแทบจะไม่เชื่อหูว่าเธอคิดที่จะไปร่วมงานแต่งงานของผม
“สวัสดีครับ” ผมรับโทรศัพท์มือถือหลังจากที่ปล่อยให้มันดังไปหลายรอบ เพราะเป็นเบอร์ที่ผมไม่รู้จักโทรมา
‘กว่าจะรับ... นายอยู่ไหน’ เสียงที่ไม่ต้องบอกผม ผมก็พอจะรู้ว่าคนในสายเป็นใครดังขึ้น
“ยังไม่ทันแต่งงานเลยก็ใช้สิทธิ์เลยเหรอ” ผมพูด
‘ปะ เปล่าเสียหน่อย ฉันแค่อยากคุยกับนาย เรื่อง... งานแต่งงาน’ เธอพูดอย่างไม่เต็มปากนัก
“ทำไม...”
‘เสียงนายแปลกๆ นายเมาเหรอ’ เธอเดาถูก... ผมเริ่มเมาแล้วหลังจากที่นั่งดื่มไวน์อยู่ในห้องที่โรงแรมในเครือซึ่งมัน กำลังจะกลายมาเป็นเรือนหอของผมอีกไม่กี่วันข้างหน้า
“นิดหน่อย... ดึกแล้วเธอยังไม่นอนเหรอ”
‘ฉันนอนไม่หลับ... ฉันอยากคุยกับนาย’
“นาย... อีกแล้วนะ เธอคิดจะเรียกว่าที่สามีของเธอว่านายไปถึงไหน”
‘ฉันว่านายคงเมาแล้วล่ะ ถ้าอย่างนั้นวันนี้ฉันคงคุยกับนายไม่รู้เรื่องแล้ว...’
“มาหาฉันสิ ที่เรือนหอของเรา” ผมพูดก่อนที่จะบอกว่าผมอยู่ที่ไหน เธอนิ่งไป ก่อนที่จะรับปากว่าจะมาหาผม ไม่รู้สินะในอารมณ์แบบนี้มียัยนี่ไว้กวนอารมณ์น่าจะดีกว่านั่งอยู่คนเดียว
“ฉันต้องมาอยู่ที่นี่กับนายใช่ไหม มีห้องนอนห้องเดียวเหรอ” ประโยคแรกที่เธอพูดกับผม หลังจากที่เธอเดินเข้ามาในห้อง
“อืม... อยากได้อะไรเพิ่มก็บอก เพราะเธอเป็นคนที่จะต้องอยู่ ส่วนฉันไม่มีเวลามาอยู่หรอก” ผมพูดก่อนที่จะรินไวน์ใส่แก้ว
“พอได้แล้ว...” เธอคว้าแก้วไวน์ไปถือเอาไว้
“ทำไม...” ผมทรุดตัวนั่งลงที่โซฟา
“พรุ่งนี้นายมีงานแต่เช้า ดื่มมากเดี๋ยวตื่นไม่ไหว” พูดจบเธอก็ใช้มืออีกข้างคว้าขวดไวน์เดินเข้าไปในห้องครัว
“รู้ได้ไงว่าฉันมีงานเช้า” ผมหันไปมองที่เธอ
“พี่มินจุนบอกว่านายมาพบแม่... ท่านว่าอย่างไรบ้าง” คำถามของเธอทำให้ผมต้องถอนหายใจเพราะเมื่อไหร่ที่ผมคิดถึงผู้หญิงคนนั้นมัน ทำให้ผมรู้สึกแย่
“ใช่... ท่านบอกให้ฉันพาเธอไปพบท่าน ถ้าว่างฉันจะพาเธอไป” ผมพูดก่อนจะเปลี่ยนจากนั่งเป็นนอนแทน “ในตู้เย็นมีแอปเปิ้ลไหม” เวลาแบบนี้แอปเปิ้ลคงจะช่วยผมได้
“ไม่มีเลย... เครียดสินะ บางทีการนวดที่ขมับเบาๆ อาจจะช่วยได้” เธอพูด ผมจึงลองใช้มือนวดที่ขมับของตัวเองดู
“เจ็บ...” ผมพูด ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นเลยนอกจากความเจ็บ
“นายนวดไม่ถูกวิธี” พูดจบเธอก็สะกิดให้ผมลุกขึ้นก่อนที่เธอจะนั่งลง แล้วเอาหมอนพิงมาวางไว้ที่ตักของเธอ “นอนลงสิ เดี๋ยวฉันทำให้ หลับตา...” ผมหันไปมองหน้าเธอก่อนที่จะนอนลง เธอค่อยๆ ใช้นิ้วนวดที่ขมับของผมเบาๆ ก่อนที่จะแรงขึ้นนิดหน่อย เฮ้อ... น่าแปลกผมรู้สึกเบาสบายจริงๆ
“สบายดีจัง” ผมพูดตามความรู้สึก
“แม่ของนายรักนายนะ เพียงแค่ท่านไม่มีเวลาให้นายเท่านั้น อย่าโกรธท่านเลย ตัวนายเองก็ไม่ได้จะว่างอะไรมากมาย และเพียงแค่นายเปิดใจ นายก็จะไม่เครียดแบบนี้” คำพูดของเธอมันกระแทรกความรู้สึกของผมเข้าอย่างจัง แต่จะให้ผมยอมรับน่ะเหรอ... ฝันไปเถอะ
“พูดมากน่า...” ผมพูดออกไปเบาๆ
“ก็ได้... นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของนายฉันจะไม่ยุ่ง ฉันคิดมาหลายรอบแล้ว คุยกับพ่อ แม่แล้ว ท่านไม่ยอมเชื่อว่าเราไม่มีอะไรกัน ยังไงท่านก็จะให้แต่งงาน ฉันคุยกับพี่ฮันนี่แล้วเราควรแต่งงานกันไปก่อน เพื่อให้พ่อและแม่ของฉันสบายใจ ฉันก็อยู่ของฉันไป นายก็ทำงานของนายไป เรื่องหลายเรื่องที่เราต้องทำความเข้าใจกันก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่อง ของอนาคต” เธอหยุดพูดอยู่แค่นั้น
“ตกลงเธอจะแต่งงานกันฉันใช่ไหม”
“ใช่...” เธอพูดแล้วก็หัวเราะเบาๆ “ตลกดีนะ เหมือนนายกำลังขอฉันแต่งงานเลย”
“อย่างนั้นเหรอ... มันก็จริง” พูดจบผมก็ลุกขึ้นนั่ง “ขอบใจมากนะที่นวดให้ ฉันง่วงแล้ว ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านก่อนที่จะกลับไปนอนที่บ้านของพี่มินจุน” ผมพูด เธอพยักหน้ารับ น่าแปลกที่ความเครียดของผมคลายลงไป เป็นเพราะอะไรกัน เพราะการนวดของเธอ หรือเป็นเพราะการพูดคุยกับเธอ ผมไม่เข้าใจ
ความคิดเห็น