คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4
เช้าแล้วเหรอเนี้ย... ไม่อยากลุกจากที่นอนเลย เมื่อวานเหนื่อยเป็นบ้าเลย เสียงนาฬิกาปลุกช่างน่ารำคาญ ฉันกดปิดแล้วก็ลุกขึ้นนั่ง เมื่อคืนฉันหลับไปตอนไหนนะ จำได้ว่านั่งกินอาหารกับพี่จุนโฮ... แล้วก็ ตายแล้ว!!! ฉันก็หลับไปเลย พี่จุนโฮแบกฉันขึ้นมาที่ห้องนอนด้วยเหรอ ต้องโกรธฉันอีกแน่ๆ เลยทำไงดี ไหนพี่ฮยอนอูเคยฉันบอกว่าพี่จุนโฮใจดีที่สุดไง ไม่เห็นจะจริงเลย แต่... ก็น่าจะดีกว่าพี่ชายของฉัน อิอิ
สวัสดีค่ะ ฉันชื่อปาร์ค ฮานึล ฉันเติบโตมาด้วยการดูแลอย่าประคบประหงมของคุณพ่อคุณแม่ที่รักฉันมาก ท่านตามใจฉันทุกอย่างไม่ว่าฉันจะอยากได้อะไร และภายใต้สังคมแบบชาวตะวันตก ทำให้ฉันไม่ค่อยจะซีเรียสกับอะไรทั้งนั้น สาเหตุที่ฉันกลับมาเกาหลีเป็นเพราะว่าฉันอยากกลับมาหาพี่ชาย... พี่ชายจริงๆของฉัน ใช่แล้วล่ะคะ พี่ปาร์ค ฮยอนอูเป็นพี่ชายแท้ๆ ของฉัน ฉันเพิ่งแอบรู้เรื่องเมื่อไม่นานมานี้เอง คุณพ่อคุณแม่คุยกันถึงเรื่องของฉัน ท่านทั้งสองขอฉันจากพ่อแม่ที่แท้จริงของฉันมาเลี้ยง คุณแม่ของฉันรวยมากค่ะ แต่คุณพ่อฐานะปานกลาง ว่าด้วยคุณแม่มีลูกไม่ได้จึงขอฉันมาเลี้ยง ถึงว่าสิฉันไม่เห็นหน้าตาเหมือนใครเลย แต่แอบคล้ายๆคุณพ่อเล็กน้อยเพราะคุณพ่อก็คืออาแท้ๆ ของฉัน ฉันยังมีสายเลือดด้วยกันคุณพ่อ คุณแม่ไม่อยากให้ฉันรู้เรื่องนี้ และฉันก็แน่ใจว่าพี่ฮยอนอูก็คงจะไม่รู้เรื่องนี้เหมือนกัน ฉันจะเก็บมันไว้เป็นความลับตลอดไปค่ะ เพราะมันดีกับทุกๆฝ่าย คุณแม่จะพาฉันกลับมาที่เกาหลีปีละสองหน ทำให้ฉันเจอพี่ชายบ่อยๆ ฉันกับพี่ชายเลยสนิทกันมาก
ดังนั้น... นิสัยของฉันเลยเป็นคนที่สบายๆ ร่าเริงได้เสมอค่ะไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรก็ตาม วันที่ฉันเดินทางมาถึงเกาหลี พี่ฮยอนอูบอกว่าให้แกล้งโทรเข้าไป แต่พี่ฮยอนอูจะตะคอกฉัน ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องทำแบบนั้น สักพักพี่ฮยอนอูก็โทรมาบอกฉันว่าจะมีผู้ชายคนนึ่งมารับ ครั้งแรกที่ฉันเจอหน้า ฉันดีใจแทบขาดใจ พี่จุนโฮเพื่อนของพี่ชาย เจ้าชายของฉัน... พี่ฮยอนอูมักจะพูดถึงเพื่อนร่วมวงของเขาให้ฟังบ่อยๆ ฉันติดตามพวกเข้าตั้งแต่เริ่มเดบิวต์ ก็พี่ชายของฉันอยู่วงนี้นี่นาไม่ให้ฉันติดตามได้อย่างไร ตอนอยู่อเมริกาเพื่อนหนุ่มทั้งชาวเอเชีย และยุโรป ต่างก็พากันแจกขนมจีบให้ฉัน อาจจะมีบ้างที่สนิทสนม แต่มันไม่ทำให้ฉันหวั่นไหวได้เลย เพราะในสายตาของฉัน ฉันมองเห็นเพียงพี่จุนโฮเท่านั้น พี่ฮยอนอูบอกว่าพี่จุนโฮเป็นผู้ชายที่อบอุ่น แต่... พี่จุนโฮได้ประกาศเอาไว้ว่าจะไม่แต่งงาน อันนี้ทำให้ฉันแอบเศร้า และแอบคิดว่าเขาเป็นชายที่ชอบชายด้วยกันหรือเปล่า แต่สองวันที่ผ่านมาทำให้ฉันเข้าใจแล้ว เขาเป็นผู้ชายแท้ๆ และแอบชอบภรรยาของเพื่อนเขาอยู่อีกด้วย ฉันไม่ยอมหรอก พี่จุนโฮเป็นเจ้าชายของฉัน เขาต้องเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น!!!
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” ฉันเอ่ยทักทายทุกคนที่โต๊ะอาหาร “ขอโทษนะคะที่ลงมาสาย” ฉันพูดก่อนที่จะเดินเก้อๆ ไปนั่งข้างๆพี่ชาย
“หลับสบายเลยสิ” พี่ฮยอนอูพูด ฉันแอบมองไปที่เจ้าชายของฉัน เขากินอาหารเช้าอย่างเงียบสงบ ว้าว... ดูดีจัง อุ๊ย!!! เขาหันมาสบตาฉันแล้ว ‘มองอะไร’ เขาขยับปากพูดแต่ไม่ออกเสียง ฉันแก้เก้อโดยกันหันไปมองหน้าพี่ชาย เขายิ้มให้ฉัน
“สบายค่ะ” ฉันตอบคำถามพี่ชาย
“นอนขี้เซาแบบนี้ใครพาไปไหนก็ไปหมดสิเนี้ย” พี่ฮยอนอูพูดแล้วขยี้ผมฉันเบาๆ
“เมื่อคืน...” ฉันพูดและแอบเหล่มองคนที่นั่งตรงกันข้าม
“พี่แบกเธอขึ้นห้องเองแหละ หนักจริงๆเลย” พี่ฮยอนอูพูด คำพูดของพี่ฮยอนอูทำให้ฉันแอบโล่งใจ
“แล้วจีวอนกับมินแจล่ะครับ” เอาอีกแล้ว เจ้าชายของฉันถามถึงพี่จีวอนอีกแล้ว ทุกเช้าเลย ไม่เห็นหน้าแล้วใจจะขาดหรือไงกัน
“วันนี้ยังไม่ลงมากันเลย วันนี้มินแจไม่มีงาน” พี่มินจุนพูด
“จีวอนไม่ลงมาทำอาหารให้สามีของเธอเหรอ” เจ้าชายของฉันยังคงถามต่อ
“พี่จุนโฮรีบๆกินเถอะค่ะ เราต้องซ้อมกันต่อ” ฉันทนไม่ไหวที่จะฟังเขาพูด เมื่อเห็นเขาเอาแต่ถามถึงผู้หญิงคนอื่น
“พี่ต้องไปธุระข้างนอกก่อนเข้าบริษัทฯ” พี่ฮยอนอูพูดหลังจากที่เรากินอาหารเช้ากันเรียบร้อยแล้ว
“งั้น...” ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดอะไร
“ไปกับพี่ก็แล้วกัน” พี่จีฮุนพูดแทรกขึ้นมา ฉันแอบมองพี่จุนโฮ เขาเดินหิ้วหมวกกันน๊อกเดินออกไปแล้ว
“ฝากด้วยนะ” พี่ฮยอนอูพูดก่อนที่จะเดินไปที่โรงจอดรถ
“เราไปกันเถอะ” พี่จีฮุนพูดก่อนที่จะจูงมือฉันเดินออกไปที่โรงจอดรถ พี่จุนโฮกำลังจะออกรถพอดี เขาหันมามองที่เรา ก่อนออกรถไป เท่ห์จัง... พอคิดว่ามีผู้หญิงคนอื่นมาซ้อนท้ายเขา มันทำให้ฉันสติจะแตกขึ้นมาให้ได้ ไม่ๆ ไม่คิดๆ เดี๋ยวเป็นบ้าเอา
“โอเคจ้า... พักได้” คุณครูสอนเต้นพูดขึ้นเมื่อเวลาใกล้เที่ยงวันแล้ว “ฮานึล... หนูทำได้สุดยอดมาก” เธอพูดชมฉันก่อนที่จะเดินออกไป เธอบอกฉันก่อนหน้าว่าช่วงบ่ายเธอมีนัดเดท
“เราไปกินข้าวที่ไหนกันดีคะ” ฉันหันไปมองคู่ซ้อม
“พี่เอามอร์เตอร์ไซด์มาไม่สะดวกพาใครไปด้วย” เขาพูดก่อนที่จะเดินออกจากห้องซ้อมไป ฉันรีบเดินตามออกไป
“ถ้าอย่างนั้นฝากพี่ซื้อได้ไหม” ฉันพยายามทำหน้าให้หน้าสงสารที่สุด หึๆ
“เฮ้อออออออออ เธอนี่มัน...” พูดจบเขาก็ฉุดข้อมือฉันเดินออกไปที่ลานจอดรถ “เอานี่ไป” เขาส่งหมวกกันน๊อกมาให้ฉัน
“พี่ใส่เถอะค่ะ” ฉันพูดและไม่รับหมวกฯมา เขาจัดการสวมให้ฉันพร้อมกับติดที่รัดคางให้ ส่วนตัวเขาก็หยิบแว่นตาใต้เบาะรถมาสวม
“เร็วเข้า” เขาหันมามองหน้าฉัน ฉันยิ้มและรีบโดดขึ้นรถไป สักพักเขาก็จอดรถลงที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง เขาเดินเข้าหลังร้านไป พอพนักงานเห็นก็รีบโค้งให้
“ไม่ทราบว่าคุณจุนโฮจะมา” คนที่ดูท่าทางจะเป็นผู้จัดการร้านพูดขึ้น
“เตรียมอาหารสำหรับสองคนให้ผมที่ห้องด้วยนะครับ” พูดจบเขาก็เดินนำฉันขึ้นชั้นสอง ดูเหมือนว่าจะเป็นห้องส่วนตัวมากกว่าห้องอาหาร เพราะมีโต๊ะทำงานตัวใหญ่วางไว้ ถัดมาก็เป็นโซฟารับแขกตั้งอยู่
“ร้านของพี่จุนโฮเหรอคะ” ฉันเอ่ยปากถามเมื่อหันไปมองรูปที่แขวนอยู่ผนังห้อง “คุณพ่อกับคุณแม่ของพี่จุนโฮใช่ไหมคะ”
“อืม...” เขาตอบสั้นๆ แล้วเข้ามานอนที่โซฟาข้างๆฉัน ฉันไม่ถามถึงพี่ฮันนี่เพราะพี่ฮยอนอูเคยเล่าเรื่องราวของครอบครัวนี้คราวๆให้ฉันฟังแล้ว
“อาหารมาแล้วครับ” เสียงพนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งพูดขึ้น เขาจัดการวางอาหารไว้บนโต๊ะ
“ทานไปก่อนได้เลยนะ พี่ยังไม่หิว” เขาพูดขณะที่ยังหลับตาอยู่ อาหารที่นำมาเสิร์ฟเป็นอาหารชุดของใครของมัน
“ช่วงบ่ายพี่ไม่ต้องซ้อมก็ได้นะคะถ้าพี่เหนื่อย คุณครูไม่มาค่ะ” ฉันพูด แล้วจัดการอาหารในส่วนของฉัน
“ขับรถยนต์เป็นไหม” เขาเอ่ยปากถามขณะที่ฉันกำลังกินอาหาร
“เป็นค่ะ”
“เดี๋ยวขับรถของพี่ที่จอดทิ้งไว้ที่นี่กลับไปคนเดียวได้ไหม พี่ว่าจะหลับที่นี่สักพัก” พูดจบเขาก็เดินไปหยิบกุญแจรถที่อยู่ในโต๊ะทำงาน แล้วมายื่นให้ฉัน
“ไม่เป็นไรค่ะ...” ฉันไม่รับกุญแจไว้
“รับไปสิ...” เขาพูด
“ฉันกลับเองได้ค่ะ” พูดจบฉันก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากร้านมา อะไรกัน!!! เหนื่อยขนาดนั้นเลยเหรอ ฉันแค่พูดประชดเท่านั้นเอง พาฉันมาด้วยก็ต้องพาฉันกลับสิ เจ้าชายบ้า!!! ด้วยความโกรธทำให้ฉันเดินไปอย่างไม่รู้ทิศทาง... แล้วตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหนกันนะ โทรศัพท์มือถือของฉันก็อยู่ที่ห้องซ้อมเต้น เงินก็ไม่มี แล้วฉันจะกลับบ้านยังไงกันนะ ฉันเดินไปเดินมา เหมือนมันจะวนอยู่ที่เดิม ใครก็ได้ช่วยฉันที ฉันเดินไปกี่ชั่วโมงแล้วเนี้ย เหมือนว่าฉันกำลังจะหมดแรง...
“ฮานึล!!!” เสียงของใครบอกคนเรียกฉันเอาไว้ ก่อนที่ฉันจะล้มลงไปกองกับพื้น
สบายจัง... เอ๊ะ!!! หรือตอนนี้ฉันตายไปแล้ว ฉันต้องตายไปแล้วแน่ๆเลย ใครมาเก็บศพฉันไปนะ ฉันได้ยินเสียงคนเรียกฉัน
“ดูเหมือนว่าเธอจะฟื้นแล้วนะ” เสียงใสๆ ของใครบางคนพูดขึ้น
“จริงเหรอครับพี่...” เอ๊ะ... ที่แน่ๆเสียงนี้คือเสียงเจ้าชายของฉัน
“ให้ตายสิ... พี่อกจะแตกตาย ทำไมๆๆ เธอทำแบบนี้กับผู้หญิงตัวเล็กๆ ได้ลงคอนะจุนโฮ” ชัดเจนแล้ว เสียงของพี่ฮันนี่กับ... เสียงเจ้าชายของฉัน
“ผมไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้นะครับ”
“น่าตีจริงๆ เลยเจ้าน้องชายคนนี้” ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้น “ฮานึล... ตื่นแล้วใช่ไหมจ๊ะ เดี๋ยวพี่ไปหาอะไรให้กินนะ” เสียงใสๆ ของพี่ฮันนี่พูดจบก็เดินออกไป
“เป็นไงบ้าง...” เสียงนุ่มๆ ของใครบางคนพูด
“ฉันยังไม่ตายใช่ไหมคะ” ฉันเอ่ยปากถามเผื่อบางทีผู้ชายคนนี้อาจจะเป็นยมทูตก็ได้
“จะตายได้ยังไงล่ะ” เขาพูด
“ดีใจจังที่ฉันยังไม่ตาย ไม่อย่างนั้นคุณพ่อกับคุณแม่ของฉันคงจะเสียใจมากแน่ๆเลย” ฉันพูด
“เธอทำเอาพี่แทบตายรู้ไหม... หาเธอให้วุ่นวายไปหมด โทรศัพท์ก็ไม่ได้เอามาด้วย จะติดต่อใครก็ไม่ได้ ผู้คนต่างก็มอง พี่โดนแฟนคลับรุมทึ้งไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ” เขาพูดออกแนวบ่นๆ
“ก็พี่อยากใจร้ายกับฉันก่อนทำไมล่ะ” ฉันเริ่มมีแรงเถียงกับเขาแล้ว
“ใจร้ายตรงไหนล่ะ ใครเป็นคนพูดว่าให้พี่นอนก่อนก็ได้” คำพูดของเขาทำให้ฉันขำออกมาเบาๆ “หัวเราะอะไร”
“หัวเราะพี่ไง... พี่น่ารัก” ใช่แล้ว เขาน่ารักมาก เขาแยกไม่ออกว่าฉันประชดหรือพูดจริงกันแน่
“น่ารัก!!! ตรงไหนที่น่ารัก”
“ช่างเถอะค่ะ เป็นอันว่าฉันขอโทษพี่ก็แล้วกัน”
“พี่เองก็... ขอโทษเธอเหมือนกัน” พูดจบเขาก็เดินออกจากห้องนอนของฉันไป
“อันนี้อร่อย” ฉันพูดระหว่างที่ฉันกำลังนั่งกินคุกกี้และเค้กหลากชนิดที่พี่ฮันนี่กำลังทดลองทำอยู่ พอฉันพูดว่าอะไรอร่อยพี่จุนโฮก็อ้าปากรออย่างอัตโนมัติ เพราะรู้ชะตากรรมดีว่าฉันต้องส่งเข้าปากเขาด้วย
“อืม... อันนี้อร่อย” แล้วพี่จุนโฮก็จะพูดหลังจากที่กลืนมันลงไปแล้ว
“ว้าว... อันนี้ก็อร่อย” ฉันพูดและทำเหมือนเดิม คนนั่งข้างๆ ฉันก็ทำตามเดิม
“แล้วมีอันไหนไม่อร่อยบ้างเนี้ย” พี่ฮันนี่หันมาคุยกับเรา
“ไม่มีเลยค่ะ อร่อยทุกอย่างเลย” ฉันพูด
“ชิมครบแล้ว... ไปซ้อมได้รึยัง” พี่จุนโฮพูด
“พร้อมค่ะ” ฉันพูดแล้วก็หยิบโน้นหยิบนี้เข้าปาก
“เธอเป็นผู้หญิงที่ทานอะไรได้น่ากลัวจริงๆ” คนข้างๆ ของฉันพูด ก่อนที่จะหยิบคุกกี้ใส่ปากให้ฉันราวกับว่าเขาเล่นเกมส์อยู่อย่างนั้นแหละ
“พี่ก็กินด้วย” ฉันพูดแล้วก็หยิกเค้กเข้าปากเข้าไปเหมือนกัน
“ฮานึล...” เสียงทุ้มๆของใครบางคนเรียกให้เราสามคนหันไปมอง
“พี่จีฮุน...” ฉันอ้าปากเรียกพี่จีฮุนคนข้างๆ ก็เอาเค้กชิ้นโตยัดเข้าปากฉัน “แค่กๆๆ” ทำให้ฉันสำลัก ส่วนตัวการก็หัวเราะชอบใจ
“พี่ไปรอที่ห้องซ้อมนะ” พูดจบเขาก็เดินไป
“เป็นอะไรหรือเปล่า” พี่จีฮุนรีบเดินเข้ามาหาฉัน
“จุนโฮนี้น่าตีจริงๆเลย เห็นนั่งป้อนขนมกันไปกันมา เผลอแป๊บเดียวแกล้งน้องเสียแล้ว” พี่ฮันนี่พูดตำหนิน้องชายอย่างไม่จริงจังนัก
“มะ เมื่อกี้พี่พูดว่าไงนะ” พี่จีฮุนพูดติดๆ ขัดๆ
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะจีฮุน” พี่ฮันนี่พูด ทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง พี่จีฮุนทำหน้าเสียๆ บอกไม่ถูก
“ผมไม่คิดว่า... คนอย่างคิม จุนโฮจะมาเจ๊าะแจ๊ะกับผู้หญิงแบบนี้ ผมขอตัวก่อนนะครับ” พูดจบพี่จีฮุนก็เดินออกจากห้องครัวไป
“อะไรของเขาเนี้ย” พี่ฮันนี่พูด นั่นสิ... ใบหน้าที่เคยเปื้อนยิ้มเสมอของพี่จีฮุน เปลี่ยนเป็นสีหน้าที่นิ่งเฉยแบบนั้น ดูไม่ดีเลย
“ไม่ได้คิดอะไร” พอฉันผลักประตูห้องซ้อมไปก็ได้ยินเสียงของพี่จุนโฮพูดขึ้น ฉันเลยยื่นแอบฟังอยู่ที่ประตูน่าจะดีกว่า
“แล้วทำไมต้องป้อนขนมกันด้วย” ทีนี้เป็นเสียงของพี่จีฮุนที่หันหน้ามาทางฉันแต่เขายังไม่เห็นฉันยืนอยู่ตรงนี้
“ก็ถ้าฉันไม่อ้าปากรับขนมจากฮานึล เธอก็ยัดเข้าปากฉันน่ะสิ เมื่อคืนนายก็เห็น”
“อ่อ... ไม่คิดอะไรก็ดีแล้ว เพราะนาย... รักใครไม่ได้นอกจากคนที่แม่นายหาให้” พี่จีฮุนพูดยิ้มๆ
“ก็คงจะต้องเป็นอย่างนั้น” คำพูดของพี่จุนโฮทำให้ฉันปวดหัวใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ฉันรีบเดินออกมาจากตรงนั้นก่อนที่พี่จีฮุนจะหันมาเจอฉัน ฉันเดินออกมานั่งอยู่ที่ขอบสระน้ำ
“ว่าไงสาวน้อยของพี่” เสียงพี่ฮยอนอูดังขึ้น ฉันรีบหันไปมอง
“พี่ชาย...” ฉันโผล่เข้าไปกอดพี่ฮยอนอู
“เป็นอะไรไป” พี่ฮยอนอูกอดฉันตอบ แล้วลูบผมของฉันเบาๆ
“เจ้าชายของฉัน... จะไม่มีวันรักฉันได้เลยเหรอ”
“ตอบยากจัง... เธอพยายามเต็มที่แล้วเหรอ”
“พยายามอยู่... แต่... ฉันกลัวเขาจะไปแต่งงานเสียก่อน”
“ยังหรอก... แต่อีกสองปีข้างหน้าก็ไม่แน่นะ”
“ฉันมีเวลาอีกแค่สองปีเองเหรอ...”
“ตั้งสองปีต่างหากล่ะ... พี่จะคอยดูเธออยู่ตรงนี้นะ เรื่องแบบนี้ต้องจัดการกันเอง อย่าเพิ่งท้อสิ น้องสาวคนเก่งของพี่ไปไหนเสียล่ะ”
“อยู่นี่คะ” ฉันพูด แล้วสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด
“หนีมาอ้อนพี่ชายอยู่นี่เอง พี่รอเธอไปซ้อมเต้นอยู่นานจนจะหลับอยู่แล้วนะ” อยู่ๆ เสียงเจ้าชายของฉันก็ดังขึ้น
“จุนโฮ... ขอบใจนายมากนะวันนี้” พี่ฮยอนอูหันไปคุยกับพี่จุนโฮ
“นายรู้ได้ไง”
“พี่ฮันนี่โทรไปบอก มีแค่เราสี่คนที่รู้”
“อ่อ... อย่างนั้นเองเหรอ” พูดจบเขาก็หันมาคว้าข้อมือฉัน “ไปกันได้แล้ว อู้มาตั้งครึ่งวันแล้วนะ” พูดจบเขาก็พาฉันเดินไปที่ห้องซ้อม ก่อนที่จะพากันตั้งหน้าตั้งตาซ้อมกันอย่างหนัก
ความคิดเห็น