คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 9
ปากบางขยับยกขึ้นยิ้ม เมื่อมองใบหน้าที่กำลังหลับไหลอยู่ในอ้อมกอดของเขา ใบหน้าหวานหลับตาพริม ปากหยิกที่เหมือนกำลังยิ้มอยู่นั้น ทำให้น่าจูบยิ่งนัก ร่างสูงมองอยู่อย่างนั้นก่อนที่จะยกมือขึ้นแตะปากหยักสัมผัสมันอย่างแผ่วเบา
“มินฮยอน... อย่าไป” อยู่ๆ หน้าหวานก็นิ่วไป แล้วก็ละเมอออกมา รอยยิ้มนั้นหายไป
“อืม... ไม่ไป” มินฮยอนพูดกับร่างบางที่กำลังหลับไหลอยู่เบาๆ ก่อนที่จะกระชับอ้อมกอด คนร่างบางในอ้อมกอดเมื่อโดนกระชับก็กอดตอบทันที
“อย่าทิ้งฉัน อย่าทิ้ง” ร่างบางพูดอู้อี้อยู่ในอ้อมกอดร่างสูง
“บอกว่าไม่ทิ้งไง มินกิงี่เง่า” มินฮยอนพูดแล้วยิ้มให้กับความงี่เง่าของคนในอ้อมกอด
ติ้งต่อง~~~ ติ้งต่อง~~~ เสียงกดกริ่งหน้าบ้านของมินฮยอนดังเบาๆ ให้เจ้าของห้องได้ยิน มินฮยอนจิ๊ปากอย่างเสียอารมณ์ ใครวะ? ดึกป่านนี้แล้ว อาหารก็ไม่ได้สั่ง เจ้าของห้องเดินออกไปดูหน้าจอ
“ใครครับ” มินฮยอนกรอกเสียงไปยังเครื่อง ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นใคร แต่ก็ถามไปอย่างนั้นเอง
“ผมอารอนครับ มินกิอยู่ในนั้นมั้ย” อารอนกรอกเสียงกลับ
“อยู่ครับ แต่หลับไปแล้ว”
“ปลุกให้ทีสิครับผมกำลังมีปัญหา” สิ้นเสียงอารอนมินฮยอนก็เปิดประตูออกไป
“ผมน่าจะช่วยคุณได้ดีกว่ามินกิ ไอ้นั่นมันทำอะไรไม่เป็นหรอก” พูดจบมินฮยอนปิดประตูห้องตัวเองแล้วเดินเข้าห้องของเร็นไป โดยมีอารอนยิ้มตามด้วยมุมปาก
“ดีจัง ไม่ต้องถามมินกิถามเจ้าตัวเลยก็แล้วกัน” อารอนเดินตามเข้าห้องมาก็ปิดประตูแล้วล็อกห้องเรียบร้อยพูด มินฮยอนรู้ถึงเสียงล็อกห้องเลยนั่งลงที่โซฟาตัวใหญ่ที่ห้องโถง
“ว่ามาเลยครับ” มินฮยอนพูด นั่งไขว่ห้างกอดอกรอฟังคนที่เขาไม่รู้จักพูด
“จะเริ่มยังดีนะ” อารอนพูดแล้วก็ยิ้ม ก่อนที่จะนั่งลงตรงกันข้ามกับมินฮยอน ใบหน้ายิ้มๆที่ฉาบเอาไว้เท่านั้น
“ถ้าไม่พูดผมจะไปแล้วนะ” มินฮยอนพูดเมื่ออารอนนั่งนิ่ง ไม่ยอมพูด
“แหม... ใจร้อนกว่าที่ผมคิดเอาไว้มากนะครับ คุณมินฮยอน”
“ครับ... ผมเป็นคนที่ไม่ชอบรออะไรนานๆ มันทำให้ผมหงุดหงิด”
“ว้าว... น่าตื่นเต้นจัง” อารอนพูดแล้วยิ้ม กวนอารมณ์มินฮยอนยิ่งนัก แน่นอนสิ่งเดียวที่มินฮยอนพอจะเดาออก คือคนคนนี้ไม่ใช่มิตรของเขาแน่ๆ
“คุณคงจะชอบความตื่นเต้นสินะครับ... ก็ดีเหมือนกัน เพราะผมก็ชอบให้คนรอบข้างของผมตื่นเต้นเสมอ” มินฮยอนพูดแล้วยกมุมปากขึ้นยิ้ม สายตาเย็นเฉียบไปที่อารอน อารอนที่โดนมองด้วยสายตาที่ใครๆ ต้องหนาวเมื่อโดนมอง แต่อารอนกลับยิ้มรับอย่างท้าทาย
“ดีจัง... ผมชอบทั้งสองอย่าง ชอบทั้งทำและโดนกระทำ” คำพูดและสีหน้าของอารอนทำให้อารมณ์ของมินฮยอนพุ่งปรี๊ด แทบฉุดเอาไว้ไม่อยู่
“งั้นเหรอครับ”
“จะพูดว่าไงดีล่ะ จะว่าผมต่อให้คุณมันก็แปลกๆ คุณที่ดูแลมินกิมาตั้งแต่เล็กเติบโตมาด้วยกัน คงมีความผูกพันธ์กันมาก แต่... ผมที่อยู่กับมินกิและดูแลมินกิมา 6 ปี ผมรู้สึกเสียเปรียบมากเมื่อมินกิจากผมมาอีก 3 ปีแล้ว”
“ต้องการจะสื่อถึงอะไรล่ะครับคุณควัก”
“สรุปง่ายๆ มันก็ไม่ตื่นเต้นสิครับคุณฮวัง” คำพูดของอารอนมันทำให้คนใจร้อนอย่างมินฮยอนแทบประทุอารมณ์ออกมา ถ้าต้องต่อสู้ทางร่ายกาย ยังไงๆ มินฮยอนก็ชนะขาดอยู่แล้ว แต่มินฮยอนเดาออกว่ากับคนคนนี้ต้องใช้สมองเท่านั้น
“ดีครับ... ค่อยเป็นค่อยไปก็ดี ว่าแต่... ตอนนี้ผมขอตัวก่อนนะครับ มินกินอนรอผมอยู่” มินฮยอนพูดแล้วยิ้มเย็น ก่อนที่จะลุกขึ้นยืน
“ผมจะเอามินกิคืน หรือจะใช้คำว่าแย่งมินกิมา ผมไม่รู้จะใช้คำไหนดี แต่... มินกิต้องเป็นของผม ด้วยวิธีของผม นี่แหละคือสิ่งที่ผมจะพูด” คำพูดของอารอนทำให้มินฮยอนชะงักฝีเท้าที่กำลังจะก้าวออกจากประตูห้องอยู่แล้ว
“อาจจะต้องใช้คำว่าแย่งนะครับคุณควัก เพราะมินกิเกิดมาก็เป็นของของผมแล้ว ผมต่อให้คุณ 6 ปี แต่คุณก็ทำไม่สำเร็จมากกว่า นี่คือคำที่ถูกต้อง” พูดจบ มินฮยอนก็หันไปมองหน้าอารอน “ไม่มีใครหน้าไหน เอาของของผมไปได้หรอกครับ”
“ว้าว... มั่นใจขนาดนี้ คงเจ็บใจน่าดูเมื่อโดนแย่ง... ของ” อารอนเน้นคำว่าของ “แต่มินกิเป็นคนนะครับ มีหัวใจ สิ่งที่ผมจะแย่งมาคือหัวใจมินกิ” อารอนพูดจบก็ยิ้มให้มินฮยอนอย่างเป็นมิตร มินฮยอนอารมณ์พุ่งสูงแต่ไม่แสดงอาการออกมา ทำเพียงส่งยิ้มเย็นกลับไปให้อารอนก่อนที่จะเดินกลับเข้าห้องตัวเองมา
“หึ หึ หึ ทำไมสนุกอย่างนี้นะ นี่ขนาดไม่ใช่เรื่องตัวเองจริงๆเลยนะเนี้ย” อารอนหัวเราะออกจากในลำคอ มองตามหลังมินฮยอนด้วยความพอใจ
“มินฮยอน... มินฮยอนไปไหนแล้ว” เสียงเร็นดังอยู่ในห้องนอนของมินฮยอน ร่างสูงที่อารอนพุ่งปรี๊ด เดินฉับๆ เข้าห้องนอนไป
“เลือกมาระหว่างกูกับไอ้หัวเหลืองนั้นมึงเลือกใคร ตอบกูมา!!!”
“มินฮยอน... เกิดอะไรขึ้น” เร็นนั่งตัวแข็งอยู่บนเตียงนอน
“ตอบกูมาตอบมา!!!” มินฮยอนตะคอกเสียงดังลั่น
“ไม่... ทำไมต้องเลือก ทำไม” เร็นส่ายหน้าไปมา
“ปัดโธ่โว้ย!!!” มินฮยอนต่อยลงที่กำแพงห้องเสียงดังลั่นด้วยความโกรธ ตอนนี้เขาคงต้องลงแข่งแล้วจริงๆ ไม่เหมือนกับตอนแบคโฮที่ชนะตั้งแต่ไม่ต้องลงสนามเสียด้วยซ้ำ “จำไว้นะชเวมินกิ กูไม่ชอบการแข่งขัน แล้วถ้าจำเป็นต้องแข่ง กูไม่ชอบความพ่ายแพ้”
“ฉันรู้”
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น มึงเป็นของกู จำเอาไว้”
“มินฮยอน... ไปหาคุยกับฮยองมาใช่มั้ย?” มินฮยอนนิ่งไปก่อนที่จะเดินออกจากห้องนอนไปนอนที่โซฟาตัวใหญ่
“ไปไหน? มานี่!” มินฮยอนลุดพรวดไปจับข้อมือเร็นเมื่อเห็นเร็นจะเดินออกจากห้องไป ทำให้เขาเวียนหัวแทบล้มทั้งยืน
“มินฮยอน!!!” เร็นรีบกอดคนตัวสูงเอาไว้ ก่อนที่จะพยุงไปที่โซฟา “ตัวร้อนมากเลย เพราะฮยองสินะ ฮยองทำให้นายโมโหใช่มั้ย ฉันจะไปจัดการกับฮยองเอง”
“อย่าไป...” มินฮยอนฉุดเร็นไว้ด้วยคำพูด เร็นหันมามองมินฮยอน “มันเป็นเรื่องที่กูต้องจัดการเอง อย่ามาปกป้องกู เพราะหน้าที่นี้เป็นหน้าที่ของกูเอง”
“แต่ไม่มีใครบนโลกนี้ที่จะหยุดฮยองได้ นอกจากฉัน”
“กูนี่แหละ จะเป็นอีกคนที่หยุดไอ้หมอนั่นได้ คอยดู” เร็นถอยหายใจออกมา นั่งลงข้างโซฟาก่อนที่จะซบลงที่อกของมินฮยอน
“ยิ่งนายโมโหมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งทำให้ฮยองสนุก ฮยองไม่ธรรมดา” เมื่อเร็นแนบหูไปที่หัวใจของมินฮยอน มันก็ยิ่งทำให้เร็นได้ยินการเต้นของหัวใจที่รัวเป็นกลองของมินฮยอน
“มันโผล่มาจากนรกขุมไหนกันเนี้ย ไอ้บ้านั่น” มินฮยอนพูดแล้วหายใจเข้าลึกๆ ปล่อยให้เร็นซบอกอยู่อย่างนั้น
“นอนเถอะ ใกล้จะสว่างแล้วด้วย ฉันคงต้องไปเรียน แล้วจะจดเลคเชอร์มาให้ยืมอ่านนะ” เร็นดึงผ้าห่มขึ้นห่มให้มินฮยอน
“กูป่วยขนาดนี้ยังจะไปหาไอ้แบคโฮให้ได้ใช่มั้ย” ร่างสูงที่มีอาการไข้ขึ้นสูง นอนหมดแรงอยู่บนเตียงนอน ไม่ยอมหลับยอมนอน แต่ตั้งกลางดึกที่อารอนมาป่วนเอาไว้แล้ว
“จะบ้าเหรอ ทำไมต้องคิดว่าฉันจะไปหาแบคโฮ”
“ระริกระรี้จะไปเรียนให้ได้แบบนั้นให้เรียกว่าอะไร” แม้ว่าจะป่วย แต่ปากยังคงใช้งานได้ดีเหมือนเดิม
“สรุปคือไม่ให้ไปไหน?”
“อยากไปก็ไปสิ”
“งั้นจะไป ไปหาฮยองที่ห้องก่อน แล้วค่อยไปหาแบคโฮ”
“เออ!!! ไสหัวไปเลย” มินฮยอนพูดจบก็นอนหันหลังให้เร็น
“ไปนะ” พูดจบเร็นก็เปิดประตูห้องนอน
“โอ้ย... ปวดหัวจะระเบิด ทรมานชะมัด” มินฮยอนพูดออกมา เร็นหันมายิ้ม
“เป็นอะไรมากป่ะเนี้ย” เร็นเข้าไปนั่งข้างตัวของคนปากแข็ง
“เฮ้อออออ ปวดหัวอะไรนักหนาวะ” มินฮยอนพูดไปก็กุมหัวตัวเองไป
“ไม่ไปไหนแล้ว จะอยู่นี่แหละ” เร็นพูดแล้วหนุนลงที่แขนของมินฮยอนที่กำลังกอดหมอนข้างอยู่
“ไปสิ... ไปหาไอ้หัวเหลืองนั้น ไหนจะไอ้แบคโฮอีก มึงน่ะมีภาระเยอะจะตาย ทิ้งกูไว้อย่างนี้แหละ คงไม่ตายง่ายๆ” มินฮยอนพูด
“ฉันน่ะ... แข็งแรงมากเลยนะ ป่วยแป๊บเดียวก็หาย แบ่งมาให้ฉันสิ” เร็นพูด แล้วดึงให้มินฮยอนหันมามองหน้า
“แบ่ง... อุ๊บ!!!” มินฮยอนอ้าปากถามก็โดนเร็นประกบปากหยักลงที่ปากบาง ร่างบางสอดลิ้นเข้าไปสำรวจในช่องปากของคนร่างสูง ไม่ลืมที่จะแวะทักทายลิ้นหนาของมินฮยอน คนโดยจูบเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “ปล่อย!!” ร่างสูงผลักร่างบางออก
“มันเป็นวิธีแบ่งอาการป่วยนะ ถ้าทำแบบนี้แล้ว อาการป่อยของมินฮยอนจะเข้ามาอยู่ในตัวของมินกิแทน” เร็นพูดหน้าตาจริงจัง
“มึงโง่หรืออะไรเนี้ย กูเริ่มงง” มินฮยอนทำหน้าตาสับสน
“จริงนะ ตอนอยู่อเมริกาน่ะ เวลาฉันป่วยฮยองก็จะทำแบบนี้ แล้วอาการป่วยของฉันก็จะไปอยู่กับฮยองแทน” เร็นพูดหน้าตาเฉย
“ไอ้เชี่ยนั่น!!!” มินฮยอนตะคอกเสียงดัง ก่อนที่จะมองหน้าของเร็นด้วยความโกรธ “มึงน่ะโง่!!! ไอ้โง่!!! มึงปล่อยให้มันจูบมากี่ครั้งกี่หนแล้ววะ”
“บ้า!!! จูบไม่ได้ทำแบบนี้ ต้องทำแบบปากชนกันน่ะ ไม่ได้เอาลิ้นเข้าไปแบบนี้"
“กูจะบ้าตาย...” มินฮยอนพูดแล้วถอนหายใจออกมาแรงๆ
“ทำไมล่ะมินฮยอน อธิบายมาสิเร็ว” เร็นเขย่าแขนของมินฮยอน
“กูหมดแรงแล้ว” มินฮยอนกอดหมอนข้างอย่างหมดแรงจริงๆ เหมือนเด็กๆที่โดนขัดใจ “เดี๋ยวนะ แล้วจำได้มั้ยที่กูว่าระวังโดนไอ้แบคโฮมันอัดตูดอะ มึงเข้าใจว่าไง” มินฮยอนที่อยู่ๆ ก็คิดได้ขึ้นมาหันมาถามเร็น
“ก็จับก้นไง ไม่ก็ตี หรือ... เตะ ห๊ะ!!! มันกล้ามากนะถ้าทำแบบนั้นน่ะ เตะตูดฉันอะ” เร็นพูดเหมือนเป็นเรื่องใหญ่โต
“โอ้ย... เส้นเลือดในสมองกูจะระเบิด” มินฮยอนหันกลับมานอนกอดหมอนข้างอีกครั้ง
“อ้าว... แล้วคืออะไรล่ะ บอกสิ เผื่อโดนแล้ว ถ้าไม่ใช่ที่ฉันพูดมา”
“เดี๋ยวทำให้ได้รู้แม่งเลย” มินฮยอนพูดแล้วดึงเร็นให้ล้มลงมานอนลงที่ข้างตัวเอง
“แล้วมันดีมั้ยล่ะ หรือไม่ดี” เร็นยังคงถามต่อ
“คงไม่โดนอะ เพราะมันไม่กล้าขนาดนั้นหรอก” มินฮยอนพูดไปก็กอดเร็นไปด้วยความอ่อนใจ ไม่รู้จะทำยังไงกับความโง่ของคนคนนี้แล้วจริงๆ “มึงน่ะ โง่ โง่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” มินฮยอนพูดแล้วจิ้มไปที่หน้าผากคนตรงหน้าที่มองหน้าเขาตาใสแป๋ว
“คำก็โง่สองคำก็โง่ โง่ยังไงไม่เข้าใจ เรียนฉันก็ได้เกรดดีนะ”
“ปัญญาอ่อน”
“เออๆๆๆ ด่าเลย ด่าๆๆๆ” เร็นพูดแล้วขยับตัวหันหลังให้มินฮยอน
“เดี๋ยวนะ แล้วไอ้หัวเหลืองมันได้แบบ... แบบที่กูทำกับมึงมั้ย แก้ผ้ามึงน่ะ”
“บ้าสิ!!! เกิดมาเป็นนอกจากพ่อกับแม่แล้วก็มีนายนั่นแหละ จับฉันแก้ผ้าอะ พ่อแม่แก้ผ้าอาบน้ำให้ตอนเด็กๆแล้ว โตมาก็ทำเอง โตมาน่ะ โตมาๆๆๆ ก็มีแต่นายนั่นแหละ คนบ้า!!” เร็นพูดแล้วหยิบหมอนข้างที่มินฮยอนโยนทิ้งข้างเตียงมากอดด้วยความเขินเมื่อคิดถึงเหตุการณ์วันนั้น
“เหรอ” มินฮยอนพูดก่อนที่จะยิ้มออกมาโดยที่คนร่างบางไม่ทันได้เห็น ตอนนี้ไม่ต้องถามอะไรอีกแล้ว เพราะคำตอบชัดเจนแล้ว “จำไว้นะมินกิ ให้ตายยังไงก็อย่าไปแก้ผ้าให้ใครเห็น อย่าให้ใครทำแบบนั้น”
“นายด้วยใช่มั้ย” คนร่างบางเริ่มกวนอารมณ์
“เว้นกูสิวะ กูเป็นเจ้าของมึงนะ ทำอะไรก็ได้”
“ไม่ยุติธรรมเลย”
“ทำไมวะ จะให้ความยุติธรรมกับใคร?”
“ช่างเถอะ... รู้แล้วล่ะน่า ใครจะไปแก้ผ้าให้คนอื่นดูล่ะ น่าอายจะตายไป”
“ดีมาก อ่อ แล้วอย่าไปบ้ารับเอาอาการป่วยของใครอีกนะ แล้วห้ามให้ไปแบ่งให้ใครด้วย อย่าเด็ดขาด”
“นายด้วยนะ”
“กูได้คนเดียว ทำแบบนั้นได้กับกูคนเดียว” มินฮยอนพูดแล้วหันตัวคนร่างบางให้หันมามองหน้าตัวเอง
“เอาแต่ใจตัวเองที่สุด” เร็นพูดแล้วชี้หน้ามินฮยอน
“เออ... มาก แล้วไง”
“ก็ไม่แล้วไง”
“จำไว้... นอกจากกูแล้วห้าม!!! ให้ใครหน้าไหนสัมผัสตัว”
“ไม่ได้หรอก มันยากเกินไป” เร็นพูดหน้ายุ่ง
“ต้องทำให้ได้”
“ไม่ได้จริงๆนะมินฮยอน ยิ่งเป็นฮยองแล้วล่ะก็ยากมาก”
“งั้นก็ให้โดนตัวน้อยที่สุด ทั้งต่อหน้าและลับหลังกู ถ้ากูรู้กูเห็นล่ะก็น่าดู”
“ก็ได้ๆๆๆ น้อยที่สุด แบบนี้พอ” พูดจบเร็นก็จุ๊บที่แก้มของมินฮยอน เร็นรู้ดีว่าไม่ควรมากที่สุด แต่ก็แค่จะยั่วให้คนเจ้าอารมณ์หงุดหงิดเล่น “จะสัมผัสคนอื่นแบบนี้พอ”
“ไม่ได้โว้ย!!! ไอ้โง่!!! ปากน่ะ ปากมึงห้ามไปโดนใครเป็นอันขาด แล้วห้ามให้ใครเอาปากมาโดนมึงด้วย จำไว้เลย” มินฮยอนพูดแล้วจิ้มไปที่ปากของเร็นแรงๆ
“เจ็บนะ!! ที่ตัวเองทำสารพัดคนอื่นนี่ห้ามไปหมด”
“เออ... เรื่องของกู ห้ามก็แล้วกัน จำไว้”
“นอนๆๆๆ ไม่ไปเรียนแล้ว เดี๋ยวอยู่เป็นเพื่อน” เร็นพูดแล้วใช้มือปิดตาของมินฮยอน คนที่โดนปิดตาใช้แขนยาวดังตัวร่างบางมากอด
“จำไว้นะมินกิ อย่าขัดคำสั่งของฉัน อย่าไปสัมผัสตัวใครถ้าไม่จำเป็น หวงตัวเข้าไว้ ฉันเรียกต้องมาหา ห้ามคือห้าม ให้คือให้ เข้าใจมั้ย”
“อืม... เข้าใจ”
“อย่าดื้อเข้าใจมั้ย”
“เข้าใจๆ” พูดจบร่างสูงก็เริ่มนิ่งไป เร็นเอามือออก ก็พบว่าร่างสูงหมดแรงและหลับไปเรียบร้อยแล้ว เร็นมองไปก็ยิ้มไป “ใครมันจะไปโง่ขนาดนั้นล่ะมินฮยอน จูบน่ะใครมันจะไม่รู้จัก ฮยองก็แค่เคยบอกว่าจูบแบบดีฟมันจะทำให้ติดหวัดเอาง่ายๆ ผู้ชายมีอะไรกันทำยังไงกัน ทำไมฉันถึงจะไม่รู้ล่ะ ฉันโตมาในสังคมอเมริกานะ นายสิ... โง่” เร็นพูดแล้วจูบลงที่จมูกโด่งๆของมินฮยอน ด้วยความรัก ในแบบที่ไม่เคยคิดที่จะให้ใครมาก่อน
ความคิดเห็น