ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักต้องห้ามข้ามเวลามาพบเธอ

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 169
      0
      22 เม.ย. 57

    ความรัก... พรหมลิขิต... ปาฏิหาริย์... คือสิ่งที่ฉันไม่เคยพบเจอ ไม่เคยเรียกร้อง ไม่เคยศรัทธามาตลอดในสิบกว่าปีที่เกิดมาบนโลก

    ทุกอย่างบนโลกล้วนเกิดขึ้นมาด้วยเหตุและผลที่แตกต่างกันไป... ไม่มีพระเจ้ามาคอยลิขิตความเป็นไปของชีวิต...  นั่นคือตรรกะที่ฉันยึดมั่นมาตลอด

    ฉันคงต้องตอบแบบนี้แน่ๆหากวันนั้นฉันไม่ได้มาพบกับเขา... ผู้เปลี่ยนโชคชะตาชีวิตของฉันไปตลอดกาล... ผู้ที่พระเจ้าลิขิตให้เขาเข้ามาในชีวิตที่ไม่เคยรู้จักกับ... ความรัก

     

    ฉันเหม่อมองท้องฟ้าสีครามสดใสในยามเช้า ณ สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง สายลมเอื่อยๆพัดพาเศษใบไม้ตามพื้นปลิวว่อนไปมา ฉันก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือข้างซ้ายของฉันพลางจิบกาแฟเย็นในแก้วที่เพิ่งซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อข้างทาง

    “เฮ้ๆ เธอมาเร็วกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลยนะ นี่ขนาดว่า...”

    “นายมาสาย!! ฉันตัดบทขึ้นมาโดยไม่รอให้เขาแก้ตัว

    “นี่ผมก็มาก่อนเวลานัดครึ่งชั่วโมงแล้วนะ ผิดที่เธอนั่นแหละที่รีบมาเร็วทำไม เรานัดกันไว้ตอนเก้าโมงเช้าไม่ใช่เหรอ?”

    “ฉันเป็นคนตรงต่อเวลา” ฉันเถียงคำบ่นของเขา

    “เธอเป็นคนชอบมาก่อนเวลาต่างหาก ถ้าผมไม่รู้จักเธอดีล่ะก็ผมคงมาตรงเวลาแล้วให้เธอรออีกสักครึ่งชั่วโมงแล้วล่ะ”

    “มันก็เป็นหน้าที่ของนายที่จะต้องมาก่อนเวลาไม่ใช่หรือไง”

    “เฮ้อ... เอาเป็นว่าผมขอโทษละกันที่ทำให้เธอรอนานไปหน่อย...”

    “เกือบสิบห้านาทีแล้ว...” ฉันบ่นจิกกัดเขา

    “เอาเป็นว่าผมขอโทษละกันนะ เพราะไม่ว่ายังไงผมก็คงเถียงเธอไม่ชนะอยู่แล้ว” เขาเอามือมายีหัวฉันเบาๆพลางยิ้มให้อย่างอ่อนโยนเหมือนในทุกๆครั้ง

    “เอามือออกไปน่า! เดี๋ยวหัวก็ยุ่งพอดี” ฉันปัดมือของเขาออกแก้เขิน

    “อ่า... ครับๆ” เขาเอามือออกจากหัวฉันแล้วหัวเราะอย่างรู้ทัน

    “มีอะไรน่าหัวเราะไม่ทราบ! ฉันยังคงถามเขาด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็คงรู้ทันอยู่ดีว่ามันก็เป็นเพียงแค่การกระทำแก้เขินเพื่อไม่ให้ใบหน้าของฉันร้อนผ่าวไปมากกว่านี้

    “ไม่มีอะไรหรอก ช่างเหอะ... เอาเป็นว่าพวกเราไปกันเลยดีกว่า” เขายังคงยิ้มเยาะกับการกระทำที่ดูเด็กในสายตาเขาและเลือกที่จะทำเป็นมองไม่เห็นมัน แล้วเปลี่ยนเรื่องอื่นคุยด้วยเหตุผลอย่างเด็กที่ไม่รู้จักโตของเขาที่ฉันพอเดาได้ว่า เขาคงแกล้งให้ฉันประหม่าและขัดเขินจนพอใจเขาแล้ว และแน่นอนว่ามันคงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายในรอบวัน

    เขาคว้ามือของฉันมาจับอย่างถือวิสาสะแล้วเดินหน้าระรื่นออกไปโดยไม่สนใจคำสบถมากมายของฉันที่ดังตามมาจากข้างหลังเลย

    “นี่ ปล่อยมือฉันน่า ฉันไม่อยากเป็นเป้าสายตาของคนอื่นหรอกนะ”

    “ไม่มีใครมาสนใจพวกเราหรอกน่า แฟนของผมนี่ปากไม่ตรงกับใจเอาซะเลยนะ” เขาแสร้งถอนหายใจด้วยใบหน้าที่กวนเบื้องล่างเสียเหลือเกินในสายตาของฉัน

    “นี่!!...” ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบ เขาก็ดึงตัวฉันเข้าไปหาในอ้อมกอดของเขาแล้วกระซิบบางอย่างข้างใบหูที่ทำให้ใบหน้าที่เพิ่งจางลงต้องกลับมาเป็นสีแดงเข้มกว่าเดิมอย่างห้ามไม่อยู่

    “ไม่ต้องเขินไปหรอกน่าที่รัก อยากจับมือกันก็บอกมาเถอะ แล้วถ้าอยากเจอหน้ากันเร็วๆละก็ ไม่ต้องทำเป็นรีบมาเร็วก่อนเวลาหรอก วันหลังผมจะไปรับเธอที่บ้านตั้งแต่ตีสามเลยก็ได้”

    “ไอ้!!...” ฉันมองเขาตาขวางแล้วใช้ฝ่ามือฟาดลงไปที่กลางหลังแบบไม่ยั้งมือ

    “โอ๊ย อย่าใช้ความรุนแรงสิครับ” เขาปรามฉันด้วยสายตาและน้ำเสียงที่เหมือนผู้ใหญ่ต่อว่าเด็กน้อย โดยที่เขาก็คงไม่ได้ดูตัวเองว่าคนที่ห้ามปรามเด็กน้อยคนนั้นนิสัยก็ไม่ได้โตไปกว่ากันสักเท่าไหร่

    “เหอะ!! อย่ามัวแต่บ่น รีบๆเดินตามมาได้แล้ว”

    “คร้าบบบบบ แม่ทูนหัว” เสียงตอบรับยานคางที่ดังอยู่ข้างหลังทำให้เจ้าของเสียงต้องเร่งฝีเท้าเพื่อเดินตามร่างบางให้ทัน แต่ดูเหมือนว่าคนที่กำลังเดินนำหน้ากำลังพยายามเดินเร็วแบบไม่รอให้คนที่เดินตามจะตามมาทันเลยสักนิด

    การพบพานของพวกเราในครั้งแรกคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวน่าอัศจรรย์ระหว่างฉันกับเขาที่ไม่สามารถคาดเดาได้ และฉันจะจดจำมันไปชั่วชีวิต...
     

    หลายปีก่อน

    “แตม....”

    “...”

    “แตม เฮ้...”

    “...”

    “เฌอแตม!!

    “อ๊ะ!  มีอะไรหรอ” ฉันหลุดจากภวังค์ตัวเอง มองหน้ายัยขิงเพื่อนรักที่กำลังตะโกนเรียก

    “ฉันเรียกแกจนคอจะแหบแห้งอยูแล้วนะยะ”

    “อ่อ โทษที ฉันนั่นคิดอะไรเพลินๆไปหน่อย”

    “นี่แก วันเสาร์ที่จะถึงนี้แกว่างมั้ย ??”

    “วันเสาร์... ก็พรุ่งนี้แล้วน่ะสิ? ”

    “ใช่ๆ”

    “แล้วแกจะใช้คำให้มันยาวทำไมล่ะ บอกว่าพรุ่งนี้ก็จบ”

    “เออน่า ประเด็นสำคัญมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นสักหน่อย แต่มันอยู่ที่ฉันจะชวนแกไปนัดบอดกับพวกโรงเรียนชายล้วนเอ็ดซาร์นต่างหากล่ะ ฝั่งของพวกเราขาดคนไปหนึ่งคนพอดี นะๆ แกช่วยไปหน่อยนะ ”

    “แล้วทำไมต้องเป็นฉันล่ะ??” ฉันเอ่ยถามเพื่อนสนิทด้วยความงุนงง

    “เพราะแกเป็นเพื่อนสนิทสุดเลิฟของฉันไงล่ะ”

     “ไม่ล่ะ ฉันติดธุระ”

    โอเค เหตุผลของยายนี่มันกำปั้นทุบดินได้ใจจริงๆ แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ ยังไงฉันก็ไม่ว่างอยู่ดี เพราะงานอดิเรกสุดรักของฉันคือการไปร้านเช่าแผ่นหนังสยองขวัญที่ร้านเช่าหนังหน้าปากซอยแล้วกลับมาดูที่บ้านซึ่งพร้อมด้วยทีวีจอแบนสุดไฮเทคที่พ่อของฉันเพิ่งไปถอยมาให้เนื่องในวันเกิดของฉันเมื่อเดือนก่อนนั่นเอง

    “ธุระของแกคงไม่ใช่การหมกตัวอยู่ในห้องแล้วดูหนังฆาตกรรมสยองขวัญโรคจิตกับกินขนมทำตัวไร้สาระอยู่ในห้องรกๆของแกหรอกใช่มั้ย?

    “นั่นแหละธุระสำคัญของฉันที่สุดเลย”

    แค่ดูหนังจะดูเมื่อไหร่ก็ได้นี่นา หรือไม่แกก็ดูวันอาทิตย์ก็ได้นี่?” น้ำขิงยังคงพยายามพูดชักจูงฉันให้ไปงานเลี้ยงไร้สาระนี้ให้ได้

    “แต่ว่า...”

    “ไม่มีแต่ แกต้องไปกับฉันวันพรุ่งนี้ เจอกันที่ลานโบว์ลิ่ง ชั้น4 ที่ห้างs ตอนบ่ายโมงนะ”

    “แต่...”

    “ตกลงตามนี้นะ หวังว่าแกจะรักษาคำพูด พรุ่งนี้เจอกันนะเฌอแตม”

    ฉันไปตกลงอะไรกับยายนี่ตอนไหนเนี่ย???!!!

     

    ตัวฉันในขณะนั้นคงไม่มีทางรู้เลยว่า เพียงแค่การชวนไปสังสรรค์ของเพื่อนสนิทตามประสาการใช้ชีวิตวัยมัธยมปลายในขณะนั้นจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันมากมายที่จะตามมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว… 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×