คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ..... Sure ..... 5 คนเห็นเเก่ตัว
Sure . มั่นใจว่านายเคยรักฉัน
3
“คุณหนูแจจุงมาหา คุณหนูซองมินหรอคะ” หญิงมีอายุเดินลงมาถามแจจุงที่เพิ่งก้าวลงจากรถสปอร์ตคันหรูของตนเอง
“ใช่ ซองมินอยู่บ้านใช่ไหมป้า” แจจุงถอดแว่นตาสีชาของตัวเองออก พร้อมกับถามคนที่เรียกว่าแม่บ้านอย่างถือตัว
“ค่ะ เดี๋ยวป้าจะไปตามลงมาให้นะคะ”
“ไม่ต้องหรอกป้า เดี๋ยวฉันขึ้นไปหาซองมินเอง” แจจุงว่าพลางเดินผ่านหญิงแก่คนนั้นพร้อมกับเดินขึ้นบันไดเข้าสู่ภายในตัวบ้าน
บ้านของซองมินนั้นไม่ได้เล็กไปกว่าบ้านของแจจุงเลยแม้แต่น้อย ต่างกันตรงที่ว่าซองมินอยู่บ้านหลังนี้เพียงคนเดียว ความจริงซองมินมีพี่ชายอยู่คนนึง แต่ต้องไปบริหารงานที่ประเทศอังกฤษ ส่วนพ่อกับแม่ก็ไปอยู่บ้านพักอากาศกันที่สวิสเซอร์แลนด์ ดังนั้นทั้งบ้านจึงเหลือซองมินอยู่แค่คนเดียว ส่วนแจจุงก็เข้าๆออกๆบ้านของซองมินเป็นประจำ
“ทำไรอยู่ ซองมิน” แจจุงเดินเข้ามาภายในห้องสีฟ้าอ่อนตัดกับสีขาวของซองมิน ส่วนเจ้าของห้องกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งของตนเอง
“อ่าว แจจุงแกมาถึงบ้านฉันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” ซองมินลุกขึ้นจากโต๊ะเครื่องแป้งของตัวเอง ก่อนที่จะชวนแจจุงมานั่งบนเตียงที่อยู่ตรงกลางห้อง
“เมื่อกี้นี้เอง ว่าแต่แกเมื่อกี้ ทำอะไรอยู่นะ” แจจุงหยิบนิตยสารแฟชั่นที่อยู่ข้างหัวเตียงของซองมินมาเปิดดู
“เปล่า ฉันแค่ลองอายแชโดว์สีใหม่ ได้ข่าวมาว่าจะมาเปิดตัวในเกาหลีอีกประมาณสองเดือนทางบริษัทเขาส่งมาให้ฉันลองหน่ะ ก็ไม่รู้ว่าสีมันจะโอเคสักแค่ไหน แกจะลองดูไหมแจจุง”
“ไม่ดีกว่า เดี๋ยวเกิดฉันแพ้ขึ้นมาหล่ะก็ลำบากตายชัก” แจจุงยังคงเปิดนิตยสารอ่านอย่างไม่สนใจสิ่งที่เพื่อนเสนอมาให้มากนัก
“แต่สีสวยนะแก โทนใหม่ที่ออกมาเนี่ย ใช้ได้อยู่ฉันว่าแกคงไม่แพ้หรอกเพราะว่ายี่ห้อนี้ใช้สารประกอบสำหรับรองรับทุกสภาพผิวเลย” ซองมินเดินไปหยิบอายแชโดว์ที่ว่ามา จากโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมด้วยอุปกรณ์แต่งหน้าอีกหนึ่งกระเป๋าใหญ่ “แจจุงอ่ะฉันอยากให้แกลองจริงๆนะ โทนสีมันเหมาะกับสีผิวแบบแกมากเลยแหล่ะ”ซองมินพยายามคะยั้นคะยอแจจุงโดยที่ไม่มีทีท่าว่าจะเลิก
“เออ ก็ได้ๆรำคาญแกจริงๆเลย” แจจุงวางนิตยสารที่ตัวเองอ่านอยู่ลงบนเตียง พร้อมกับหันหน้าไปทางซองมินที่กำลังคอยจะแต่งหน้าตัวเองอยู่
“รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน” ซองมินเอาที่คาดผมคาดผมหน้าม้าของแจจุงที่ปรกหหน้าผากอยู่ออกไป มือบางเริ่มหยิบรองพื้นขึ้นมาเกลี่ยหน้าของแจจุง เริ่มจากแก้มไล่ขึ้นไปตามโหนกแก้มจนถึงหน้าผากสวย จากนั้นจึงค่อยๆไล่ลงมาตามคางปัดไปเรื้อยจนถึงต้นคอระหงส์ ซองมินหยิบแปรงปัดแก้มขึ้นมาก่อนที่จะบรรจงปัดรองพื้นนั้นอีกครั้งเพื่อความเรียบของรองพื้น
“แจจุงวันนี้ฉันอยากให้แกเซ็กซี่จัง ฉันเบื่อแกแบบใสๆเต็มทีแล้ว โอเคไหม” ซองมินหยิบตลับสีปัดแก้มอันใหญ่ขึ้นมาภายในเต็มไปด้วยสีที่ใช้สำหรับปัดแก้มมากกว่าสิบสี
“แล้วแต่แกเถอะ อยากจะแต่งแบบไหนก็เรื่องของแก แต่ถ้าออกมาไม่ดี แกตาย” แจจุงว่าพร้อมเอามือปาดคอตัวเองเป็นท่าประกอบ
“เออๆ รู้แล้วน่า เชื่อมือฉันเหอะ” ซองมินปัดที่ปัดแก้มลงไปบนตลับสีสีแดงสองสามครั้งก่อนจะเอาไปปัดที่แก้มของแจจุง โดยเริ่มจากขอบจมูก ไล่ออกไปตามพวงแก้มขาวที่ถูกทับด้วยรองพื้นไว้แล้วชั้นนึง ขึ้นไปจนถึงโหนกแก้ม มืองบางเอาที่ปัดแก้มปัดไปที่สีชมพูอมขาวนิดๆในตลับอีกครั้งก่อนที่จะมาปัดตรงขอบแก้มของ
แจจุงอย่างเบามือ
ซองมินหยิบอายแชโดว์ที่ตลับใหญ่ไม่แพ้กับตลับสีปัดแก้มขึ้นมา มือบางหยิบแปรงปัดที่เหมือนกับเมื่อกี้ขึ้นมาอีกอันหากแต่อันนี้กลับเล็กกว่าอันเมื่อกี้นิดหน่อย แปรงปัดเริ่มปัดไปบนตลับสีส้มออกแดงอ่อนพร้อมกับปัดลงไปบนเปลือกตาที่ปิดสนิทอยู่ของอีกร่าง ซองมินเริ่มปัดจากด้านในสุดของเปลือกตาที่เป็นสีเข้ม เริ่มไล่ให้อ่อนลงมาเรื่อยเมื่อเริ่มออกมาด้านปลาย ร่างบางหันไปหากระเป๋าใบนั้นอีกครั้ง ก้อนหยิบอายแลนเนอร์ออกมาจากกระเป๋า อายแลนเนอร์ถูกเปิดฝาออกปลายของมันก็เริ่มจรดไปบนเปลือกตานั้นตามที่เจ้าของมือเล็กนั้นต้องการ ไม่เกินห้านาทีอายแลนเนอร์นั้นก็ถูกหย่อนกลับเข้าไปในกระเป๋าใบใหญ่นั้นอีกครั้ง
“แจจุง แกจะใช้ลิปสติกสีไหนดีนะ ฉันอยากให้แกออกมาเซ็กซี่แบบเลดี้ กาก้าจัง” นิ้วเรียวเล็กแตะแก้มใสเป็นท่าทางให้รู้ว่าตัวเองกำลังเค้นสมองอย่างหนัก ซองมินหยิบตลับสีลิปสติกอีกอันออกมา ภายในก็เต็มไปด้วยสีลิปสติกมากมายเหมือนกล่องที่ผ่านมา “เอาสีนี้ก็แล้วกันเนาะ” มือเล็กป้ายที่ทาลิปสติกลงไปบนแป้นสีลิปสติกสีแดงอมส้มนิดหน่อย จากนั้นที่ทาอันนั้นก็ถูกพาไประบายบนรีฝีปากเย้ายวนของร่างบางอีกร่าง “เสร็จแล้วหล่ะ แจจุง โอเคไหม” ซองมินหยิบกระจกอันเล็กที่อยู่ในกระเป๋าใส่เครื่องสำอางของตนออกมาให้แจจุงใช้
“ก็ดี ฝีมือไม่เคยตกเลยนะซองมิน”แจจุงว่าพลางมองเงาของตนเองในกระจกอย่างพึงพอใจ
“เรื่องเสื้อผ้า แกก็ไปเลือกเอาในตู้เดิมของแกแล้วกันนะ” ซองมินเริ่มลงมือเก็บเครื่องสำอางทั้งหมดของตนลงไปในกระเป๋าใส่เครื่องสำอาง ก่อนจะนำไปเก็บไว้บน โต๊ะเครื่องแป้งของตนอย่างเดิม
“ขอบใจนะ คืนหรรษาของฉันกำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่นานแล้ว ล่ะสิเนี่ย” แจจุงว่าอย่างอารมณ์ดี พร้อมเดินออกไปที่ตู้เสื้อผ้าอย่างคุ้นเคย
“เพิ่งรู้นะเนี่ย ว่าชุดราตรีพวกนี้ใส่อยากชะมัด เฮ้ย เสร็จซะที” ดงแฮถอนหายใจอย่างเนือยๆหลังจากที่อุตส่าห์ทุลักทุเลใสชุดเดรสสีหวานนี่เสร็จจนได้ ถึงแม้ว่าชุดนี้พอใส่เสร็จแล้วจะพอดีตัวสำหรับเค้าก็เถอะ แต่ก็มีส่วนเว้า ส่วนโค้งที่เป็นปัญหานิดหน่อยสำหรับผู้ชายที่ต้องมาใส่ชุดเดรส “สร้อยคอดาวตก เหมือนที่จุนพโยให้จันดีเลย แหะ” ดงแฮเปิดกล่องสีฟ้าอมเขียวกล่องใหญ่ขึ้น มือบางหยิบสร้อยขึ้นมาก่อนที่จะใส่ไปที่คอสีขาวสวยของตน ทันทีที่เพชรเม็ดเล็กที่ฝังอยู่ในจี้รูปดาวตกนั้นต้องแสงไฟ แสงสะท้อนของมันก็ปรากฏให้เห็น สวยงามแต่ก็มีลักษณะเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร ส่วนกล่องสีเดียวกันแต่เล็กกว่าอีกกล่องนั้นภายในบรรจุสร้อยข้อมือเส้นสวยที่มีเพชรเม็ดประดับตามสร้อยให้พอดูดี ดงแฮหยิบสร้อยข้อมือนั้นใส่อย่างเบามือ หลังจากใสเครื่องประดับเสร็จ ดงแฮก็หันมาจัดการกับกล่องรองเท้าที่วางอยู่บนเก้าอี้ใส่รองเท้า ดงแฮเปิดฝากล่องออกก็พบรองเท้าคัทชูสีขาวมีโบว์ติดอยู่ด้านปลายรองเท้านิดหน่อย ร่างบางสวมรองเท้าคู่นั้นอย่างบรรจง หลังจากที่ใส่รองเท้าคู่นั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดงแฮก็เดินไปยืนหน้ากระจกบานใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้ทั้งตัว
“แทบไม่น่าเชื่อเลยเนาะ ว่านี่คือฉัน” ดงแฮรำพึงกับตัวเองด้วยน้ำเสียงปลงๆ มือบางไล้ไปตามใบหน้าสวยหวานนั้นราวกับว่าใบหน้านั้นเป็นของบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ของตนเอง
“ก๊อกๆ ฉันเข้าไปนะ” เสียงเคาะประตูดีงขึ้นไม่นานร่างสูงของคนเคาะก็เดินเข้าประตูไม้บานใหญ่นั้นเข้ามา
“มาทำไม คิม คิบอม” ดงแฮถามคำถามคนที่เข้ามาใหม่เสียงแข็ง
“ได้เวลาลงไปแล้วฉันก็เลยมารับเธอไง ว่าแต่เธอแต่งตัวเสร็จรึยังเนี่ย” คิบอมเดินไปหาดงแฮที่ยืนอยู่หน้ากระจก “ชุดพวกนี้เข้ากับเธอดีนะ เครื่องประดับก็โอเค ว่าแต่ทำไมเธอถึงไม่ต่างหน้าหล่ะ” ร่างสูงจับดงแฮหมุนไปทางซ้ายทีขวาที ส่วนดงแฮก็ได้แต่ย่นหน้าอย่างไม่พอใจ
“นี่ นายบ้าไปแล้วหรือไง ฉันเป็นผู้ชายนะเว่ย เพศเดียวกับนาย แล้วฉันก็ไม่ได้มีฮอร์โมนเพศหญิงมากกว่าเพศชาย หรือเป็นพวกเก้งกวางอะไรอย่างนั้นสักหน่อย แต่นายดันให้ฉันมาใส่ชุดเดรสอย่างนี้เนี่ยนะ นายบ้าหรือเปล่าคิม คิบอม ที่ฉันยอมใส่มันก็ดีเท่าไหร่แล้วนายยังจะให้ฉันแต่งหน้าอีกหรอ ถ้าไม่ติดว่าฉันสงสารนายเรื่องคนรักนั้นอ่ะนะ ฉันไม่มีทางมาทำอะไรให้มันทุเรศตัวเองอย่างนี้หรอก” ร่างบางด่าร่างสูงออกไปชุดใหญ่ ฉันก็รู้ดีอยู่หรอกว่าการที่โดนคนที่รักทิ้งไปอย่างนี้มันเจ็บปวดขนาดไหน ยิ่งเห็นท่าทางของนายที่พอเห็นฉันหน้าเหมือนคนรักเก่าแล้ว ฉันก็ยิ่งเข้าใจแล้วก็สงสารนาย แต่นายกลับให้ฉันมาทำเรื่องบ้าๆอย่างนี้ คิดแล้วมันน่าอารมณ์เสียไหมหล่ะ นี่ยังจะให้ฉันแต่งหน้าอีก นายนี่มันน่าจริงๆเลย
ส่วนร่างสูงที่ได้ยินคำด่าพวกนั้นก็ถึงกับนิ่งไปทีเดียว สมองชาจนไม่คิดว่าจะโต้ตอบกลับไปอย่างไร ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินคำพวกนี้ออกมาจากปากของคนที่ตัวเองรักที่สุด ผู้หญิงที่เคยอ่อนหวาน อ่อนโยน และให้กำลังใจเค้าในทุกครั้งที่ท้อจะมายืนออกปากด่าตัวเองอย่างนี้ เธอคนนั้นหายไปไหนซะแล้ว คนที่เค้าเคยรักจนหมดหัวใจ สมองส่วนนึงของคิบอมประมวลผลที่เหมือนกับการหาข้อมูลที่ใกล้เคียง แน่นอนการกระทำอย่างนั้นก็เหมือนกับการซ้ำเติมตัวเองด้วยความคิดของตัวเองนั่นแหละ “ลงไปกันเถอะ นี้ก็ใกล้จะสองทุ่มแล้ว เป็นเจ้าภาพควรจะต้อนรับแขกที่มาในงานหน่อย” คิบอมยิ้มตอบกลับไปให้ดงแฮรอยยิ้มที่อ่อนหวานและจริงใจที่ประธานบริษัทผู้เย็นชาอย่างเค้าจะไม่มีวันส่งให้ใครนอกจากคนที่ตนเองรักที่สุด
“ที่ฉันพูดออกไปนายไม่ได้รู้สึกรู้สา หรือเข้าใจสักนิดเลยหรอ” ดงแฮเดินไปนั่งบนเตียงพร้อมเบ้ปากออกอย่างอารมณ์เสีย ฉันด่านายไปขนาดนี้นายยังมีหน้ามายิ้มให้ฉันอีกหรอ นายต้องหนีออกมาจากโรงพยาบาลบ้าเเน่ๆ
“ไม่มั้ง เธอควรจะลงไปกับฉันตอนนี้ งานมันใกล้จะเริ่มเต็มทีแล้ว เธอควรจะมีมารยาทแล้วก็รู้นะว่าเจ้าภาพงานที่ดีควรจะทำยัง” คิบอมฉุดดงแฮให้ลุกขึ้นจากเตียงสีขาวหรูสวยนั้น ภายใต้สีหน้าของคิบอมในตอนนี้นั้นใครจะไปรู้ว่าร่างสูงเสียใจกับคำพูดและก็การกระทำของตนเองขนาดไหน
“นายมันคนเห็นแก่ตัวแล้วก็หน้าด้านที่สุด คิม คิบอม” ดงแฮลุกขึ้นจากเตียงโดยที่ไม่ต้องรอให้คิบอมเรียกซ้ำสอง นายมันงี่เง่าแล้วก็กวนอารมณ์ฉันที่สุดเลยคิม คิบอม แทนที่นายจะสำนึกในสิ่งที่ฉันพูดออกไปเมื่อกี้ แต่นายกลับไม่เคยแม้แต่จะเก็บมันไปคิด หนำซ้ำยังหน้าด้านทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แล้วยังมาด่าฉันอีกว่าเป็นคนไม่มีมารยาท นายควรจะดูตัวเองซะก่อนนะว่านายก็ไม่ได้มีมารยาทเท่าที่ควรหรอก
ร่างสูงได้แต่เดินตามร่างบางออกไปเงียบๆ นายมันคนเห็นแก่ตัว แล้วก็หน้าด้านที่สุด คิม คิบอม คำพูดที่ยังคงก้องอยู่ในหัวสมองตลอดทางที่เดินออกมาจากห้องนั้น ฉันเห็นแก่ตัวมากใช่ไหมที่ทำอย่างนี้ ฉันหน้าด้านมากใช่ไหมที่ทำอย่างนี้ แต่ที่คนหน้าด้านอย่างฉันทำลงไปก็เพราะว่าฉันรักเธอนะรู้ไหม มีความสุขที่ได้เห็นเธอยิ้ม ที่ได้เห็นเธอมีความสุข ได้เห็นเธอหัวเราะและออกก้าวเดินไปพร้อมกับฉัน แต่เมื่อสิ่งที่ทำให้ฉันดีใจได้นั้นมันกลับอยู่ตรงสิ่งที่เธอเรียกว่าเห็นแก่ตัว ฉันก็พร้อมที่จะเป็นคนอย่างนั้น เพราะเธอคงไม่รู้หรอกว่าตลอดเวลาหกปีที่ได้เห็นเพียงแค่รูปถ่ายและของดูต่างหน้าของเธอ มนเจ็บปวดและหว้าเหว่ราวกับว่าบนโลกนี้มันจะเหลือฉันและสิ่งของที่ไม่มีความรู้สึกอยู่เพียงแค่นั้น ไม่มีแม้กระทั่งคนที่นั่งพักด้วยเวลาเหนื่อย คนที่บอกให้ใจเย็นๆเวลามีปัญหา คนที่ปลอบใจเวลาที่เราเศร้าใจ คนที่จะยิ้มให้เรายามที่เราจ้องการกำลังใจ
คนเราจะอยู่ต่อไปเพื่ออะไรถ้าไม่มีสิ่งที่รักที่ต้องคอยปกป้อง
ถ้าเราไม่มีสองสิ่งนั้นเราก็ไม่ต่างจากสิ่งของทั่วๆไป
ที่อยู่ต่อไปเพื่อ รอวัน จบสิ้นของชีวิต
Talk
อ่า รู้สึกว่าช่วง ทอล์ก นี้ชิลที่สุดเลย
อยากบอกว่าตอนนี้ไรท์เตอร์รู้สึกว่ามันเป็นตอนที่อยากมากเลยสำหรับไรท์เตอร์
เพราะว่าไรท์เตอร์ต้องมานั่งหา วิธีการแต่งหน้าน่ะสิ แล้วก็หาไม่ได้ดั่งใจเลยมั่วไปซะเองเลย ถ้ามันผิดๆยังไงก็ขออภัยด้วยแล้วกันเนาะ
พาร์ทนี้ ไรท์เตอร์สงสารบอมจัง ไรท์เตอร์ไม่น่าแต่งให่มันเศร้าเลย เฮ้อ (สงสัยอิ ไรท์เตอร์จะบ้า แต่งเองแล้วไม่ชอบเอง แล้วแต่งทำไม)
แล้วพาร์ทนี้ไรท์เตอร์ก็ไม่ได้เปิดตัวนักแสดงร่วมอีกคนจริงๆด้วยขอโทษมากเลยนะคะ แต่ว่าพาร์ทหน้าคาดว่าแน่นอน
ตอนท้าย 3 บรรทัดนั้นเพื่อนๆว่ามันไม่งี่เง่าไปหน่อยใช่มั้ย ความจริงไรท์เตอร์ไปอ่านกระทู้นึงมาแล้วรู้สึกว่ามันคือความจริง บอกให้ก็ได้เป็นกระทู้เกี่ยวกับดงบัง อ่านแล้วเราก็รู้สึกจริงๆว่าการที่เราจะทำอะไรสักอย่างนึงมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยการที่คนคนนึงจะมานั่งทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริง มันยากลำบากแค่ไหน
ยังไงตอนนี้ขอให้ทั้งแคส ทั้งเอลฟ์ ทุกคนสู้ๆกันนะคะ ไม่ว่ายังไงไรท์เตอร์เชื่อว่าพวกพี่ทุกคนจะต้องดีใจแน่นอนถ้าเห็นแฟนคลับที่ตัวเองรักมี ความสุขและส่งยิ้มให้เค้า ยังไงทุกคนสู้ๆกันนะคะ
อ่า พูดมาซะนาน ไปก่อนนะคะแล้วเจอกันใหม่อาทิตย์หน้าฝันหวานน้าทุกคน
ไปหล่ะ
อย่าลืมคอมเม้นท์น้า
ไปแล้ว บาย
You only love
ความคิดเห็น