คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 7 : เอาใจ
บทที่ 7 : เอาใจ
“ คุณฮีซอลอยู่ปีไหนเหรอคะ” เซเลน่าถามเสียงใส ใบหน้าอ่อนหวานช้อนตาพลางปรายยิ้มน่ารักให้เป็นระยะ
“ปีสี่แล้วครับ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณฮีซอลก็เป็นรุ่นพี่สินะคะ ถ้าอย่านั้นเซเลน่าเรียกว่า พี่ฮีซอล จะรังเกียจมั้ยคะ” เธอเสียงด้วยน้ำเสียงใสแจ๋ว ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความหวังจนฮีซอลเองก็ปฏิเสธไม่ลง
“ไม่หรอก”
“ดีจริง อย่างนี้เซเลน่าจะได้มาขอให้พี่ฮีซอลช่วยสอนการบ้านได้บ่อยๆ” เซเลน่าเอ่ยพลางจรดปากกาลงมือทำการบ้านอย่างตั้งอกตั้งใจ ในขณะที่ฮีซอลวางหนังสือที่อ่านลง ร่างบางเหงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าที่แว่วจากนอกห้อง และใกล้เข้ามาทุกที
“กลับมาแล้วสินะ”
“กลับมาแล้ว” บานประตูไม้เปิดอ้าออก ตามมาด้วยร่างของฮันกยองที่พยายามถอดรองเท้าเก็บอย่างทุลักทุเล เดินเซเล็กน้อย พวงแก้มที่เรื่อไปด้วยสีแดงจางๆบ่งบอกให้รู้ได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายหายไปไหนมากว่าค่อนคืน
“ไปดื่มเหล้ามาอีกแล้วเหรอไง รู้ว่าคออ่อนก็ยังจะไปกินอีกนะ” ฮีซอลบ่นด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความเหนื่อยใจ มือบางค่อยๆช่วยปลดเสื้อคลุมให้ฮันกยอง
“หิวรึเปล่าล่ะ เดี๋ยวไปกินข้าวหน่อยแล้วกัน กินเหล้าทั้งๆที่ท้องว่างอย่างนี้มันดีที่ไหน”
“กินข้างนอกมาแล้ว” เด็กหนุ่มร่างบางปรายตาตำหนิอยู่กลายๆพลอยทำให้ฮันกยองลอบกลืนน้ำลายลงคอ
“แต่ก็ยังไม่ค่อยอิ่มเท่าไหร่” ฮันกยองก้มลงมองดูนาฬิกาข้อมืออย่างจงใจ ก่อนจะหันมายิ้มการค้าให้เซเลน่าที่กำลังนั่งมองเหตุการณ์ตาแป๋ว
“ดึกดื่นป่านนี้ เข้าห้องผู้ชายคนเดียวมันจะไม่ดีรึเปล่า” เซเลน่าหน้าชาวูบ มือเล็กรีบเก็บอุปกรณ์เครื่องเขียนบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว
“น้องเขาแค่มาขอให้สอนการบ้านน่ะ ฮันกยอง ดูพูดเข้าสิ” เด็กสาวโค้งศีรษะให้สองคนเป็นเชิงอำลา ทันทีที่ประตูปิดลง ฮันกยองก็บ่นเสียงขุ่นพลางมุ่นคิ้วด้วยความหงุดหงิด
“เชอะ น่ารำคาญชะมัด ห้องตัวเองมีก็ไม่รู้จักไปนอน” ฮีซอลหัวเราะคิก มือเรียวจัดการเตรียมอาหารบนโต๊ะอย่างฉับไว
“คนขี้หึง” เด็กหนุ่มร่างสูงหน้าร้อนผ่าวเมื่อถูกจับได้ พยายามเอ่ยปฏิเสธแก้เขินเสียเป็นการใหญ่ จนลิ้นแทบจะพันกัน จนสุดท้ายก็ต้องนั่งมู่หน้า นั่งเจี๋ยมเจี้ยมบนโต๊ะกินข้าว
“มาช้าซะจนซุปจะเย็นชืดไปหมดแล้ว” ฮันกยองค่อยๆบรรจงช้อนซุปขึ้นมาซดก่อนจะนั่งพัดปากเร่าๆราวกับร้อนเต็มแก่ทั้งๆที่จริงๆแล้วซุปอุ่นกำลังดีแล้วแท้ๆ
“ร้อนๆๆๆ” ฮีซอลกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างรู้ทัน หันมาตีมืออีกผ่ายเป็นเชิงดุ
“โกหกไม่เก่งเอาซะเลย”
“ก็จะให้เป่านี่..” เขาเอ่ยพลางเบ้หน้ากระเง้ากระงอด
“ก็บอกอย่างนี้มาตั้งแต่ทีแรกสิ”
ฮีซอลค่อยๆบรรจงเชยคางฮันกยองอย่างทนุถนอม ใบหน้าสวยหวานเลื่อนเข้าประชิด ห่างกันเพียงแค่เสี้ยวเส้นผมกั้น ร่างบางค่อยๆเอียงใบหน้าเล็กน้อยจนอีกฝ่ายใจเต้นไม่เป็นส่ำ ริมฝีปากปากพ่นลมเป่าอย่างแผ่วเบา จนริมฝีปากแตะกันผิวเผินเป็นครั้งเป็นคราว ยิ่งทำให้ร่างสูงเริ่มหายใจไม่คล่องคอ เมื่อฮีซอลผละออกไป เขาจึงกลับมาหายใจได้เต็มปอด
“หายร้อนรึยังล่ะ”
“ร้อนยิ่งกว่าเดิมอีก” ฮันกยองลอบบ่นอุบอิบ ก่อนจะเหลือบไปมองฮีซอลที่เริ่มป้องปากหาว บิดขี้เกียจ บ่งบอกว่าง่วงเต็มที
“เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน”
“เดี๋ยวสิ....ไปอาบพร้อมกันเถอะ”
ใช่แล้ว ไม่ต้องเปลืองน้ำ อย่างน้อยตอนนี้โลกร้อนเราต้องช่วยประหยัดพลังงาน ไม่ใช่ว่าอยากดูนู่น เห็นนี่ซักหน่อย ถ้าบังเอิญเห็น ก็แค่กำไรชีวิต
ร่างสูงเรียบเรียงข้อแก้ตัวพร้อมเหตุผลข้างๆคูๆเสร็จสรรพ
“ไม่ต้องมาพูดด้วยสีหน้าแบบนั้น ยังไงฉันก็ไม่อาบน้ำกับนายแน่นอน” แว่วเสียงหัวใจและใบหน้าแตกสลายอยู่แว่วๆ ทันทีที่ฮีซอลเอ่ยเสียงเรียบ หนักแน่น ชัดเจน เขาจึงต้องนั่งซดน้ำซุปต่อด้วยท่าทีหงอยๆ แต่ก็ไม่วายลอบฟังเสียงฝักบัว อดจินตนาการถึงยามสายน้ำกระทบผิวกาย ผิวที่เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อเพราะน้ำอุ่น มือที่ลูบไล้ไปทั่งร่าง เรือนผมเปียกชื้นที่เลื้อยไล้บ่าเรียวไม่ได้ แค่คิดก็ริษยากระจกห้องน้ำเสียเหลือเกิน
“คิดอะไรอยู่ ทำไมหน้าหื่นขนาดนั้น” ฮันกยองนิ่งค้างไปชั่วขณะ ทันทีที่เห็นฮีซอลที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ยืนเท้าสะเอวมองเขาด้วยสีหน้าเคืองๆเล็กน้อย
นี่เขาเผลอคิดไปนานขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย!!!
“น้ำซุปไม่พร่องสักนิดเลยนี่ กินเสร็จก็ล้างจานให้เรียบร้อย แล้วไปอาบน้ำแล้วกัน ฉันไปนอนแล้ว” ฮันกยองทำได้แค่มองฮีซอลเดินเข้าห้องนอนตาละห้อย
........................................................................................
ฮันกยองเดินเตาะแตะไปเปิดไฟ ก่อนจะพาดผ้าคุณหนูลงกับราวตากผ้าข้างๆ ริมยิ้มคมคายผุดพรายบนใบหน้าทันทีที่เห็นฮีซอลพยายามหรี่ตามองเขาด้วยความงัวเงีย
“ปิดไฟซักทีสิ” ปิดดับลง เด็กหนุ่มร่างบางจึงหันกลับไปนอนอย่างสบายใจ ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้สึกเหมือนเตียงกำลังยวบลงตามน้ำหนัก
“ทำไมไม่นอนเตียงตัวเองล่ะ”
“หนาว.....เหงา.....อยากกอดคนสวย”ฮีซอลหัวเราะเบาในลำคอ ก่อนจะพลิกตัวพิงแผ่นอกกว้างของฮันกยองอย่างว่าง่าย
“ขี้อ้อนไม่เข้าท่า”
“ช่างประไรล่ะ” ฮันกยองค่อยๆหลุบเปลือกตาลง พลางฉีกยิ้มบางๆ เหงี่ยฟังเสียงหัวใจเต้น
ไม่ต้องหึงไปหรอก ยังไงฉันก็รักนายคนเดียวอยู่แล้ว
และเหงี่ยฟังเสียงกระซิบแผ่วๆอย่างมีความสุข
................................................................................................
สำหรับบทนี้ตั้งเป็นคำขวัญได้เลยว่า “มีแฟนดีเหมือนมีเมียอยู่ในบ้าน”
แอบเลี่ยนนิดๆ ดูแลปานแม่เลยวุ้ย
แต่ถามจริงเห้อ......มีคนบ้าที่ไหนฟะพอมีมือที่สามรุกแฟนแล้วแอบหนีไปกินเหล้ารอให้ง้อ มันต้องคอยกันท่าไว้สิ........ =_=
ความคิดเห็น