คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 5 : สืบสาว (รีไรท์ 100%)
บทที่5 : สืบสาว
เสียงพูดคุยของเด็กนักเรียนดังระงม เปี่ยมไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะ จนฮีซอลอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจด้วยความสดชื่น หลังจากต้องประสบจากเหตุการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายแล้วครั้งหนึ่ง
คงเป็นความรู้สึกที่คับคล้ายคับว่าดีใจที่ยังมีชีวิตอยู่ล่ะมั้ง
“เอ...แล้วดงเฮจะมามั้ยนะ ดูท่าจะบาดเจ็บด้วยนี่” ฮันกยองเบ้หน้าเหมือนกำลังพูดถึงของแสยง
“ต้องมาอยู่แล้ว เจ้าหมอนั่นอึดอย่างกับอะไรดี” กระนั้นฮีซอลก็ยังไม่คลายสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล
“เอ....แล้วคิบอมตอนนี้จะอยู่ที่ไหนกัน” ชายหนุ่มครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ยังไม่ค่อยจะแน่ใจนัก
“ได้ยินว่าญาติทางฝ่ายคิบอมช่วยทำเรื่องเข้าเรียนให้ด้วยล่ะ”
“ดีจริง.....อย่างนี้เราก็ได้เรียนด้วยกันสิ” ฮีซอลฉีกยิ้ม ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะกว้างขึ้นเมื่อเห็นอีทึกกับคังอินโบกมือทักเขามาแต่ไกล หากเด็กหนุ่มกลับเลิกคิ้วทันทีที่เห็นทั้งสองคนสวมชุดเครื่องแบบของโรงเรียนเขาเสียเรียบร้อย
“ทำไมนายถึงใส่เครื่องแบบนี้ล่ะ.......แอบไปจิ๊กใครมา” ฮีซอลหรี่ตาลง
“อ๊ะ...เปล่านะครับ คือว่าพอดีทางพ่อแม่ผมเขาต้องย้ายบ้านมาแถบนี้พอดีน่ะครับ ก็เลยย้ายเข้ามาเรียนที่นี่” อีทึกเอ่ยด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจจนหนุ่มๆสาวๆในรัศมี 5 เมตร ต่างก็พากับแข้งขาอ่อน ละลายกันไปถ้วนหน้า
“กลางเทอมอย่างนี้เนี่ยนะ พวกมาสเตอร์หัวแข็งปล่อยเข้ามาง่ายๆได้ยังไงกัน”
“เอ่อ....บังเอิญว่าแม่ของผมเป็นหุ้นส่วนของโรงเรียนนี้แค่ 50% น่ะครับ ผมกับคังอินก็เลยพลอยโชคดีได้ใช้เส้นนิดๆหน่อยๆเข้ามาน่ะครับ”เสียงหวานใสเอ่ยอย่างถ่อมเนื้อถ่อมตัว
“อย่างนี้นี่เองคุณลูกเจ้าของโรงเรียน” ฮีซอลเอ่ยแซวอย่างอารมณ์ดี
“แต่ทางแม่คุณเองก็กำลังจะเป็นหุ้นในอีก 50% ไม่ใช่หรือครับ” เด็กหนุ่มสะอึก รู้สึกหน้าแตกเล็กๆเมื่อถูกย้อนเข้าให้
...................................................................................
ลมเย็นๆที่พัดลอดจากช่องหน้าต่างที่ลืมปิดไว้ พัดใส่ใบหน้าของฮีซอลที่กำลังตาเยิ้มเต็มที เด็กหนุ่มป้องปากหาวอย่างเบื่อหน่าย บทเรียนที่มาสเตอร์โบอาพร่ำสอนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวามากทุกที ฟังเผินชักเหมือนเสียงสวดมนตร์ชวนง่วงเสียแล้ว
อา.....อากาศอย่างนี้น่านอนจริงๆสิน่า
เมื่อคืนก็ไม่ค่อยจะได้นอน เสียเลือดก็มาก เพลียจะแย่
ฮีซอลตั้งข้ออ้างให้ตัวเองเสร็จสรรพจะก็ซุกใบหน้าลงกับหนังสือต่างหมอน
“นี่คิมฮีชอล ตื่นได้แล้วนะ เธอมาโรงเรียนเป็นห้องนอนรึไง” มาสเตอร์โบอาบ่นแว๊ดๆอย่างเคยจนเขาชักจะรู้สึกชินชา
“บรรยากาศน่านอนดีนี่ครับ” แม้จะถูกลงโทษมานับครั้งไม่ถ้วนก็ไม่ยักจะเข็ดเสียที
“นี่เธอ!!!...ถ้าไม่เรียนแล้วจะรู้เรื่องได้ยังไงกันห๊ะ!!” แก้มขาวของมาสเตอร์โบอาเริ่มขึ้นสีแดงจัดด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ตำราพวกนี้ผมก็อ่านมาหมดแล้ว รู้จนจะพ่นออกมาเป็นตัวอักษรแล้ว” หล่อนเริ่มยิ้มเยาะนิดๆที่มุมปาก
“ปิดหนังสือลง แล้วลองอธิบายซิว่าหน้าหนึ่งร้อยเก้าสิบห้า เป็นบทที่เท่าไหร่ พูดถึงอะไร กี่ตัวอักษร สรุปเนื้อหาคร่าวๆของหน้านั้น” รอยยิ้มเริ่มหุบลงทันทีที่เห็นฮีซอลเอ่ยตอบอย่างคล่องแคล่ว ถูกต้อง ไม่ผิดสักนิดราวกับตาเห็น มาสเตอร์โบอาโกรธเสียจนควันแทบออกหูเมื่อถูกฉีกหน้า
“ดี.....ถ้าได้กันแล้วก็ไม่ต้องสอนมันแล้ว”ว่าแล้วหล่อนก็กระทืบเท้าออกจากห้องไปด้วยความหงุดหงิด
“วันนี้ท่าจะลมบ้าหมูบุก มาสเตอร์แกไม่ยักลงโทษฉัน” ฮีซอลอดบ่นไม่ได้นิดๆตามประสา
“ใครจะไปกล้าทำอะไรลูกเจ้าของโรงเรียนกันเล่า” ชายหนุ่มพยักหน้าอือออรับก่อนจะซุกหัวลงบนกองหนังสือนอนเสียง่ายๆ
“เดี๋ยวอย่าเพิ่งนอน ฮีซอล เราต้องปรึกษา เรื่องชายชุดดำนั่นอยู่นะ” ฮีซอลที่กำลังสะลึมสะลือสบถด้วยความหงุดหงิด
“คือ....แม่ของฉันตายเพราะถูกฆาตกรรมเหมือนคิบอม” ดงเฮเอ่ยด้วยแววตาเศร้าสร้อย หากคนที่เพิ่งเคยรู้กลับผงะด้วยความตกใจ
ดูไม่ออกเลย คนที่สามารถยิ้มได้ตลอดอย่างดงเฮ
จะมีอดีตที่แสนรวดร้าวอย่างนั้นหรือ?
“ผมสังหรณ์ว่าจะมีความเป็นไปได้ที่ฆาตกรจะเป็นคนกลุ่มเดียวกัน” ดงเฮเอ่ยพลางหยิบกระดาษที่เก็บไว้ในแฟ้มขึ้นมาวางบนโต๊ะ เป็นรูปประหลาดที่มีลวดลายพันเกี่ยวราวกับหัวใจ ทุกคนต่างหยุดดูรูปนั้นด้วยความสนอกสนใจ ในขณะที่คิบอมใบหน้าซีดเผือด ปากสั่นจนได้ยินเสียงกระทบของฟัน
“นี่เป็นรอยสักของกลุ่มองค์กรลับองค์กรหนึ่ง....ที่ฉันไม่มีทางลืม”
“ผ.....ผมเคยเห็นรอยสักนั่น....มันอยู่ที่ต้นแขน....ของ....ของคนที่ฆ่าแม่” ดงเฮค่อยๆสวมกอดร่างที่กำลังสั่นเทาอย่างแผ่วเบาเพื่อเป็นการปลอบโยน
“คนพวกนั้น เป็นพวก....สะสม”
“สะสม?” ฮันกยองทวนคำด้วยเสียงสูง
“สะสมร่างกายของพวกธาตุพิเศษครับ ไม่ว่าจะอวัยวะภายนอกและอวัยวะภายใน และที่มีค่าที่สุด ก็คือ จิตวิญญาณ ไงล่ะครับ”
“ไอ้พวกระยำ” ฮีซอลสบถอย่างกราดเกรี้ยว
“พวกมันสะสมและขายเหมือนสินค้า ราคาสูงลิบลิ่วเลยล่ะครับ”
“ฉันว่าเราควรจะดำเนินเรื่องไปทางศาลกลางนะ อย่างน้อยก็น่าจะช่วยอะไรได้บ้าง ยังไงก็ไม่น่าจะปล่อยให้พวกนี้มันลอยนวล” ฮันกยอลงออกความเห็น
“คงจะยากครับ เพราะดูเหมือนทางองค์กรนั้นจะมีเส้นสาย อยู่กับทางกรมรักษาความยุติธรรม และอาจจะมีแทรกซึมอยู่กับหลายองค์กร ถ้าเราไม่มีหลักฐานดีพอ เกรงว่าจะเกิดปัญหามากกว่านะครับ”
“จริงของดงเฮนะครับ....อย่างน้อยเราน่าจะสืบหาหลักฐานให้มากกว่านี้” อีทึกเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานใส
จากเหตุการณ์เล็กๆชักจะบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่เสียแล้ว
จากวิญญาณตนหนึ่งสู่คนๆหนึ่ง ถึงองค์กรหนึ่ง
เหตุการณ์ต่อในภายภาคหน้าจะเป็นอย่างไร
ความคิดเห็น