ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สายใย ดวงใจแห่งเวทย์ ~FicSuJu~[-{ Yaoi}-]

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 4 : my heart (รีไรท์ 100%)

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ค. 51


     

     

     

    บทที่ 4 :: my heart

     

    ตุบ!!

     

    โอ้ย!!” ฮีซอลอุทานเสียงดังทันทีที่ร่างเข้ากระทบกับพื้นเต็มเหนี่ยว แม้จะมีอ้อมกอดของฮันเกิงป้องกันไว้แล้วชั้นหนึ่ง แต่แรงกระแทกก็ไม่ได้ลดลงเท่าไหร่นัก เด็กหนุ่มนิ่วหน้าก่อนจะโอบมือกุมบาดแผลของตนเบาๆ

     

    เป็นอะไรรึเปล่า เสียงทุ้มนุ่มถามไว้ความเป็นห่วง ดวงตาคมกริบเหลือบมองบาดแผลที่กระจายเป็นวงกว้างด้วยความเป็นกังวล ก่อนจะเอื้อมมือฉีกชายเสื้อพันรอบบาดแผลด้วยความทะนุถนอม

     

    คงต้องพันอย่างนี้ไว้ก่อน ฉันยังไม่มียา เดี๋ยวถ้าสร้างช่องว่างระหว่างมิติอีกครั้ง คง..... ร่างสูงเงียบเสียงลงเมื่อเห็นฮีซอลแตะแขนเขาเบาๆราวกับสั่งให้หยุดพูด

     

    ไม่เป็นไรหรอก ยังไม่ต้องตอนนี้ก็ได้

     

    ทำไม....

     

    นายเองก็ไม่ไหวไม่ใช่เหรอ ปกติถ้าระดับนาย เมื่อครู่ก็คงถึงที่ห้องมืดแล้ว พลังเวทย์เมื่อกี๊คงใช้พลังไปมากเลยสินะเสียงของฮีซอลแผ่วเบาราวกับกระซิบ แต่ทำให้ฮันเกิงใจเย็นขึ้นเป็นกอง เขาค่อยๆเอนหลังลงพลางกราดสายตาไปรอบด้าน

     

    ที่นี่คงเป็นถ้ำที่ไหนสักแห่งจากฝั่งตะวันออกจากโรงเรียนเราเด็กหนุ่มเอ่ยพลางก้มลงมองคนรักที่กำลังนอนบนตักด้วยความเหนื่อยอ่อน

     

    หิมะสวยจังนะ ฮันเกิง ฮันเกิงปรือตามองละอองหิมะขาวบริสุทธ์ที่ร่วงโปรยปรายนอกถ้ำก่อนจะฉีกยิ้มบางๆ

     

    นั่นสินะ สวยเหมือนกับตอนที่เราเจอกันครั้งแรกเด็กหนุ่มเอ่ยพลางย้อนนึกถึงความทรงจำอันหอมหวาน

     

                        ………………………………………..

     

    หิมะสีขาวบริสุทธิ์ร่วงโปรยปราย จากฟากฟ้าลงสู่ผืนดิน ย้อมแดนดินจนเป็นสีขาวไกลสุดลูกหูลูกตา ฮันเกิงทำได้แต่เพียงเท้าคางมองอย่างเบื่อหน่ายบนเชิงบันใด ถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า

     

    เมื่อไหร่หิมะจะหยุดตกซักทีนะ

     

    แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่จะได้กลับหอกัน

     

    นี่นาย....ยังไม่กลับอีกเหรอป่านนี้ เสียงหวานใสราวกับนกไนติงเกลเรียกความสนใจจากเด็กหนุ่ม ฮันเกิงสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็น ฮีซอล คนที่อยู่ตำแหน่งดาวโรงเรียน และกำลังป๊อบสุดๆ จนไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยว่าจะได้คุยด้วยกันสองต่อสองอย่างนี้

     

    ฉันไม่มีร่มน่ะคำตอบสั้นๆเรียกเสียงหัวเราะสดใสของอีกฝ่าย เด็กหนุ่มร่างบางก้มลงหยิบร่มในกระเป๋าก่อนจะกวักมือเรียกเขาเป็นเชิงให้มาด้วยกัน

     

    ถ้าจำไม่ผิดนายอยู่หอเดียวกับฉันนี่ ถ้าอย่างนั้นก็ไปกับฉันเลยแล้วกันนะ

     

    นายจำฉันได้ด้วยเหรอ?? ฮีซอลเลิกคิ้วเล็กน้อย

     

    จำได้สิ

     

    เนื่องด้วยความสูงที่แตกต่างกันทำให้ฮันเกิงต้องโง้มไหล่ เดินไม่สะดวกนัก จนเมื่อฮีซอลยื่นร่มให้เขาเป็นฝ่ายถือ จึงทำให้พอเดินได้สบายขึ้นมาอีกหน่อย

     

    แต่เขาสองคนอยู่ใกล้กันขึ้นทุกทีจนฮันเกิงเริ่มกลัวว่าร่างบางจะได้ยินเสียงเต้นของหัวใจเขา

     

    ขอจับมือได้มั้ย?

     

    เอ๋.....

     

    เอ่อ....ฉันหมายถึง....ไม่สิ....ไม่ต้องก็ได้ เด็กหนุ่มร่างสูงเอ่ยตะกุกตะกัก ใบหน้าร้อนผ่าวจนจินตนาการได้ว่าจะแดงขนาดไหน ฮีซอลหัวเราะก่อนจะยื่นมือให้

     

    เอาสิ

     

    แม้ว่าหิมะจะหนาวเย็นเพียงไหน  แต่เขาก็ไม่รู้ถึงเลยเมื่อได้อยู่ใกล้กับคนที่สดใสดั่งดวงตะวันคนนี้

     

                               ……………………………………………………

     

    คิดถึงตอนที่นายบอกรักฉัน  นึกแล้วยังขำไม่หายเลยนะ

     

    ไม่เอาน่า อย่าไปพูดถึงมันสิ ฮีซอลมองใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความเคอะเขินของฮีซอลแล้วอดไม่ได้ที่จะยิ้มบางๆ

     

    ฉันรอตั้งนาน กว่านายจะมาบอกรักฉัน แล้วฉันก็ดีใจมากๆด้วย

     

                              ........................................................................

     

    ว่าไงนะ!!! มาสเตอร์ให้ฮีซอลไปปราบวิญญาณระดับมอนเตอร์คนเดียวอย่างนั้นเหรอฮันเกิงตะโกนถามอย่างร้อนรน เขาขยี้หัวด้วยความพะว้าพะวง ยิ่งเมื่อเห็นเพื่อนพยักหน้าอย่างหวาดๆ เขาก็ยิ่งร้อนรนจนแทบทนไม่ไหว

     

    ขาทั้งสองข้างวิ่ง.....วิ่งจนไม่รู้จักเหนื่อย

     

    ขอแค่นายไม่เป็นอะไรก็พอแล้ว ฮีซอล

     

                                                 *******************

     

    ดวงตาคมกริบด้วยความกราดเกรี้ยว ลืมเสียสนิททั้งเรื่อง มาสเตอร์ ทั้งวิญญาณระดับมอนเตอร์ เมื่อเห็นหญิงสาวใบหน้างดงามจนลืมหายใจอยู่เคียงข้างฮีซอล

     

    ใกล้.......มันจะใกล้เกินไปแล้วนะ

     

    โดยที่ไม่รู้ตัวมือทั้งสองข้างก็กระชากแขนบางบางของหล่อนออกมาแล้ว ดวงตากลมโตเย้ายวนดูเหมือนจะไม่พอใจไม่น้อย

     

    ฮีซอลเป็นของฉัน

     

    ห๊ะ!” ฝ่ายที่อุทานด้วยความไม่แน่ใจกลับเป็นฮีซอลเสียเอง ดวงหน้าสวยหวานแดงฉานลามไปถึงหู ในขณะที่หญิงสาวคนนั้นกลับกระตุกยิ้มบางๆ

     

    เหมือนจะได้ยินเรื่องน่าสนุกนิ้วเรียวงามวาดลงบนริมฝีปากของเขาเบาๆ ฉับพลันความพูดต่างๆก็เอ่อล้นออกมาอย่างที่หยุดไม่ไม่อยู่

     

            คาถาห้ามโกหก??

     

    ฉัน....ฉันรักนาย....ร....รัก

     

                         ……………………………………………………

     

    กว่านายจะหยุดพูดได้ก็ร้อนจนมาสเตอร์ตั้งสามคนมาแก้คำสาปให้  รู้กันทั้งโรงเรียนเลย

     

    โถ่....ใครจะไปรู้ล่ะว่ายัยนั้นเป็นถึงภูตระดับสูงประจำตัวนาย อย่าย้ำเรื่องน่าอายอีกเลยน่า.... ฮีซอลหัวเราะเบาๆ

     

    แต่นั่นก็ทำให้ฉันรู้ใจนายนี่ เด็กหนุ่มฉีกยิ้มหวาน เอื้อนเอ่ยสามคำหวานที่ไม่ว่าพูดถึงคราใดหัวใจของสั่นไหว เก็บกลั้นความสุขไว้ไม่อยู่

     

     ฉันก็รักนายฮีชอลท่ามกลางไออุ่นจากความรักที่เอ่อล้นเสมือนมีแรงดึงดูดที่ทำให้ ริมฝีปากของทั้งคู่ก็ค่อยๆประสานเข้าหากัน แลกลิ้มความหวานละไม สัมผัสถึงลมหายใจ ดุจจะเป็นหนึ่งลมหายใจเดียวกัน ความรักที่ถ่ายทอดทำให้อีกฝ่ายรู้สึกถึงหัวใจที่มีให้กัน

     

    มากมาย และ ไม่มีวันสิ้นสุด

     

    ฮันเกิงเวลาอย่างนี้ยัง...... ฉันยังเจ็บแผลอยู่นะ ฮีซอลอุทรณ์เสียงแผ่ว ในขณะที่ฮันเกิงลอบยิ้มกริ่ม

     

    ลิ้มรสความรักของฮันแล้ว รับรองแผลจะหายวันหายคืน

     

    ตกลงคือพรหมลิขิตใช่ไหม ที่เขียนให้เป็นอย่างนั้น

    ตกลงให้เรารักกันใช่ไหม    อย่างนั้นขอได้ไหม

    โปรดอย่าทำให้เราพลัดพรากให้เรารักกันเกิดนานเท่าจนวันตาย

    .................ฉันขอได้ไหม

     

    ถ้าการที่เราเจอกันเป็นพรหมลิขิตแล้วล่ะก็

    ได้โปรดเถอะไม่ว่าอะไรก็อย่ามาทำให้เราพลัดพรากจากกันเลย ฮีชอล

     

     

     

    คุณยังไหวรึเปล่าครับครับคิบอมหยุดถามผู้ที่ช่วยชีวิตเขาที่กำลังหอบอย่างรุนแรง ก่อนจะสะดุดกับปากแผลที่กระจายเป็นวงกว้างจนน่ากลัวบนแขน

     

    อ๊ะ!! คุณมีแผลอยู่นี่

     

    สงสัยจะโดนพลังของเจ้าพวกบ้าเฉี่ยวเอา ดงแฮหยุดมองดวงตาที่ฉายแววตื่นตระหนกก่อนจะหัวเราะเบาๆ

     

    ไม่เป็นอะไรหรอก แค่นี่ อยู่ไกลหัวใจจะตาย

     

    ปล่อยไว้ไม่ได้นะ เอาแขนมานี่!!!”เด็กหนุ่มเลิกคิ้ว ทันทีที่เห็นดวงตาดุดันเหมือนลูกแมว ก็ยอมยื่นแขนให้แต่โดยดี ดงเฮเหลือบมองคิบอมที่กำลังวาดนิ้วบนแผลของเขาพลางกระตุกยิ้มขำๆ ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อริมฝีปากอุ่นสัมผัสเข้ากับบาดแผล

     

    เอ่อ....ค....คิบอมความเจ็บปวดทุเลาลงราวกับปลิดทิ้ง  บาดแผลค่อยๆสมานตัวเป็นเนื้อเดียวจนแทบไม่เหลือร่องรอย คิบอมผละริมฝีปากออกแล้วหยุดมองดูรอยแผลที่หลงเหลือเพียงแค่รอยแดงระเรื่ออีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

     

    ผมเคยได้ยินว่า จุมพิตของหัวใจ จะสามารถรักษาบาดแผลได้

     

    ป่านนี้ ทางฝ่ายฮีซอล จะไปตกอยู่แถวไหนนะ

     

    ฮีซอล...ผู้หญิงคนที่สวยๆนั่นหรือครับ เด็กน้อยทำหน้าเลิกลักเมื่ออยู่ๆเห็นดงเฮหัวเราะท้องคัดท้องแข็งจนดังไปทั่ว

     

    ถึงจะสวยยังไง เขาก็ไม่ใช่ผู้หญิงหรอกนะ เด็กหนุ่มกุมท้องแน่น เอ่ยด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

     

    ห.....หา แล้ว....เอ่อ....คุณกับฮีซอล เป็น.....เป็นแฟนกันรึเปล่าครับ ดูสนิทกันดีจัง

     

    ไม่เห็นเจ้าตัวที่นั่งขู่ฮื่อแฮ่อยู่เหรอ ฮ่ะ...ฮ่ะ... ฉันแค่เป็นเพื่อนสนิทของฮีซอลเขานะ คงเฮปาดน้ำตาที่เกิดจากความขำขันเบาๆ ก่อนจะหยุดหัวเราะลงเมื่อเห็นดวงตากลมโตมองเขาด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความเหงาหงอย

     

    ผมอยากมีเพื่อนเหมือนกับคุณบ้างจังดงเฮยิ้มอย่างอ่อนโยน มือบางค่อยๆเอื้อมไปลูบหัวคิบอมอย่างแผ่วเบา

     

    ไม่ต้องกลัวไปหรอก นายกำลังจะได้สัมผัสมันแล้ว แสงสว่าง น่ะเด็กน้อยเงยหน้ามองเขา ไม่ค่อยเข้าใจนักถึงสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยถึง

     

    นายน่ะ คล้ายกับฉันสมัยเด็กๆเมื่อเห็นคิบอมรอฟังตาแป๋ว เขาจึงเล่าไปช้าๆด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ

     

                                  ***********************************************

     

    อย่าไปเล่นกับเจ้านั่นนะ เจ้านั่นมันเด็กกำพร้าเสียงกระซิบกระซาบจากเด็กชายตัวโต ดวงตากลมโตเหลือบมองเด็กน้อยที่เดินก้มหน้านิ่ง ริมฝีปากบางเม้มแน่น

     

    อี๋ เจ้าเด็กไม่มีแม่ เจ้าเด็กไม่มีแม่ กลุ่มเด็กทโมนได้ทีก็พากันร้องเฮโลหยอกล้อกันใหญ่ ไม่พอยังปั้นก้อนดินสกปรกปาใส่ดงเฮด้วยใจคะนอง เด็กชายเหลือบมองเด็กเหล่านั้นด้วยแววตาวาวโรจน์หากเอ่อล้มไปด้วยน้ำตา

     

    หุบปากนะ!!!~”

     

    เด็กไม่มีแม่ เด็กขี้แย เอากระโปรงมาใส่ซะไป๊!!!” ต่อท้ายด้วยเสียงหัวเราะ ร่างเล็กกัดฟันกรอด ก่อนที่กำปั้นหลุนๆจะกระแทกใส่เด็กใจร้ายจนอีกฝ่ายล้มลงกับพื้น

     

    เฮ้ย!! มันกล้าดียังไงมาต่อยลูกพี่ ไอ้เด็กไม่มีแม่ กลุ่มเด็กชายโวยวาย ไม่รอช้าพากันรุมดงเฮเป็นการใหญ่ ฝ่ายดงเฮก็ไม่ยอมแพ้ แม้จะเป็นฝ่ายเพลี้ยพล้ำเต็มที

     

    หยุดนะ!!!!!” เสียงหวานใสตวาดดังลั่น ทำให้ทุกคนหยุดการกระทำทั้งหมด หันมองเด็กหนุ่มที่กำลังป้องปากหาวด้วยความเบื่อหน่าย

     

    ค..คุณฮีซอลเด็กนักเลงดูเหมือนจะหงอยขึ้นทันตาเมื่อเห็น ฮีซอล ลูกผู้มีอิทธิพลอันดับต้นๆของเมือง

     

    อย่าหาว่าแส่เลยนะ ถ้าจะตีกันก็อย่าหมาหมู่ เห็นแล้วมันน่ารังเกียจ เด็กชายเอ่ยอย่างเหยียดๆพลางหันไปยื่นมือให้ดงเฮที่สะบักสะบอมไม่เป็นท่า

     

    เฮ้อ.....ดูไม่ได้เชียวนะนาย ทันทีรอยยิ้มงดงามระบายบนใบหน้า ดงเฮก็มองเห็น....

     

                 แสงสว่าง ที่มองไม่เห็นมานานแสนนาน

     

                        *********************************************

     

    ...คุณ ชอบคุณฮีซอลรึเปล่าครับ

     

    เปล่าหรอก สำหรับฉันกับฮีซอลมันก็แค่เพื่อนเท่านั้นล่ะ เพียงเท่านั้น รอยยิ้มน่ารักก็ผุดพรายบนใบหน้าของคิบอม

     

    จะเป็นไปได้มั้ยครับ....ถ้าเสียงเล็กเอ่ยอย่างแผ่วเบาพร้อมๆกับดวงหน้าขาวที่เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ

     

    หืม?

     

    จะเป็นไปได้มั้ยครับ ถ้าผมจะขอให้คุณเป็นแสงสว่าง ของผมดงเฮชะงักงัน หัวใจในอกเต้นอย่างรุนแรงจนสมองอื้ออึงไปหมด

     

    ผมไม่ค่อยเข้าใจนักหรอกครับ แต่เวลาผมอยู่กับคุณ ตรงนี้มันเต้นแรงมากๆเลย คิบอมเอ่ยเนิบนาบพลางชี้ที่แผ่นอก .....ตำแหน่งของหัวใจ

     

    และเวลาผมอยู่กับคุณ ผมมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แบบนี้ ถือว่าผมได้สัมผัสกับแสงสว่างรึยังครับ

     

    ......ช่วยเป็นแสงสว่างให้ผมได้มั้ยครับ

     

    ดงเฮยิ้มบางๆด้วยความเขินอายให้กับคำบอกรักแปลกๆของคิบอม ดวงหน้าแดงระเรื่อ ก้มหน้างุด ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ

     

     เอ่อ.....ด.....ได้สิ

     

                         แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆที่เราได้อยู่ร่วมกัน

             เราก็รู้ว่าเราสามารถเข้าใจกันและกันได้ยิ่งกว่าอยู่ด้วยกันนานนับปี

             แม้จะไม่รู้ว่าภายภาคหน้าจะเป็นอย่างไร แค่ตอนนี้เรารักกัน

             ........ก็พอ

     

                     ………………………………………………………………..

     

             แว่วเสียงบรรเลงจากขลุ่ยจีน ชายหนุ่มใบหน้าสวยหวานราวกับเทพธิดาจุติประพรมทอดเสียงที่แสนนุ่มนวลหากแฝงไปด้วยความเศร้าสลด บ่งบอกถึงความว้าวุ่นในจิตใจ

    ดวงตางดงามปรายตามองคังอินที่กำลังนอนพิงโขดหินด้วยความเหนื่อยอ่อน อีทึกค่อยๆกุมหัวใจตนเองอย่างเหม่อลอย

     

                 ว้าวุ่นเหลือเกิน ความรู้สึกนี้

                 เจ็บปวดเหลือเกินความรู้สึกนี้

                 แค่เห็นคนที่เขารักเพลี้ยพล้ำต่อศัตรูจนต้องล่าถอย

                 แค่เผลอคิดว่าคังอินอาจจะได้รับอันตราย

     

                  หากสักวัน.....

                  ไม่มีคนๆนี้อยู่ และคนๆนี้ไม่มีเขาอยู่

                  จะทนอยู่ต่อไปได้อย่างไร

     

    คิดอะไรอยู่เหรอครับ...อ๊ะ!! หรือว่าหิว คังอินดูลุกลี้ลุกลนขึ้นทันตา ก่อนจะสงบลงเมื่อเห็นอีทึกยิ้มอย่างอ่อนโยนมาให้

     

                  และเขาจะทนได้ไหม......

     

    ถ้าสักวันหนึ่ง ผมต้องตายจากไปคุณจะเสียใจรึเปล่า คังอินผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายถามเสียงเรียบ เจ้าของดวงหน้าหล่อเหลามุ่นคิ้วลงเล็กน้อย

     

    ทำไมถึงถามอย่างนั้นล่ะครับอีทึกหลุบตาลง พลางหัวเราะขื่นๆ

     

    ผมไม่รู้...แต่ผมอดไม่ได้ที่จะกลัว

     

    ไม่เสียใจหรอก ชายหนุ่มเงยหน้าหยุดมองคังอิน หยดน้ำตาเรื่อที่ขอบเบ้า คำตอบที่ออกทำให้เขาจุกจนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ

     

     ผมจะไม่เสียถ้าคุณตาย เพราะถึงยังไงคุณก็ไม่มีวันตาย.......ไปจากหัวใจของผม

     

     ...หยดน้ำตาไหลผ่านแก้มขาวนวล ริมฝีบางยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยน

     

              ดีแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีแล้ว

              แค่รู้ว่าคุณจะไม่ทุกข์ทรมานผมก็พอใจแล้ว

     

               ให้ความรักที่มีให้กันยืนยันชีวิตของเรา

              หากเมื่อใดรักนี้แตกสลาย เขาก็คงเหมือนตายทั้งเป็น

     

                  ความตายไม่ใช่จุดสิ้นสุดของความรักหรอก

                  เพราะความตายไม่อาจพรากหัวใจที่มีให้กันได้

                  แต่ความรักต่างหากที่เริ่มต้นชีวิตเรา

                  หากความรักสิ้นสุด ชีวิตก็คงเหมือนจบสิ้นไป

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------

                            เกิดภาวะสลับตำแหน่ง เคะ-เมะ   ไม่~~~~~~~~~~~!!!!หนูผิดไปแล้ว แต่ก็ช่างมันเถอะ (ไม่มีความรับผิดชอบจริงเอ็ง) เอ่อ...ไอ้ฉากหิมะโปะแผล  ระเบียบรี่-ซัง ขอเซนเซอร์นะจ้ะ เดี๋ยวนิยายเรื่องนี้มันจะกลายเป็นนิยายฆาตกรรมอำพรางไปซะก่อน

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×