คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 :: วิญญาณ ( รีไรท์ 100%)
บทที่ 1 : วิญญาณที่น่าสงสัย
"กรี๊ด!!!!~" เสียงแผดร้องด้วยความปวดร้าวดังก้องไปทั่วห้อง หญิงสาวถอยอย่างลนลาน นัยน์ตาทั้งสองข้างฉายแววหวาดกลัว แต่คนตรงหน้ากลับกระตุกยิ้มอย่างเลือดเย็น
“ได้โปรด ไว้ชีวิตฉันเถอะ” หล่อนอ้อนวอน แต่อีกฝ่ายกลับทำเป็นไม่ได้ยิน เสียงร่ำร้องประหนึ่งจะขาดใจกรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า เลือดคาวคลุ้งไหลย้อมพื้นกระเบื้องขาวบริสุทธิ์ให้แดงฉาน
ตุ๊บ.....
ตุ๊กตาตัวน้อยร่วงผล็อยลงบนพื้น ร่างเด็กน้อยยืนมองตัวสั่นเทา นัยน์ตากลมโตเบิกโพลงด้วยความตกใจ
“แม่จ๋า....” เด็กชายเดินเตาะแตะ มือบอบบางเขย่าร่างผู้เป็นมารดาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะชักมือกลับเมื่อสัมผัสได้เพียงความเย็นชืดราวกับน้ำแข็ง
“แม่จ๋า.....ตื่นสิ ทำไมมานอนตรงนี้” เขาเขย่าแรงขึ้น ก่อนจะกรีดร้องเสียงดังลั่น เมื่อใบหน้าของผู้เป็นมาพลิกมาทางเขา
ดวงตาที่เคยมองด้วยความอ่อนโยนเหลือกถลน คราบน้ำตา คราบเลือดเกรอะกรังบนใบหน้าบอบช้ำ ดวงหน้าบิดเบี้ยว ร่างกายยับเยิน ราวกับซากเนื้อ ไม่ใช่แม่ ที่เขารู้จัก
เด็กน้อยถดกายหนี ก้มลงมือมองฝ่ามือชุ่มเลือดจากกายแม่ด้วยความหวาดกลัว
“แม่!!!!!!!!!!”
กลัว
กลัวเหลือเกิน
กลัวที่จะต้องโดดเดี่ยวไม่เหลือใคร
*****************************************************************************************
“นี่ฉันเป็นผู้ใช้เวทย์มนตร์หรือผู้ล่าความตายกันแน่นะ” เจ้าของริมฝีปากแดงระเรื่อราวกับลูกเชอร์รี่หอมหวานบ่นพึมพำด้วยความไม่พึงพอใจ
“ช่วยไม่ได้นี่ อยู่ดีไม่ว่าดีดันไปแอบหลับในคาบของมาสเตอร์โบอาเขา” ฮันเกิงเอ่ยเย้าเล็กน้อยพาลทำให้ฮีซอลตีหน้าบึ้ง
" แต่ถึงอย่างนั้น นายไม่น่ามาด้วยเลยนี่" เด็กหนุ่มพูดพลางนำผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อให้ฮันเกิงอย่างแผ่วเบา
"อย่าลืมสิ มีฮีชอลที่ไหน ฮันเกิงจะตามไปถึงที่นั่น" ดวงหน้าสวยหวานแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มือเรียวตีแขนอีกฝ่ายเบาๆด้วยความเคอะเขิน
“คนบ้า เวลาอย่างนี้ยังจะ.....”
"เฮ้ยนั่น วิญญาณออกอาละวาดแล้ว" เสียงตะโกนที่ร้องเรียกให้ฮีชอลแปรจากสีหน้าเขินอายได้เปลี่ยนเป็นสีหน้าจริงจังทันที เขาค่อยๆร่ายเวทย์มนตร์ศักดิ์สิทธิ์แผ่วเบาและรัวเร็ว
"มาแล้วหรอ โอม อะนาลาเวส สายลมแห่งรัตติกาลเจ้าจงทำตามคำสั่งข้า"
"มาทะมีเนส ทามะ เจ้าจงกลายเป็นเกราะปกป้องผู้ที่อยู่ภายใต้รัศมี 10 เมตร" สิ้นสุดคำสั่งของฮันเกิง ควันเพลิงก็ผุดพรายออกจากลูกแก้วสีแดงก่ำรวมกายเป็นร่างชายฉกรรจ์ผิวคล้ำ ดวงตาดุดันก้มลงมองผู้เป็นนายก่อนจะโค้งคำนับอย่างนอบน้อม
"ขอรับนายท่าน"
"ซาเวออรอทิส สายลมเอ๋ยเจ้าจงกำราบวิญญาณ เผาผลาญจิตใจไม่บริสุทธิ์ออกไป"สิ้นสุดคำสั่งของฮีซอล สายลมรุนแรงประหนึ่งพายุก็เข้าไปทะลุร่างของวิญญาณหญิงสาวตรงหน้าทันที
"ช่วยด้วย ช่วยลูกฉันด้วย ช่วยปลดปล่อยฉันและลูกที" เสียงร่ำร้องของหล่อนทำให้ฮีซอลชะงักเล็กน้อย ก่อนจะแปรเป็นความตกตะลึงเมื่อเห็นว่าพลังของเขาทำอะไรวิญญาณไม่ได้แม้แต่น้อย ในขณะที่เขาเหนื่อยล้าจนแทบล้มไปกองเสียตรงนั้น
"ฮีชอล ยังไหวรึเปล่า"ฮันเกิงถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นเด็กหนุ่มยืนหอบอย่างรุนแรง
"ไหวสิ"
"สตาร์ ดวงดาวแห่งรัตติกาลเจ้าจงกลายมาเป็นพลังแก่ข้า สตาร์เซิฟแอคแท็ก" ฮีซอลพยายามรวบรวมพลังอีกฝ่าย แต่ทันทีที่หมอกควันจางไป ร่างวิญญาณที่ไม่สามารถควบคุมพลังของตนเองก็ยังคงอยู่
"บ้าจริง ทำไมมันไม่สะทกสะท้านอะไรเลย" ฮีซอลกัดฟันกรอด ขาทั้งสองข้างล้าจนสั่นไปหมด ฝ่ายฮันเกิงเองก็เหมือนจะหอบนิดๆหลังจากใช้พลังป้องกันเกินเวลานานเกินไป
“ฮันเกิง นาย....ยังไหวมั้ย” ร่างบางเบาใจลงเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าให้ เขาพยายามรวบรวมพลังอีกครั้ง แต่ไม่ทันมากพอดี ร่างของเขาก็ทรุดฮวบลงให้ความเหนื่อยอ่อน
“ฮีซอล!!” ฮันเกิงก้มมองร่างบางที่กำลังหอบอย่างรุนแรงในอ้อมแขน มิหนำซ้ำยังพยายามฝืนสังขารลุกขึ้นมาต่อสู้ด้วยตนเองอีกครั้ง
"โถ่โว้ย!! ฉันจะทนไม่ไหวแล้ว เอาไว้ฉันจะชดใช้ความผิดทีหลังละกัน อาละเวท เชพมาส เปลวเพลิงแห่งการทำลายร้างจงเผาผลาญดวงวิญญาณร้ายให้สิ้นซาก" ฉับพลัน! กำแพงเพลิงก็แปรสภาพเป็นก้อนพลังขนาดใหญ่ ฝังร่างวิญญาณไว้ภายในเปลวเพลิง เสียงกรีดร้องระคนร่ำไห้บาดหัวใจดังขึ้น ก่อนจะเงียบหายไป
"เฮ้อ
.จบซักที"ฮันเกิงถอนหายใจพลางใช้นิ้วปาดเหงื่อฮีชอลอย่างทะนุถนอม
"เดี๋ยวนายก็โดนมาสเตอร์ทำโทษหรอก"
"เพื่อฮีชอล ฮันยอมครับ" ดวงหน้าที่เพิ่งซีดสนิท แดงระเรื่ออีกครั้ง
"กลับกันเหอะ"
"อืม"
****************************************************************************
"คิดอะไรอยู่เหรอฮีชอล" ฮันเกิงถามขึ้นหลังจากที่เห็นฮีซอลนั่งเหม่ออยู่นานสองนาน
"แค่แปลกใจนิดหน่อยน่ะ ทำไมกันนะ วิญญาณตนนั้นถึงได้ร้องให้ช่วย" เด็กหนุ่มร่างสูงนิ่งคิด ก่อนจะก้มตัวลงนั่งข้างๆ
"นั่นสินะ บางทีวิญญาณตนนั้นอาจจะไม่ใช่วิญญาณร้ายก็ได้" ฮีซอลเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความงุนงง
"ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะ"
"เพราะเวทย์ที่เราใช้ทั้งหมดนั้นเป็นเวทย์ทำลายวิญญาณร้ายเท่านั้น นายก็เห็นว่ามันไม่มีผลกระทบกับวิญญาณตนนั้นเลยซักนิด"
“ถ้าไม่ใช่วิญญาณร้ายแล้วทำไมไม่ไปผุดไปเกิดกันนะ”
"คิดไปก็ปวดหัว"
“หืม??” จากนั้นสีหน้าจากที่เคร่งเครียดพลันร้อนผะผ่าวราวกับมีไฟมาสุมเมื่อริมฝีปากหอมหวานของฮันเกิงเข้ามาประทับ สัมผัสอ่อนหวาน นุ่นนวลพลอยทำให้ฮีซอลโอนอ่อนโดยไม่รู้ตัว ปลายลิ้นเข้าลุกล้ำหยอกเย้าภายในโพรงปาก เรียกเสียงอื้ออึงแผ่วๆในลำคอ ก่อนจะถอนออกช้าๆ สบใบหน้าอ่อนหวานที่ปรือลงด้วยวาบหวาบ ฮีซอลหอบแฮ่กอยู่นาน รู้สึกเหนื่อยกว่าตอนที่ต้องฝืนตัวเองปราบวิญญาณร้ายไม่รู้กี่เท่า
" ยาแก้เหนื่อยน่ะ” ฮันเกิงฉีกยิ้มกรุ่มกริ่ม เรียกดวงหน้าเคอะเขินที่ไม่ว่าเห็นกี่ครั้งก็ยังคงน่ารักไม่หาย
“คนบ้า!!!!”
ความคิดเห็น