คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2 :: ถ้อยคำ ( รีไรท์ 100%)
บทที่ 2 :: ถ้อยคำ
“ฮันเกิง ชั้นคิดว่าชั้นสั่งไปแล้วซะอีก ว่ามันเป็นหน้าที่ของฮีซอลที่จะต้องปราบปีศาจ ส่วนเธอมีหน้าที่ป้องกันให้เขา แล้วเธอกล้าดียังไงมาขัดคำสั่งของชั้น”
เสียงแหลมปรี๊ดโวยวายเสียงดังจนนักเรียนแทบจะต้องหาอะไรมาอุดหู ดวงตาฉายแววกราดเกรี้ยวอย่างเห็นได้ชัด แต่แล้ว เสียงฟี้เบาๆก็ทำให้ดวงตาคมกริบประดุจเหยี่ยวเฉไปมองคนที่ยังหลับไม่รู้จักเข็ดทันทีทันใด
"คิมฮีชอล เมื่อคืนเธออดหลับอดนอนหรือไง เมื่อวานก็เพิ่งทำโทษไปที ยังไม่ยอมสำนึกอีกรึ!!!"
"ก็เพราะใครล่ะ ให้ข้อมูลผิดๆผมมา แทนที่จะให้ปราบปีศาจ ดันมาให้ทำร้ายวิญญาณดีน่ะ" ถึงแม้ฮีชอลที่กำลังสะลึมสะลืออยู่แต่ก็ยังสามารถต่อปากต่อคำกับมาสเตอร์โบอาได้ ฮันเกิงเห็นแล้วยังนับถือเลยทีเดียว
"ธ....ธ... เธอจะมาหาว่าเป็นความผิดของชั้นอย่างนั้นเหรอ"มาสเตอร์โบอาพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้เรียบเต็มที่ ปลายนิ้วเรียวดันกรอบแว่นขึ้นอย่างไว้ท่าทีแม้ว่าสิ่งที่ฮีซอลพูดจะเป็นความผิดของเธอจริงๆ
"ผมเข้าใจครับ คนเราพอแก่มากๆอะไรมันก็อาจเลอะเลือนไปบ้างบ้าง " ถ้อยคำกระแนะกระแหนทำให้มาสเตอร์โบอาโกรธจัดจนควันออกหู เส้นสมองเหมือนจะขาดผึ่งอยู่รอนๆ
"หนอย ชั้นเป็นมาสเตอร์เธอนะ มาใช้วาจาว่ากล่าวผู้มีพระคุณอย่างนี้มันใช้ได้ที่ไหน กล้าพูดอย่างนี้แสดงว่าอยากลองดีสินะ ได้.....ถ้าอย่างนั้นคืนนี้เธอ...ฮีชอลหอบผ้าห่มไปนอนตบยุงในห้องมืดซะ ส่วนนายฮันเกิงคราวนี้ฉันขอลงโทษนายให้ไปอยู่ห้องมืดพร้อมกับฮีชอล โทษฐานที่เธอทำนอกคำสั่งชั้น"
โบอาสั่งด้วยน้ำเสียงฮึดฮัดก่อนจะเดินออกไปข้างนอกทำให้ฮันเกิงแอบลอบยิ้ม ก่อนจะเหลือบมองคนรักด้วยนัยน์ตาเจ้าเล่ห์
นี่มาสเตอร์จะทำโทษ หรือให้รางวัลกันแน่นะ
***************************************************************************
“ นี่ดงแฮ ปกติแล้วมันจะมีสาเหตุอะไรบ้างเหรอที่จะทำให้วิญญาณไม่ไปผุดไปเกิด” ฮีซอลถามพลางเขี่ยข้าวในจานไปมา ฮันเกิงเองที่ค้างคาใจอยู่ไม่น้อยก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้ารอฟังด้วยความสนอกสนใจ
“มันก็มีหลายสาเหตุนะ ฮีซอล อาจจะเพราะตายทั้งๆที่ชะตายังไม่ขาด ยังมีห่วง จากความโกรธแค้นเมื่อตอนยังมีชีวิตอยู่ หรืออาจจะเพราะโดนคำสาปไม่ให้ไปผุดไปเกิดก็มี”
ดงแฮตอบเสียงเรียบโดยไม่ต้องหยุดคิดสมเป็นนักเรียนธาตุแสงอันดับ 1 ของโรงเรียน ตรงข้ามฮีซอลหรือกระทั่งฮันเกิงที่อยู่ในอันดับท๊อป 5 แต่กลับไม่มีความรู้อะไรบ้างเลย
"เอ....แล้วจะมีวิธีไหนบ้างนะ ที่จะทำให้รู้สาเหตุที่แท้จริง"
"ก็คงต้องไปถามเขาตรงๆ หรือไม่ก็สืบต้นตอจากชีวิตก่อนตาย"
"แล้วเราจะเรียกเค้ามาได้ยังไงกัน" ฮันเกิงด้วยความแปลกใจหลังจากได้ยินความรู้ใหม่จากปากของนักเรียนดีเด่น
"ได้ครับ แต่ต้องอาศัยจอมเวทย์ธาตุมืดเป็นคนทำพิธี แล้วให้จอมเวทย์ธาตุแสง
คอยหนุนน่ะครับและก็สถานที่นั้นต้องเป็นสถานที่ไม่มีพลังป้องกันวิญญาณด้วย"
"จริงสิ" ฮีซอลดีดนิ้วดังเป๊าะ
"ดำเนินการคืนนี้เลย ดงแฮนายต้องช่วยเรานะ"
"หา คืนนี้เหรอ ฮีชอล คืนนี้เราไปอยู่ในห้องมืดไม่ใช่เหรอไง"ฮันเกิงเริ่มต่อต้านเมื่อเห็นว่าอะไรๆชักจะผิดแผนขึ้นไปทุกที ก็ในเมื่อห้องมืดเป็นห้องเก็บเสียง
ห้องเก็บเสียงเชียวนะ!!
"ก็เพราะคืนนี้ เราต้องอยู่ในห้องมืดไง ถึงต้องใช้คืนนี้ให้เป็นประโยชน์"
"ฉันไม่เข้าใจ "ฮันเกิงถามก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย
"นายรู้ไหมห้องมืดพิเศษกว่าห้องอื่นยังไง"
"เก็บเสียง"ฮันเกิงตอบโดยไม่ต้องคิด แต่น่าเสียดายคำตอบที่ออกมาไม่ได้มีแก่นสารเหมือนกับดงแฮเลยซักนิด พาลทำให้ฮีซอลคันไม้คันมือนึกอยากตบหัวทิ่ม
"อะไรอีก"ฮีชอลถามพลางฉีกยิ้มหวานปานน้ำเชื่อม
"ไม่รู้"
"ให้ตายสิ!! นี่นายไม่รู้จริงๆเหรอว่าห้องมืดน่ะเค้าไม่มีวัตถุป้องกันวิญญาณน่ะ"
"แล้วทำไมต้องไปวันนี้ด้วยวันอื่นไม่ได้เหรอก็วันนี้ฉันอยากอยู่กับนายนะฮีชอล" ฮันเกิงหยอดคำหวานเข้าไปนิดหน่อย ดวงหน้าหล่อเหลาฉายแววออดอ้อน
"น....นายจะบ้าหรอ ห้องมืดน่ะ เดี๋ยวก็ต้องมีวิญญาณโผล่มา ย...ยังไงก็ทำอย่างนั้นไม่ได้อยู่แล้ว" ฮีชอลพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ใบหน้าร้อนแผ่วๆจนชักอายดงแฮที่กำลังนั่งมองอยู่ใกล้ๆ
"แต่เราต้องขอให้ดงแฮเป็นเวทย์แสงให้ทีนะ" เด็กหน้าเฉไฉมาทางดงแฮแทนที่จะสบกับกับดวงตาออดอ้อนราวกับลูกแมว
"แต่ว่า..."ดงแฮอึกอักเล็กน้อย พลางเหลือบมองฮันเกิงที่ขู่ฮื่อแฮ่ ชูนิ้วทำท่าปาดคอ บ่งบอกว่าถ้าเขาตกลง เขาจะไม่ตายดี
"ไม่มีแต่....ลุย"ฮีชอลขึ้น
"โอเค" และแล้วสามหนุ่มก็ประสานเสียงอย่างพร้อมเพรียง แม้จะมีสองเสียงที่จะหลงพูดอ่อยๆด้วยความไม่เต็มใจ
************************************************************
บรรยากาศภายในห้องมืดสยองขวัญราวกับบ้างผีสิง มีเพียงแสงจันทร์ที่เล็ดลอดผ่านบานกระจกแตกร้าวที่เป็นแสงส่องนำทาง ฮีซอลไอโขลกอยู่บ่อยครั้งเมื่อสูดเข้ากับกองฝุ่นสกปรก ดงแฮต้องเอาไม้คฑาศักดิ์สิทธิ์มากวาดเอาหยากไย่ยั้วเยี้ยออกให้พ้นทาง ฮันเกิงเหลือบมองภาพวาดหญิงสาวอายุอานามหลายร้อยปีที่ให้ประดับห้องแล้วอดไม่ได้ที่จะขนลุกเกรียว
" ฮันเกิงขอไฟหน่อยได้ไหมครับ" เสียงของดงแฮดังขึ้นมาอย่างหวาดๆ เมื่อเห็นแมงมุมตัวเขื่องขู่ฟ่อใส่ทันทีที่เขาไปทำรังของมันพัง
"นายก็เสกเองสิทำไมต้องเป็นฉันด้วย" ฮันพูดด้วยอารมณ์หงุดหงิดเนื่องด้วยพาลจากเหตุการณ์เมื่อกลางวันที่ดงแฮทำให้เขาผิดแผนไปหมด ถึงจะไม่ใช่เพราะดงแฮ เขาก็จะโทษว่าเป็นความผิดของดงแฮอยู่ดี (??)
"ฮันเกิง ทำไมนายต้องทำอย่างนี้ด้วยล่ะ ดงแฮเค้ามองไม่เห็นนะ แล้วอีกอย่าง.....โอ๊ยย!!" ฮีซอลร้องเสียงดังหลังจากเดินชนกับคานเตี้ยๆอันนึงเข้า
"เจ็บรึเปล่าฮีชอล" ฮังเกิงรีบวิ่งมาดูด้วยความห่วงใย
"โอ๊ยยยย เพราะนายแท้ๆเลยฮันเกิง ถ้าเสกไฟมาตั้งแต่แรก ฉันก็ไม่ต้องเดินชนนู่นชนนี่แล้ว!! "ฮีชอลพูดพร้อมลุกขึ้นเดิน ฝ่ายฮันเกิงนั้นค่อยๆเดินตามคนข้างหน้าด้วยอารมณ์บูดเต็มทีเมื่อโดนตำหนิเข้า
" ตอนนี้เราถึงใจกลางของห้องมืดแล้ว ทุกคนประจำตำแหน่งนะครับ พี่ฮีชอล ทำ
พิธีนะครับ ผมจะคอยเป็นคนหนุนให้ ส่วนพี่ฮันเกิงคุณช่วยป้องกันพวกเราระหว่างทำพิธีนะครับ"
"ทำไมฉันต้องทำตามคำสั่งนายด้วย"ฮันเกิงพูดอย่างหัวเสีย ฮีชอลได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา ก่อนที่เจ้าของดวงหน้างามจะฉีกยิ้มหวานแล้วเข้าไปกระซิบใกล้ๆคนรัก
"ทำเถอะนะ แล้วเดี๋ยวคืนนี้มีรางวัลให้"
"จริงนะ"
"อื้อ"
"ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้คงต้องขอมัดจำไว้ก่อนแล้วกัน" จบคำฮันเกิงก็ค่อยๆโน้มหน้าเข้ามาใกล้ จนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆของอีกฝ่าย เขาค่อยๆไล้ริมฝีปากนุ่มนิ่มของฮีซอลอย่างแผ่วเบา ก่อนจะแทรกลิ้นเข้าไปอย่างร้อนแรง มือข้างประคองเอวของเด็กหนุ่มเข้าแนบชิดเมื่อเห็นฮีซอลทำท่าจะยืนไม่ไหว มือเรียวยึดไหล่ของฮันเกิงพยุงร่างไว้ ร่างสูงค่อยๆถอนริมฝีปากออก ทันทีที่ได้ยินดงแฮเรียก
"เอาล่ะครับหมดเวลาสวีทแล้วทุกคนประจำที่"
"คทา"ฮีชอลพูดพร้อมหยิบปิ่นปักผมขึ้นมาโยนขึ้นกลางอากาศ เขาร่ายคาถาสั้นๆส่งผลให้ปิ่นนั้นใหญ่ขึ้นจนยาวขนาดเท่าตัวคน ขนาดพอดีมือ
“คฑา” ดงแฮเอ่ยต่อ พลางพึมพำคาถาบทเดียวกันกับอีกฝ่าย ทันใดนั้นคฑาก็เปล่งแสงสีเงินยวง งดงามราวกับอัญมณีเลอค่า
"ทามิเนสทามะภูติของข้า เจ้าจงปกป้องบุคคลผู้อยู่ภายใต้ห้องมืดแห่งนี้ด้วยเถิด" ประหนึ่งเปลวเพลิงแผดเผาห้องมือให้ดับสิ้น แสงสว่างโชติช่วงเจิดจรัสไปทั่วห้อง
“ดาร์กบุ๊ค ”ฮีชอลพูดพร้อมวาดคทา ทันใดนั้นหนังสือปกดำหน้าปกประดับด้วยไม้กางเขนสีทองก็มาอยู่ข้างหน้าฮีชอล
“มนตราแห่งรัตติกาลเอ๋ย เจ้าจงนำพาดวงวิญญาณที่ข้าระลึกด้วยเถิด” ฮีชอลพูดพร้อมหลับตาพลางนึกภาพดวงวิญญาณที่เขาอยากให้ปรากฏรูปกายอยู่ตรงหน้าเขา
“วงแหวนแห่งเวทย์”ดงแฮเอ่ยขึ้นพร้อมนำคฑาปักไว้ที่พื้นดินทำให้เกิดวงแหวนอักขระโอบล้อมทั่วห้อง
พรึบ!!!
สิ้นสุดพิธีฮีชอลค่อยๆลืมตาขึ้น สิ่งที่เค้าเห็นสิ่งแรก นั้น คือภาพวิญญาณหญิงสาว ริมฝีปากแห้งผาด ผิวหน้าซีดเผือก ดวงตาชุ่มโชกไปด้วยน้ำตา
“ปลดปล่อย ปลดปล่อยฉัน ปลดปล่อยลูกฉันที”เธอพร่ำเพ้อคำพูดอยู่เพียงคำเดียว แลดูเหมือนจะไม่ได้ยิน ไม่รับฟังทุกถ้อยคำที่เขาพยายามพูดเลยแม้แต่น้อย
คำๆเดียวที่ฮีชอลจำได้ เธอพูดคำนั้น พูดมาตั้งแต่เจอกันครั้งแรก
“แล้วเราจะปลดปล่อยเธอได้อย่างไร” ฮันเกิงที่ยืนเงียบอยู่นานถามบ้าง
“หมู่บ้านทางตะวันตก ไม่ไกลนัก ลูกของฉันอยู่ที่นั่น ปลดปล่อยฉันด้วย ปลดปล่อยลูกฉัน” ดวงวิญญาณของเธอค่อยๆเลือนลางหายไป ไม่ทันที่พวกเขาจะไม่เข้าใจอะไร
“ดูเหมือนจะไม่ได้อะไรขึ้นมาเลยสิเนี่ย” เสียงนุ่มดังขึ้นจากเบื้องหลัง ทั้งสามหันพรึบไปทางเบื้องหลังทันที ฮีซอลมุ่นคิ้วเมื่อเห็นใบหน้าที่แสนคุ้นเคย โครงหน้าเรียวได้รูป ผิวขาวเนียน ริมฝีปากสีชมพูแย้มอย่างอ่อนโยน ดวงตาดำขลับงดงามหันมามองทางพวกเขา
“อีทึก”ฮีชอลอุทานเสียงเครือ
“ทำท่าเหมือนลืมผมไปเสียอย่างนั้น สวัสดีครับ ทุกคน ผมคือเพื่อนสมัยเด็กของฮีซอล ครับ” อีทึกแนะนำตัวพลางฉีกยิ้มหวานพลอยจะทำให้ดงแฮกับฮันเกิงรู้สึกถึงรัศมีประหลาดที่เจิดจรัส ราวกับเมื่อเห็นรอยยิ้มนั้นแล้วเขาจะลืมความรู้สึกไม่มีไปเสียหมด
“แล้วทำไมถึงไม่พูดถึงผมเลยหละครับอีทึก”คังอินค่อยๆเขยิบตัวเข้ามาใกล้อีทึก
“เอ่อ ทุกคน นี่คือ คังอิน ฟะ ฟะ แฟนผมเองครับ”อีทึกพูดพลางก้มหน้างุด ดวงหน้าแดงระเรื่อไปถึงหู
“แหม ทึก มีแฟนแล้วไม่บอกเพื่อนนะ”ฮีชอลผิวปากแซวยกใหญ่
“แล้วทีฮีชอลล่ะครับ ฉากจูบร้อนแรงดีนะครับ” เด็กหนุ่มสะอึกกึก ทันทีที่โดนย้อนคืนเข้าให้
“ เอ๋......แล้วดงแฮหายไปไหนน่ะ” ทุกคนหันซ้าย หันขวาด้วยความแปลกใจ
โดยหารู้ไม่ว่า ดงแสแอบไปตรวจสอบเรื่องราวล่วงหน้าแล้ว
---------------------------------------------------------------------------*-*-----------------------
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็น