ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวขโมยแห่งบารามอส ตอนชีวิตที่ดำเนินต่อไป

    ลำดับตอนที่ #7 : นารี พิสุทธิ์ (อัพ100%)

    • อัปเดตล่าสุด 23 มี.ค. 49


        บริเวณชายแดนคาโนวาล ค่ายทหารขนาดกลางตั้งอยู่โดยมีแมกไม้แห่งป่าคอยบัดบัง สภาพการณ์ภายในจากศัตรู

    กระโจมขนาดใหญ่ตั้งอยู่กึ่งกลางค่าย โดยมีทหารคุ้มกันอย่างแน่นหนา แสงไฟจากคบเพลิง ส่องให้เห็นเงารางๆ ของ

    ผู้ที่อยู่ภายใน วึ่งขยับไหวไปมาชั่วครู่ เงาร่างนั้นๆก็ค่อยคุกเข่าลง เมื่อมองผ่านเข้าไปข้างในจึงรู้ว่า ชายผู้นั้นเป็นทหาร

    ส่งสาส์น ซึ่งกำลังส่งมอบจดหมายบางอย่างให้แก่ผู้ที่อยู่เบื้องหน้า อดีตกษัตราแห่งคาโนวาล "บาโร วาเนบลี"



    "ดีมาก รอสิ่งที่ท่านต้องรอ อีกไม่นานหรอก" สิ้นคำร่างที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าก็ค่อยถอยกลับออกจากกระโจมไป



    แผนที่มากมายกองอยู่บนโต๊ะรวมถึง มาร์คสีแดงที่บ่งบอก ถึงลักษณะและจุดสำคัญต่างๆ ซึ่งความหมายไม่อาจบ่งบอก

    ได้นอกจาก กลุ่มคนที่นั่งล้อมรอบจะพยักหน้าตามคำอธิบายเพื่อแสดงถึงความรับรู้และเข้าใจ จากนั้นจึงค่อยทยอย

    จากไปทีละคน  ร่างของผู้สูงศักดิ์ค่อยๆเอนกายลงพิงพนัก พลางหลับตาเพื่อนผ่อนคลายและปิดกั้นอารมณ์ในเวลาเดียวกัน

    ยุทธวิธีรบต่างๆมากมายที่เค้าเพิ่งคิดขึ้นและ สั่งการออกไปไม่นานทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลีย  ย้อนกลับไปเมื่อไม่นานนัก

    หลังจากออกมาจากที่พักของพวกนั้น เค้าก็ออกไปยังค่ายทหารที่อยู่ที่ชายแดน ซึ่งโชคดีที่พวกนี้ยังเหลือกำลังพล

    อีกเยอะที่ประจำอยู่ที่ชายแดน รวมถึงกลุ่มคนที่รอดตาย จากเหตุอัปยศครั้งที่ผ่านมา เมื่อมาถึงองค์บาโร ก็ออกคำสั่ง

    รวบรวมกำลังพลที่มีอยู่รวมถึง วางแผนการรบทันที หลังจากตามตัวเหล่าแม่ทัพทั้ง 4 จนเจอ ก็เป็นเวลานานถึง 4 ชม.

    ที่นั่งประชุมกันพร้อมวางแผน  รวมถึงหน่วยลับต่างๆที่แฝงตัวไปทั่วราชอาณาจักรที่เพิ่งจะส่งข่าวมาเมื่อครู่

    เวลาแห่งการพักผ่อนอันน้อยนิด จึงได้เริ่มต้นขึ้น



    หากแม้นว่าตาจะหลับ กายจะหยุดพัก หากแต่ใจและความคิดยังคงแล่นอย่างไม่รู้จบ แม้ว่าเขาและทหารหาญของเขา จะไร้

    ซึ่งความกลัวเกรง แต่ยังไงคงต้องหาวิธีที่จะกำจัดเหล่ายมฑูตนั้น ที่เป็นปัญหาหนักว่า "ฆ่าไม่ตาย"

    แม้ดาบปราบมารจะใช้ได้ผล แต่ก็คงมีเพียงเขาเท่านั้นที่ถือครองดาบนี้ แล้วเหล่าทหารคนอื่นล่ะ เวทย์แห่งแสงแม้นอาจ

    กำราบพวกมันได้ แต่ทหารคาโนวาลเป็นนักรบ มิใช่นักบวช เพลงดาบการยุทธ เชี่ยวชาญและเกร่งกล้า แต่หากพูดถึง

    เวทย์มนตราคงเป็นรอง คงต้องถ่วงเวลาเพื่อให้เข้าถึงตัวการ  ใช่ ถึงแม้จะฆ่าพวกยมฑูตไม่ตาย

    แต่หากสังหารผู้นำได้ เวทย์ก็ย่อมต้องสลายไป

    ถึงยากนักก็ต้องทำ ไม่ว่ายังไงก็จะใช้ชีพนี้สู้จนสุดชีวิต ปกป้องพลีกายให้แก่แผ่นดิน



    หลงอยู่ในห้วงคำนึง ทำให้นึกถึงใครคนหนึ่ง ที่อดห่วงไม่ได้ ลูกชายข้า....คาโล...เจ้าจะเป็นเช่นไร





    ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑





    แพขนตาหนาค่อยๆ กะพริบช้าๆ อากาศปวดที่บริเวณศีรษะยังวนเวียน พร้อมกับที่สายตาค่อยๆปรับสภาพตรงหน้า

    ความเจ็บปวดที่แขนจากบาดแผล และปวดเมื่อยทำให้ลุกไม่ขึ้น เรี่ยวแรงที่หดหายก็ยังคงไม่กลับคืนมาเท่าที่ควร

    พลางมองไปยังข้างๆ แลเห็นนักฆ่า นั่งกอดอกยิ้มแป้นมาให้ที่ข้างเตียง  "ดีแล้วที่นายฟื้น โร"



    "นี่ฉัน...."



    "แกนี่ฟื้นเร็วดีเหมือนกันวุ๊ย!! เออ!! ต้องขอบใจแกแหละ ที่เอาไอ้ก้อนน้ำแข็งกลับมาจนได้" คิลพูดเสียรวดเดียวจบ

    คนฟังก็ได้แต่แอบคิด ว่า เหนื่อย..บหาย แต่ก็ต้องทำใจในเมื่อ ขึ้นชื่อว่าเพื่อนกัน....



    "ว่าแต่ เฟรินล่ะ" พลางแอบน้อยใจอยู่ลึกๆ เมื่อไม่เห็นคนที่ตนแอบรัก



    "นั่งเฝ้าคาโล อยู่  มันก็ห่วงแกสองคนไม่แพ้กันแหละน่ะ เพียงแต่รายนั้นดูท่าอาการหนักกว่า" (เค้าเรียกว่าปางตาย)



    คิลรีบเสริม เพราะคิดว่า โร มันคงน้อยใจเพื่อน ก็แน่ล่ะคิลมันไม่รู้ความคิดจริงๆของโร มันซักหน่อย

    คนฟังจึงยิ้มที่มุมปาก อดนึกใจในไม่ได้อยู่ดีว่า ทั้งสาหัสกว่า ทั้งยังเป็นคนรัก......



    "เฟริน มันร่ายเวทย์รักษาให้นาย เห็นมันบอกว่าคนทริสทอร์ ถ้าได้เวทย์จากความมืดน่าจะหายเร็วกว่า" คิลพูดพร้อมกับ

    เดินออกไปจากห้อง ทิ้งท้ายไว้เล็กน้อย "พักผ่อนซะ โร นายเหนื่อยแล้ว ฉันไปดูอีกคนหน่อยเหมือนกัน"



    "พักผ่อน???"  คงต้องรอให้เจ้านายตายก่อนหรือไม่เขาก็ตายก่อนจึงจะได้พัก แต่เหตุผลคงเป็นอย่างหลังมากกว่า

    เมื่อคิดได้เท่านี้ ขอทานก็จมลงสู่ห้วงนิทราอีกครั้งเพราะเหนื่อยอ่อน....



    ...





    ...





    ...





    ...





    ..





    ..





    ..





    .





    "มันฟื้นแล้ว แต่คงนอนต่ออีกหน่อยน่ะแหละ" นักฆ่าพูดขึ้นมาเบาๆหลังจากที่ร่างบางหันมามองตามเสียงประตูที่

    เปิดขึ้น เฟรินพยักหน้ารับเพียงเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปจับจ้องอยู่ที่เดิม



    ที่ใบหน้าของคนรัก



    หลังจากกลับมาถึงเฟรินก็ไม่ยอมห่างร่างตรงหน้าไปไหน มือเรียวเล็กค่อยๆลูบใบยังหน้าของชายหนุ่ม ราวกับต้องมนตร์

    หากแต่แววตาที่สะท้อนความรู้สึก บ่งบอกให้รู้ว่าเป็นกังวลเสียมากกว่า มืออีกข้างก็ยังคงสอดเข้าไปในมือใหญ่ ซึ่งตอนนี้

    เย็นเฉียบ แม้จะได้ตัวมา แต่ก็ยังไม่มีวิธีรักษา ทั้งๆที่เธอก็ร่ายเวทย์แห่งการรักษาโบราณของเดมอส จนสุดกำลัง

    ถึงขนาดเธอเองทรุดลง เพราะใช้พลังเวทย์สูงมากขนาดนั้นแล้ว ทั้งๆที่ยืดเวลาที่หมอเทวดาโอเดลบอกว่าใกล้หมดเต็มที

    ได้สำเร็จ แต่ร่างสูงก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น แน่นอนว่าทั้งบาดแผลภายนอกและภายใน นั้นหายไปจนหมดสิ้น

    แต่น่าเสียดายนัก ที่ไม่อาจขับพิษร้ายที่ยังคงฝังแน่นอยู่ภายใน









    ทำไมล่ะ คาโล!! นายไม่อยากตื่นมาพบหน้าฉันหรือไง!!! ฟื้นขึ้นมาเถอะนะ







    ..





    .. เฟริ.น..



    หืม!! คนบาดเจ็บเพ้อออกมา เรียกสติคนที่กำลังเหม่อลอยให้กลับเข้ามา ร่างบางกำมือคนรักไว้แน่น ก่อนจะตอบรับ

    เสียงหวาน "ฉันอยู่ตรงนี้ คาโล" หากแต่เพียงเท่านั้น คนเจ็บก็ดูหลับลงไปอีกครั้งนึง



    "ลุงหมอ" เสียงหวานร้องเรียกให้ ร่างโปร่งแสงปรากฎขึ้นมาอีกครา



    "ขอรับนายหญิง" ชายชราโค้งคำนับสตรีตรงหน้าก่อนเงยมอง



    "เมื่อกี๊ คาโลมันฟื้น แต่แป๊บเดียว ลุงหมอช่วยตรวจอีกสักที เถอะนะ!!!"



    "นายหญิงข้าเองก็สุดความสามารถแล้ว ทางที่ช่วยแม้นมีแต่ก็คงยากนัก" หากแต่ต้องรีบกล่าวต่อเมื่อเห็นใบหน้า นายสาว

    ที่ดูราวจะกินเลือดกินเนื้อเมื่อรู้ว่า ยังมีบางวิธี ที่สามารถรักษาให้หายได้



    "ตามที่ข้าได้เรียนไว้ พิษที่นายท่านได้รับคือพิษจากแมงมุมแม่ม่าย ในป่าดำ เป็นพิษที่ร้ายแรงยิ่งนัก

    หากไม่รักษาด้วยทรายเวทมนตร์แห่งแดนหิมะที่เปรียบเหมือนความสว่าง และบริสุทธิ์

    ก็คงต้องรักษาด้วยความมืด ที่รุนแรงยิ่งกว่า หากแต่ก็ต้องย่อมบริสุทธิ์ยิ่งเฉกเช่นเดียวกัน





    "แล้วอะไรล่ะลุงหมอ ที่ว่ามืดมิดนัก หากแต่ก็บริสุทธิ์"





    ....พรหมจรรย์ปีศาจ จะว่าง่ายๆ ก็คือกายท่านน่ะแหละ นายหญิง





    เลือดสูบฉีดจนดวงหน้าแดงซ่าน!! ทันทีที่ได้ยิน คำพูดเหมือนตีบตันในลำคอจนจุก " มะ หมายความว่าไง"



    "ไม่ผิดจากที่ท่านคิดหรอก เพราะถ้าจะหาปีศาจอื่นตนใดล่ะ ที่จะมารักบุรุษคนที่ต้องการรักษานั้นยากยิ่งนัก

    นอกจากท่าน และอีกอย่างข้า ก็ไม่คิดว่า นายหญิงจะยอมให้นายท่าน รับสัมผัสรักจากหญิงอื่นใด"



    "แล้วท่านแน่ใจ ว่ามันสามารถรักษาได้จริง" สาวยังคงซักถามทั้งๆที่ตอนนี้ความแดงจากใบหน้า ได้ลามไปทั่วทั้งตัวแล้ว

    จนกายเนื้อ เปลี่ยนเป็นสีชมพู แถมดูเหมือนอุณหภูมิ จะสูงขึ้นราวกับเป็นไข้



    "ตำราโบราณเดมอส กล่าวไว้เช่นนั้น เล่มที่พระบิดาของพระองค์ ไม่ยอมให้ทรงอ่านนั่นแหล่ะ"



    ไพล่คิดไปถึงเมื่อตอนปิดเทอมปีหก ที่ได้เรียนเวทย์การรักษา จากอาหญิงของเธอ ไม่ว่าจะเป็นมนตร์ดำ หรือพิษร้ายแรง

    ก็สามารถรักษาให้หายได้ ด้วยเวทย์โบราณแห่งเดมอส เพียงแต่มีพิษอยู่ไม่เกิน 3 อย่างที่ต้องรักษาด้วยวิธีอื่น

    คือพิษจากยางไม้ในป่าหลงลืมสองชนิดที่เธอจำชื่อไม่ค่อยได้ และแมงมุมแม่ม่ายจากป่าดำ เสียงหวานเพียรจะถาม

    ผู้มีศักดิ์เป็นอา หากแต่ก่อนจะได้รับคำตอบ ก็ถูกขัดโดยเสด็จพ่อเสียก่อน แถมเมื่อคิดจะไปค้นคว้ากลับกลายเป็นว่า

    ห้องสมุดของเดมอสหนังสือที่เกี่ยวกับเรื่องพิษสามอย่างนี้ ได้หายไปอย่างิ้นเชิงโดยไร้สาเหตุ



    แสดงว่าท่านอารู้ ว่าต้องเกิดเรื่องเช่นนี้ แล้วคงเผลอไปเล่าให้ท่านพ่อฟัง หนังสือถึงหายไปหมด





    "คงต้องแล้วแต่นายหญิง ข้าขอลา เพียงแต่ถ้าท่านตัดสินใจที่จะรักษา ต้องให้นายท่านดื่มเลือดท่านก่อน

    เพียงนิดเดียวเท่านั้น เพื่อไม่ให้ เชื้อภูติในกายนายท่านต่อต้าน เวลาที่ความมืดพุ่งจู่โจมเข้าร่าง ท่านคงเข้าใจ"



    สิ้นเสียงร่างโปร่งแสงก็หายวับไป ทิ้งให้คนฟังหน้าขึ้นสีหนักกว่าเก่า ใครกันแน่ที่จะจู่โจม ไอ้ลุงผีบ้า

    พลันหันกลับมามองที่คนเจ็บก็ยิ่งให้หน้าขึ้นสีหนักกว่าเดิม เมื่อนึกถึงการรักษา ที่ออกจะ พิสดารมากที่สุด

    "ปกติ เจ้าหญิงนิทรามันก็ต้องจูบ ปลุก แต่ทำไมเจ้าชายนิทรามัน หึย!!!  ไม่อยากคิดเลย"



    ร่างบางยังคงนั่งนิ่งหน้าแดงอยู่นานเลยทีเดียว จนฟ้าใกล้สาง เวลาดูเหมือนจะไม่คอยท่าทุกที เมื่อคนเจ็บ

    เริ่มเหงื่อแตกโทรมกายพร้อมๆ กับดิ้นกระสับกระส่าย ราวกับเจ็บปวดยิ่งนัก ร่างบางยังคงกุมมือใหญ่

    ที่ตอนนี้เย็นเชียบ ในใจนั้นกระวนกระวายยิ่งนัก เมื่อสิ่งที่ต้องตัดสินใจนั้นหนักหนาสาหัสเช่นกัน



    ไม่ใช่ว่าเธอไม่รัก...แต่การตัดสินใจถึงสิ่งที่จะทำลงไปนั้น ขึ้นอยู่กับความรู้สึก และสิ่งที่อาจตามมาต่างๆมากมาย

    จะเป็นเช่นไร หากท่านพ่อของเธอทราบ แล้วทางบารามอสล่ะ จะว่ากระไรถ้าเจ้าหญิงรัชทายาท ชิงสุกก่อนห่าม

    ถึงจะเพื่อการรักษา แต่ก็น่าบัดสียิ่งนัก แล้วถ้าแย่ที่สุด หากคนที่เธอรักมากที่สุดคนนี้ ไม่ยอมรับเธอขึ้นมา

    มันจะเป็นอย่างไร หากแต่ก็มีเสียงแย้งในใจ ก็ปกปิดมันซะสิ อย่าให้ใครรู้ แม้แต่คาโลเองก็ตาม



    ริมฝีปากบาง ค่อยๆบรรจงกัดที่ปลายนิ้วตน ก่อนจะป้ายหยาดโลหิตเพียงเล็กน้อยลงบนริมฝีปากได้รูป เมื่อปล่อยให้มัน

    หยดลงไปในลำคอร่างสูงได้เพียงชั่วครู่ ก็ร่ายเวทย์ปิดบาดแผลเบาๆ ร่างบางค่อยเคลื่อยกายมานั่งลงข้างเตียง

    โบกสะบัดมือไปทางประตูเพียงเล็กน้อย เพื่อลงกลอนเวทย์ พลางหลับตาลงรวบรวมกำลังใจ เมื่อลืมตาอีกครั้ง

    มือเรียวก็ค่อยๆ ปลดเปลื้องอาภรณ์ของตนออกทีละชิ้น เผยให้เห็นผิวเนียนขาว สะอาด ก่อนจะปลดอาภรณ์ชิ้นสุดท้าย

    ที่ปกคลุม..บางอย่างออก..  มือเรียวเอื้อมไปปลดเสื้อคลุมบุรุษตรงหน้าที่ คลุมไว้ลวกๆ เผยให้เห็นร่างกำยำ

    ซึ่งตอนนี้บาดแผลได้หายไปจนหมดสิ้น พลางทาบร่างลงไปบนร่างสูง จากนั้นจึงประกบริมฝีปากลง แล้วบดขยี้เบาๆ

    หากแต่ร่างที่อยู่ข้างใต้เมื่อรับรู้ถึงไออุ่นที่แทรกเข้ามา ราวกับกระตุ้นสัญชาติญาณดิบที่แฝงอยู่ ที่รอการประทุได้ทุกเมื่อ

    และคราวนี้เมื่อมีคนราวกลับมาจุดพลุภายในตัว พลันจากฝ่ายที่ถูกรุกกลับกลายเป็นฝ่ายรุกเสียเอง

    ร่างสูงตวัดตัวขึ้นคร่อมร่างบาง พลางลากลิ้นอุ่นจัดไปตามใบหน้า และลำคอระหงส์ ก่อนจะไล้ขึ้นไปตามพวงแก้มอีกครั้ง

    แล้วประกบลงที่ริมฝีปากบาง บดขยี้และรุกรานแฝงความเร่าร้อนไปในตัว เมื่อใหญ่ลูบไล้ไปตามผิวเนียน ก่อนจะลากลงต่ำ

    ให้สาวเจ้าต้องสะดุ้ง พร้อมปริ่มน้ำตา สิ่งเพียรรักษามานานถึงยี่สิบปี กำลังจะถูกพรากไป

    หากแต่คงไม่เท่ากับความรู้สึกต่อมา ที่ต่างกันลิบลับ เมื่อสัมผัสได้ถึงความร้อนแรง และเจ็บปวดทันทีที่บางส่วนของ

    ร่างกายคนรักได้แทรกผ่าน ฉีกกระชากเยื่อพรหมจรรย์ให้หลุดออก ดวงตาเบิกกว้างมีน้ำตาคลอจากความเจ็บปวด

    และสัมผัสได้ถึงของเหลวบางอย่างที่ไหลออกจากตัวเธอเอง ทำให้เตียงนั้นเกิดดวงสีแดงฉาน คนด้านบนยังคนรุกเร้า

    ต่อเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด เหล่าเชื้อพันธ์ทายาทได้หลั่งไหล ค่ำคืนร้อนแรงที่คงไม่ยาวนานนัก

    หากแต่ได้สร้างรอยบางอย่าง และอีกบางสิ่งบางอย่างให้เกิดขึ้น แก่หญิงสาวที่

    ยังคงหอบเหนื่อยจากสงครามที่เพิ่งจะจบไปไม่นาน ความรู้สึกปวดตุบๆ ช่วงล่างยังคงมีอยู่ให้น้ำตารื้นขึ้นมาเรื่อยๆ

    เมื่อหยุดหอบแล้วร่างบางจึงค่อยๆลุกจากเตียง แล้วสวมเสื้อผ้า ขณะที่กลัดกระดุม หญิงสาว เบนสายตามองไปยัง

    หนึ่งร่างที่ยังคงหลับใหล  พลางยิ้มน้อยๆ ปนความสุข



    แสงอาทิตยที่เริ่มจับขอบฟ้า ต่างค่อยๆส่งผ่านความสว่างมาในห้อง หน้าต่างบานทางขวาได้ถูกเปิดออก พร้อมๆกับที่

    ร่างบางข้างๆเตียงได้หายไป พร้อมสายลมที่พัดเข้ามาเมื่อครู่ ทิ้งไว้แต่เพียง คำกระซิบบอกรักวิ่งวนผ่านหูคนที่หลับ

    ให้ได้นอนฝันดีต่อไปจนสาย "ฉันรักนาย ไอซ์พริ้นซ์ของฉัน"









    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×