ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวขโมยแห่งบารามอส ตอนชีวิตที่ดำเนินต่อไป

    ลำดับตอนที่ #5 : ล่มสลาย เจ็บหนัก

    • อัปเดตล่าสุด 13 พ.ย. 48






    Chapter 4 ล่มสลาย  เจ็บหนัก



    แหะๆ ก็ไม่ค่อยมีเวลาจริงๆนั่นแหละค่ะ มาอัพได้แบบนี้ก็ดีถมแล้วเนอะ

    งานนี้ บทบรรยายแทบทั้งเรื่องอ่ะค่ะ  ตอนหน้าคงมีไรมากขึ้นเยอะค่ะ ถ้าใครอยากเห็นฉากหวานรอ

    ไปก่อนเนอะ ใกล้ได้แล้วค่ะ







    เมืองคาโนวาล บัดนี้ไม่เหลือเค้าความเดิมเลยแม้แต่น้อย  ความอึดอัด หวาดระแวง และขลาดกลัว

    แทรกไปทุกอณูรูขุมขน ตึกรามบ้านช่อง ถูกทำลายย่อยยับไม่มีชิ้นดี เสียงคมดาบตัดผ่านเฉือนเนื้อยังคงดังแว่ว

    ผ่านสายลม เข้ากระทบโสต ให้เลือดที่แล่นอยู่ในกายเย็นเฉียบ ชาวบ้านและผู้คนหลบอยู่แต่ในที่พักของตน ยัง

    เรียกได้ว่าโชคดีที่ดูเหมือนกับว่า เหล่ายมฑูตนรกนั้น ไม่หมายที่เสพความตายจากเหล่าผู้คนธรรมดา แม้ดูบาง

    ตน รอยความหิวกระหายจะปรากฎ แต่หากเหมือนมีบางสิ่งที่รั้งพวกมันไว้ ไม่ให้ทำสิ่งที่เลือดเย็นมากไปกว่านี้

    ใครก็ตามที่ถืออาวุธหรือพยายามเข้าจู่โจม มันจะรีบตอบสนองโดยการวาดเคียวเกี่ยววิญญาณ สวดส่งให้โดยทัน

    ทีหากแต่ถ้าเดินหลบๆหลีกซะ พวกมันก็จะไม่ทำอะไร เหล่าทหารทั้งหลายที่อยู่ในเมือง ที่รอดชีวิต ได้หลบหนี

    ออกไปจนหมด หลังจากที่สู้ไปก็ไร้ผล รังแต่จะเพิ่มจำนวนซากศพขึ้นมาเรื่อยๆ  ความมืดเริ่มปกคลุมท้องฟ้าเหนือ

    เมืองใหญ่  สีและกลิ่นคาวของโลหิตแดงฉานลอยคละคลุ้งไปทั่ว ความหนาวเย็นยะเยือก เริ่มบาดผิวกาย ผ่านไป

    ยังใจกลางเมือง ที่โคลอสเซี่ยมขนาดใหญ่ตั้งอยู่ บริเวณที่เรียกได้ว่าแทบเหมือนอยู่ในอีกเมืองหนึ่ง ราวกับยกฉาก

    ของขั้วโลกเหนือมาประดับไว้ก็ไม่ปาน หิมะสีขาวโพลนคลุมทั้งอัฒจรรย์ไว้จนดูเหมือน  มันเป็นสีขาวทั้งๆที่เมื่อไม่

    นานมานี้ มันยังเป็นสีทองอร่าม



    “วีสกาย่า”  เสียงที่ดังก้องไปทั่วอัฒจรรย์ที่บัดนี้ไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิตอื่นใด  ร่างสูงสง่าสองร่างกำลังขับเคี่ยวกัน

    อย่างดุดัน หนึ่งในนั้นคือ เจ้าชายคาโล วาเนบลี  เจ้าชายนักรบของคาโนวาลที่ สติสัมปะชัญญะ ขาดหายกลาย

    เป็นนักรบปีศาจ ที่ใครๆต่างเลื่องลือ พ่อมดปีศาจแห่งคาโนวาล อาภรณ์ที่เคยเป็นสีขาว ถูกย้อมจนแดงฉานจาก

    ทั้งเลือดของตนและศัตรู ผู้ที่ตอนนี้สภาพดูน่าสังเวชพอๆกัน เจ้าชายนิอาร์ล ผู้พ่ายแพ้  และ คนทรยศ  สัตว์

    เดรัจฉานในคราบมนุษย์ที่บังอาจหาญลองฤทธิ์ พ่อมดปีศาจ  รอยยิ้มยียวนไม่มีหลงเหลืออีกแล้ว เมื่อคู่ต่อสู่ตรง

    หน้า เก่งเสียจนตนไม่อาจต่อกร หากแต่จิตใจนั้นยังไม่ยอมแพ้ หาทุกวิถีทางที่จะกำจัดคนเบื้องหน้า แม้ว่ามันจะ

    ยากเต็มที   ดาบใหญ่สีดำในมือ วาดเป็นวงกว้างหมายจะสังหารฝูงปีศาจหมาป่าน้ำแข็ง ในคราวเดียว



    ซ่า!! เสียงหมาป่าที่โดนคมดาบละลายหายไป แต่คนตรงหน้ากลับไร้แววตระหนก ใดๆทั้งสิ้นๆ

    หลังจากที่คาโลกลายมาเป็นพ่อมดปีศาจเต็มตัว เกมการต่อสู้จึงได้เริ่มขึ้น ฝ่ายนิอาร์ลที่หลงว่าตนได้เปรียบจาก

    การที่เรียก ยมฑูตมรณะ มาได้นั้น หารู้ไม่ว่าคิดผิดเสียแล้ว เมื่อการโจมตีใดๆก็ตามของเหล่ายมฑูตไม่สามารถ

    เจาะผ่าน เขตอาคมที่แข็งแกร่งเข้ามาได้เลย จึงได้แต่บินวนเวียนไปรอบๆข่ายเวทย์เท่านั้น  ราวกับชั่งใจในการรับ

    มือคนตรงหน้า หากแต่เมื่อคราใดที่เผลอไผล เพียงเล็กน้อย บาดแผลฉกรรจ์ ก็จักบังเกิดขึ้นตามตัว



    สมองไพล่หาทางหนีตาย ที่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน พลันฉุกคิดบางสิ่งโอกาส สุดท้ายที่จะโต้ตอบ แม้ว่ามันจะดูเลือนลาง

    แต่ถ้าหากเขาออกไปจากเขตอาคมนี่ได้ เหล่ายมฑูตทั้งหลาย ก็จะสามารถเข้ามาโจมตี คาโลทันที

    พลันเริ่มกระชับดาบในมือ เหงื่อเริ่มซึมไหลออกมาอีกครั้งทั่วใบหน้า ก่อนจะทำสิ่งที่ไม่คาดคิด เมื่อวิ่งเข้าไปสาด

    ผง บางอย่างใส่หน้าคาโล พ่อมดผงะเล็กน้อย คิดส่งหมาป่าอีกชุดออกไป หากแต่สายไปเสียแล้วเมื่อสูดดม ผง

    นั้นภาพบางอย่างเริ่มแล่นเข้าสู่โสตการมองเห็น ภาพของหญิงสาวร่างบาง ดวงตาคู่โตสีน้ำตาลไหวระริกราวกับ

    หยอกล้อ ผมสีน้ำตาลพลิ้วไหว กลิ่นหอมหวานเริ่มทำให้สติบางอย่างเริ่มกลับคืน ดวงตาที่หม่นจนกลายเป็นสีเทา

    เริ่มปรับเปลี่ยน ก่อนจะกะพริบครั้งสุดท้ายเผยให้เห็นดวงเนตรคู่งามสีฟ้า ปากบางเริ่มขยับเรียกชื่อคนตรงหน้า



    “เฟริน”  มือใหญ่เอื้อมคว้าไปข้างหน้า คทาพิพากษาในมือหลวมลง เขตอาคมเริ่มจางถอยไปเรื่อยๆหากแต่ต้อง

    เบิกตากว้าง เมื่อดาบใหญ่แสนคุ้นเคยกำลังแทงพุ่งสวนเข้ามา แม้คิดจะป้องกันก็ไม่ทันเสียแล้ว กลิ่นคาวเลือดที่

    แจ่มชัด เมื่อมองไปยังที่มา  ดาบใหญ่สีนิลกาล เสียบทะลุคาท้อง ก่อนคนเลว จะกระชากดาบออกเรียก เลือดข้น

    ให้กระอักออกจากปาก กรอด!!!  แก!!



    เชอะ!! สุดท้าย อย่างแก ต้องมาตายอย่างน่าสมเพช ก็เพราะมัวเมาในอิสตรี!!  เสียงดูถูกเหยียดหยามดังออก

    จากปากคนถ่อย ที่ใช้ผงมายาลวงตาให้ คาโลต้องหลง สติที่กำลังจะดับวูบ ทันให้เห็นภาพสุดท้าย ของวาระแห่ง

    ชีวิตดาบใหญ่สีดำ ง้างขึ้นหมายจะตัดคอให้ขาดกระจุย เพื่อกันไม่ให้พ่อมด แผลงฤทธิ์อีก



    ตายซะเถอะ!! ดาบใหญ่ถูกวาดลงมาอย่างสุดแรง



    ……





    …..





    ….



    ..



    ..





    .







    เคร้ง!!!   ดวงตาสีน้ำตาลต้องเบิกกว้างเมื่อ คนที่ไม่สมควรจะอยู่ที่นี่กลับมาปรากฎตัวให้เห็น ร่างของบุรุษผมสีชา

    นัยน์ตาสีเขียวที่ยกดาบขึ้นมากันในวินาทีสุดท้าย เรียกรอยกระตุกเครียดบนใบหน้า



    เคร้ง!!!  ดาบใหญ่ถูกดีดกระเด็นออก ร่างของขอทานพุ่งโจนทะยานหมายปลิดชีพ หากแต่เคียวเล่มใหญ่กลับมา

    กั้นขวางไว้เสียก่อน ยมฑูตนับสิบกรูกันเข้ามา เมื่อเขตอาคมพ่อมดนั้นหายไป



    ชิ!! เสียงสบถในลำคอก่อนขอทานแห่งทริสทอร์จะระเบิดพลังใส่ เหล่ายมฑูต เป็นผลให้เจ้าพวกนั้นรวมทั้งนิอาร์ล

    กระเด็นไปไกล ไกลพอที่เขาจะวิ่งเข้าไปประคองเพื่อนที่นอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้น ขอทานมากเล่ห์รีบพยุงร่างโชก

    เลือด ของคาโลขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยมนตร์บทสั้น ร่างของทั้งสองหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย จากลานประลอง





    “หนีไปได้อย่างนั้นหรอ แต่ช่างเถอะแผลที่เกิดจากดาบข้านั้นมันมีพิษร้ายแรง คงตายไม่เกินภายใน 3 วันอยู่แล้ว”

    เสียงสุดท้ายของนิอาร์ล ก่อนจะพาร่างที่ตัวเองบาดเจ็บสาหัสไม่แพ้กันหายวับออกไป ทิ้งไว้แต่เพียงร่องรอยแห่ง

    การต่อสู้ และหายนะ ที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจ ลืม











    “นาน นานเกินไปแล้ว”  เสียงพร่ำบ่นในใจดังขึ้นอีกครั้งจากนักฆ่า ผู้ที่เรียกได้ว่ารับบัญชาจากไอ้ขอทานนั่น ให้

    พาเฟริน หนีมาก่อน ตั้งแต่ที่เขาหลุดออกมาจากช่องว่างนั้น ก็พบว่าตัวเองหลุดมาถึงเอดินเบิร์ก แม้จะยังไม่เข้า

    ใจนักว่าทำไมถึงมาที่นี่ แต่การพาเจ้าตัวดีไปรักษานั้น สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด  

        คิลจึงเข้าไปที่โรงแรมเล็กๆ ตรงแถบๆชายแดน อาการของเพื่อนรักก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น ดวงหน้า

    หวานยังคงซีดเซียว ราวกับถูกดูดพลังออกไปมากพอสมควร หลังจากที่ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ จึงตัดสินใจ

    ออกไป บริเวณที่ถูกส่งมาอีกครั้ง และเป็นไปตามคาด ที่เหล่าเพื่อนๆชาวป้อมอัศวิน จะโผล่ออกมา จากช่องว่างที่

    ใหญ่กว่าของเขากลับเฟรินมากทีเดียว



    “แล้วโร ล่ะ” คำถามแรกออกมาจากปากนักฆ่าที่กำลังกังวลสุดขีด พลางมองหาคนๆเดียวที่น่าจะมีทางช่วยเฟริน

    หากแต่ต้องผิดหวังเมื่อไร้วี่แวว คนรอบรู้คนนั้น



    “คุณ โร บอกจะไปช่วยคุณ คาโลก่อนค่ะ” เสียงหวานจากเจ้าหญิงคนงาม เรียกให้นักฆ่าหันไปมองตาม ก่อนจะ

    ดึงร่างบางมากอดแนบกาย พลางซบลงบนไหล่มน



    “คุณคิล” เสียงหวานเอ่ยเบาๆ อย่างเป็นห่วงคู่หมั้น ที่บัดนี้ดูท้อแท้เหลือเกิน

    “ฉันว่าเราไปหาเฟรินกันก่อน คงต้องให้เธอช่วยฟื้นพลังให้เรนอน ที่เหลือคงต้องรอให้หมอนั่นมา” เสียงคำสั่งห้าวดังมาจากปากของเจ้าหญิงนักรบ ก่อนที่ทุกคนจะเดินตามคิลไป โดยที่ครี๊ดกับเจคอาสาจะรอ โรกะคาโลที่นี่

    “ยังไม่มาอีกรึ” สุรเสียงแข็งกร้าวเรียกให้สติของนักฆ่ากลับคืนมา ร่างของผู้เป็นใหญ่แห่งคาโนวาลสาวเท้าเข้ามา

    ใกล้ หลังจากที่ครี๊ดรอไม่นาน องค์บาโร ก็หลุดออกมาจากช่องว่างแห่งมิติเช่นกัน โดยที่พระองค์สงบสติอารมณ์

    ได้แล้ว และตามเจคกลับมายังที่พัก เหล่าพลพรรคอดีตชาวป้อมอัศวินมอง นักฆ่าไร้สมอง ก่อนเสียงถอนหายใจ

    จะดังขึ้น อย่างเสียมิได้



    “ยังกระหม่อม ยังไม่มา” คำตอบที่ไม่ได้เรียกให้คนฟังหรือใครสบายใจขึ้นมาเลย เพราะเจ้าคนต้นเรื่องพาหนี ยัง

    ไม่โผล่ มาแม้แต่เงา ที่น่าแปลกนักดูเหมือนแม้แต่องค์บาโรก็มีแวว หวั่นใจปรากฎชั่ววูบในแววตา เพียงเสี้ยว

    วินาทีเท่านั้น แต่ก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตานักฆ่าไปได้



    กึก….





    กึก….





    “คิล” เสียงหวานร้องเรียก ทำให้เจ้าของชื่อมองย้อนกลับมา สตรีร่างบางเดินโซซัดโซเซมาหาเพื่อนรัก นักฆ่าที่ใจ

    ชื้นขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อเพื่อนรักไม่เป็นไรมากนัก แม้จะยังดูอ่อนแรง แต่ภายในไม่บอบช้ำหนักอย่างตอนแรก

    ต้องขอบคุณ จุมพิตจากเจ้าหญิงแห่งคาโนวาล ที่มอบการรักษาอย่างทันท่วงที





    “แกยังไม่หายดี ไม่ควรลุกขึ้นมา” น้ำเสียงเป็นห่วงดังออกจากปากนักฆ่า คนฟังได้แต่ยิ้มตอบ



    “ฝ่าบาท หม่อมชั้นขอประทานอภัย ที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น”  เสียงหวานสั่นเครือเมื่อเอ่ยพลางมองสบบุรุษตรงหน้า แวว

    ตาสีน้ำตาลไหม้หม่นวูบ แม้เธออาจไม่ใช่ต้นเหตุโดยตรง แต่หากไม่ใช่เพราะเธอ เจ้าคนทรยศนั่นคงไม่มีทางเรียก

    เหล่ายมฑูต จากนรกได้ พลันใจกระตุกวูบเมื่อนึกถึงอีกหนึ่งบุคคลที่ไม่อยู่ ณ ที่นี้



    “ไม่ใช่ความผิดเจ้า เฟลิโอน่า เรื่องนี้ข้าต้องขอโทษเจ้ามากกว่า ที่มีเรื่องภายในเกิดขึ้น จนเจ้าได้รับบาดเจ็บ”

    สุรเสียงหนักแน่นดังออกจากปาก ผู้เป็นใหญ่แห่งคาโนวาล แววตาเย็นเยียบเฉกเช่นบุตรชายยังคงสงบนิ่ง

    หากแต่จะผู้ใดล่วงรู้เล่าว่า ภายในพระองค์จะรู้สีกเช่นไร การที่บ้านเกิดเมืองนอนของพระองค์ต้องตกไปอยู่

    ในมือคนชั่ว การที่เกียรติแห่งนักรบคาโนวาลถูกเหยียบย่ำ การที่พระโอรสองค์เดียว หายเงียบยังไม่มีข่าวคราว

    พระองค์จะเป็นเช่นไรถ้าต้องสูญเสีย บุตรไปทั้งๆที่ไม่เคยได้บอกความในใจว่าพระองค์ทรงรักและภูมิใจในตัวเขา

    มากเพียงใด



    “ข้าขอตัว” ก่อนร่างทั้งร่างจะหายไป ทิ้งไว้เพียงสองหนุ่มสาวที่จมอยู่กับความคิด



    “เกิดอะไรขึ้นกันแน่วะคิล ทำไมชั้นถึงมาอยู่ที่นี่ ถามใครก็ไม่มีใครตอบ” หากแต่เฟรินกลับได้เสียงถอนหายใจเป็น

    คำตอบ ในใจอยากนึกเปลี่ยนอาชีพกับคนตรงหน้านัก ไอ้นักฆ่างี่เง่าแกจะตอบชั้น มั้ยวะไอ้…..



    “หลังจากที่แกร่วงลงมาจากอัฒจรรย์ คาโลมันก็คลั่งกลายเป็นพ่อมดปีศาจ ส่วนไอ้เจ้าคนทรยศนั่น มันก็เรียกตัว

    ห่า อะไรไม่รู้มาจากวงเวทย์มัน แล้วจากนั้นแกก็สลบ ไอ้โรมันเลยส่งแกกะชั้นมานี่ ที่เหลือไม่รู้” คำสาธยายยาว

    เหยียดที่ไม่ได้ไขข้อข้องใจเลยแม้แต่นิด กลับทำให้งงขึ้นมากไปอีก



    “แล้วตอนนี้คาโลอยู่ไหนล่ะ คิล”



    “ไม่รู้ชั้นก็มานี่พร้อมแกล่ะวะ ตอนนี้คงต้องรอแต่ไอ้เจ้าขอทานนั่น”





    ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑



    แฮ่ก!!!



    แฮ่ก!!!





    เสียงหอบหายใจระรัว พร้อมหัวใจที่เต้นแรงราวกับจะระเบิดออกมา เหงื่อไหลโทรมกายอุณหภูมิรอบข้างร้อนจัด

    ปอยผมสีชาเปียกชื้น ดวงตาสีเขียวมรกตบ่งบอกอย่างชัดเจนถึงความอ่อนล้า ดวงหน้าซีดเผือด  ร่างกายเริ่มรับ

    ไม่ไหวกับสภาพที่เป็นอยู่ เมื่อพลังเวทย์ที่เหลือน้อยเต็มที ไม่สามารถเปิดประตูมิติได้ หลังจากที่เขาเข้าไปช่วย

    เจ้าชายน้ำแข็งจากกลางสมรภูมิ พลังเฮือกสุดท้ายจึงทำได้เพียงร่ายเวทย์เคลื่อนย้าย ให้พ้นออกมาจากเมือง

    หลวงเท่านั้น ร่างสูงของขอทานนอนแผ่อยู่บนกองฟางหลังจากหาที่หลบภัยได้เป็นเพียงโรงนาร้าง แถบชายแดน

    ข้างๆมีอีกหนึ่งคนที่สลบไสลไม่ได้สติ เขาคงจะไปได้ไกลกว่านี้หรอก ถ้าไม่ติดตรงที่ว่าต้องแบกก้อนน้ำแข็งเดินได้

    ก้อนนี้ด้วย แม้ในใจจะคิดว่าทำไมถึงต้องช่วยเหลือขนาดนี้ ทั้งๆที่เป็นศัตรูหัวใจ แต่บางสิ่งบางอย่างกลับมาลบ

    ความคิดที่เห็นแก่ตัวออกไปจนหมด บางสิ่งนั้นคือคำว่าเพื่อน



    ร่างสูงแห่งเจ้าชายคาโนวาลมีสภาพย่ำแย่เต็มที แม้ปากแผลจะปิดแล้วจากเวทย์รักษาของขอทาน แต่ก็ยังไม่

    สมานดีนัก เสื้อผ้าชุ่มโชกไปด้วยเลือดจากบาดแผล เหงื่อซึมไปทั่วร่างกายและใบหน้า อุณหภูมิร่างกายร้อนจัด

    ราวกับไฟ แต่ดวงหน้ากลับซีดเซียวราวกับคนตาย ริมฝีปากเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีม่วงบ่งบอกให้รู้ว่าติดพิษ



    ราวกับนึกอะไรได้ขอทานหยิบคทาของคนข้างตัวขึ้นมาพลางพึมพำเรียก “ท่านหมอโอเดล ออกมาที”

    ร่างของชายแก่สีขาวโปร่งใสราวกับมุก โผล่ออกมาจากคทา พลางพินิจคนตรงหน้าก่อนดวงตาจะเบิกกว้าง



    “นายท่าน แย่แล้ว”ผีลุงหมอรีบตรงรี่เข้าตรวจอาการ เวลาผ่านไปเพียง 20 นาทีแต่ราวกับชั่วโมงสำหรับคนรอคอย

    หากผีมีเหงื่อก็คงจะท่วมโทรมกายเพราะดูจากสีหน้าอันเหน็ดเหนื่อยแล้ว ราวกับเพิ่งผ่านสงครามมาอย่างหนัก

    “เป็นไงมั่ง ลุงหมอ” ขอทานที่เงียบหลังจากคนเป็นหมอเริ่มตรวจถามขึ้นอีกครั้ง  คำตอบที่ได้นั้นเป็นลุงหมอที่

    ถอนหายใจให้เห็นเป็นครั้งแรก ดวงหน้านั้นเคร่งเครียดบวกกับคิ้วที่ขมวดมุ่น



    “ไม่ดีเลย ท่านโร  นายท่านบาดเจ็บสาหัส แถมยังโดนพิษร้ายแรง ข้าเกรงว่า….อาจไม่พ้นคืนนี้”







    @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@





    อ่า ขอบคุณ ทุกคนที่ได้เข้ามาอ่านะคะ



    ถ้ามีคำถามไรก็ถามมาได้ค่า



    ไว้คราวหน้าจะพยายามลงให้เยอะและยาวกว่านี้ นะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×