ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ภาคพิเศษ .ร้าน only ladies
เอ่อ จาว่าไงดี เราแต่งอันนี้มาเล่นๆ เพราะดันไปเห็นอะไรบางอย่างที่เป็นแรงบันดาลใจอ่ะนะ
มันคือ . เอาเป็นว่า อ่านไปเด๋วก็รู้เองแหล่ะ!!!  เอ้อ ลืมบอกไป ตอนนี้เป็นช่วงต่อจากเล่ม 4 ที่เพิ่งกลับมาจาก
สกอร์ปิโอ้นะคะ ที่ไปตามเฟรินมาน่ะแหละ
___________________________________________________________________________________
.แปลก .
..ทำไมรู้สึกแปลกๆ .. คำพร่ำบ่นในใจของหญิงสาว ขณะกำลังนั่งโม้กับ ไอ้ฝูงลิงทะโมนประจำป้อมอัศวิน ร่างบาง
หยุดชะงักการเล่าเรื่องที่กำลังเผากันอย่างสนุกปาก
อ้าว!!  ไอ้เฟริน ไหงไม่เล่าต่อวะ”  เสียงดังจากนักรบตาเดียวที่กำลังจดจ่ออยู่กับเรื่องที่ฟัง และอีกหลายๆคนในวง ที่มองมายังเจ้าตัวแสบอย่างสงสัย
ชะ ชั้น ขอตัวก่อน โทษที!!  เสียงสุดท้ายของหัวขโมยก่อนจะรีบวิ่งแจ้นออกจากวงทันที ทิ้งให้เพื่อนๆ
นั่งมองกันตาแป๋วกับอาการแปลกๆของมัน
“สงสัยมันหิว เลยไปหาอะไรกินมั้ง”  คำสันนิษฐานงี่เง่า จากโคลว์ ทำให้หลายคนๆ เริ่มหันมาสนทนากับหัวข้อใหม่
โดยเลิกสนใจอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับเฟริน
    ร่างบางหยุดยืนหน้าห้อง ก่อนจะตัดสินใจเคาะประตูเบาๆ ใบหน้าหวานเริ่มเบ้ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อรับรู้ถึงอาการที่เริ่มปวด
บริเวณท้องน้อย
ใคร คะ??  เสียงหวานที่รับมาจากภายในห้องบ่งบอกให้รู้ว่าเฟรินมันมาที่ห้องสามนางฟ้าแห่งป้อมอัศวิน แต่ว่ามันมาทำไมล่ะ?
ชั้นเอง เฟริน  ขอเข้าไปหน่อยสิ” . ก่อนประตูจะเปิดออกเผยให้เห็นเจ้าหญิงคนงาม ที่เพิ่งขานรับเมื่อสักครู่
เมื่อเห็นคนตรงหน้าอยู่ในร่างหญิงสาว จึงเบี่ยงตัวหลบให้อีกคนเข้ามา
“มีอะไรเฟริน”  แม่มดสาวแห่งวิทช์ หันมามองก่อนจะต้องรีบเข้าไปพยุงสาวน้อยที่ทำท่าเหมือนจะเป็นลม 
ใบหน้าหวานเริ่มซีดเซียว และเหยเกขึ้นเรื่อยๆ ก่อนเจ้าตัวจะเอ่ยบอกสาเหตุ
“ปวด  ปวดมากเลย”  พลางเอามือกุมท้องน้อย  “ทำไมมันปวดอย่างงี้ละ แองจี้”
แม่มดสาวพยุงแม่หัวขโมยไปที่เตียงก่อนจะมองไปยังเจ้าหญิงคนงาม ที่บัดนี้เริ่มจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่ ก่อนจะรีบกลับมาสงบสติอารมณ์
แม้จะทำได้ยากเต็มที  แม่มดสาวส่ายหัวเล็กน้อย แต่ก็ยังอดขำไม่ได้ พลางมองไปยังเจ้าตัวดีที่เริ่มแยกเขี้ยวใส่
    “ไม่คิดจะช่วยชั้นก่อนรึไง แล้วมันขำอะไรนักหนา หะ”  ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียง
“คือ ฉันแค่คิดว่า คนแข็งแรงอย่างคุณเฟริน ไม่น่าจะเป็นหนักขนาดนี้น่ะค่ะ”  เรนอนเป็นคนตอบคำถาม แต่ก็ยังไม่วายที่จะขำ
เมื่อเจ้าตัวดีเลิกคิ้วสูง
“ก็ปกติ คนที่เค้าออกกำลังกายกันบ่อยๆ ไม่ค่อยเป็นกันนักหรอก หรือไม่ก็อาจจะเป็นน้อย แต่อย่างว่า นายมันก็เพิ่งจะเป็นแบบนี้ไม่นาน
อีกหน่อยก็คงเบาลง มั้งนะ อ่ะ จัดการให้เรียบร้อย”  แองจี้พูดเสริมก่อนจะส่งบางอย่างให้เฟริน
เฟรินที่รับของสิ่งนั้นมาก็เดินไปเข้าห้องน้ำ ก่อนจะแทบคลานออกมา เมื่ออาการปวดท้องน้อยกำเริบอีกครั้ง
พลางรีบปีนขึ้นไปนอนบนเตียง คราวนี้เป็นเจ้าหญิงคนงามที่ส่งถุงน้ำร้อนที่พันผ้าขนหนูเรียบร้อยแล้ว
แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่งุนงงเข้าไปใหญ่ของหัวขโมย จึงจัดการวางถุงนั้นบนท้องน้อยของเฟริน ความรู้สึกอุ่นจนเรียกได้ว่าร้อน
ค่อยๆซึมซาบ ไปทั่ว ก่อนอาการที่สุดแสนทรมานนั้น ค่อยๆ บรรเทาลง
เจ้าตัวดีเอ่ยคำขอบคุณออกมาเบาๆ ดวงหน้าที่ซีดเริ่มมีสีเลือดขึ้นมาบ้าง และเริ่มเคลิ้มจวนเจียนจะหลับ
“แต่คุณเฟริน จะใช้ถุงน้ำร้อยบ่อยๆไม่ได้นะคะ มันไม่ค่อยดีต่อสุขภาพ” คำกล่าวจากเรนอนทำให้เฟรินที่ใกล้หลับเต็มทีหันหน้ามามอง
“แล้วให้ทำไงหล่ะ อย่าบอกว่าให้ฉันทนไปเรื่อยๆนะ คงตายก่อนแหงๆ”  เฟรินเริ่มโวยวาย หากแต่ต้องหยุดลง
เมื่อประตูด้านหน้าเปิดออก  มาทิลด้าก็ก้าวเข้ามาในห้อง พลางแปลกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นเฟรินนอนอยู่ บนเตียง
“นาย มาทำอะไร อ้อ”  ในตอนแรกที่คิดจะถามก็หยุดลงเมื่อเห็นของที่วางอยู่บนท้องเฟริน พลางอมยิ้มเล็กน้อย
“เออ เดี๋ยวนี้ฉันกลายเป็นตัวตลกไปแล้วใช่มั้ย”  เสียงหวานที่ออกแววงอนเล็กน้อย เมื่อสามสาวพร้อมใจกันขำ
“ก็อย่างที่บอกแหล่ะเฟริน ใครจะไปคิดว่าอย่างนายจะเป็นไปกะเค้าด้วย”  คำพูดที่ไม่ได้เรียกให้คนฟังรู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย
ดังมาจากแม่มดสาว
“มาทิลด้า ประชุมเสร็จแล้วเหรอ” เรนอนเริ่มบทสนทนา
“อืม..เดี๋ยวตอนเย็นค่อยแจกแจงให้ฟัง”  พลางทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ที่โต๊ะอ่านหนังสือ พลางเอะใจ อะไรบางอย่าง
ก่อนหยิบของที่อยู่ในลิ้นชัก ขวดคริสตัลใบเล็กจิ๋ว ขนาดไม่เกินหนึ่งฝ่ามือ ข้างในบรรจุของเหลวสีฟ้าใส ถูกส่งให้เฟรินที่รับมาอย่างงงๆ
“อันนี้ได้ผลชะงัดดีเฟริน รับรองไม่เกินครึ่งนาที หายเป็นปลิดทิ้ง”  คำสรรพคุณรับรองผลที่คนฟังไม่แน่ใจนักหากแต่ก็ยอมดื่มโดยดี
ชั่วแวบเดียวที่ของเหลวตกถึงท้อง ความร้อนก็วิ่งพล่านไปทั่วร่างกาย ก่อนจะหายไปพร้อมกับที่อาการปวดหายเป็นปลิดทิ้งจริงๆ
“ปกติพวกชั้นไม่ค่อยใช้หรอก เพียงแต่เผื่อไว้ว่าคราวไหนที่ลืมกินสมุนไพรแล้วมันปวดก็ค่อยดื่มมันเอาน่ะ”  มาทิลด้าเอ่ยขึ้น
“จริงแล้วๆ มีสมุนไพร ที่กินก่อนฤดูนางจะมาน่ะค่ะ คุณเฟริน มันจะทำให้ถึงเวลาแล้วไม่ปวดค่ะ”  เรนอนกล่าวยิ้มๆ
“จริงง่ะ แล้วต้องซื้อที่ไหนล่ะ” เฟรินที่แววตาเป็นประกายขึ้นมาทันตา เมื่อรู้ว่ามียาที่ทำให้ไม่ต้องทรมานได้ จึงรีบเด้งตัวขึ้นมาจากที่นอน
“อืม..ก็ต้องเป็นที่นั่นที่เดียวน่ะแหละนะ”
“ที่ไหน”
“ร้าน only ladies”  สามสาวกล่าวพร้อมกัน อย่างไม่ได้นัดหมาย ก่อนจะลากเจ้าตัวยุ่งออกจากห้อง ที่นั่งตาแป๋วเมื่อได้ยินชื่อร้าน
เมื่อสี่สาวนางฟ้าแห่งป้อมอัศวินก้าวลงมาพร้อมกันจากหอนอน สู่ระเบียงทางเดินเพื่อไปยังตลาดเอดินเบิร์ก 
ความงดงามของพวกหล่อนทำให้ สายตาของพวกหนุ่มๆ ต้องมองจนเหลียวหลัง เสียงหัวเราะต่อกระซิก
เรียกให้ใครหลายคนต้องละจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แล้วหันมาราวกับต้องมนตร์สะกด แต่ทว่าบรรยากาศที่สดใส
กลับเย็นลงจนอย่างน่ากลัว พร้อมรังสีเข่นฆ่าที่แผ่ออกมาจากคนสองคนพร้อมกัน พร้อมกับเสียงที่ดังตามมา
“พวกเธอจะไปไหน กัน” สุรเสียงพร้อมนัยน์ตาสีฟ้าเย็นเยียบถูกส่งมา ไม่ใช่ว่าสงสัยอะไรนักหรอก แต่มันหงุดหงิด
ที่มีสายตาหลายคู่ลามเลียไปตลอดทางที่พวกหล่อนเดินผ่าน และคงไม่หงุดหงิดขนาดนี้ถ้าไม่มีเจ้าตัวยุ่งของเขาในกลุ่มนั้นด้วย
“แล้วแกจะ เ สื อก ไรวะ”  คำพูดของแม่ตัวดีที่คาโลคิดว่าน่าจับลงโทษซะให้เข็ด
“ไปไหน กันหรือครับเรนอน”  คราวนี้เป็นนักฆ่าที่ถามบ้าง หากแต่คำตอบที่ได้รับนั้นกลับทำให้งงขึ้นไปอีก
“ความลับของผู้หญิงค่ะ”  แล้วทั้งสี่สาวก็เดินจากไปทิ้งให้อีกสองหนุ่มยืนไม่เข้าใจอยู่อย่างนั้น คาโลที่ถอนหายใจกลัว
แม่ตัวยุ่งของเขาจะทำป่วน แต่เมื่อคิดดูอีกทีไปกับสามสาวนั่นอาจจะกำราบอยู่ก็ได้ ส่วนคิลก็ได้แต่เกาหัวแกรกๆ
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ตลาดเอดินเบิร์กยามเที่ยงวัน ทั้งๆที่อากาศร้อน แต่ผู้คนก็ยังเดินจับจ่ายซื้อของกันได้อย่างไม่สะทกสะท้าน
เสียงพ่อค้าแม่ขายก็ยังตะโกนแข่งกัน อย่างไม่มีทีท่าว่าจะเหนื่อย ร้านรวงต่างๆ นำของออกมาโชว์มากมาย
เรียกให้หัวขโมยเริ่มอยากกลับมาทำอาชีพเก่าเสียเหลือเกิน แต่สิ่งที่ดึงดูดใจมากที่สุดนั้น หากแต่เป็นร้านที่มีสาวๆจากหออื่นๆ
เดินเข้าออกกันให้ควัก ร้านที่เฟรินไม่เคยเห็นมาก่อน หรือเพราะอาจจะไม่ได้ใส่ใจก็ บรรยากาศภายนอกร้านที่ดูออกหวานๆนั้น
ไม่เข้ากับอดีตหัวขโมยอย่างเขาสักนิด คงไม่แปลกหรอกที่เขาจะเดินเลยร้านนี้ไป
“ร้านนี้แหล่ะค่ะ คุณเฟริน”  เรนอนกล่าวก่อนจะผลักบานประตูแล้วลากเฟรินตามเข้าไป พร้อมแองจี้ และมาทิลด้าที่เดินตามมาติดๆ
ภายในร้านนั้นดูออกสว่างสดใส ผนังทาออกเป็นสีขาวหากแต่ เอาผ้าม่านสีชมพูที่เป็นระบายบางๆแขวนไว้ทั่ว
มองไปด้านหน้าเห็นตุ๊กตาหมีขนาดใหญ่ ถือหมอนรูปหัวใจสีแดงขนาดใหญ่ เขียนไว้ว่า “only ladies” 
ถัดลงมาเป็นชั้นวางกระจกใสสำหรับของต่างๆ  เมื่อพิจารณาดูแล้ว มันคือพวกเครื่องสำอางค์นั่นเอง  จานคริสตัส สีชมพูใส แบนราบ
ด้านบนมี อาย แชโดว์ สารพัดสีให้เลือกสรร ถัดไปเป็นพวกลิปสติก ดินสอเขียนคิ้ว และ บลัชออน 
ชั้นวางของทอดแนวยาวไปตลอดทั้งร้าน  รวมถึงอุปกรณ์แต่งหน้า สารพัดชนิด บางอันดูแล้วแปลกตามากที่เมื่อมองแล้ว
ไม่รู้ว่าอันไหนใช้ยังไง พนักงานยืนประจำในร้าน ราวห้าคน คอยยืนเชียร์สาวๆ ในร้านให้เลือกสีนู้นสีนี้
หากแต่อีกด้านหนึ่งกลับมีพวกเครื่องประดับ รวมถึงของใช้สีหวานๆ เหมาะสำหรับพวกสาวๆ ซึ่งไล่ระดับตั้งแต่หวานนิดๆ
ไปจนถึง สีหวานหยาดเยิ้ม เฟรินที่ยังมองตาค้างกับภาพตรงหน้าไม่เลิก โดยไม่คิดว่าจะมีร้านประเภทนี้อยู่ในโลก
ด้วยซ้ำไป “ให้ตายเหอะ เขาเข้าใจทันทีว่าทำไมถึงตั้งชื่อร้านว่า only ladies ขืนผู้ชายเข้ามามีหวัง สำลักความหวาน
และเขินตายคาที่เสียก่อน หากไม่อย่างนั้นก็คงโดนสาวๆรุมกระทื้บแน่ๆ เพราะอะไรน่ะหรอ??” 
ก็เพราะว่าเมื่อเดินลึกเข้ามาหน่อยกับเป็นพวกของใช้ส่วนตัวจริงๆของพวกผู้หญิง ทั้งครีมทาผิว ชุดชั้นใน
และของที่ต้องใช้เมื่อถึงคราวฤดูนาง วางเรียงเต็มไปหมด
“สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ช่วยมั้ยคะ”  พนักงานสาวคนนึงเดินเข้ามาถามเฟริน แต่เจ้าตัวก็ได้อ้ำๆ อึ้งๆ  “ เอ่อคือชั้น ชั้น” 
เรนอนที่เห็นเหตุการณ์จึงรีบเดินเข้ามาพร้อมทั้งสั่งของทั้งหมดที่ต้องใช้ สำหรับเฟรินให้เสร็จสรรพ
พนักงานจึงเดินไปหลังร้านเพื่อที่จะจัดของให้ เรนอนจึงลากเฟรินออกมาพร้อมทั้งชี้ชวนให้ซื้อนั่นนี่
“ ของที่จำเป็น เรนอนสั่งเรียบร้อยแล้ว วันหลังคุณเฟรินจะมาซื้อเอง หรือเรียกเรนอนมาเป็นเพื่อนก็ได้ค่ะ
แล้วตอนนี้คุณเฟรินจะเอาอะไรเพิ่มเติมมั้ยคะ”
“ง่า ไม่ดีกว่า เอาแค่ที่ต้องใช้กับยา ก็พอแล้วคับ เอ้ยค่ะ  แล้ว แองจี้กับมาทิลด้าล่ะ” พลางหันไปมองสองสาวที่เดินแยก
ออกจากวงทันทีที่เดินเข้าร้าน เพื่อไปเลือกของที่ตัวเองชอบ
“กำลังจ่ายเงินอยู่ค่ะ ทางนั้น”  เรนอนชี้ไปที่สองสาว ที่ถือตะกร้าใบเล็กสีชมพูหวานยื่นให้เคาน์เตอร์ เมื่อจ่ายเงินเสร็จ
ทั้งสองจึงเดินเข้ามาหาเฟรินกับเรนอน
“อ่ะนี่ของนาย”  แองจี้กล่าวพลางยื่นถุงสีขาวมาให้เฟรินที่รับมาอย่างเขินๆ
“ให้เรนอนอธิบายวิธีกินละกัน ชั้นไปซื้อน้ำก่อนเดี๋ยวมา”  พลางเดินออกไปจากร้าน
“แล้วเธอไม่เอาอะไรบ้างหรอ เรนอน” มาทิลด้าถามเมื่อเห็นเพื่อนไม่ได้ซื้ออะไรติดมือเลย
“ไม่ค่ะ ของเรนอนยังมีพอ คุณมาทิลด้าซื้ออะไรมามั่งล่ะคะ” เรนอนที่เป็นฝ่ายถามบ้าง พลางมองไปยังถุงที่เจ้าหญิงนักรบถือ
“ก็ยา น่ะแหละ ขวดนั้นขวดสุดท้ายพอดีที่ให้เฟรินกินน่ะ กับครีมทาผิวอีกหน่อย” หล่อนตอบอย่างไม่ใส่นัก
และหันไปมองแองจี้ที่กำลังเดินเข้ามา “กลับกันเถอะ” ก่อนจะเดินนำอีกสามสาวออกจากร้าน  ระหว่างทางเรนอน
ก็อธิบายถึงยาสองชนิดที่เฟรินได้มา
“แบบเม็ดให้กินก่อนถึงช่วงนั้นนะคะ ส่วนน้ำสีฟ้าใสนี่ แบบเดียวกันที่คุณเฟรินกินเมื่อเช้านั่นแหละค่ะ กินเฉพาะตอนปวดจริงๆ” 
หลังจากนั้นทั้งสี่สาวก็เดินกลับโรงเรียน พลางคุยกันมาตลอดทาง และเมื่อถึงห้องนั่งเล่นทั้งสามสาวก็แยกตัวจากเฟริน
แล้วกลับห้องไป ทางเฟรินจึงเดินกลับเข้ามาในห้องตนเอง
“เฮ้อ เหนื่อยชะมัด”  สาวเจ้าถอนหายใจพลางทิ้งตัวลงบนเตียง โดยไม่สนใจอีกคนที่มองมา
“ตกลงแกไปไหนมาวะ เฟริน” คิลเป็นฝ่ายถามขึ้นอีกครั้ง
“ไปตลาด” เสียงตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก พลันเสียงปิดหนังสือก็ดังขึ้นจากคนที่นั่งหันหลังให้ พลางลุกออกจากเก้าอี้แล้วเดิน
ออกไปตรงระเบียง
“ง่ะ มันเป็นอะไรของมันวะ” เฟรินที่งงเป็นไก่ตาแตกเมื่อไม่เข้าใจว่าอีกคนเป็นอะไร
“มันนึกว่าแกหนีไปเที่ยว เลยงอนมั้ง?” นักฆ่าตอบพลางยักไหล่
เฟรินถอนหายใจแล้วรีบเดินตามคนที่มันแอบประนามในใจ ว่า “ผู้ชายอะไรขี้งอนอย่างกับผู้หญิง”
ร่างบางก้าวไปหยุดยืนข้างหลังคนตัวโตกว่า
“คาโล นี่แกงอนชั้นรึไง” เสียงหวานเอ่ยถาม หากแต่คนตัวโตกว่า ยังปากแข็ง
“ ”  ไร้ซึ่งเสียงตอบรับ
“นี่ คาโลแกอย่าขี้งอนนักได้ไหม” เสียงหวานที่ตอนนี้เริ่มจะแหวใส่เมื่อคนตรงหน้าไม่พูดไม่จา
ร่างสูงเบือนหน้ากลับมาพลางมองไปยัง คนตัวเล็กที่บัดนี้ หน้าเริ่มงอ “ถ้าง้อฉันแล้วมันลำบากนัก ก็ไม่ต้อง” 
คำพูดที่เมื่อได้ฟังก็เรียกรอยยิ้มอมขำขึ้นมาบนดวงหน้าหวาน ก่อนจะสาวเท้าเข้ามาใกล้ ร่างบางเริ่มเบียดแนบชิดราวกับ
จะยั่วคนตรงหน้า ร่างสูงผงะถอยเมื่อไม่รู้ว่าคนตรงหน้าจะมาไม้ไหน หากแต่แขนเรียวเล็ก กลับยกขึ้นโอบเอวคนตัวสูง
เรียกรอยสีจางขึ้นโหนกแก้มขาวๆ ของเจ้าชายน้ำแข็ง
“นายงอน จริงๆซะด้วยสิ” ก่อนจะหัวเราะเบาๆ ยิ่งเรียกสีเลือดให้ขึ้นไปแผลงฤทธิ์บนหน้าคนฟังเพิ่มขึ้น
ก่อนจะรีบกลบเกลื่อนหากแต่ก็ยังไม่มิด  “แล้วตกลงนายไปไหนมา”
“ก็ไปตลาดน่ะแหล่ะ แต่ไม่ได้ไปเที่ยวหรอก เชื่อสิ”  ก่อนจะช้อนดวงตาสีน้ำตาลมองสบไปยังดวงตาสีฟ้าสวย
ที่บัดนี้เริ่มไหววูบ อย่างลืมตัว
“แล้วไปทำไม” คำถามสั้นๆดังออกมาจากปาก เรียกให้คิ้วเรียวสวยของอีกฝ่ายขมวดปมเล็กน้อย
ก่อนจะถอนหายใจอีกครั้ง “ก็ได้ ถ้านายอยากรู้ สัญญาก่อนนะว่าห้ามล้อฉัน”  เฟรินกล่าวเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย
เมื่อนึกถึงว่า ถ้าไม่บอกมันตรงๆ มันคงงอนไม่เลิกน่ะแหละ พร้อมกับดวงหน้าที่ตอนนี้เริ่มขึ้นสีอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อคนตรงหน้าพยักหน้าเล็กน้อย จึงโน้มศีรษะคนตัวสูงกว่าลงมา พลางกระซิบเบาๆ  เมื่อได้ฟัง
โหนกแก้มที่ขึ้นสีเมื่อครู่กลับแดงขึ้นมาอีกครั้ง แล้วคราวนี้ต่อให้กลบไงก็กลบไม่อยู่ พร้อมทั้งคนบอกที่ตอนนี้หน้าขึ้นสีไม่แพ้กัน
“เอ่อ คือ” คาโลที่ตอนนี้เขินจนระงับอาการไม่อยู่ แถมทำอะไรไม่ถูกเป็นครั้งแรก จึงตัดสินใจ ลากเฟรินกลับเข้าห้อง
นักฆ่าที่รอเพื่อนรักสองคนง้อกันเสร็จแล้ว จึงเดินเข้ามา
“ไปกินข้าวเย็นกันเหอะ อ้าว!! คาโลแกเป็นไรวะ หน้าแดงเชียว” นักฆ่าไร้หัวคิดถามขึ้น ยิ่งเรียกสีแดงให้เกิดบนใบหน้า
เจ้าชายมากขึ้นไปอีก ก่อนที่เจ้าตัวจะเรียกหน้ากากน้ำแข็งขึ้นมาอีกครั้ง แล้วรีบชิ่งออกจากห้องไปก่อนเลย
“ง่ะ ไปเลยซะงั้นน่ะ  แล้วเฟรินตกลงแกไปไหนมาวะ”  นักฆ่าปัญญาอ่อนยังถามไม่เลิก เรียกให้เฟริน ถอนหายใจอีกครั้ง
ก่อนสาวเจ้าจะเดินตามคาโลออกจากห้องไปโดยไม่ตอบคำถาม เรียกให้นักฆ่า ยังยืนเกาหัวแกรกๆ ในห้องต่อไป
“มันสองคนเป็นไรกันวะ”  ก่อนจะรีบตามออกไปเช่นกัน
มันคือ . เอาเป็นว่า อ่านไปเด๋วก็รู้เองแหล่ะ!!!  เอ้อ ลืมบอกไป ตอนนี้เป็นช่วงต่อจากเล่ม 4 ที่เพิ่งกลับมาจาก
สกอร์ปิโอ้นะคะ ที่ไปตามเฟรินมาน่ะแหละ
___________________________________________________________________________________
.แปลก .
..ทำไมรู้สึกแปลกๆ .. คำพร่ำบ่นในใจของหญิงสาว ขณะกำลังนั่งโม้กับ ไอ้ฝูงลิงทะโมนประจำป้อมอัศวิน ร่างบาง
หยุดชะงักการเล่าเรื่องที่กำลังเผากันอย่างสนุกปาก
อ้าว!!  ไอ้เฟริน ไหงไม่เล่าต่อวะ”  เสียงดังจากนักรบตาเดียวที่กำลังจดจ่ออยู่กับเรื่องที่ฟัง และอีกหลายๆคนในวง ที่มองมายังเจ้าตัวแสบอย่างสงสัย
ชะ ชั้น ขอตัวก่อน โทษที!!  เสียงสุดท้ายของหัวขโมยก่อนจะรีบวิ่งแจ้นออกจากวงทันที ทิ้งให้เพื่อนๆ
นั่งมองกันตาแป๋วกับอาการแปลกๆของมัน
“สงสัยมันหิว เลยไปหาอะไรกินมั้ง”  คำสันนิษฐานงี่เง่า จากโคลว์ ทำให้หลายคนๆ เริ่มหันมาสนทนากับหัวข้อใหม่
โดยเลิกสนใจอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับเฟริน
    ร่างบางหยุดยืนหน้าห้อง ก่อนจะตัดสินใจเคาะประตูเบาๆ ใบหน้าหวานเริ่มเบ้ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อรับรู้ถึงอาการที่เริ่มปวด
บริเวณท้องน้อย
ใคร คะ??  เสียงหวานที่รับมาจากภายในห้องบ่งบอกให้รู้ว่าเฟรินมันมาที่ห้องสามนางฟ้าแห่งป้อมอัศวิน แต่ว่ามันมาทำไมล่ะ?
ชั้นเอง เฟริน  ขอเข้าไปหน่อยสิ” . ก่อนประตูจะเปิดออกเผยให้เห็นเจ้าหญิงคนงาม ที่เพิ่งขานรับเมื่อสักครู่
เมื่อเห็นคนตรงหน้าอยู่ในร่างหญิงสาว จึงเบี่ยงตัวหลบให้อีกคนเข้ามา
“มีอะไรเฟริน”  แม่มดสาวแห่งวิทช์ หันมามองก่อนจะต้องรีบเข้าไปพยุงสาวน้อยที่ทำท่าเหมือนจะเป็นลม 
ใบหน้าหวานเริ่มซีดเซียว และเหยเกขึ้นเรื่อยๆ ก่อนเจ้าตัวจะเอ่ยบอกสาเหตุ
“ปวด  ปวดมากเลย”  พลางเอามือกุมท้องน้อย  “ทำไมมันปวดอย่างงี้ละ แองจี้”
แม่มดสาวพยุงแม่หัวขโมยไปที่เตียงก่อนจะมองไปยังเจ้าหญิงคนงาม ที่บัดนี้เริ่มจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่ ก่อนจะรีบกลับมาสงบสติอารมณ์
แม้จะทำได้ยากเต็มที  แม่มดสาวส่ายหัวเล็กน้อย แต่ก็ยังอดขำไม่ได้ พลางมองไปยังเจ้าตัวดีที่เริ่มแยกเขี้ยวใส่
    “ไม่คิดจะช่วยชั้นก่อนรึไง แล้วมันขำอะไรนักหนา หะ”  ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียง
“คือ ฉันแค่คิดว่า คนแข็งแรงอย่างคุณเฟริน ไม่น่าจะเป็นหนักขนาดนี้น่ะค่ะ”  เรนอนเป็นคนตอบคำถาม แต่ก็ยังไม่วายที่จะขำ
เมื่อเจ้าตัวดีเลิกคิ้วสูง
“ก็ปกติ คนที่เค้าออกกำลังกายกันบ่อยๆ ไม่ค่อยเป็นกันนักหรอก หรือไม่ก็อาจจะเป็นน้อย แต่อย่างว่า นายมันก็เพิ่งจะเป็นแบบนี้ไม่นาน
อีกหน่อยก็คงเบาลง มั้งนะ อ่ะ จัดการให้เรียบร้อย”  แองจี้พูดเสริมก่อนจะส่งบางอย่างให้เฟริน
เฟรินที่รับของสิ่งนั้นมาก็เดินไปเข้าห้องน้ำ ก่อนจะแทบคลานออกมา เมื่ออาการปวดท้องน้อยกำเริบอีกครั้ง
พลางรีบปีนขึ้นไปนอนบนเตียง คราวนี้เป็นเจ้าหญิงคนงามที่ส่งถุงน้ำร้อนที่พันผ้าขนหนูเรียบร้อยแล้ว
แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่งุนงงเข้าไปใหญ่ของหัวขโมย จึงจัดการวางถุงนั้นบนท้องน้อยของเฟริน ความรู้สึกอุ่นจนเรียกได้ว่าร้อน
ค่อยๆซึมซาบ ไปทั่ว ก่อนอาการที่สุดแสนทรมานนั้น ค่อยๆ บรรเทาลง
เจ้าตัวดีเอ่ยคำขอบคุณออกมาเบาๆ ดวงหน้าที่ซีดเริ่มมีสีเลือดขึ้นมาบ้าง และเริ่มเคลิ้มจวนเจียนจะหลับ
“แต่คุณเฟริน จะใช้ถุงน้ำร้อยบ่อยๆไม่ได้นะคะ มันไม่ค่อยดีต่อสุขภาพ” คำกล่าวจากเรนอนทำให้เฟรินที่ใกล้หลับเต็มทีหันหน้ามามอง
“แล้วให้ทำไงหล่ะ อย่าบอกว่าให้ฉันทนไปเรื่อยๆนะ คงตายก่อนแหงๆ”  เฟรินเริ่มโวยวาย หากแต่ต้องหยุดลง
เมื่อประตูด้านหน้าเปิดออก  มาทิลด้าก็ก้าวเข้ามาในห้อง พลางแปลกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นเฟรินนอนอยู่ บนเตียง
“นาย มาทำอะไร อ้อ”  ในตอนแรกที่คิดจะถามก็หยุดลงเมื่อเห็นของที่วางอยู่บนท้องเฟริน พลางอมยิ้มเล็กน้อย
“เออ เดี๋ยวนี้ฉันกลายเป็นตัวตลกไปแล้วใช่มั้ย”  เสียงหวานที่ออกแววงอนเล็กน้อย เมื่อสามสาวพร้อมใจกันขำ
“ก็อย่างที่บอกแหล่ะเฟริน ใครจะไปคิดว่าอย่างนายจะเป็นไปกะเค้าด้วย”  คำพูดที่ไม่ได้เรียกให้คนฟังรู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย
ดังมาจากแม่มดสาว
“มาทิลด้า ประชุมเสร็จแล้วเหรอ” เรนอนเริ่มบทสนทนา
“อืม..เดี๋ยวตอนเย็นค่อยแจกแจงให้ฟัง”  พลางทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ที่โต๊ะอ่านหนังสือ พลางเอะใจ อะไรบางอย่าง
ก่อนหยิบของที่อยู่ในลิ้นชัก ขวดคริสตัลใบเล็กจิ๋ว ขนาดไม่เกินหนึ่งฝ่ามือ ข้างในบรรจุของเหลวสีฟ้าใส ถูกส่งให้เฟรินที่รับมาอย่างงงๆ
“อันนี้ได้ผลชะงัดดีเฟริน รับรองไม่เกินครึ่งนาที หายเป็นปลิดทิ้ง”  คำสรรพคุณรับรองผลที่คนฟังไม่แน่ใจนักหากแต่ก็ยอมดื่มโดยดี
ชั่วแวบเดียวที่ของเหลวตกถึงท้อง ความร้อนก็วิ่งพล่านไปทั่วร่างกาย ก่อนจะหายไปพร้อมกับที่อาการปวดหายเป็นปลิดทิ้งจริงๆ
“ปกติพวกชั้นไม่ค่อยใช้หรอก เพียงแต่เผื่อไว้ว่าคราวไหนที่ลืมกินสมุนไพรแล้วมันปวดก็ค่อยดื่มมันเอาน่ะ”  มาทิลด้าเอ่ยขึ้น
“จริงแล้วๆ มีสมุนไพร ที่กินก่อนฤดูนางจะมาน่ะค่ะ คุณเฟริน มันจะทำให้ถึงเวลาแล้วไม่ปวดค่ะ”  เรนอนกล่าวยิ้มๆ
“จริงง่ะ แล้วต้องซื้อที่ไหนล่ะ” เฟรินที่แววตาเป็นประกายขึ้นมาทันตา เมื่อรู้ว่ามียาที่ทำให้ไม่ต้องทรมานได้ จึงรีบเด้งตัวขึ้นมาจากที่นอน
“อืม..ก็ต้องเป็นที่นั่นที่เดียวน่ะแหละนะ”
“ที่ไหน”
“ร้าน only ladies”  สามสาวกล่าวพร้อมกัน อย่างไม่ได้นัดหมาย ก่อนจะลากเจ้าตัวยุ่งออกจากห้อง ที่นั่งตาแป๋วเมื่อได้ยินชื่อร้าน
เมื่อสี่สาวนางฟ้าแห่งป้อมอัศวินก้าวลงมาพร้อมกันจากหอนอน สู่ระเบียงทางเดินเพื่อไปยังตลาดเอดินเบิร์ก 
ความงดงามของพวกหล่อนทำให้ สายตาของพวกหนุ่มๆ ต้องมองจนเหลียวหลัง เสียงหัวเราะต่อกระซิก
เรียกให้ใครหลายคนต้องละจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แล้วหันมาราวกับต้องมนตร์สะกด แต่ทว่าบรรยากาศที่สดใส
กลับเย็นลงจนอย่างน่ากลัว พร้อมรังสีเข่นฆ่าที่แผ่ออกมาจากคนสองคนพร้อมกัน พร้อมกับเสียงที่ดังตามมา
“พวกเธอจะไปไหน กัน” สุรเสียงพร้อมนัยน์ตาสีฟ้าเย็นเยียบถูกส่งมา ไม่ใช่ว่าสงสัยอะไรนักหรอก แต่มันหงุดหงิด
ที่มีสายตาหลายคู่ลามเลียไปตลอดทางที่พวกหล่อนเดินผ่าน และคงไม่หงุดหงิดขนาดนี้ถ้าไม่มีเจ้าตัวยุ่งของเขาในกลุ่มนั้นด้วย
“แล้วแกจะ เ สื อก ไรวะ”  คำพูดของแม่ตัวดีที่คาโลคิดว่าน่าจับลงโทษซะให้เข็ด
“ไปไหน กันหรือครับเรนอน”  คราวนี้เป็นนักฆ่าที่ถามบ้าง หากแต่คำตอบที่ได้รับนั้นกลับทำให้งงขึ้นไปอีก
“ความลับของผู้หญิงค่ะ”  แล้วทั้งสี่สาวก็เดินจากไปทิ้งให้อีกสองหนุ่มยืนไม่เข้าใจอยู่อย่างนั้น คาโลที่ถอนหายใจกลัว
แม่ตัวยุ่งของเขาจะทำป่วน แต่เมื่อคิดดูอีกทีไปกับสามสาวนั่นอาจจะกำราบอยู่ก็ได้ ส่วนคิลก็ได้แต่เกาหัวแกรกๆ
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ตลาดเอดินเบิร์กยามเที่ยงวัน ทั้งๆที่อากาศร้อน แต่ผู้คนก็ยังเดินจับจ่ายซื้อของกันได้อย่างไม่สะทกสะท้าน
เสียงพ่อค้าแม่ขายก็ยังตะโกนแข่งกัน อย่างไม่มีทีท่าว่าจะเหนื่อย ร้านรวงต่างๆ นำของออกมาโชว์มากมาย
เรียกให้หัวขโมยเริ่มอยากกลับมาทำอาชีพเก่าเสียเหลือเกิน แต่สิ่งที่ดึงดูดใจมากที่สุดนั้น หากแต่เป็นร้านที่มีสาวๆจากหออื่นๆ
เดินเข้าออกกันให้ควัก ร้านที่เฟรินไม่เคยเห็นมาก่อน หรือเพราะอาจจะไม่ได้ใส่ใจก็ บรรยากาศภายนอกร้านที่ดูออกหวานๆนั้น
ไม่เข้ากับอดีตหัวขโมยอย่างเขาสักนิด คงไม่แปลกหรอกที่เขาจะเดินเลยร้านนี้ไป
“ร้านนี้แหล่ะค่ะ คุณเฟริน”  เรนอนกล่าวก่อนจะผลักบานประตูแล้วลากเฟรินตามเข้าไป พร้อมแองจี้ และมาทิลด้าที่เดินตามมาติดๆ
ภายในร้านนั้นดูออกสว่างสดใส ผนังทาออกเป็นสีขาวหากแต่ เอาผ้าม่านสีชมพูที่เป็นระบายบางๆแขวนไว้ทั่ว
มองไปด้านหน้าเห็นตุ๊กตาหมีขนาดใหญ่ ถือหมอนรูปหัวใจสีแดงขนาดใหญ่ เขียนไว้ว่า “only ladies” 
ถัดลงมาเป็นชั้นวางกระจกใสสำหรับของต่างๆ  เมื่อพิจารณาดูแล้ว มันคือพวกเครื่องสำอางค์นั่นเอง  จานคริสตัส สีชมพูใส แบนราบ
ด้านบนมี อาย แชโดว์ สารพัดสีให้เลือกสรร ถัดไปเป็นพวกลิปสติก ดินสอเขียนคิ้ว และ บลัชออน 
ชั้นวางของทอดแนวยาวไปตลอดทั้งร้าน  รวมถึงอุปกรณ์แต่งหน้า สารพัดชนิด บางอันดูแล้วแปลกตามากที่เมื่อมองแล้ว
ไม่รู้ว่าอันไหนใช้ยังไง พนักงานยืนประจำในร้าน ราวห้าคน คอยยืนเชียร์สาวๆ ในร้านให้เลือกสีนู้นสีนี้
หากแต่อีกด้านหนึ่งกลับมีพวกเครื่องประดับ รวมถึงของใช้สีหวานๆ เหมาะสำหรับพวกสาวๆ ซึ่งไล่ระดับตั้งแต่หวานนิดๆ
ไปจนถึง สีหวานหยาดเยิ้ม เฟรินที่ยังมองตาค้างกับภาพตรงหน้าไม่เลิก โดยไม่คิดว่าจะมีร้านประเภทนี้อยู่ในโลก
ด้วยซ้ำไป “ให้ตายเหอะ เขาเข้าใจทันทีว่าทำไมถึงตั้งชื่อร้านว่า only ladies ขืนผู้ชายเข้ามามีหวัง สำลักความหวาน
และเขินตายคาที่เสียก่อน หากไม่อย่างนั้นก็คงโดนสาวๆรุมกระทื้บแน่ๆ เพราะอะไรน่ะหรอ??” 
ก็เพราะว่าเมื่อเดินลึกเข้ามาหน่อยกับเป็นพวกของใช้ส่วนตัวจริงๆของพวกผู้หญิง ทั้งครีมทาผิว ชุดชั้นใน
และของที่ต้องใช้เมื่อถึงคราวฤดูนาง วางเรียงเต็มไปหมด
“สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ช่วยมั้ยคะ”  พนักงานสาวคนนึงเดินเข้ามาถามเฟริน แต่เจ้าตัวก็ได้อ้ำๆ อึ้งๆ  “ เอ่อคือชั้น ชั้น” 
เรนอนที่เห็นเหตุการณ์จึงรีบเดินเข้ามาพร้อมทั้งสั่งของทั้งหมดที่ต้องใช้ สำหรับเฟรินให้เสร็จสรรพ
พนักงานจึงเดินไปหลังร้านเพื่อที่จะจัดของให้ เรนอนจึงลากเฟรินออกมาพร้อมทั้งชี้ชวนให้ซื้อนั่นนี่
“ ของที่จำเป็น เรนอนสั่งเรียบร้อยแล้ว วันหลังคุณเฟรินจะมาซื้อเอง หรือเรียกเรนอนมาเป็นเพื่อนก็ได้ค่ะ
แล้วตอนนี้คุณเฟรินจะเอาอะไรเพิ่มเติมมั้ยคะ”
“ง่า ไม่ดีกว่า เอาแค่ที่ต้องใช้กับยา ก็พอแล้วคับ เอ้ยค่ะ  แล้ว แองจี้กับมาทิลด้าล่ะ” พลางหันไปมองสองสาวที่เดินแยก
ออกจากวงทันทีที่เดินเข้าร้าน เพื่อไปเลือกของที่ตัวเองชอบ
“กำลังจ่ายเงินอยู่ค่ะ ทางนั้น”  เรนอนชี้ไปที่สองสาว ที่ถือตะกร้าใบเล็กสีชมพูหวานยื่นให้เคาน์เตอร์ เมื่อจ่ายเงินเสร็จ
ทั้งสองจึงเดินเข้ามาหาเฟรินกับเรนอน
“อ่ะนี่ของนาย”  แองจี้กล่าวพลางยื่นถุงสีขาวมาให้เฟรินที่รับมาอย่างเขินๆ
“ให้เรนอนอธิบายวิธีกินละกัน ชั้นไปซื้อน้ำก่อนเดี๋ยวมา”  พลางเดินออกไปจากร้าน
“แล้วเธอไม่เอาอะไรบ้างหรอ เรนอน” มาทิลด้าถามเมื่อเห็นเพื่อนไม่ได้ซื้ออะไรติดมือเลย
“ไม่ค่ะ ของเรนอนยังมีพอ คุณมาทิลด้าซื้ออะไรมามั่งล่ะคะ” เรนอนที่เป็นฝ่ายถามบ้าง พลางมองไปยังถุงที่เจ้าหญิงนักรบถือ
“ก็ยา น่ะแหละ ขวดนั้นขวดสุดท้ายพอดีที่ให้เฟรินกินน่ะ กับครีมทาผิวอีกหน่อย” หล่อนตอบอย่างไม่ใส่นัก
และหันไปมองแองจี้ที่กำลังเดินเข้ามา “กลับกันเถอะ” ก่อนจะเดินนำอีกสามสาวออกจากร้าน  ระหว่างทางเรนอน
ก็อธิบายถึงยาสองชนิดที่เฟรินได้มา
“แบบเม็ดให้กินก่อนถึงช่วงนั้นนะคะ ส่วนน้ำสีฟ้าใสนี่ แบบเดียวกันที่คุณเฟรินกินเมื่อเช้านั่นแหละค่ะ กินเฉพาะตอนปวดจริงๆ” 
หลังจากนั้นทั้งสี่สาวก็เดินกลับโรงเรียน พลางคุยกันมาตลอดทาง และเมื่อถึงห้องนั่งเล่นทั้งสามสาวก็แยกตัวจากเฟริน
แล้วกลับห้องไป ทางเฟรินจึงเดินกลับเข้ามาในห้องตนเอง
“เฮ้อ เหนื่อยชะมัด”  สาวเจ้าถอนหายใจพลางทิ้งตัวลงบนเตียง โดยไม่สนใจอีกคนที่มองมา
“ตกลงแกไปไหนมาวะ เฟริน” คิลเป็นฝ่ายถามขึ้นอีกครั้ง
“ไปตลาด” เสียงตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก พลันเสียงปิดหนังสือก็ดังขึ้นจากคนที่นั่งหันหลังให้ พลางลุกออกจากเก้าอี้แล้วเดิน
ออกไปตรงระเบียง
“ง่ะ มันเป็นอะไรของมันวะ” เฟรินที่งงเป็นไก่ตาแตกเมื่อไม่เข้าใจว่าอีกคนเป็นอะไร
“มันนึกว่าแกหนีไปเที่ยว เลยงอนมั้ง?” นักฆ่าตอบพลางยักไหล่
เฟรินถอนหายใจแล้วรีบเดินตามคนที่มันแอบประนามในใจ ว่า “ผู้ชายอะไรขี้งอนอย่างกับผู้หญิง”
ร่างบางก้าวไปหยุดยืนข้างหลังคนตัวโตกว่า
“คาโล นี่แกงอนชั้นรึไง” เสียงหวานเอ่ยถาม หากแต่คนตัวโตกว่า ยังปากแข็ง
“ ”  ไร้ซึ่งเสียงตอบรับ
“นี่ คาโลแกอย่าขี้งอนนักได้ไหม” เสียงหวานที่ตอนนี้เริ่มจะแหวใส่เมื่อคนตรงหน้าไม่พูดไม่จา
ร่างสูงเบือนหน้ากลับมาพลางมองไปยัง คนตัวเล็กที่บัดนี้ หน้าเริ่มงอ “ถ้าง้อฉันแล้วมันลำบากนัก ก็ไม่ต้อง” 
คำพูดที่เมื่อได้ฟังก็เรียกรอยยิ้มอมขำขึ้นมาบนดวงหน้าหวาน ก่อนจะสาวเท้าเข้ามาใกล้ ร่างบางเริ่มเบียดแนบชิดราวกับ
จะยั่วคนตรงหน้า ร่างสูงผงะถอยเมื่อไม่รู้ว่าคนตรงหน้าจะมาไม้ไหน หากแต่แขนเรียวเล็ก กลับยกขึ้นโอบเอวคนตัวสูง
เรียกรอยสีจางขึ้นโหนกแก้มขาวๆ ของเจ้าชายน้ำแข็ง
“นายงอน จริงๆซะด้วยสิ” ก่อนจะหัวเราะเบาๆ ยิ่งเรียกสีเลือดให้ขึ้นไปแผลงฤทธิ์บนหน้าคนฟังเพิ่มขึ้น
ก่อนจะรีบกลบเกลื่อนหากแต่ก็ยังไม่มิด  “แล้วตกลงนายไปไหนมา”
“ก็ไปตลาดน่ะแหล่ะ แต่ไม่ได้ไปเที่ยวหรอก เชื่อสิ”  ก่อนจะช้อนดวงตาสีน้ำตาลมองสบไปยังดวงตาสีฟ้าสวย
ที่บัดนี้เริ่มไหววูบ อย่างลืมตัว
“แล้วไปทำไม” คำถามสั้นๆดังออกมาจากปาก เรียกให้คิ้วเรียวสวยของอีกฝ่ายขมวดปมเล็กน้อย
ก่อนจะถอนหายใจอีกครั้ง “ก็ได้ ถ้านายอยากรู้ สัญญาก่อนนะว่าห้ามล้อฉัน”  เฟรินกล่าวเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย
เมื่อนึกถึงว่า ถ้าไม่บอกมันตรงๆ มันคงงอนไม่เลิกน่ะแหละ พร้อมกับดวงหน้าที่ตอนนี้เริ่มขึ้นสีอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อคนตรงหน้าพยักหน้าเล็กน้อย จึงโน้มศีรษะคนตัวสูงกว่าลงมา พลางกระซิบเบาๆ  เมื่อได้ฟัง
โหนกแก้มที่ขึ้นสีเมื่อครู่กลับแดงขึ้นมาอีกครั้ง แล้วคราวนี้ต่อให้กลบไงก็กลบไม่อยู่ พร้อมทั้งคนบอกที่ตอนนี้หน้าขึ้นสีไม่แพ้กัน
“เอ่อ คือ” คาโลที่ตอนนี้เขินจนระงับอาการไม่อยู่ แถมทำอะไรไม่ถูกเป็นครั้งแรก จึงตัดสินใจ ลากเฟรินกลับเข้าห้อง
นักฆ่าที่รอเพื่อนรักสองคนง้อกันเสร็จแล้ว จึงเดินเข้ามา
“ไปกินข้าวเย็นกันเหอะ อ้าว!! คาโลแกเป็นไรวะ หน้าแดงเชียว” นักฆ่าไร้หัวคิดถามขึ้น ยิ่งเรียกสีแดงให้เกิดบนใบหน้า
เจ้าชายมากขึ้นไปอีก ก่อนที่เจ้าตัวจะเรียกหน้ากากน้ำแข็งขึ้นมาอีกครั้ง แล้วรีบชิ่งออกจากห้องไปก่อนเลย
“ง่ะ ไปเลยซะงั้นน่ะ  แล้วเฟรินตกลงแกไปไหนมาวะ”  นักฆ่าปัญญาอ่อนยังถามไม่เลิก เรียกให้เฟริน ถอนหายใจอีกครั้ง
ก่อนสาวเจ้าจะเดินตามคาโลออกจากห้องไปโดยไม่ตอบคำถาม เรียกให้นักฆ่า ยังยืนเกาหัวแกรกๆ ในห้องต่อไป
“มันสองคนเป็นไรกันวะ”  ก่อนจะรีบตามออกไปเช่นกัน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น