ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เยือนคาโนวาล
Chapter 1  เยือนคาโนวาล
แหะ แหะ เราเพิ่งมาแต่งครั้งแรก  ไงก็ลองอ่านดูนะคะ แต่เน่าไปนิดก็อย่ามาว่าเราละกาน เหอๆๆ
_______________________________________________________________________________
ราตรีกาล บรรยากาศเงียบเหงาวังเวง ชวนให้ใจหดหู่เข้ามาเยือน แสงจันทร์ส่องลอดรอยแยกของผ้าม่านเพียงเล็กน้อย
สภาพภายในห้องนั้นไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นเลย ห้องนั้นมืดสลัว ราวกับจะไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ บนเก้าอี้บุกำมะหยี่สีเข้ม
ในมุมอับของห้อง ร่างแห่งบุรุษนั่งสงบนิ่ง คล้ายกับกำลังเพ่งมองไปข้างหน้า หากแต่แววตาสีน้ำตาลไร้ชีวิตนั้น
กลับทอดเหม่อไปยังที่ๆไกลแสนไกล
                        “นายท่านขอรับ”  เสียงเรียกที่ทำให้คนที่ตกอยู่ในภวังค์รู้สึกตัว ก่อนจะเบือนหน้ากลับมามองเล็กน้อย
พลางเอ่ยรับ
                          ว่าไง วาเรล??  ก่อนจะหันหน้ามามองอีกฝ่ายที่ยังคงก้มหน้านิ่ง
                        “ที่นายท่านสั่งให้กระผมทำนั้น เสร็จเรียบร้อยเป็นอันดีแล้ว ส่วนสิ่งที่ขาดเหลืออยู่มีเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น” 
ร่างสูงยังคงนิ่งเฉย  “เจ้าก็ไปจัดการเสียสิ”  พลางตอบอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก
        คนฟังเริ่มตะกุกตะกักเมื่อได้รับคำสั่งกลายๆ “ตะ .. แต่ มีอยู่อย่างหนึ่งที่เกินกว่า ปัญญาของกระผมจะหาได้” 
                          “อะไรล่ะ”  คนฟังเริ่มหงุดหงิด เมื่อคนตรงหน้ามัวแต่อ้อมค้อมไปมา
                          “กุญแจชีวิต ที่จะหล่อเลี้ยงความตาย นายท่าน”  เสียงหวาดระแวงปนประหม่าดังขึ้นช้าๆ
                        “โลหิตของธิดาแห่งความมืด”
              @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ณ วังเดมอส~~~
    เจ้าหญิง .
                เจ้าหญิงเพคะ ..
หือ? ขออีก 5 นาที   เสียงงึมงัมในลำคอ ก่อนจะพลิกตัวเบียดซุกผ้าห่มผืนหนา หลบแสงแดดยามเช้าที่ส่องแยงลูกตา
ทำให้อีกคนที่มองอยู่ส่ายหัวอย่างเอือมระอา ก่อนจะกล่าวคำขู่ปลุกนายเหนือหัวจอมขี้เซา
“หากพระองค์ไปร่วมโต๊ะเสวยไม่ทัน แล้วท่านจ้าวลงโทษ หม่อมชั้นไม่รับผิดชอบนะเพคะ”
ร่างบางรีบเด้งตัวออกจากที่นอนโดยเร็ว พลางกลืนน้ำลายเอื้อกเมื่อนึกถึงบทลงโทษที่ พ่อตัวแสบของเธอประเคนให้
โดยการส่งไป ฝึกอบรมมารยาทกับท่านอาลูน่า ถึงสองอาทิตย์เต็มๆ ทุกครั้งที่เธอตื่นสาย การทรมานที่แสนจะสุดโหด
ในความคิดของเฟริน ที่ทำให้ขนลุกขนพองทุกครั้งที่มีคนพูดถึง  เสียงน้ำจากฝักบัวกระทบผิวหนัง ผ่านไป10นาที
ร่างของหญิงสาวก็ก้าวออกมา
นางสนองโอษฐ์สามคนรีบปรี่เข้ามา พลางจัดแจงแต่งตัว ทำผม แต่งหน้าให้ ราวกับเธอเป็นตุ๊กตา
พร้อมทั้งถอนสายบัวเมื่อเสร็จสิ้น แล้วออกจากห้องไป  เสียงฝีเท้าดังก้องไปทั่วโถงทางเดินพระราชวัง
ก่อนจะมาหยุดลงหน้าประตูบานใหญ่ เฟรินสูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้วเอื้อมมือไปผลักประตูให้เปิดออก
ร่างบางก้าวเข้าไปช้าๆ ด้วยมาดเจ้าหญิงสูงศักดิ์ ตามที่ถูกเขี่ยวเข็ญมาอย่างหนัก แม้จะยังไม่คล่องเท่าที่ควร
แต่เธอก็ทำได้ดีขึ้นจากเดิมเยอะ เดินมุ่งหน้าตรงไปยังโต๊ะอาหาร พลางย่อตัวถอนสายบัวแก่ผู้เป็นใหญ่ แห่งเดมอส
    ถวายพระพรเพคะ เสด็จพ่อ!!  เธอมาทันเวลาพอดิบพอดี
    นั่งสิ!!! เฟลิโอน่า .. ราชาปีศาจเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นลูกสาวตัวดีส่งยิ้มหวานประจบมาขัดตราทัพไว้ 
ก่อนเผยรอยยิ้มเล็กน้อย เมื่อเจ้าตัวดี ทำท่าถอนหายใจโล่งอกออกมา
เฟรินค่อยๆ เคลื่อนตัวไปนั่งเก้าอี้ข้างๆท่านจ้าว พลางเหลือบไปยังแม่ครัวที่เริ่มยกอาหารมาวางบนโต๊ะ
และเริ่มรับประทานเมื่อเห็น พระราชบิดาเริ่มก่อนแล้ว
    “พ่อได้ข่าวมาว่า อีกสองวันที่คาโนวาล จะจัดการประลอง” เอวิเดสเอ่ยขึ้นหลังจากเริ่มรับประทานอาหารเช้า
ได้สักพัก พร้อมทั้งมองหยั่งเชิงไปทางพระธิดาที่เงยหน้าจากจานอาหารเบื้องหน้าขึ้นมาสบสายตากับพระบิดา
   
    “ท่านพ่อหมายถึง งานประลองคัดเลือกกษัตริย์” เฟรินเอ่ยเสียงสูง พลางเลิกคิ้ว
   
    “เจ้าจะไปรึเปล่าล่ะ เฟลิโอน่า” คนเป็นพ่อถามลูกสาว ที่บัดนี้กำลังพยายามตีหน้าตายอย่างสุดๆ
“ทำไมลูกต้องไปด้วยล่ะเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นจะสนใจสักนิด” คำพูดที่ดังออกจากปากหากแต่ขัดกับความคิดในใจ
โดยสิ้นเชิง
“ก็พ่อราชบุตรเขยนั่น ลงประลองด้วยไม่ใช่รึ” คำพูดที่เรียกสีเรื่อบนใบหน้าของผู้ฟัง
“เสด็จพ่อ” เสียงหวานเปล่งร้องออกมาด้วยความอาย เรียกรอยยิ้มเอ็นดูแกมขบขันจากใบหน้าจ้าวปีศาจได้เป็นอย่างดี
    “พ่อแค่คิดว่าเจ้าอาจอยากไป ว่าไงล่ะ พ่อจะได้ให้คนเตรียมมังกรให้”
    “ถ้าท่านพ่ออยากให้ลูกไป ลูกก็จะไปเพคะ” คำตอบเลี่ยงๆ หากแต่ในใจนั้นลิงโลด แทบอยากจะกระโดด
กอดพ่อตัวเองด้วยซ้ำ เธอคิดพยายามหาวิธีแทบตายที่จะพูดขออนุญาต หลังจากที่ได้รับจดหมายจากคาโล
พร้อมกับบัตรเชิญที่ได้รับมาเมื่ออาทิตย์ก่อนและเมื่อตอนนี้ ท่านพ่อเป็นฝ่ายเอ่ยปากเอง แล้วเธอจะไม่ฉวยโอกาสนี้ได้อย่างไร
    “งั้นเจ้าก็ไปเตรียมตัวไว้ สายๆแล้วคงออกเดินทางได้”
    “เพคะ เสด็จพ่อ”  ก่อนจะรีบถวายบังคมลา แล้วกุลีกุจอออกไปจากห้องทันที ทำให้จ้าวแห่งเดมอส
ถึงกับสรวลดังก้อง เมื่อเห็นท่าทีที่ขัดกับคำพูดโดยสิ้นเชิงของลูกสาว “ทั้งๆที่อยากจะไปขนาดนั้นยัง จะรักษามาดอยู่ได้”
คิดพลางลุกออกจากที่นั่งไปยังห้องทรงงานเพื่อส่งจดหมายแจ้งไปยังคาโนวาล เรื่องการเสด็จเยือนของพระราชธิดาสุดที่รัก
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ยามบ่ายตะวันเริ่มคล้อยต่ำ มังกรสีดำทมิฬฝูงใหญ่บินผ่านย่านตัวเมืองของคาโนวาล สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ผู้คนไม่น้อย
หากแต่ร่างเจ้าฟ้าผู้สูงศักดิ์ กำลังยืนรับลมอยู่โดยไม่คิดสนใจแม้ทัศนียภาพงดงามเบื้องหน้า  ผมสีน้ำตาลไหม้ที่ยาวถึงหลัง
พลิ้วไหว ตามแรงลม ดวงตาสีน้ำตาลจดจ้องไปยังปราสาทสีขาวที่เห็นอยู่ลิบๆ ก่อนจะกระตุกบังเหียนมังกรให้เร่งความเร็วเพิ่มขึ้น
ดวงหน้าหวานแทบจะเก็บอาการตื่นเต้นไว้ไม่อยู่ เมื่อมังกรดำแห่งเดมอส เริ่มจะบินต่ำลงเรื่อยๆ พร้อมกับจอดอย่างสงบนิ่ง หน้าลานพระราชวัง
ทหารที่เฝ้าอยู่ประจำวิ่งกรูกันเข้ามา พร้อมทั้งถวายบังคมแก่เจ้าหญิงสองดินแดน ที่บัดนี้ ก้าวลงจากมังกรเรียบร้อย
“เจ้าหญิงเฟลิโอน่า เกรเดเวล เดอะปริ้นเซสออฟ เดมอส เสด็จ” เสียงตะโกนประกาศจากทหารประจำการ เรียกให้เฟริน
หันมองไปยังประตูเบื้องหน้าที่เปิดรับ ร่างสูงสง่าในชุดอาภรณ์สีดำก้าวเดินออกมาช้าๆ  เรียกให้สาวเจ้า รีบเข้าไปหาทันที
“ไงแกคาโล สบายดีมั้ยวะ”  เสียงทักที่ไม่สมฐานะของเจ้าตัวยุ่งเอ่ยขึ้น หากแต่บุคคลตรงหน้ายังคงวางมาดนิ่งเฉย
นัยน์ตาสีฟ้าเย็นเยียบมองสบมายังดวงตาสีน้ำตาลที่พราวระริก อย่างห้ามไม่อยู่ เนื่องจากดีใจที่ได้เห็นคนตรงหน้า
“ตามฉันมา” คำพูดห้วนสั้นตามฉบับของคนพูดน้อยเอ่ยขึ้น ก่อนจึงดึงมือคนข้างหน้าให้ตามเข้าไป
ระหว่างทางเดินคาโลไม่เอ่ยอะไรสักคำซึ่ง สร้างความหงุดหงิดใจให้อีกคนเป็นอันมาก
ก่อนที่ทั้งสองจะมาหยุดหน้าประตูบานใหญ่ คาโลเคาะประตูเบาๆ เชิงขออนุญาตก่อนจะเปิดเข้าไป
   
ภายในห้องมีตู้ชั้นหนังสือ ขนาดใหญ่เรียงรายเต็มไปหมด ในห้องนี้ไม่มีหน้าต่าง หากแต่มีประตูอีกบานที่เปิดออกไปสู่ระเบียงกว้าง
ถัดไปเล็กน้อย โต๊ะทรงงานขนาดใหญ่ที่กองสุมไปด้วยฎีกาต่างๆมากมาย ร่างของผู้เป็นใหญ่แห่งคาโนวาลประทับอยู่เบื้องหลังโต๊ะ
บนเก้าอี้บุนวมตัวใหญ่ ก่อนจะเงยหน้าจากกองงานที่สุมอยู่ตรงหน้าขึ้นมา สบตากับพระโอรส พลางหันมองไปยังอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ถวายบังคมฝ่าบาท” คาโลกล่าวพร้อมโค้งคำนับ
“ถวายพระพรเพคะ” เฟรินกล่าวขึ้นพร้อมย่อตัวถอนสายบัวเช่นกัน
“ตามสบายไม่ต้องมากพิธีหรอก คาโล เฟลิโอน่า”สุรเสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นจากองค์บาโร ก่อนจะตรัสถามไถ่สตรีเบื้องหน้า
“สบายดีหรือเราน่ะ แล้วการเดินทางเป็นอย่างไรบ้าง”
“ดีเพคะ การเดินทางก็ราบรื่น แล้วฝ่าบาททรงเป็นอย่างไรบ้างเพคะ ”
“ก็ดี ข้าว่าเจ้าไปพักผ่อนเถอะ คงเดินทางมาเหนื่อยแล้ว” คำตอบเรียบง่ายจากกษัตริย์ก่อนจะออกคำสั่งกับอีกคน
“คาโล เจ้าก็พาเฟลิโอน่าไปพักผ่อนเถอะ วันนี้เจ้าไม่ต้องเข้าประชุม ถือซะว่าอยู่ต้อนรับนางแทนข้า”
“พะย่ะค่ะ งั้นกระหม่อมทูลลา”  ก่อนจะถวายความเคารพแล้วเดินนำหญิงสาวออกไป
ร่างสูงเดินนำไปยังส่วนชั้นในของปราสาท ก่อนจะผลักประตูไม้มะฮอกกะนีบานใหญ่เบื้องหน้า
ภายในห้องนั้นจัดแต่งอย่างเป็นระเบียบ เตียงสี่เสาตั้งอยู่ด้านในสุดของมุมห้อง ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่อยู่มุมฝั่งตรงข้าม
ภายในห้องมีโซฟาขนาดใหญ่ ถัดไปจากโต๊ะเครื่องแป้งเล็กน้อย เป็นประตูห้องน้ำ เฟอร์นิเจอร์ต่างๆและเครื่องตกแต่งที่จัดไว้
เรียบง่ายหากแต่แฝงความหรูหราไว้ในตัว
    “นายนอนที่นี่ มีอะไรก็เรียก ชั้นอยู่ฝั่งตรงข้าม” คำอธิบายสั้นๆจากคนร่างสูงนั้น ไม่ได้ทำให้สาวน้อยตรงหน้าที่บัดนี้
ดวงหน้า งอง้ำด้วยความไม่พอใจ รู้สีกดีขึ้นสักนิด
    “เออ เสร็จแล้วแกก็ออกไปสิ” คำบอกไล่ดังขึ้นทำให้อีกคนเข้าใจทันทีว่ามัน “งอน”
มือใหญ่ตวัดเอาร่างบางเข้าแนบชิด ก่อนจะหมุนตัวคนในอ้อมแขนให้หันมาเผชิญหน้า “นายงอน”
คำถามสั้นๆเรียกสีให้ขึ้นดวงหน้าหวานก่อนจะรีบปฏิเสธ
“อย่าสำคัญตัวผิดนัก คาโล วาเนบลี ชั้นแค่เหนื่อยเท่านั้น”
คำแก้ตัวที่ไม่เข้ากับท่าทางสักนิด ดังขึ้นจากปากหญิงสาว หากแต่ก็พูดได้เพียงเท่านั้น เมื่อถูกประกบด้วยริมฝีปากร้อน
คนตัวเล็กกว่าดิ้นขัดขืนเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆปรือตารับสัมผัสจากคนตรงหน้า ที่ฉกฉวยความหอมหวานจากปากหญิงสาว
ก่อนจะถอนออกแล้วประกบเข้าไปใหม่เนิ่นนาน และผละออกช้าๆในที่สุดเมื่อเจ้าตัวดีเริ่มหายใจไม่ออก
หากก็ยังคงไล้ริมฝีปากไปตามแก้มนวลขาว และลำคอระหงส์
    “คะ คะโล ปล่อยได้แล้ว” เสียงอุทธรณ์ดังขึ้นเมื่อร่างสูงมีทีท่าว่าจะต่อไม่หยุด
คนตัวโตกว่าหยุดการกระทำลง หากแต่ยังไม่ปล่อยคนในอ้อมกอดที่บัดนี้หน้าขึ้นสีจัด เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบข้างหูเบาๆ
เพื่อหยอกคนตรงหน้า
   
“นายอยากให้ฉันกอดนาย ต่อหน้าคนอื่น????”  คำถามที่เรียกสีเพิ่มขึ้นบนใบหน้าที่ก่ำสุกอยู่แล้วให้แดงขึ้นไปอีก
จนลามไปถึงใบหู
“บ้า ไอ้ลามก” เฟรินที่เข้าโหมดสาวงามเรียบร้อย เอ่ยขึ้น ก่อนใบหน้าราวรูปสลักจะโน้มเข้าใกล้อีกครั้ง
ลมหายใจร้อนปะทะยังใบหน้า ดวงหน้าห่างกันไม่ถึงคืบ
“เฟริน ชั้นได้ยินว่าแกมาถึงแล้ว .” นักฆ่าที่เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับชะงักเล็กน้อยกับฉากรักของเพื่อนรักตรงหน้า
“โครม” เฟรินผลักคาโลลงไปกองกับพื้น
“เอ่อ คาโล แกจะรุกอะไรมันแต่หัววันวะ??” นักฆ่าถามยิ้มๆพลางเกาแก้มแก้เขิน
“ ” ไร้ซึ่งเสียงตอบ มีเพียงแต่นัยน์ตาดุๆที่ส่งไปให้ ก่อนลุกขึ้นยืน
“ไอ้คิล ไอ้ทะลึ่ง” คำด่าพร้อมกับอารมณ์ ที่เริ่มอยากวางมวยเต็มที่ หากแต่เสียงหนึ่งขัดขึ้นซะก่อน
“ว่าแต่แก คิล มีอะไรรึเปล่า”  เจ้าชายน้ำแข็งเป็นฝ่ายถามก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟา
“เปล่า แค่ได้ยินว่าเฟรินมา ก็เลยมาหาเท่านั้น” นักฆ่าตอบพลางยักไหล่
“ว่าแต่นายเหอะคาโล พร้อมรึยังล่ะ อีกแค่ 2 วันเองหนิ” คิลเป็นฝ่ายถามขึ้น  พลางมองไปทางเจ้าตัวยุ่งที่กระโดดขึ้นไปบนเตียง
ฟังคำสนทนาระหว่างเพื่อนซี๊
“อืม” คำตอบสั้นๆ ดังออกมาจากปากเจ้าชายน้ำแข็งก่อนที่ นักฆ่าไร้หัวคิดจะเอ่ยล้อ
“ระวังถ้านายแพ้ ไม่ได้เป็นคิง แล้วท่านจ้าวไม่ยก ไอ้เฟรินให้แก ชั้นไม่รับรู้นะ”
“ไอ้คิลลล  แกตายยยยย” เฟรินกำหมัดแน่น ก่อนจะกระโจนใส่นักฆ่า
“ฉันพูดเรื่องจริง  ถ้าคาโลมันไม่มีปัญญาไปสู่ขอแก ชั้นไม่ช่วยนะบอกไว้ก่อน” คิลยังไม่วายที่จะเอ่ยความต่อทั้งๆ
ที่ตัวเองกำลังหลบหลีกกำปั้นที่ส่งมาแบบไม่ยั้ง  เรียกร้อยยิ้มบางๆให้เกิดขึ้นบนใบหน้าคาโลก่อนที่สงครามขนาดย่อม
จะเกิดขึ้นในห้องนอนระหว่างเจ้าหญิงหัวขโมย นักฆ่าปัญญาอ่อน และเจ้าชายน้ำแข็ง ที่เมื่อโดนลูกหลงจากการที่นักฆ่าวิ่งหลบ
ก็เริ่มร่วมแจมทำสงครามด้วยทันที
แหะ แหะ เราเพิ่งมาแต่งครั้งแรก  ไงก็ลองอ่านดูนะคะ แต่เน่าไปนิดก็อย่ามาว่าเราละกาน เหอๆๆ
_______________________________________________________________________________
ราตรีกาล บรรยากาศเงียบเหงาวังเวง ชวนให้ใจหดหู่เข้ามาเยือน แสงจันทร์ส่องลอดรอยแยกของผ้าม่านเพียงเล็กน้อย
สภาพภายในห้องนั้นไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นเลย ห้องนั้นมืดสลัว ราวกับจะไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ บนเก้าอี้บุกำมะหยี่สีเข้ม
ในมุมอับของห้อง ร่างแห่งบุรุษนั่งสงบนิ่ง คล้ายกับกำลังเพ่งมองไปข้างหน้า หากแต่แววตาสีน้ำตาลไร้ชีวิตนั้น
กลับทอดเหม่อไปยังที่ๆไกลแสนไกล
                        “นายท่านขอรับ”  เสียงเรียกที่ทำให้คนที่ตกอยู่ในภวังค์รู้สึกตัว ก่อนจะเบือนหน้ากลับมามองเล็กน้อย
พลางเอ่ยรับ
                          ว่าไง วาเรล??  ก่อนจะหันหน้ามามองอีกฝ่ายที่ยังคงก้มหน้านิ่ง
                        “ที่นายท่านสั่งให้กระผมทำนั้น เสร็จเรียบร้อยเป็นอันดีแล้ว ส่วนสิ่งที่ขาดเหลืออยู่มีเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น” 
ร่างสูงยังคงนิ่งเฉย  “เจ้าก็ไปจัดการเสียสิ”  พลางตอบอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก
        คนฟังเริ่มตะกุกตะกักเมื่อได้รับคำสั่งกลายๆ “ตะ .. แต่ มีอยู่อย่างหนึ่งที่เกินกว่า ปัญญาของกระผมจะหาได้” 
                          “อะไรล่ะ”  คนฟังเริ่มหงุดหงิด เมื่อคนตรงหน้ามัวแต่อ้อมค้อมไปมา
                          “กุญแจชีวิต ที่จะหล่อเลี้ยงความตาย นายท่าน”  เสียงหวาดระแวงปนประหม่าดังขึ้นช้าๆ
                        “โลหิตของธิดาแห่งความมืด”
              @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ณ วังเดมอส~~~
    เจ้าหญิง .
                เจ้าหญิงเพคะ ..
หือ? ขออีก 5 นาที   เสียงงึมงัมในลำคอ ก่อนจะพลิกตัวเบียดซุกผ้าห่มผืนหนา หลบแสงแดดยามเช้าที่ส่องแยงลูกตา
ทำให้อีกคนที่มองอยู่ส่ายหัวอย่างเอือมระอา ก่อนจะกล่าวคำขู่ปลุกนายเหนือหัวจอมขี้เซา
“หากพระองค์ไปร่วมโต๊ะเสวยไม่ทัน แล้วท่านจ้าวลงโทษ หม่อมชั้นไม่รับผิดชอบนะเพคะ”
ร่างบางรีบเด้งตัวออกจากที่นอนโดยเร็ว พลางกลืนน้ำลายเอื้อกเมื่อนึกถึงบทลงโทษที่ พ่อตัวแสบของเธอประเคนให้
โดยการส่งไป ฝึกอบรมมารยาทกับท่านอาลูน่า ถึงสองอาทิตย์เต็มๆ ทุกครั้งที่เธอตื่นสาย การทรมานที่แสนจะสุดโหด
ในความคิดของเฟริน ที่ทำให้ขนลุกขนพองทุกครั้งที่มีคนพูดถึง  เสียงน้ำจากฝักบัวกระทบผิวหนัง ผ่านไป10นาที
ร่างของหญิงสาวก็ก้าวออกมา
นางสนองโอษฐ์สามคนรีบปรี่เข้ามา พลางจัดแจงแต่งตัว ทำผม แต่งหน้าให้ ราวกับเธอเป็นตุ๊กตา
พร้อมทั้งถอนสายบัวเมื่อเสร็จสิ้น แล้วออกจากห้องไป  เสียงฝีเท้าดังก้องไปทั่วโถงทางเดินพระราชวัง
ก่อนจะมาหยุดลงหน้าประตูบานใหญ่ เฟรินสูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้วเอื้อมมือไปผลักประตูให้เปิดออก
ร่างบางก้าวเข้าไปช้าๆ ด้วยมาดเจ้าหญิงสูงศักดิ์ ตามที่ถูกเขี่ยวเข็ญมาอย่างหนัก แม้จะยังไม่คล่องเท่าที่ควร
แต่เธอก็ทำได้ดีขึ้นจากเดิมเยอะ เดินมุ่งหน้าตรงไปยังโต๊ะอาหาร พลางย่อตัวถอนสายบัวแก่ผู้เป็นใหญ่ แห่งเดมอส
    ถวายพระพรเพคะ เสด็จพ่อ!!  เธอมาทันเวลาพอดิบพอดี
    นั่งสิ!!! เฟลิโอน่า .. ราชาปีศาจเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นลูกสาวตัวดีส่งยิ้มหวานประจบมาขัดตราทัพไว้ 
ก่อนเผยรอยยิ้มเล็กน้อย เมื่อเจ้าตัวดี ทำท่าถอนหายใจโล่งอกออกมา
เฟรินค่อยๆ เคลื่อนตัวไปนั่งเก้าอี้ข้างๆท่านจ้าว พลางเหลือบไปยังแม่ครัวที่เริ่มยกอาหารมาวางบนโต๊ะ
และเริ่มรับประทานเมื่อเห็น พระราชบิดาเริ่มก่อนแล้ว
    “พ่อได้ข่าวมาว่า อีกสองวันที่คาโนวาล จะจัดการประลอง” เอวิเดสเอ่ยขึ้นหลังจากเริ่มรับประทานอาหารเช้า
ได้สักพัก พร้อมทั้งมองหยั่งเชิงไปทางพระธิดาที่เงยหน้าจากจานอาหารเบื้องหน้าขึ้นมาสบสายตากับพระบิดา
   
    “ท่านพ่อหมายถึง งานประลองคัดเลือกกษัตริย์” เฟรินเอ่ยเสียงสูง พลางเลิกคิ้ว
   
    “เจ้าจะไปรึเปล่าล่ะ เฟลิโอน่า” คนเป็นพ่อถามลูกสาว ที่บัดนี้กำลังพยายามตีหน้าตายอย่างสุดๆ
“ทำไมลูกต้องไปด้วยล่ะเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นจะสนใจสักนิด” คำพูดที่ดังออกจากปากหากแต่ขัดกับความคิดในใจ
โดยสิ้นเชิง
“ก็พ่อราชบุตรเขยนั่น ลงประลองด้วยไม่ใช่รึ” คำพูดที่เรียกสีเรื่อบนใบหน้าของผู้ฟัง
“เสด็จพ่อ” เสียงหวานเปล่งร้องออกมาด้วยความอาย เรียกรอยยิ้มเอ็นดูแกมขบขันจากใบหน้าจ้าวปีศาจได้เป็นอย่างดี
    “พ่อแค่คิดว่าเจ้าอาจอยากไป ว่าไงล่ะ พ่อจะได้ให้คนเตรียมมังกรให้”
    “ถ้าท่านพ่ออยากให้ลูกไป ลูกก็จะไปเพคะ” คำตอบเลี่ยงๆ หากแต่ในใจนั้นลิงโลด แทบอยากจะกระโดด
กอดพ่อตัวเองด้วยซ้ำ เธอคิดพยายามหาวิธีแทบตายที่จะพูดขออนุญาต หลังจากที่ได้รับจดหมายจากคาโล
พร้อมกับบัตรเชิญที่ได้รับมาเมื่ออาทิตย์ก่อนและเมื่อตอนนี้ ท่านพ่อเป็นฝ่ายเอ่ยปากเอง แล้วเธอจะไม่ฉวยโอกาสนี้ได้อย่างไร
    “งั้นเจ้าก็ไปเตรียมตัวไว้ สายๆแล้วคงออกเดินทางได้”
    “เพคะ เสด็จพ่อ”  ก่อนจะรีบถวายบังคมลา แล้วกุลีกุจอออกไปจากห้องทันที ทำให้จ้าวแห่งเดมอส
ถึงกับสรวลดังก้อง เมื่อเห็นท่าทีที่ขัดกับคำพูดโดยสิ้นเชิงของลูกสาว “ทั้งๆที่อยากจะไปขนาดนั้นยัง จะรักษามาดอยู่ได้”
คิดพลางลุกออกจากที่นั่งไปยังห้องทรงงานเพื่อส่งจดหมายแจ้งไปยังคาโนวาล เรื่องการเสด็จเยือนของพระราชธิดาสุดที่รัก
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ยามบ่ายตะวันเริ่มคล้อยต่ำ มังกรสีดำทมิฬฝูงใหญ่บินผ่านย่านตัวเมืองของคาโนวาล สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ผู้คนไม่น้อย
หากแต่ร่างเจ้าฟ้าผู้สูงศักดิ์ กำลังยืนรับลมอยู่โดยไม่คิดสนใจแม้ทัศนียภาพงดงามเบื้องหน้า  ผมสีน้ำตาลไหม้ที่ยาวถึงหลัง
พลิ้วไหว ตามแรงลม ดวงตาสีน้ำตาลจดจ้องไปยังปราสาทสีขาวที่เห็นอยู่ลิบๆ ก่อนจะกระตุกบังเหียนมังกรให้เร่งความเร็วเพิ่มขึ้น
ดวงหน้าหวานแทบจะเก็บอาการตื่นเต้นไว้ไม่อยู่ เมื่อมังกรดำแห่งเดมอส เริ่มจะบินต่ำลงเรื่อยๆ พร้อมกับจอดอย่างสงบนิ่ง หน้าลานพระราชวัง
ทหารที่เฝ้าอยู่ประจำวิ่งกรูกันเข้ามา พร้อมทั้งถวายบังคมแก่เจ้าหญิงสองดินแดน ที่บัดนี้ ก้าวลงจากมังกรเรียบร้อย
“เจ้าหญิงเฟลิโอน่า เกรเดเวล เดอะปริ้นเซสออฟ เดมอส เสด็จ” เสียงตะโกนประกาศจากทหารประจำการ เรียกให้เฟริน
หันมองไปยังประตูเบื้องหน้าที่เปิดรับ ร่างสูงสง่าในชุดอาภรณ์สีดำก้าวเดินออกมาช้าๆ  เรียกให้สาวเจ้า รีบเข้าไปหาทันที
“ไงแกคาโล สบายดีมั้ยวะ”  เสียงทักที่ไม่สมฐานะของเจ้าตัวยุ่งเอ่ยขึ้น หากแต่บุคคลตรงหน้ายังคงวางมาดนิ่งเฉย
นัยน์ตาสีฟ้าเย็นเยียบมองสบมายังดวงตาสีน้ำตาลที่พราวระริก อย่างห้ามไม่อยู่ เนื่องจากดีใจที่ได้เห็นคนตรงหน้า
“ตามฉันมา” คำพูดห้วนสั้นตามฉบับของคนพูดน้อยเอ่ยขึ้น ก่อนจึงดึงมือคนข้างหน้าให้ตามเข้าไป
ระหว่างทางเดินคาโลไม่เอ่ยอะไรสักคำซึ่ง สร้างความหงุดหงิดใจให้อีกคนเป็นอันมาก
ก่อนที่ทั้งสองจะมาหยุดหน้าประตูบานใหญ่ คาโลเคาะประตูเบาๆ เชิงขออนุญาตก่อนจะเปิดเข้าไป
   
ภายในห้องมีตู้ชั้นหนังสือ ขนาดใหญ่เรียงรายเต็มไปหมด ในห้องนี้ไม่มีหน้าต่าง หากแต่มีประตูอีกบานที่เปิดออกไปสู่ระเบียงกว้าง
ถัดไปเล็กน้อย โต๊ะทรงงานขนาดใหญ่ที่กองสุมไปด้วยฎีกาต่างๆมากมาย ร่างของผู้เป็นใหญ่แห่งคาโนวาลประทับอยู่เบื้องหลังโต๊ะ
บนเก้าอี้บุนวมตัวใหญ่ ก่อนจะเงยหน้าจากกองงานที่สุมอยู่ตรงหน้าขึ้นมา สบตากับพระโอรส พลางหันมองไปยังอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ถวายบังคมฝ่าบาท” คาโลกล่าวพร้อมโค้งคำนับ
“ถวายพระพรเพคะ” เฟรินกล่าวขึ้นพร้อมย่อตัวถอนสายบัวเช่นกัน
“ตามสบายไม่ต้องมากพิธีหรอก คาโล เฟลิโอน่า”สุรเสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นจากองค์บาโร ก่อนจะตรัสถามไถ่สตรีเบื้องหน้า
“สบายดีหรือเราน่ะ แล้วการเดินทางเป็นอย่างไรบ้าง”
“ดีเพคะ การเดินทางก็ราบรื่น แล้วฝ่าบาททรงเป็นอย่างไรบ้างเพคะ ”
“ก็ดี ข้าว่าเจ้าไปพักผ่อนเถอะ คงเดินทางมาเหนื่อยแล้ว” คำตอบเรียบง่ายจากกษัตริย์ก่อนจะออกคำสั่งกับอีกคน
“คาโล เจ้าก็พาเฟลิโอน่าไปพักผ่อนเถอะ วันนี้เจ้าไม่ต้องเข้าประชุม ถือซะว่าอยู่ต้อนรับนางแทนข้า”
“พะย่ะค่ะ งั้นกระหม่อมทูลลา”  ก่อนจะถวายความเคารพแล้วเดินนำหญิงสาวออกไป
ร่างสูงเดินนำไปยังส่วนชั้นในของปราสาท ก่อนจะผลักประตูไม้มะฮอกกะนีบานใหญ่เบื้องหน้า
ภายในห้องนั้นจัดแต่งอย่างเป็นระเบียบ เตียงสี่เสาตั้งอยู่ด้านในสุดของมุมห้อง ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่อยู่มุมฝั่งตรงข้าม
ภายในห้องมีโซฟาขนาดใหญ่ ถัดไปจากโต๊ะเครื่องแป้งเล็กน้อย เป็นประตูห้องน้ำ เฟอร์นิเจอร์ต่างๆและเครื่องตกแต่งที่จัดไว้
เรียบง่ายหากแต่แฝงความหรูหราไว้ในตัว
    “นายนอนที่นี่ มีอะไรก็เรียก ชั้นอยู่ฝั่งตรงข้าม” คำอธิบายสั้นๆจากคนร่างสูงนั้น ไม่ได้ทำให้สาวน้อยตรงหน้าที่บัดนี้
ดวงหน้า งอง้ำด้วยความไม่พอใจ รู้สีกดีขึ้นสักนิด
    “เออ เสร็จแล้วแกก็ออกไปสิ” คำบอกไล่ดังขึ้นทำให้อีกคนเข้าใจทันทีว่ามัน “งอน”
มือใหญ่ตวัดเอาร่างบางเข้าแนบชิด ก่อนจะหมุนตัวคนในอ้อมแขนให้หันมาเผชิญหน้า “นายงอน”
คำถามสั้นๆเรียกสีให้ขึ้นดวงหน้าหวานก่อนจะรีบปฏิเสธ
“อย่าสำคัญตัวผิดนัก คาโล วาเนบลี ชั้นแค่เหนื่อยเท่านั้น”
คำแก้ตัวที่ไม่เข้ากับท่าทางสักนิด ดังขึ้นจากปากหญิงสาว หากแต่ก็พูดได้เพียงเท่านั้น เมื่อถูกประกบด้วยริมฝีปากร้อน
คนตัวเล็กกว่าดิ้นขัดขืนเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆปรือตารับสัมผัสจากคนตรงหน้า ที่ฉกฉวยความหอมหวานจากปากหญิงสาว
ก่อนจะถอนออกแล้วประกบเข้าไปใหม่เนิ่นนาน และผละออกช้าๆในที่สุดเมื่อเจ้าตัวดีเริ่มหายใจไม่ออก
หากก็ยังคงไล้ริมฝีปากไปตามแก้มนวลขาว และลำคอระหงส์
    “คะ คะโล ปล่อยได้แล้ว” เสียงอุทธรณ์ดังขึ้นเมื่อร่างสูงมีทีท่าว่าจะต่อไม่หยุด
คนตัวโตกว่าหยุดการกระทำลง หากแต่ยังไม่ปล่อยคนในอ้อมกอดที่บัดนี้หน้าขึ้นสีจัด เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบข้างหูเบาๆ
เพื่อหยอกคนตรงหน้า
   
“นายอยากให้ฉันกอดนาย ต่อหน้าคนอื่น????”  คำถามที่เรียกสีเพิ่มขึ้นบนใบหน้าที่ก่ำสุกอยู่แล้วให้แดงขึ้นไปอีก
จนลามไปถึงใบหู
“บ้า ไอ้ลามก” เฟรินที่เข้าโหมดสาวงามเรียบร้อย เอ่ยขึ้น ก่อนใบหน้าราวรูปสลักจะโน้มเข้าใกล้อีกครั้ง
ลมหายใจร้อนปะทะยังใบหน้า ดวงหน้าห่างกันไม่ถึงคืบ
“เฟริน ชั้นได้ยินว่าแกมาถึงแล้ว .” นักฆ่าที่เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับชะงักเล็กน้อยกับฉากรักของเพื่อนรักตรงหน้า
“โครม” เฟรินผลักคาโลลงไปกองกับพื้น
“เอ่อ คาโล แกจะรุกอะไรมันแต่หัววันวะ??” นักฆ่าถามยิ้มๆพลางเกาแก้มแก้เขิน
“ ” ไร้ซึ่งเสียงตอบ มีเพียงแต่นัยน์ตาดุๆที่ส่งไปให้ ก่อนลุกขึ้นยืน
“ไอ้คิล ไอ้ทะลึ่ง” คำด่าพร้อมกับอารมณ์ ที่เริ่มอยากวางมวยเต็มที่ หากแต่เสียงหนึ่งขัดขึ้นซะก่อน
“ว่าแต่แก คิล มีอะไรรึเปล่า”  เจ้าชายน้ำแข็งเป็นฝ่ายถามก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟา
“เปล่า แค่ได้ยินว่าเฟรินมา ก็เลยมาหาเท่านั้น” นักฆ่าตอบพลางยักไหล่
“ว่าแต่นายเหอะคาโล พร้อมรึยังล่ะ อีกแค่ 2 วันเองหนิ” คิลเป็นฝ่ายถามขึ้น  พลางมองไปทางเจ้าตัวยุ่งที่กระโดดขึ้นไปบนเตียง
ฟังคำสนทนาระหว่างเพื่อนซี๊
“อืม” คำตอบสั้นๆ ดังออกมาจากปากเจ้าชายน้ำแข็งก่อนที่ นักฆ่าไร้หัวคิดจะเอ่ยล้อ
“ระวังถ้านายแพ้ ไม่ได้เป็นคิง แล้วท่านจ้าวไม่ยก ไอ้เฟรินให้แก ชั้นไม่รับรู้นะ”
“ไอ้คิลลล  แกตายยยยย” เฟรินกำหมัดแน่น ก่อนจะกระโจนใส่นักฆ่า
“ฉันพูดเรื่องจริง  ถ้าคาโลมันไม่มีปัญญาไปสู่ขอแก ชั้นไม่ช่วยนะบอกไว้ก่อน” คิลยังไม่วายที่จะเอ่ยความต่อทั้งๆ
ที่ตัวเองกำลังหลบหลีกกำปั้นที่ส่งมาแบบไม่ยั้ง  เรียกร้อยยิ้มบางๆให้เกิดขึ้นบนใบหน้าคาโลก่อนที่สงครามขนาดย่อม
จะเกิดขึ้นในห้องนอนระหว่างเจ้าหญิงหัวขโมย นักฆ่าปัญญาอ่อน และเจ้าชายน้ำแข็ง ที่เมื่อโดนลูกหลงจากการที่นักฆ่าวิ่งหลบ
ก็เริ่มร่วมแจมทำสงครามด้วยทันที
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น