ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าชายแห่งคาร์เนเลียน

    ลำดับตอนที่ #7 : ท่าเรือแอเมทิตส์*Rewrite*

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 875
      10
      17 มี.ค. 63

              รุ่งสางของเช้าวันรุ่งขึ้น     คารอสตื่นก่อนกลุ่มเพื่อนที่เดินทางร่วมกันมา     จึงเริ่มไปเดินปลุกเพื่อนๆที่ห้องพักก่อนจะเดินเข้าห้องอาบน้ำแต่งตัวเตรียมตัวเดินทาง
      
              แมนทิสที่ตื่นตามมาก็เดินเข้าห้องน้ำไปทำธุระต่อ     คารอสหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมแล้วจึงหยิบดาบมาผูกไว้ข้างเอวส่วนของเสื้อคลุมเดินทางก็จับผาดไว้กับแขน     คารอสที่เตรียมตัวเสร็จแล้วก็เดินลงไปที่ห้องอาหารของที่พักโดยมีเจ้าของที่พักอย่างคุณเบล็คนั่งจิบเครื่องดื่มที่มีควันหอมกรุ่นกำจายไปทั่วห้อง

              คุณเบล็คที่เห็นคารอสเดินเข้าในห้องอาหาร     เขาก็ส่งยิ้มบางๆเป็นการต้อนรับให้คารอสทันทีแล้วเขาก็หันไปบอกสาวใช้ของที่พักซึ่งกำลังเอาเก้าอี้ลงตามโต๊ะให้ไปเอาเตรียมชุดอาหารเช้าให้กับคณะเดินทางของคารอสโดยเฉพาะ   คุณเบล็คเรียกกึ่งเชิญคารอสให้มานั่งโต๊ะเดียวกันกับเขาเพื่อรอเพื่อนๆลงมาทานอาหารเช้า

              คารอสนั่งลง     คุณเบล็คเริ่มบทสนทนาเล็กน้อยกับเขาจนเพื่อนๆของเขาเดินลงมาจากห้องพักผู้มาใหม่ทั้งห้าที่มาถึงพร้อมกับที่อาหารเช้าเสร็จและถูกยกออกมาเสริฟ์พอดี

              ผู้มาใหม่ทั้งห้านั่งลงตามจานอาหารเช้า คุณเบล็คจึงแยกตัวออกไปจากกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่กำลังเดินทางต่อไปหลังทานอาหารเช้าเสร็จสิ้น  พวกเขาทั้งหกคนไม่มีใครพูดคุยอะไรกันเลยเพื่อเร่งให้ทานเสร็จเร็วจะได้ออกเดินทางกันให้เร็วกว่ากำหนดเวลาที่วางไว้

              พวกเขาออกเดินทาง     โดยผ่านตัวหมู่บ้านพักคนเดินทางไปทางหมู่บ้านท่าเรือที่ซึ่งพวกเขาจะต้องต่อเรือข้ามฝั่งไปแอเมทิตส์     เวลายังไม่เลยเทื่ยงพวกเขาก็เดินทางถึงหมู่บ้านท่าเรือทั้งคณะจึงผ่อนฝีเท้าของม้าจากวิ่งมาเป็นเดินหย่องๆแทนพอ     

              พวกเขามาถึงหาดซึ่งมีท่าเรือใหญ่สำหรับข้ามไปที่เกาะและตัวโรงเรียนแอเมทิตส์ได้ความดีใจก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของพวกเขาก่อนจะทันได้เอ่ยอะไรออกมาเสียงท้องร้องของทุกคนก็ดังขึ้นมาพร้อมกันสร้างเสียงหัวเราะออกมาได้เล็กน้อยจึงตัดสินใจหาที่นั่งพักทานอาหาร

              คารอสบอกกับเพื่อนๆของระหว่างการทานอาหารว่าเรือจะออกตอนเวลาทุ่มตรงกับสองทุ่มตรงเท่านั้นเรือรับส่งจะมีสองรอบดังนั้นจะมีเวลาเหลืออีกประมาณหลายชั่วโมงแต่บนเรือรับส่งจะมีห้องให้และพวกเราสามารถขึ้นไปนอนพักผ่อนบนเรือได้แต่ต้องขึ้นเรือเร็วกว่าคนอื่นเป็นเท่าตัว

              พอคารอสพูดจบโรสเสนอให้รีบขึ้นเรือโดยมีดาเรียนเป็นเสียงที่สองทำให้ชายหนุ่มอีกสามคนต้องตกลงขึ้นเรือเร็วกว่าคนอื่นเช่นกัน

              พอเวลาห้าโมงเย็นมาถึงก็เริ่มมีผู้คนมากมายมาที่ชายหาด   คารอสจ้องมองนาฬิกาพกที่พกติดตัวมาตลอดแล้วก็มีเสียงประกาศจากทางท่าเรือส่งสัญาญาญให้เริ่มขึ้นเรือได้แล้ว

              เมื่อฝูงชนที่แออัดยัดเยียดกันอยู่ที่ชายหาดได้ยินเสียงประกาศที่ท่าเรือก็เริ่มทยอยเก็บข้าวของแล้วเตรียมขึ้นเรือ  คารอสและเพื่อนๆของเขาที่เตรียมของรออยู่แล้วก็เดินขึ้นเรือไปเป็นพวกแรกจึงได้ที่พักระหว่างการข้ามฝั่งอยู่บนดาดฟ้าเรือที่วิวสวยที่สุดในเรือทำให้สองสาวในคณะเดินทางร่าเริงพอสมควร

              เวลาผ่านไปกว่าสองชั่วโมงผู้คนที่เดินทางไปแอเมทิสต์ก็ขึ้นมาเต็มเรือรอบแรกแล้วเรือจึงเริ่มออกเดินทางข้ามทะเลไปที่เกาะแอเมทิตส์หรือโรงเรียนนั้นเอง  เมื่อเรือออกเดินทางออกจากท่าเรือ   

               บนเรือก็เต็มไปด้วยนักเรียนของแอเมทิตส์ทั้งเก่าและใหม่     นักเรียนของส่วนใหญ่จะมาพักผ่อนจากการเดินทางที่ติดต่อกันหลายชั่วโมง   เมื่อเวลาผ่านไปถึงสิบชั่วโมงจากฝั่งที่เกาะใหญ่ก็เริ่มเห็นเกาะแอเมทิตส์ชัดมากขึ้น ณ ตอนนั้นก็เป็นเวลาของเช้าวันใหม่แล้ว

              คารอสที่ตื่นตั้งแต่รุ่งสางจนเป็นนิสัยตื่นขึ้นมาทันตอนที่ทางเรือเริ่มประกาศว่าจะถึงตัวเกาะแอเมทิตส์ในอีกครึ่งชั่วโมงข้างหน้านี่      เมื่อได้ยินเช่นนั้นคารอสก็เริ่มเดินไปปลุกเพื่อนของเขาทันที

              คารอสที่ตื่นแล้วก็เริ่มจับของส่วนตัวที่หยิบออกมาระหว่างอยู่บนเรือแล้วมือเขาจับเข้ากับดาบยาวที่อยู่ในฟักหนังสีดำ  เขาหยิบดาบขึ้นมาลูบครั้งสองครั้งแล้ววางไว้ข้างตัวอย่างเบามือเป็นที่สุด

              เรือลำยักษ์จอดเทียบท่าเรือตามเวลาที่กำหนดไว้อย่างลงตัว       เมื่อลงเรือแล้วเด็กปีหนึ่งที่สามารถแยกออกได้ง่ายๆก็ถูกต้อนไปร่วมกันที่ด้านหนึ่งของลานกว้างของท่าเรือ       แทบทุกคนยังสะลึมสะลือกันอยู่บนหลังม้า     คนที่ตื่นแบบเต็มตัวแล้วก็พากันประคองเพื่อนของตนไม่ให้ตกหลังม้าระหว่างที่ถูกต้อนไปรวมกันที่อีกด้านของลานกว้าง  คณะของคารอสที่อยู่หลังสุดเพราะลงจากเรือเป็นกลุ่มนั้นก็ไหลไปตามฝูงชน

              พวกเขาไปรวมกลุ่มกับนักเรียนที่ลงจากเรือเป็นกลุ่มแรกๆ  คารอสที่พยายามหาที่ว่างให้พวกเขาได้ยืนรอกำหนดการต่อไปก็กวาดตามองไปในกลุ่มคนที่ยืนร่วมกันอยู่ก็เห็นหน้าคนที่เขารู้จัก      เขาไม่รอช้าบังคับทิศทางให้ม้าตรงไปหาหน้าคนคุ้นตาที่รอบๆไม่มีใครอยู่ใกล้เลย  

             เมื่อเพื่อนๆของคารอสเห็นเขากระตุ้กม้าไปทางโซนด้านหน้าเล็กน้อย  พวกเขาไม่แย้งอะไรเพราะไม่อยากให้สองสาวที่หลับกันอยู่บนหลังตื่นจึงได้แต่บังคับม้าให้เดินเงียบๆตามคารอสไป

              กันเรย์ที่เดินทางมาเส้นทางเดียวกันกับคารอสนั้นมีสภาพไม่ต่างจากนักเรียนใหม่เท่าไร   เขานั่งอยู่บนหลังม้าสีดำน้ำตาลกำลังอ่านจดหมายอธิบายเรื่องหน้าที่ใหม่ของเขาเนื้อความที่ว่าโดยสรุปแล้ว  องค์ราชาบอกเขาว่าพระองค์ได้จัดการเรื่องที่พักและรายละเอียดเกื่ยวกับเรื่องที่เขาต้องทำไว้ให้แล้วในจดหมาย  พระองค์บอกว่าได้เขาจะได้สอนวิชาการต่อสู้ภาคสนนามและวิชาอาวุธศาสตร์  

              หน้าที่หลักๆที่เขาได้รับมอบหมายนั้นก็คือคอยรายงานความเป็นอยู่ของเจ้าหนูคารอสหรือเจ้าชายคาเทียรอสพระโอรสพระองค์เดียวขององค์ราชาแล้วในจดหมายที่เขาได้รับมายังบอกอีกว่าเขาถูกจัดให้เป็นอาจารย์เป็นประจำหอที่เจ้าชายอยู่อีกซะด้วย 

              กันเรย์เงยหน้าขึ้นมาจากจดหมายหลังจากรู้สึกว่ามีคนเข้ามาใกล้ก็ต้องตกใจจนเกือบตกจากหลังม้าเพราะเจ้าหนุ่มที่เขาต้องคอยดูแลอยู่เงียบไม่ให้เจ้าตัวรู้ตัวอยู่ๆก็มาอยู่หน้าเขาแล้ว

              คารอสที่เห็นท่าทางตกใจของกันเรย์ก็ตกใจพอๆกันเพราะกันเรย์เกือบตกจากหลังม้า  ท่าทางเหมือนคนเห็นผีก็ไม่ปาน

    "เจ้าหนูคารอส"

    "ใช่ขอรับ ข้าเองคารอส   แล้วท่านกันเรย์มาทำอะไรที่นี่?"     ทั้งนี้คารอสได้มาทราบชื่อของผู้ที่มาทดสอบฝีมือของเขาจากท่านพ่อในเช้าวันถัดมา

    "ฉันได้รับหน้าที่ใหม่ให้มาเป็นอาจารย์ของแอเมทิตส์"

    "แสดงว่าพวกผมคงได้พบอาจารย์กันเรย์ ในชั้นเรียน"

              กันเรย์หัวเราะเล็กน้อยเมื่อคารอสก้มหัวคารวะอย่างตลกขบขัน  ทำให้กันเรย์เห็นว่าด้านหลังไปหน่อยของคารอสมีกลุ่มเด็กนักเรียนที่มองเพียงครั้งก็รู้ว่าน่าจะเดินทางมาพร้อมกัน

    "แล้วนี่... ใครกัน?"

    "เพื่อนจากหมู่บ้านเดียวกันขอรับ ท่านอาจารย์"

    "อย่าเพิ่งเรียกฉันว่าอาจารย์ก็ได้"

    "ขอรับ  ว่าแต่..."

    "คารอส  ท่านผู้นี่เป็นใครกันเหรอ"

              อเล็กที่ตอนนี้ตัวไม่ได้ผิดชอบประคองสองสาวของคณะเดินทางก็ถามขึ้นมาหลังจากที่นั่งบนหลังม้าดูบทสนทนาของทั้งสองมานาน 

    "ท่านผู้นี่เป็นเพื่อนเก่าของท่านพ่อน่ะ  และก็เป็นอาจารย์พวกเราด้วย"

    "สวัสดีครับ"

    "เช่นกัน"

              พอสาวๆตื่นที่เหลือก็ทะยอยมาแนะนำตัวกับกันเรย์ทีละคนเรียงจาก   พอได้แนะนำตัวกันครบหมดเรียบร้อยสองสาวที่เพิ่งตื่นก็เร่งจัดแต่งทรงผมของตนเองทันทีโดยมีมอร์ไนต์และแมนทิสคอยช่วยเหลือแบบไม่ค่อยเต็มใจเท่าไรนัก   ก่อนจะมีเสียงประกาศที่ดังขึ้นมาแบบไม่ตั้งตัวทำให้ม้าที่รวมตัวกันมีความแตกตื่นเกิดทันทีทำให้แต่ละคนต้องปลอบขวัญม้าที่ใช้เป็นพาหนะของตัวให้สงบก่อนจะสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นๆ

    'ตอนนี้เรือขนส่งรอบที่สองมาถึงแล้ว  นักเรียนปีสองขึ้นไปจนถึงปีเจ็ดกรุณาไปรายงานตัวทันทีที่มาถึง  ส่วนปีหนึ่งที่มาถึงแล้วและเพิ่งมาถึงกรุณารออยู่ที่จุดรวมตัวแล้วทางโรงเรียนจะไปแจ้งขั้นตอนต่อไปให้ขอบคุณ'

    "ได้เวลาซะที เธอจะกลายเป็นคนดังในชั่วพริบตา"       กันเรย์กระซิบกับคารอสด้วยเสียงที่มีแต่คารอสคนเดียวเท่านั้นที่จะได้ยิน

              คารอสหันไปมองกันเรย์ที่ยิ้มด้วยนัยต์เจ้าเล่ห์ส่งมา  เขาไม่ได้ถามกันเรย์ว่าหมายความว่าอย่างไรแต่เป็นประโยคที่ทำให้เขาเสียวสันหลังขึ้นมาทันที  

    "หมายความว่าไง คนดังในชั่วพริบตา  คงไม่ใช่เพราะทุนจากองค์ราชาหรอกนะ"     คารอสเอ่ยเสียงราวกับกระซิบ

    "ไม่ต้องคิดมาก  ฉันจะคอยช่วย"

    "เ่อ่อ........ขอบคุณขอรับ..."

    "เอาเถอะ  เดี้ยวก็รู้เองว่าทำไม"

    "ครับ"

              แล้วคารอสก็เงียบไป  นักเรียนปีหนึ่งที่ลงจากเรือรอบที่สองเริ่มทยอยมาที่จุดรวมตัวมากขึ้นจากที่คารอสและเพื่อนๆอยู่หน้าสุดกลายเป็นว่าอยู่แทบจะหลังสุดเลย  เมื่อเวลาผ่านไปคารอสก็จมอยู่กับความคิดของตนเองหนักขึ้นพยายามหาความหมายของคำพูดของกันเรย์ที่ทำให้เขากระวัลใจอย่างบอกไม่ถูก

              ที่หน้ากลุ่มนักเรียนปีหนึ่งทั้งหมดนั้นอยู่ๆก็มีดินยกขึ้นมาสูงจนกลายเป็นเนินสูงแต่ราบแบนเสมือนเป็นเวทียกสูงขึ้นมา  และเสียงที่ตอนแรกดังแบบควบคุมไม่ได้ก็เงียบลงฉับพลันเมื่อมีชายวัยกลางคนก้าวขึ้นมาบนเวทีนั่น

    "ยินดีต้อนรับนักเรียนปีหนึ่ง น้องใหม่ของเรา  ขั้นตอนการเข้ารายงานตัวง่ายมากพวกเธอแค่ยื่นจดหมายที่ได้รับในช่วงก่อนเปิดเทอมนั้นมายื่นแล้วพวกเธอคงเลือกวิชาที่ตัวเองอยากเรียนมาแล้วใช่ไหม เมื่อมารายงานตัวพวกเธอต้องแจ้งว่าเรียนวิชาอะไรเป็นเอก  เพื่อสะดวกกับการเดินทางไปที่หอของแต่ละสายนั้นๆ  แล้วอีกเรื่องนักเรียนทุนหลวง คารอส  เดฟีโด อยู่ที่ไหนกรุณาออกมาที่หน้าแถวด้วย"

      ฟึบ!

    "คารอสนี่นายเป็นนักเรียนทุนหลวงหรอเนื่ย"

              เพื่อนๆของคารอสหันมามองหน้าคารอสที่อยู่หลังพวกเขาทันทีเพราะ คารอสไม่เคยบอกพวกเขาเรื่องทุนหลวงนี้       คารอสตัวแข็งอยู่บนหลังม้าแล้วเรียบร้อยจึงไม่สามารถตอบคำถามของเพื่อนได้แต่กลายเป็นเขาที่ได้คำตอบของคำถามที่มีอยู่ในใจก่อนหน้านี้แทน

    'เป็นไปได้ไงไหนเขาบอกว่าทุนหลวงปีหนึ่งยังไม่ได้ไงจะมีแต่ปีสองถึงปีเจ็ดไง'

    'ไหนๆ  อยากเห็นหน้า'

    "เอ้า เค้าเรียกแล้วรีบออกไปเถอะ  พวกเธอรออยู่นี้ล่ะ เดียวฉันพาคารอสออกไปหน้าแถวเอง"

    "ถ้ารู้ว่าต้องเป็นแบบนี้  ผมคงขอปฏิเสธองค์ราชาไปแล้ว"

    "เอาน่า  เอาน่า  ข้าก็ไปเป็นเพื่อนแล้วไง"

    "ขอบคุณขอรับ"

              กันเรย์ตบไหล่คารอสเบาๆเพื่อเรียกสติของคารอสคืน   ก่อนจะพาคารอสออกไปหน้าแถวทั้งหมดของปีหนึ่ง  พอคารอสเดินผ่านคนรอบข้างก็เริ่มหันมามองคารอสทันทีด้วยความอยากรู้อยากเห็น  ชื่นชม  และอิจฉา

              กันเรย์กับคารอสออกไปถึงหน้าแถวพร้อมกัน   ตาทุกคู่ก็เริ่มจ้องมองไปที่คารอสมากยิ่งขึ้น

              คารอสลงจากม้าแล้วก็เดินขึ้นไปบนเวทีพื้นยกสูงที่เมื่อกี้เขายังอยู่ไกลลิบ  แต่ว่าตอนนี้เขากำลังเดินขึ้นไปยืนเพื่ออะไรนั้น เขาเองก็ยังไม่รู้แต่ด้วยเพราะมีกันเรย์เป็นคนดันเขาขึ้นมายืนบนเวที

    "อ้า~~~  เธอคือนักเรียนทุนสินะ  แล้วนั้นท่านกันเรย์ใช่ไหม?"

    "ใช่ขอรับท่านอาจารย์ใหญ่"

    "คณะอาจารย์กำลังท่านอยู่เลย"

    "ได้โปรดอย่าเรียกว่าท่านเลยครับ  ท่านเป็นอาจารย์ของผมนะครับ"

    "แหม สมกับเป็นนายจริงๆเลย อยู่ที่โรงเรียนเจ็ดปีจบออกไปไม่รู้กี่ปีแล้วก็ยังเหมือนเดิม"

    "อาจารย์ท่านช่วยดูแลข้ามานาน ข้าเองก็อยากตอบแทนบ้าง"

    "งั้นปีนี้ก็ฝากดูแลนักเรียนของฉันด้วยแล้วกัน"

    "ได้ครับท่านอาจารย์ใหญ่"

              กันเรย์ทำความเคารพชายสูงวัยแล้วยื่นมือมาตบไหล่คารอสออกแนวไปข้างหน้า  เมื่อคารอสมาอยู่หน้าชายสูงวัยแล้วจึงทำความเคารพชายสูงวัยทันที   

    "และนี่คือ คารอส  เดฟีโด นักเรียนทุนหลวงปีหนึ่งของเรา  เขาคนนี้ได้รับเลือกโดยตรงจากองค์ราชาและพระมเหสีทั้งสองพระองค์     ฉะนั้น  ไม่ต้องสงสัยในฝีมือ  ดังนั้นพวกเธอสามารถแย่งชิงทุนไปจากเขาได้เช่นกัน  ตามธรรมเนียมปฏิบัติของเรา  แยกย้ายไปลงทะเบียนกันได้แล้ว"   

              ชายวัยกลางคนที่จริงๆแล้วไม่ได้เป็นชายหนุ่มวัยกลางคนและยังเป็นทั้งท่านอาจารย์ใหญ่เมื่อมองใกล้ก็จะทราบได้ทันทีว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมามากเพียงใด   ท่านอาจารย์ใหญ่ดีดนิ้วเพียงครั้งเดียวก็มีเต็นท์ผ้าโผล่ขึ้นมาโดยรอบลานกว้างสำหรับลงทะเบียนให้นักเรียนใหม่ทันที

    "เจ้าหนุ่มลงสายอะไรไว้ล่ะ"

    "ผมลงสายเวทย์มนต์เพื่อการต่อสู้และการปกครองขอรับ"

    "ลงสายเดียวกับท่านพ่อสินะ"

    "ใช่ขอรับ"

    "ข้าเป็นคนพ่อสอนพ่อของเจ้ามากับมือ น่าเสียดายที่ตอนนี้ไม่ได้ลงไปสอนด้วยตัวเองแล้ว"

    "ถ้างั้นท่านก็คือ ท่านอาจารย์เปโตรผู้สอนวิชาการปกครอง"

    "ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ตอนนี้เป็นอาจารย์ใหญ่เปโตรแทน  ตอนนี้เธอลงไปหาเพื่อนเธอได้แล้วพวกเขามานั่นแล้วอย่าลืมไปลงทะเบียนล่ะถึงเป็นนักเรียนทุนหลวงก็ต้องลงทะเบียน ฉันไปล่ะ"

    "ขอรับอาจารย์"

    "ท่านอาจารย์ผมต้องรายงานตัวเข้ารับตำแหน่ง"

    "มาสิกันเรย์  นานๆทีจะมีศิษย์เก่ามาเยื่ยมและกลับมาทำงาน  ไปคุยกันหน่อยก็ดี"

    "แล้วเจอกันที่ชั้นเรียนนะคารอส"

    "ขอรับอาจารย์ใหญ่ อาจารย์กันเรย์"

    "อืม"

              คารอสกล่าวคำลากับผู้ใหญ่ทั้งสองที่เดินลงจากเวทีก่อนเขาแล้วเขาค่อยตามลงมาสมทบกับเพื่อนๆของเขาที่ยืนรอกันอยู่ข้างทางลงเวที  โรสส่งมารีนให้คารอสขึ้นขี่บนหลัง    

              ไม่มีใครพูดอะไรกันทำให้บรรยายกาศในกลุ่มเงียบไปนักเรียนปีหนึ่งหลายคนก็ไม่ได้สนใจคารอสแล้วเพราะส่วนมากตอนนี้หันเข้าไปลงทะเบียนตามจุดของสายแล้ว   โรสที่ทนความเงียบไม่ไว้เอ่ยทำลายความเงียบที่น่ารำคาญลง

    "คารอสยินดีด้วยนะ"

    "ยินดีด้วยนะคารอส"

    "ขอบคุณโรส ขอบคุณดาเรียน"

    "คารอสทำไมแกไม่บอกพวกเราว่ะ พวกเราจะได้จัดงานเลี้ยงกันจริงไหม??  อเล็ก แมนทิส โรส ดาเรียน"

    "ขอโทษที่ไม่ได้บอกกันก่อน เห็นพวกเราตื่นเต้นและต้องเตรียมตัวเรื่องเปิดเรียนเลยไม่ได้บอกใคร"

    "ทำเป็นพูดไป!"

    "แมนทิสเธอเป็นอะไร?"

    "เป็นอะไรไปว่ะ"

    "อเล็ก มอร์ไนต์ เงียบไปก่อน พวกเธอด้วยอย่าเพิ่งแทรก ทำไมไม่คิดดูล่ะถ้ามันเห็นพวกเราเป็นเพื่อนจริงมันคงบอกพวกเราแล้ว  เรื่องได้ทุนก็คงให้พ่อจัดการให้  ท่านอาโรนเป็นถึงช่างไม้หลวงแถมยังเคยเป็นทหารเก่า"

    "แมนทิส! เธอพูดอะไรออกมา คารอสก็ขอโทษพวกเรา"

    "ดาเรียนเธอเงียบไปก่อน หรือไม่จริงล่ะวันๆเก็บตัวอยู่บ้านไม่เห็นจะได้ฝึกฝีมือตรงไหน  แต่ฉันลงเรียนทุกอย่างเพื่อจะได้เป็นนักเรียนทุนหลวงตอนปีสอง     แต่นายกลับได้มันไปก่อน.... ฉันจะแย่งทุนมาจากนายให้ได้คอยดู"

    "แมนทิส นายบ้าไปแล้วเหรอไง?"

    "เฮ้ย คารอสแกจะไม่พูดอะไรหน่อยหรอ" 

              มอร์ไนต์หันมาพูดกับคารอสที่กำลังยืนนิ่งไม่พูดหรือเอ่ยอะไรเลย  โรสที่เห็นว่าเหตุการณ์นี้จะเริ่มเลวร้ายขึ้นถ้าคารอสยังเงียบต่อไปจึงเอื้อมมือไปเขย่ามือคารอส       แต่แมนทิสเห็นท่าทางของโรสที่ถึงเนื้อถึงตัวคารอสจึงโมโหมากขึ้นและเริ่มคุมตัวเองไม่ได้

    "คารอสนายเลิกให้โรสปกป้องนายได้แล้ว"

    "แมนทิสนายต้องการอะไรกันแน่บอกมา"

    "นายจะรู้ไปทำไม คารอส?"

    "ขอร้องล่ะแมนทิสเธอหยุดว่าคารอสได้ไหม"

    "โรสนี่เธอปกป้องมัน....ได้"

    "แมนทิส!แมนทิส!"

              แมนทิสไม่สนใจเสียงที่เรียกเขาเลยแม้สักเสียงเดียวตัวเขาควบม้าห่างออกไปจากกลุ่มทันที  ตัวเขาไม่เคยชอบคารอสเลยตั้งแต่จำความได้ คนที่ดูอ่อนแอ ทำตัวใสซื่อ เห็นผู้หญิงแล้วแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องว่าต้องอย่างไรดี      แม้แต่โรสเพื่อนสมัยเด็กของเขาอีกคนคนที่เขาแอบชอบมานานก็ถูกคารอสแย่งไป

              ชายหนุ่มจะไม่ยอมให้คารอสมาแย่งอะไรไปจากเขาอีกแล้วในความคิดของเขา ไม่ยอมเด็ดขาดที่ต้องเสียความต้องการของตนเองอีกครั้ง

    "แล้วเราจะได้เห็นดีกัน"


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×