ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าชายแห่งคาร์เนเลียน

    ลำดับตอนที่ #5 : เดินทาง *Rewrite*

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 932
      12
      5 มี.ค. 63


    "พวกนายๆทางนี้"

    "โรสเธอดูตื่นเต้นเกินไปหรือเปล่า  อีกอย่างนะเจ้าคารอสยังไม่ออกมาเลยขนาดว่านัดเจอกันที่หน้าบ้านมัน"

    "แมนทิสเงียบไปเลยนะ   วันนี้เป็นวันเกิดของคารอสเขาคุยกับท่านอาโรนอยู่แล้วถ้าจะคุยนานก็ไม่แปลก"

              โรสออกโรงพูดปกป้องคารอสเมื่อหนึ่งกลุ่มที่จะเดินไปด้วยกันเริ่มจะเอ่ยวาจาไม่เข้าหูเธอ

    "เบาๆก็ได้ยังเช้าอยู่เลยนะ"     

    "แหม แมนทิส อเล็ก ดาเรียน แล้วมอร์ไนต์อยู่ไหน"

    "มอร์ไนต์กลับไปเอาถุงมือผงเกล็ดมังกรที่บ้าน"

    "เอาเถอะรออีกหน่อยก็ไม่ต่างจากเดิม"

              คารอสตื่นเช้าก่อนเวลาเดินทางเกือบหนึ่งชั่วโมงเพื่อเตรียมตัว     เขาหยิบเสื้อคลุมเดินทาง หมวก แล้วก็ถุงมือเดินทางไว้ในมือ     ส่วนอีกมือก็หยิบของทั้งหมดที่เตรียมไว้ลงไปที่คอกม้าของบ้านที่มีม้าแค่สองตัวซึ่งจากวันนี้จะเหลือแค่ตัวเดียวระหว่างที่เขาอยู่ที่แอเมทิตส์เขาเอาของทั้งหมดขึ้นหลังม้าแล้วเดินกลับเข้าไปในตัวบ้านก็พบท่านพ่อยืนถือกล่องไม้ยาวในมือ ห่อด้วยผ้ากำมะหยี่สีแดงเลือดหมูอีกที  คารอสเดินเข้าไปหาท่านพ่อแล้วถามขึ้นเบาๆ

    "ท่านพ่อมีอะไรหรือเปล่าครับ"

    "พ่อมีของให้ แล้วก็มาอวยพรวันเกิดลูกด้วย"

    "ขอบคุณครับท่านพ่อ"

    "คารอสจำคำพ่อไว้นะต่อจากนี้ไปไม่ว่าลูกจะต้องเจอกับอะไรก็อย่ายอมแพ้จงใช้จิตและสมองให้เป็นประโยช์น  เมื่อลูกเดินหน้าก็อย่าลืมเหลียวหลังมองข้างหลังเมื่อเรามองข้างหลังเมื่อใดแสดงว่าย่อมมีเสียงขอความช่วยเหลือตามมาซึ่งลูกต้องพิจารณาเสียงนั้นด้วย     หาไม่แล้วเสียงที่ว่าคือเสียงที่จะพาลูกไปหากับดัก แต่ว่าเมื่อใดที่ลูกไม่เหลียวมองหรือฟังเสียงจากข้างหลังเลยนั้นมันก็คือความพินาศของลูกเช่นกัน จงใช้ร่างกาย สมอง และพลังจากวิญญาณให้ถูกต้อง      อายุสิบเจ็ดแล้วพ่อก็จะถือว่าลูกพ่อเป็นผู้ใหญ่แล้วจะทำสิ่งใดให้ใช้สติ ความรอบครอบและหัวใจเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ"

    "ลูกจะจำไว้ครับท่านพ่อ"

    "ขวัญวันเกิดครบสิบเจ็ด      ของที่แสดงถึงความเป็นผู้ใหญ่ของลูกเอาไปก่อนแล้วค่อยเปิดผ้าห่อตอนออกเดินทาง เพื่อนๆลูกมารอแล้ว อย่าลืมเอาถุงเงินไปด้วย ลูกต้องซื้อหนังสืออีก"

    "ครับท่านพ่อ"      คารอสรับกล่องไม้ยาวที่ห่อด้วยผ้าชั้นดีไว้ในมือ  แล้วน้ำตาเม็ดโตก็ตกมาที่ห่อผ้าในมือของคารอสอย่างกั้นไม่อยู่ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว

              คารอสถือกล่องไม้ด้วยมือข้างเดียวแล้วยกมืออีกข้างขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่รื้นเริ่มปริ่มทันทีไม่ให้น้ำตาไหลลงมาอีกรอบ

              อาโรนเห็นคารอสร้องไห้แต่พยายามกลั้นเอาไว้สุดความพยายามจึงไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่นึกภูมิใจและรักในตัวลูกชายเขาคนนี้ อดทน  ไม่อยากให้ใครเป็นกังวลเรื่องของตัวเอง แต่จะเป็นกังวลเรื่องของคนอื่นมากกว่าของตนเองเสมอ 

              ใจจริงอาโรนก็ไม่ได้อยากให้คารอสต้องไปเรียนที่แอเมทิตส์เป็นรักคารอสประหนึ่งลูกในไส้     แต่ด้วยคำขอของแม่และพ่อของคารอสที่อาโรนรับปากไว้และความจำเป็นในทุกอย่างๆที่ตัวคารอสยังไม่รู้จึงไม่มีทางเลือกเขาจะเป็นคนเห็นแก่ตัวไม่ได้  

              อาโรนเดินเข้าไปหาคารอสและสวมกอดคารอสไว้แน่นมือหนาใหญ่ลูบผมดำหนาของคนที่เขารักเหมือนลูกชาย   เด็กที่เป็นคนสำคัญแต่เจ้าตัวยังไม่รู้อะไร  เรื่องวุ่นวายทั้งหลายที่เขากำลังจะไปเจอจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง  โดยเพราะรักและเฝ้าดูมาตลอดหลายปีจึงถ่ายทอดวิชาความรู้ทุกอย่างให้  คนเป็นพ่ออย่างเขาก็หวังว่าจะปลอดภัยไม่ต้องเจอเรื่องร้ายใดๆ

    "เช็ดน้ำตาให้เรียบร้อยลูกพ่อ  ได้เวลาออกเดินทางแล้ว  ใจหายจริงๆลูกพ่อโตแล้ว"

    "ครับท่านพ่อ"

              คารอสกระชับกอดท่านพ่อครั้งหนึ่งแล้วหันหลังเดินออกจากตัวบ้านพร้อมคำอวยพรและคำสั่งสอนออกมาไปที่คอกม้า  มารีนเห็นคารอสเดินเข้ามาที่คอกม้าก็เดินเข้ามาหา คารอสเอากล่องไม้ที่เพิ่งได้รับมาผูกไว้กับด้านข้างอานม้าแล้วจึงหยิบเสื้อคลุมเดินทางและหมวกขึ้นมาสวมก่อนจะจับจูงมารีนเดินออกนอกตัวบ้านไปสมทบกับเพื่อนที่รอเขาอยู่

    "พวกเรามากันครบแล้ว"

    "สวัสดีโรส หวัดดีทุกคน"

    "หวัดดี"

    "ขอโทษนะที่ออกมาช้า"

    "ไม่เป็นไรหรอกคารอส วันนี้วันเกิดนาย อีกอย่างมอร์ไนต์ก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน"

    "ยังไงก็ขอโทษที่ทำให้รอ"

    "พวกผู้ชายคุยกันจบแล้วใช่ไหม  ถ้าจบแล้วก็ขึ้นม้าจะได้ออกเดินทาง"

    "ได้"  

              ว่าแล้วพวกเขาก็ขึ้นหลังม้ากันทันที      แมนทิสที่ขึ้นม้าก่อนเพื่อนหยิบแผนที่ออกมาดูอีกครั้งเพื่อเช็คเส้นทางการเดินทางที่เหมาะที่สุด     แมนทิสเงยหน้าขึ้นจากแผนที่แล้วหันมาบอกกับเพื่อน

    "ไปทางหลังหมู่บ้านดีที่สุดผ่านป่าโป่รงแห่งโอทาเนีย      ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งวันเต็มก่อนจะถึงหมู่บ้านท่าเรือ ที่พักคนเดินทาง"

    "ถ้าพอเข้าใจงั้นเดินทางกันเถอะ ออกช้าไปไม่ทันหาที่พักจะแย่"

              ทางผ่านหมู่บ้านลาเรียซึ่งเป็นหมู่บ้านของพวกเขาเอง  คณะของพวกเขาเดินทางพ้นเขตหมู่บ้านก็เข้าเขตทุ่งเกษตรหลักของอาณาจักรแมนทิสจึงแนะนำว่าให้แวะเติมเสบียงของม้าเพราะเสบียงที่นี่ราคาถูกที่สุด

              พอพวกเขาเติมเสบียงเสร็จก็ออกเดินทางต่อวิ่งบ้างเดินบ้าง  แต่กระนั้นพอตกเย็นคณะของพวกเขาก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านพักคนเดินทางที่พักกลางทางสำหรับพวกเขาและคนอื่นๆที่เดินทางผ่านทางนี้เพื่อทำธุระหรือไปให้ทันกำหนดเปิดภาคเรียนของแอเมทิตส์ 

              พวกเขาเป็นกลุ่มที่เดินทางแล้วไม่ได้พักกลางทางนั้นมาถึงเร็วกว่าคนอื่นมากจึงมีเวลาหาที่พักที่สภาพดีได้เพื่อค้างหนึ่งคืนและเพื่อจัดหาซื้อหนังสือที่ต้องใช้ในภาคเรียนที่นี่

              คารอสพาคณะทั้งคนและม้าไปที่โรงเตี้ยมแห่งหนึ่งที่ท่านพ่อของเขาแนะนำมา     บอกว่าเจ้าของเป็นเพื่อนเก่าของตนน่าจะช่วยเหลือดูแลพวกเขาได้ดีและดีกว่าไปหาที่พักที่อื่น  เขาลงจากหลังม้าเมื่อเดินทางมาถึงหน้าโรงเตี้ยมขนาดกลางๆด้านข้างมีโรงม้าสองชั้นตั้งอยู่

              คารอสมองชื่อโรงเตี้ยมที่ป้ายแขวนด้านบนแล้วมองลงมาที่กระดาษในมือซึ่งได้รับมอบมาจากท่านพ่อของเขา

    "โรงเตี้ยมของเบล็ค ที่นี่ล่ะ"

              คารอสหันหลังไปบอกเพื่อนของเขาที่ยังคงนั่งอยู่บนหลังม้าของตนเองพอเห็นคารอสแสดงความแน่ใจว่าใช่ที่นี่แน่ๆพวกเขาก็ลงจากหลังม้ากันทุกคน

    "รอข้างนอกเดี้ยวให้ฉันเข้าไปคุยเรื่องห้องพักให้"

    "ไปสิ เดียวพวกฉันรอ"

    "อืม"     คารอสเดินเข้าไปที่โรงเตี้ยมโดยที่ไม่ลืมจะฝากม้าไว้กับเพื่อนก่อน  

              ชั้นล่างของโรงเตี้ยมมีเคาน์เตอร์บาร์ใหญ่ตั้งอยู่คารอสเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ที่มีชายวัยกลางคนยืนหันหลังเช็ดแก้วอยู่หลังเคาน์เตอร์พอคารอสเดินเข้าไปใกล้ชายวัยกลางคนก็หันมาพอดี  ก่อนจะได้เอ่ยจุดประสงค์ชายวัยกลางคนก็ชิงทักทายคารอสด้วยเสียงที่ร่าเริงขึ้นมาก่อน

    "สวัสดีขอรับมีอะไรให้กระผมช่วยไหมขอรับ"

    "อา...คือว่าพวกผมเดินทางมาจากหมู่บ้านลาเรีย คาร์เนเลียน จะแวะพักที่นี่ก่อนไปที่แอเมทิตส์พอดีว่าท่านพ่อของผมเขาแนะนำที่นี้มา ไม่ทราบว่ายังห้องพักเหลือว่างอยู่บ้างไหมครับ"

    "โอ๊ย! เจ้าหนูห้องพักนะมีว่างอยู่เยอะเลย  พวกเธอเดินทางกันมาถึงเร็วมากเลยนะ  นี่เพิ่งสี่โมงเย็นลองมาช้ากว่านี้สักชั่วโมงสิไม่มีเหลือแน่ ว่าแต่นะเจ้าหนูที่บอกว่าท่านพ่อแนะนำมานะ บอกหน่อยสิพ่อเจ้าชื่อว่าอะไรเผื่อข้ารู้จักและจำเขาได้"

    "ชื่ออาโรนครับ"

    "ท่านอาโรนหรอ!!! นี่แล้วเขามาด้วยหรือเปล่า??!!"

    "เปล่าครับ"  

              คารอสทำหน้าสงสัยเมื่อเห็นท่าทางที่ตื่นเต้นและตกใจ พอชายวัยกลางคนเห็นคารอสทำหน้าสงสารและงงงวยก็สงบอารมณ์แล้วหันหน้ามาคุยกับคารอสใหม่อีกครั้ง

    "ขอโทษนะ  เอาล่ะ มาคุยเรื่องธุระของเราตอนนี้พวกเธอมากันกี่คน"

    "คนหก ม้าหก"

    "ม้าหกสินะ ค่าซองม้าต่อตัวสองอาร์ม แล้วเธอจะใช้กันกี่ห้องที่นี่มีห้องสองเตียงนะ"

    "งั้นจองสามห้องก็แล้วกันครับ"

    "ได้ห้องละสิบอาร์ม  รวมค่าซองม้าหกซองทั้งหมดก็สี่สิบหกดอาร์มเธอจะจ่ายเลยไหม"

    "จ่ายเลยครับ"  

              คารอสล่วงถุงเงินออกจากกระเป๋ากางเกงกางถุงออกแล้วล่วงลงไปในถุงหยิบเหรียญสีเงินสี่สิบหกเหรียญออกมาว่างบนเคาน์เตอร์ตรงหน้าชายวัยกลาง

              ชายวัยกลางคนรับเงินทั้งหมดมาแล้วเก็บใต้เคาน์เตอร์  ชายวัยกลางคนค้นอยู่ใต้เคาน์เตอร์สักพักก็กลับขึ้นมาพร้อมกุญแจห้องพักสามห้องในกำมือแล้วเดินมาออกมานอกเคาน์เตอร์มาที่คารอส

    "ตามฉันมาก่อนเดียวฉันพาที่ซองม้า"

              ชายวัยกลางคนออกเดินนำคารอสมาข้างนอกโรงเตี้ยมที่คณะของคารอสรออยู่     มาถึงจุดนี้คารอสรู้แล้วว่าชายวัยกลางคนเป็นเจ้าของโรงเตี้ยมแน่นอนเพราะเมื่อเขาเดินออกมาจากหลังเคาน์เตอร์ก็มีพนักงานวิ่งหน้าตื่นเข้ามาแต่เขากลับทำเพียงยกมือปรามไว้

    "นี่กลุ่มของเธอสินะ     เอาล่ะตามมาฉันจะพาเข้าไปหาซองม้าดีๆสำหรับม้าของพวกเธอ"     

              ว่าแล้วก็ออกเดินนำพวกเขาเข้าที่โรงม้าสองชั้นชายวัยกลางคนพาพวกเขาไปที่ซองม้าหกซองแรกที่มองเห็นหลังจากเดินเข้าโรงม้า       พวกเขาไม่รอช้านำม้าของตนเองไปไว้ในซองที่แนะนำให้พอพวกเขาจัดม้าไว้ในซองแล้วเรียบร้อยทุกคนเจ้าของโรงเตี้ยมก็ยื่นกุญแจห้องให้คารอสแล้วอธิบายรายละเอียดเกื่ยวกับโรงเตี้ยมอีกเล็กน้อย

    "พวกเธอจะเข้าห้องก่อนเลยก็ได้  ร้านหนังสือที่ขายหนังสือของโรงเรียนแอเมทิตส์อยู่ไม่ไกลจากโรงเตี้ยมนัก  ทุกห้องนอนมีห้องน้ำในตัว ส่วนห้องอาหารอยู่ชั้นล่างจะมีการแสดงตอนหนึ่งทุ่มตรง ปกติค่าอาหารจ่ายต่างหากนะแต่ลูกของเพื่อนเก่ามาทั้งที่จะลดค่าอาหารให้ครึ่งหนึ่งก็แล้วกัน  อ่อ ห้องพักของพวกเธออยู่ชั้นสองเบอร์หนึ่งถึงสาม"

    "เดียวก่อนสิครับ  คุณชื่ออะไรครับ"

    "ฉันชื่อเบล็ค สรอนโต  เรียกฉันว่าเบล็คก็แล้วกัน ไปล่ะ"

              ว่าแล้วชายวัยกลางคนก็ออกเดินจากไปทันทีพวกเขาหันมามองหน้ากันแล้วสองสาวแห่งคณะเดินทางนี้ก็กล่าวทำลายความเงียบ

    "นี่พวกนาย!"     สองสาวตะโกนขึ้นพร้อมกันทำเอาสี่ชายหนุ่มที่เหลือพากันสะดุดไปตามๆกัน

    "ตะโกนทำไม?"          อเล็กที่อยู่ใกล้สองสาวท้วงทำให้สองสาวส่งสายตาไม่พอใจมามองคนท้วงทันที

    "อเล็กพรุ่งนี้ยังอยากไปเข้าเรียนอยู่ใช่ไหม?"

    "จ้าๆ  โรสเธอก็โหดไปได้"

    "คารอสส่งกุญแจห้องมาห้องหนึ่งพวกฉันจะไปพัก"

    "เห็นด้วย"

    "เดี้ยวๆ โรส เธอด้วยดาเรียนแล้วใครจะซื้อหนังสือให้พวกเธอคนสอง"       มอร์ไนต์ที่ยืนเงียบมานานท้วงขึ้นมาบ้างแล้วมอร์ไนต์ก็ได้คำตอบที่ส่งผ่านทางสายตา

    "ถามได้ก็ต้องนายน่ะสิมอร์ไนต์ ขอบคุณนะที่อาสา"

    "เดี้ยวดาเรียนฉันยังไม่ได้ตอบตกลงเลยนะ"

    "หรือนายจะมีปัญหา?"

    "เอาเงินเธอมาสิเดียวฉันไปซื้อให้"     มอร์ไนต์ก้มหน้าคอตกอย่างเสียไม่ได้ยื่นมือไปรับเงินสำหรับค่าหนังสือเรียนดาเรียน

    "ขอบคุณนะจ้ะมอร์ไนต์  นี่เงินค่าหนังสือ"

              สาวหน้าหวานที่งดงามแบบตุ้กตาส่งเงินจำนวนหนึ่งให้มอร์ไนต์ที่ทำหน้าเบื่อโลกให้ทุกคนได้เห็นแต่ดาเรียนก็แกล้งไม่สนใจยัดเยียดหน้าที่ให้เพื่อนร่วมหมู่บ้านทันที

    "โร...ส"          คารอสกำลังจะเรียกโรสให้ส่งเงินมาให้เขาจะได้ไปซื้อหนังสือให้แต่ถูกขัดขึ้นมาก่อนที่จะเอ่ยชื่อเจ้าตัวจบ

    "โรสเธอเอาเงินมาสิเดียวฉันไปซื้อให้"          แมนทิสกล่าวตัดหน้าคารอสที่กำลังจะเรียกโรสเช่นกัน

    "อะ...อ่อ ก็ได้ฝากด้วยนะแมนทิส"

              โรสเหลือบมองคารอสนิดๆคารอสเลยทำหน้าเป็นสัญญาณบอกว่าไม่ได้คิดอะไรมาก     โรสหยิบเงินค่าหนังสือให้แมนทิส

              เมื่อตกลงกันได้แล้วคารอสเลยส่งกุญแจห้องให้สองสาวไป      แล้วสองสาวก็หยิบข้าวของออกจากหลังม้าแล้วเดินออกจากโรงม้าไปที่โรงเตี้ยม  ส่วนชายหนุ่มทั้งสี่ก็ออกไปซื้อหนังสือที่ร้านหนังสือที่มีขนาดใหญ่มากทันที  

              เมื่อพวกเขาไปถึงร้านหนังสือที่อยู่เกือบท้ายหมู่บ้านตอนนั้นพวกผู้คนก็เริ่มเดินทางเข้ามาหาที่พักแล้วพอเข้าไปที่ร้านหนังสือพนักงานร้านหนังสือสาวใหญ่ก็ถึงกับตะลึงไปกับการปรากฏตัวของชายหนุ่มสุดหล่อประจำหมู่บ้านลาเรียทั้งสี่คน

            เจ้าของร้านที่กำลังจะเอ็ดพนักงานที่ไม่ต้อนรับลูกค้าแต่กลายเป็นตกตะลึงในความหล่อของทั้งสี่แบบที่มาปรากฏตัวพร้อมกันถึงสี่คนซึ่งความหล่อที่โดดเด่นที่สุดคือคนแรกทางขวาชายหนุ่มตาสีRoyal Blueที่สวยงามจนคนที่จ้องเข้านานๆจะหลงใหลจนลืมไม่ลงทีเดียว

    "คุณป้าขอรับ  หนังสือพื้นฐานของนักเรียนปีหนึ่งแอเมทิตส์ครับ"

                พวกเขาทั้งสี่คนเข้าในร้านหนังสือที่เป็นห้องแถวขนาดใหญ่เมื่อเดินเข้ามาถึงร้านหนังสือนั้นคือแผ่นโลหะขนาดใหญ่ที่มีรายชื่อหนังสือทั้งหมดในร้าน  ทั้งสองด้านของผนังห้องที่ควรว่างเปล่าก็มีโต๊ะตัวใหญ่วางอยู่และตรงกลางก็มีแผ่นหินอ่อนวางอยู่ทำให้พวกเขาสงสัยเป็นยิ่งหนักทำไมถึงไม่มีชั้นวางหนังสืออย่างที่ควรเป็น 

    "อะ....อ่อ  ได้จ้ะพ่อหนุ่มพวกเธอจะซื้อทั้งหมดกี่ชุด"

    "ทั้งหมดหกชุดขอรับ"

    "หกชุด?"

    "เพื่อนผมฝากซื้อสองชุดครับ"

    "หนึ่งพันห้าร้อยอาร์ม จ้ะพ่อหนุ่ม"

    "พวกนายเอาเงินมาเดียวฉันจ่ายให้"

    "ได้ เอ้า"       ว่าแล้วทุกคนก็ส่งให้เงินคนละสองร้อยห้าสิบอาร์มให้อเล็กที่ออกตัวเสนอการซื้อหนังสือทั้งหมด  มอน์ไนต์กับแมนทิสส่งเงินของพร้อมกับเงินของสองสาวที่ฝากมาส่งไปพร้อมกับเงินของตนให้อเล็ก

            อเล็กที่รับเงินมาจากเพื่อนๆก็ส่งส่วนของเพื่อนๆให้เจ้าของร้านหนังสือแล้วล้วงกางเกงหยิบของตนส่งให้เจ้าของร้านเช่นกัน       เจ้าของรับเงินมาและเดินเข้าไปที่โต๊ะไม้ตัวใหญ่ที่มีแผ่นหินอ่อนสีขาววางอยู่ตรงกลางแล้วเจ้าของร้านก็วางมือทาบลงไปที่แผ่นหินอ่อนสีขาวกลางโต๊ะเบาๆ

              กระซิบเบาๆหนังสือหนาๆหนักๆหกเล่มก็มาวางอยู่บนโต๊ะทันทีแล้วเจ้าของร้านก็กระซิบเบาๆอีกห้าหกครั้งซึ่งแต่ละครั้งหนังสือจะโผล่ขึ้นมาเฉยๆจนบนโต๊ะตัวใหญ่เริ่มไม่มีที่ว่างซึ่งแต่ละครั้งจะโผล่มากองละหกเล่มเสมอ  

              เมื่อกองหนังสือที่มหาศาลนั้นหยุดโผล่ขึ้นมาจากโต๊ะได้อย่างไร้ร่องรอยท่านเจ้าของร้านก็หันมาหาพวกเขาแล้วเร่งให้พวกเขาเอาหนังสือสามสิบหกเล่มออกจากโต๊ะไปพอหนังสือทั้งหมดมาอยู่กับพวกเขาแล้วเจ้าของก็หันไปต้อนรับลูกค้าคนอื่นต่อ

              พวกเขาทั้งสี่คนช่วยกันถือหนังสือจำนวนมหาศาลกลับไปที่โรงเตี้ยมเพื่อดูอีกครั้งว่ามีอะไรที่พวกเขาจำต้องซื้ออีกหรือเปล่า  พอพวกเขาไปถึงโรงเตี้ยมก็พบว่ามีคนจำนวนมากอยู่เต็มห้องอาหารแล้ว

              คารอสชี้มือไปที่โต๊ะที่ว่างอยู่แล้วบอกให้นั่งที่นั้นก่อนจะดีกว่าเพื่อจะได้แบ่งหนังสือของใครของมันและจะได้ทานอาหารกันก่อนด้วยเมื่อคารอสพูดถึงอาหาร          ท้องที่ไม่รักดีของเพื่อนหนุ่มอีกสามคนก็ส่งเสียงออกมาทันที       คารอสจึงขอตัวขึ้นไปตามสองสาวที่อยู่บนห้องก่อนแล้วจะตามลงมาให้สั่งอาหารก่อนได้เลย  คารอสมารวมกับเพื่อนที่เหลือที่โต๊ะอาหารเมื่อสองสาวมาที่โต๊ะแล้ว

              ยิ่งเวลาผ่านไปผู้คนก็เริ่มมากขึ้นเลยๆร้านรวงต่างๆที่มีคนปละปลายก็คึกคักและมีสีสันขึ้นมาทันตาเห็นเมื่อผู้คนเริ่มมากขึ้น          อาหารบนโต๊ะก็หายไปที่ละอย่างสองอย่างพวกเขาก็เริ่มสนทนากันอีกครั้งโดยข้อแรกเริ่มที่การซื้อหนังสือที่ร้านหนังสือมหัศจรรย์ในความคิดของทั้งสี่       ก่อนการแสดงเริ่มขึ้นและจบลง      ผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในห้องอาหารเริ่มกลับขึ้นห้องนอนของตนเช่นเดียวกับคณะเดินทางของคารอส

              คารอสขอตัวไปธุระที่คอกม้าก่อนแล้วจะตามขึ้นไปที่หลังกับแมนทิสที่แบ่งห้องพักกัน

              คารอสมาถึงคอกม้าของโรงเตี้ยมซึ่งตอนนี้ทุกซองมีม้าอยู่เต็ม   คารอสเดินไปหาม้าของตนลูบหัวมันสองสามทีแล้วเดินไปที่กองสมบัติของเขาที่เขาวางกองเอาไว้       เขาหยิบของที่เขายังไม่ได้เห็นของภายในขึ้นมาเพื่อสร้างที่ว่างให้เขานั่งลงเพื่อเปิดห่อผ้าอันยาวที่ห่อหุ้มกล่องไม้ขนาดใหญ่ไว้ที่คารอสได้รับจากท่านพ่อ

              คารอสนั่งลงบนที่ว่างที่เกิดขึ้นวางกล่องไม้ขนาดใหญ่ไว้บนตักแล้วแกะห่อผ้าออก     สิ่งที่ปรากฎออกมานั้นก็คือชิ้นไม้ฉลุที่ถูกนำมาต่อกันจนกลายเป็นกล่องไม้ที่สวยงาม  รายฉลุนั้นมีมากพอที่จะทำให้เห็นของที่อยู่ข้างในกล่องไม้ฉลุนั่นของที่อยู่ในกล่องไม้ฉลุวางอยู่บนบุนวมสีแดงสด

              ตรงกลางเป็นรอยสำหรับวางของโดยเฉพาะ ซึ่งก็คือดาบยาวที่มีด้ามจับประดับด้วยคริสตัลและเงินแท้ที่อยู่บนที่พ้นจากฝักกดาบ ส่วนฝักดาบก็เป็นหนังสีดำที่เงาวาบไม่ได้ลงลายอะไร

              คารอสเห็นของที่เป็นประกายตรงหน้าคารอสก็รีบเอาผ้าที่เพิ่งเกะออกมาปิดไว้อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองกับสิ่งที่เห็น

    "เพราะอย่างนี้ท่านพ่อถึงได้ให้มาเปิดระหว่างการเดินทาง  เพราะเราจะโวยไม่ได้อะไรจดหมายเหรอ"

              สายตาที่ส่องไปทั่วกล่องฉลุก็พบสะดุดกับซองสีขาวสะอาดมีตราประทับประจำตัวของอาโรนประทับอยู่      คารอสหยิบจดหมายขึ้นมาเกะอ่านออกเสียงเบาๆอย่างไม่รีบร้อนตามเนื้อหาในจดหมาย

     'คารอสลูกรัก 
    ตอนที่ลูกอ่านจดหมายนี่พ่อคิดว่าน่าจะอยู่ที่โรงเตี้ยมของเพื่อนเก่าของพ่อแล้ว? 
    เอาล่ะ  คารอส  พ่ออยากให้ลูกช่วยอะไรพ่อหน่อย 
    มันเป็นสิ่งที่พ่อควรทำมานานแล้วแต่พ่อมีภารกิจอื่นอยู่ทำให้พ่อลืมสิ่งนี้ไป 
    คารอสลูกช่วยเอากล่องไม้ฉลุ(ที่ตอนนี้น่าจะอยู่บนตักลูก)ไปให้เพื่อนของพ่อที 
    พ่อติดหนี้บุญของเขาไว้มากมายนัก 
    เอากล่องไม้ฉลุที่อยู่ในบนตักลูกไปให้เบล็ค  สรอนโตที
    ป.ล.พ่อคิดว่าลูกคงโกรธพ่อเรื่องดาบอยู่ใช่ไหมล่ะ?  ดาบที่พ่อให้ไปเป็นของสำคัญ
    มีใครบางคนมอบให้พ่อแล้วบอกว่าให้มอบให้ลูกให้ได้เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
    คารอสจงใช้ดาบนี้ตามอย่างที่อวยพร  ใช้ปกป้องแต่อย่าทำร้าย
    พ่ออยากให้มีเวลามากกว่านี้      พ่ออยากจะเป็นคนบอกความจริงกับลูกด้วยปากของพ่อเอง
    พ่อจะรักลูกเสมอไม่ว่าจะมีอะไรเปลื่อนแปลงไปก็ตาม
    อาโรน  เดฟีโด'

              เมื่อคารอสอ่านจบก็อ่านทวนอยู่สองสามรอบอยู่ที่ประโยชน์เดียวที่เขาไม่เข้าใจความหมายนั้น'พ่ออยากจะเป็นคนบอกความจริงกับลูกด้วยปากของพ่อเอง' มันหมายความว่าอย่างไง ทำไมท่านพ่อถึงพูดแบบนี้แล้วคารอสก็ฉุดคิดขึ้นมาได้ว่าท่านพ่อชอบแกล้งเขาแบบนี้อยู่เป็นประจำ 

              แล้วคารอสเก็บจดหมายเข้ากระเป๋าเดินทางแล้วเปิดกล่องไม้ฉลุหยิบดาบยาวออกมาวางไว้ข้างตัวซึ่งพ่อของเขาอยากให้เขาใช้ดาบเล่มนี้       แล้วจึงหันมาปิดกล่องไม้แล้วห่อด้วยผ้าอีกครั้ง คารอสลุกขึ้นมาพร้อมดาบแล้วนำมาผูกไว้ข้างตัวก่อนจะหยิบกล่องไม้ฉลุขึ้นมาด้วยมือข้างหนึ่งและมืออีกข้างก็เอื้อมไปลูบหัวเจ้ามารีนอีกครั้งก่อนเดินกลับเข้าไปที่ตัวโรงเตี้ยมแล้วแวะหาเจ้าของโรงเตี้ยมทำภารกิจที่ได้รับการไหว้วานมาก่อนจะเดินขึ้นไปที่ห้องพักของตน

    "ฝากขอบคุณท่านอาโรนแทนข้าด้วยนะ"

    "ได้ขอรับผมจะบอกท่านพ่อให้แน่นอน"
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×