ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : เดินทาง *Rewrite*
"พวกนายๆทางนี้"
"โรสเธอดูตื่นเต้นเกินไปหรือเปล่า อีกอย่างนะเจ้าคารอสยังไม่ออกมาเลยขนาดว่านัดเจอกันที่หน้าบ้านมัน"
"แมนทิสเงียบไปเลยนะ วันนี้เป็นวันเกิดของคารอสเขาคุยกับท่านอาโรนอยู่แล้วถ้าจะคุยนานก็ไม่แปลก"
โรสออกโรงพูดปกป้องคารอสเมื่อหนึ่งกลุ่มที่จะเดินไปด้วยกันเริ่มจะเอ่ยวาจาไม่เข้าหูเธอ
"เบาๆก็ได้ยังเช้าอยู่เลยนะ"
"แหม แมนทิส อเล็ก ดาเรียน แล้วมอร์ไนต์อยู่ไหน"
"มอร์ไนต์กลับไปเอาถุงมือผงเกล็ดมังกรที่บ้าน"
"เอาเถอะรออีกหน่อยก็ไม่ต่างจากเดิม"
คารอสตื่นเช้าก่อนเวลาเดินทางเกือบหนึ่งชั่วโมงเพื่อเตรียมตัว เขาหยิบเสื้อคลุมเดินทาง หมวก แล้วก็ถุงมือเดินทางไว้ในมือ ส่วนอีกมือก็หยิบของทั้งหมดที่เตรียมไว้ลงไปที่คอกม้าของบ้านที่มีม้าแค่สองตัวซึ่งจากวันนี้จะเหลือแค่ตัวเดียวระหว่างที่เขาอยู่ที่แอเมทิตส์เขาเอาของทั้งหมดขึ้นหลังม้าแล้วเดินกลับเข้าไปในตัวบ้านก็พบท่านพ่อยืนถือกล่องไม้ยาวในมือ ห่อด้วยผ้ากำมะหยี่สีแดงเลือดหมูอีกที คารอสเดินเข้าไปหาท่านพ่อแล้วถามขึ้นเบาๆ
"ท่านพ่อมีอะไรหรือเปล่าครับ"
"พ่อมีของให้ แล้วก็มาอวยพรวันเกิดลูกด้วย"
"ขอบคุณครับท่านพ่อ"
"คารอสจำคำพ่อไว้นะต่อจากนี้ไปไม่ว่าลูกจะต้องเจอกับอะไรก็อย่ายอมแพ้จงใช้จิตและสมองให้เป็นประโยช์น เมื่อลูกเดินหน้าก็อย่าลืมเหลียวหลังมองข้างหลังเมื่อเรามองข้างหลังเมื่อใดแสดงว่าย่อมมีเสียงขอความช่วยเหลือตามมาซึ่งลูกต้องพิจารณาเสียงนั้นด้วย หาไม่แล้วเสียงที่ว่าคือเสียงที่จะพาลูกไปหากับดัก แต่ว่าเมื่อใดที่ลูกไม่เหลียวมองหรือฟังเสียงจากข้างหลังเลยนั้นมันก็คือความพินาศของลูกเช่นกัน จงใช้ร่างกาย สมอง และพลังจากวิญญาณให้ถูกต้อง อายุสิบเจ็ดแล้วพ่อก็จะถือว่าลูกพ่อเป็นผู้ใหญ่แล้วจะทำสิ่งใดให้ใช้สติ ความรอบครอบและหัวใจเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ"
"ลูกจะจำไว้ครับท่านพ่อ"
"ขวัญวันเกิดครบสิบเจ็ด ของที่แสดงถึงความเป็นผู้ใหญ่ของลูกเอาไปก่อนแล้วค่อยเปิดผ้าห่อตอนออกเดินทาง เพื่อนๆลูกมารอแล้ว อย่าลืมเอาถุงเงินไปด้วย ลูกต้องซื้อหนังสืออีก"
"ครับท่านพ่อ" คารอสรับกล่องไม้ยาวที่ห่อด้วยผ้าชั้นดีไว้ในมือ แล้วน้ำตาเม็ดโตก็ตกมาที่ห่อผ้าในมือของคารอสอย่างกั้นไม่อยู่ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว
คารอสถือกล่องไม้ด้วยมือข้างเดียวแล้วยกมืออีกข้างขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่รื้นเริ่มปริ่มทันทีไม่ให้น้ำตาไหลลงมาอีกรอบ
อาโรนเห็นคารอสร้องไห้แต่พยายามกลั้นเอาไว้สุดความพยายามจึงไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่นึกภูมิใจและรักในตัวลูกชายเขาคนนี้ อดทน ไม่อยากให้ใครเป็นกังวลเรื่องของตัวเอง แต่จะเป็นกังวลเรื่องของคนอื่นมากกว่าของตนเองเสมอ
"เบาๆก็ได้ยังเช้าอยู่เลยนะ"
"แหม แมนทิส อเล็ก ดาเรียน แล้วมอร์ไนต์อยู่ไหน"
"มอร์ไนต์กลับไปเอาถุงมือผงเกล็ดมังกรที่บ้าน"
"เอาเถอะรออีกหน่อยก็ไม่ต่างจากเดิม"
คารอสตื่นเช้าก่อนเวลาเดินทางเกือบหนึ่งชั่วโมงเพื่อเตรียมตัว เขาหยิบเสื้อคลุมเดินทาง หมวก แล้วก็ถุงมือเดินทางไว้ในมือ ส่วนอีกมือก็หยิบของทั้งหมดที่เตรียมไว้ลงไปที่คอกม้าของบ้านที่มีม้าแค่สองตัวซึ่งจากวันนี้จะเหลือแค่ตัวเดียวระหว่างที่เขาอยู่ที่แอเมทิตส์เขาเอาของทั้งหมดขึ้นหลังม้าแล้วเดินกลับเข้าไปในตัวบ้านก็พบท่านพ่อยืนถือกล่องไม้ยาวในมือ ห่อด้วยผ้ากำมะหยี่สีแดงเลือดหมูอีกที คารอสเดินเข้าไปหาท่านพ่อแล้วถามขึ้นเบาๆ
"ท่านพ่อมีอะไรหรือเปล่าครับ"
"พ่อมีของให้ แล้วก็มาอวยพรวันเกิดลูกด้วย"
"ขอบคุณครับท่านพ่อ"
"คารอสจำคำพ่อไว้นะต่อจากนี้ไปไม่ว่าลูกจะต้องเจอกับอะไรก็อย่ายอมแพ้จงใช้จิตและสมองให้เป็นประโยช์น เมื่อลูกเดินหน้าก็อย่าลืมเหลียวหลังมองข้างหลังเมื่อเรามองข้างหลังเมื่อใดแสดงว่าย่อมมีเสียงขอความช่วยเหลือตามมาซึ่งลูกต้องพิจารณาเสียงนั้นด้วย หาไม่แล้วเสียงที่ว่าคือเสียงที่จะพาลูกไปหากับดัก แต่ว่าเมื่อใดที่ลูกไม่เหลียวมองหรือฟังเสียงจากข้างหลังเลยนั้นมันก็คือความพินาศของลูกเช่นกัน จงใช้ร่างกาย สมอง และพลังจากวิญญาณให้ถูกต้อง อายุสิบเจ็ดแล้วพ่อก็จะถือว่าลูกพ่อเป็นผู้ใหญ่แล้วจะทำสิ่งใดให้ใช้สติ ความรอบครอบและหัวใจเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ"
"ลูกจะจำไว้ครับท่านพ่อ"
"ขวัญวันเกิดครบสิบเจ็ด ของที่แสดงถึงความเป็นผู้ใหญ่ของลูกเอาไปก่อนแล้วค่อยเปิดผ้าห่อตอนออกเดินทาง เพื่อนๆลูกมารอแล้ว อย่าลืมเอาถุงเงินไปด้วย ลูกต้องซื้อหนังสืออีก"
"ครับท่านพ่อ" คารอสรับกล่องไม้ยาวที่ห่อด้วยผ้าชั้นดีไว้ในมือ แล้วน้ำตาเม็ดโตก็ตกมาที่ห่อผ้าในมือของคารอสอย่างกั้นไม่อยู่ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว
คารอสถือกล่องไม้ด้วยมือข้างเดียวแล้วยกมืออีกข้างขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่รื้นเริ่มปริ่มทันทีไม่ให้น้ำตาไหลลงมาอีกรอบ
อาโรนเห็นคารอสร้องไห้แต่พยายามกลั้นเอาไว้สุดความพยายามจึงไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่นึกภูมิใจและรักในตัวลูกชายเขาคนนี้ อดทน ไม่อยากให้ใครเป็นกังวลเรื่องของตัวเอง แต่จะเป็นกังวลเรื่องของคนอื่นมากกว่าของตนเองเสมอ
ใจจริงอาโรนก็ไม่ได้อยากให้คารอสต้องไปเรียนที่แอเมทิตส์เป็นรักคารอสประหนึ่งลูกในไส้ แต่ด้วยคำขอของแม่และพ่อของคารอสที่อาโรนรับปากไว้และความจำเป็นในทุกอย่างๆที่ตัวคารอสยังไม่รู้จึงไม่มีทางเลือกเขาจะเป็นคนเห็นแก่ตัวไม่ได้
อาโรนเดินเข้าไปหาคารอสและสวมกอดคารอสไว้แน่นมือหนาใหญ่ลูบผมดำหนาของคนที่เขารักเหมือนลูกชาย เด็กที่เป็นคนสำคัญแต่เจ้าตัวยังไม่รู้อะไร เรื่องวุ่นวายทั้งหลายที่เขากำลังจะไปเจอจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง โดยเพราะรักและเฝ้าดูมาตลอดหลายปีจึงถ่ายทอดวิชาความรู้ทุกอย่างให้ คนเป็นพ่ออย่างเขาก็หวังว่าจะปลอดภัยไม่ต้องเจอเรื่องร้ายใดๆ
"เช็ดน้ำตาให้เรียบร้อยลูกพ่อ ได้เวลาออกเดินทางแล้ว ใจหายจริงๆลูกพ่อโตแล้ว"
"ครับท่านพ่อ"
คารอสกระชับกอดท่านพ่อครั้งหนึ่งแล้วหันหลังเดินออกจากตัวบ้านพร้อมคำอวยพรและคำสั่งสอนออกมาไปที่คอกม้า มารีนเห็นคารอสเดินเข้ามาที่คอกม้าก็เดินเข้ามาหา คารอสเอากล่องไม้ที่เพิ่งได้รับมาผูกไว้กับด้านข้างอานม้าแล้วจึงหยิบเสื้อคลุมเดินทางและหมวกขึ้นมาสวมก่อนจะจับจูงมารีนเดินออกนอกตัวบ้านไปสมทบกับเพื่อนที่รอเขาอยู่
"พวกเรามากันครบแล้ว"
"สวัสดีโรส หวัดดีทุกคน"
"หวัดดี"
"ขอโทษนะที่ออกมาช้า"
"ไม่เป็นไรหรอกคารอส วันนี้วันเกิดนาย อีกอย่างมอร์ไนต์ก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน"
"ยังไงก็ขอโทษที่ทำให้รอ"
"พวกผู้ชายคุยกันจบแล้วใช่ไหม ถ้าจบแล้วก็ขึ้นม้าจะได้ออกเดินทาง"
"ได้"
"เช็ดน้ำตาให้เรียบร้อยลูกพ่อ ได้เวลาออกเดินทางแล้ว ใจหายจริงๆลูกพ่อโตแล้ว"
"ครับท่านพ่อ"
คารอสกระชับกอดท่านพ่อครั้งหนึ่งแล้วหันหลังเดินออกจากตัวบ้านพร้อมคำอวยพรและคำสั่งสอนออกมาไปที่คอกม้า มารีนเห็นคารอสเดินเข้ามาที่คอกม้าก็เดินเข้ามาหา คารอสเอากล่องไม้ที่เพิ่งได้รับมาผูกไว้กับด้านข้างอานม้าแล้วจึงหยิบเสื้อคลุมเดินทางและหมวกขึ้นมาสวมก่อนจะจับจูงมารีนเดินออกนอกตัวบ้านไปสมทบกับเพื่อนที่รอเขาอยู่
"พวกเรามากันครบแล้ว"
"สวัสดีโรส หวัดดีทุกคน"
"หวัดดี"
"ขอโทษนะที่ออกมาช้า"
"ไม่เป็นไรหรอกคารอส วันนี้วันเกิดนาย อีกอย่างมอร์ไนต์ก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน"
"ยังไงก็ขอโทษที่ทำให้รอ"
"พวกผู้ชายคุยกันจบแล้วใช่ไหม ถ้าจบแล้วก็ขึ้นม้าจะได้ออกเดินทาง"
"ได้"
ว่าแล้วพวกเขาก็ขึ้นหลังม้ากันทันที แมนทิสที่ขึ้นม้าก่อนเพื่อนหยิบแผนที่ออกมาดูอีกครั้งเพื่อเช็คเส้นทางการเดินทางที่เหมาะที่สุด แมนทิสเงยหน้าขึ้นจากแผนที่แล้วหันมาบอกกับเพื่อน
"ไปทางหลังหมู่บ้านดีที่สุดผ่านป่าโป่รงแห่งโอทาเนีย ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งวันเต็มก่อนจะถึงหมู่บ้านท่าเรือ ที่พักคนเดินทาง"
"ถ้าพอเข้าใจงั้นเดินทางกันเถอะ ออกช้าไปไม่ทันหาที่พักจะแย่"
"ไปทางหลังหมู่บ้านดีที่สุดผ่านป่าโป่รงแห่งโอทาเนีย ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งวันเต็มก่อนจะถึงหมู่บ้านท่าเรือ ที่พักคนเดินทาง"
"ถ้าพอเข้าใจงั้นเดินทางกันเถอะ ออกช้าไปไม่ทันหาที่พักจะแย่"
ทางผ่านหมู่บ้านลาเรียซึ่งเป็นหมู่บ้านของพวกเขาเอง คณะของพวกเขาเดินทางพ้นเขตหมู่บ้านก็เข้าเขตทุ่งเกษตรหลักของอาณาจักรแมนทิสจึงแนะนำว่าให้แวะเติมเสบียงของม้าเพราะเสบียงที่นี่ราคาถูกที่สุด
พอพวกเขาเติมเสบียงเสร็จก็ออกเดินทางต่อวิ่งบ้างเดินบ้าง แต่กระนั้นพอตกเย็นคณะของพวกเขาก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านพักคนเดินทางที่พักกลางทางสำหรับพวกเขาและคนอื่นๆที่เดินทางผ่านทางนี้เพื่อทำธุระหรือไปให้ทันกำหนดเปิดภาคเรียนของแอเมทิตส์
พวกเขาเป็นกลุ่มที่เดินทางแล้วไม่ได้พักกลางทางนั้นมาถึงเร็วกว่าคนอื่นมากจึงมีเวลาหาที่พักที่สภาพดีได้เพื่อค้างหนึ่งคืนและเพื่อจัดหาซื้อหนังสือที่ต้องใช้ในภาคเรียนที่นี่
คารอสพาคณะทั้งคนและม้าไปที่โรงเตี้ยมแห่งหนึ่งที่ท่านพ่อของเขาแนะนำมา บอกว่าเจ้าของเป็นเพื่อนเก่าของตนน่าจะช่วยเหลือดูแลพวกเขาได้ดีและดีกว่าไปหาที่พักที่อื่น เขาลงจากหลังม้าเมื่อเดินทางมาถึงหน้าโรงเตี้ยมขนาดกลางๆด้านข้างมีโรงม้าสองชั้นตั้งอยู่
คารอสมองชื่อโรงเตี้ยมที่ป้ายแขวนด้านบนแล้วมองลงมาที่กระดาษในมือซึ่งได้รับมอบมาจากท่านพ่อของเขา
"โรงเตี้ยมของเบล็ค ที่นี่ล่ะ"
คารอสพาคณะทั้งคนและม้าไปที่โรงเตี้ยมแห่งหนึ่งที่ท่านพ่อของเขาแนะนำมา บอกว่าเจ้าของเป็นเพื่อนเก่าของตนน่าจะช่วยเหลือดูแลพวกเขาได้ดีและดีกว่าไปหาที่พักที่อื่น เขาลงจากหลังม้าเมื่อเดินทางมาถึงหน้าโรงเตี้ยมขนาดกลางๆด้านข้างมีโรงม้าสองชั้นตั้งอยู่
คารอสมองชื่อโรงเตี้ยมที่ป้ายแขวนด้านบนแล้วมองลงมาที่กระดาษในมือซึ่งได้รับมอบมาจากท่านพ่อของเขา
"โรงเตี้ยมของเบล็ค ที่นี่ล่ะ"
คารอสหันหลังไปบอกเพื่อนของเขาที่ยังคงนั่งอยู่บนหลังม้าของตนเองพอเห็นคารอสแสดงความแน่ใจว่าใช่ที่นี่แน่ๆพวกเขาก็ลงจากหลังม้ากันทุกคน
"รอข้างนอกเดี้ยวให้ฉันเข้าไปคุยเรื่องห้องพักให้"
"ไปสิ เดียวพวกฉันรอ"
"อืม" คารอสเดินเข้าไปที่โรงเตี้ยมโดยที่ไม่ลืมจะฝากม้าไว้กับเพื่อนก่อน
"รอข้างนอกเดี้ยวให้ฉันเข้าไปคุยเรื่องห้องพักให้"
"ไปสิ เดียวพวกฉันรอ"
"อืม" คารอสเดินเข้าไปที่โรงเตี้ยมโดยที่ไม่ลืมจะฝากม้าไว้กับเพื่อนก่อน
ชั้นล่างของโรงเตี้ยมมีเคาน์เตอร์บาร์ใหญ่ตั้งอยู่คารอสเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ที่มีชายวัยกลางคนยืนหันหลังเช็ดแก้วอยู่หลังเคาน์เตอร์พอคารอสเดินเข้าไปใกล้ชายวัยกลางคนก็หันมาพอดี ก่อนจะได้เอ่ยจุดประสงค์ชายวัยกลางคนก็ชิงทักทายคารอสด้วยเสียงที่ร่าเริงขึ้นมาก่อน
"สวัสดีขอรับมีอะไรให้กระผมช่วยไหมขอรับ"
"อา...คือว่าพวกผมเดินทางมาจากหมู่บ้านลาเรีย คาร์เนเลียน จะแวะพักที่นี่ก่อนไปที่แอเมทิตส์พอดีว่าท่านพ่อของผมเขาแนะนำที่นี้มา ไม่ทราบว่ายังห้องพักเหลือว่างอยู่บ้างไหมครับ"
"โอ๊ย! เจ้าหนูห้องพักนะมีว่างอยู่เยอะเลย พวกเธอเดินทางกันมาถึงเร็วมากเลยนะ นี่เพิ่งสี่โมงเย็นลองมาช้ากว่านี้สักชั่วโมงสิไม่มีเหลือแน่ ว่าแต่นะเจ้าหนูที่บอกว่าท่านพ่อแนะนำมานะ บอกหน่อยสิพ่อเจ้าชื่อว่าอะไรเผื่อข้ารู้จักและจำเขาได้"
"ชื่ออาโรนครับ"
"ท่านอาโรนหรอ!!! นี่แล้วเขามาด้วยหรือเปล่า??!!"
"เปล่าครับ"
คารอสทำหน้าสงสัยเมื่อเห็นท่าทางที่ตื่นเต้นและตกใจ พอชายวัยกลางคนเห็นคารอสทำหน้าสงสารและงงงวยก็สงบอารมณ์แล้วหันหน้ามาคุยกับคารอสใหม่อีกครั้ง
"ขอโทษนะ เอาล่ะ มาคุยเรื่องธุระของเราตอนนี้พวกเธอมากันกี่คน"
"คนหก ม้าหก"
"ม้าหกสินะ ค่าซองม้าต่อตัวสองอาร์ม แล้วเธอจะใช้กันกี่ห้องที่นี่มีห้องสองเตียงนะ"
"งั้นจองสามห้องก็แล้วกันครับ"
"ได้ห้องละสิบอาร์ม รวมค่าซองม้าหกซองทั้งหมดก็สี่สิบหกดอาร์มเธอจะจ่ายเลยไหม"
"จ่ายเลยครับ"
"ขอโทษนะ เอาล่ะ มาคุยเรื่องธุระของเราตอนนี้พวกเธอมากันกี่คน"
"คนหก ม้าหก"
"ม้าหกสินะ ค่าซองม้าต่อตัวสองอาร์ม แล้วเธอจะใช้กันกี่ห้องที่นี่มีห้องสองเตียงนะ"
"งั้นจองสามห้องก็แล้วกันครับ"
"ได้ห้องละสิบอาร์ม รวมค่าซองม้าหกซองทั้งหมดก็สี่สิบหกดอาร์มเธอจะจ่ายเลยไหม"
"จ่ายเลยครับ"
คารอสล่วงถุงเงินออกจากกระเป๋ากางเกงกางถุงออกแล้วล่วงลงไปในถุงหยิบเหรียญสีเงินสี่สิบหกเหรียญออกมาว่างบนเคาน์เตอร์ตรงหน้าชายวัยกลาง
ชายวัยกลางคนรับเงินทั้งหมดมาแล้วเก็บใต้เคาน์เตอร์ ชายวัยกลางคนค้นอยู่ใต้เคาน์เตอร์สักพักก็กลับขึ้นมาพร้อมกุญแจห้องพักสามห้องในกำมือแล้วเดินมาออกมานอกเคาน์เตอร์มาที่คารอส
"ตามฉันมาก่อนเดียวฉันพาที่ซองม้า"
"ตามฉันมาก่อนเดียวฉันพาที่ซองม้า"
ชายวัยกลางคนออกเดินนำคารอสมาข้างนอกโรงเตี้ยมที่คณะของคารอสรออยู่ มาถึงจุดนี้คารอสรู้แล้วว่าชายวัยกลางคนเป็นเจ้าของโรงเตี้ยมแน่นอนเพราะเมื่อเขาเดินออกมาจากหลังเคาน์เตอร์ก็มีพนักงานวิ่งหน้าตื่นเข้ามาแต่เขากลับทำเพียงยกมือปรามไว้
"นี่กลุ่มของเธอสินะ เอาล่ะตามมาฉันจะพาเข้าไปหาซองม้าดีๆสำหรับม้าของพวกเธอ"
ว่าแล้วก็ออกเดินนำพวกเขาเข้าที่โรงม้าสองชั้นชายวัยกลางคนพาพวกเขาไปที่ซองม้าหกซองแรกที่มองเห็นหลังจากเดินเข้าโรงม้า พวกเขาไม่รอช้านำม้าของตนเองไปไว้ในซองที่แนะนำให้พอพวกเขาจัดม้าไว้ในซองแล้วเรียบร้อยทุกคนเจ้าของโรงเตี้ยมก็ยื่นกุญแจห้องให้คารอสแล้วอธิบายรายละเอียดเกื่ยวกับโรงเตี้ยมอีกเล็กน้อย
"พวกเธอจะเข้าห้องก่อนเลยก็ได้ ร้านหนังสือที่ขายหนังสือของโรงเรียนแอเมทิตส์อยู่ไม่ไกลจากโรงเตี้ยมนัก ทุกห้องนอนมีห้องน้ำในตัว ส่วนห้องอาหารอยู่ชั้นล่างจะมีการแสดงตอนหนึ่งทุ่มตรง ปกติค่าอาหารจ่ายต่างหากนะแต่ลูกของเพื่อนเก่ามาทั้งที่จะลดค่าอาหารให้ครึ่งหนึ่งก็แล้วกัน อ่อ ห้องพักของพวกเธออยู่ชั้นสองเบอร์หนึ่งถึงสาม"
"เดียวก่อนสิครับ คุณชื่ออะไรครับ"
"ฉันชื่อเบล็ค สรอนโต เรียกฉันว่าเบล็คก็แล้วกัน ไปล่ะ"
"พวกเธอจะเข้าห้องก่อนเลยก็ได้ ร้านหนังสือที่ขายหนังสือของโรงเรียนแอเมทิตส์อยู่ไม่ไกลจากโรงเตี้ยมนัก ทุกห้องนอนมีห้องน้ำในตัว ส่วนห้องอาหารอยู่ชั้นล่างจะมีการแสดงตอนหนึ่งทุ่มตรง ปกติค่าอาหารจ่ายต่างหากนะแต่ลูกของเพื่อนเก่ามาทั้งที่จะลดค่าอาหารให้ครึ่งหนึ่งก็แล้วกัน อ่อ ห้องพักของพวกเธออยู่ชั้นสองเบอร์หนึ่งถึงสาม"
"เดียวก่อนสิครับ คุณชื่ออะไรครับ"
"ฉันชื่อเบล็ค สรอนโต เรียกฉันว่าเบล็คก็แล้วกัน ไปล่ะ"
ว่าแล้วชายวัยกลางคนก็ออกเดินจากไปทันทีพวกเขาหันมามองหน้ากันแล้วสองสาวแห่งคณะเดินทางนี้ก็กล่าวทำลายความเงียบ
"นี่พวกนาย!" สองสาวตะโกนขึ้นพร้อมกันทำเอาสี่ชายหนุ่มที่เหลือพากันสะดุดไปตามๆกัน
"ตะโกนทำไม?" อเล็กที่อยู่ใกล้สองสาวท้วงทำให้สองสาวส่งสายตาไม่พอใจมามองคนท้วงทันที
"อเล็กพรุ่งนี้ยังอยากไปเข้าเรียนอยู่ใช่ไหม?"
"จ้าๆ โรสเธอก็โหดไปได้"
"คารอสส่งกุญแจห้องมาห้องหนึ่งพวกฉันจะไปพัก"
"เห็นด้วย"
"เดี้ยวๆ โรส เธอด้วยดาเรียนแล้วใครจะซื้อหนังสือให้พวกเธอคนสอง" มอร์ไนต์ที่ยืนเงียบมานานท้วงขึ้นมาบ้างแล้วมอร์ไนต์ก็ได้คำตอบที่ส่งผ่านทางสายตา
"ถามได้ก็ต้องนายน่ะสิมอร์ไนต์ ขอบคุณนะที่อาสา"
"เดี้ยวดาเรียนฉันยังไม่ได้ตอบตกลงเลยนะ"
"หรือนายจะมีปัญหา?"
"เอาเงินเธอมาสิเดียวฉันไปซื้อให้" มอร์ไนต์ก้มหน้าคอตกอย่างเสียไม่ได้ยื่นมือไปรับเงินสำหรับค่าหนังสือเรียนดาเรียน
"ขอบคุณนะจ้ะมอร์ไนต์ นี่เงินค่าหนังสือ"
"นี่พวกนาย!" สองสาวตะโกนขึ้นพร้อมกันทำเอาสี่ชายหนุ่มที่เหลือพากันสะดุดไปตามๆกัน
"ตะโกนทำไม?" อเล็กที่อยู่ใกล้สองสาวท้วงทำให้สองสาวส่งสายตาไม่พอใจมามองคนท้วงทันที
"อเล็กพรุ่งนี้ยังอยากไปเข้าเรียนอยู่ใช่ไหม?"
"จ้าๆ โรสเธอก็โหดไปได้"
"คารอสส่งกุญแจห้องมาห้องหนึ่งพวกฉันจะไปพัก"
"เห็นด้วย"
"เดี้ยวๆ โรส เธอด้วยดาเรียนแล้วใครจะซื้อหนังสือให้พวกเธอคนสอง" มอร์ไนต์ที่ยืนเงียบมานานท้วงขึ้นมาบ้างแล้วมอร์ไนต์ก็ได้คำตอบที่ส่งผ่านทางสายตา
"ถามได้ก็ต้องนายน่ะสิมอร์ไนต์ ขอบคุณนะที่อาสา"
"เดี้ยวดาเรียนฉันยังไม่ได้ตอบตกลงเลยนะ"
"หรือนายจะมีปัญหา?"
"เอาเงินเธอมาสิเดียวฉันไปซื้อให้" มอร์ไนต์ก้มหน้าคอตกอย่างเสียไม่ได้ยื่นมือไปรับเงินสำหรับค่าหนังสือเรียนดาเรียน
"ขอบคุณนะจ้ะมอร์ไนต์ นี่เงินค่าหนังสือ"
สาวหน้าหวานที่งดงามแบบตุ้กตาส่งเงินจำนวนหนึ่งให้มอร์ไนต์ที่ทำหน้าเบื่อโลกให้ทุกคนได้เห็นแต่ดาเรียนก็แกล้งไม่สนใจยัดเยียดหน้าที่ให้เพื่อนร่วมหมู่บ้านทันที
"โร...ส" คารอสกำลังจะเรียกโรสให้ส่งเงินมาให้เขาจะได้ไปซื้อหนังสือให้แต่ถูกขัดขึ้นมาก่อนที่จะเอ่ยชื่อเจ้าตัวจบ
"โรสเธอเอาเงินมาสิเดียวฉันไปซื้อให้" แมนทิสกล่าวตัดหน้าคารอสที่กำลังจะเรียกโรสเช่นกัน
"อะ...อ่อ ก็ได้ฝากด้วยนะแมนทิส"
"โร...ส" คารอสกำลังจะเรียกโรสให้ส่งเงินมาให้เขาจะได้ไปซื้อหนังสือให้แต่ถูกขัดขึ้นมาก่อนที่จะเอ่ยชื่อเจ้าตัวจบ
"โรสเธอเอาเงินมาสิเดียวฉันไปซื้อให้" แมนทิสกล่าวตัดหน้าคารอสที่กำลังจะเรียกโรสเช่นกัน
"อะ...อ่อ ก็ได้ฝากด้วยนะแมนทิส"
โรสเหลือบมองคารอสนิดๆคารอสเลยทำหน้าเป็นสัญญาณบอกว่าไม่ได้คิดอะไรมาก โรสหยิบเงินค่าหนังสือให้แมนทิส
เมื่อตกลงกันได้แล้วคารอสเลยส่งกุญแจห้องให้สองสาวไป แล้วสองสาวก็หยิบข้าวของออกจากหลังม้าแล้วเดินออกจากโรงม้าไปที่โรงเตี้ยม ส่วนชายหนุ่มทั้งสี่ก็ออกไปซื้อหนังสือที่ร้านหนังสือที่มีขนาดใหญ่มากทันที
เมื่อตกลงกันได้แล้วคารอสเลยส่งกุญแจห้องให้สองสาวไป แล้วสองสาวก็หยิบข้าวของออกจากหลังม้าแล้วเดินออกจากโรงม้าไปที่โรงเตี้ยม ส่วนชายหนุ่มทั้งสี่ก็ออกไปซื้อหนังสือที่ร้านหนังสือที่มีขนาดใหญ่มากทันที
เมื่อพวกเขาไปถึงร้านหนังสือที่อยู่เกือบท้ายหมู่บ้านตอนนั้นพวกผู้คนก็เริ่มเดินทางเข้ามาหาที่พักแล้วพอเข้าไปที่ร้านหนังสือพนักงานร้านหนังสือสาวใหญ่ก็ถึงกับตะลึงไปกับการปรากฏตัวของชายหนุ่มสุดหล่อประจำหมู่บ้านลาเรียทั้งสี่คน
เจ้าของร้านที่กำลังจะเอ็ดพนักงานที่ไม่ต้อนรับลูกค้าแต่กลายเป็นตกตะลึงในความหล่อของทั้งสี่แบบที่มาปรากฏตัวพร้อมกันถึงสี่คนซึ่งความหล่อที่โดดเด่นที่สุดคือคนแรกทางขวาชายหนุ่มตาสีRoyal Blueที่สวยงามจนคนที่จ้องเข้านานๆจะหลงใหลจนลืมไม่ลงทีเดียว
"คุณป้าขอรับ หนังสือพื้นฐานของนักเรียนปีหนึ่งแอเมทิตส์ครับ"
เจ้าของร้านที่กำลังจะเอ็ดพนักงานที่ไม่ต้อนรับลูกค้าแต่กลายเป็นตกตะลึงในความหล่อของทั้งสี่แบบที่มาปรากฏตัวพร้อมกันถึงสี่คนซึ่งความหล่อที่โดดเด่นที่สุดคือคนแรกทางขวาชายหนุ่มตาสีRoyal Blueที่สวยงามจนคนที่จ้องเข้านานๆจะหลงใหลจนลืมไม่ลงทีเดียว
"คุณป้าขอรับ หนังสือพื้นฐานของนักเรียนปีหนึ่งแอเมทิตส์ครับ"
พวกเขาทั้งสี่คนเข้าในร้านหนังสือที่เป็นห้องแถวขนาดใหญ่เมื่อเดินเข้ามาถึงร้านหนังสือนั้นคือแผ่นโลหะขนาดใหญ่ที่มีรายชื่อหนังสือทั้งหมดในร้าน ทั้งสองด้านของผนังห้องที่ควรว่างเปล่าก็มีโต๊ะตัวใหญ่วางอยู่และตรงกลางก็มีแผ่นหินอ่อนวางอยู่ทำให้พวกเขาสงสัยเป็นยิ่งหนักทำไมถึงไม่มีชั้นวางหนังสืออย่างที่ควรเป็น
"อะ....อ่อ ได้จ้ะพ่อหนุ่มพวกเธอจะซื้อทั้งหมดกี่ชุด"
"ทั้งหมดหกชุดขอรับ"
"หกชุด?"
"เพื่อนผมฝากซื้อสองชุดครับ"
"หนึ่งพันห้าร้อยอาร์ม จ้ะพ่อหนุ่ม"
"พวกนายเอาเงินมาเดียวฉันจ่ายให้"
"ได้ เอ้า" ว่าแล้วทุกคนก็ส่งให้เงินคนละสองร้อยห้าสิบอาร์มให้อเล็กที่ออกตัวเสนอการซื้อหนังสือทั้งหมด มอน์ไนต์กับแมนทิสส่งเงินของพร้อมกับเงินของสองสาวที่ฝากมาส่งไปพร้อมกับเงินของตนให้อเล็ก
อเล็กที่รับเงินมาจากเพื่อนๆก็ส่งส่วนของเพื่อนๆให้เจ้าของร้านหนังสือแล้วล้วงกางเกงหยิบของตนส่งให้เจ้าของร้านเช่นกัน เจ้าของรับเงินมาและเดินเข้าไปที่โต๊ะไม้ตัวใหญ่ที่มีแผ่นหินอ่อนสีขาววางอยู่ตรงกลางแล้วเจ้าของร้านก็วางมือทาบลงไปที่แผ่นหินอ่อนสีขาวกลางโต๊ะเบาๆ
กระซิบเบาๆหนังสือหนาๆหนักๆหกเล่มก็มาวางอยู่บนโต๊ะทันทีแล้วเจ้าของร้านก็กระซิบเบาๆอีกห้าหกครั้งซึ่งแต่ละครั้งหนังสือจะโผล่ขึ้นมาเฉยๆจนบนโต๊ะตัวใหญ่เริ่มไม่มีที่ว่างซึ่งแต่ละครั้งจะโผล่มากองละหกเล่มเสมอ
"อะ....อ่อ ได้จ้ะพ่อหนุ่มพวกเธอจะซื้อทั้งหมดกี่ชุด"
"ทั้งหมดหกชุดขอรับ"
"หกชุด?"
"เพื่อนผมฝากซื้อสองชุดครับ"
"หนึ่งพันห้าร้อยอาร์ม จ้ะพ่อหนุ่ม"
"พวกนายเอาเงินมาเดียวฉันจ่ายให้"
"ได้ เอ้า" ว่าแล้วทุกคนก็ส่งให้เงินคนละสองร้อยห้าสิบอาร์มให้อเล็กที่ออกตัวเสนอการซื้อหนังสือทั้งหมด มอน์ไนต์กับแมนทิสส่งเงินของพร้อมกับเงินของสองสาวที่ฝากมาส่งไปพร้อมกับเงินของตนให้อเล็ก
อเล็กที่รับเงินมาจากเพื่อนๆก็ส่งส่วนของเพื่อนๆให้เจ้าของร้านหนังสือแล้วล้วงกางเกงหยิบของตนส่งให้เจ้าของร้านเช่นกัน เจ้าของรับเงินมาและเดินเข้าไปที่โต๊ะไม้ตัวใหญ่ที่มีแผ่นหินอ่อนสีขาววางอยู่ตรงกลางแล้วเจ้าของร้านก็วางมือทาบลงไปที่แผ่นหินอ่อนสีขาวกลางโต๊ะเบาๆ
กระซิบเบาๆหนังสือหนาๆหนักๆหกเล่มก็มาวางอยู่บนโต๊ะทันทีแล้วเจ้าของร้านก็กระซิบเบาๆอีกห้าหกครั้งซึ่งแต่ละครั้งหนังสือจะโผล่ขึ้นมาเฉยๆจนบนโต๊ะตัวใหญ่เริ่มไม่มีที่ว่างซึ่งแต่ละครั้งจะโผล่มากองละหกเล่มเสมอ
เมื่อกองหนังสือที่มหาศาลนั้นหยุดโผล่ขึ้นมาจากโต๊ะได้อย่างไร้ร่องรอยท่านเจ้าของร้านก็หันมาหาพวกเขาแล้วเร่งให้พวกเขาเอาหนังสือสามสิบหกเล่มออกจากโต๊ะไปพอหนังสือทั้งหมดมาอยู่กับพวกเขาแล้วเจ้าของก็หันไปต้อนรับลูกค้าคนอื่นต่อ
พวกเขาทั้งสี่คนช่วยกันถือหนังสือจำนวนมหาศาลกลับไปที่โรงเตี้ยมเพื่อดูอีกครั้งว่ามีอะไรที่พวกเขาจำต้องซื้ออีกหรือเปล่า พอพวกเขาไปถึงโรงเตี้ยมก็พบว่ามีคนจำนวนมากอยู่เต็มห้องอาหารแล้ว
คารอสชี้มือไปที่โต๊ะที่ว่างอยู่แล้วบอกให้นั่งที่นั้นก่อนจะดีกว่าเพื่อจะได้แบ่งหนังสือของใครของมันและจะได้ทานอาหารกันก่อนด้วยเมื่อคารอสพูดถึงอาหาร ท้องที่ไม่รักดีของเพื่อนหนุ่มอีกสามคนก็ส่งเสียงออกมาทันที คารอสจึงขอตัวขึ้นไปตามสองสาวที่อยู่บนห้องก่อนแล้วจะตามลงมาให้สั่งอาหารก่อนได้เลย คารอสมารวมกับเพื่อนที่เหลือที่โต๊ะอาหารเมื่อสองสาวมาที่โต๊ะแล้ว
ยิ่งเวลาผ่านไปผู้คนก็เริ่มมากขึ้นเลยๆร้านรวงต่างๆที่มีคนปละปลายก็คึกคักและมีสีสันขึ้นมาทันตาเห็นเมื่อผู้คนเริ่มมากขึ้น อาหารบนโต๊ะก็หายไปที่ละอย่างสองอย่างพวกเขาก็เริ่มสนทนากันอีกครั้งโดยข้อแรกเริ่มที่การซื้อหนังสือที่ร้านหนังสือมหัศจรรย์ในความคิดของทั้งสี่ ก่อนการแสดงเริ่มขึ้นและจบลง ผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในห้องอาหารเริ่มกลับขึ้นห้องนอนของตนเช่นเดียวกับคณะเดินทางของคารอส
คารอสขอตัวไปธุระที่คอกม้าก่อนแล้วจะตามขึ้นไปที่หลังกับแมนทิสที่แบ่งห้องพักกัน
ยิ่งเวลาผ่านไปผู้คนก็เริ่มมากขึ้นเลยๆร้านรวงต่างๆที่มีคนปละปลายก็คึกคักและมีสีสันขึ้นมาทันตาเห็นเมื่อผู้คนเริ่มมากขึ้น อาหารบนโต๊ะก็หายไปที่ละอย่างสองอย่างพวกเขาก็เริ่มสนทนากันอีกครั้งโดยข้อแรกเริ่มที่การซื้อหนังสือที่ร้านหนังสือมหัศจรรย์ในความคิดของทั้งสี่ ก่อนการแสดงเริ่มขึ้นและจบลง ผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในห้องอาหารเริ่มกลับขึ้นห้องนอนของตนเช่นเดียวกับคณะเดินทางของคารอส
คารอสขอตัวไปธุระที่คอกม้าก่อนแล้วจะตามขึ้นไปที่หลังกับแมนทิสที่แบ่งห้องพักกัน
คารอสมาถึงคอกม้าของโรงเตี้ยมซึ่งตอนนี้ทุกซองมีม้าอยู่เต็ม คารอสเดินไปหาม้าของตนลูบหัวมันสองสามทีแล้วเดินไปที่กองสมบัติของเขาที่เขาวางกองเอาไว้ เขาหยิบของที่เขายังไม่ได้เห็นของภายในขึ้นมาเพื่อสร้างที่ว่างให้เขานั่งลงเพื่อเปิดห่อผ้าอันยาวที่ห่อหุ้มกล่องไม้ขนาดใหญ่ไว้ที่คารอสได้รับจากท่านพ่อ
คารอสนั่งลงบนที่ว่างที่เกิดขึ้นวางกล่องไม้ขนาดใหญ่ไว้บนตักแล้วแกะห่อผ้าออก สิ่งที่ปรากฎออกมานั้นก็คือชิ้นไม้ฉลุที่ถูกนำมาต่อกันจนกลายเป็นกล่องไม้ที่สวยงาม รายฉลุนั้นมีมากพอที่จะทำให้เห็นของที่อยู่ข้างในกล่องไม้ฉลุนั่นของที่อยู่ในกล่องไม้ฉลุวางอยู่บนบุนวมสีแดงสด
คารอสนั่งลงบนที่ว่างที่เกิดขึ้นวางกล่องไม้ขนาดใหญ่ไว้บนตักแล้วแกะห่อผ้าออก สิ่งที่ปรากฎออกมานั้นก็คือชิ้นไม้ฉลุที่ถูกนำมาต่อกันจนกลายเป็นกล่องไม้ที่สวยงาม รายฉลุนั้นมีมากพอที่จะทำให้เห็นของที่อยู่ข้างในกล่องไม้ฉลุนั่นของที่อยู่ในกล่องไม้ฉลุวางอยู่บนบุนวมสีแดงสด
ตรงกลางเป็นรอยสำหรับวางของโดยเฉพาะ ซึ่งก็คือดาบยาวที่มีด้ามจับประดับด้วยคริสตัลและเงินแท้ที่อยู่บนที่พ้นจากฝักกดาบ ส่วนฝักดาบก็เป็นหนังสีดำที่เงาวาบไม่ได้ลงลายอะไร
คารอสเห็นของที่เป็นประกายตรงหน้าคารอสก็รีบเอาผ้าที่เพิ่งเกะออกมาปิดไว้อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองกับสิ่งที่เห็น
"เพราะอย่างนี้ท่านพ่อถึงได้ให้มาเปิดระหว่างการเดินทาง เพราะเราจะโวยไม่ได้อะไรจดหมายเหรอ"
สายตาที่ส่องไปทั่วกล่องฉลุก็พบสะดุดกับซองสีขาวสะอาดมีตราประทับประจำตัวของอาโรนประทับอยู่ คารอสหยิบจดหมายขึ้นมาเกะอ่านออกเสียงเบาๆอย่างไม่รีบร้อนตามเนื้อหาในจดหมาย
'คารอสลูกรัก
เมื่อคารอสอ่านจบก็อ่านทวนอยู่สองสามรอบอยู่ที่ประโยชน์เดียวที่เขาไม่เข้าใจความหมายนั้น'พ่ออยากจะเป็นคนบอกความจริงกับลูกด้วยปากของพ่อเอง' มันหมายความว่าอย่างไง ทำไมท่านพ่อถึงพูดแบบนี้แล้วคารอสก็ฉุดคิดขึ้นมาได้ว่าท่านพ่อชอบแกล้งเขาแบบนี้อยู่เป็นประจำ
"เพราะอย่างนี้ท่านพ่อถึงได้ให้มาเปิดระหว่างการเดินทาง เพราะเราจะโวยไม่ได้อะไรจดหมายเหรอ"
สายตาที่ส่องไปทั่วกล่องฉลุก็พบสะดุดกับซองสีขาวสะอาดมีตราประทับประจำตัวของอาโรนประทับอยู่ คารอสหยิบจดหมายขึ้นมาเกะอ่านออกเสียงเบาๆอย่างไม่รีบร้อนตามเนื้อหาในจดหมาย
'คารอสลูกรัก
ตอนที่ลูกอ่านจดหมายนี่พ่อคิดว่าน่าจะอยู่ที่โรงเตี้ยมของเพื่อนเก่าของพ่อแล้ว?
เอาล่ะ คารอส พ่ออยากให้ลูกช่วยอะไรพ่อหน่อย
มันเป็นสิ่งที่พ่อควรทำมานานแล้วแต่พ่อมีภารกิจอื่นอยู่ทำให้พ่อลืมสิ่งนี้ไป
คารอสลูกช่วยเอากล่องไม้ฉลุ(ที่ตอนนี้น่าจะอยู่บนตักลูก)ไปให้เพื่อนของพ่อที
พ่อติดหนี้บุญของเขาไว้มากมายนัก
เอากล่องไม้ฉลุที่อยู่ในบนตักลูกไปให้เบล็ค สรอนโตที
ป.ล.พ่อคิดว่าลูกคงโกรธพ่อเรื่องดาบอยู่ใช่ไหมล่ะ? ดาบที่พ่อให้ไปเป็นของสำคัญ
มีใครบางคนมอบให้พ่อแล้วบอกว่าให้มอบให้ลูกให้ได้เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
คารอสจงใช้ดาบนี้ตามอย่างที่อวยพร ใช้ปกป้องแต่อย่าทำร้าย
เอาล่ะ คารอส พ่ออยากให้ลูกช่วยอะไรพ่อหน่อย
มันเป็นสิ่งที่พ่อควรทำมานานแล้วแต่พ่อมีภารกิจอื่นอยู่ทำให้พ่อลืมสิ่งนี้ไป
คารอสลูกช่วยเอากล่องไม้ฉลุ(ที่ตอนนี้น่าจะอยู่บนตักลูก)ไปให้เพื่อนของพ่อที
พ่อติดหนี้บุญของเขาไว้มากมายนัก
เอากล่องไม้ฉลุที่อยู่ในบนตักลูกไปให้เบล็ค สรอนโตที
ป.ล.พ่อคิดว่าลูกคงโกรธพ่อเรื่องดาบอยู่ใช่ไหมล่ะ? ดาบที่พ่อให้ไปเป็นของสำคัญ
มีใครบางคนมอบให้พ่อแล้วบอกว่าให้มอบให้ลูกให้ได้เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
คารอสจงใช้ดาบนี้ตามอย่างที่อวยพร ใช้ปกป้องแต่อย่าทำร้าย
พ่ออยากให้มีเวลามากกว่านี้ พ่ออยากจะเป็นคนบอกความจริงกับลูกด้วยปากของพ่อเอง
พ่อจะรักลูกเสมอไม่ว่าจะมีอะไรเปลื่อนแปลงไปก็ตาม
พ่อจะรักลูกเสมอไม่ว่าจะมีอะไรเปลื่อนแปลงไปก็ตาม
อาโรน เดฟีโด'
แล้วคารอสเก็บจดหมายเข้ากระเป๋าเดินทางแล้วเปิดกล่องไม้ฉลุหยิบดาบยาวออกมาวางไว้ข้างตัวซึ่งพ่อของเขาอยากให้เขาใช้ดาบเล่มนี้ แล้วจึงหันมาปิดกล่องไม้แล้วห่อด้วยผ้าอีกครั้ง คารอสลุกขึ้นมาพร้อมดาบแล้วนำมาผูกไว้ข้างตัวก่อนจะหยิบกล่องไม้ฉลุขึ้นมาด้วยมือข้างหนึ่งและมืออีกข้างก็เอื้อมไปลูบหัวเจ้ามารีนอีกครั้งก่อนเดินกลับเข้าไปที่ตัวโรงเตี้ยมแล้วแวะหาเจ้าของโรงเตี้ยมทำภารกิจที่ได้รับการไหว้วานมาก่อนจะเดินขึ้นไปที่ห้องพักของตน
"ฝากขอบคุณท่านอาโรนแทนข้าด้วยนะ"
"ได้ขอรับผมจะบอกท่านพ่อให้แน่นอน"
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น