ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic exo] MEMORIZE - baekdo ft. chanyeol

    ลำดับตอนที่ #3 : MMR CH 3 - แรงจูงใจ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 744
      19
      11 เม.ย. 60


    :: MEMORIZE CH 3 |  แรงจูงใจ ::

     

        นานแล้วที่ไม่ได้นอนกอดกันแบบนี้ คยองซูจำได้ว่าตอนเด็กๆเวลาพอแม่ไปทำงานต่างจังหวัดนานๆ คุณพ่อคุณแม่ก็จะฝากให้มาอยู่กับครอบครัวบยอนที่อาศัยอยู่บ้านข้างๆเสมอ แบคฮยอนดูแลคยองซูเป็นเหมือนน้องชาย ทั้งๆที่ตอนนั้นทั้งคู่ก็อายุเท่าๆกัน



    คนตัวโตกว่าจะคอยจูงมือ และชวนเด็กตัวเล็กขี้อายคุยเสมอ
        

    เป็นที่รู้กันว่าเด็กน้อยคยองซูเป็นคนไม่ค่อยพูด

    เลยทำให้เพื่อนในวัยเดียวกันน้อยไปด้วย แต่ถึงกระนั้นคยองซูก็ไม่ใช่เด็กที่ชอบหมกตัวอยู่คนเดียว แค่ไม่รู้จักเป็นคนเริ่มเปิดบทสนทนาก็เท่านั้น 


    ก็มีแต่แบคฮยอนเพียงคนเดียวที่เล่นกับเขา จนทำให้คยองซูดูร่าเริงและกล้าพูดมากขึ้น 

     นึกถึงตอนเรียนอนุบาลที่ถึงแม้จะอยู่คนละห้องกันแต่พอครูเผลอที่ไรคยองซูก็มักจะไปยืนเกาะหน้าประตูห้องของอีกคนเสมอ ถึงขั้นแอบไปนอนด้วยตอนนอนกลางวันจนโดนคุณครูดุ ร้องไห้ขี้มูกโป่ง จนสุดท้ายปีต่อมาก็ถูกจับให้อยู่ห้องเดียวกันซะเลย  


    แม้ความจำจะเลือนลาง แต่เขาก็จำได้ว่าตอนนั้นตัวเองติดแบคฮยอนมากแค่ไหน  ถึงขั้นงอแงไม่ยอมกลับบ้าน จนต้องค้างอีกคืนให้พ่อแม่มารับในตอนเช้าของวันถัดไป   




    นึกถึงรูปถ่ายฝีมือคุณย่าของแบคฮยอน เด็กผู้ชายตัวอวบอ้วนนอนกอดเด็กผอมตัวเล็กๆเอาไว้ เขาจำไม่ได้หรอกว่าความรู้สึกตอนนั้นมันเป็นยังไง แต่มันคงไม่เหมือนกับตอนนี้แน่ๆ 


    คยองซูในวัย19ปีอยู่ในร่างเปลือยเปล่าโดยมีแบคฮยอนที่อยู่ในสภาพไม่ต่างกันนอนกอดอยู่ข้างๆ หัวเล็กซุกแนบอกของคนสูงกว่า แบ่งปันความอบอุ่นให้แก่กัน

     


    คยองซูตื่นเต็มตาแล้วแต่ก็ยังไม่ลุกไปไหนจนกระทั่งท้องฟ้าเริ่มสว่างจนแดดอุ่นๆสาดเข้ามาภายในห้อง จึงเตรียมตัวจะลุกออกจากอ้อมกอดอบอุ่น ไปอาบน้ำเพื่อที่จะไปเรียนมหาลัยตอนสิบโมงครึ่ง ซึ่งพอแหงนหน้ามองนาฬิกาตอนนี้ก็ปาไปเก้าโมงแล้ว 



     

    ร่างเล็กพยายามยกแขนหนักอึ้งที่ไม่รู้ว่าจงใจกดทับไว้รึป่าวออกจากตัวและก็เป็นอย่างที่คิดเสียงหัวเราะในลำคอของคนปั้นหน้านิ่งก็เล็ดลอดออกมาจนได้


     

         "ปล่อยน่า" พูดด้วยเสียงงัวเงียแต่เหมือนอีกคนจะไม่สนใจ แถมยังท้าทายด้วยการกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น


     

         "โอ้ย..แบค" แล้วก็เหมือนเคย  อีกคนส่งเสียงหัวเราะออกมาทั้งๆที่ตายังหลับแต่เปลี่ยนไปก็ตรงเริ่มส่งเสียงพูดตอบกลับมาบ้าง


         "ไม่อยากเจ็บ ก็อย่าแกะมือกูสิ"  พูดออกไปอย่างกวนประสาท ปากบางอ้มยิ้มก่อนจะเลื่อนมือต่ำลงเรื่อยๆจนไปถึงหน้าท้องแบนราบของคนตัวเล็ก


         'ย..หยุดนะ! ทะลึ่ง!!'

     

    ตากลมก็มองไปยังนาฬิกาที่แขวนอยู่อย่างร้อนใจ สำหรับคยองซูแล้วการเรียนสำคัญกว่าสิ่งไหนๆ แม้จะไม่ได้ฉลาดเข้าขั้นหัวกะทิแต่เขาก็เป็นคนนึงที่ใช้ความขยันถีบตัวเองให้ได้เกรดเอ

    คยองซูยังคงดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดของคนขี้แกล้งอยู่อย่างนั้นก่อนจะหยุดนิ่งลงเมื่อได้ยิ่นอีกคนกระซิบแผ่ว


    "ให้กูกอดนานอีกหน่อยสิ....เดี๋ยวมึงก็ต้องกลับไปหาชานยอลแล้ว"

    คนตัวสูงกว่าหลับตา ปากบางยกยิ้มเพื่อปลอบใจตัวเอง ยอมรับ และย้ำประโยคนั้นในใจ 


     

    |ถึงยังไงกูก็ไม่คิดจะแย่งมึงนะ!!|


     

    แบคฮยอนยังจำคืนที่ไปเที่ยวทะเลด้วยกันได้อย่างดี

    คำพูดที่มีความหมายเดิมๆถูกส่งต่อไปถึงชานยอลหลายต่อหลายครั้ง เพราะหลังจากที่ไปทะเลครั้งนั้นชานยอลก็หวงคยองซูมากขึ้น  จนเกิดเป็นเรื่องทะเลาะกันซ้ำๆลับหลังคยองซูตลอด


    เขาก็ไม่อยากจะผิดคำพูดนั้น ทุกอย่างที่เคยพร่ำบอกชานยอลว่าระหว่างเขากับคยองซูมันไม่มีอะไรเกินเลย.....จนมาวันนี้แบคฮยอนกลับเป็นคนกลืนน้ำลายตัวเองไป

     

    แต่เมื่อเคยพูดว่าจะไม่แย่ง...ยังไงก็จะไม่แย่ง

     

    คางแหลมเกยหัวมนของคนตัวเล็กเอาไว้ แขนยาวคลายอ้อมกอดให้คยองซูได้นอนสบายๆแต่แขนเล็กกลับเป็นฝ่ายกระชับอ้อมกอดไว้แน่นแทน
     

    ในเมื่อเวลาของกันและกันมันร่นเหลือน้อยลงไปทุกที


    คยองซูยังคงนิ่ง ปากอิ่มกดเม้มจนเป็นเส้นตรง สะกดความรู้สึกเอาไว้ ถึงแม้จะรู้ว่ายังไงคนข้างๆก็ได้ยินเสียงเสียงสะอื้นของเขาอยู่ดี
     

     

    ทั้งสองคนต่างก็รู้กัน ไม่มีเหตุผลที่คยองซูต้องทิ้งชานยอล ในเมื่ออีกคนไม่ได้ทำอะไรผิด และแค่คำว่ารักระหว่างแบคฮยอนกับคยองซูก็ยังไม่พอ    อยู่กันทั้งสามคนมาตั้งแต่มัธยมจนตอนนี้ก็อยู่ปีสองกันแล้ว และระยะเวลา4ปีมันมีค่ามากเกินกว่าจะยอมเห็นมันพังลงไป

     

    แน่นอนว่าถ้าคยองซูบอกเลิกชานยอลแล้วมาหาแบคฮยอน ทุกอย่างมันคงพังทลาย แบคฮยอนกับชานยอลคงทะเลาะและมองหน้ากันไม่ติด   แต่ถ้ากลับกัน ถ้าคยองซูยังคบกับชานยอล ทุกอย่างก็จะกลับเป็นเหมือนเดิม ไม่มีเรื่องผิดใจ ไม่ต้องแยกกัน ซึ่งแบคฮยอนอยากให้เป็นแบบนั้น อยากเก็บความสัมพันธ์ที่ดีให้อยู่กับคยองซูต่อไป


     

     แม้ว่าเขาต้องเป็นคนในเงา นั่งมองคนสองคนอยู่ด้วยกันอีกก็ตาม

     

     

     

    ***MEMORIZE***

     


    ชายวัยยี่สิบสองปีนั่งทิ้งลมหายใจอย่างเบื่อหน่าย

    คำว่าไม่เคยเบื่อที่เคยพูดมันก็ไม่จริงเสมอไปเมื่อคยองซูถูกทิ้งให้อยู่ลำพัง

    แต่อย่างน้อยเขาก็เริ่มชินแล้วหรือบางทีจะพูดว่าเขาทนรับสภาพของตัวเองตอนนี้แล้วก็ได้


     

    คยองซูไม่ได้ออกไปไหนบ่อยนัก อย่างมากก็ในรั้วโรงพยาบาล 

    อยู่แบบนี้มาตลอดสามเดือน....

     

    มันน่าแปลกที่ไม่มีใครบอกสักทีว่าเขาเป็นโรคอะไรกันแน่ มันอาจจะเป็นโรคร้ายแรงที่อาจจะทำให้เขารู้สึกไม่อยากมีกำลังใจมีชีวิตต่อเหมือนในละครรึป่าว เขาก็ไม่แน่ใจ 


    คยองซูเคยถามหมอหรือพยาบาลที่เข้ามาตรวจหลายรอบ แต่ก็ได้รับเพียงรอยยิ้มกับความนิ่งเงียบ แน่นอนว่าชานยอลก็คงรู้...แต่ไม่เคยบอกเช่นกัน 

     

    คยองซูในความคิดของตัวเองก็ปกติดี ถ้าไม่ติดว่าเป็นไข้บ่อย ป่วยออดๆแอดๆซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติตั้งแต่เด็กๆแล้ว นอกนั้นก็ไม่ได้เป็นอะไร นอกซะจาก....ขาของเขา....


     

     รู้ตัวอีกทีขาข้างซ้ายของเขาก็ไม่มีอีกต่อไป คยองซูกลายเป็นคนพิการ โดยที่เขาก็จำไม่ได้ว่ามันเป็นแบบนี้เพราะอะไร มันน่าตลกเสียจริง แต่ยิ่งนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกเลยยิ่งพาลให้ปวดหัว และยิ่งเค้นมากเท่าไหร่ก็ ยิ่งทรมาน



    ครั้งแรกที่รู้ คยองซูช็อคจนทำอะไรไม่ถูก และเก็บตัวอยู่กับตัวเอง กลายเป็นคนเซื่องซึม และดูถูกตัวเอง ข้าวไม่ยอมกิน แถมยังอาละวาด ต่อต้านทุกอย่าง ทำให้เป็นที่หนักใจของแพทย์เจ้าของไข้และพยาบาล


    เกือบหนึ่งอาทิตย์ที่คยองซูถูกมัดแขนขาเอาไว้พร้อมกับการสอดสายยางรับอาหารเข้าจมูก และมันทำให้คยองซูรู้ว่ามันไม่ใชแค่เล่นๆเลยจริงๆ ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งเคยโดน เห็นตามในละครก็ไม่คิดว่าพอโดนจริงๆแล้วมันจะเจ็บถึงขนาดนี้  


     

    ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าเขาคิดถึงแบคฮยอนมากจริงๆ แต่ก็ได้แค่นั้น รู้เพียงว่าเขาตื่นขึ้นมาในห้องนี้วันแรกพร้อมกับชานยอลที่นั่งกุมมือเขาเอาไว้ และเป็นคนเดียวที่มาเยี่ยมเขาตลอดเดือนแรกจนคยองซูคิดว่าคนที่รักเขาและยอมรับสภาพนี้ของเขาได้จริงๆคือชานยอล 



    ไร้การติดต่อใดๆจากคนรัก จนเขาคิดว่าคงกำลังถูกทิ้งเข้าให้แล้ว...



    คยองซูประชดชีวิตแสนรันทดของตัวเองด้วยการพยายามนำมีดปอกผลไม้กรีดที่ข้อมือ เลือดสีแดงสดอาบทั่ว พร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่ได้ออกมาเพราะมีความสุข 

     

    เขาก็แค่สมเพชกับชีวิตที่เป็นอยู่ ที่ได้แต่เป็นภาระให้คนอื่นไปวันวัน

     

    จากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงของชายยอลตะโกนเรียกหมอ เขารู้สึกผิดที่ทำให้ชานยอลแทบจะเป็นประสาทกิน แต่อย่างน้อยมันก็ยังดี ที่ได้รู้ว่าอย่างน้อยเขาก็ไม่ได้จากไปโดยปราศจากคนที่รักเขา อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าที่ผ่านมา คยองซูไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว




    และขณะที่ตากลมกำลังจะปิดลง นอกจากจะเห็นทีมแพทย์และพยาบาลกำลังรุมเขาแล้ว คนที่ไม่คาดคิดก็ปรากฏตัว  ราวกับสวรรค์ยังสงสารเขาบ้าง หรือไม่นรกก็ยังไม่อยากรับเขาไปเพิ่มอีกคนตอนนี้

     



     แบคฮยอนกลับมา 

     

     

     

    ทันที่คยองซูลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้งก็พบแบคฮยอนอยู่เคียงข้างเขาเสียแล้ว รอยยิ้มของคนที่เขารักสุดหัวใจเป็นสิ่งแรกที่เขามองเห็นและกลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้คยองซูอยากมีชีวิตอยู่ต่ออีกครั้ง



     

    ใช่...แบคฮยอนมีอิทธิพลต่อชีวิตคยองซูมากจริงๆ มากเสียจน ถ้าแบคฮยอนหายไป คยองซูก็คงหายไปตามกันและคงไม่ยอมที่จะตื่นขึ้นมาอีก



     

    เพราะพ่อแม่ที่เสียไปตอนขึ้นปีหนึ่งด้วยอุบัติเหตุทางเครื่องบิน คยองซูรู้สึกไม่เหลือใคร ก็มีแต่ชานยอลกับแบคฮยอนเท่านั้นที่เป็นทั้งเพื่อน ครอบครัวและคนที่คยองซูรัก 




    โดยเฉพาะแบคฮยอน ที่ตอนแรกเหมือนว่าอะไรมันจะมั่วไปหมด ความสัมพันธ์ที่คลุมเครือระหว่างพวกเขาทั้งสามคนมันคาดเดาไม่ได้เลย แต่สุดท้ายก็ได้ข้อสรุป

     

     สองคนสมหวัง

     โดยทิ้งอีกหนึ่งคนให้ทนเจ็บปวด

     

     

    ***MEMORIZE***

     


     

     

    เสียงประตูเปิดก็เรียกสติเขาขึ้นมาอีกครั้ง วันนี้เป็นวันจันทร์ซึ่งส่วนใหญ่แล้วชานยอลจะติดประชุมจนไม่สามารถมาเยี่ยมได้ ไม่ใช่คุณหมอที่เข้ามาตรวจอาการ ไม่ใช่พยาบาลที่เข้ามาวัดความดันหรือเอายามาให้

     

     

    แล้วทีนี้คยองซูจะเหลือใครอีก...ถ้าไม่ใช่แบคฮยอน

     


    TBC 

     

     

     
     

    ขอบคุณที่อ่านค่ะ

     

    #ฟิคคิดถึงแบค

     

    กลับมารีไรท์


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×