ตอนที่ 10 : ร้ายมารักกลับครั้งที่ 9 : ไม่รู้ตัว
10 นาทีต่อมา
ผละแขนทั้งสองข้างออกมาจากเอวหนาหลังจากที่มอเตอร์ไซค์คันโตจอดลงที่ไหนสักแห่ง ก่อนจะเอื้อมมือไปถอดหมวกกันน็อคให้ตัวเอง ที่ๆฉลามพาฉันมาคือหน้าโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งตราสัญลักษณ์หน้าโรงเรียนคือตราเดียวกันกับอันที่ปักอยู่บนเสื้อนักเรียนของฉลามเป๊ะ ที่นี่คงเป็นโรงเรียนเขาสินะ
“ผมส่งพี่ได้แค่นี้ เดี๋ยวเพื่อนจะมาเอารถ” คนตรงหน้าถอดหมวกกันน็อคออกก่อนจะเบนหน้าหันมาคุย
“อ้อ ได้ๆ” พูดจบจึงรีบก้าวลงจากรถ แต่เหมือนจะผิดพลาดทางเทคนิคนิดหน่อยจึงทำให้ฉันสะดุดก้อนหินตรงนั้นพอดีจนเกือบล้ม ดีที่มีมือนึงยื่นเข้ามาคว้าแขนฉันไว้ได้ทัน
“ระวังหน่อยครับ แถวนี้ทางมันไม่เรียบ” ผละมือออกไปแล้วกล่าวเตือน ทำไมเจอฉลามทีไรฉันต้องซุ่มซ่าม ไม่ก็มีเรื่องทุกทีเลยวะ
“ขอบใจนะ”
“ครับ? ” เด็กมันทำหน้างง
“ขอบคุณทั้งเรื่องที่ช่วยพี่ไม่ให้ล้มเมื่อกี้ แล้วก็เรื่องที่พาพี่ออกมาจากซอยนั่น”
“อ้ออ” พยักหน้าราวกับเข้าใจก่อนจะถามขึ้นต่อ “แล้วนี่จะกลับยังไงครับ”
“เดี๋ยวเรียกแท็กซี่กลับเอง จากตรงนี้คงไม่ไกลจากคอนโด” ตอบกลับไปพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู
“ผมว่านี่ก็ค่ำแล้ว งั้น... ”
หมับ
“โอ๊ย” ฟังฉลามพูดไม่ทันจบ อยู่ๆผมฉันก็ถูกกระชากจากทางด้านหลัง นิ่วหน้าอย่างเจ็บปวดก่อนจะหันขวับไปมองเจ้าของมือที่อยู่บนหัว “อีเฌอ” หน้าแหลมๆแบบนี้ฉันจำได้ขึ้นใจ อีคนที่มันมีเรื่องกับฉันที่ผับเมื่อเดือนที่แล้ว
“เออ กูเอง” เสียงแหลมเปล่งออกมาจากริมฝีปาก ก่อนที่ฉลามจะรีบลงจากรถแล้วคว้าหมับเข้าที่มืออีบ้านั่นแล้วดึงมันออกจากกลุ่มผมฉัน
“พี่ทำบ้าอะไร” เสียงเข้มโพล่งขึ้นพลางดึงตัวฉันให้ไปหลบอยู่ด้านหลัง แต่แรงขนาดนี้อย่าเรียกว่าดึงเลย เรียกกระชากมากกว่า
“ทำอะไรหรอ พี่ก็จะลากอีนั่นมาตบไง กล้าดียังไงถึงแย่งฉลามไปจากพี่” แย่งหรอ?
“กูไปแย่งมึงตอนไหน” ก้าวเข้าไปยืนขนาบข้างคนตัวสูงแล้วกอดอกจ้องหน้ามันนิ่ง ปกติคนอย่างอิพีทไม่เคยให้ใครได้จิกผมฟรี แต่ครั้งนี้ฉันจะรอดูท่าทีมันก่อน ถือว่าเห็นแก่ฉลาม
“มึงยังมีหน้ามาพูดอีกหรอ หึ นี่คงเอาฉลามไปกกไว้เป็นเดือนแล้วสิ ฉลามถึงไม่มาหากู”
“พูดเรื่องบ้าอะไร” ถามออกไปอย่างงงงวย
“กูขอตบคนแรดๆอย่างมึงสักทีสองทีเถอะ” ตั้งท่าจะพุ่งตัวเข้ามาหาฉันแต่ฉลามเอาตัวกันไว้ซะก่อน
“พี่เลิกบ้าได้แล้ว ไม่มีใครแย่งผมไปทั้งนั้น เราไม่ได้เป็นอะไรกัน” คนตรงหน้าตะคอกออกไป
“ถ้าไม่แย่งแล้วเรียกอะไร ก็เห็นอยู่หยกๆว่ามันกำลังอ่อยฉลาม” อ่อย? แบบนี้เรียกอ่อย?
“พี่เขาไม่ได้อ่อย อย่าเอานิสัยตัวเองมาว่าคนอื่น” อุ๊บส์ ประโยคนี้โดน เต็มสิบไม่หัก ค่อยสมกับค่าเส้นผมฉันที่ติดไปกับมือมันหน่อย
“กรี๊ดดด นี่ฉลามว่าพี่หรอ”
“แล้วพี่เป็นแบบนั้นไหมล่ะ”
“กรี๊ดดด”
“พี่เฌอ หุบปาก! ” เสียงตะคอกดังไปทั่วบริเวณ แม่ค้าร้านอาหารริมทางรวมถึงคนที่เดินผ่านไปผ่านมาเริ่มมองมาทางนี้เป็นตาเดียว “แล้วก็ขอโทษพี่พีทซะ” ดวงตาคมที่ฉายแววจริงจังหันมามองฉันก่อนจะหันกลับไป
“ทำไมพี่ต้องขอโทษ มันต่างหากที่แย่งฉลามไปจากพี่ หนอย ทำมาบอกว่าเป็นเพื่อนพี่สาว ที่ไหนได้ก็จ้องจะงาบผัวคนอื่นแหละวะ” แสยะยิ้มมองฉันอย่างดูถูกพลางพ่นถ้อยคำหยาบคายออกมา
“แน่ใจหรอว่านี่ผัวมึง น้องมันก็บอกอยู่นี่ว่าไม่ใช่” พูดแทรกออกไปพลางเหยียดยิ้ม
“ฉลามผัวกู” มันจ้องฉันกลับแล้วพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ผัวก็ผัว แต่ผัวเก่านะ เพราะตอนนี้เขาเป็นผัวกู” พูดพลางถือวิสาสะคว้าแขนฉลามมากอด ไม่สนหรอกว่าเด็กมันจะคิดยังไง ตอนนี้ขอปั่นประสาทอีบ้านี่ก่อน จิกหัวกลับคงไม่เจ็บเท่าผู้ชายของมันถูกแย่งไปต่อหน้าต่อตา
“มึง! ” จ้องมาที่มือข้างที่ฉันใช้สัมผัสฉลามจนตาแทบถลน “ที่มันพูดจริงไหมฉลาม” เบนสายตาหันกลับไปตั้งคำถามกับคนที่ถูกกล่าวถึงแทน
คนข้างกายหันมาสบตากับฉันด้วยแววตาอ่านไม่ออก คิ้วเขามุ่นเข้าหากันราวกับไม่เข้าใจการกระทำของฉัน ฉันกำลังช่วยนายอยู่นะฉลาม หวังว่านายจะไม่หักหน้าฉัน
“อืม เราคบกัน” พูดพลางผละแขนข้างที่ฉันกอดแล้วเปลี่ยนมาโอบตัวฉันเข้าหาแทน กลิ่นหอมๆจากเสื้อผ้าเขาลอยเข้าจมูกฉันอย่างจัง หรือมันจะเป็นกลิ่นเฉพาะตัวกันนะ ทำไมมันถึงหอมแบบนี้ล่ะ
“กรี๊ดดด ไม่จริง” เสียงหวีดร้องปลุกให้ฉันดึงสติตัวเองกลับมา ก่อนจะหันไปกล่าวอะไรบางอย่างกับคนตรงหน้า
“รู้แล้วก็ไสหัวไปซะ” เอนหัวพิงกับหน้าอกแกร่งพลางวาดมือไปจับต้นคอหนา ก่อนจะช้อนตามองคนตรงหน้าอย่างนึกสนุก ส่วนฉลามจะคิดยังไงฉันไม่รู้หรอกนะ สายตาเด็กมันไม่บอกอะไรเลย
“กูไม่ไป! ... นะ นี่อย่าบอกนะว่ามึงกับฉลาม” ทำหน้าราวกับคนโดนผีหลอกพลางชี้มือมาที่ฉันอย่างสั่นๆ
“กูกับฉลามทำไม” เชิดหน้าถามออกไป
“มึงได้ครั้งแรกของฉลามไปแล้วใช่ไหม” โพล่งถามออกมาอย่างไม่อาย หึ อยากขำเป็นภาษาสเปน ที่แท้ก็ห่วงเรื่องนี้ แสดงว่ายังไม่ได้เขาแต่มโนว่าเขาเป็นผัวสินะ หน้าด้านจริงๆ
“พี่เฌอ! /เออ! ” ฉลามโพล่งขึ้นพร้อมกันกับฉัน คนข้างกายหันขวับมามองหน้าฉันทันที ดวงตาคมจ้องมาราวกับฉันไปทำให้เขายุ่งยาก แต่ขอโทษนะฉลาม ขอพี่เอาคืนมันก่อน
“มะ ไม่จริง” ถึงกับหน้าถอดสี ทีเมื่อกี้ยังดูมั่นใจอยู่เลยว่าเป็นเมียเขา
“จะให้เล่าไหมล่ะว่าได้ตรงไหนบ้าง” เคลื่อนมือไปกอดรอบเอวสอบก่อนจะมองไปที่มันด้วยสายตาเยาะเย้ย
“มึง อีกะหรี่” จ้องกลับมาพลางชี้นิ้วด้วยดวงตาแดงก่ำ
“เออ จะเรียกงั้นก็ได้” ผละตัวออกมาจากฉลามก่อนจะก้าวไปข้างหน้า คำๆนี้ไม่มีเอฟเฟคอะไรกับฉันอีกแล้ว “อ้อ แล้วก็อย่ามายุ่งกับคนของกูอีก กูขอเตือนไว้ก่อน” แถมให้นิดนึงแล้วกัน ถือว่าช่วยเด็กมันจากการถูกล่อลวง
“มึงมันร่าน” พูดออกมาพลางเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น
“กูให้โอกาสมึงพูดอีกที”
“อีร่าน”
“ดี”
เพี๊ยะ
“โอ๊ย/ พี่พีท! ” สองเสียงเปล่งออกมาพร้อมกัน เสียงนึงเป็นเสียงร้องของความเจ็บปวด อีกเสียงไม่รู้ว่าเป็นเสียงห้ามหรือแค่เรียกชื่อฉันเฉยๆ
ร่างบางล้มพับลงกับพื้นทันทีหลังจากที่ฉันฟาดฝ่ามือไปที่หน้ามันเต็มๆ เตือนแล้วนะ แต่ไม่ฟังเอง แถมเมื่อกี้ยังด่าฉันว่าไงนะ... ร่านหรอ
“มือข้างนี้ใช่ไหมที่กระชากหัวกู” ยกเท้าขึ้นก่อนจะเหยียบลงไปที่เรียวนิ้วทั้งห้าที่วางอยู่บนพื้นอย่างเต็มแรง
ปึก
“โอ๊ย” ร้องออกมาเสียงหลงก่อนจะดึงมือข้างนั้นออกไป หึ ทีงี้มาสำออย ตอนกระชากหัวคนอื่นทำไมไม่คิด
“เดี๋ยวกูลองนับเส้นผมกูแป๊บนะว่าหายไปกี่เส้น” พูดพลางแกล้งยกมือขึ้นไปคลำๆหัว “น่าจะสักสิบเส้นได้... งั้นกูขออีกข้างให้ครบสิบนิ้ว”
ปึก
“โอ๊ย” ฉวยโอกาสตอนที่มันกำลังให้ความสนใจกับมือข้างนั้นแล้วกระแทกเท้าลงไปเหยียบที่มืออีกข้าง อย่าเรียกว่าเหยียบเลย เรียกกระทืบเหมาะกว่า “เอาเท้าออกไปจากมือกูนะอีบ้า อีโรคจิต กรี๊ดดด” มืออีกข้างพยายามจะง้างเท้าฉันออก แต่คิดว่าแรงน้อยๆอย่างหล่อนจะสู้แรงฉันที่เรียนมวยไทยมาตั้งแต่เด็กได้หรอ
“ขอโทษกูก่อน แล้วกูจะปล่อย” ก้มหน้าลงไปจ้องหน้าคนที่เริ่มมีน้ำตาคลอตรงหัวตา
“กูไม่ขอโทษ” เชิดหน้าขึ้นมองแถมยังปากดี
“เอางั้นก็ได้”
หมับ
วางฝ่ามือลงไปที่หัวอย่างแผ่วเบาก่อนจะกระชากมันมาด้านหลังจนสุดแรงแล้วต่อด้วย
เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ
ฟาดน้ำหนักมือลงไปอย่างไม่ออมแรงบนกรอบหน้าขาว สลับซ้ายขวาครบสามทีจนใบหน้าที่เคยตบแต่งด้วยรองพื้นขึ้นเป็นรอยนิ้วสีแดงราวกับทาบรัชออน แต่เป็นบรัชออนที่พิกเม้นท์แน่นพอตัว ถึงได้ขึ้นสีชัดขนาดนั้นได้
อ้อ ไม่นับรวมปากที่แตกจนได้เลือดนั่นอีกนะ
“มึง มึงทำกู ฮึก ฉลามช่วยพี่ด้วย” ขยับตัวถอยหลังหนีอย่างไม่แคร์ว่าชุดจะเปื้อนแค่ไหน ฝุ่นคลุ้งจนฉันต้องยกมือขึ้นมาปัดไล่
“อ้าว ทีงี้ไม่ปากดีแล้วหรอ จะได้ตบเพิ่มอีกสักร้อยที”
“มึงมันบ้า ออกไปห่างๆกูเดี๋ยวนี้นะอีโรคจิต” ทั้งคำพูดและกิริยาท่าทาง ไม่มีตรงไหนบอกเลยว่า มันไม่กลัวฉัน สั่นเป็นเจ้าเข้าแล้วยังจะปากเก่งอีก
“เฮ้อ ไม่หนุกเลย ไม่เล่นก็ได้” ปัดมือทั้งสองข้างก่อนย่างกรายเข้าไปหาร่างที่เปื้อนคลุกฝุ่นอีกครั้ง “แล้วก็จำใส่กะโหลกหนาๆของมึงไว้นะ คราวหน้าถ้าไม่แน่จริง ก็อย่ามาปากดี” คว้าหมับเข้าที่คางเล็กก่อนจะผลักออกไปด้านหลังจนคนที่โดนกระทำหน้าซีดเผือกและมีแววตาสั่นระริก
“...” ไร้ซึ่งคำพูด หยาดน้ำตาไหลอาบแก้มพลางขยับถอยหลังออกไปเรื่อยๆ
“แล้วก็ที่ด่าว่าโรคจิตอะ จิตได้มากกว่านี้อีกนะ อยากลองไหม” ก้าวขาเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าคนใต้ร่างอย่างรวดเร็วก่อนจะก้มลงไปมองใบหน้าเล็กให้ถนัดขึ้น
“กรี๊ดด ออกไปนะอีโรคจิต” สองมือพยายามผลักตัวฉันให้ออกห่าง ทว่าฉันไม่ใช่คนที่จะยอมให้อภัยใครง่ายๆ บอกแล้วไงว่าถ้าร้ายมาฉันร้ายกลับ แต่จะให้กลับไปเป็นคูณสอง หรืออาจจะคูณล้าน
คอขาวๆนั่นยังไม่มีรอยเลยว่าไหม เติมให้สักหน่อยคงดูดีไม่น้อย ถ้าไม่ติดที่ว่า
หมับ
“พอเถอะครับ” ร่างถูกกอดรัดจากทางด้านหลังโดยฝีมือของคนที่ตัวสูงกว่า รีบหันขวับไปมองอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเจอแววตาที่แสนอบอุ่น ต่างจากตอนที่เขาตวาดอีเฌอเมื่อกี้ “รู้ตัวไหมว่าพี่กำลังควบคุมตัวเองไม่ได้” ทันทีที่จบประโยค บางอย่างก็เข้ามากระแทกใจฉันอย่างจัง
อยู่ๆเกิดบ้าอะไรขึ้น ทำไมฉันถึงพลั้งมือทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ ครั้งล่าสุดที่มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้คือตอนที่ฉันเรียนมอปลาย แล้วเมื่อกี้มันอะไรกัน
“กลับเถอะครับ เดี๋ยวผมขับรถไปส่ง”
…..
ตบสองร้อยทีไปเลยค่ะแม่ !
แฮชแทก #พีรยาทำไมไม่อ่อนโยน
TO BE CONTINUED
V
v
เจิม
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

35 ความคิดเห็น
-
#6 Puechsing (จากตอนที่ 10)วันที่ 6 พฤศจิกายน 2563 / 21:25อย่าให้แม่ของขึ้น#60