คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 เมื่อเราไม่เคยรักกัน -- รีไรท์
เมื่อเดินไปตามแนวสนามหญ้าสีเขียวชุ่มตา ที่ทอดขนานไปกับตัวบ้านหลังใหญ่สีขาว
บ้านหลังเล็กน่าอยู่ได้ซ่อนตัวหลังแนวต้นปาล์มแนบชิดติดรั้วปูนด้านหลัง ตรงหน้าบ้านหลังนั้น
มีชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินนั่งบนเก้าอี้อัลลอยสีขาวตัดกับพื้นหญ้าสีเขียว
ที่นั่งอยู่ตรงข้ามชายหนุ่มคือหญิงสาวหน้าตางดงามคนหนึ่ง
“ตินคะ คืนพรุ่งนี้ไปงานเลี้ยงรุ่นกับนุ่นนะคะ”
หญิงสาวเอ่ยชวน แล้วรอคำตอบจากชายหนุ่ม ด้วยหวังว่าเขาจะไม่ปฏิเสธ
ถึงใครหลายคนในบริษัทมองว่าเขา ผู้ชายหน้าคม คิ้วเข้ม จมูกโด่งเป็นสันเด่น และดวงตาที่หวานฉ่ำนี้
คือคนรักของเธอ แต่เธอก็ยังไม่ค่อยแน่ใจในความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขานัก สามารถเรียกว่าคนรักได้หรือเปล่า
หญิงสาวเจ้าของนามนิรดา มั่นใจว่าเธอชอบผู้ชายคนนี้ แต่เขาล่ะ
รู้สึกแบบเดียวกับเธอหรือเปล่า
ภาคียิ้มให้เธอ หญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักของเขาในความคิดของเพื่อนร่วมงาน
เขารู้จักนิรดาหลายปีแล้ว ก็ตั้งแต่เขาเริ่มทำงานในบริษัทเดียวกับเธอนั่นแหละ นิรดาคือผู้หญิงที่เขาสนิทมากที่สุด
เธอเป็นคนสวย เสน่ห์ในแบบที่เธอเป็นคือสาวสมัยใหม่ ทำงานเก่ง และช่างพูด
ที่สำคัญคือเธอช่างออดอ้อนและเอาใจเก่ง ทำให้เขาปฏิเสธไม่ได้ว่า
นิรดาคือผู้หญิงที่เข้าใกล้เขาได้มากที่สุด มากกว่าผู้หญิงคนอื่นที่เขารู้จัก เธอเป็นฝ่ายทอดไมตรีให้
ก่อนจะเริ่มความสัมพันธ์ไปสู่คำว่าแฟนในสายตาของคนในบริษัท
สถานะความเป็นแฟนที่ยังไม่แน่ใจ คำว่า ‘แฟน’ มีความหมายต่างจากคำว่า ‘เพื่อนร่วมงาน’ อย่างไร เพราะนิรดาก็ไม่ได้แตกต่างจากเพื่อนร่วมงานคนอื่นเลย
“กี่โมงครับ”
ภาคีเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ เขาถามนิรดา แต่สายตาจับจ้องไปยังรถมินิ
สีน้ำเงินที่แล่นเข้ามาในระยะที่สายตามองไปเห็น
ก่อนจอดตรงหน้าบ้านหลังใหญ่ ครู่เดียวชายหนุ่มเจ้าของรถก็ก้าวออกมา ร่างที่บอบบางเกินชาย
ยิ่งดูเล็กน่ารักด้วยเสื้อตัวเล็กที่แนบไปกับลำตัว ช่างเหมาะเจาะรับกับรูปร่างของคนคนนี้ได้อย่างไม่มีที่ติ
คนถูกมองหยุดขาที่จะก้าวไปข้างหน้า และมองไปยังบ้านหลังเล็กผ่านแนวต้นปาล์ม
มองอยู่ครู่หนึ่งจึงสะบัดหน้าเดินเข้าบ้าน ทิ้งให้เจ้าของสายตาที่มองสบกันในระยะไกลเศร้าลงทันทีที่ร่างของอีกฝ่ายลับตาไป
สีฟ้า... เมื่อไรผมจะเลิกมองแต่คุณได้สักที
หัวใจของภาคีเฝ้าวนเวียนพร่ำถามแต่ประโยคนี้ ทุกครั้งที่ถูกเมินหรือทำราวกับว่าเขาไม่เคยมีตัวตน
เป็นคนน่ารังเกียจ รู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยด้อยค่าในสายตาของคนคนนี้มากมายนัก
นิรดามองตามสายตาของภาคีไป เธอทันเห็นเพียงร่างใครคนหนึ่งก้าวฉับๆ
เข้าไปในบ้านหลังใหญ่ แต่เธอก็รู้ว่าเจ้าของแผ่นหลังนั้นคือใคร
เป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจาก ‘สีฟ้า’ ลูกชายคนเล็กของคุณกฤษกับคุณอุษา คนเจ้าเสน่ห์ที่ใครๆ
ต่างพากันหลงรักเมื่อได้รู้จัก ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ล้วนแล้วแต่เดินหน้าเข้ามาขายขนมจีบไม่ขาดสาย
แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครครอบครองหัวใจชายหนุ่มหน้าใสได้เสียที เจ้าตัวเองก็ไม่มีท่าทีที่จะสนใจใครเสียด้วยสิ
ทำไมเธอถึงรู้เรื่องนี้ หรือรู้จากใคร ก็จะรู้จากใครได้ถ้าไม่ใช่ภาคี
ผู้ชายที่นั่งทำหน้าละห้อยอยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ไง
“สวยนะคะ” นิรดาเลือกใช้คำว่า ‘สวย’ แทน ‘หล่อ’ เธออยากรู้ว่าคนฟังจะสะดุดหูบ้างหรือเปล่า
“สวยครับ” ภาคีตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้เป็นปกติ
เพราะน้ำเสียงแปร่งหูของนิรดาที่ถามเหมือนรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
สีฟ้า ‘สวย’ เกินจะเรียกว่าหล่อได้ เพราะรูปร่างที่บอบบางเกินชาย ผิวกายขาวละเอียด
ดวงตาคู่สวยที่ดูเอาเรื่องน่ามองจนไม่อยากถอนสายตาจากไปไหน จมูกรั้นบอกถึงความเอาแต่ใจที่เขาอยากเอาใจเหลือเกิน
ปากอิ่มสีหวานที่ทำเอาเผลอคิดไปไกลว่า หากได้สัมผัสด้วยริมฝีปากตัวเองสักครั้งจะรู้สึกอิ่มเอมเพียงใด
รูปร่างบอบบางชวนให้ทะนุถนอม อยากโอบกอดร่างกายงดงามไว้ในวงแขน กอดไว้แนบอกเหมือนที่เคยฝันหวานยามค่ำคืน
สีฟ้า... เหมือนสิ่งสูงค่าที่ไม่มีวันเอื้อมถึง แม้พยายามแค่ไหนก็ตาม
สีฟ้า... เป็นความสุขที่เขาอยากมี แต่ก็ไม่สามารถเก็บเกี่ยวมาใส่ไว้ในชีวิตแห้งแล้งของตัวเองได้
สีฟ้า... คือความงดงามที่เขาอยากสัมผัส ครอบครอง และถือครองเอามาเป็นของตน
ทว่าก็ไม่มีหนทางใดที่จะได้มา
“แล้วทำไมตินไม่จีบล่ะคะ” นิรดาถามประชด แม้ได้ชื่อว่าเป็นแฟนแต่ในความสัมพันธ์นั้น
เธอไม่เคยแน่ใจเลยว่าอีกฝ่ายรู้สึกอย่างไรกับเธอ
กันแน่ เขาเฉยกับทุกเรื่อง ไม่มีคำบอกรัก ไม่มีการกระทำแบบคนรักกัน
ดอกไม้หรือของขวัญในวันสำคัญ เขาก็ไม่เคยมีให้เธอ
...แม้ครั้งเดียวก็ไม่เคยมีเลย
“งานเริ่มกี่โมงครับ” ภาคีเปลี่ยนเรื่องคุย
เพราะนิรดาถามในสิ่งที่เขาไม่อยากตอบ...
แทนที่จะได้คำตอบกลับได้คำถามมา นั่นทำให้นิรดาหงุดหงิดหัวใจไม่น้อย
หญิงสาวเชื่อว่าที่ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาไปไม่ถึงไหนสักที
อาจเป็นเพราะสีฟ้า...
“สองทุ่มค่ะ ตกลงตินไปกับนุ่นนะคะ” แม้ว่าน้ำเสียงจะถูกปรับให้นุ่มลงเพียงใด
แต่กระแสความหงุดหงิดในน้ำเสียงยังไม่จางหายไปไหน
แต่ช่างเถอะ ต่อให้ภาคีคิดในสิ่งที่เธอหวั่นใจอยู่ก็ตาม แต่ถ้าสีฟ้าไม่คิดจะสนใจ
สิ่งที่ภาคีคิดก็ไม่มีทางเป็นไปได้ แล้วสีฟ้าก็หน้าตาดีขนาดนั้น รวยล้นฟ้าจนน่าอิจฉา
ครอบครัวมีหน้ามีตาในสังคมคนรวย คงไม่มีทางลดตัวลงมาคบหากับผู้ชายด้วยกันเอง ให้เสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูลหรอกน่า!
“อะไรนะแพท” สีฟ้าโวยวายลั่นห้องเมื่อได้ยินคำขอร้องของเพื่อนที่อยู่ปลายสาย “ให้ลมชวนหมอนั่นให้นี่นะ
ไม่เอา ไปชวนเองเลย ลมไม่อยากคุยกับหมอนั่น... เข้าใจไหม”
สีฟ้าเด้งตัวลุกขึ้นมานั่งหน้ายุ่ง กับคำขอร้องแกมบังคับของเพื่อนรักที่ชื่อน้ำเพชร
สิ่งที่ถูกขอให้ช่วย มันก็ไม่ได้ทำยากนักหรอก แต่ว่าเขาไม่อยากทำมากกว่า
...ให้ไปหาภาคีนะเหรอ
แล้วไปพูดดีๆ ด้วย เขาไม่มีวันทำแน่ๆ
“ช่วยเพื่อนหน่อยสิ
ขอร้อง...นะ...นะ...ลมคนดีที่หนึ่งของแพท”
น้ำเพชรทำเสียงหวานอ้อนมาตามสายหวังให้เพื่อนเปลี่ยนใจ
“ไม่เอา อยากชวนก็ไปชวนเองสิ” สีฟ้าตอบคำขอร้องของเพื่อนอย่างไม่ไยดี
“ช่วยหน่อยนะลม เอาเป็นว่าไปฝรั่งเศสคราวนี้
แพทจะซื้อน้ำหอมมาฝากสามขวดเลยเอ้า” น้ำเพชรเอาของชอบของเพื่อนมาล่อ
“ลมมีเงินซื้อเองได้” แต่คนชอบน้ำหอมก็ปฏิเสธ
“โธ่ ลมจ๋า... ช่วยเพื่อนหน่อยนะ”
“ไม่” สีฟ้าปฏิเสธเสียงแข็ง
ให้บุกน้ำลุยไฟ เขาจะไม่เกี่ยงสักนิด แต่เรื่องให้ไปหาภาคี คนที่ไม่เคยคุยกันดีๆ เลยสักครั้งนี่นะ
เสียศักดิ์ศรีสุดๆ
ไม่มีทาง!
แม้จะตอบปฏิเสธเสียงแข็งไปแล้ว ทว่าฝ่ายเพื่อนรักก็ยังไม่เลิกล้มความต้องการของตัวเอง
ยังคงอ้อนเสียงหวานมาตามสาย
“นะลมนะ...นะนะ...ช่วยเพื่อนหน่อยนะ”
“ไม่”
“นะ...นะ...อย่าใจร้ายกับเพื่อนนักซี้”
“ไม่...ไม่”
“ลมจ๋า... ลมคนดีของแพท ลมเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของแพทน้า
ช่วยเพื่อนที่น่ารักแสนดีของลมหน่อยนะ...นะ...นะ...นะลม รับรองว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกและเป็นครั้งสุดท้าย
แพทสัญญา”
เสียงออดอ้อนแกมอ้อนวอนที่ผ่านมาตามสาย ทำเอาคนใจแข็งแต่แข็งใจได้ไม่นานเริ่มอ่อนลง
สุดท้ายสีฟ้าเลยต้องตกปากรับคำว่าจะทำให้
“ก็ได้ๆ แต่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ”
เท่านั้นแหละน้ำเพชรถึงเฮลั่น สีฟ้าต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูอยู่หลายวินาที
ก่อนดึงกลับมาแนบหูอีกครั้ง กรอกเสียงลงไปว่า
“แต่ไม่รู้ว่าหมอนั่นจะไปหรือเปล่า
รักแฟนออกอย่างนั้น” สีฟ้าว่า
ทั้งที่น้ำเพชรรู้ว่าภาคีมีแฟนแล้ว เจ้าตัวก็ยังไม่เลิกหวัง
แถมยังหวังมากขึ้นกว่าเมื่อตอนเป็นเด็กซะอีก เจ็บแล้วไม่เคยจำเลย เพราะก่อนหน้านี้ภาคีเคยปฏิเสธความรักของน้ำเพชรมาแล้วครั้งหนึ่ง
สีฟ้าก็สุดปัญญาที่จะห้ามเพราะน้ำเพชรไม่เคยเชื่อ
“แพทเชื่อฝีมือลม” คนปลายสายบอกเสียงสดใสเพราะสมใจแล้ว “...ว่าลมต้องทำให้ตินไปดินเนอร์กับแพทได้แน่
เพราะลมเก่ง ลมต้องทำได้”
“ไม่ต้องหวังมากก็ได้นะ” เขาไม่อยากให้เพื่อนหวังมากเกินไปนัก
และคำพูดของเธอก็กดดันเขามากเกินไป
“ที่ใดมีรัก ที่นั่นย่อมมีหวังจ้ะ
ลมก็รู้ แพทต้องไปดูแลสาขาที่ฝรั่งเศสตั้งสามสี่เดือนเชียวนะ ทำให้เพื่อนได้มีเรื่องราวดีๆ
เก็บไว้ให้คิดถึงบ้างสิ”
“พอๆ ไม่ต้องพูดแล้ว
ไปจัดการให้เดี๋ยวนี้แหละ รอฟังข่าวดีละกัน” สีฟ้ารีบตัดบท เขาไม่อยากจมไปในเหตุผลร้อยแปดข้อที่น้ำเพชรสรรหามาใช้ให้เขาเห็นใจ
เพราะอย่างไรเขาก็เห็นใจเพื่อน และอยากให้เพื่อนสมหวังเหมือนกัน
สีฟ้าเดินไปตามแนวทางเดินเส้นเล็กข้างสนามหญ้า จนมาถึงที่หมายคือบ้านหลังเล็กของภาคี
แสงไฟในบ้านบอกให้รู้ว่าเจ้าของบ้านยังไม่เข้านอน พอเปิดประตูเข้าไปในตัวบ้านหลังเล็ก
ที่เล็กกว่าบ้านเขาเกือบสิบเท่า สีฟ้าเห็นความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านที่มีเพียงผู้ชายคนเดียวอาศัยอยู่
บ้านหนุ่มโสดไม่ได้รกอย่างที่คิด ทั้งยังสะอาดและเป็นระเบียบ
ไม่ต่างจากตอนที่คุณมณีหรืออดีตอาจารย์มณียังมีชีวิตอยู่
ภาคีกำลังกำดินสอเขียนแบบ เขานั่งหลับตาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้
บนโต๊ะมีแบบแปลนบ้านวางกางอยู่ ชายหนุ่มเจ้าของบ้านค่อยๆ ลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกว่าบรรยากาศที่คุ้นเคย
ถูกแทนที่ด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ รื่นจมูก
เมื่อภาคีลืมตาขึ้นมาก็เห็นสีฟ้ายืนกอดอกมองเขาอยู่ก่อนแล้ว
“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณลม” น้ำเสียงชายหนุ่มเรียบเรื่อยพอๆ
กับใบหน้าที่เรียบเฉย ความตื่นเต้นถูกกักขังในซอกมุมลึกที่สุด แม้แต่ความรักในแววตาก็ถูกกลบมิด
ไม่เหลือให้คนตรงหน้าได้พบร่องรอยและล่วงรู้
แม้จะตื่นเต้นและดีใจที่ได้เห็นเจ้าของใบหน้าสวยงามที่อยู่ในทุกห้วงลมหายใจเข้าออกของตน
ทว่าภาคีก็อดแปลกใจกับการมาของสีฟ้าไม่ได้
...สีฟ้าไม่เคยก้าวเท้าเข้ามาในบ้านหลังนี้
ในเวลาฟ้ามืด
“พรุ่งนี้ไปดินเนอร์กับแพทด้วย” ไม่ใช่คำชวนที่เพื่อนรักฝากมา ...แต่เป็นคำสั่งให้ภาคีทำตาม
“ผมไม่ว่างครับ” ภาคีบอกเสียงเรียบอีกตามเคย
สองมือพยายามทำให้เหมือนจะวุ่นอยู่กับงานบนโต๊ะอีกครั้ง
“ดินเนอร์ใต้แสงเทียน
บนเรือสำราญล่องแม่น้ำเจ้าพระยาเลยนะ นายไม่ชอบหรือไง” สีฟ้าเดินเข้าไปใกล้ บอกและถามด้วยรอยยิ้มเยาะ
ภาคีเห็นรอยยิ้มเยาะของสีฟ้าอย่างชัดเจน ยิ้มที่เขาไม่ชอบ... ทว่าก็ยังปรารถนาที่จะได้เห็นทุกรอยยิ้มของผู้ชายคนนี้
“ผมไม่ว่าง” คำตอบยังคงเป็นคำตอบเดิม
ภาคีสบตากับอีกฝ่ายนิ่งดวงตาที่ใช้มองสบด้วยไม่ได้หวานซึ้งเหมือนที่ใจอยากแสดงออกมา
แต่กลับเต็มไปด้วยคำปฏิเสธที่แข็งกร้าว
“โก้จะตาย มีสาวพาไปดินเนอร์ มีของดีๆ ให้กิน เงินก็ไม่ต้องควักไม่ไปก็โง่แล้ว” สีฟ้ากอดอกพูด โดยไม่รู้เลยว่าหัวใจคนฟังเป็นเช่นไร
หรือ...รู้สึกอย่างไรกับตน
ภาคีรู้ว่าถูกอีกฝ่ายดูถูก แต่ยังทำใจเย็นไม่สนใจ สีฟ้าเป็นแบบนี้มานานแล้ว
ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมจนถึงทุกวันนี้ ระรานเขาไม่เคยเปลี่ยน เขาคร้านจะรบราด้วยเรื่องที่ทำให้ใจเจ็บลึกลงทุกวัน
ดังนั้นภาคีจึงเลือกก้มหน้าทำงานแทนการต่อปากต่อคำด้วย ถ้าทำไม่สนใจ เดี๋ยวสีฟ้าก็กลับไปเอง
“อย่าเล่นตัวนักสิ
เพื่อนฉันรวยนะ นายได้แต่งงานด้วยสบายไปทั้งชาติแน่” แต่สีฟ้าก็ยังไม่เลิกเซ้าซี้ด้วยคำกระแหนะกระแหน “งานนายน่ะ ทำเมื่อไรก็ได้
แต่เพื่อนฉันรอนายไปจนแก่ตายไม่ได้หรอกนะ” ฝ่ายเจ้าของบ้านก็ยังเงียบ ก้มหน้าทำงานของตัวเองต่อ
เมื่อไม่ได้รับความสนใจ สีฟ้าจึงแย่งดินสอในมือภาคีมากำไว้ บังคับทางอ้อมให้หันมาสนใจตน
ได้ผลภาคียอมละสายตาจากแปลนบ้านบนโต๊ะหันมาให้ความสนใจแขกของเขาในทันที
“ผมไม่ว่างจริงๆ” เขาบอกเสียงเหนื่อยหน่าย
อีกฝ่ายกลับไม่สนใจ
“ฉันไม่สน จะว่างหรือไม่ว่างก็เรื่องของนาย
แต่พรุ่งนี้นายต้องไปกับเพื่อนฉัน แค่นี้แหละ!” คนหน้าหวานวางดินสอลงบนโต๊ะ ก่อนหมุนตัวเดินออกไป
ไม่สนใจสีหน้าลำบากใจของเจ้าของบ้าน ที่มองตามจนแผ่นหลังบอบบางลับตาไป... กับความรู้สึกที่ยากจะบรรยายให้ใครร่วมรับรู้ได้
เมื่อไรจะเข้าใจสักที.... คุณลม
เมื่อไรจะเข้าใจว่าหัวใจ... บังคับกันไม่ได้
เมื่อไรจะเข้าใจว่าหัวใจผม... เป็นของใคร
เมื่อไรจะรู้ว่า... ผมรักคุณ รักมาตลอด ไม่ว่าวันนั้น หรือวันนี้
ภาคีหันกลับมาสนใจงานตรงหน้าอีกครั้ง แต่เขาไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไป
สีฟ้าเข้ามาเพื่อก่อกวนสมาธิของเขาโดยแท้ ชายหนุ่มวางมือจากงาน เดินมาทิ้งตัวลงนอนเหยียดยาวบนโซฟาสีครีม
ใช้สองมือรองศีรษะไว้ สายตาจับจ้องไปยังเพดานบ้าน ทบทวนเรื่องราวที่ทำให้เขาต้องมาอยู่บ้านหลังนี้
ใช้พื้นที่ภายในกำแพงรั้วเดียวกันกับสีฟ้า... ผู้ชายที่เขาหลงรัก
นลิน... ผู้เป็นพี่สาวเขาแต่งงานกับเมฆา พี่ชายของสีฟ้า และเพราะครอบครัวเขาไม่ได้ร่ำรวย
มารดาซึ่งเป็นอาจารย์เลี้ยงลูกสองคนเพียงลำพังเนื่องจากบิดาเขาเสียไปตั้งแต่เขากับพี่สาวยังเล็กๆ
พี่สาวจึงรับมารดากับเขามาอยู่ในบ้านของสามี แต่ด้วยความเกรงใจของมารดา ท่านไม่อยากรบกวนครอบครัวคุณกฤษและคุณอุษาจนเกินไป
จึงขอแยกตัวออกมาอยู่ต่างหาก
บ้านหลังนี้เป็นฝีมือการออกแบบของเขาเอง เขาออกแบบมันตั้งแต่รู้ว่าต้องย้ายมาอยู่ร่วมรั้วกับพี่สาวเมื่อตอนเรียนปีหนึ่ง
ชีวิตเขามีความสุขมาตลอดในบ้านหลังนี้ แต่ความสุขก็มาจางหายเมื่อแม่จากไปด้วยโรคหัวใจวายเฉียบพลันตอนเขาเรียนปีสาม
และความสุขเริ่มลดน้อยลงไปอีกเมื่อสีฟ้าก้าวเข้ามาอ้างสิทธิ์ทุกอย่างภายในบริเวณรั้วบ้านของตนเอง
ทำให้ความภูมิใจในบ้านหลังนี้ของเขาลดลง สีฟ้าทำราวกับว่าเขาเป็นเพียงคนอาศัย ไม่ใช่เจ้าของบ้าน
ใช่สิ... ถ้าไม่นับว่าบ้านหลังเล็กนี้เป็นฝีมือการออกแบบของเขา นอกนั้นก็ไม่มีอะไรที่จะบอกว่าบ้านนี้เป็นของเขา
ค่าที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยเงินของครอบครัวสีฟ้า ไม่ใช่เงินของแม่หรือของเขาแม้แต่บาทเดียว
สาวสวยรูปร่างเล็กในชุดเดรสสั้นสีขาว คาดด้วยเข็มขัดสีชมพูหวาน
ยืนหมุนซ้ายหมุนขวาอวดความงดงามให้เพื่อนสนิทที่สุดของเธอดู
“ใส่ชุดนี้แล้วสวยสุดๆ
ไปเลยแพท” สีฟ้าเอ่ยชมตามความจริงที่เห็นเพราะน้ำเพชรเรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่ง
“แน่นะลม” น้ำเพชรถามเอาความมั่นใจเพิ่ม
“แน่สิ” สีฟ้ารีบยืนยัน “ลมว่านะ พอหมอนั่นเห็นแพทในชุดนี้ละก็
รับรองว่าต้องขอแพทแต่งงานแน่”
“บ้าน่าลม อย่างตินเหรอจะขอแพทแต่งงาน
รอจนเหนื่อยแล้วก็ไม่เห็นจะมองแพทสักที” เสียงหญิงสาวหม่นเศร้าลง
“เชื่อแพทเลยจริงๆ
มีผู้ชายทั้งหล่อทั้งรวยมาจีบตั้งเยอะแยะ ทำไมไม่สนใจบ้าง ปักใจแต่กับหมอนั่นอยู่ได้
โดนปฏิเสธมาแล้วยังไม่เข็ดอีก”
สีฟ้ากับน้ำเพชรเป็นเพื่อนกันมานาน ทั้งสองเรียนโรงเรียนเดียวกันจนจบมัธยมปลาย
ก่อนแยกย้ายไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เพราะสนิทกันมาก สีฟ้าถึงได้กล้าพูด ส่วนน้ำเพชรก็ไม่ได้โกรธเพื่อน
สีฟ้ากับน้ำเพชรรู้จักภาคีตอนเรียนมัธยมปลาย ทั้งสามเรียนที่เดียวกัน
มารดาของภาคีก็เคยสอนสีฟ้าและน้ำเพชร น้ำเพชรแอบชอบภาคีมานาน ถึงขั้นสารภาพรัก แต่ได้รับคำปฏิเสธกลับมา
ตอนนั้นน้ำเพชรร้องไห้ฟูมฟาย ร้อนถึงสีฟ้าต้องออกโรงต่อว่าคนที่กล้าปฏิเสธเพื่อนเขา
เรื่องตอนนั้นคงผ่านไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ถ้าภาคีไม่โผล่เข้ามาในชีวิตของคนทั้งคู่อีกครั้ง
เมื่อสีฟ้ากลับมาร่วมงานแต่งของพี่ชาย จึงพบว่าภาคีเป็นน้องชายของพี่สะใภ้ตน พอเรื่องถึงหูน้ำเพชร
หญิงสาวก็เกิดอาการรักแรกลืมไม่ลงจนได้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้จะเรียนกันคนละประเทศ
แต่การกลับมาบ้านแต่ละครั้งของสีฟ้าคือการโผล่มาของน้ำเพชรเสียทุกครั้ง
“รักคำเดียวย่ะ คนอย่างลมไม่มีวันรู้จักหรอก” น้ำเพชรแยกเขี้ยวใส่เพื่อนที่กล่าวหาว่าเธอ... เจ็บแล้วไม่จำ
สีฟ้ายักไหล่ไม่ใส่ใจกับคำกล่าวหาของอีกฝ่าย
รักหรือ ?
ใครว่าสีฟ้าไม่รู้จัก
สีฟ้าน่ะรู้จักคำนี้ดีทีเดียว แต่เขาสามารถควบคุมมันได้ ไม่ยอมปล่อยคำว่า ‘รัก’ ออกมาเพ่นพ่านให้ใครจับได้เด็ดขาด
ให้คำว่า ‘รัก’ อยู่แต่เพียงในใจ ให้เขารู้ว่ามีอยู่จริง และมีให้ใคร
...ให้เขารู้แค่คนเดียวก็พอแล้ว
จบตอนที่ 1
ความคิดเห็น