คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1
“คุณพ่อขา วันนี้คุณครูให้น้องเตยวาดรูปครอบครัวด้วยค่ะ” เด็กหญิงวัยห้าขวบ วิ่งกระหึดกระหอบพลางถือกระดาษที่ตัวเองนำมาจากโรงเรียนตรงเข้ามายังรถที่ชายหนุ่มจอดเข้ามายังตัวบ้านของเขา
ชายหนุ่มรีบอ้าแขนรับร่างน้อยๆ แล้วยกขึ้นผลัดกันหอมแก้มซ้ายขวาจนเป็นนิสัยเมื่อกลับมาถึงบ้าน
“สวยจังเลยครับน้องเตย คุณพ่อให้คะแนนเต็มสิบเลยครับ แล้วคุณพ่อมีรางวัลมาให้เจ้าหญิงตัวน้อยๆ ด้วยนะอยากรู้ไหมว่าเป็นอะไร” ชายหนุ่มเดินเข้ามาในบ้านตรงไปยังห้องรับแขก พยักหน้าให้ชายสูงวัยซึ้งเป็นคนขับรถให้เขาอย่างรู้กัน
“อยากรู้สิค่ะ” เด็กหญิงรีบพยักหน้าทันทีแล้วยิ้มประจบ
“แต่เจ้าหญิงต้องไปอาบน้ำแต่งตัวสวยๆ มาให้คุณพ่อดูก่อนนะครับถึงจะได้รางวัล”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวน้องเตยจะรีบไปอาบน้ำทันทีเลยค่ะ” ว่าแล้วเด็กหญิงก็รีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนซึ่งเป็นห้องของตัวเองทันที
ชายหนุ่มยิ้มกับท่าทางของหลานสาวที่ตัวเองรักเหมือนลูกและเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กๆ หลังจากที่ทั้งพ่อและแม่ของเด็กสาวจะเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตอนนี้ครอบครัวของเขาก็เหลือแค่สองน้าหลานเท่านั้นเพราะพ่อกับแม่ของเขาเสียชีวิตไปตั้งแต่เขาอายุแค่สิบเจ็ด ก็ได้พี่สาวเขาที่หาเลี้ยงและส่งเสียเขาเรียนจนจบและเริ่มมาช่วยพี่สาวทำกิจการของครอบครัวต่อจนเป็นที่รู้จักกันในบริษัทอสังหริมทรัพย์ ไม่ใช่แค่นั้นเขายังมีทั้งรีสอร์ทหรูเกือบทั่วทุกภาคของประเทศ ตอนนี้เขายังมีโครงการบ้านจัดสรรและคอนโดในกรุงเทพฯ มีคนสนใจติดต่อจับจองตั้งแต่ยังไม่ได้สร้าง
“โฮ่งๆๆๆ” เสียงหมาน้อยในตะกล้าดังขี้น
“คุณเตจะให้ผมวางไว้ตรงไหนดีครับ” นายชัยคนขับรถถือตะกล้าใบใหญ่เข้ามาในบ้าน
“ให้แจ๋วเอาขึ้นไปไว้ข้างบนทีนะ “
“เอานังแจ๋วมารับไปให้คุณหนูเตยที” แจ๋วที่กำลังเดินผ่านเข้ามารับตะกล้าจากนายชัยทันที
“อะไรล่ะนั่นลุงชัย” แจ๋วถามขึ้นเมื่อรับตะกล้าใบใหญ่จากนายชัย
“ของขวัญของคุณหนูเตยเขา”
“เป็นลูกหมาเหรอน่ารักจังเลยลุงชัย คุณหนูเตยต้องดีใจแน่ๆ เลย”
“โฮ่งๆๆๆๆ” เสียงลูกหมาร้องตอบรับ
“รีบๆ เอาขึ้นไปให้คุณหนูเลยนังแจ๋ว”
“ได้จ๊ะลุง” ก่อนที่แจ๋วจะได้ขึ้นไปชายหนุ่มก็เรียกไว้
“แล้วเดี๋ยวช่วยเอากาแฟไปที่ห้องทำงานให้ฉันด้วยนะแจ๋ว”
“ได้ค่ะคุณเต เอ้อคุณเตค่ะเมื่อกี้คุณนทีเพิ่งโทรมาบอกว่าให้คุณเตช่วยโทรกลับด่วนด้วยค่ะ”
“อืม ขอบใจ” ชายหนุ่มพูดจบก็เดินไปที่ห้องทำงานทันทีแล้วคว้าเอาโทรศัพท์แล้วกดหมายเลขของเพื่อนรักของเขาทันที
“ว่าไงไอ้ที แกมีธุระสำคัญอะไรก็ว่ามา” ยังไม่ทันได้ยินเสียงปลายสายเตชินท์ก็พูดขึ้นทันที
"โธ่ๆไอ้คุณเพื่อนครับ กระผมไม่มีธุระสำคัญอะไรหรอกครับแค่กระผมอยากจะเชิญชวนไอ้คุณเพื่อนไปดริ๊งกันสักกลืบสองกลืบแค่นั้นล่ะครับ" นทีที่อยู่ทางปลายสายก็พูดขึ้น
“ไม่มีอารมณ์เว้ย” เมื่อรู้ว่าโดนเพื่อนหลอกให้โทรกลับอารมณ์ก็เริ่มเสียยิ่งกว่าเดิม
"อารายว่ะไอ้เต เราไม่ได้สังสรรค์กันมานานแล้วนะเว้ย ช่วยออกมาจากหลุมสักทีสิว่ะ ฉันเบื่อแล้วนะที่ต้องกินเหล้าอยู่คนเดียว" เสียงนทีที่อ้อนวอนแกมพูดเล่นมันทำให้อารมณ์โกรธของเขาเริ่มเบาลง นี้ถ้าเขาไม่ได้เพื่อนคนนี้ช่วยปลอบในยามที่เขาไม่เหลือใครเขาคงจะบ้าตายไปตั้งนานแล้ว
“เอ่อ เอ่อ ไว้พรุ่งนี้แล้วกัน ฉันขอเคลียร์งานของวันนี้ให้เสร็จก่อน” พูดจบเขาก็ได้ยินปลายสายร้องอย่างดีใจ
"จริงเหรอว่ะ ได้ แต่พรุ่งนี้แกช่วยไปรอฉันที่ห้องอาหารรารัมนะ"
“ทำไมต้องห้องอาหารรามันด้วยว่ะ”
"ฉันมีนัดสุดท้ายที่นั้น แล้วฉันจะได้ติดรถแกไปด้วยไง ตอนนี้เขารณรงค์ช่วยกันประหยัดน้ำมันแกไม่รู้เหรอ"
“เหรอ..... แล้วไอ้ที่แกเทียวไปเทียวมาพาสาวไปกินข้าวนั่นเขาเรียกประหยัดน้ำมันไหม”
"โธ่ไอ้คุณเพื่อนครับนั่นเขาก็เรียกประหยัดน้ำมันเหมือนกันไปทางเดียวกันก็ต้องนั่งรถไปด้วยกันสิว่ะ"
“เหรอ...... เอาความจริง”
"ความจริงก็มีอยู่ว่า รถผมเสียคร๊าบ" นทีตอบด้วยเสียงอ่อยๆ
เตชินท์ยิ้มกับนิสัยขี้เล่นของเพื่อนรัก
“เอ่อ ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ แค่นี้นะฉันจะทำงาน”
"คร๊าบบบบบบ" สิ้นเสียงชายหนุ่มก็วางโทรศัพท์ลงที่เดิม แล้วเขาก็แลเห็นแหวนวงหนึ่งซึ้งเขารู้ดีว่ามันมาได้อย่างไร เขาเฝ้าตามหาเจ้าของแหวนวงนี้มานานกว่าสามเดือน แต่ก็ไม่พบทั้งๆ ที่เขาไปตามถึงร้านที่ทำแหวนแต่กับล้มเหลว เจ้าของร้านบอกว่าคนที่ซื้อแหวนวงนี้ไปเป็นเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งมาก่อนที่จะโดนปัญหาภาวะเศรษฐกิจจนหุ้นส่วนรีบถอนตัวกันยกใหญ่ ตอนนี้ก็ได้เปลี่ยนผู้บริหารคนใหม่แล้วส่วนเจ้าของคนเก่าได้ข่าวว่าพึ่งจะเสียชีวิตไปไม่นานมานี้เองและเขาได้ย้ายที่อยู่ไปเสียแล้ว
ก๊อกๆๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้เขาหยุดความคิดแล้วหันไปมองที่ประตู
“คุณเตยังเก็บแหวนวงนั้นไว้อยู่เหรอค่ะ” เสียงของแม่อิ่ม แม่บ้านเก่าแก่ของบ้านหรือเป็นแม่นมของเขานั่นเองพูดขึ้นเมื่อเห็นนายหนุ่มถือแหวนวงปริศนาไว้ในมือ
“ครับผมตั้งใจที่จะคืนให้เจ้าของของมัน”
“อิฉันว่าคุณเตคงไม่คิดจะคืนแค่แหวนอย่างเดียวหรอกใช่ไหมค่ะ” นางยิ้มเพราะรู้ดีว่าเตชินท์คงแอบหลงรักเจ้าของแหวนปริศนาวงนี้เสียแล้ว
“แม่อิ่มพูดอะไรครับผมไม่เข้าใจ” เตชินท์พูดพลางเก็บแหวนไว้ในกล่องเหมือนเดิม
“อยากให้อิฉันพูดเหรอค่ะ คุณเตก็รู้อยู่แก่ใจ”
“แม่อิ่ม” ชายหนุ่มทำเสียงปรามเล็กน้อย นั่นก็ทำให้แม่อิ่มยิ่งหัวเราะมากขึ้น
“ไม่พูดก็ไม่พูดค่ะ อิฉันไม่รบกวนดีกว่าค่ะแค่จะเอากาแฟมาให้เท่านั้น” สิ้นเสียงแม่อิ่มก็เดินออกไปจากห้อง
เตชินท์ยิ้มกับตัวเองที่โดนแม่อิ่มแกล้งทำให้เขาเขินจนทำตัวไม่ถูกได้ แล้วเขาก็หยิบแหวนขึ้นมาอีกครั้งแล้วคิดถึงเรื่องราวในวันนั้น วันที่เขาได้เจอกับเจ้าของแหวนวงนี้
“เธอยังจะให้ฉันรับผิดชอบอยู่หรือเปล่านะ” ชายหนุ่มพึมพำคนเดียวแล้วก็ต้องเก็บเมื่อมีคนเปิดประตูเข้ามา
“คุณพ่อขา น้องเตยชอบลูกหมามากเลยค่ะขอบคุณค่ะคุณพ่อ” พูดจบเด็กน้อยก็หอมแก้มชายหนุ่มเป็นคำขอบคุณ
เสียงเล็กๆทำให้เขาต้องหันมาให้ความสนใจกับหลานสาวตัวน้อยของเขาที่ขึ้นมานั่งบนตัก
“คุณพ่อช่วยตั้งชื่อลูกหมาให้น้องเตยหน่อยสิค่ะ” แล้วชูลูกหมาที่เขาซื้อมาให้ตั้งชื่อ
“แล้วน้องเตยคิดว่าชื่ออะไรดีครับ” ชายหนุ่มถามย้อนกลับ ทำให้เด็กน้อยเอียงหน้าทำท่าทางคิดหนัก
“น้องเตยก็ยังคิดไม่ออกเลยค่ะ ก็เลยอยากจะให้คุณพ่อช่วยตั้งให้น้องเตยหน่อย” เขาทำท่าคิดเหมือนเด็กน้อยแล้วก็พูดขึ้นว่า
“อืม อะไรดีละ.....ชื่อเจ้าขนปุยดีไหมครับเพราะว่ามันขนเยอะจนน่ารัก”
“ดีค่ะ ชื่อเจ้าขนปุย น้องเตยชอบชื่อนี้มากค่ะ ขอบคุณนะค่ะคุณพ่องั้นน้องเตยจะพาเจ้าขนปุยไปทานข้าวก่อนนะค่ะ”
“ครับ แล้วเจอกันก่อนนอนนะครับ”
“ค่ะ น้องเตยไปก่อนนะค่ะ ไปทานข้าวกันเถอะนะเจ้าขนปุยแล้วเราค่อยมาเล่นกัน
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเมื่อชายหนุ่มกำลังอ่านแฟ้มงานที่กองอยู่ตรงหน้า เขามองหน้าจอแล้วทำหน้าเบื่อหน่ายพลางถอนหายใจเมื่อรู้ว่าเป็นใครที่โทรมาแล้วก็กดรับสาย
“ว่าไงครับโรส คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า” เขาพูดขึ้นเมื่อรับสาย
"โรสโทรมาต้องมีธุระด้วยเหรอค่ะเต)" เสียงหญิงสาวตัดพ้องทำให้ชายหนุ่มพูดขึ้นเพื่อไม่ให้เธอเสียใจ
“ได้สิครับแต่ตอนนี้ผมกำลังยุ่งอยู่ก็เลยพูดออกไปแบบนั้น”
"เหรอค่ะโรสรบกวนคุณไม่นานหรอกค่ะแค่โรสจะมาชวนคุณไปทานข้าวคืนนี้ค่ะ"
“สงสัยจะไม่ได้แล้วล่ะครับ”
"คุณมีนัดแล้วเหรอค่ะเสียดายจังเลย คือโรสพึ่งจะกลับมาจากฝรั่งเศสอยากจะมีเพื่อนไปทานข้าวด้วยสักคนนี้โรสก็คิดถึงคุณเป็นคนแรกเลยนะค่ะเนี้ย" หญิงสาวทำเสียงอ่อนลง
“เอาไว้โอกาสหน้าดีไหมครับแล้วผมจะโทรไปนัดอีกที”
"เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะโรสไม่เรื่องมาก แค่นี้ก่อนนะค่ะคุณแม่เรียกแล้ว"
“ครับแล้วเจอกัน”
หลังจากวางสายจากหญิงสาวนามว่าโรสก็มีอีกสายหนึ่งเข้ามา
“วัดดีครับเตชินทร์พูดครับ”
"วัดดีค่ะคุณ
“ว่าไงครับคุณโซเฟีย”
"คือว่าโซอยากจะชวนคุณเตไปทานข้าวเย็นด้วยกันนะค่ะ คุณเตพอมีเวลาว่างให้โซบ้างไหมค่ะ" เสียงหญิงสาวอ้อนมาตามสายทำให้ชายหนุ่มถอนใจ
มันอะไรกันนักกันหนาว่ะพวกผู้หญิงนี้กับอีแค่ไปทานข้าวถึงกับต้องหาคนไปกินด้วยเหรอเนี้ยกินคนเดียวไม่เป็นกันหรือไงว่ะทำไมต้องเอาเขาไปเกี่ยวด้วย
“คงจะไม่ได้ล่ะมั้งครับคุณโซเฟีย”
"ทำไมล่ะค่ะคุณเตคุณมีนัดแล้วเหรอ" ดูเหมือนเสียงหญิงสาวจะไม่พอใจถึงกับเสียงเปลี่ยนไปนิด
“ครับพอดีผมนัดเพื่อนเอาไว้ก่อนแล้ว”
“เลื่อนนัดไปไม่ได้หรือค่ะไปทานข้าวกับโซก่อน เพื่อนคุณเมื่อไหร่ก็ได้” หล่อนพูดเหมือนสั่งให้เขาต้องไปกับหล่อนให้ได้
“คงไม่ได้หรอกครับผมรับปากกับมันเอาไว้แล้ว”
“แต่กว่าเราจะเจอกันได้คุณไม่ให้เวลาโซเลยนะค่ะแล้วเมื่อไหร่เราจะได้เจอกันล่ะค่ะคุณเต”
“ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ไปด้วยไม่ได้จริงๆ เอาไว้โอกาสหน้าดีไหมครับ”
“ก็ได้ค่ะโซแล้วแต่คุณ งั้นวันนี้โซไปทานกับเพื่อนก่อนนะค่ะ แล้วคุณเตอย่าลืมที่พูดไว้กับโซนะค่ะแล้วโซจะรอคุณค่ะ” หล่อนรู้ว่าถึงพูดไปชายหนุ่มที่หล่อนหวังไว้ก็ไม่อาจทำตามที่หล่อนต้องการได้ หล่อนรู้ว่าคนอย่างเตชินท์ไม่ชอบให้ใครมาเซ้าซี้กับเขามากจนเกินไปไม่อย่างนั้นเขาจะไม่สนใจใยดีเลย คนอย่างเตชินท์ไม่เคยง้อใครหล่อนรู้หล่อนเลือกที่จะหยุดอยู่แค่นี้ก่อนแล้วค่อยๆหาวิธีทำให้เขาอยู่หมัด หล่อนคิดว่าเขาคงไม่พ้นมือหล่อนไปไหนได้หรอกเพราะบริษัทของเขากับหล่อนยังเกี่ยวข้องกันอยู่
ความคิดเห็น