ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MY STORY IS A LIE (P.1)

    ลำดับตอนที่ #9 : MY STORY IS A LIE::CHAPTER SEVEN

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.03K
      1
      29 ธ.ค. 54

      

    MY STORY IS A LIE:: CHAPTER SEVEN

     

      

    “คุณเจนัวจะกลับไปวันนี้แล้วจริงๆ เหรอคะ?” เสียงใสๆ ของ ชะเอมดังขึ้นพร้อมๆ กับที่ผมกดเปิดเครื่องโทรศัพท์ที่ตัวเองปิดมันทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้วก่อนจะมาที่นี่ ผมหันไปมองเธอแล้วเดินกลับเข้ามาจากนอกระเบียงที่ตัวเองยืนดูทิวทัศน์ของภูเขาเขียวอย่างเหม่อลอยก่อนจะนั่งลงตรงปลายเตียงที่มีกระเป๋าเดินทางที่จัดเสร็จแล้วเรียบร้อยวางอยู่

     

     

     

    “อือ แล้ววันนี้เธอไม่มีเรียนรึไง ทำไมไม่ไปโรงเรียน?” ผมทำท่าขมวดคิ้วดุๆ ถาม ชะเอมเปิดประตูห้องนอนที่ตอนแรกถูกแง้มเปิดหน่อยๆ ให้กว้างขึ้นแล้วเดินเข้ามาข้างใน เธอคุกเข่านั่งลงกับพื้นตรงหน้า มองผมด้วยแววตาที่สั่นคลอนเหมือนลูกแมวตัวน้อย

     

     

     “เอมไม่อยากให้คุณเจนัวกลับไปเลยค่ะ... อยู่ต่ออีกนานๆ ไม่ได้หรือคะ พอคุณเจนัวมาแล้วกลับไปทีไหร่ที่นี่ก็จะเงียบเหงาทุกทีเลย”

     

    ที่นี่คือบ้านพักตากอากาศที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูงในแถบภาคเหนือของครอบครัวผมเอง ผมชอบหนีเรื่องปวดหัวมาหลบอยู่ที่นี่บ่อยครั้ง ครอบครัวของชะเอมเป็นคนคอยดูแลที่นี่ ผมเคยเห็นเธอตั้งแต่ตัวเล็กๆ จนกระทั้งตอนนี้ชะเอมโตขึ้นเยอะแล้ว สำหรับผมเธอก็เหมือนกับน้องสาวคนหนึ่ง

     

     

    “ตอนฉันอยู่ก็เอาแต่นอนกับนอน ไม่ออกไปไหน ที่นี่ก็เงียบอยู่ดี”

     

     

    “ใครว่าล่ะคะ เอมชอบมาแอบยืนฟังตอนคุณเจนัวเล่นกีต้าร์แล้วร้องเพลงจะตาย อุ๊ย....เอ่อ... เอมขอโทษค่ะ! เอมไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟัง เอ้ยไม่ใช่ แฮ่ๆ ...เอมตั้งใจจะยืนแอบฟังเลยต่างหาก”

     

     

     “ไม่เป็นไร ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเธอซะหน่อย ทีหลังถ้าอยากฟังก็เข้ามานั่งฟังใกล้ๆ ก็ได้  เข้าใจมั้ย?”

     

     

     “จริงเหรอค่ะ! เอมเข้ามานั่งฟังตอนคุณเจนัวเล่นได้จริงเหรอ ขอบคุณค่ะ คุณเจนัวใจดีมากๆ เลย” มือเล็กเอื้อมมาจับมือผมไปกุมไว้อย่างดีใจ “เอมอยากให้คุณเจนัวเล่นให้ฟังจังเลยค่ะ จริงสิ....แต่คุณเจนัวต้องกลับไปวันนี้แล้วนี่นา เอมคงไม่ได้ฟังแล้ว” เสียงใสพูดแล้ววางมือผมลง แววตาเสียดายนั่นทำให้ผมต้องลุกขึ้นไปหยิบกีต้าร์โปร่งที่ถูกเก็บไปแล้วออกมาใหม่

     

     

    “คะ...คุณเจนัวจะเล่นตอนนี้เหรอคะ?” ชะเอมถามแล้วลุกขึ้นยืนเดิมตามผมเหมือนไม่อยากจะเชื่อ ผมไม่ได้ตอบอะไรแต่ก็เดินกลับไปนั่งที่เดิมแล้วเริ่มฮัมเพลงเบาๆ

     

     

     “You made me feel like our love was not real you threw it all away, so I don’t wanna wait for you I don’t wake up thinking, hoping....” พอเห็นอย่างนี้ชะเอมเลยกลับมานั่งลงที่เดิมแล้วนั่งเงียบอย่างตั้งใจฟังจนจบ

     

     

    “เพราะจังเลยค่ะคุณเจนัว! เอ... เอมจำได้ว่ามีกีต้าร์อีกตัวหนึ่งที่สีขาวๆ หรือเปล่าคะ? จำได้ว่าเคยเห็นตอนคุณเจนัวซื้อมันมาจากร้านใหม่ๆ แล้วก็เอาไปที่โน่น แต่พอเอาไปเอามา ก็เห็นเหลือแต่ตัวนี้ที่เป็นสีดำเอมเห็นคุณเจนัวชอบเล่นมันบ่อยๆ ไปไหนก็เอาไปด้วยตลอด”

     

     

    ชะเอมเอียงหน้าถาม ใบหน้าหวานยังคงครุ่นคิดกับความจำของตัวเองอยู่อย่างไม่แน่ใจ ...ต่างจาก ผมที่แน่ใจว่าตัวเองจำได้แม่นว่ากีต้าร์ตัวนั้นถูกน้ำขิงขว้างทิ้งลงกับพื้นอย่างไม่ไยดีมันเลยด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่มันคือของขวัญวันเกิดที่ผมตั้งใจให้มันกับเธอ ...เพียงเพราะคิดว่าผมมีคนอื่น

     

     

    ผมจำได้ว่าตอนนั้นตัวเองโกรธมาก แต่ก็ตัดสินใจเดินหนีน้ำขิงออกมาโดยไม่พูดจาโต้แย้งอะไรกับความคิดงี่เง่าของเธอเลยสักคำ...

     

     

    ผมพูดอะไรไม่ออก ไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆ น้ำขิงถึงเกิดความระแวงภายในตัวผมมากมายขนาดนั้น นอกจากจะไม่ยอมฟังอะไรแล้ว เธอยังเปลี่ยนไปราวกับคนละคน... ผมยอมรับเลยว่าตัวเองมีส่วนที่ทำให้เธอเข้าใจผิดในหลายๆ ครั้ง แต่จะให้ผมทำยังไง ในเมื่อเธอไม่เคยยอมฟังอะไรและไม่เคยเชื่อใจผมเลย

     

     

    “ใช่แล้วๆ เอมจำได้แล้วค่ะ เมื่อสามปีก่อน แล้วมันหายไปไหนล่ะคะ?”

     

     

    “ถูกเจ้าของใหม่ของมันขว้างทิ้งน่ะ” ผมตอบเสียงเรียบ ลุกขึ้นเอากีต้าร์เก็บใส่กระเป๋าของมัน

     

     

    “เจ้าของใหม่ของมันใช่แฟนของคุณเจนัวหรือเปล่าคะ ...ต้องใช่แน่ๆ เลย ไม่งั้นคุณเจนัวคงไม่ทำหน้าอย่างนี้หรอก อุ๊ย...เอมขอโทษค่ะ แฮ่ๆ .... เอมชอบพูดอะไรเผลอปากอยู่เรื่อยเลย ....แต่จะว่าไป ทำไมเธอถึงขว้างมันทิ้งละคะ?”  

     

     

    “เขาไม่รักฉันแล้วล่ะมั้ง” ผมตอบไปอย่างไม่จริงจังมากนัก

     

     

    “ทำไมล่ะคะ คุณเจนัวของเอมเป็นคนใจดีจะตาย เธอต้องรักคุณเจนัวมากๆ สิถึงจะถูก”

     

     

    “แฟนฉันชอบบอกว่าฉันใจร้าย แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังรู้สึกว่าเธอรักฉันมาก ....ไม่รู้สิ ทั้งๆ ที่รู้สึกแบบนั้นฉันก็ที่จะควรดีใจ แต่มันกลับเป็นความอึดอัดเข้ามาแทน”

     

     

    “ถ้าเอมเป็นแฟนคุณเจนัวเอมก็คงรักคุณเจนัวมากเหมือนเธอแน่เลย ไม่รู้สิค่ะ ถ้าพอพูดว่ารักมาก มันก็ต้องหวงมากเป็นธรรมดา จริงด้วยสิ คุณเจนัวชอบหนีมาอยู่ที่นี่บ่อยๆ ตั้งหลายวันจะตาย แถมยังตัดขาดโลกข้างนอกอีก ถ้าเอมเป็นแฟนคุณเจนัว เอมคงคิดถึงคุณเจนัวมากแน่ๆ ดูสิ ขนาดตอนนี้เอมไม่ได้เป็นอะไรกับคุณเจนัวเอมยังไม่อยากให้คุณเจนัวกลับไปที่โน่นเลย...”

     

     

    “....งั้นเหรอ”

     

    ก๊อกๆ

     

    เสียงประตูห้องถูกเคาะ ผมกับชะเอมหันไปมองทางต้นเสียงพร้อมกันก่อนที่ชะเอมจะหันมาพูดกับผม

     

     

    “ต้องเป็นแม่เอมแน่เลย เดี๋ยวเอมไปเปิดเองค่ะ” ชะเอมลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างกับป้าอุไร แล้วเดินกลับเข้ามาบอกผม

     

     

    “แม่บอกว่ามีโทรศัพท์เข้ามาบอกว่าเป็นเพื่อนของคุณเจนัวค่ะ เห็นเค้าบอกว่าชื่อเรย์ ตอนนี้ถือสายรออยู่บอกว่ามีเรื่องด่วนค่ะ”

     

     

     

      

     

     

     

    1 ชั่วโมงก่อนหน้า

    เกาะ XXX . THAILAND

    สระว่ายน้ำของโรงแรม SIAM XXX

     

    ผ่านไปหนึ่งเดือนเต็มฉันก็ยังไม่เห็นหน้าเจนัวเลย! ขนาดพี่สาวแท้ๆ ของเขาก็ยังไม่รู้เลย ไม่สิ คนในครอบครัวของเขาไม่มีใครรู้สักคนว่าเขาหายไปไหน แต่ที่หน้าแปลกคือมีฉันคนเดียวที่วิ่งวุ่นตามหาเขา! นี่ถ้าเขาหายไปแค่อาทิตย์สองอาทิตย์ฉันจะไม่โวยวายอะไรเลยสักคำ แต่นี่มันกินเวลาไปเป็นเดือนแล้วนะ!!

     

     สรุปคือทุกคนรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนแต่ไม่ยอมบอกฉันหรือว่าไม่มีใครรู้จริงๆ กันแน่!?

     

     

    ตอนนี้ฉันอยู่ที่เกาะ XXX ฉันมาที่นี่ก็เพราะคิดว่าบางทียัยนางแบบนั่นอาจจะรู้ก็ได้ว่าเขาอยู่ที่ไหน อย่าถามฉันนะว่ารู้ได้ยังไงว่ายัยลิลินอยู่ที่นี่ ...เรื่องแค่นี้น่ะสั่งให้คนของคุณพ่อไปหาคิวงานของยัยนั่นมาก็ได้แล้ว

     

     

    “เจนัวอยู่ที่ไหน?”

     

     

    “อะไรกัน” ฉันสังเกตเห็นแววตางุนงงวูบหนึ่งของหล่อน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นแววตาหยิ่งยโสในวินาทีถัดมา “เอ๊ะ... หรือฉันจะเอาเขาไปซ่อนไว้ J

     

     

    “อย่ามาเล่นลิ้นกับฉันนะ!

    ฉันถลึงตาใส่ยัยลิลินอย่างเอาเรื่อง เมื่อหลายวันก่อนที่ฉันไปหาอีสเตอร์ ขอบอกเลยว่าตอนนั้นฉันรู้สึกสงบใจขึ้นมามาก แต่ตอนนี้น่ะ มันกำลังร้อนขึ้นมาอีกแล้ว!

     

     

    “เฮอะ! ถ่อสังขารตามฉันมาถึงนี่เพื่อจะมาถามเรื่องนี้เองน่ะเหรอ ขำเป็นบ้า ฉันจะบอกอะไรให้นะ ต่อให้ฉันจะรู้ว่าเขาอยู่ไหนฉันก็ไม่มีวันบอกเธอ!

     

     

    “ฉันก็ไม่คิดว่าเธอจะรู้เหมือนกันว่าเขาอยู่ที่ไหน ...ฉันถึงได้มาหาเธอเป็นคนสุดท้ายยังไงล่ะ!

     

     

    “นั่นมันก็เรื่องธรรมดาอยู่แล้วนี่ที่ฉันไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน แต่เธอสิน่าแปลก.... เป็นแฟนเขาแท้ๆ แต่เขาหายไปไหนเธอก็ยังไม่รู้เลย ต้องคอยวิ่งถามคนอื่นเขาให้วุ่น ทั้งๆ ที่มันเป็นของๆ ตัวเองแท้ๆ!! J

     

     

    “ปากดีนี่ สงสัยเธอจะลืมไม่แล้วมั้งว่ารสชาติความเจ็บของส้นร้องเท้าฉันมันเป็นยังไง?!

     

     

    “ฉันกลัวเธอตายล่ะ เข้ามาสิ! J

     

    บริเวณขอบสระว่ายน้ำของโรงแรมระดับห้าดาวที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากมาย ฉันโยนกระเป๋าสะพายทิ้งกระโจนเข้าไปจิกผมของยัยนางแบบปากดีที่อยู่ในชุดว่ายน้ำจนหล่อนเซเกือบล้ม ก่อนที่หล่อนจะตั้งหลักได้และเป็นฝ่ายกระชากผมฉันกลับ! เสียงฮือฮาของชาวต่างชาติเริ่มดังขึ้นโฮ ...คิดว่าฉันกับยัยนี่เป็นนักแสดงกำลังซ้อมบทละครกันอยู่หรือไง?!

     

    เพี๊ยะ!

     

    ฝ่ามือบางตบเข้าเต็มๆ เข้าที่แก้มด้านซ้ายของฉัน แต่ความชากลับแผ่ไปทั่วหน้า ความรู้สึกของฉันยังเหมือนตกใจที่อยู่ๆ ตัวเองก็ดันเป็นฝ่ายที่ถูกตบซะก่อน

     

    “ฉันจะตอบแทนคืนให้อย่างสาสมที่แกเคยทำให้กับฉัน!” ยัยลิลินกระชากผมฉันเข้าไปใกล้ก่อนจะขบฟันพูด

     

    เพี๊ยะ!

    และตามมาด้วยการตบรอบที่สองบนรอยเดิมบนแก้มฉัน! ให้ตายสิ นี่ฉันกำลังเสียเปรียบยัยนี่อยู่ใช่มั้ยเนี่ย??

     

     

    “เสียดายที่ฉันไม่ได้ใส่รองเท้าอยู่ ไม่งั้นแกโดนแน่!

     

     

    “...แต่ฉันใส่นี่!” ฉันพึมพำกับตัวเองราวกับเพิ่งนึกถึงเรื่องรองเท้าได้ นี่ฉันลืมนึกถึงรองเท้าไปได้ยังไงเนี่ย! J ฉันยิ้มร้ายอย่างผู้ชนะก่อนจะขยับเท้าที่สวมรองเท้าเหยียบเข้าที่เท้าเปล่าของยัยนั่นเต็มแรง

     

     

    ตึก!

     

     

    “โอ๊ย!” ยัยลิลินร้องออกมาเสียงดังก่อนที่จะดึงฉันให้ตกลงไปในสระน้ำพร้อมกับเธอในสภาพที่ดูยุ่งเหยิง!

     

    ตูม!

     

    เพราะยังไม่ทันตั้งตัวน้ำในสระจึงไหลลงคอฉันไปหลายอึก พอโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำได้ก็สำลักแทบไม่ทัน มือไม้ปัดป่ายไปทั่วหาที่เกาะเมื่อรู้ว่าเท้าแตะไม่ถึงพื้นสระ

     

    นั่นก็แปลว่าบริเวณนี้ของสระต้องลึกมากยังไงล่ะ!

     

     

    “คิดว่าฉันทำอะไรเธอไม่ได้งั้นสิ นี่ต่างหากที่ฉันจะคิดบัญชีย้อนหลังกับเธอ!

    ฝ่ามือของยัยนั่นพุ่งตรงเข้ามากดหัวฉันให้จมลงใต้น้ำคงกะให้ฉันขาดอากาศหายใจ แน่นอนว่ามันได้ผล แต่ไม่เคยได้ยินเหรอ คนจนตรอกน่ะทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองรอด ฉันปล่อยมือที่พยายามแกะมือของยัยนั่นออก เอื้อมมือออกไปจับไหล่ของเธอแล้วดึงลงมาใต้น้ำ และใช้จังหวะนั้นดันตัวเองให้โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ

     

     

    “แค่กๆ” ฉันสำลักน้ำเสียงดัง มองเห็นภาพรอบเลือนลางไปหมด

    และเพราะไม่ได้ออกแรงกดไหล่ยัยนางมารนั่นเอาไว้มากนัก วินาทีต่อมายัยนั่นจึงโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ ผลักฉันออกแล้วเงื้อฝ่ามือตบหน้าฉันจนหันไปตามแรง ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างจิกหัวฉันแรงจนน้ำตาเล็ด มือทั้งสองข้างของฉันพยายามผลักยัยนั่นออกเต็มแรง

     

     

    “แกน่ะมันโง่ อยากฟังมั้ยล่ะว่าตอนที่เขาอยู่กับฉันเขาพูดถึงเธอยังไง? เชื่อฉันสิ เธอต้องหัวใจวายตายแน่ ถ้าได้ยินเขาบอกว่าเขาไม่ได้รักเธอแล้ว!!

     

     

    “ไม่จริง!

     

     

    “หึ... เขายังบอกฉันอีกด้วยนะว่าเธอน่ะมันน่ารำคาญจะตาย! แล้วยังพูดอีกด้วยนะว่าเขาน่ะรักฉันมาก”

     

    ....ไม่จริงใช่มั้ย?

    จู่ๆ ฉันก็รู้สึกเหมือนโลกทั้งโลกหยุดหมุน ...สมองคิดสั่งการทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง แขนทั้งสองข้างที่ตอนแรงออกแรงผลักยัยนั่นให้ออกห่างล่วงลงในน้ำทันที...

     

     

    เพี๊ยะ

     

     

    ฉันยังรู้สึกได้ถึงแรงตบจากอีกฝ่าย เพียงแต่มันไม่มากเท่ากับแรงบีบที่หัวใจ... จู่ๆ ก็รู้สึกปวดที่ขมับขึ้นมาทั้งสองข้าง ไม่มีแม้แต่กระทั้งแรงทรงตัว ขาทั้งสองข้างที่ทำหน้าที่พยุงตัวในน้ำหยุดชะงักไม่ขยับ

     

     

    ฉันกำลังจมลงใต้น้ำโดยที่ผู้หญิงคนนั้นไม่ต้องออกแรงทำอะไรเลยด้วยซ้ำ ไม่สิ...ฉันรู้สึกได้ถึงแรงกดที่ศีรษะ มันกำลังกดฉันให้จมลงสู่ใต้น้ำ โดยที่ฉันไม่มีแม้แต่กระทั้งแรงที่จะขยับตัวขัดขืน! 

     

     หัวใจข้างในมันเจ็บเหมือนมีก้อนหินขนาดใหญ่ทับอยู่ในนั้น... นายอยู่ที่ไหนนะเจนัว... ได้โปรดบอกกับฉันทีว่าสิ่งที่ฉันได้ยินจากผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ความจริง...

     

     

    ฉันกำลังจะขาดอากาศหายใจ... ฉันกำลังจะตายงั้นเหรอ?  ไม่นะ ฉันยังอยากได้ยินความจริงจากปากเขา ...ยังอยากอยู่กับเขาไปอีกนานแสนนาน

     

     

    ตูม!

     

     

    ฉันได้ยินเสียงน้ำแตกออกเป็นวงกว้าง แต่เปลือกตาทั้งสองข้างของฉันกำลังจะปิดลง... อยู่ๆ อ้อมแขนของใครบางคนก็รั้งร่างของฉันให้ขึ้นมาเหนือน้ำและพยุงขึ้นจากสระ

     

     

    SHIT!!” เขาสบถอย่างหัวเสียก้มมองดูสภาพของตัวเองที่เปียกโชกหลังจากที่วางฉันลงบนพื้นขอบสระได้

     

     

    “แค่กๆ”

     

    ฉันสำลักน้ำก่อนจะใช้เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยพยายามจะลุกขึ้นยืน แต่ก็ทำท่าจะล้มฮวบลงอีก ร่างสูงจึงรีบลุกขึ้นช่วยพยุงฉันก่อนจะก้มลงคว้าสูทที่คงจะถูกเขาถอดออกโยนทิ้งไว้ข้างสระตอนที่กระโดดลงไปช่วยฉันขึ้นมาคลุมไหล่ให้และใช้วงแขนแกร่งอุ้มตัวฉันขึ้น

     

     

    วินาทีนั้น... ฉันเพิ่งรู้ว่าคนที่ช่วยฉันขึ้นจากน้ำคือเรย์ นัยน์ตาสีฟ้าเทาของเขาคือสิ่งหนึ่งที่ผู้หญิงทุกคนมองได้ไม่รู้จักเบื่อ และก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำร้ายผู้หญิงหลายต่อหลายคนมาแล้ว

     

     

    “ฉันจะไปหาเจนัว...” ฉันพูดเสียงแผ่ว เพราะว่าไม่ได้อยู่ใต้น้ำอีกแล้ว ฉันจึงรู้สึกได้ว่าน้ำตาของตัวเองกำลังไหล...

     

     

    “หุบปากแล้วอยู่เฉยๆ ฉันรำคาญ!” สายตาดุๆ ของเรย์เลื่อนลงมามองที่ฉันก่อนที่จะละขึ้นมองทางเดินต่อ ...คิ้วทั้งสองข้างของเรย์ขมวดชนกัน มันเป็นภาพที่ฉันเห็นทุกครั้งเวลาที่เจนัวเองมีเรื่องยุ่งยากและรำคาญใจ ไม่สิ ไม่ใช่แค่สองคนนี้ ทั้งพี่เหมและก็ราฟด้วย

     

    นี่แหละลักษณะที่เห็นได้ชัด... ของคนใจร้อนน่ะ

     

     

    “เดี๋ยวคะ... เดี๋ยว มันเป็นอุบัติเหตุ” ฉันได้ยินเสียงยัยลิลินวิ่งมาหยุดขว้างทางอยู่หน้าเรย์ “ฉันคิดว่า...”

     

     

    “ตาฉันไม่ได้บอดถึงต้องให้ใครมาบอกว่าเกิดอะไรขึ้น  ถอยไป!” เรย์พูดขึ้นขัด เขาปรายตามองผู้หญิงที่ยืนขว้างทางตัวเองอยู่ตั้งแต่หัวจรดเท้า  ...ถึงแม้เสียงนั้นจะเรียบเฉย แต่ทว่าแววตาและสีหน้ากลับแสดงให้เห็นถึงการเหยียดหยามหล่อนไม่ต่างไปจากเศษฝุ่น ได้อย่างชัดเจนแบบไม่ปิดบังเลยสักนิด

     

     

    นี่แหละสิ่งที่เรย์ถนัด ...การฆ่าคนให้ตายทั้งเป็นด้วยสายตาน่ะ

      























    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×