คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : [Short fic] I love you because of your smile.........MARINA
ดีจ๋า~ มาอัพกันอีกแล้วนะค่ะ แต่ว่าเป็นเรื่องสั้น 55555555+
โดยเรื่องนี้เป็นของ...........สึซาคุ กับ มารีน่า ค่ะ
ลองแนะกันหน่อยนะค่ะ เดี๋ยวจะได้อัพฟิคหลักต่อ
==============================================================
ความรัก และ การอกหักที่เป็นเหมือนกับ .....เส้นขนาน.......
คนบางคน.. ได้รักได้รู้จักกับใครสักคน แต่แล้วก็มีอันทำให้คนสองคนเป็นได้แค่เพียงเส้นขนาน ที่ไม่อาจบรรจบลงเอยกันได้ ด้วยเพราะใครสักคนอาจมีพันธะกับคนอีกคนก่อนอยู่แล้ว โดยไม่เคยบอกกล่าว
คนบางคน.. เลือกที่จะเป็นเพียงเส้นขนานกับใครสักคน แม้ต้องแบกรับความรักที่ท่วมท้นในใจอย่างเจ็บปวด เงียบๆเพียงลำพัง แต่ด้วยตระหนักว่า การเป็นเพียงเส้นขนานกันในวันนี้ แม้จะทุกข์เพราะรักมักอยากอยู่ชิดใกล้กับคนที่รัก
คนบางคน.. ยึดมั่นในความรักแต่หากยึดมั่นในความถูกต้องเช่นเดียวกัน บนเส้นขนานที่อาจดูอ้างว้าง เจ็บปวดและว้าเหว่ สับสนและปวดร้าวในใจ แต่บนเส้นขนานที่เดียวดายเส้นนี้
คนบางคน.. เรียนรู้ เข้าใจในความรักมากขึ้นว่า ความรักหากได้มาด้วยการรดน้ำพรวนดินด้วยความผิดหรือการแย่งชิง กิ่งก้านที่แตกดอกออกผล ล้วนแล้วแต่ คือร่องรอยของความเจ็บปวดและความทุกข์
คนบางคน.. ยังคงยืนหยัด กับวันเวลาบนเส้นขนานสายนี้ที่เลือกแล้ว ด้วยเพราะความรักและใครสักคนยังคงอยู่ในใจตลอดเวลา อยู่กับคืนวันที่ผ่านไปและกับความทรงจำครั้งหนึ่งในชีวิต บนเส้นขนานที่เดียวดายเส้นนี้ วันหนึ่ง อาจมีใครสักคนร่วมทาง อาจเป็นใครคนเดิม อาจไม่ใช่หรืออาจไม่มี
คนบางคน.. อกกับตัวเองอย่างมีเกียรติและภาคภูมิใจว่า "เราได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว" เพียงแค่นี้ ความสุขบนเส้นขนานก็ดูจะไม้ร้างลาและเดียวดายอย่างแน่นอน อาจดูเป็นเรื่องง่ายๆที่จะทำ แต่ไม่ง่ายนักกับการลงมือทำ แต่ก็ไม่ยากเกินไปที่จะทำ ขอเพียงไม่ตามใจตัวเองอย่างเพลิดเพลิน
คนบางคน.. ก็รู้ว่าตัวเองทำได้ ในชีวิตของคนเรา เราอาจเคยเป็นทั้งผู้เลือกและผู้ถูกเลือก จะช้าหรือเร็ว จะมากหรือน้อย สักวันเราก็ต้องเลือก หากมีโอกาสได้เลือก จงเลือกให้รอบคอบและถูกต้องที่สุด อาจไม่ดีที่สุดสำหรับทุกคน แต่อย่างน้อยเราก็ได้เลือกอย่างถูกต้องที่สุดแล้ว
===========================================================
สึซาคุคบกับมารีน่าในฐานะ คนรัก แต่พอเข้ารู้ความจริงว่า ทั้งลูลูซกับมารีน่าสบคบคิดกัน เพื่อทำลายบริททาเนียพร้อมกับได้ฆ่ายูเฟเมีย สึซาคุจึงนำตัวทั้ง2คนไปให้องค์จักรพรรดิ จักรพรรดิได้เปลี่ยนความทรงจำของทั้งคู่ โดยที่ให้ลูลูซลืมเรื่องของนานาลีกับมารีน่า เรื่องที่เขาเป็นเซโร่ แล้วก็เรื่องที่เขาเป็นองค์ชาย ส่วนมารีน่าถูกทำให้ลืมเรื่องของลูลูซทุกอย่างทั้งหมด แล้วสร้างความทรงจำใหม่ว่า เธอเป็นองค์หญิงที่สูญเสียความทรงจำไปทั้งหมด แต่ก่อนจะถูกเปลี่ยนความทรงจำเธอขอให้ตัวเองลืมเรื่องของสึซาคุไปด้วยเช่นกัน............................
................รอยยิ้มของเธอ......ที่ผมเคยเห็น............
...............ความอบอุ่นของเธอ...........ที่ผมเคยสัมผัสได้
..........มิตรภาพและความรัก..............ที่เธอเคยให้ผม
........แต่ผม.....กลับเป็นคน....ทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง...ที่เธอมีให้ผม...
ปี 2010 ก่อนเกิดสงครามระหว่างญี่ปุ่นกับบริททาเนีย
“สึซาคุ เป็นอะไรรึเปล่าหรือทะเลาะกับท่านพี่อีกแล้วล่ะ” เด็กหญิงผมสีดำยาว ดวงตาสีม่วงอะเมทิสต์คู่สวยเอ่ยถามเด็กชายที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่ใต้ต้นไม้ เธอเป็นองค์หญิงที่ถูกบริททาเนียทอดทิ้งพร้อมกับพี่ชายฝาแฝดกับน้องสาวคนเล็กที่สูญเสียดวงตากับขาไป
“เปล่านิ ฉันไม่ได้ทะเลาะกับลูลูซสักหน่อยนิ” เด็กชายผมสีน้ำตาลหยักศก ดวงตาสีเขียวเข้ม เบื้องหน้าหนีคนถามด้วยความขัดเขิน
“อิ อิ ไม่เห็นเป็นไรเลยนิ ไปขอโทษท่านพี่พร้อมกับฉันก็ได้นะ” เด็กหญิงยื่นมือเล็กๆออกไปแล้วยิ้มบางๆให้กับเด็กชาย
“ก็ได้.......ถ้าเป็นมารีน่าฉันจะยอมเชื่อล่ะกัน....” เด็กชายยื่นมือไปจับมือของเด็กหญิงอย่างอายๆ เขาแทบไม่หันไปมองร่างเล็กที่อยู่ตรงหน้าเขาเพื่อปกปิดสีหน้าที่แดงก่ำของเขา
หลังจากนั้นสงครามก็เริ่มขึ้น ทั้งลูลูซ สึซาคุ มารีน่า นานาลี ก็ต่างแยกย้ายกันไปและไม่ได้รับข่าวสารถึงกันอีกเลย จนเวลาผ่านไป7ปี พวกเขาก็กลับมาเจอกันอีกครั้ง โดยที่ลูลูซกับมารีน่าร่วมมือกันหมายจะโคนล้มบริททาเนีย ส่วนสึซาคุก็เข้ามาเป็นทหารของกองทัพและได้เข้ามาเรียนในโรงเรียนแอชฟอร์ดตามคำสั่งของยูเฟเมีย
“พี่ค่ะ เห็นไวโอลินของหนูมั้ยค่ะ” มารีน่าเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นโดยที่ไม่รู้ว่า สึซาคุอยู่ในห้องด้วย
“มารีน่าดูสิว่า พี่พาใครมาน่ะ” สึซาคุลุกขึ้นแล้วยิ้มให้กับมารีน่า เธอเริ่มหน้าแดงจนต้องหลบหน้าของอีกฝ่ายทันที
“สวยขึ้นมากเลยนะ มารีน่า เป็นยังไงบ้างล่ะ”
“ก็สบายดี โชคดีแล้วล่ะที่นายปลอดภัยดี สึซาคุ ว่าแต่พี่เห็นไวโอลินของหนูมั้ย” มารีน่าตอบก่อนจะรีบเปลี่ยนข้อสนทนาทันที
“ไม่ได้วางอยู่ที่ห้องนอนของเธอรึไงกัน” ผู้เป็นพี่ชายถามอย่างแปลกใจเพราะ เธอไม่น่าจะลืมของสำคัญแบบนี้ง่ายๆ
“ถ้าเป็นไวโอลินผมเจออยู่ที่พุ่มไม้ตอนเข้ามา มีอะไรรึเปล่า” สึซาคุหยิบกล่องไวโอลินที่มีรอยขีดข่วนเล็กน้อย
“ก็นิดหน่อย เพราะ มารีน่าเป็นนักเล่นไวโอลินของโรงเรียนนี่นา”
“ยอดเลยนะ มารีน่า”
“เงียบเถอะ หนูขอตัวก่อนนะค่ะพี่” มารีน่ารีบเดินออกจากห้องจนทำให้สึซาคุรู้สึกผิดยังไงไม่รู้
“ผมทำอะไรให้เธอโกรธรึเปล่า”
“ไม่ใช่หรอก เธอแค่รู้สึกอายนิดหน่อยนะ เห็นอย่างนั้นแต่ว่ามารีน่าน่ะเขาเป็นห่วงนายมากกว่าใครเลยนะ คราวก่อนยังเห็นร้องไห้อยู่เลยพอรู้ว่า นายถูกปล่อยตัว....”
“งั้นเหรอ ผมขอตัวกลับก่อนดีกว่า” สึซาคุเดินออกไปจากคลับเฮาส์ก็เห็นว่า มารีน่ากำลังยืนคอยอยู่
“สึซาคุ จะกลับแล้วงั้นเหรอ”
“อือ ผมดีใจนะที่ได้มาพบกับเธออีกครั้ง”
“จะกลับไปที่กองทัพอีกใช่มั้ย สึซาคุ” สีหน้าของเธอดูเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่อะไรรึเปล่า มารีน่าสีหน้าเธอดูไม่ดีเลย”
“ฉันไม่อยากให้นายต้องเจ็บตัวนิน่า ฉันรู้สึกเป็นห่วงนายมากเลยรู้มั้ยล่ะ” น้ำตาของมารีน่าเริ่มไหลออกมาเธอเข้าไปกอดสึซาคุ ทำให้คนถูกกอดถึงกับอึ่งไปชั่วขณะ
“ไม่ต้องกลัวนะ ผมสัญญาว่า จะไม่ทำอะไรเกินตัวแล้วก็จะไม่ยอมให้ตัวเองต้องบาดเจ็บอีกด้วย พออย่างนั้นอย่าร้องไห้เลยนะ” สึซาคุเอานิ้วปาดน้ำตาบนหน้าของมารีน่าอย่างอ่อนโยน
“อย่าผิดคำสัญญานะ สึซาคุ ไม่งั้นฉันจะโกรธนายจริงๆด้วย”
“อืม ผมสัญญา”
หลังจากนั้นทุกอย่างก็ยิ่งแย่ลงไป เกิดการปฏิวัติของพวกภาคีโดยมีเซโร่เป็นผู้นำ สึซาคุได้รับเลือกเป็นองครักษ์ของยูเซเมีย เซโร่ไปตายยูเฟเมียในเวลาต่อมาและสึซาคุสามารถจับตัวเซโร่ได้แต่หัวใจของเขาก็ต้องแตกสลายเมื่อรู้ว่า ลูลูซกับมารีน่าเป็นคนอยู่เบื้องหลังทั้งหมด เขาจึงนำให้กับองค์จักรพรรดิบริททาเนีย
ลูลูซถูกทำให้ลืมเรื่องของน้องสาวทั้ง2คน เรื่องของเซโร่และเรื่องที่เขาเป็นองค์ชาย ส่วนมารีน่านั้น............
“ท่านพี่ค่ะ...............” มารีน่าที่อยู่ในชุดนักโทษเช่นเดียวกับลูลูซมองผู้เป็นพี่ชายที่กำลังทุกข์ทรมานกับการต่อต้านพลังกีอัสขององค์จักรพรรดิ สายตาของเธอเหล่ไปที่ผู้ชายที่เธอทั้งรักและไว้ใจมากที่สุดอย่างเคียดแค้น ชิงชัง กับสิ่งที่เขาทำกับเธอและพี่ชาย
“ต่อไปก็ตาเจ้าแล้ว มารีน่า วี บริททาเนีย องค์หญิงลำดับที่ 3 ลูกสาวที่แสนโง่เขลาพอๆกับพี่ชายของแก”
“แกคิดจะใช้กีอัสทำให้ฉันลืมท่านพี่ไปเหมือนกันรึไง!!” มารีน่าพยายามเงยหน้าขึ้นมาแต่ก็ถูกกดลงไปอย่างแรงด้วยมือของสึซาคุ
“ยังจะปากดีอีกรึไง มารีน่า” สึซาคุมองมารีน่าด้วยสายตาที่นิ่งเฉย
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!!! สึซาคุ!!!!” เธอตวาดพร้อมกับพยายามเงยหน้าขึ้นอีกครั้งแต่ไม่สำเร็จ เพราะ แรงของสึซาคุมีมากกว่าหลายเท่า ฝ่ายที่ถูกตวาดกลับนิ่งเฉยมองร่างบางอย่างชิงชัง และโกรธแค้น พอๆกับสหายของคนเดียวของเขา
“ไนท์ ออฟ ราวน์ คุรุรุกิ จงช่วยจับหน้าของมารีน่าไว้ซะ”
“Yes Your Majesty” สึซาคุกระชากและดึงผมสีดำยาวของมารีน่าขึ้นมาอย่างแรง สร้างความเจ็บและความโกรธแค้นให้กับมารีน่าเป็นอย่างมาก
“เจ้าพวกลูกงี่เง่าที่คิดจะมาต่อต้านข้า แต่ว่าเจ้าเองก็พอมีประโยชน์อยู่บ้างในฐานะองค์หญิง”
“นี้แก!!!!!”
“ขอเปลี่ยนความทรงจำใหม่ทั้งหมดเรื่องของลูลูซ เรื่องเกี่ยวกับเซโร่ทั้งหมดจงลืมมันไปซะทั้งหมด”
“งั้นแกก็ช่วยทำให้ฉันลืมเรื่อง คุรุรุกิ สึซาคุ ไปด้วยซะสิ!!!” ถึงแม้ว่า ที่เธอพูดออกมาจะเป็นคำพูดเล่นๆในสายตาคนอื่นแต่สายตาของเธอนั้นกลับปรารถนาให้เป็นเช่นนั้น
“ถ้าแกพูดมาแบบนี้ก็ได้ จงลืมเรื่องของคุรุรุกิ สึซาคุซะ ต่อไปนี้เจ้าจงอยู่ในฐานะองค์หญิงที่เสียความทรงจำทั้งหมดไปเท่านั้น ชาร์ล ซี บริททาเนียขอสั่ง!!!”
หลังจากเหตุการณ์นั้น
“สึซาคุ~” จีโน่วิ่งเข้ามากอดคอสึซาคุจากด้านหลัง
“จีโน่ช่วยเข้ามาทักแบบปกติไม่ได้เหรอ ตัวนายมันหนักนะ”
“อะไรกัน คนเค้าอุตส่าห์จะเอาข่าวดีมาบอกแท้ๆ”
“ข่าวดีอะไรเหรอ ถึงได้ดีใจขนาดนั้น”
“ฉันกำลังจะหมั้นน่ะ” สึซาคุอึ่งไปซักพักแต่สีหน้าของคนพูดที่กลับดูร่าเริงผิดปกติ
“เอ๋!! กับใครกัน”
“นั้นสิ ผู้หญิงผู้โชคร้ายคนนั้นเป็นใครกันน่ะ” อาเนียพูดในสีหน้านิ่งเฉย
“พูดแรงไปแล้วนะ อาเนีย แล้วก็ผู้หญิงที่ฉันจะหมั้นด้วยเป็นถึงเชื้อพระวงศ์เชียวน่า แถมยังสวยมากๆเลยด้วยนะ มารยาทก็เรียบร้อย ดูมีสง่าราศีมากๆเลยล่ะ”
“เชื้อพระวงศ์เลยเหรอ แล้วเป็นองค์หญิงคนไหนกันล่ะ”
“เป็นคนที่นายรู้สึกดีที่สุดเลยล่ะนะ” สึซาคุลองยืนนึกอยู่สักพักในบรรดาองค์หญิงที่เขารู้จักก็มี นานาลีแต่ว่าเธอยังเด็กเกินไปที่จะหมั้น ยูเฟเมียก็เสียชีวิตไปแล้ว ที่เหลืออยู่ตอนนี้ก็มีแค่.................
“ท่านมารีน่า มีธุระรึเปล่า” สึซาคุมองร่างบางที่เดินเข้ามาหาพวกเขา รอยยิ้มบางๆที่เหมือนกับฝืนยิ้มแบบนั้นเขารู้สึกไม่ชอบเลยสักนิด แต่ว่าเธอก็ลืมเรื่องของเขาไปหมดแล้วแถมเขาตอนนี้ก็เป็นไนท์ ออฟ เซเว่นและเป็นองครักษ์ให้กับองค์หญิงที่เขาได้ช่วยไว้ที่แอเรีย 11
“ไม่มีอะไรค่ะ ก็แค่..........” เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับพวกจีโน่ รอยยิ้มที่สึซาคุเคยหลงใหล เคยคิดที่อยากจะเก็บไว้คนเดียว เคยได้สัมผัสกับความอบอุ่นนั้นกับอดีตคนรักของเขา
“มารีน่า มาแล้วเหรอผมกำลังรออยู่เชียว” จีโน่เดินเข้าไปคุยแล้วทำท่าจะเข้าไปหอมแก้มมารีน่า
“ขอโทษนะค่ะ ฉันมัวแต่อ่านหนังสือเพลินไปหน่อย” มารีน่าหันหน้าหนีจีโน่ด้วยความเขินอายโดยที่มือเล็กๆของเธอพยายามผลักจีโน่เบาๆ
“อ๊ะ!! จริงด้วยสิเกือบลืมไปเลย สึซาคุที่จริงแล้วคนที่ฉันจะหมั้นด้วยก็คือ มารีน่านี่แหละ” สึซาคุยืนอึ่งไป เขารู้ดีว่า เรื่องระหว่างเขากับเธอนั้นจบกันไปตั้งนานแล้ว แต่ว่า ถึงยังไงมารีน่าก็เป็นรักแรกของเขา เป็นผู้หญิงที่เขารักพอๆกับยูฟี่
“คุณคุรุรุกิ ฉันยังไม่ได้ขอบคุณ เรื่องที่คุณช่วยฉันไว้ที่แอเรีย 11 เมื่อ 3 เดือนก่อน”
“ไม่เป็นไรครับ ท่านมารีน่า”
“งั้นฉันขอตัวก่อนนะ จะไปเดินเล่นกับมารีน่า2คนน่ะ” จีโน่เดินจากไปพร้อมกับโอบไหล่มารีน่าไว้ สึซาคุมองภาพของทั้ง2คนที่พูดคุยกันอย่างสนิทสนม ทำให้เขานึกถึงวันที่เขายังคบกับมารีน่า ถึงบางครั้งจะทะเลาะกันบ้าง โกรธกันบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นก็แคร์ความรู้สึกของอีกฝ่ายมากกว่าตัวเอง
“คุณคุรุรุกิ คุณคิดว่า ฉันถูกรึเปล่าที่จู่ๆก็มาหมั้นแบบนี้” มารีน่าเอ่ยถามในขณะที่เธอกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนตำหนักแอเรียสกับสึซาคุเพียง2คนตามลำพัง
“เรื่องแบบนี้ผมไม่อาจจะตอบให้องค์หญิงได้ ขออภัยด้วยครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณคุรุรุกิ ฉันมันก็แค่องค์หญิงที่ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับตัวเองเลยสักนิด แล้วก็............ฉันรู้สึกว่าเหมือนฉันเคยรู้จักกับคุณมาก่อนแต่ฉันกลับจำอะไรไม่ได้เลย
แม้แต่นานาลีน้องสาวของฉัน” สึซาคุรู้สึกปวดใจที่ต้องทนเห็นอดีตคนรักต้องมาเป็นแบบนี้ ใจเขาอยากจะเข้าไปกอดเพื่อปลอบโยนอย่างที่แล้วๆมา แต่ว่า....เขากับเธอในตอนนี้เขาไม่อาจจะเอือมแม้กระทั่งจับมือรึพูดตามปกติก็ยังไม่ได้
“องค์หญิงอย่าเศร้าไปเลยครับ ผมเชื่อว่า สักวันหนึ่งองค์หญิงจะต้องจำเรื่องราวทั้งหมดได้แน่ครับ”
“ขอบคุณค่ะ คุณคุรุรุกิ” สึซาคุยิ้มบางๆแต่ว่า รอยยิ้มนั้นมันเป็นรอยยิ้มที่เขาฝืนยิ้มออกมา เพราะ ขนาดชื่อของอีกฝ่ายก็ยังไม่สามารถเอ่ยเรียกได้เหมือนเดิม
“ไม่เป็นไรครับ องค์หญิง อ๊ะ!! องค์หญิงทรงรวบผมข้างตั้งแต่เมื่อไรกันครับ ผมไม่ทันสังเกต” สึซาคุนึกถึงนิสัยที่ชอบรวบผมข้างของมารีนาก่อนที่จะถูกเปลี่ยนความทรงจำ
“ก่อนจะออกมาจากตำหนักน่ะ มีอะไรรึเปล่ารึว่า มันแปลกที่ฉันรวบผมแบบนี้”
“ปะ เปล่าครับ แต่ว่า พอองค์หญิงทรงรวบผมแบบนี้ก็ทรงดูสวยไปอีกแบบนะครับ” มารีน่ายิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“อย่างนั้นเหรอค่ะ ว่าแต่ คุณคุรุรุกิ คุณเคยมีคนที่คุณรักมากรึเปล่าค่ะ”
“ทำไม องค์หญิงถึงได้...........”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่า พอฉันได้มาอยู่ใกล้ๆคุณแบบนี้มันก็รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกับครั้งแรกที่ฉันพบกับคุณจีโน่ ก็เลยคิดว่า คุณอาจจะเป็นคนสำคัญคนหนึ่งสำหรับฉันก็ได้........................”
“ผมเอง....ก็เคยมีคนที่รักมากอยู่ทั้ง 2 คน”
“2 คนเชียวเหรอค่ะ คุณคุรุรุกิเองก็เจ้าชู้เหมือนกันนะค่ะ ฮ่า ฮ่า”
“ครับ แต่ว่าผมก็ได้สูญเสียทั้ง2คนไปแล้ว คนแรกเธอเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนและไร้เดียงสา แล้วก็มีรอยยิ้มที่สดใสมากเลยทีเดียว” คนที่สึซาคุกล่าวถึงไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก องค์หญิงที่ล่วงลับไปแล้ว ยูเฟเมีย
“แล้วอีกคนล่ะค่ะ คุณก็รักเธอเหมือนกันใช่มั้ยค่ะ”
“ครับ รักมากพอๆกับคนแรกทีเดียว เธอเป็นผู้หญิงที่ทำร้ายใจของผมอย่างมาก ถึงผมจะชิงชังและเกลียดแค้นเธอมากขนาดไหน แต่เห็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนของเธอทำให้ผมไม่สามารถเกลียดเธอลง” ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ใครอีกนอกจาก องค์หญิงที่กำลังยืนตรงหน้าเขา มารีน่า องค์หญิงที่ลืมเรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวกับเขาไป
“อย่างงั้นเหรอค่ะ เรื่องแบบนี้มันดูเศร้าจังเลยนะค่ะ คุณคุรุรุกิ”
“ครับ มันก็ดูเศร้าอย่างที่ท่านพูดจริง.......”
“แต่ฉันคิดว่านะค่ะ ทั้ง2คนนั้นยังมีชีวิตอยู่ค่ะ”
“เอ๋!! องค์หญิงมารีน่า.......”
“พวกเขายังอยู่ในใจของคุณคุรุรุกิไม่ได้หายไปไหน ถึงแม้ว่าร่างกายของพวกเขาจะหายไปแล้วแต่ความรู้สึกของพวกเขาก็ยังอยู่ในใจของคุณไม่มีวันที่จะจางหายไปเด็ดขาดเลยค่ะ”
“นั้นสินะครับ”
“กลับไปที่ตำหนักกันเถอะ ฉันอยากจะไปซ้อมไวโอลินซะหน่อย”
“องค์หญิงทรงดูจะชอบการเล่นไวโอลินจังเลยนะครับ เพลงที่องค์หญิงทรงเล่นคราวที่แล้วไพเราะมากๆเลยนะครับ”
“ไม่รู้สินะ แต่ว่าจู่ๆทำนองเพลงนั้นก็เข้ามาในหัวเองเหมือนกับว่า ฉันต้องการจะเล่นเพลงนั้นให้ใครสักคนฟัง” สึซาคหยุดนิ่งไปโดยที่ทิ้งให้มารีน่าเดินนำหน้าเขาไปก่อน แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่เคยคาดคิดก็เกิดขึ้น
ว้าย!!!!!
“องค์หญิงมารีน่า!!!”
“อย่าทำมานะโว้ย!!! ถ้าไม่อยากให้องค์หญิงของแกตาย!!!!!” ทหารคนหนึ่งจู่ๆก็เข้ามาจับตัวมารีน่าไว้
“ปล่อยตัวองค์หญิงนะ!!!”
“หุบปากไปเลยเจ้าคนทรยศ!!! เจ้าคนที่ทำให้คนญี่ปุ่นอย่างพวกเราต้องเสื่อมเสีย!!!!” ทหารคนนั้นเอาปืนจ่อที่ศีรษะของมารีน่า คนที่ถูกจับเป็นตัวประกันส่งสายตาอ้อนวอนไปให้เหมือนอยากบอกไม่ให้สึซาคุเข้ามา แต่ว่า......
“สึซาคุ!!!!” พวกจีโน่วิ่งมาทางนี้พร้อมกับทหารจำนวนหนึ่ง
“อย่าเข้ามานะ!! เจ้าพวกบริททาเนีย!!!” ทหารคนนั้นถือปากกระบอกปืนไปทางพวกจีโน่ สึซาคุใช้โอกาสนั้นวิ่งเข้าไปชิงตัวมารีน่า แล้วใช้ดาบที่เหน็บอยู่ที่เอวของเขาแทงไปที่ท้องของทหารคนนั้นอย่างจัง ทำให้เลือดบางส่วนกระเด็นโดนตัวและหน้าของเขา
“องค์หญิงมารีน่า ไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ.....” สึซาคุยื่นมือไปทางมารีน่าแต่ว่า ร่างบางเกิดตัวสั่น สีหน้าของเธอดูหวาดกลัวสึซาคุมาก
“ยะ อย่าเข้ามา.........” มารีน่าถอยหลังออกห่างจากสึซาคุเล็กน้อย เธอยกมือทั้ง2ข้างมาไว้ที่อกเหมือนกับจะป้องกันไม่ให้สึซาคุเข้ามาใกล้ สึซาคุรู้สึกแปลกใจแล้วก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างบนมือทั้ง2ข้าง มือของเขาถูกย้อมด้วยของเหลวสีแดงจากตัวของทหารคนนั้น
“ผมขออภัยด้วย ผมลืมไปว่า องค์หญิงทรงกลัวเลือด” สึซาคุก้มหัวลงเล็กน้อยเพื่อเป็นการขอโทษ
“มารีน่า!! ไม่เป็นไรใช่มั้ย” จีโน่วิ่งเข้ามากอดว่าที่คู่หมั้นของตนก่อนจะสำรวจดูรอบตัวเธอ
“ค่ะ จีโน่”
“ไม่กลัวใช่มั้ย มารีน่า”
“ก็นิดหน่อยค่ะ โชคดีที่คุณคุรุรุกิเข้ามาช่วยไว้” มารีน่าเหล่มองสึซาคุแต่สายตาของเธอยังคงกลัวสึซาคุอยู่ สึซาคุเห็นอย่างนั้นก็รู้สึกว่า มือของเขาทั้ง2ข้างตอนนี้คงจะไม่อาจปกป้องมารีน่าได้เหมือนแต่ก่อนอีกต่อไปแล้ว
“ในเมื่อองค์หญิงมารีน่าทรงปลอดภัยดีแล้ว ผมก็ขอตัวกลับก่อน” สึซาคุเดินเข้าไปในตำหนัก ในหัวของเขานึกถึงเหตุการณ์ก่อนวันที่เขาจะส่งตัวมารีน่าและลูลูซไปให้องค์จักรพรรดิ
Music Playlist at MixPod.com
ต่อจากนี้คือ สิ่งที่เธอต้องเลือกว่า จะรักคนที่เธอเคยเกลียดชัง หรือ จะคนที่เขารักเธอและห่วงใยเธอมาตลอด
“อะ อือ~” ร่างบางสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาหลังที่ยาสลบหมดฤทธิ์ก็พบว่า ตัวเองกำลังนอนอยู่บนพื้นไม้แข็งที่ไม่เหมาะจะเป็นที่นอนสักนิด ร่างบางพยายามจะลุกขึ้นมาแต่ว่าเป็นเพราะ เชือกที่มัดมือกับเท้าของเธอทำให้ไม่สามารถไปไหนได้
แอ็ด~
ร่างบางเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่เข้ามา เขามองหน้าเธอด้วยสายตาที่นิ่งเฉยก่อนจะเดินไปนั่งบนเตียงแต่สายตาของเขายังจ้องมาที่ร่างบางอยู่
“ตื่นแล้วเหรอ” น้ำเสียงที่เย็นชาจนคนที่ถูกถามรู้สึกหงุดหงิด
“ถ้าฉันยังไม่ตื่น คงจะไม่มาตอบคำถามงี่เง่าของนายหรอกนะ สึซาคุ” สิ้นเสียงของร่างบาง มือหนาของผู้ที่อยู่สูงกว่าเงยคางของร่างบางขึ้นมาสายตาที่จ้องเธออย่างไม่มีความรู้สึกใดๆกลับเป็นเปลี่ยนสายตาของความเกลียดชัง มือหนาบีบคางของเธออย่างแรง
“ทั้งที่รู้ว่า ตอนนี้เธออยู่ในสถานะไหน ยังจะทำมาเป็นปากดีต่อหน้าผมรึไงกัน” น้ำเสียงที่ดูเรียบเฉยต่างจากสายตาที่จ้องมองเธออย่างชิงชัง ขยะแขยง
“หุบปากซะ สึซาคุ คนอย่างนายไม่มีสิทธิ์มาพูดแบบนี้กับฉัน”
“หึ!! งั้นก็ขอให้เธอดีแต่ปากแบบนี้ต่อไปเถอะ เพราะ อีก 3 ชั่วโมงเธอก็จะถูกส่งตัวไปที่บริททาเนียเหมือนกับพี่ชายของเธอที่ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว” มือหนาหยุดบีบคางของเธอก่อนจะกลับมานั่งตามเดิม
“นี้แก!! ส่งตัวท่านพี่ให้กับบริททาเนียเหรอ!!!”
“แล้วมันจะทำไมกัน ทั้งลูลูซและตัวเธอต่างก็ช่วยกันฆ่าคนอื่นๆได้อย่างไม่ใยดีทำอย่างกับว่า พวกเขาเป็นผักปลามาแล้ว จะต้องไปหวาดกลัวอะไรอีกล่ะ”
“กะ แก!!!! สึซาคุ!!!!!”
“ทำไมกัน ผมพูดอะไรผิดไปล่ะ เพราะ พวกเธอไม่เคยเห็นค่าในตัวของคนอื่นนอกจากนานาลี เข่นฆ่าพวกเขาทิ้งพอไร้ประโยชน์ หลอกใช้ให้เป็นเพียงตัวหมากตัวหนึ่งในแผนของพวกเธอเท่านั้น”
“ถูกต้อง เพราะ ฉันกับพี่ทำไปก็เพื่อนานาลีคนเดียวเท่านั้น”
“เพื่อนานาลีคนเดียวงั้นเหรอ” สึซาคุเข้าไปดึงผมของมารีน่าจนใบหน้าของเธอหงายเงยขึ้นมาตามแรงมือของสึซาคุ ใบหน้าคมเข้าไปแนบชิดใบหูก่อนจะเอ่ยถ้อยคำที่เค้นเสียงออกมาจากลำคออย่างรุนแรง
“เธอมีเพียงนานาลีคนเดียวที่สำคัญ แล้วคนอื่นที่พวกเธอฆ่าไปล่ะ พวกเธอมีสิทธิ์อะไรไปพรากชีวิตยูฟี่.....มีสิทธิ์อะไรไปพรากพ่อของเชอร์ลี่........มีสิทธิ์อะไรที่ต้องไปพรากชีวิตของคนอื่นเขา!!!” ดวงตาของมารีน่าเบิกกว้าง ริมฝีปากของเธอสั่นระริกด้วยความกลัวโดยไม่รู้ตัว
พอสิ้นประโยคสุดท้าย สึซาคุกระชากตัวของมารีน่าขึ้นเหวี่ยงตัวของเธอลงบนเตียงอย่างแรง มารีน่ามองดวงตาสีเขียวเข้มนั้นด้วยหางตาอย่างโกรธแค้น แต่พอสึซาคุจะเดินเข้าไปเสียงมือถือของสึซาคุก็ดัง
“นอนอยู่บนนั้นไปก่อน อย่าคิดจะเล่นตุกติกอะไรกับผมเด็ดขาด” สิ้นเสียงสั่งสึซาคุก็เดินออกไปรับมือถือข้างนอกทันที มารีน่าใช้โอกาสนี้เขยิบตัวของเธอไปตรงมุมตู้ไม้ที่อยู่ใกล้แล้วถูเชือกที่ข้อมืออย่างระมัดระวังพอกับค่อยมองไปทางประตูสลับกัน ไม่นานนักเชือกที่ข้อมือก็ขาด เธอรีบแก้มัดเชือกที่เท้า
แต่ก่อนที่เธอจะได้ลุกหนีไป หน้าของเธอก็ถูกกระแทกลงบนเตียงอย่างแรง แขนทั้ง2ข้างถูกพลิกกดไว้ข้างหลังสร้างความเจ็บให้ไม่น้อยทีเดียว
“นั้นเธอคิดจะทำอะไรกัน มารีน่า” คำถามที่ดูไม่ได้เจ็บอะไร แต่ทำให้มารีน่าถึงกับกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บใจ ที่สึซาคุดันเข้ามาก่อนหรือเป็นเพราะ เธอมัวแต่ชักช้ากันแน่
“ผมถามเธออยู่” สึซาคุกดหัวและแขนของมารีน่าแน่นขึ้นกว่าเดิม
“ปล่อยฉัน ฉันจะไปหาท่านพี่” สึซาคุเลิกกดหัวมารีน่าแล้วพลิกตัวมารีน่า เธอไม่ยอมแม้แต่จะสบตาของสึซาคุ
“ทำไมกัน ทั้งที่เป็นแบบนี้แล้วยังคิดจะช่วยลูลูซอีกรึไง”
“ขอแค่ช่วยท่านพี่ได้ ทุกอย่างก็จะกลับมาเหมือนเดิม” เพียงคำพูดนั้นก็เหมือนจุดชนวนความโกรธของสึซาคุ
“ไอ้คำพูดที่เห็นแก่ตัวแบบนี้นั้น หยุดพูดดีกว่า!! ไม่งั้นผมจะทำให้พูดไม่ได้แน่”
“ถ้างั้นก็ฆ่าฉันซะสิ” คำพูดสั้นๆแต่สามารถเข้าใจง่าย มาพร้อมกับรอยยิ้มที่ท้าทายของเธอ สึซาคุขยับตัวมารีน่าแล้วดันตัวเธอให้นอนราบกับเตียง ก่อนจะรวบมือทั้ง2ข้างของมารีน่าไว้เหนือหัว
“ผมจะทำให้เธอรู้ว่า มันมีสิ่งที่เหมาะกับเธอมากกว่าความตายซะอีก” สิ้นสุดคำพูดนั้นสึซาคุยื่นหน้าของเขามาซุกที่ซอกคอของมารีน่า ในหัวของเธอเริ่มมีแต่ความว่างเปล่ากับความตกใจและกลัวผสมปนเปกันไป
“ยะ อย่านะ!!” มารีน่าพยายามดิ้นใต้ร่างหนักๆของสึซาคุพร้อมพยายามร้องห้ามด้วยเสียงที่เริ่มสั่น แต่มันก็ไม่ได้ผลในเมื่อมือของสึซาคุได้กระชากเสื้อของเธอจนไม่เหลือชิ้นดี ถึงแม้ว่าพวกเขา2คนจะอยู่ในฐานะ คนรัก แต่ว่าการกระทำแบบนี้ของสึซาคุมันไม่ใช่สิ่งเธอต้องการสักนิด ไม่ใช่กระทำที่ไม่ได้มีความรู้สึกที่เรียกว่า ความรักแม้แต่น้อยแต่ว่าเป็นความโกรธที่เขามีต่อเธอเท่านั้น..............................
เพียะ!!!
มือข้างหนึ่งที่ดิ้นหลุดจากพันธนาการของมือหนา ฟาดใส่หน้าของสึซาคุอย่างแรงเธอมองสึซาคุด้วยความโกรธแค้นอย่างที่ไม่มีวันให้อภัยได้ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลมาจากดวงตาสีอะเมทิตส์คู่สวยที่สึซาคุเคยหลงใหล
สึซาคุหยุดชะงักไป และกำลังคิดทบทวนในสิ่งที่เขากำลังทำอยู่และมารีน่าให้จังหวะนั้นเองผลักสึซาคุออกจากตัวเธออย่างเต็มกำลังโดยที่หยิบผ้าห่มผืนเล็กมาเพื่อปกปิดส่วนที่เปลือยเปล่าของเธอแล้วรีบวิ่งไปประตูแต่มือหนาของสึซาคุกระชากแขนเธอไว้ซะก่อน
เขาดันตัวเธอติดกับกำแพงอย่างแรง ริมฝีปากของสึซาคุเข้าไปเข้าไปบดขยี้ริมฝีปากของมารีน่า เธอพยายามทั้งดิ้น จิก ทุบ และตีสึซาคุแต่ก็ไม่มีอะไรสามารถขึ้นกระทำของเขาไว้ได้ จนกระทั่ง.......... สึซาคุถอนจูบออกมาทันทีพร้อมเลือดสีแดงที่ไหลออกมาที่ริมฝีปาก
“นะ นายไม่ได้รักเธอใช่มั้ย สึซาคุ” มารีน่าพยายามเค้นเสียงที่หอบหายใจหนักๆของเธอ
“นาย........รักยูฟี่ไม่ใช่รึไงกัน แล้วมาทำแบบนี้ทำไม” สึซาคุมองสีหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของมารีน่าด้วยสายตาที่เย็นชา
“เธอรู้รึเปล่ามารีน่า ผมน่ะรักยูฟี่ไปพร้อมๆกับการมีอะไรกับเธอที่เป็นอดีตคนรักของผมได้” ไม่มีเสียงตอบอะไรจากมารีน่า นอกจากเสียงสะอื้นอย่างหนักเธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนโง่คนหนึ่ง ที่ผู้ชายหลอกใช้มันไม่เหลืออะไรอีกแล้วกับความรักที่เคยมีให้กับสึซาคุ
“ถ้านายไม่ได้รักฉันตั้งแต่แรก...............แล้วนายยอมมาคบกับฉันทำไมกัน สึซาคุ” มารีน่าถามในน้ำเสียงที่คนฟังรู้ว่า เธอกำลังทรมานขนาดไหน
“เมื่อก่อนผมอาจจะรักเธอ แต่พอเธอทำแบบนี้ผมก็ไม่เหลือเยื่อใยที่จะรักเธออีกต่อไปแล้ว มารีน่า”
“งั้นเหรอ นายอยากจะทำอะไรฉันก็เชิญ ในเมื่อตอนนี้ฉันมันไม่มีค่าอะไรสำหรับนายแล้วนิ” มารีน่าก้มหัวลงเล็กน้อยแล้วมองสึซาคุด้วยสีหน้านิ่งเฉยเหมือนกับบอกว่า อยากจะทำอะไรก็ทำ สึซาคุที่เห็นดังนั้นทั้งที่เขาสามารถทำอะไรได้ต่อ แต่ว่า แค่เห็นสีหน้าที่นิ่งเฉยแบบนั้นเขาก็รู้สึกปวดใจทันที สึซาคุหยุดกระทำทุกอย่างแล้วเดินไปหยิบเสื้อในตู้เสื้อผ้าของเขามาให้มารีน่า
“ใส่ซะ ห้องน้ำอยู่ข้างๆตู้เสื้อผ้า” ไม่มีคำพูดอะไรมากกว่านี้นอกจากสายตาที่เย็นชาที่มองร่างบางเท่านั้น มารีน่าเดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างเงียบเธอมองร่างกายของตัวเองในกระจก เสื้อที่ถูกกระชากออกจนเห็นผิวขาวๆของเธอรอยแดงที่ซอกคอเกิดจากการกระทำของสึซาคุ แล้วก็จูบอันน่าขยะแขยงแบบนั้น มารีน่าใช้หลังมือถูที่ริมฝีปากของเธออย่างแรงเพื่อที่จะลบจูบนั้นทิ้งไป
เธอมองเห็นใบมีดที่อยู่ใกล้ๆ สายตาของเธอจ้องมองมันสักพักก่อนจะลูบผมสีดำยาวของเธอเบาๆ เส้นผมที่สึซาคุเคยลูบเล่นอย่างอ่อนโยน เคยได้สัมผัสและก็.............ได้ถูกดึงและกระชากด้วยความโกรธนั้น มารีน่าไม่รีรอหยิบใบมีดนั้นหมายจะตัดผมที่ถูกมือโสมมนั้นจับ แต่เพียง2วินาทีแรกที่เธอจับใบมีดนั้นสึซาคุก็พังประตูเข้ามา จ้องมองมือที่ถือใบมีดนั้นแล้วเข้าไปกระชากแขนของมารีน่าอย่างแรง
“เธอคิดจะทำอะไร” น้ำเสียงที่เรียบๆนั้นต่างกับกระทำที่รุนแรงนี้และยิ่งเขาทำอะไรที่ตรงกันข้ามนั้นยิ่งที่เขาดูน่ากลัวมากขึ้น ร่างบางไม่คิดที่จะตอบอะไรกับเขา แม้แต่มองหน้าเธอไม่คิดอยากจะมองด้วยซ้ำไป
“ผมกำลังถามเธออยู่นะ”
“ฉันไม่อยากจะตอบอะไรทั้งนั้นกับคำถามของนาย” คำพูดที่เฉยชาผิดกับร่างกายที่สั่นระริกด้วยความหวาดกลัวต่อคนที่อยู่ตรงหน้า สายตาของสึซาคุนั้นจับจ้องที่เธออยู่ตลอด
“งั้นเหรอ” ต่างคนต่างไม่พูดอะไร ทุกอย่างนั้นดูเงียบไปนองจากสายตาที่ต่างคนต่างมองกันเท่านั้น สึซาคุเดินเข้ามาใกล้มารีน่าแล้วใช้ปลายนิ้วลูบที่ริมฝีปากของเธออย่างอ่อนโยนทะนุถนอมต่างจากกระทำเมื่อกี้มาก ร่างบางชะงักไปและรู้สึกอับอายที่หัวใจของเธอกลับมาเต้นแรงอะไรตอนนี้
“สึซา......” ไม่ทันทีที่ร่างบางจะตั้งตัวมือที่อ่อนโยนนั้นก็กลับกลายเป็นกำลังบีบคางเธออย่างแรงอีกครั้ง แต่พอผ่านไปแค่เสี้ยววินาทีริมฝีปากของเขาประกบเข้ามาอีกครั้งอย่างรุนแรง โดยที่ไม่มีการเตือนแต่อย่างใด ในขณะที่มือทั้ง2ของสึซาคุก็ลูบไล้ไปทั่วร่างกายของเธอ มารีน่าไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะดิ้นอีกต่อไปแล้ว เธอยอมปล่อยตัวเองไปตามความต้องการที่แสนชิงชังในตัวเธอของเขา พร้อมกับแบกรับร่างกายที่โสมมนี้ต่อไปตลอดกาล...............................
เพียงแค่ปลายมือจะเอื้อมคว้า
แต่ฉันก็ไม่กล้าดึงเธอให้เหมือนเก่า
เมื่อความทรงจำบอกความผูกพันแห่งเรา
สำหรับเธอ..เป็นเพียงซากความว่างเปล่าของคืนวัน
รื้อฟื้นอะไรคงไม่ได้
หากสองตาเธอไร้ความห่วงใยจะให้ฉัน
ทำได้เพียงเอามือปาดน้ำตา
กล้ายอมรับฐานะปัจจุบัน
ว่าเรามันก็แค่คนเคยรักกัน....เท่านั้นเอง
ความหื่นของตัวเองเริ่มเข้าอีกแล้ว เดี๋ยวมาอัพต่อน่ะค่ะ แต่ว่า ตอนนี้ขอเช็ดเลือดบนจอโน๊ตบุ๊คก่อนนะ ไม่ไว้ๆ =/////="
บาย บาย ค่ะ แง~ เต็มหน้าจอเลย T^T เลือด(กำเดา)
ป.ล. ใครอยากขอรูปเพิ่มขอได้ไม่หวงค่ะ
ความคิดเห็น