คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [haeeun] Change ? ft.wonhyuk (1)
ความรัก .. ?
มันคืออะไร .. ?
สิ่งสวยงามงั้นหรอ .. ?
ความมั่นคงงั้นหรอ .. ?
ความหวังงั้นหรอ .. ?
ความเชื่อใจงั้นหรอ .. ?
การให้ อย่างงั้นหรอ .. ?
งั้นหรอ ........ ?
.
.
.
ผิดแล้วล่ะ
.
.
ความรัก ก็แค่เกมของโชคชะตา
คนชนะ ก็สะใจ คนแพ้ ก็เจ็บไป
แค่นั้นเอง
.
.
.
แต่ไม่เข้าใจเลย
ทั้งๆที่มันเป็นเกม .. แต่ทำไมผมถึงไม่รู้สึกสนุกไปกับมันล่ะ ?
ก็คงจะเป็นเพราะ ..
..ผมกำลังจะเป็นคนแพ้ในเกมนี้ล่ะมั้งครับ..
“ซีวอน” เสียงหวานเปล่งออกมาแผ่วเบาบนรถยนต์คันหรูระหว่างที่รถยนต์บนถนนไม่สามารถขยับไปไหนได้เลยมากว่าสิบนาทีแล้ว คาดว่าน่าจะเป็นเพราะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ใบหน้าสวยหันไปหาคนที่เป็นทั้งเจ้าของรถและสารถีสุดหล่อด้วยรอยยิ้มหวาน
“อะไร” อีกคนตอบกลับมาห้วนๆติดรำคาญ
“ซีวอนจำม้านั่งตัวนั้นได้มั้ย” เจ้าของร่างบางคลี่ยิ้มหวานให้ซีวอนพลางชี้ไปที่ม้านั่งหน้าร้านดอกไม้ที่อยู่ติดกับทางคนเดินข้างๆอย่างร่าเริง
“จำได้ดิ ก็ขับรถผ่านอยู่ทุกวันจะจำไม่ได้ได้ไง” ซีวอนตอบอย่าไม่ใส่ใจพลางเบือนหน้าไปมองท้ายรถคันหน้าที่ไม่รู้ว่ามีอะไรน่าสนใจนักหนา ร่างบางมองหน้าหล่อด้วยแววตาไหววูบเพียงชั่วครู่ก่อนจะคลี่ยิ้มหวานอีกครั้งอย่างพยายามไม่ใส่ใจกับอากัปกิริยาที่แปลกไปมากขึ้นทุกทีๆของอีกคน
“แล้วจำได้รึเปล่าว่าซีวอนขอฉันเป็นแฟนตรงนั้นน่ะ” เอ่ยเสียงหวานพลางเอนหัวทุยซบไหล่หนาของอีกคนอย่างน่ารัก
ฮยอกแจยังจำได้ดี วันนั้นซีวอนนัดให้เขามาเจอกันที่หน้าร้านดอกไม้ ซีวอนเขินหน้าแดงดูตลกมากๆ ซีวอนหอบดอกไม้ช่อใหญ่กับตุ๊กตาหมีสีขาวผูกโบว์สีชมพูมาด้วย อา .. นึกถึงแล้วฮยอกแจยังรู้สึกเขินๆอยู่เลย
“จะไปจำได้ได้ยังไง มันสองปีมาแล้วนะฮยอกแจ” ร่างสูงพูดพลางขมวดคิ้วอย่าหงุดหงิด สายตาที่มองร่างบางนั้นเต็มไปด้วยความรำคาญที่ปิดไม่มิด ไหล่หนาที่มีหัวกลมๆซบอยู่สะบัดเบาๆเพราะไม่ต้องการให้อีกคนมาซบแบบนี้
..ทำไม?
คำถามที่ฮยอกแจทำได้แค่ถามในใจ ทั้งๆที่แต่ก่อนซีวอนก็ชอบให้เขาทำแบบนี้ ทั้งๆที่แต่ก่อนเวลาที่เขาทำแบบนี้ ซีวอนก็มักจะยิ้มอ่อนโยนให้เขาพลางลูบศีรษะเล็กอย่างรักใคร่ แต่ทำไมวันนี้กลับไม่ใช่ .. ทำไมถึงไม่เหมือนเดิม
ฮยอกแจค่อยๆยกหัวทุยออกจากไหล่หนาช้าๆ แต่บนหน้าหวานก็ยังคงมีรอยยิ้มบางประดับอยู่เช่นเดิม เขาพยายามจะไม่คิดมากกับกิริยาที่ซีวอนมีต่อเขามาตลอดหลายวันมานี้ ซีวอนอาจจะแค่เหนื่อย อาจจะแค่มีงานเยอะ อาจจะแค่อารมณ์ไม่ดีก็เท่านั้น ..
“แล้วซีวอนจำได้รึเปล่าว่าวันนี้เป็นวันครบรอบสองปีของเราน่ะ” ฮยอกแจพูดพลางฉีกยิ้มให้กว้างกว่าเดิม
“ฉันจำอะไรไร้สาระๆแบบนั้นไม่ได้หรอกฮยอกแจ นายช่วยหยุดถามสักทีได้มั้ยมันน่ารำคาญ” ซีวอนพูดเสียงหงุดหงิด หน้าหล่อดูอารมณ์เสียอย่างเห็นได้ชัด จนฮยอกแจที่มองอยู่ถึงกับหุบยิ้ม
“นายบอกว่าวันครบรอบของเรามันไร้สาระงั้นหรอ..?” ฮยอกแจทวนคำถามแผ่วเบา เสียงหวานพึมพำกับตัวเองแต่ก็ดังพอที่อีกคนจะได้ยิน แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับคำพูดตัดพ้อของร่างเล็ก ร่างสูงส่ายหน้าไปมาอย่างระอาใจกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักของเขา
ฮยอกแจมองซีกหน้าหล่อของซีวอนนิ่ง ใบหน้าของอีกฝ่ายไม่ได้แสดงความอ่อนโยนอย่างที่เคยเป็น ปากหยักไร้วี่แววของรอยยิ้มอบอุ่นที่ฮยอกแจเคยได้รับเสมอมา ดวงตาคมเต็มไปด้วยแววตาขุ่นเคือง ท่าทางแข็งกร้าวที่ฮยอกแจไม่เคยได้เห็นแต่หลายวันมานี้เขากลับเห็นมันไม่ต่ำกว่าสิบครั้งต่อนาทีที่เขาอยู่กับซีวอน ..
Rrrrrrrrr
เสียงเรียกเข้าพื้นฐานของโทรศัพท์แบรนด์แอปเปิ้ลดังขึ้น ซีวอนมองหน้าจอโทรศัพท์เครื่องหรูที่โชว์ชื่อของใครคนหนึ่งบนหน้าจอด้วยรอยยิ้มกว้างก่อนจะกดรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว การกระทำของร่างสูงที่อยู่ในสายตาของฮยอกแจนั้นสร้างความรู้สึกเจ็บหน่วงๆขึ้นมาในหัวใจดวงน้อยๆของร่างบางได้เป็นอย่างดี
“หืม? ..... ได้ครับ ....... รออยู่ตรงนั้นนะครับ เดี๋ยวพี่จะรีบไป” พูดจบร่างสูงก็วางสายก่อนจะหันมาพูดกับคนข้างกายด้วยคำพูดที่ฮยอกแจได้ยินมันมาสามวันติดกันแล้ว ..
“ฮยอกแจ วันนี้กลับแท็กซี่ไปก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันไปส่ง วันนี้ฉันมีธุระจริงๆ”
ฮยอกแจทอดมองใบหน้าหล่อของคนรักด้วยสายตาว่างเปล่า ฟังคำของร่างสูงจบฮยอกแจก็จำต้องพยักหน้าตกลงอย่างช่วยไม่ได้ ซีวอนที่เห็นดังนั้นก็ยิ้มร่า ก่อนจะเอี้ยวตัวไปคว้ากระเป๋าเป้ใบเล็กของร่างบางมาส่งให้เจ้าของอย่างอารมณ์ดี ฮยอกแจก็รับมันมาอย่างจำใจ ร่างบางบอกลาคนรักพอเป็นพิธีก่อนจะเปิดประตูรถแล้วเดินลงไปอย่างรวดเร็ว
.. ฮยอกแจไม่อยากให้ซีวอนเห็นว่าเขากำลังเจ็บปวดมากแค่ไหน ..
.. ฮยอกแจกลัว กลัวว่าซีวอนจะเป็นกังวล ..
ราวกับโชคชะตาทำร้าย ทันทีที่ฮยอกแจเดินออกมาได้ไม่ไกลนัก การจราจรที่ตอนแรกติดขัดไม่ขยับก็กลายเป็นสามารถขับเคลื่อนได้อย่างสบายๆ ฮยอกแจมองตามรถคันหรูที่เขาพึ่งลงมาวิ่งห่างออกไปจนลับตา ดวงตาคู่สวยเอ่อล้นไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซีวอนทิ้งให้เขากลับบ้านคนเดียวแบบนี้ แต่เป็นครั้งที่สามแล้วที่ซีวอนเลี่ยงที่จะไม่ไปส่งเขาแต่กลับไปหาใครอีกคนที่อ้างว่าเป็นรุ่นน้องคนสนิทแทน ซีวอนกำลังเห็นว่าคนอื่นสำคัญกว่าเขาสินะ ...
ไปหาคนอื่น .. ?
ทิ้งให้ฉันกลับบ้านคนเดียว .. ?
ในวันครบรอบสองปีของเราเนี่ยนะซีวอน .. ?
..
....
.........
“ไปฉลองคนเดียวก็ได้นี่ ฮยอกแจ” ร่างบางแค่นยิ้มให้ตัวเองอย่างสมเพศพลางพึมพำด้วยความรู้สึกน้อยใจที่จู่โจมเข้ามาอย่างไม่สงสารหัวใจที่บอบบางของเขาเลยสักนิดเดียว
“สุขสันต์วันครบรอบสองปีของนายกะซีวอนนะฮยอกแจ” ร่างบางยิ้มหวานให้กับกระจกบานใหญ่ที่อยู่ติดกับอ่างล้างหน้า
“สองปีแล้วนะ นายคงจะมีความสุขมากๆเลยใช่มั้ยล่ะ” ฮยอกแจยิ้มกว้างให้กับเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกจนเห็นเหงือกสีชมพูอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
“รู้มั้ยว่าฉันน่ะรอวันนี้มานานแค่ไหน นับถอยหลังทุกวันมาเป็นเดือนเลยล่ะ”
พูดจบก็รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าหวานก็ค่อยๆจางลงไป ดวงตาคู่สวยทั้งสองข้างจ้องลึกลงไปในเงาสะท้อนดวงตาของตัวเองในกระจกเงียบๆ เหลือไว้เพียงเสียงหายใจเข้าออกอย่างไม่ค่อยเป็นจังหวะเท่าไรจนทำให้รู้สึกอึดอัด แต่ไม่นานริมฝีปากบางก็แย้มยิ้มบางอีกครั้งอย่างฝืนทน
“นายเจ็บมั้ย เจ็บหรอ? เหมือนฉันเลย ..”
“รักเขามากงั้นหรอ อืม ฉันก็เหมือนกัน ..”
“ไม่มีอะไรหรอกน่า เขาก็คงจะติดธุระจริงๆนั่นแหละ ..”
“วันครบรอบอะไร ไร้สาระน่าฮยอกแจ ..”
“อย่างี่เง่าเป็นเด็กๆจะได้มั้ย ..”
“.........”
“จะร้องไห้ทำไม ฮึก .. ไม่มีอะไรหรอกน่า ..”
“ฮึก .. ไม่เป็นไร ไม่เป็น ..ฮึก .. ไม่เป็นไร” เสียงหวานที่ขาดห้วงไปพร้อมกับเสียงสะอื้นอย่างน่าสงสาร ดวงตาคู่สวยในตอนนี้เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความเจ็บปวด น้ำตาไหลอาบแก้มใสเป็นสายโดยที่เจ้าตัวไม่คิดจะปาดมันออก ฮยอกแจแค่กำลังเจ็บปวด ฮยอกแจแค่อยากให้น้ำตาพวกนี้ช่วยเยียวยาบาดแผลเล็กๆในหัวใจให้ก็เท่านั้น ..
“ซีวอน” ร่างเล็กที่เห็นร่างสูงเจ้าของตำแหน่งคนรักของเขากำลังจะเดินเข้าตึกคณะพร้อมๆกับเพื่อนหน้าหล่อร่างเตี้ยตันนามอีทงเฮ ก็รีบวิ่งเข้าไปทักทันทีด้วยความโหยหา
“เสียงดังทำไมฮยอกแจ” ซีวอนพูดอย่างหงุดหงิด ตอนแรกฮยอกแจยังเห็นว่าซีวอนเดินคุยกับทงเฮอย่างอารมณ์ดีอยู่เลย แต่พอเขาเข้ามาทักเท่านั้นแหละ ซีวอนก็ดูท่าทางเปลี่ยนไปทันทีเลย ..
“ทำไมล่ะซีวอน..” ฮยอกแจก้มหน้างุดอย่างน้อยใจที่ถูกซีวอนทำท่าทางหงุดหงิดใส่อีกแล้ว จนซีวอนที่นึกรำคาญร่างเล็กถอนหายใจเบาๆ
“มันน่ารำคาญน่ะฮยอกแจ”
“ไอ้วอน!” ทงเฮเรียกชื่อเพื่อนอย่างตำหนิที่เห็นว่าเพื่อนพูดจาไม่เหมาะสมกับคนรัก แต่ซีวอนก็ไม่ได้สนใจทงเฮเลยสักนิด
“ไม่เป็นไรหรอกทงเฮ” ฮยอกแจออกตัวแทนคนรักด้วยรอยยิ้มบางๆบ่งบอกว่าไม่เป็นอะไร
“งั้นไปก่อนนะฮยอกแจ เดี๋ยวฉันเข้าเรียนสาย เจอกันตอนเย็น ไม่ต้องโทรมานะ ขี้เกียจรับ” ร่างสูงพูดจบก็ดึงแขนทงเฮแล้วเดินจากไปทันทีโดยไม่ฟังเสียงเรียกของฮยอกแจที่ดังตามมาข้างหลังเลยสักนิด
..
เอาอีกแล้ว
..
ซีวอนทิ้งฮยอกแจอีกแล้ว
“ไอ้วอน ..จริงๆกูก็ไม่ได้อยากจะยุ่งเรื่องของพวกมึงนักหรอกนะ แต่มันอดไม่ได้ว่ะ” ทงเฮที่เห็นว่าเดินออกมาไกลพอที่จะไม่ให้อีกคนได้ยินบทสนทนาของพวกเขาแล้วก็พูดออกมาอย่างอึดอัด
“อะไร”
“กูสงสารฮยอกแจ” ทงเฮพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แล้วยังไง”
“เค้าเป็นแฟนมึง แต่ทำไมมึงทำกับเค้าแบบนั้น ... มึงหุบปากไป กูรู้ว่ามึงไม่ได้รักเค้าแล้ว แต่ยังไงคนที่เป็นแฟนมึงก็คือฮยอกแจ เขารักมึง มึงก็ควรจะถนอมน้ำใจเขาบ้าง”
ซีวอนเหลือบมองทงเฮแวบหนึ่ง ดวงตาฉายแววเบื่อหน่ายเล็กๆก่อนจะพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดออกไป
“กูมีคนใหม่แล้ว กูเบื่อฮยอกแจแล้ว มึงก็รู้ แล้วมึงจะให้กูฝืนทำดีกะฮยอกแจเหมือนเดิมกูก็ทำไม่ได้หรอกทงเฮ อีกอย่างทำแบบนี้จะได้บอกเลิกง่ายๆ เขาจะได้เลิกๆกะกูไปซะ”
“มึงลองคิดกลับกันดูนะ ถ้ามึงเป็นเขาบ้าง มึงจะรู้สึกยังไง” ทงเฮที่สงสารฮยอกแจจับใจพยายามพูดไกล่เกลี่ยเพื่อนรัก
“ถ้ากูเห็นว่าแฟนกูมันไม่ได้รักกูแล้วกูก็จะเดินจากไปเงียบๆ” ซีวอนพูดพลางยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจเท่าไรนัก
ทงเฮถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับเพื่อนคนนี้
“มึงมันคนใจร้าย มึงคบกับฮยอกแจมาตั้งสองปีมึงมองไม่ออกหรือไงว่าเค้ารักมึงมากแค่ไหน เค้าบอบบางมากขนาดไหน มึงอย่าทำร้ายคนน่าสงสารแบบนั้นเลยได้มั้ย ถือว่ากูขอ” ทงเฮพูดด้วยสีหน้าจริงจัง แต่ซีวอนก็ยังเป็นซีวอน ..
“ชอโทษนะทงเฮ กูไม่อยากเป็นคนเสแสร้งว่ะ” ซีวอนพูดพลางส่ายหน้าเบาๆก่อนจะเดินนำทงเฮไปอย่างไม่อยากสนทนาต่อ
... ซีวอน มึงจะทำหน้าที่ปกป้องเขาแทนกูไม่ได้เลยหรอวะ?
ร่างบางที่ยืนรอให้ซีวอนมารับกลับบ้านดังเช่นทุกวันอยู่ที่เดิม แต่วันนี้กลับไม่เหมือนเดิม ฮยอกแจยืนรอซีวอนจนปวดขามาไม่ต่ำกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว โทรหาซีวอนก็ไม่รับ ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบกลับ ติดต่อทางโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คไม่ได้รับการตอบกลับเลยสักทาง จนคนรอเริ่มกระสับกระส่ายไม่อยู่กับที่ สมองเล็กก็นิดกลัวไปต่างๆนาๆ ใบหน้าหวานฉายแวววิตกกังวลอย่างปิดไม่มิด
ซีวอนกำลังจะทิ้งฮยอกแจจริงๆใช่มั้ย ..
ฮยอกแจกลัว ..
ฮยอกแจไม่อยากเสียซีวอนไป ..
ฮยอกแจกลัวเหลือเกิน ..
Rrrrrrrrrrr
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของฮยอกแจก็ดังขึ้น ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์เครื่องหรูทำให้ฮยอกแจทั้งรู้สึกดีใจและรู้สึกกลัวขึ้นมาพร้อมๆกัน แต่ถึงจะรู้สึกกลัวอยู่บ้าง แต่ฮยอกแจก็รีบกดรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว
“ซีวอน นายอยู่ไหน ฉันยืนรอนายมานานแล้วนะ~” ทันทีที่กดรับโทรศัพท์ก็กรอกเสียงหวานอย่างออดอ้อนอีกฝ่ายอย่างน่ารัก
(วันนี้นายกลับบ้านเองนะ คืนนี้ก็ไม่ต้องโทรมานะ มีธุระอะไรเมนชั่นทิ้งไว้ในทวิตละกัน)
ตู๊ดดด ตู๊ดดด ..
ทันทีที่พูดจบก็ตัดสายไปไม่รอให้ฮยอกแจได้ค้านเลยสักนิดเดียว
มือเล็กที่ถือโทรศัพท์แนบหูอยู่ก็ยิ้มค้างเพียงเท่านั้น ก่อนจะค่อยๆลดโทรศัพท์ลงมาอย่างหมดเรี่ยวแรง ตาคู่สวยมองหน้าจอโทรศัพท์ที่อีกฝ่ายตัดสายไปสักพักแล้วด้วยสายตาอ่านไม่ออก ไม่นานฮยอกแจก็หายใจเข้าลึกๆแล้วเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง สะพายกระเป๋าเป้ใบเล็กเดินไปตามทางกลับบ้านที่คุ้นเคย
“ฮยอกแจ!” เดินออกจากมหาวิทยาลัยได้ไม่นาน ก็มีเสียงคุ้นหูตะโกนเรียกเสียงดังลั่น
ร่างบางหันไปตามเสียงเรียกก็ต้องเผยรอยยิ้มบางอย่างเป็นมิตรให้อีกคน เจ้าของเสียงที่เรียกเขาคืออีทงเฮเพื่อนสนิทของคนรักฮยอกแจ ร่างบางมองคนหล่อใช้ขาสั้นๆวิ่งเข้ามาหาเขาอย่างนึกขำ
“มีอะไรหรอทงเฮ” ฮยอกแจถามเมื่ออีกคนมายืนอยู่เคียงข้างเขาแล้ว
“ซีวอนล่ะฮยอกแจ นายอยู่คนเดียวหรอ?” ทงเฮมองหาเพื่อนร่างสูงอย่างงุนงง ปกติซีวอนต้องมารับฮยอกแจทุกวันนี่ แต่นี่มันหายไปไหนซะแล้วล่ะ
ทันทีที่ทงเฮถามจบ รอยยิ้มบางก็ค่อยๆจางลงทันที เหลือไว้แต่ใบหน้าหวานที่ฉายแววเศร้าหมองอย่างไม่คิดจะปิดบัง ทงเฮที่เห็นดังนั้นก็แทบอยากจะตบปากตัวเองแรงๆให้แตกเลือดกลบปากไปสักทีสองที ร่างหนารีบพูดปลอบประโลมคนสวยทันที
“อ่า .. ไม่เป็นไรนะฮยอกแจ ซีวอนมันคงมีธุระแหละมั้ง” ทงเฮยิ้มเจื่อนๆพลางปลอบข้างๆคูๆ
“อืม ฉันไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่ทงเฮเรียกฉันมีอะไรหรือเปล่า” ฮยอกแจฝืนยิ้มบางให้ทงเฮอีกครั้งเพื่อให้อีกคนไม่กังวล
“อ่อ เปล่าหรอก แค่จะเข้ามาทักเฉยๆน่ะ ไหนๆซีวอนมันก็มีธุระแล้ว งั้นเดี๋ยวฉันไปส่งนายที่บ้านเองละกัน” ทงเฮพูดพลางเดินนำไปทางลานจอดรถโดยไม่ลืมดึงแขนฮยอกแจที่ยังยืนนิ่งอย่างงุนงงให้เดินไปด้วยกัน
“ขอบคุณนะทงเฮ” ฮยอกแจพูดก่อนจะยิ้มกว้างอย่างจริงใจ
“อืม” ทงเฮเหลือบมองแค่แวบหนึ่งก่อนจะหันไปสนใจทางข้างหน้าอย่างพยายามจะไม่สนใจรอยยิ้มน่ารักที่อีกคนมอบให้ …
ทงเฮยืนมองฮยอกแจที่เดินเข้าบ้านไปยันวางใจว่าฮยอกแจถึงบ้านอย่างปลอดภัยหายห่วงแล้ว เขาก็คว้าโทรศัพท์เครื่องหรูโทรออกหาเพื่อนรักร่างสูงทันทีก่อนจะออกรถตรงดิ่งกลับบ้าน
รอไม่นานนักก็ได้รับการตอบรับจากปลายสาย
(มีอะไร)
“ซีวอน ทำไมมึงทิ้งให้ฮยอกแจกลับบ้านคนเดียว” ทงเฮพูดเสียงเรียบนิ่ง
(ก็กูอยู่กับคยูฮยอน)
“มึงอย่าคิดว่ากูไม่รู้นะว่ามึงปล่อยให้เขายืนรอมึงเป็นชั่วโมงน่ะ”
(แล้วยังไง?)
“มึงอย่ามากวนตีน”
(ถ้ามึงไม่มีอะไรงั้นแค่นี้นะ รบกวนเวลาความสุขกูว่ะบอกตรงๆ)
“ซีวอน”
(.....)
“มึงไม่สงสารฮยอกแจบ้างเลยหรอ”
(......... มึงช่วยเลิกพูดเรื่องนี้สักทีทงเฮ) พูดจบก็ตัดสายไปทันที
ทงเฮถอนหายใจออกมาพลางโยนโทรศัพท์ไปที่เบาะข้างคนขับอย่างหงุดหงิด หากซีวอนไม่ใช่เพื่อนของเขาบางทีเขาอาจจะเข้าไปต่อยหน้าซีวอนให้ปากแตกสักทีสองทีแล้วก็ได้ แต่เพราะซีวอนเป็นเพื่อนของเขา และ .. เป็นคนที่คนที่เขารักสุดหัวใจรัก...
ใช่แล้ว .. อีทงเฮรักอีฮยอกแจ
รักมานาน .. รักมาก่อนที่ฮยอกแจจะคบกับซีวอนด้วยซ้ำ
มันอาจจะดูผิดมากใช่มั้ยที่เขาไปรักแฟนของเพื่อนแบบนี้ เขาคงจะดูเลวมากใช่มั้ย .. แต่ไม่หรอก เขาไม่ได้เลวอะไรขนาดนั้น อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยคิดจะแย่งคนรักของเพื่อนมาเป็นของตัวเอง เพราะเขารู้ดีว่าคนที่ฮยอกแจรักคือซีวอน คนที่จะทำให้ฮยอกแจมีความสุขได้คือซีวอน ทงเฮแค่อยากเห็นคนที่รักมีความสุขก็แค่นั้น ไม่ได้อยากครอบครอง..
ที่ผ่านมาซีวอนทำให้เขาเห็นว่าซีวอนปกป้องดูแลฮยอกแจได้จริงๆ ซีวอนทำให้เขาวางใจว่าซีวอนรักฮยอกแจไม่น้อยไปกว่าที่เขารัก แต่อยู่มาวันนึงซีวอนก็ทำตัวห่างเหินกับฮยอกแจ แล้วทงเฮก็เห็นซีวอนไปจีบรุ่นน้องที่ชื่อคยูฮยอน ตอนนั้นทงเฮก็ทำได้แค่มอง .. มองเพื่อนของเขา ที่กำลังจะทำให้คนที่เขารักต้องเจ็บปวด โดยที่ทงเฮทำอะไรไม่ได้เลย
.. ทงเฮคิดผิดจริงๆที่ไว้ใจให้ซีวอนดูแลฮยอกแจแทนเขา ..
สิ่งที่ทงเฮทำได้ตอนนี้ก็มีเพียงแค่พยายามให้ซีวอนกลับมารักฮยอกแจเหมือนเดิม .. เขาไม่อยากเห็นฮยอกแจต้องเจ็บปวด เขาไม่อยากให้ฮยอกแจต้องร้องไห้ แต่ดูเหมือนสิ่งที่เขากำลังพยายามจะทำมันช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน
ฮยอกแจกลับถึงบ้านก็กระโดดขึ้นเตียงนอนเล่นโทรศัพท์เปิดแอปพลิเคชั่น ‘ทวิตเตอร์’ ที่ฮยอกแจใช้เป็นประจำอย่างคุ้นชิน พิมพ์ๆยิกๆบนมือถืออย่างรวดเร็วก่อนจะกดโพสต์ข้อความลงบนทวิตเตอร์อย่างชำนาญ
ฮยอกแจคนน่ารัก @AllRiseSilver now
กลัวจังเลย ...
กดทวีตเสร็จก็ซุกหน้าลงกับหมอนอย่างอึดอัด ฮยอกแจรู้สึกได้ว่าเขากำลังจะถูกทิ้ง ฮยอกแจกลัว ฮยอกแจกลัวว่าจะเสียคนที่รักไป ฮยอกแจกลัวว่าวันที่ซีวอนเดินมาบอกเลิกเขาจะมาถึงในไม่ช้านี้ ..
ไม่นานนักโทรศัพท์ของฮยอกแจก็สั่นเบาๆเป็นสัญญาณว่ามีคนเมนชั่นเข้ามาหาฮยอกแจ ฮยอกแจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูอย่างเอื่อยเฉื่อย ในใจก็ภาวนาขอให้เป็นซีวอนที่มาเมนชั่นหาเขา ..
แต่สิ่งที่เห็นก็ทำให้เขาผิดหวังอีกเช่นเคย คนที่เมนชั่นมาคืออีซองมินเพื่อนที่สนิทกันผ่านทวิตเตอร์ของเขา แต่ข้อความที่ได้รับจากเพื่อนร่างอวบคนนี้ก็ทำให้ฮยอกแจเผยยิ้มออกมาบางเบา
กระต่ายตัวน้อย @imSMl 35s
@AllRiseSilver นายก็มีฉันอยู่ข้างๆนี่ไง จะกลัวอะไร
ฮยอกแจพิมพ์ตอบกลับซองมินก่อนจะกดทวีตอย่างรวดเร็วไม่ให้อีกคนรอนาน
ฮยอกแจคนน่ารัก @AllRiseSilver now
@imSMl กลัวโดนทิ้ง ..
ตอบเสร็จก็เลื่อนดูไทม์ไลน์ไปเรื่อยๆ เผยรอยยิ้มบางเบาบ้างเมื่อเห็นอะไรน่ารักๆในไทม์ไลน์ เลื่อนไปเลื่อนก็มาเห็นเมนชั่นของใครอีกคนที่แอพทวิตเตอร์คงจะทำงานผิดพลาดไม่ยอมขึ้นแจ้งเตือนเหมือนที่เคย .. มันคือข้อความจากคนที่มาส่งเขาที่บ้านในวันนี้
สุดหล่ออีทงเฮ @donghae861015 3m
@AllRiseSilver มีปัญหาอะไรครับฮยอกแจคนน่ารัก บอกสุดหล่อทงเฮได้นะ
รอยยิ้มกว้างถูกแต่งแต้มบนใบหน้าหวานอย่างไม่รู้ตัว คนน่ารักไม่รอช้าพิมพ์ตอบกลับทันที
ฮยอกแจคนน่ารัก @AllRiseSilver now
@donghae861015 ทงเฮอยากรู้ก็บอกมาตรงๆ คึคึ
เพียงแค่กดส่งข้อความไปไม่ถึงยี่สิบวินาที อีกฝ่ายก็ตอบกลับมาอย่างรวดเร็วปานติดจรวดจนฮยอกแจยังตกใจ ร่างบางรีบเปิดดูข้อความจากอีกคนอย่างรวดเร็ว
สุดหล่ออีทงเฮ @donghae861015 1s
@AllRiseSilver เบื่อคนรู้ทัน ;P
ฮยอกแจหัวเราะเบาๆพลางส่ายหน้าน้อยๆกับความขี้เล่นของเพื่อนของ .. คนรัก
.. คนรัก? ..
งั้นหรอ......?
..................เขาจะได้ใช้คำนี้กับซีวอนไปอีกนานแค่ไหนนะ ใกล้แล้วหรือเปล่าที่เขาต้องเปลี่ยน .. เปลี่ยนสถานะระหว่างเขากับซีวอนจาก ‘คนรัก’ เป็น ‘อดีตคนรัก’ ..
การกระทำที่เปลี่ยนไปของซีวอนเป็นเครื่องบอกระยะเวลาที่เหลืออยู่ของสถานะคนรักระหว่างซีวอนกับฮยอกแจได้เป็นอย่างดี .. เขารู้ ........... ฮยอกแจรู้ แต่แค่แกล้งทำเป็นไม่รู้ หลอกตัวเองว่าเขายังรัก หลอกตัวเองว่าเขาแค่เหนื่อย หลอกตัวเองว่าเขาแค่อารมณ์ไม่ดี หลอกตัวเองว่า .. เขากับซีวอนจะรักกันตลอดไป ดังคำสัญญาที่ทั้งซีวอนทั้งฮยอกแจมอบให้กันในวันครบรอบหนึ่งปี ..
ร่างเล็กถอนหายใจออกมายาวๆอย่างคนกลัดกลุ้ม ก่อนจะซุกใบหน้าหวานลงกับหมอนใบโตอย่างเหนื่อยอ่อน
Rrrrrrrrrr
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร แต่ก็นานพอที่ฮยอกแจได้หลับไปโดยไม่รู้ตัว เสียงโทรศัพท์ที่ถูกทิ้งอย่างไม่ใยดีก็ดังขึ้นมาปลุกให้คนตัวเล็กตื่นขึ้นมา
ฮยอกแจพยายามเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งอย่างยากลำบาก มือเล็กควานหาโทรศัพท์เครื่องหรูที่น่าจะถูกทิ้งอยู่ใกล้ๆตัวอย่าสะเปะสะปะ เมื่อเจอหาแล้วก็จึงตัดสินใจรับโทรศัพท์โดยไม่มองชื่อเจ้าของเบอร์ที่โทรมา
“ยอโบเซโย”
(..ฮยอกแจ?) เสียงปลายสายที่ไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าที่ควรเอ่ยชื่อร่างบางออกมาด้วยน้ำเสียงเหมือนกำลังรู้สึกลังเล
“อื้อ นั่นใครอ่ะ?” ฮยอกแจถาม
(ฉันเอง ทงเฮ)
“อ๋อ ทงเฮมีอะไรหรือเปล่า” เมื่อรู้ว่าปลายสายเป็นใครฮยอกแจก็คลี่ยิ้มบางออกมาทันที จะบอกว่าเพราะเป็นมารยาทหรือสิ่งที่ควรทำก็คงจะไม่ใช่ เพราะยังไงอีกฝ่ายก็ไม่สามารถมองเห็นเขาได้อยู่แล้ว ต่อให้เขาจะยิ้มหรือไม่ยิ้มก็มีค่าเท่ากัน แต่เพราะอะไรฮยอกแจถึงได้คลี่ยิ้มออกมาทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาเหนื่อยจนอยากจะร้องไห้ด้วยซ้ำไป ..
(........)
.
.
.
เมื่อเห็นปลายสายเงียบ ฮยอกแจจึงส่งเสียงเรียกอีกคนอย่างไม่เข้าใจ ทั้งๆที่สายโทรศัพท์ก็ยังไม่ถูกตัดไป แต่ทำไมถึงทงเฮถึงไม่พูดอะไรล่ะ
“ทงเฮ”
(.. ห๊ะ?)
“อะไรของทงเฮเนี่ย ฉันถามว่าทงเฮโทรมามีอะไรหรือเปล่า ฮ่าๆๆ” ฮยอกแจพูดกลั้วหัวเราะที่อีกฝ่ายทำตัวแปลกๆราวกับคนเพี้ยนก็ไม่ปาน
(อ่อ ฉันจะถามว่าฮยอกแจมีเสื้อมั้ย .. อ่า ไม่ๆ คือที่นายใส่.. ฉันหมายถึงฉันจะขอตัวฮยอกแจ เห้ย ไม่ใช่ละ แบบเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วอ่ะ ฉันยืม .. โอ๊ย ฉันว่ามัน..) เสียงปลายสายพูดออกมาอย่างตะกุกตะกักพูดผิดนู่นนี่จนฟังไม่รู้เรื่อง ดูน่าตลกจนฮยอกแจขำพรืด
“ทงเฮใจเย็นๆนะ ค่อยๆพูดก็ได้ ฉันไม่รีบ ฮ่าๆๆๆๆ” ฮยอกแจพูดพลางหัวเราะเสียงดัง
(.. ฉันจะขอยืมเสื้อสีน้ำตาลที่นายเคยใส่เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วหน่อยได้มั้ย) ทงเฮที่ดูจะใจเย็นขึ้นมาบ้างพูดออกมารวดเดียวราวกับกลัวจะถูกใครแย่งพูด นั่นก็สร้างความขบขันให้ฮยอกแจได้อีกระรอก
“ได้ดิๆ คิกคิก แค่นี้เอง ทงเฮจะเอาวันไหนล่ะ”
(เดี๋ยววันศุกร์นี้ฉันไปเอานะ)
“นายจะมาเอาที่ไหนอ่ะ”
(ที่ที่ฮยอกแจเจอกะฉันวันนี้ก็ได้)
“อ่อ ได้เลย”
(ขอบคุณมากนะฮยอกแจ บ้ายบาย)
“อื้อ บ้ายบาย”
เมื่อพูดจบ ปลายสายก็ดูอึกอักๆเหมือนกับจะพูดอะไรแต่ก็ไม่ยอมพูดสักที ร่างบางนึกสงสัยพลางรอฟังสิ่งที่ร่างหนาจะพูดโดยไม่นึกรำคาญ
. . . . . .
(ฝันดีนะ)
... เพราะไม่คาดคิดว่าจะได้รับคำนี้จากทงเฮ ฮยอกแจจึงอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะคลี่ยิ้มหวานตอบกลับไป
“ทงเฮก็เหมือนกันนะ” พูดจบก็รอจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายจะไม่พูดอะไรต่อแล้วก็กดวางสายไปพร้อมรอยยิ้มหวาน
.. ฮยอกแจมองหน้าจอโทรศัพท์ที่โชว์เบอร์ที่ไม่คุ้นตาและไม่ได้เมมชื่อเอาไว้สักพัก คิ้วบางขมวดน้อยๆอย่างใช้ความคิดก่อนจะตัดสินใจโยนโทรศัพท์ทิ้งลงบนเตียงแล้วไปอาบน้ำโดยที่ไม่ได้เมมเบอร์อีกคนเอาไว้ เพราะคิดว่าเขากับทงเฮไม่ได้สนิทกันมากไม่จำเป็นต้องเมมเอาไว้ก็ได้..
มือหนาบรรจงเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ทัชสกรีนแผ่วเบา หน้าหล่อฉายแววกังวลน้อยๆให้เห็น ตาคมไล่อ่านไทม์ไลน์ทวิตเตอร์บนจอมือถือซ้ำแล้วซ้ำเล่า เลื่อนขึ้นเลื่อนลงซ้ำไปซ้ำมาราวกับกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง
หลังจากที่เขาส่งข้อความหยอกล้อฮยอกแจเพื่อหวังจะให้อีกคนรู้สึกดีขึ้น เขารออยู่มามากกว่าสามสิบนาที แต่ฮยอกแจก็ดันไม่ตอบกลับมาเสียที จะบอกว่าเว้นไม่ตอบเมนชั่นของเขาคนเดียวก็ไม่น่าใช่ เพราะฮยอกแจไม่ได้ทวิตอะไรต่อจากนั้นอีกเลย
ทงเฮรู้ว่าฮยอกแจกำลังไม่สบายใจ ทงเฮรู้ว่าฮยอกแจเจ็บแค่ไหน ทงเฮรู้ว่าอะไรที่ทำให้ฮยอกแจเป็นแบบนี้ .. แต่ทงเฮก็เลือกจะทำเป็นไม่รู้ แล้วคอยมองดูฮยอกแจอยู่ห่างๆด้วยความรู้สึกเป็นห่วงที่แทบจะล้นออกมานอกอก คอยพูดคุยหยอกล้อให้ฮยอกแจได้อารมณ์ดีขึ้น พยายามช่วยปรับความเข้าใจระหว่างคนสองคน .. ทั้งๆที่อยากจะทำมากกว่านี้ ทั้งๆที่อยากจะเข้าไปกอดร่างบางๆนั่นตอนที่ฮยอกแจกำลังรู้สึกเสียใจ โดดเดี่ยว หรือท้อแท้ ทั้งๆที่อยากจะเข้าไปบอกฮยอกแจใจจะขาดว่าเขารักฮยอกแจมากแค่ไหน ทั้งๆที่อยากจะเป็นคนดูแลหัวใจบอบบางดวงนั้นด้วยตัวของเขาเอง .. แต่คนที่อยู่ในสถานะเพื่อนของแฟนฮยอกแจอย่างเขา .. มีสิทธิทำได้แค่นี้ไม่ใช่หรอ..?
อาการร้อนรนที่ทงเฮเป็นอยู่ตอนนี้บ่งบอกได้ชัดเจนเลยว่าเขากำลังเป็นห่วง .. ห่วงว่าร่างบางของเขาจะเจ็บปวดมากไปกว่านี้ เขาไม่อยากให้ฮยอกแจร้องไห้ เขาไม่อยากให้ฮยอกแจต้องเสียใจ
ยิ่งตอนที่ทงเฮเปิดแอพพลิเคชั่นที่ชื่อทวิตเตอร์ขึ้นมา เขาก็เห็นคนที่รักทวิตว่ากลัว ทงเฮไม่รอช้ารีบถามไถ่ทันทีด้วยความเป็นห่วง ต่อมาก็เห็นว่าฮยอกแจตอบเมนชั่นเพื่อนสนิทว่ากลัวถูกทิ้ง ประโยคสั้นๆที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่มันทำให้ทงเฮเจ็บไปทั้งหัวใจ ความเป็นห่วงที่มีมากอยู่แล้วก็ยิ่งมีมากขึ้นไปอีกจนทงเฮอยากจะขับรถบึ่งไปหาร่างบางเสียเดี๋ยวนั้น
จริงๆแล้วทวิตเตอร์เป็นแอพพลิเคชั่นที่เขาไม่เคยนึกอยากจะเล่นเลยสักครั้ง แต่ที่เขาต้องเข้ามาเล่นนั่นก็เป็นเพราะฮยอกแจ เขารู้มาว่าฮยอกแจติดแอพนี้มากๆ จนในที่สุดเขาก็เข้ามาเล่น แล้วก็ถูกเสน่ของทวิตเตอร์ดึงดูดซะติดจนขาดไม่ได้ ทงเฮเข้าใจดีเลยล่ะว่าทำไมฮยอกแจถึงได้ติดนักหนา
ร่างหนาเหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาว่าผ่านมาสี่สิบนาทีแล้วนับจากที่ฮยอกแจหายไปจากทวิตเตอร์ คิ้วหนาขมวดแน่นก่อนที่จะควบคุมนิ้วมือของตัวเองไม่อยู่อีกต่อไป นิ้วยาวกดเบอร์ที่จำได้ขึ้นใจก่อนจะกดโทรออกทันทีอย่างไม่ลังเล รอสายอยู่นานจนตัดไปหลายครั้งแต่เขาก็ยังไม่ละความพยายาม ทงเฮยังคงโทรหาเจ้าของเบอร์คนเดิมซ้ำๆด้วยความรู้สึกร้อนรนมากยิ่งขึ้น
(ยอโบเซโย) ในที่สุดปลายสายก็ตอบรับ หน้าคมฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจ
“..ฮยอกแจ?” ทงเฮถามอย่างไม่แน่ใจว่านั่นใช่เสียงฮยอกแจหรือเปล่า เพราะเสียงจากปลายสายดูจะงัวเงียแปลกๆ
(อื้อ นั่นใครอ่ะ?) อ่า .. ตกลงว่าใช่สินะ
ตะกี้ที่หายไปคือฮยอกแจนอนหลับงั้นหรอ? แต่ทงเฮก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี
“ฉันเอง ทงเฮ”
(อ๋อ ทงเฮมีอะไรหรือเปล่า)
...... นั่นสิ มีอะไรหรือเปล่า
“........” ฮยอกแจ ทำไมถึงอยู่ๆก็หายไป รู้มั้ยว่าเป็นห่วง .. ประโยคที่ทำได้แค่คิดแต่ก็ไม่ได้พูดออกไป เขามีสิทธิจะพูดคำนั้นออกไปด้วยอย่างงั้นหรอ? คำที่เขาไม่มีสิทธิจะพูดมันออกไปลอยว่อนอยู่เต็มสมอง ทงเฮพยายามจะเอาคำพูดเหล่านั้นออกไปจากหัวให้หมดก่อนที่จะเผลอพูดมันออกไปจริงๆ พยายามคิดดูดีๆ คิดแล้วคิดอีกแต่ก็ค้นไม่เจอคำพูดที่เขาพอจะพูดออกไปได้เลยสักประโยค แล้วถ้าไม่มีอะไรจะพูดจริงๆแล้วเขาจะโทรหาฮยอกแจทำไมกันล่ะ? เพราะความเป็นห่วงที่มีอยู่ล้นอกแท้ๆเชียว.. ทงเฮขมวดคิ้วแน่นเพราะกำลังใช้ความคิดหาเหตุผลมาอ้าง เพราะเป็นห่วงใจจะขาดก็จึงโทรมาโดยไม่ได้คิดเหตุผลมาก่อน
(ทงเฮ) เหมือนว่าอีกฝ่ายจะเห็นว่าทงเฮเงียบไป ฮยอกแจก็จึงเอ่ยเรียก
“.. ห๊ะ?” แม้เสียงหวานจะไม่ได้เอ่ยเสียงดัง แต่ก็ทำให้คนที่กำลังใช้ความคิดสะดุ้งน้อยๆได้
(อะไรของทงเฮเนี่ย ฉันถามว่าทงเฮโทรมามีอะไรหรือเปล่า ฮ่าๆๆ)
ปลายสายหัวเราะคิกคักท่าทางดูมีความสุข ทงเฮยิ้มกว้างจนแทบจะฉีกไปถึงรูหู อย่างน้อยเขาก็ทำให้ฮยอกแจหัวเราะได้ล่ะนะ
อ่า.. ทงเฮมองไปรอบๆตัวอย่างหาตัวช่วย แต่ก็ไม่พบอะไรนอกจากห้องนอนที่จัดอย่างเป็นระเบียบด้วยฝีมือของแม่บ้านที่บ้านทงเฮจ้างมา
“อ่อ ฉันจะถามว่าฮยอกแจมีเสื้อมั้ย .. อ่า ไม่ๆ คือที่นายใส่.. ฉันหมายถึงฉันจะขอตัวฮยอกแจ เห้ย ไม่ใช่ละ แบบเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วอ่ะ ฉันยืม .. โอ๊ย ฉันว่ามัน..” ทงเฮหันไปสะดุดตากับเสื้อยืดตัวเก่งที่ถูกถอดทิ้งไว้ในตะกร้าผ้าสีน้ำตาลอ่อนบนพื้นพอดี จึงคิดว่าถ้าจะอ้างว่าจะขอยืมเสื้อฮยอกแจน่าจะเป็นความคิดที่ดี แต่เพราะตื่นเต้นเกินไปจึงพูดตะกุกตะกัก พูดผิดพูดถูกจนฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง แถมยังมีบางประโยคฟังดูน่าอายอีกต่างหาก!
(ทงเฮใจเย็นๆนะ ค่อยๆพูดก็ได้ ฉันไม่รีบ ฮ่าๆๆๆๆ) ปลายสายหัวเราะเสียงดังอย่างไม่นึกอาย อา .. ฮยอกแจโคตรน่ารักเลย แต่ให้ตายเถอะ! ทงเฮทำเรื่องน่าอายโคตรพ่อโคตรแม่ให้ฮยอกแจเห็นอีกแล้ว
มือใหญ่กุมขมับตัวเองอย่างกลุ้มใจที่ตัวเองไม่สามารถตั้งสติให้พูดจาพอฟังรู้เรื่องได้เลย ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆอย่างพยายามรวบรวมสติที่พอจะมีอยู่บ้าง แล้วพูดสิ่งที่ตัวเองต้องการจะสื่อ
“.. ฉันจะขอยืมเสื้อสีน้ำตาลที่นายเคยใส่เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วหน่อยได้มั้ย” ทงเฮพูดพลางระบุระยะเวลามั่วๆให้ดูน่าเชื่อถือขึ้นมาหน่อย ที่จริงก็ไม่รู้หรอกว่าสองอาทิตย์ที่แล้วฮยอกแจใส่เสื้ออะไร ......... เอาละ กูนี่ชักจะบ้า มั่ววันแล้วก็เสือกระบุสีไปด้วยให้มันเสียงต่อการที่จะถูกจับได้ว่าตัวเองพูดมั่วๆทำไมวะ หวังว่าฮยอกแจจะไม่สงสัยอะไรนะ ถ้าจะให้ดีก็ขอให้เขาเดาถูกทั้งสีทั้งวันด้วยเถอะ!
.. แต่เอาจริงๆฮยอกแจตัวแบบโคตรบาง ตัวเล็กนิดเดียว อ้างว่าขอยืมเสื้อนี่โคตรบ้า คิดว่าเอามาแล้วคนตัวตันอย่างทงเฮจะใส่ได้หรอ ..
(ได้ดิๆ คิกคิก แค่นี้เอง ทงเฮจะเอาวันไหนล่ะ) ฮยอกแจตอบกลับมาอย่างเต็มใจ
“เดี๋ยววันศุกร์นี้ฉันไปเอานะ”
(นายจะมาเอาที่ไหนอ่ะ)
“ที่ที่ฮยอกแจเจอกะฉันวันนี้ก็ได้”
(อ่อ ได้เลย)
“ขอบคุณมากนะฮยอกแจ บ้ายบาย”
(อื้อ บ้ายบาย)
หลังจากเสียงหวานพูดจบ ทงเฮก็อ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแล้วก็หุบมันลงเหมือนเดิมราวกับกำลังลังเลอะไรบางอย่าง เป็นแบบนี้อยู่สักพัก แต่สุดท้ายปากเจ้ากรรมก็ดันโพล่งคำที่ทงเฮอยากจะบอกกับร่างบางนักหนาออกไปอย่างไม่สงสารเจ้าของที่ทันทีที่พูดจบก็แทบอยากจะกระโดดเอาหัวโขกผักชีให้ตายกันไปข้าง
“ฝันดีนะ”
......................... ชั่วอึดใจที่ทงเฮกลั้นหายใจรอคอยการตอบรับจากคนปลายสาย เหงื่อเย็นๆไหลซึมออกมาจากมือข้างที่ถือโทรศัพท์แบรนด์แอปเปิ้ลอย่างลุ้นๆ มือหนาบีบโทรศัพท์แน่นจนน่าเป็นห่วงว่ามือถือเครื่องบางจะถูกร่างหนาบีบจนแตกละเอียดไปเสียก่อน แต่ก่อนที่ทงเฮจะขาดใจตาย เสียงหวานก็ตอบกลับมาอย่างน่ารักว่า
“ทงเฮก็เหมือนกันนะ”
. . . . . .
ทงเฮก็เหมือนกันนะ
. . .
ทงเฮก็เหมือนกันนะ
. . .
ทงเฮก็เหมือนกันนะ
. . .
ทงเฮก็เหมือนกันนะ
. . .
ทงเฮก็เหมือนกันนะ
. . .
เสียงหวานของฮยอกแจดังก้องอยู่ในหัวทงเฮแม้ว่าจะถูกตัดสายไปแล้ว ดังซ้ำไปซ้ำมาราวกับกดรีเพลย์ซ้ำแล้วซ้ำอีก
ฟอหอกอดอเอกอาสอวอ!!!!!!!!!!!
อีทงเฮอยากจะกรี๊ด!
คืนนี้ทงเฮจะรีบๆอาบน้ำแต่งตัวแล้วรีบๆมานอนตั้งแต่หัวค่ำจะได้รีบๆฝันดีอย่างที่ฮยอกแจบอก!
วันศุกร์ที่แสนสดใส ร่างบอบบางยืนรอทั้งคนรักและเพื่อนของคนรักที่นัดกันไว้ มือเล็กถือถุงผ้าบางๆที่คาดว่าด้านในก็คงจะเป็นเสื้อตัวที่ทงเฮบอกว่าจะขอยืมนั่นแหละ มือเล็กแกว่งถุงผ้าในมือไปมาเพลินๆ วันนี้อยู่ๆเขาก็รู้สึกอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก อาจจะเป็นเพราะเมื่อวานซีวอนขับรถไปส่งเขาที่บ้านเหมือนเดิมหลังจากที่ไม่ได้ไปส่งเขามาติดกันหลายวันล่ะมั้ง
“ฮยอกแจ” เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงของซีวอนที่เดินเข้ามาใกล้พร้อมกับชายหนุ่มร่างโปร่งข้างกาย
“..ซีวอนมาแล้วหรอ” ฮยอกแจยิ้มรับหน้าบาน
“อืม” ซีวอนตอบรับในลำคอพลางพยักหน้าเบาๆเป็นการตอบรับ
ฮยอกแจเลื่อนสายตาจากไปหน้าคมไปหยุดอยู่ที่ร่างโปร่งแปลกหน้าที่สูงกว่าฮยอกแจเกือบคืบ คนตัวเล็กเอียงคอมองอย่างสงสัย คนๆนี้เป็นใคร เพื่อนคนไหนของซีวอน ทำไมเขาถึงไม่เคยเห็นหน้า
เขาคนนั้นคลี่ยิ้มบางให้ฮยอกแจอย่างเป็นมิตร แต่ดูน่าแปลกที่รอยยิ้มนั้นของร่างโปร่งทำให้ฮยอกแจใจสั่นระรัว ไม่ใช่เพราะตกหลุมรักหรืออะไรทั้งนั้น แต่มัน .. ให้ความรู้สึกไม่ดีอย่างประหลาด
“คนนี้ใครหรอซีวอน” ฮยอกแจหันไปถามซีวอนด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ซีวอนหันไปสบตากับคนข้างกายชั่วครู่ก่อนจะคลี่ยิ้มหล่อให้ฮยอกแจ
ซีวอนก้าวเข้ามาประชิดตัวฮยอกแจอย่างกระทันหันจนคนตัวเล็กตกใจแทบจะเซล้มไปข้างหลังแต่ก็โชคดีที่แขนแกร่งคว้าเอวบอบบางไว้ได้ทัน
“อ่ะ..เอ่อ.. ซีวอน” ฮยอกแจที่ตกอยู่ในอ้อมแขนแกร่งออกแรงดันอกอีกคนเบาๆ ใบหน้าสวยขึ้นสีระเรื่อด้วยความเขินอาย นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้ใกล้ชิดคนรักแบบนี้
“หืม?” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างนุ่มละมุนจนฮยอกแจหน้าแดงหนักกว่าเก่า ดวงหน้าหวานซุกลงกับอกแกร่งซ่อนความเขินอายอย่างน่ารัก
“ฮยอกแจ .. วันนี้ฉันเอาของขวัญย้อนหลังวันครบรอบของเรามาให้นายด้วยนะ” ซีวอนพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นซึ่งฮยอกแจไม่ได้ยินมานานพอสมควร มือหนาจับใบหน้าหวานให้ขึ้นมาสบตากับตัวเอง นิ้วแกร่งลูบแก้มใสแผ่วเบา
“จริงหรอซีวอน” ฮยอกแจยิ้มกว้างจนเห็นเหงือกสีชมพูน่าเอ็นดู เมื่อร่างสูงฟังคำของคนตัวเล็กจบก็พยักหน้าเบาๆพร้อมรอยยิ้มเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง
ซีวอนหันไปสบตากับร่างโปร่งที่ยืนอยู่ด้านหลังอีกครั้ง ส่งยิ้มให้กันและกันก่อนจะหันมาหาร่างบอบบางในอ้อมกอด
“สิ่งที่ฉันจะให้ ..”
ฮยอกแจมองใบหน้าหล่อของร่างสูงด้วยความตื่นเต้นที่ปิดไม่มิด ใจดวงน้อยเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมานอกอก ปากบางคลี่ยิ้มหวานอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
“ก็คือ..” พูดพลางยกมือแกร่งขึ้นลูบหัวทุยของคนตัวเล็กแผ่วเบา มือเล็กก็เขย่าแขนแกร่งของอีกคนอย่างเร่งเร้าให้รีบๆให้เขามาเสียที
ซีวอนใช้มือแกร่งจับข้อมือบางเอาไว้หลวมๆ แต่ก็มากพอที่จะทำให้ร่างบางหยุดการกระทำลงได้ คนตัวเล็กได้แต่แสดงสีหน้างุนงงอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่ซีวอนกำลังทำอยู่
“ช่วงนี้นายเสียใจเพราะฉันอยู่บ่อยๆใช่มั้ย” ร่างสูงถามด้วยสีหน้ายิ้มๆ แต่ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับไม่ทำให้ร่างบางรู้สึกดีได้เหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป ร่างบางขมวดคิ้วน้อยๆแต่ไม่ได้ตอบคำถามร่างสูง
“นายกำลังกังวลเพราะฉันใช่มั้ย”
“นายกำลังอึดอัดเพราะฉันใช่มั้ย”
ฮยอกแจที่รู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์บางอย่าง ตาคู่สวยจ้องมองใบหน้าหล่อนิ่ง มือเล็กกำเสื้อของร่างสูงแน่นจนยับยู่ยี่ ตาคู่สวยไหววูบด้วยความรู้สึกกลัว .. กลัวว่าสิ่งที่เขาคิดกำลังจะเกิดขึ้น กลัวว่าสิ่งที่เขากังวลมาตลอดกำลังจะเกิดขึ้น กลัวว่าเขาจะเสียคนที่รักไป กลัวจนมือทั้งสองข้างไร้เรี่ยวแรง ถุงผ้าที่ถืออยู่ในตอนแรกถูกปล่อยให้ตกลงตามแรงโน้มถ่วงกระแทกพื้นจนเสื้อสีน้ำตาลที่อยู่ด้านในหลุดออกมา
“นายกำลังเจ็บเพราะฉันใช่มั้ย” ซีวอนเอ่ยขึ้นพลางลูบใบหน้าหวานอย่างปลอบประโลม
“เพราะฉะนั้น ...”
“ไม่! อย่าพูดนะ!” ฮยอกแจตะโกนลั่นแทรกเสียงทุ้มอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ หัวใจดวงน้อยสั่นระรัวด้วยความหวาดกลัวที่แล่นขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัว
“ถ้าในเมื่อฉันเป็นคนทำให้นายเจ็บ..” ซีวอนยังคงพูดต่อโดยไม่สนใจร่างบางที่กำลังกัดฟันแน่นพลางจิกเสื้อเชิ้ตของเขาจนยับยู่ยี่หนักกว่าเก่า
“ไม่ซีวอน ฉันไม่ได้เจ็บ หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ!” ฮยอกแจเอื้อมมือหมายจะปิดปากของร่างสูง แต่มือแกร่งก็ไวกว่าคว้าหมับไว้ได้ทันก่อนจะเร่งพูดคำที่ร่างเล็กไม่อยากได้ยินมาที่สุดออกมา
“ฉันก็จะไปจากนาย”
“ก็บอกว่าไม่ไงเล่า!” ฮยอกแจตวาดลั่นพลางเขย่าร่างสูงอย่างแรง
“ให้นายไปเจอชีวิตที่ดีกว่าตอนที่อยู่กับฉัน เจอคนที่ดีกว่าฉัน”
“ไม่! ไม่! ไม่! นายได้ยินมั้ยซีวอน! ฉันบอกว่าไม่!” ฮยอกแจตะโกนเสียงดังลั่น ขอบตาสวยแดงระเรื่ออย่างห้ามไม่อยู่ มือเล็กทุบตีร่างสูงไม่หยุดอย่างที่ไม่เคยเป็น
ฮยอกแจกัดฟันแน่นอย่างหักห้ามตัวเอง เขาไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าคนที่เขารัก เขากลัว .. กลัวว่าซีวอนจะเป็นกังวลเพราะเขา แต่ถึงอย่างไรก็ตาม น้ำตาที่รื้นอยู่ที่ขอบตาก็ดูจะไม่ค่อยเชื่อฟังหัวใจร่างเล็กเท่าไร น้ำใสๆรื้นขึ้นมาบดบังการมองเห็นของฮยอกแจจนภาพตรงหน้าเบลอไปหมด ฮยอกแจมองซีวอนผ่านม่านน้ำตาอย่างเจ็บช้ำ ภาพของใบหน้าคมที่เขาเคยมองเห็นได้ชัดเจนถูกความเจ็บปวดบดบังจนมองแทบไม่เห็น ฮยอกแจเอื้อมมือออกไปหวังจะสัมผัสใบหน้าหล่อแต่ก็ไม่สามารถสัมผัสได้สมใจ มือเล็กสัมผัสได้เพียงอากาศที่ว่างเปล่า รู้สึกราวกับกำลังถูกบีบหัวใจแน่น โดดเดี่ยวอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมากก่อน หัวใจดวงน้อยที่เคยสั่นระรัวหวั่นไหวเพราะความรักที่กำลังเริ่มต้นและกำลังดำเนิน กลับกลายมาเป็นสั่นระรัวไม่เป็นจังหวะเพราะความรักที่ต้องจบลงไปอย่างไร้เยื่อใย เจ็บปวดเกินกว่าคนตัวเล็กๆจะทนไหว
“นี่น่ะหรอของขวัญของนาย!? นี่น่ะหรอของขวัญวันครบรอบของนาย!?” น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลรินจากตาคู่สวยเป็นสาย เสียงหวานตวาดลั่นราวกับคนไร้สติ ภาพเก่าๆที่ผ่านมาของทั้งเขาและซีวอนย้อนกลับเข้ามาในสมองเล็กเหมือนกับมีใครกดรีเพลย์ ตั้งแต่วันแรกที่เขาเจอซีวอน ตั้งแต่วันแรกที่ซีวอนเข้ามาจีบเขา ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มรักซีวอน ตั้งแต่วันแรกที่ซีวอนขอเขาคบ ตั้งแต่เดทครั้งแรกระหว่างเรา หรือแม้กระทั่งตั้งแต่วันที่ซีวอนจูบเขาครั้งแรก ทุกๆความทรงจำดีๆหวนเข้ามาในความทรงจำราวกับต้องการจะทำลายหัวใจที่บอบบางของฮยอกแจให้สิ้นซาก
รัก .. มากเกินไป รัก .. จนไม่ได้เผื่อใจเอาไว้เจ็บ
“นายไม่ชอบหรอฮยอกแจ แบบนี้ฉันก็เสียใจแย่สิ” ซีวอนพูดพลางยิ้มบางๆ รอยยิ้มที่สร้างแผลลึกในใจฮยอกแจมากขึ้นไปอีก ซีวอนคงไม่ได้กำลัง .. ยิ้มหยันเขาใช่มั้ย? ฮยอกแจเข้าสวมกอดร่างแกร่งทันที เสียงหวานพร่ำพูดขอร้องซีวอนอย่างน่าสงสาร
“ซีวอน ได้โปรด.. ฮึก”
“ฮยอกแจ ฉันขอโทษ” ซีวอนพูดพลางค่อยๆดันร่างบอบบางออก แต่ฮยอกแจก็ยังคงฝืนแรงของซีวอนเอาไว้
คำขอโทษของซีวอนไม่ได้ทำให้ร่างบางรู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย เขารู้สึกราวกับคำขอโทษจากร่างสูงเป็นยาพิษที่ช่วยทำให้เขาตายเร็วขึ้นได้เป็นอย่างดี
“ขอร้องล่ะซีวอน นายก็รู้ว่าฉันรักนายมาก ได้โปรดอย่าไป..” ฮยอกแจซุกหน้าลงกับอกแกร่ง สัมผัสเปียกชื้นเป็นวงกว้างบนเสื้อของร่างสูงบ่งบอกได้ดีว่าคนตัวเล็กร้องไห้หนักแค่ไหน
“แม้ว่าฉันจะไม่ได้รักนายแล้วน่ะหรอฮยอกแจ..? ถ้านายรักฉันก็ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันมีคนใหม่แล้วนายก็เห็น” ซีวอนพูดพลางสะบัดร่างเล็กๆอย่างแรงจนฮยอกแจล้มลงไปกับพื้น
ร่างสูงเดินเข้าไปโอบเอวร่างโปร่งที่มาด้วยกันราวกับจะเย้ยหยันร่างบาง ตาคมก้มลงมองคนที่นั่งร้องไห้อยู่กับพื้นด้วยสายตาว่างเปล่า ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นสบตากับร่างสูงก่อนจะพาร่างบอบบางของตัวเองเข้าไปกอดขาแกร่งอย่างขอร้อง
“ฮึก ซีวอน ฉันรักนายนะ.. ฮึก.. รักนายจริงๆ” ร่างเล็กพูดพลางสะอื้นไห้ แขนเล็กกอดขาแกร่งแน่นไม่ยอมปล่อย เขาจะไม่มีทางปล่อยคนที่รักไป ไม่มีทาง..
“ฮยอกแจ พอได้แล้ว อย่าทำตัวน่ารังเกียจแบบนี้เลย” คำพูดรุนแรงหลุดออกมาจากปากของร่างสูงที่เคยอบอุ่นและอ่อนโยน ฮยอกแจส่ายหน้ารัวๆจนผมนุ่มยุ่งเหยิงไปหมด น้ำตาที่เปรอะเปื้อนไปทั่วดวงหน้าหวานทำให้ร่างบางดูน่าสงสารมากขึ้นไปอีก
“ฮึก นายบอกฉันสิว่านายแค่ล้อเล่น ซีวอน..”
แขนเล็กกอดขาแกร่งแน่นพลางแนบใบหน้าหวานเข้ากับกางเกงแสลคสีดำของร่างสูง ซีวอนเหลือกตาขึ้นด้านบนอย่างหมดความอดทนพลางสะบัดขาอย่างแรงจนร่างเล็กๆกระเด็นออกไปตามแรง ฮยอกแจร้องไห้อย่างรุนแรงดูน่าสงสารแต่นั่นไม่ใช่สำหรับซีวอน ร่างสูงมองคนตัวเล็กที่อยู่บนพื้นด้วยสายตาสมเพศปนเวทนา ฮยอกแจที่เงยหน้าขึ้นมาสบสายตากับร่างสูงพอดิบพอดีถึงกับนิ่งค้าง เขาพึ่งจะเคยเห็นสายตาแบบนี้จากซีวอนก็วันนี้แหละ ..
สายตาสมเพศของร่างสูงใช้มองฮยอกแจเปรียบดังเครื่องมือทรมานร่างบางที่กำลังกรีดหัวใจดวงน้อยจนเป็นแผลเหวอะหวะ ตอนนี้ฮยอกแจรู้สึกราวกับกำลังถูกคนที่เขารักบีบหัวใจให้แหลกสลายไป ความจุกแน่นอยู่ในอกสร้างความทรมานอย่างถึงที่สุดให้กับร่างบาง หยาดน้ำตาที่ไหลลงมาราวกับสายธารไม่ได้ชโลมให้หัวใจบอบบางรู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว
หัวใจที่ซีวอนเคยให้สัญญาไว้ว่าจะดูแลมันอย่างดี .. แต่ตอนนี้กลับถูกซีวอนเป็นคนทำลายมันเองกับมือ..
“ฮยอกแจจะมอบหัวใจให้ฉันเป็นคนดูแลได้มั้ย..”
“ซีวอนจะดูแลหัวใจฉันได้จริงๆหรอ”
“แน่นอนสิ จะดูแลอย่างดี ไม่ให้เจ็บไม่ให้เสียใจ เราจะปกป้องหัวใจของนายด้วยหัวใจของเราเอง..”
“อ่า...อื้อ ตกลง ซีวอนดูแลหัวใจเราดีๆนะ ห้ามทิ้งนะ สัญญาด้วย”
“ผมชเวซีวอนขอสัญญาว่าจะไม่ทิ้งฮยอกแจ จะรักฮยอกแจตลอดไป..”
ยิ่งหวนนึกถึงวันวานน้ำตาก็ยิ่งไหลมากขึ้น เสียงทุ้มนุ่มยังคงดังก้องอยู่ในหัวใจดวงน้อยราวกับจะกลั่นแกล้ง ทั้งๆที่ในหัวใจของเขายังมีเสียงคำมั่นสัญญาของซีวอนดังอยู่ไม่ขาดสาย แต่ภาพที่เขาเห็นตรงหน้ากลับเป็นภาพที่ซีวอนเดินจากไปกับใครอีกคนอย่างไม่ใยดีเขาเลยสักนิด
“วันนี้ฮยอกแจอ่านนิยายเรื่องนึงมา..”
“หืม?”
“พระเอกเรื่องนี้ใจร้ายมากๆเลยอ่ะ คบกับนางเอกมาตั้งนาน ตอนแรกๆก็รักกันมากเลยนะ แต่อยู่ๆก็ทิ้งนางเอกไปเฉยเลย นางเอกน่าสงสารมากๆเลยล่ะ!”
“นั่นสิ ทำไมถึงใจร้ายได้ขนาดนั้นนะ”
“ซีวอนคงจะไม่ทำแบบนั้นกับฉันใช่มั้ย..”
“แน่นอน”
“ฉันรักนายที่สุดเลยยยย”
“ฉันก็รักนาย ฮยอกแจ..”
แต่สำหรับวันนี้ .. ซีวอนกลับกลายมาเป็นคนใจร้ายคนนั้น คนใจร้ายที่ไม่เห็นความหมายของอดีตเลยสักนิด .. คนใจร้ายที่เดินจากไปทั้งๆที่เขากำลังร้องไห้จะเป็นจะตายราวกับจะขาดใจอยู่ตรงนี้..
ตั้งแต่เกิดมาฮยอกแจก็พึ่งเคยรับรู้ความรู้สึกของคนที่ถูกทิ้ง ความรู้สึกของคนที่ต้องโดดเดี่ยวอยู่คนเดียว รู้สึกโหวงๆแปลกๆอย่างไม่คุ้นชิน การที่ต้องมองคนที่รักและคนที่เขาเคยเป็นเจ้าของหัวใจเดินจากไปกับใครอีกคนที่เขาเกลียดจับใจแม้ว่าเขาจะไม่รู้จักแม้แต่ชื่อของคนๆนั้นก็ตาม คนที่เคยให้คำมั่นสัญญากับเขาอย่างดีว่าจะไม่ทำให้เขาเจ็บปวด แต่วันนี้กลับเป็นคนทำลายมันลงด้วยมือของตัวเอง คนที่เคยเป็นคนคอยซับน้ำตาให้เขาอย่างอ่อนโยน แต่วันนี้เขาคนนั้นกลับเดินจากไปอย่างไม่เหลียวแลร่างบอบบางที่ถูกทิ้งให้ร้องไห้สะอึกสะอื้นจะเป็นจะตายอยู่เบื้องหลัง
ฮยอกแจกำลังมองผู้ชายที่ได้รับหัวใจของเขาไปแล้วทั้งดวงเดินจากไปด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ จะไม่มีอีกแล้วงั้นหรอคนที่จะคอยอยู่ข้างๆเขา จะไม่มีอีกแล้วงั้นหรอคนที่จะคอยปลอบประโลมเขา พร่ำบอกคำรักหวานให้เขาฟัง จะไม่มีอีกแล้วงั้นหรอชเวซีวอนที่รักฮยอกแจสุดหัวใจดังเช่นในอดีต..
ร่างบอบบางไร้เรี่ยวแรงเกินกว่าจะพยุงกายลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งตามคนที่เขารักได้อย่างที่ใจต้องการ ฮยอกแจฝืนลุกขึ้นมาแต่ก็ทรุดลงไปกับพื้นอีกครั้งพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรั่งพรูออกมายิ่งกว่าเดิม นี่คือเรื่องจริงอย่างงั้นหรอ? ใครก็ได้ช่วยปลุกเขาทีได้มั้ย ปลุกเขา .. แล้วบอกกับเขาว่านี่ก็แค่ฝันร้าย ในโลกแห่งความจริงซีวอนยังคงอยู่ข้างกายเขา ซีวอนจะต้องกอดปลอบเขาแล้วพร่ำพูดประโลมเขาว่าซีวอนจะไม่มีทางทิ้งฮยอกแจไป ..
“ฮยอกแจ!” เสียงทุ้มเรียกชื่อร่างบางที่ทรุดกายอยู่กับพื้นสะอื้นไห้อย่างหนักด้วยเสียงดังด้วยความตกใจ ร่างหนารีบวิ่งเข้ามาหาร่างบอบบางด้วยความเป็นห่วง ร่างหนาทรุดกายลงนั่งให้อยู่ในระดับเดียวกับคนตัวเล็ก
“ฮึกกก ซะ..ซีวอน ซีวอน.. ฮึก นายกะ..กลับมาหาฉันแล้วใช่มั้ย ฮึก” เสียงหวานพูดออกมาโดยไม่มองหน้าอีกคน แขนเล็กเข้าสวมกอดร่างหนาทันทีอย่างโหยหาคนรัก ร่างบางซุกใบหน้าหวานลงกับอกแกร่งหวังให้แผ่นอกหนาจะเป็น
“ฮยอกแจ นี่ฉันเอง ทงเฮ” ทงเฮพูดพลางลูบหลังคนน่ารักอย่างปลอบประโลม เขาไม่รู้ว่าฮยอกแจเจออะไรมา เขาไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้ฮยอกแจเป็นแบบนี้ เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เขาควรจะต้องทำอย่างไร เขารู้แต่เพียงว่าตอนนี้หัวใจของเขากำลังจะแตกสลายไปเพียงเพราะเห็นสภาพที่ดูแทบไม่ได้ของคนที่เขารักแบบนี้
ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของคนที่เขากำลังสวมกอดอยู่ให้ชัดๆ ใบหน้าหล่อของอีทงเฮเพื่อนสนิทของ ‘อดีตคนรัก’ ของเขาที่ปรากฏแก่สายตาสร้างความผิดหวังให้ร่างบางเป็นอย่างมาก ฮยอกแจเขย่าแขนทงเฮอย่างแรงด้วยความต้องการจะระบายความทุกข์ความเจ็บปวดที่เขาได้รับ
“ฮึกกกก ไม่ใช่ซีวอน .. ซีวอนไปแล้ว ฮึกกกก ทงเฮ..ทงเฮช่วยฉัน..ฮึก..ได้มั้ย”
ฮยอกแจหมายความว่ายังไง?
ทงเฮเบิกตากว้างอย่างตกใจ ร่างหนากำลังตีความคำพูดของฮยอกแจไปต่างๆนาๆ คำพูดที่ไม่ได้บอกรายละเอียดของฮยอกแจสร้างความกังวลให้ทงเฮมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เหงื่อเย็นๆผุดขึ้นบนใบหน้าคมอย่างห้ามไม่อยู่
“หมายความว่าไงฮยอกแจ ซีวอนเป็นอะไร!?” ทงเฮถามร่างบางด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน
ฮยอกแจส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความเจ็บปวด
“ซีวอนไม่ได้เป็นอะไร ฮึก ฉะ..ฉันต่างหากที่เป็น ฮึกกกก ซีวอนเขามีความสุขดี.. เขาดูจะมีความสุขมากเกินไปซะด้วยซ้ำ ฮึก ..”
ราวกับต้องการจะย้ำเตือนตัวเองถึงความเจ็บปวดที่เขากำลังเผชิญอยู่ ราวกับจะย้ำเตือนให้ตัวเองรู้ว่าซีวอนเขาได้จากไปแล้ว เขาเสียคนที่เขารักที่สุดไปแล้ว เสียไปให้กับคนอื่น .. คนรักของเขากลายเป็นของคนอื่นไปแล้ว ต่อไปนี้ซีวอนจะไม่ใช่คนรักของเขาอีกต่อไป
ทงเฮขมวดคิ้วแน่น เขาพอจะเดาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างที่เขายังไม่มาได้แล้ว สิ่งที่เขาเองนึกกังวลในที่สุดมันก็มาถึง .. เขานี่มันแย่จริงๆ แค่จะช่วยให้คนที่เขารักมีความสุขเขายังทำไม่ได้ ..
“ฮยอกแจ .. ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร” ทงเฮยิ้มบางๆให้ฮยอกแจ หวังจะให้รอยยิ้มที่เขามอบให้จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่ฮยอกแจได้รับได้ เขาเข้าใจดีว่าการถูกคนที่รักที่สุดทอดทิ้งมันเป็นยังไง เขารู้ดีว่ามันเจ็บแค่ไหน และเขา..ก็พร้อมที่จะได้รับเจ็บปวดนั้นแทนฮยอกแจ ถ้าเป็นไปได้เขาจะยอมเจ็บแทนร่างบอบบางตรงหน้านี่เลยด้วยซ้ำ หรืออย่างน้อยก็ขอให้เขาได้ช่วยบรรเทาความทรมานนั้นก็ได้..สักนิดก็ยังดี
“ฮึกกก ทงเฮ ฉันเจ็บ .. เหมือนจะตายเลย ฮึก..ทงเฮ” ร่างบางพร่ำบอกพลางจิกแขนแกร่งแน่นอย่างต้องการจะระบายความเจ็บปวด แต่สิ่งที่ร่างบางทำอยู่นั้นก็ไม่ได้ช่วยทำให้ความเจ็บทรมานที่หัวใจบอบบางลดน้อยลงไปเลยสักนิด
ทงเฮใช้นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยน้ำตาที่ไหลลงมาจากตาคู่สวยช้าๆ แต่ไม่ว่าจะเกลี่ยเท่าไรน้ำตาก็ยังทงไหลทะลักออกมาอย่างไม่ขาดสาย
“ฉันรู้ .. ฮยอกแจ ฉันเข้าใจนาย”
ทำไมทงเฮจะไม่เข้าใจล่ะ .. ตอนนี้ทงเฮก็เจ็บ เจ็บกว่าฮยอกแจเป็นร้อยเท่า เห็นฮยอกแจเจ็บ ทงเฮก็เจ็บ .. แต่ที่เจ็บมากกว่า ก็คงจะเป็นเพราะน้ำตาที่ไหลเป็นสายนั่น ของเหลวสีใสจากตาคู่สวยเปรียบดังยาพิษที่สร้างบาดแผลไปทั่วหัวใจแกร่ง และก็คงจะเป็นเพราะ .. ผิดหวังในตัวเพื่อนรักของเขาด้วยล่ะมั้ง
“ทงเฮ..ฮึก.. ซีวอนเขาไป..กับ..คนอื่นแล้ว ฮึกกกก เขามีคนใหม่.. ทงเฮ.. ไม่มีซีวอนแล้วฉันจะอยู่ได้ยังไง!?” ปลายประโยคฮยอกแจพูดเสียงดังอย่างระบายอารมณ์ มือเล็กทุบตีร่างกายบอบบางของตัวเองอย่างบ้าคลั่งราวกับคนไม่มีสติ
ทงเฮที่ตกใจกับการกระทำราวกับคนไร้สติของฮยอกแจรีบจับข้อมือบางไม่ให้ทำร้ายตัวเองไปมากกว่านี้ แม้ฮยอกแจจะพยายามดิ้นอย่างแรงให้หลุดจากการเกาะกุมแต่แรงที่มีอยู่น้อยนิดจึงไม่สามารถดิ้นหลุดได้
“ฮยอกแจ ใจเย็นๆ อย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้” ทงเฮพูดเสียงนุ่มพลางลูบใบหน้าหวานเบาๆอย่างเรียกสติอีกคน แต่ฮยอกแจที่อยู่ในสภาพอารมณ์ที่สามารถควบคุมได้ยากก็ผลักทงเฮออกอย่างแรงแต่ร่างหนาก็ไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด
“ไม่! ไม่! ไม่!” เสียงหวานตะโกนลั่น มือเล็กยกขึ้นทึ้งผมตัวเองอย่างแรงจนผมที่ยุ่งเหยิงอยู่แล้วดูกระเซอะกระเซิงราวกับคนบ้า ทงเฮรีบจับมือเล็กเอาไว้แน่น ตาคมจ้องมองไปที่ใบหน้าหวานที่ตอนนี้หลับตาปี๋ด้วยความที่ไม่อยากรับรู้ความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
“ฮยอกแจ นายต้องตั้งสติดีๆนะ” ทงเฮพูดด้วยน้ำเสียงที่เริ่มสั่นน้อยๆ การที่ให้เขาต้องทนมองร่างบางมีสภาพแบบนี้โดยที่เขาทำอะไรที่จะสามารถช่วยให้ร่างบางสงบสติอารมณ์ลงได้มันให้ความรู้สึกทั้งอึดอัดทั้งทรมานไปในคราเดียวกัน ทำไมทงเฮถึงได้แย่ถึงขนาดนี้นะ .. ทำไมทงเฮถึงทำอะไรไม่ได้เลย..
“ทำไม!? ทำไม!? ทำไมนายต้องทิ้งฉันไป!? ซีวอนนนน” ท้ายประโยคเสียงหวานตะโกนลั่นจนแทบจะกลายเป็นกรีดร้อง มือเล็กยังคงพยายามจิกข่วนแขนตัวเองอยู่หลายครั้ง ซึ่งส่วนมากก็ไปโดนแขนทงเฮที่พยายามใช้แขนแกร่งของตัวเองเข้ามาปกป้องไม่ให้แขนบอบบางมีรอยข่วน
“ฮึกกกก ฉัน.. ฉันไม่มีใครอีกแล้ว .. ฮึก ฉันอยู่ไม่ได้..จริงๆนะซีวอน.. ฮึกกกก” เสียงหวานพร่ำบอกปนเสียงสะอื้นไห้แผ่วเบาราวกับเจ้าของชื่อที่ร่างบางพูดถึงกำลังยืนอยู่ตรงหน้า
“ฮยอกแจ ขอร้องล่ะ สงบสติอารมณ์แล้วลืมตาขึ้นมามองฉัน ฮยอกแจอย่าทำร้ายตัวเองเลยนะ” ทงเฮลูบใบหน้าหวานแผ่วเบาหวังจะให้มือหนาช่วยถ่ายทอดความอ่อนโยนไปสู่ร่างบางได้บ้าง
ฮยอกแจค่อยๆสงบลง มือเล็กเปลี่ยนจากจิกตีตัวเองมาเป็นกำเสื้อเชิ้ตสีขาวของอีกคนแน่น เสียงสะอื้นไห้และน้ำตาเม็ดใสยังคงไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ทงเฮค่อยๆเกลี่ยน้ำตาบนแก้มใสอย่างนุ่มนวล
“ทีนี้ก็ลืมตาขึ้นมานะฮยอกแจ”
ทันทีที่ทงเฮพูดจบ ฮยอกแจก็ค่อยๆเปิดเปลือกตาบางขึ้นมาอย่างช้าๆ ตากลมจ้องมองใบหน้าหล่อตรงหน้าที่อยู่ในระยะประชิดเกินกว่าที่เขาคาดเอาไว้ทำให้ฮยอกแจเผลอถอยหน้าหนีเล็กน้อย
“ไหนนายบอกฉันซิว่าตอนนี้นายกำลังมองเห็นใคร” ทงเฮถามพลางคลี่ยิ้มบางอย่างอบอุ่น มือใหญ่ลูบผมนุ่มเบาๆเพื่อปลอบประโลมคนตัวเล็ก
“ทะ..ทงเฮ” ปากเล็กเอื้อนเอ่ยออกมาแผ่วเบา คิ้วบางขมวดเล็กน้อยด้วยความสงสัยว่าทงเฮต้องการจะสื่ออะไร
“แล้วทำไมตะกี้ถึงได้บอกว่านายไม่มีใครล่ะ” ร่างหนาเผยรอยยิ้มที่กว้างขึ้นเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กหยุดร้องไห้แล้ว เหลือเอาไว้เพียงขอบตาที่บวมแดงเพราะร้องไห้อย่างหนักกับคราบหน้าตาที่เปรอะเปื้อนทั่วใบหน้าหวาน คนตัวเล็กมองคนพูดตาแป๋วราวกับเด็กน้อย
“ฉันยังอยู่ตรงนี้ ยังอยู่กับนาย ไม่ได้ทิ้งนายไปไหน เข้าใจมั้ย”
ทันทีที่ทงเฮพูดจบ ฮยอกแจก็ยู่หน้าอย่างขัดใจ คนตัวเล็กส่ายหน้าไปมาเบาๆก่อนจะพูดตัดพ้อออกมา
“ฉันหมายถึงไม่มีคนที่รักฉันแล้วต่างหากล่ะ!”
ร่างหนาถอนหายใจกับคำพูดจากร่างบางเบาๆ ก่อนจะยันกายลุกขึ้นยืนแล้วค่อยๆดึงให้อีกคนลุกขึ้นมาด้วยกัน ส่วนฮยอกแจก็ลุกตามขึ้นมาอย่างว่าง่าย
“แล้วฮยอกแจเอาอะไรมาตัดสินว่าฉันไม่ได้รักฮยอกแจ” ทงเฮถามยิ้มๆพลางดึงมือคนตัวเล็กให้เดินตาม
“. . . . .” ความเงียบถูกส่งมาเป็นคำตอบ ทงเฮใจเสียไปนิดหนึ่งที่อีกคนไม่ตอบอะไรกลับมาแต่ก็ไม่ใจกล้าพอที่จะหันไปมองดวงหน้าหวานของคนที่อยู่ข้างหลังเขา
.. แต่ถ้าทงเฮหันมามองสักนิด ก็จะเห็นว่าแก้มใสของฮยอกแจขึ้นสีระเรื่ออย่างน่ารัก ใบหน้าหวานก้มหน้างุดอย่างเขินอายโดยที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เหตุผลที่ทำให้เขาเขินแบบนี้
ทำไมกันนะ?
ฮยอกแจถึงไม่เคยสังเกตเลยว่าทุกครั้งที่เขาอยู่กับทงเฮ ทงเฮเป็นคนที่ทำให้เขายิ้มได้เสมอ ไม่ว่าก่อนหน้านั้นเขาจะเสียใจมามากแค่ไหนก็ตาม..
“ฉันยังอยู่ตรงนี้ ยังอยู่กับนาย ไม่ได้ทิ้งนายไปไหน เข้าใจมั้ย”
คำพูดประโยคนี้ .. ถ้าซีวอนเป็นคนมาพูดกับเขา ก็คงจะดีสินะ..
ความคิดเห็น