พราง - พราง นิยาย พราง : Dek-D.com - Writer

พราง

คุณคงไม่รู้หรอกว่าอะไรอยู่รอบๆตัวคุณ

ผู้เข้าชมรวม

1,156

ผู้เข้าชมเดือนนี้

4

ผู้เข้าชมรวม


1.15K

ความคิดเห็น


23

คนติดตาม


2
เรื่องสั้น
อัปเดตล่าสุด :  18 ต.ค. 55 / 13:45 น.

แท็กนิยาย

Halloween



ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นที่ส่งประกวดในโครงการ Halloween#3 ของบอร์ดนักเขียนนะครับ 
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ

    พราง

                ผมขยับตัวตามเสียงเพลงไปด้วยขณะที่เดินแทรกผ่านผู้คนเข้าไป เสียงเบสอันหนักหน่วงแทบดึงให้หัวใจผมเต้นตามจังหวะของมันไปด้วย ในมือของผมมีเครื่องดื่มอยู่แล้วตั้งแต่เดินเข้ามาที่นี่  ถึงแม้ว่าจะได้รับบัตรเชิญ แต่ก็ยังต้องกรอกชื่อ เบอร์โทรศัพท์และโดนบังคับซื้อเครื่องดื่มอยู่ดี

                แวมไพร์กระหายเลือดตนนั้นกำลังจ้องหญิงสาวที่สะบัดสะโพกตามจังหวะจนน่ากลัวว่าเอวจะเคล็ดเมื่อเธอกลับไปถึงบ้าน เขาจิบไวน์สีแดงพร้อมกับยิ้มอย่างน่ากลัว  ชายที่มีเลือดไหลจากหัวลงมาบนใบหน้าขาวซีดคนนั้นก็มองเธอเช่นกัน เขาเอียงคอที่มีรอยแผลเหวอะหวะน่ากลัวขณะที่เอาลิ้นเลียริมฝีปากแห้งผากนั้นไปด้วย  แน่นอนว่านั่นเป็นเพียงแค่ชุดแฟนซีเท่านั้น เจ้าสองคนนั่นคงจะมองสะโพกน่าหม่ำของเธอในแบบที่อยากจะกินตับเสียมากกว่า

                วันนี้เป็นคืนฮาโลวีน ผมได้รับบัตรเชิญมาปาร์ตี้ที่สุดแสนน่าสะพรึงจากเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งจนบัดนี้ผมก็ยังหาตัวมันไม่เจอ กว่าผมจะแทรกตัวเข้าไปเกาะอยู่ที่บาร์ได้ก็ถูกกันชนของสาวเสิร์ฟที่วุ่นกับการนำเครื่องดื่มไปส่งบดบี้เอาหลายครั้ง ซึ่งผมก็ไม่แคร์หรอก ผมเป็นคนใจกว้างอยู่แล้ว

                กลิ่นบุหรี่ที่ลอยอยู่ในอากาศทำให้ผมคิดถึงเหตการณ์เมื่อหลายปีก่อน ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่าแต่ผมคิดว่ามีกลิ่นไหม้ที่ไม่ใช่ควันบุหรี่ปะปนอยู่ในนี้ด้วย ที่นี่ตกแต่งในแนวแวร์เฮ้าส์ผสมกับการาจ คือคล้ายๆกับเป็นโกดังหรือโรงจอดรถผสมๆกัน แต่ผมว่ามันก็เข้ากับบรรยากาศผีๆอยู่ไม่เบา สาวเสิร์ฟล้วนแต่คัดมาอย่างดี พวกเธอสวมเสื้อกล้ามที่มีรอยขาดวิ่นเพราะไหม้ไฟ ทำให้หน้าอกหน้าใจที่แม่ให้มาแทบทะลักออกมาแถมยังสั้นเต่อเปิดหน้าท้องอวดเอวคอดน่ามอง กางเกงขาสั้นที่โดนไฟไหม้ก็สั้นกุดเสียจนน่ากลัวว่าหากไฟลามไปอีกนิดเดียวของสำคัญบางอย่างจะเสียหายไปด้วย ผมหยิบเครื่องดื่มมาอีกขวดโดยไม่รู้ตัวเมื่อสาวเสิร์ฟคนหนึ่งเดินผ่านมา หน้าของพวกเธอถูกป้ายไว้ด้วยเขม่าสีดำเป็นปื้นๆ รวมถึงทำผมทรงหัวฟูหยิกหยองเหมือนโดนไฟฟ้าช็อตมา  ใบหน้าสวยถูกแต่งด้วยเอฟเฟ็กต์เป็นแผลไฟไหม้เหวอะหวะพองาม แต่เชื่อเถอะว่าคนส่วนใหญ่ไมได้ชื่นชมความสมจริงของมันหรอก เพราะมีอย่างอื่นน่ามองกว่านั้น

                ยิ่งดึกในนี้ก็ยิ่งแออัดกันมากขึ้น ผมยึดเอาที่หน้าบาร์เป็นฐานทัพ และเริ่มสนุกกับงานมากขึ้นเมื่อเครื่องดื่มขวดที่สามหมดลง สาวๆในนี้สวยเป็นพิเศษเพราะฤทธิ์ของมันหรือว่าเพราะแสงไฟสลัวๆกันแน่ก็ไม่รู้ ปาร์ตี้นี้ไม่ได้ใช้แสงไฟวูบวาบสีเขียวสีแดงอย่างที่อื่นๆ มีเพียงโคมที่ให้แสงสีส้มคล้ายจุดเทียนติดอยู่บนผนังที่เป็นปูนเปลือยๆเท่านั้น มีแสงไฟสีขาววาบและกระพริบไปทั่วบริเวณในบางครั้งสร้างความน่ากลัวได้พอสมควร  ในคอกของบาร์เทนดี้สาวมีแสงไฟส่องมาจากด้านล่าง ทำให้สาวเมดซอมบี้ที่เขย่าเครื่องดื่มด้วยลีลาพริ้วไหวจนลืมคอนเซ็ปต์ของผีตายซากที่คุณเคยเห็นในหนังไปได้เลยคนนั้นดูน่าขนลุกมากขึ้น

                ผมชอบการแต่งตัวของพนักงานที่นี่มาก ไม่ว่าจะเป็นดีเจที่ดัดแปลงผมทรงโมฮอคมาเป็นทรงมหาดไทยในคืนนี้ ท่อนบนของเขาเปล่าเปลือยและทาอะไรสักอย่างที่ทำให้เป็นสีแทนมันปลาบ อวดกล้ามและซิกแพ็คที่ทำให้กลุ่มสาวๆที่ผมไม่รู้ว่าพวกเธอแต่งเป็นผีอะไรกันแน่กลุ่มนั้นกรี๊ดกร๊าดทุกครั้งที่เขายกมือขึ้นโบกไปตามจังหวะเพลง  ผีซิกแพ็คหรือนี่

                แก้วเครื่องดื่มของสาวสวยกลุ่มข้างๆชนกับขวดเครื่องดื่มของผมอีกครั้ง แต่ไม่รู้กี่ครั้งแล้วที่บั้นท้ายของเธอส่ายอยู่บนต้นขาของผม จังหวะอันเร่งเร้านั้นทำให้ใจของผมเตลิด ผมยิ้มกว้างและหัวเราะให้กับหญิงสาวมีเขาที่เพิ่งเคยพบหน้ากันแค่ครึ่งชั่วโมง เธอยังแยกเขี้ยวปลอมๆทำท่าจะกัดคอผมเสียด้วย ลมหายใจอุ่นๆของเธอรดบนต้นคอของผม ผมคงมีความสุขมากหากเธอจะกรุณากัดลงมาจริงๆ  โอ.. มนตราแห่งคืนปล่อยผี

                ในขณะที่ทุกคนกำลังสนุกกันอย่างสุดเหวี่ยง เสียงดนตรีก็หยุดลงแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ปล่อยให้คนทั้งหมดงงงัน ไฟที่ผนังค่อยๆหรี่ลงเหมือนหมดแรงแล้วดับไป เสียงดีเจโวยวายว่าเกิดอะไรขึ้นดังแว่วแทรกเสียงของเหล่าแขกทั้งหลายที่ต่างก็สอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่  ทันใดนั้นเสียงดังเปรี้ยงพร้อมกับแสงสว่างจากบนเพดานก็วาบอย่างที่ทุกคนไม่ทันตั้งตัว  เสียงกรีดร้องดังมาจากหลายๆคนทั้งที่เป็นหญิงสาวและพวกที่แอบความเป็นสาวเอาไว้

                ก่อนที่จะเกิดความโกลาหลขึ้น เสียงดนตรีก็ดังขึ้นมาอีก โคมไฟในร้านก็กลับมาสว่างดังเดิม มีเสียงตะโกนวู้อย่างสะใจจากดีเจ ก่อนที่เขาจะปล่อยมือจากเทิร์นเทเบิล [1]แล้วชูมือสองข้างขึ้นเต้นอย่างเมามันส์คล้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอเหล่าแขกทั้งหลายรู้ว่าเป็นแค่การแกล้งกันเล่น ก็หัวเราะและกรี๊ดออกมา แล้วก็เต้นกันอย่างสุดเหวี่ยงต่อไป จากนั้นตุ๊กตาผีตัวเท่าคนก็หล่นลงมาจากเพดานเพื่อเรียกเสียงกรีดร้องเป็นระยะ แขกที่เข้ามาจนแน่นยิ่งกว่าแน่นก็ส่งตุ๊กตาผีนั้นต่อๆกันไปเหนือศีรษะกลายเป็นบอดี้เซิร์ฟ[2]สยองขวัญเป็นที่สนุกสนาน

                “ เฮ้ย เป็นไง มานานหรือยัง “

                จริงๆแล้วผมกับมันก็ไม่ได้สนิทกันสักเท่าไหร่หรอก จริงๆแล้วก็คุยกันนับครั้งได้ทีเดียว แต่เพราะบัตรเชิญมาปาร์ตี้สุดสวิงครั้งนี้ต่างหากที่ทำให้ผมรู้สึกว่ามันเป็นคนดีขึ้นมาบ้าง ผมยังไม่ได้คุยอะไรกับมันมากนักมันก็ขอตัวไปหาเพื่อนต่อ ผมเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะมีเพื่อนมากมายอะไรนัก แต่เท่าที่เห็นแล้วมันดูจะรู้จักคนในนี้อยู่หลายคนทีเดียว แต่ผมไม่สนใจหรอกเพราะคืนนี้ผมได้รู้จักน้องเอมี่แม่สาวกระหายเลือดที่ส่ายสะโพกอยู่ตรงหน้าผมนี่แล้ว

                สิ่งที่ทำให้ผมชอบคุยกับเธอก็เพราะเวลาจะคุยกันที่นี่เราจะต้องยื่นหน้าเข้าไปที่ข้างๆหูของกันและกัน เสียงเพลงที่ดังสนั่นทำให้เราพูดกันแบบธรรมดาได้ยินไม่ถนัดนัก ผมได้กลิ่นเรือนผมหอมอ่อนๆ กับกลิ่นน้ำหอมที่ต้นคอของเธอ ต้นคอที่มีรอยเขี้ยวแดงๆอยู่สองเขี้ยว และขณะที่เธอตอบคำถามผมมา เธอก็ต้องเขย่งมาพูดที่ข้างหูของผมเช่นกัน  วันฮาโลวีนนี่ทำให้ผมขนลุกได้จริงๆ

                จากที่บาร์นี่เป็นตำแหน่งที่ดีจริงๆ ผมสามารถมองเห็นได้ทั่วทั้งงาน แถมสาวๆแถวนี้ยังแจ่มมากอีกด้วย ไม่รวมถึงตรงนี้เป็นทางผีผ่าน ผีสาวที่จะไปห้องน้ำ หรือแม้กระทั่งผีสาวเสิร์ฟ ก็ต้องเดินผ่านเพื่อมารับเครื่องดื่มไปเสิร์ฟ จริงๆแล้วผมไมได้เป็นคนที่มีประสาทสัมผัสทางผีๆสางๆเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ผมก็รู้สึกสนุกแบบไม่สุด มันตะหงิดๆอยู่ในใจทั้งๆที่งานนี้มันก็สนุกมากแท้ๆ  อาจจะเป็นเพราะสถานที่แห่งนี้ก็เป็นได้

                ควันจางๆลอยอยู่ทั่วไปในคลับแห่งนี้ แน่นอนมันเหมือนกับทุกๆที่ที่จะปล่อยควันเอาไว้เพื่อให้แสงสีเด่นชัดขึ้น แต่ผมรู้สึกว่ามีกลิ่นไหม้ลอยอบอวลชัดขึ้นทุกที ผมได้พักนิดหน่อยเมื่อเอมี่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ก่อนไปเธอยังงับเบาๆที่ต้นคอของผมในตอนที่บอกกล่าวอีกด้วย ก่อนที่จะปรายตาสายมาให้ผมและเดินลับหายไปกลางฝูงชน

      ผมสั่งเครื่องดื่มเพิ่มอีกหนึ่งขวดทั้งๆที่รู้ว่าโลกนี้กำลังสั่นสะเทือนและโยกย้ายไปตามเสียงเพลง  ทุกคนในที่นี้เต้นไปตามเสียงเพลง เบสและกลองเป็นตัวกำหนดให้พวกเขาทำอะไรพร้อมๆกัน ภาพที่ผมเห็นเป็นคลื่นมนุษย์เริงระบำเหมือนกับทำพิธีศักดิ์สิทธิ์อะไรบางอย่างด้วยกัน

                โคโยตี้สาวที่สวมชุดที่ถูกไฟไหม้จนเหลือปิดส่วนที่พึงสงวนเอาไว้เพียงเล็กน้อยพริ้วกายอยู่บนแท่นยกระดับที่จัดไว้เฉพาะ ความเร่าร้อนของเธอเหมือนกับเปลวไฟที่พวยพุ่งแลบเลียลูบไล้ไปกับเสาเหล็กเงาวับที่ปักเอาไว้กลางแท่นนั้น นักเต้นชายหุ่นนายแบบก้าวขึ้นไปเต้นคู่กับเธอเรียกเสียงกรี๊ดจากแขกได้มากทีเดียว ทั้งสองคนเต้นเคล้าคลอกันได้อย่างน่าดู ดนตรีจังหวะกระชั้นและเร่งเร้า จนทำให้ทั้งฟลอร์แทบลุกเป็นไฟ

                ผมมองหาเอมี่และกลุ่มของเธอ แต่เธอก็ไม่กลับมาเสียที เครื่องดื่มขวดใหม่ของผมกำลังจะหมดพอดี พร้อมๆกับที่ชายคนหนึ่งแทรกตัวเข้ามาที่บาร์  กลิ่นควันไฟโชยมาจากเขาอย่างชัดเจน เขาแต่งหน้ามาอย่างแนบเนียน ถ้ามองเผินๆเพียงหางตาผมอาจจะคิดว่าแก้มเขาถลกขึ้นไปจนเห็นฟันในปากจริงๆก็ได้ นี่ผมมางานเลี้ยงฮาโลวีนของนักทำสเปเชียลเอฟเฟ็กต์หรือไงนะ

                เขายกแก้วเล็กๆที่มีน้ำใสๆกระดกรวดเดียวจนหมด แล้วทำท่าเหมือนแสนทรมานก่อนจะชูนิ้วสั่งแบบเดิมมาอีกแก้วหนึ่ง ผมสังเกตเห็นเล็บที่เต็มไปด้วยเขม่าสีดำของเขา  เมื่อเขาเห็นว่าผมมองเขาอยู่ก็ชูแก้วให้ ก่อนจะกระดกรวดเดียวอีกครั้งแล้วเดินโยกย้ายแหวกฝูงชนออกไป  ผมยังคงรอเอมี่อยู่ แม่สาวกระหายเลือดคนนั้น แต่เธอและเพื่อนก็ยังไม่กลับมาเสียที

                มีเสียงฮือเกิดขึ้นเมื่อแท่นยกสูงที่สาวนักเต้นอยู่บนนั้นมีไฟลุกพรึ่บขึ้น ผมสาบานว่าความร้อนมันแผ่มาจนรู้สึกได้ถึงตรงที่ผมยืนอยู่ทีเดียว  สาวนักเต้นทำท่าทุรนทุราย เธอฉีกทึ้งเสื้อกล้ามที่ไหม้ไฟออกเหลือเพียงเสื้อชั้นในสีดำที่ดันทรงจนหน้าอกเธอล้นออกมา แสงจากเปลวไฟสะบัดแลบเลียเรือนร่างที่เต็มไปด้วยเหงื่อของเธอ เป็นการแสดงที่ทำให้พวกเรา รู้สึกเร่าร้อนขึ้นมาได้จริงๆ แต่หลายคนคงรู้สึกหวั่นใจเหมือนกันกับผม เพราะเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในที่นี้

                ที่นี่สร้างทับสถานที่เดิมที่เกิดเพลิงไหม้ มีคนตายหลายสิบคน และเป็นเหตุสยองขวัญที่ทำให้หลายๆคนจดจำภาพข่าวที่ออกอากาศทางโทรทัศน์ได้เป็นอย่างดี ภาพศพที่ไหม้ไฟในท่าทางที่ทรมานติดตาผมไปหลายวัน รวมถึงเรื่องเล่าอาถรรพ์ของที่แห่งนี้ที่คนเล่าขานกันมีมากมาย ผับแห่งนี้กล้ามากที่เอาความหายนะครั้งนั้นมาเป็นจุดขาย

                ผมลืมเอมี่ไปเสียสนิท แต่นั่นเธอกำลังจะออกจากประตูไปใช่ไหม ผมรีบแทรกตัวออกไปหาเธอ ผมขอโทษคนที่ผมกระแทกเขาไปตลอดทาง แต่เหมือนว่าคนพวกนั้นจะหันมามองเพียงนิดหนึ่งแล้วก็สะบัดหัวและร่างกายกันอย่างสุดเหวี่ยงต่อไป  ผมไปทันเธอที่ตรงประตูทางออกพอดี เพราะเธอต้องรอเพื่อนของเธอทั้งสองคนด้วย

                “ จะกลับแล้วเหรอครับ “

                “ อืม “  ใบหน้าของเธอดูเหมือนอยากจะรีบๆไปให้พ้นจากที่นี่เต็มที

                “ ไม่อยู่ต่อก่อนเหรอ เดี๋ยวเขาจะประกาศผลการประกวดแฟนซีแล้ว “

    เธอไม่พูดอะไร ผมลูบแขนเธอเบาๆ ดูเหมือนเธอจะตกใจ หงุดหงิดและหวาดกลัวอะไรบางอย่าง  ผมสังเกตว่าที่ใบหน้าและต้นคอของเธอมีรอยเขม่าสีดำเปื้อนอยู่นิดหน่อย

                “ ไปล่ะ ถ้าไม่อยากซวยก็รีบๆกลับเถอะนะ “

                เอมี่และเพื่อนก้าวฉับๆโดยไม่สนใจพนักงานที่ประตูที่พยายามจะพูดอะไรบางอย่างกับเธอเพื่อรั้งตัวเธอเอาไว้  เธอจากไปโดยไม่ทิ้งอะไรไว้ให้ผมแม้แต่เบอร์โทรศัพท์ หรือพินบีบี พนักงานร่างใหญ่ที่หน้าประตูซุบซิบอะไรกันบางอย่าง ใบหน้าที่ป้ายเขม่าดำๆจนขะมุกขะมอมไว้นั่นออกอาการวิตกจนสังเกตได้ชัดเจน

                ผมกลับเข้าไปในงานอย่างเหงาหงอย ที่อากาศเริ่มร้อนอบอ้าวเหมือนอยู่ในนรก ผมเองก็ไม่เคยไปหรอก แต่ก็พูดเพื่อให้มันดูเหมาะสมกับความร้อนที่เกิดขึ้นเท่านั้นเอง เหงื่อเริ่มไหลหยดลงมาจากไรผมที่เซ็ทมาอย่างดีของผมแล้ว สาวๆหลายคนน่ามองขึ้นเมื่ออยู่ในแสงไฟริหรี่และมีเหงื่อไหลเปียกปอนจากซอกคอลงมาที่ร่องอกที่แต่ละคนเปิดไว้เหมือนเชิญชวนให้เรามอง  

                เมื่อกลับมาถึงฐานบัญชาการที่หน้าบาร์ ที่เดิมของผมก็มีหญิงสาวสองคนมาจับจองเสียแล้ว เธอหันหลังให้กับบาร์และเต้นอย่างสนุกสนาน ผมอดที่จะมองหน้าอกเธอไม่ได้ในตอนที่ตะโกนข้ามไปสั่งเครื่องดื่มมาอีกขวด ผมเกือบเผลอสั่งนมสดแทนเบียร์ไปเสียด้วยซ้ำ

                พวกเธอหันกลับไปหยิบแก้วเครื่องดื่มของเธอกลับมาชนกับผมเมื่อผมชูขวดเครื่องดื่มของผมให้เธอ ใครว่าเดี๋ยวนี้คนมักจะหยิ่งกันนะ ผมเข้าไปเต้นกับเธออย่างหน้าด้านๆ แต่พวกเธอก็ไม่ได้ว่าอะไร ดูเหมือนจะแปลกใจนิดหน่อยก่อนที่ในเวลาไม่นานมือของพวกเธอก็วางลงบนหน้าอกผมในขณะที่สะบัดหัวจนผมยาวสยายปัดใบหน้าผม

                ผมได้กลิ่นควันไฟนั่นอีกแล้ว

                ในขณะที่ผมสุดเหวี่ยงไปกับเสียงเพลงและความมึนเมาจากเครื่องดื่มนั้น ผมก็รู้สึกว่าที่นี่ร้อนอบอ้าวมากขึ้นทุกที เหงื่อไหลทะลักข้ามคิ้วลงมาเข้าตาของผม ในสถานที่แห่งนั้นจึงดูพร่าเลือนไปชั่วขณะ ผมปาดเหงื่อออกตาตาและกระพริบตาสองสามครั้ง จนภาพชัดเจนขึ้น ไฟจริงๆถูกจุดขึ้นหลายแห่งในตอนนี้ เมื่อเหลือบตามองนาฬิกาที่ข้อมือมันก็บอกว่าขณะนี้เวลาเที่ยงคืนกับยี่สิบห้านาที ผมจำได้ดีว่าในคืนที่เกิดเหตุไฟเริ่มลุกไหม้เมื่อเวลาเที่ยงคืนกว่าๆพอดี การจุดไฟขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันมันช่างเป็นการท้าทาย และเย้ยหยันเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนอย่างไม่สนใจอะไรเลย

                ตอนนี้ที่ประตูหน้าถูกปิดลง พนักงานที่ดูเหมือนไฟไหม้ตัวพวกเขามากไปกว่าเดิม แผลพุพองที่มีน้ำไหลเยิ้มออกมาสะท้อนกับแสงไฟสีส้มจนดูน่ากลัวขึ้นไปอีก  และผมสังเกตว่าผีที่ถูกไฟไหม้เริ่มเยอะขึ้นมาก แม่สาวสองคนที่หน้าบาร์กลับมาจากห้องน้ำแล้ว หน้าของเธอมีรอยไหม้ดำมากขึ้น เธอมีแผลที่หลังซึ่งผมเองก็ไม่ได้สังเกตว่ามีอยู่ตั้งแต่แรกหรือเปล่า  เพราะผมมองแต่สิ่งที่อยู่ในด้านตรงกันข้ามมากว่านั่นเอง

                “ มาคนเดียวเหรอคะ “

    เต้นกันอยู่ตั้งนาน แต่เธอเพิ่งถามผมคำนี้เป็นคำแรก แต่ไม่ต้องห่วงผมแนะนำตัวผมและเธอก็บอกชื่อของพวกเธอตั้งแต่แรกแล้ว ผมไม่สนิทกับคนแปลกหน้าง่ายๆหรอกน่า อย่างน้อยก็ต้องรู้จักชื่อเสียงเรียงนามกันก่อนเป็นอย่างน้อย

                “ ครับ เพื่อนให้บัตรเชิญมา แต่ตอนนี้ผมหามันไม่เจอแล้ว “

                ผมได้กลิ่นไหม้จากเรือนผมของเธอจริงๆนะ

                เสื้อเชิ้ตของผมชุ่มไปด้วยเหงื่อ ผมจึงปลดกระดุมลงมาอีกหนึ่งเม็ด อวดแผงอกที่ลงทุนสมัครฟิตเนสแสนแพงไปทรมานตัวเอง เพื่อแลกมาด้วยสายตาของหญิงสาว แบบที่สองสาวกำลังจ้องมองผมอยู่ในตอนนี้   ผมได้ใจจึงปลดกระดุมลงไปอีกเม็ดหนึ่ง ขนดกที่หน้าอกและหน้าท้องเรียบของผมวับแวมล่อสายตาของเธออยู่  ขณะที่ผมชูมือเต้นและเหวี่ยงแขนไปบนหัวอย่างเมามัน เสื้อเชิตสีดำของผมก็แบะออก เหมือนอย่างที่ผมจงใจไว้

              แม่สองคนนั่นมองผมแทบไม่กระพริบตา เสียดายที่เอมี่ไม่อยู่จนถึงท่าไม้ตายของผม

                แม้ว่าสองคนนี้จะลีลาไม่เด็ดดวงเท่าเอมี่แต่หุ่นของพวกเธอก็คอดเว้าและอวบอูมในสิ่งที่ผู้หญิงพึงจะมี แถมพวกเธอยังใจกล้ามากอีกด้วย ตอนนี้กระดุมเสื้อของผมถูกพวกเธอปลดออกไปจนหมด และหัวเราะคิกคัก  เสื้อเชิ้ตเปียกๆตัวนั้นเกาะเกี่ยวไว้ที่แขนกำยำของผมเพียงเท่านั้น  หลายคนเริ่มหันมามองผม ชายหนุ่มตาสีเหลืองซีดที่กำลังปีนขึ้นบนเก้าอี้และถอดเสื้อเปียกๆออกเหวี่ยงไปตามจังหวะเพลง

                แม่สาวโคโยตี้คนนั้นลงมาจากแท่นประจำตำแหน่งของเธอ และตรงมาหาผม พร้อมกับเสียงเป่าปากและเสียงกรี๊ดจากคนในที่นั้น  ผมยังคงเต้นต่อไปเมื่อเธอเอาแผ่นหลังเข้ามาสีกับแผ่นหลังของผม กลิ่นควันไฟจากตัวเธอฉุนเตะจมูก มือที่เปื้อนเขม่าดำนั้นลูบไล้ไปบนแผ่นอกของผมจนผมพลอยเปื้อนเขม่าพวกนั้นไปด้วย  เธอลวนลามผมไปทั้งตัว  ผมขอเน้นว่าทั้งตัวจริงๆ

                ไม่รู้ว่าสาวๆพวกนั้นเต้นกันได้อย่างไรทั้งคืนแบบนี้ นักเต้นสาวกลับไปเต้นอยู่บนแท่นเพลิงของเธอต่อ ส่วนผมต้องขอพักกระดกเบียร์เย็นๆลงคอไปสองสามอึกใหญ่ๆ มันคงเป็นสิ่งที่เย็นเฉียบสิ่งเดียวภายในสถานที่นี้  ต้องยอมรับว่ากล้ามาก ทั้งคนในปาร์ตี้อย่างพวกเราและผู้จัดงาน  ไฟร้อนๆถูกจุดขึ้นบนรางข้างหน้าต่างบานใหญ่ด้านบน  ผมยังจำภาพข่าวในวันนั้นได้ดี  เปลวไฟพวยพุ่งอย่างรุนแรงออกจากหน้าต่างชั้นบนเช่นกัน

                ตอนนี้ควันหนาปกคลุมไปทั่วบริเวณ ผมเริ่มรู้สึกว่ามันหอมแบบประหลาดๆดีเหมือนกันเนื้อตัวผมเริ่มจะหอมเหมือนกับเบคอนไปด้วยแล้ว  สาวน้อยทั้งสองใกล้ๆผมกำลังสนุกกับการได้เสียดสีสะโพกนุ่มเข้ากับต้นขาของผม ชื่อของเธอคงไม่สำคัญพอที่ผมจะบอก อีกไม่นานผมก็จะลืมชื่อของพวกเธอไป เรื่องของคืนนี้คงจบลงด้วยการที่พวกเธอฉีกทึ้งเสื้อผ้าของผมออก และผมก็จะทำแบบนั้นเช่นกัน  

                ผมแลบลิ้นออกเลียต้นคอของพวกเธอคนหนึ่งตอนที่เราเต้นอย่างใกล้ชิดกัน ดูเธอตกใจเล็กน้อยก่อนที่จะหัวเราะออกมา รสชาติของเหงื่อเค็มๆที่ผสมกับกลิ่นควันไฟจากเขม่าที่ต้นคอเธอทำให้ผมพลุ่งพล่าน และอยากจะฉีกเธอออกเสียที่นี่และเดี๋ยวนี้เลยทีเดียว

                ผมสังเกตเห็นการเตรียมการบนเวที อีกสักครู่คงมีการประกาศผลการแต่งชุดแฟนซี ผมยังไม่ได้บอกเลยใช่ไหมว่าผมแต่งชุดอะไรมา  บอกได้เลยว่าผมคงไม่ได้รางวัลนั้นหรอก เพราะผมแค่ใส่เสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงยีนส์มาเท่านั้นเอง  แต่ตาสีเหลืองซีดกับเขี้ยวแหลมๆ ก็พอจะทำให้มันดูเป็นชุดแฟนซีได้อยู่เหมือนกัน  ผมมองเห็นพระจันทร์เต็มดวงในวันแรมหนึ่งค่ำโผล่พ้นจากขอบหน้าต่างด้านทิศตะวันตก มันดูอับแสงลงไปเลยหากจะเทียบกับกองไฟลุกโชนที่อยู่ริมหน้าต่างนั้น

                เมื่อกวาดตามองหาคนที่โดดเด่นพอที่จะชนะการแข่งขันจริงๆ ถ้าไม่นับพวกพนักงานและนักเต้นที่แต่งตัวและแต่งหน้ารวมถึงแผลพุพองได้สมจริงแล้ว ผมก็มีที่หมายตาไว้เพียงไม่กี่คน แม่สาวแวมไพร์ในชุดรัดรูปและบรรจงเปิดเนินเนื้อหน้าอกเอาไว้คนนั้น กับหนุ่มมัมมี่ที่ผ้าพันตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อด้วยความร้อนระอุในที่นี้ เขาต้องมีความอดทนมากจริงๆถึงจะยังใส่ชุดนั้นได้จนถึงตอนนี้   ถึงผมจะเห็นใจในความอดทนของเขาแต่ถ้าเป็นผมก็เลือกเนินอกขาวๆนั่นอยู่ดี

                “ งานเลิกแล้วไปต่อไหม “

                เข้าทางผมพอดี ผมไม่ต้องเชิญชวนเธอก่อน ถ้าเป็นแบบนี้พวกเธอก็คงอยากจะฉีกผมเป็นส่วนๆเหมือนกัน ผมตอบตกลงที่ข้างๆหูของเธอ และสูดลมหายใจแรงๆเอากลิ่นไหม้พวกนั้นเข้าปอด ผมชักจะชอบมันแล้วสิ

                นอกจากสองคนนั้นแล้วคนอื่นๆก็เหมือนจะนิยมการแต่งเป็นผีที่ถูกไฟไหม้กัน ทั้งเข้ากับบรรยากาศของสถานที่ และทำง่ายๆ แค่เอาธูปมาจี้เสื้อผ้า หรือเอาไฟแช็คเผามันนิดหน่อยเท่านั้นเอง แต่หลายๆคนก็ยังถือว่าทำได้เหมือนมากทีเดียว บางคนก็เหมือนจนเกินไป อากาศร้อนอย่างนี้น่าจะทำให้เอฟเฟกต์เหล่านั้นหลุดร่อน แต่พวกพนักงานก็เหมือนจะไปแต่งเติมให้ตัวเองเปื้อนขะมุกขะมอมและเป็นแผลเหวอะมากขึ้นทุกที  

    ที่นี่ร้อนระอุ ร้อนเหมือนเรากำลังถูกเผากันทั้งเป็น ผู้คนที่กำลังอยู่ในงานเพียงไม่กี่คนที่รู้สึกหวาดหวั่นกับไฟที่จุดไว้ทั่วบริเวณ พวกที่กลัวมากๆก็อาจจะกลับไปตั้งแต่แรกแล้วก็ได้  ตอนนี้ถ้าไม่เหลือพวกที่จิตแข็งสุดๆก็คงเหลือแต่พวกที่มึนเมากันเต็มที่ ผมเองก็คงจัดอยู่ในกลุ่มที่สอง เพราะเครื่องดื่มหลายขวดที่ผมกรอกลงคอไปนั่นเอง

    และคงเพราะเครื่องดื่มพวกนั้นที่ทำให้ผมเห็นกลุ่มหนึ่งที่ยืนรายล้อมแขกอยู่ พวกเขาไมได้เต้นไปตามจังหวะเพลงเหมือนกับผม ในมือของพวกเขาปราศจากเครื่องดื่มใดๆทั้งสิ้น เสื้อผ้าที่ขาดกะรุ่งกะริ่งและแผลที่เหวอะหวะทำเอาผมอาจจะตกใจได้หากเจอกันในที่มืดสลัวที่อื่น  ผมรู้ดีว่ารอบตัวเรามีสิ่งอื่นที่น่ากลัวและไม่อยากเข้าใกล้ ผมเองรู้ดีกว่าใคร  ในสถานบันเทิงแบบนี้ใครกันจะรู้ว่ามีคนอย่างผมอยู่จริงๆ คนที่จะกู่ร้องและออกมาเต้นรำใต้แสงจันทราเต็มดวงอย่างนี้

    จันทราเจ้ามีมนตรา เจ้าสะกดให้ชายหนุ่มหญิงสาวหลงไหลกันและกันภายใต้แสงนวลของเจ้า หากแต่เจ้ายังทิ้งมนตราเอาไว้ เมื่อใดที่แสงจันทราต้องร่าง ส่วนที่อยู่ลึกสุดในตัวข้าก็ออกมาโลดแล่นและส่งเสียงกรีดร้อง  จันทร์เจ้าเอย ..

    ผู้หญิงสองคนนี่ไม่รู้เลยว่าผมกำลังต้องการอะไรจากเธออยู่ เธอเป็นเพียงหญิงสาวที่รักสนุก ไม่รู้เลยว่าอันตรายอยู่ใกล้เธอมากแค่ไหน  ราตรีนี้กำลังจะผ่านไป บนเวทีกำลังประกาศผู้ชนะเลิศรางวัลชุดแฟนซีดีเด่น และก็เป็นดังที่ผมคาดไว้ เนินอกขาวๆกับชุดรัดรูปนั่นชนะอย่างไม่ต้องสงสัย

    “ เราไปต่อที่อื่นกันเลยไหมครับ ถ้างานเลิกแล้วรถอาจจะออกยากนะครับ  “

    ผมแทบควบคุมเสียงของตัวเองไม่อยู่แล้ว ผมอยากจะแผดเสียงออกมาให้สาสมกับที่อัดอั้นมาหนึ่งเดือน ผมวางมือลงบนไหล่ของทั้งสองสาวและอยากจะจิกเล็บลงไปก่อนจะฝังเขี้ยวลงบนคอระหงของพวกเธอ ซึ่งตอนนี้ผมก็ได้แค่สูดกลิ่นจากซอกคอของเธอเท่านั้น

    “ รองานจบก่อนดีกว่า อีกเดี๋ยวเดียวเอง “

    “ นั่นสิ บนเวทีเหมือนจะมีอะไรอีกก็ไม่รู้ “

    ถึงเสียงของพวกเธอจะสั่นเมื่อลมหายใจร้อนของผมรดลงไปบนต้นคอ แต่พวกเธอก็ยังยืนยันจะอยู่ในงานต่อไป ผมไม่อยากให้ใครเห็นว่าพวกเธอออกไปกับผมมากนัก แต่ผมต้องอดทน

                ผมกวาดสายตามองประตูเพื่อหาทางหนีทีไล่ หากทนไม่ไหวจริงๆ แต่ประตูทุกด้านล้วนมีผีไฟไหม้ยืนอยู่ทุกตัว  ผมรู้สึกประหลาดใจกับการซุบซิบกันของพวกมัน  ประสาทสัมผัสที่ตื่นตัวอย่างเต็มที่ของผมสัมผัสได้กับการรวมกลุ่มของสิ่งที่น่ากลัวบางอย่าง ขนยาวๆบนแขนของผมชูชันขึ้นอย่างระวังภัย พวกมันเป็นพวกเดียวกันแน่ๆ ผมรู้สึกว่ารอบตัวผมกำลังมีการเคลื่อนไหว

                เจ้าพวกผีตายซากพวกนั้น มันไม่ใช่แขกที่มาปาร์ตี้  พวกที่ริมประตูก็ไม่ใช่พนักงานของร้านเช่นกัน  ให้ตายเถอะทำไมผมไม่รู้ตัวก่อนหน้านี้นะ พวกมันมีอยู่ทั่วไปหมดในงาน  เจ้าพวกที่มีกลิ่นไหม้ฉุนพวกนั้น

                “ เรารีบออกจากที่นี่กันเถอะ “ ผมพยายามดึงมือของทั้งสองสาวออกจากที่นั่น

                “ เดี๋ยวก่อนสิคะ  อยู่ต่ออีกนิดหนึ่งน่า “ เธอขืนมือเอาไว้

    พวกเธอมีกลิ่นเดียวกับคนพวกนั้น   

                ผมปล่อยข้อมือของทั้งสองคน สัญชาตญาณระวังภัยของผมถูกระตุ้นขึ้นมา ต้องออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ผมบอกตัวเองได้แค่นั้น เล็บมือของเธอจิกลงไปในเนื้อของผมเพื่อพยายามรั้งผมเอาไว้ แต่มันไม่เพียงพอที่จะหยุดคนอย่างผมได้ ผมเดินตรงไปที่ประตูที่มีพวกมันยืนขวางอยู่

                “ หลีก “  ผมบอกห้วนๆ

                “ อยู่ต่อก่อนสักเดี๋ยวสิครับ กำลังจะมีเรื่องพิเศษๆเกิดขึ้นที่นี่นะครับ “  พวกมันพูดพร้อมกับรอยยิ้มลึกลับน่ากลัว

                เมื่อผมก้าวเข้าหาประตูก็มีพวกมันอีกสองคนเดินเข้ามากันผมเอาไว้  ดูพวกมันคงไม่ยอมให้ผมออกไปโดยง่ายแน่ๆ

                “ สวัสดีวันปล่อยผี....... “ ดีเจลากเสียงยาวเพื่อกระตุ้นอารมณ์คนฟัง

                ที่บนเวทีมีชายสามคนไปยืนอยู่บนนั้น พวกเขาก็กะรุ่งกะริ่งและไหม้ไฟเหมือนกับคนอื่นๆ แต่พวกเขายิ้ม ผมรู้สึกได้ถึงความร้ายกาจในรอยยิ้มนั่น รอยยิ้มแบบที่ชั่วร้ายและหมายที่จะครอบงำวิญญาณอันอ่อนแอของผู้คนทั้งหลายที่เต็มไปด้วยกิเลส

                ดอกไม้ไฟบนเวทีถูกจุดขึ้น มันลุกไหม้ไปตามขดลวดที่ขดเอาไว้ อักษรสามตัวที่ลุกไหม้นั้นทำให้ผมรู้ว่าผมเข้ามาพัวพันในเรื่องที่ไม่น่าเข้ามาข้องเกี่ยวเสียแล้ว

              “  สวัสดีครับ ในโอกาสดีอย่างนี้ หลังจากเราสนุกสุดเหวี่ยงกันไปแล้ว ผมมีสิ่งที่สุดพิเศษ ข้อเสนอดีๆมาให้แขกของเราทุกคนในวันนี้  เราสามารถใช้ชีวิตแบบนี้ได้ทุกวัน สนุกสุดเหวี่ยงได้ทุกวัน เพียงแค่มาร่วมงานกับเรา คุณก็สามารถหาเงินได้เดือนละห้าแสนอย่างผม โดยทำงานเพียงวันละไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเอง .. “

              ช่วยด้วย พาผมออกไปจากที่นี่ที



    [1]

    เครื่องควบคุมแผ่นเสียงที่ประกอบไปด้วยลูกเล่นต่างๆ เพื่อสร้างสีสันที่แตกต่างให้กับเพลงที่เปิด

     

    [2]

    การละเล่นที่มักใช้ในคอนเสิร์ตต่างๆ โดยการกระโดดลงไปบนฝูงชนให้คนส่งต่อร่างของตนไปเรื่อยๆ คล้ายเล่นกระดานโต้คลื่น

    --------------------------------------------------------------------

    คุยกันท้ายเรื่อง

    เรื่องนี้ผมขออุทิศให้ พี่เจมส์ ข้าวมันไก่ ที่ทำให้ผมคิดพลอตนี้ออกมาได้
    หวังว่าคงสนุกนะครับ ^^

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    ความคิดเห็น

    ×