ตอนที่ 54 : บทที่ 12 การวางหมากของจอมมาร : ในใจที่ขัดแย้ง
บทที่ 12 การวางหมากของจอมมาร
ช่วงที่สาม ในใจที่ขัดแย้ง
“ฟู่..ฟู่ว...”เสียงลมหายใจผ่อนเบาๆเข้าออกเป็นจังหวะดังขึ้นที่ด้านบนของซากร่างของมิโนทอร์สีดำตัวใหญ่ยักษ์ที่ทั่วร่างกายไร้วิญญาณเต็มไปด้วยรอยแผลเหวอะหวะ ทั้งรอยเล็บห้ารอยเป็นทางยาว หรือจะเป็นร่องรอยของเนื้อและหนังที่หายไปเป็นแถบปื้นยาว และลานกว้างที่กินพื้นที่ไปหลายกิโลเมตรนี่ก็ไม่ได้มีเพียงร่างของมิโนทอร์เท่านั้น
ห่างออกไปไม่ไกลเป็นมังกรสีน้ำตาลตัวเขื่องที่เกล็ดถลอกปอกเปิกไปหมด รอยเล็บห้าวแนวยาวจมลึกฝังไปกับเนื้อกล้อนเกล็ดหนาให้หลุดร่อนออกมากองกระจัดกระจายเต็มพื้น รอยแหว่งที่บางจุดของร่างกาย กระดูกขาที่หักผิดรูป ไม่ว่าใครก็ต้องดูออกว่ามันผ่านการต่อสู้กับศัตรูที่เก่งฉกาจฉกรรจ์
อีกทั้งยังมีปลาหมึกยักษ์ คิเมร่า และสัตว์ประหลาดจำนวนมากที่มีขนาดใหญ่ยักษ์ ทุกร่างล้วนเต็มไปด้วยรอยแผลจากฝีมือของสัตว์ร้ายขนาดยักษ์ ไม่ใช่เพียงรอยแผลจากกงเล็บและรอยกัด แต่ยังมีบางตัวที่ดำไหม้เป็นตอตะโกกร่อนลงเป็นถ่านผงปลิวไปตามลม บางตัวก็ดำเกรียมส่งกลิ่นเนื้อไหม้เหม็นออกมาเตะจมูก
และยังมีพวกที่นอนแห้งกรอบเป็นซากศพที่ไม่มีเลือดภายใน..
การลงมืออันโหดร้ายชี้แจงอุปนิสัยของผู้ร้ายได้อย่างดี คือหนึ่ง..เป็นพวกที่ชอบพุ่งเข้าแลกและเล่นกับเหยื่ออย่างหนักอาจจะพลั้งมือฆ่า สอง..เป็นพวกที่หากต้องลงมือสู้ก็จะเข้าปะทะแบบไม่ห่วงชีวิตตัวเองชนิดที่เรียกได้ว่าสู้ตายถวายหัว และสาม..จากรอยเขี้ยวและเล็บแล้วขนาดต้องไม่ต่ำกว่า 3 เมตรด้วยกัน
“เหนื่อย เวร..พอถึงระดับ 79 แล้วดันได้ภารกิจให้ฆ่าอะไรก็ได้ 100 ตัวโดยห้ามใช้อาวุธ เจ้าพวกนี้ช่วยไปเกือบยี่สิบตัวแล้วจะไปหาจากไหนอีกตั้งเยอะตั้งแยะฟะเนี่ย?”เสียงบ่นของจอมมารหนุ่มฉายแววขัดใจ นัยน์ตาสีน้ำเงินจรดมองมือที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีน้ำเงินเลื่อมพรายและเล็บแหลมคมที่เปลี่ยนรูปร่างไปคล้ายกับกระดูกเฉกเช่นเดียวกับเขาที่ยาวและใหญ่กว่าเดิม
ทักษะสูงสุดสู่สามัญคือทักษะที่เขาได้มาจากการใช้ทักษะอาชีพขจัดโลหะปรสิตสีดำที่เกาะอยู่ตามร่างกายออกไปจนหมดสิ้นจนเท่ากับว่าสถานะกลายพันธุ์ของเขาในตอนนี้หายไปกับสายลมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทักษะนี้มีเงื่อนไขที่ได้มาคือการคืนสภาพให้กับร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปโดยที่ไม่ใช่ฝีมือของธรรมชาติ ผลของสูงสุดสู่สามัญคือการคืนร่างให้กับเขา ร่างที่แท้จริงของยักษ์อัสนีในรูปแบบตรงตามที่เขาได้ยินและเห็นภาพจากสารานุกรมสัตว์อสูรเป๊ะๆ
ยักษ์อัสนีหนุ่มยกนิ้วขึ้นเขี่ยปลายหูที่ชี้แหลมขึ้นมาอย่างไม่พึงประสงค์นั่นด้วยรอยยิ้มบูดสนิท เกล็ดสีน้ำเงินปกคลุมเพียงแค่มือและเท้าลามไปบ้างตามสมควรกับบางส่วนตามร่างกายที่ขึ้นมาเป็นกระจุกย่อยๆอย่างเช่นที่หลังใบหูกับแก้ม นี่คือผลจากการควบคุมร่างกายของเผ่าพันธุ์ที่ทำให้เขาคงสภาพเป็นมนุษย์อยู่ได้
ไม่เหมือนตอนที่เขาใช้ทักษะตอนแรกซึ่งกลายเป็นมังกรไร้ปีกตัวเขื่อง ลักษณะร่างกายคล้ายกับหมาป่าปนเปกับมังกร เพียงผิดแค่ขนกลายมาเป็นเกล็ดและหางก็ไม่สั้นนุ่มฟูแต่เป็นหางยาวๆปกคลุมด้วยเกล็ดหนาของสัตว์เลื้อยคลาน ถึงจะยืนสองของในสภาพนั้นได้แต่การที่ขาหลังสั้นกว่าขาหน้าเล็กน้อยแถมยังคดงอเหมือนขาหลังของสุนัขด้วยแล้วนั่นทำให้เขาปฏิเสธที่จะยืนสองขาไปโดยปริยาย
“ไวเวิร์นสายฟ้าไร้ปีกกับหมาป่าอัสนีหุ้มเกล็ด แผลงมาเป็นยักษ์อัสนี..เฮ้อ”รันนิ่งเฉยมองมือของตนเองที่ค่อยๆกลับสู่สภาพปกติอย่างช้าๆก่อนจะหันไปมองรอบๆ เหล่าสัตว์อสูรที่ถูกอัญเชิญออกมาด้วยกิ่งวิบัติ ไอเท็มสุ่มสัตว์อสูรป่วนเมืองที่ยังคงมีสภาพดีอยู่ถูกเศษกิ่งไม้ปักเอาไว้เกือบทั้งหมด เขาได้แต่ส่ายหน้าหน่ายๆกับอาการหวงวัตถุดิบของรัดเกล้าอนาวิลก่อนจะเปิดหน้าต่างระบบออกมาเขียนจดหมายแจกแจงงานทันที
หลังจากจัดการส่งแผนงานไปให้ทุกคนเสร็จเรียบร้อยก็จัดการเปิดดูกระดานข่าวสารเอดูผลกระทบจากการเลื่อนระดับอย่างรวดเร็วของจอมมารที่รั้งตำแหน่งอันดับ 2 ซึ่งผลก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจ เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อซักเท่าไหร่แต่ว่ามันเหมือนจะจริงที่มีผู้เล่นกลุ่มหนึ่งที่คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของกระดานข่าวสารและบอร์ดจัดอันดับ กระทู้จำนวนมากที่ตั้งขึ้นมาเดี่ยวกับอัตราการเพิ่มระดับของเขาค่อยๆกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของเหล่าคอเกมอย่างรวดเร็ว
ทั้งถูกกล่าวหาว่าโกงมั่งล่ะ บั๊กมั่งล่ะ..
รันส่ายศีรษะเบาๆและจัดการตอยบกระทู้เนื้อหาเกี่ยวกับตนเองไปสั้นๆด้วยรอยยิ้ม
โพสโดย : รัน เวลา 7.26 น.
ไม่ลองไปหากิ่งอาถรรพ์ร้อยกว่าก้านมาหักเล่นดูล่ะ พวกคุณจะได้ระดับพุ่งกระฉูดแบบผม
การตอบคำถามสั้นๆง่ายสร้างความตื่นตกใจให้กับผู้ที่สิงสถิตอยู่หน้ากระดานข่าวสาร รันอมยิ้มอารมณ์ดีกับการกระทำของตนก่อนจะพลิ้วกายลงจากลำตัวของมิโนทอร์และบิดเอวไปมารอบหนึ่งก่อนจะกระโจนไปยังตัวบ้านหลังน้อยของเจ้าของสถานที่แห่งนี้ทันที
กิ่งอาถรรพ์เป็นไอเท็มหายาก ดูจากข้อมูลคำอธิบายแล้วเป็นไอเท็มที่จะปรากฏออกมาในเขตสุสานบรรพชนด้านหุบเขากษัตริย์ฝั่งผาสามกษัตริย์ เหมือนว่าจะเป็นสถานที่อันตรายที่ไม่มีผู้เล่นกล้าไปเก็บระดับกันเท่าไหร่ ด้วยจำนวนที่น้อยและแทงกิ่งออกมาจากต้นไม้บริเวณนั้นแบบสุ่ม แถมสัตว์อสูรต้นไม้ปีศาจก็กวนประสาทเสียจนไม่อยากมีใครเข้าไปยุ่ง
มันจะกวนประสาทยังไงเขาก็ไม่ค่อยเข้าใจแต่การที่รัดเกล้าอนาวิลได้มันมาเยอะขนาดนี้ได้ก็ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน แถมยังมีการคำนวณค่าประสบการณ์ในการอัพระดับเอาไว้เสียด้วยแล้ว คงต้องนับถือคนๆนี้ได้ล่ะว่าเป็นแหล่งข้อมูลและแหล่งวัตถุดิบชั้นยอด
รันเดินตัวปลิวกลับไปตามทางพร้อมด้วยกล่องกำมะหยี่ที่บัดนี้ว่างเปล่าและปิดสนิท เทปกาวหลากสีปะปนกันไปตามเส้นทางการเดินหลบเลี่ยงกองเอกสารและกล่องสมบัติของเจ้าของบ้าน ไม่นานเกินแรงของยักษ์อัสนีขาเรียวๆทั้งสองข้างก็พาเขากลับมาถึงที่ๆรัดเกล้าอยู่อีกครั้ง
“79 แล้วพี่..มันบอกให้ไปฆ่าตัวอะไรก็ได้ร้อยตัวด้วยมือเปล่าและห้ามใช้พลัง มีที่ไหนแนะนำไหมพี่?”รันเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะวางกล่องลงบนโต๊ะและเอนตัวพิงขอบตู้ด้านหลังของเจ้าของบ้าน รัดเกล้าที่ก้มหน้าก้มตายุ่งวุ่นวายอยู่กับนาฬิกาตลับพกหันมามองก่อนจะร่นคิ้วเบ้ปาก
“สุสานกษัตริย์ ไปถูกรึเปล่า?”รันส่ายหน้าหวือจนคนบอกต้องกุมขมับ “ได้เคยซื้อแผนที่ไหมเนี่ย? เออ..วาร์ไปอลาสไทร์และลงใต้ผ่านทางประตูเมืองด้านใต้ ตรงไปเรื่อยๆตามทางเดี๋ยวก็เจอเอง จริงสิ..อลาสไทร์เป็นเมืองหลวงของตราบฟ้ารุ่งนี่หว่า ตอนนี้คงไม่สะดวก..”
“สะดวกดิพี่ จะได้ไปจบสงครามซะเลย”
“แหม พูดอย่างกับว่าทำได้..เออๆ รู้ว่าทำได้ แค่เสียงโครมครามหลังบ้านก็รู้แล้วว่าทำได้ ถ้าจะไปประกาศศักดาที่นู่นก็เอาให้แน่ใจด้วยว่าเขารู้กันว่าแกเป็นใครไม่ใช่ผู้เล่นอิสระไร้ฝีมือ จะไปแกก็เอานาฬิกาสองอันนี้ไปให้ไซร่ากับรชตะด้วย หาตัวให้เจอก็แล้วกัน แอดเพื่อนไซร่าไว้แล้วไม่ใช่เหรอ?”รัดเกล้าเคาะนิ้วลงกับนาฬิกาสองเรือนก่อนจะหยิบมันส่งให้เขา รันรับมันมาก่อนจะหย่อนลงหน้าต่างสัมภาระและมองไปยังนาฬิกาอีกเรือนที่ถูกงัดแงะอยู่ตรงหน้าของนักประดิษฐ์หัวใส
“อีกอย่าง มันจำกัดรึเปล่าว่าต้องเป็นสัตว์อสูร?”
“ไม่นะพี่ แค่บอกว่าเป็นสิ่งมีชีวิต แต่ผมคงไม่อยากไปบี้มดซักเท่าไหร่..”รันกล่าวพร้อมกับยิ้มแห้งๆ นักประดิษฐ์หนุ่มพยักหน้าก่อนจะกล่าวตอบ
“ถ้างั้นก็เปลี่ยนจากสุสานกษัตริย์เป็นเมืองอลาสไทร์ไปเลย ไปฆ่าผู้เล่นซะ”
“อืม.. แล้วนั่นทำอะไรอ่ะพี่?”
“ระบบขนส่งของน่ะ จะได้วาร์ปของไปให้กันได้โดยที่ไม่ต้องไปรับที่ตู้จดหมายในเมือง สองเรือนนั่นเสร็จไปแล้ว..พี่เลียนแบบจากระบบวาร์ปของทางระบบเอาน่ะ”รันที่ได้ยินดังนั้นก็ตาลุกวาวเห็นถึงทางแก้ปัญหาของตนในการเดินทางระหว่างทวีปขึ้นมาทันใด
“งั้นถ้าพี่ปรับมันให้ใหญ่ขึ้นก็วาร์ปคนไปมาได้สิ?”
รัดเกล้าส่ายหน้าอย่างหมดปัญญากับคำถามของยักษ์อัสนี
“มันก็ได้อยู่แต่ต้องใช้เวลา แกออกไปถล่มหลังบ้านฉันๆทำไปได้แค่ 3 เรือนเอง สองเรือนของไซร่ากับรชตะนั่นก็เหมือนกัน เออ..เอานาฬิกาแกมาเลยดีกว่า จะได้ทำให้เลย เครื่องเมนก็ดีหน่อยที่ก็อปปี้ระบบส่งไปได้เลย แต่เครื่องเครือข่ายนี่สิต้องเมคระบบขึ้นมาใหม่”รัดเกล้ารับนาฬิกาของรันมาและนำไปวางไว้ข้างๆเรือนสีทองแดงประดับลายเปลวเพลิงที่แยกออกมาจากเรือนอื่น หน้าต่างสีดำสัญลักษณ์ของเฟรย่าซิสเต็มเด้งขึ้นมาให้จัดการข้อมูลวูบหนึ่งและเขาก็ได้นาฬิกาตัวเองกลับมา
“งั้นเดี๋ยวผมกลับไปเอาของที่เกียร์ก่อนก็แล้วกัน พี่เจาะเลือดพี่มาให้หน่อยดิ.. ผมตกลงไว้กับแอนดรอยด์ที่นู่นว่าจะให้สร้างไอเท็มเสริมพลังทางเผ่าพันธุ์ให้แต่ต้องมีตัวอย่างเลือดก่อน”รัดเกล้าอนาวิลเลิกคิ้วมองก่อนจะโคลงศีรษะเบาๆและเปิดหน้าต่างสัมภาระออกมา
“แล้วเอาเยอะแค่ไหน?”
“เป็นหยดก็พอแล้วพี่ เอาไปแค่ยืนยันตัวตนและตรวจสอบเครือข่ายเผ่าพันธุ์”รันเบนสายตาหันไปมองสิ่งของที่อยู่ในช่องเก็บของรังผึ้งที่ฝังไปกับผนังอีกด้านหนึ่ง คราวที่แล้วที่เข้ามานั้นมีแต่กล่องกระดาษวางกองเอาไว้เขาจึงไม่ได้สังเกตุเห็น แต่คราวนี้กล่องพวกนั้นกลับหายไปหมดโชว์สิ่งประดิษฐ์ของเจ้าของบ้านเอาไว้เต็มไปหมด มีทั้งปืน ระเบิด เครื่องเล่นเอ็มพีสาม แม้กระทั่งแล็ปท็อป
“นี่พี่เอาเวลาไหนไปสร้างเนี่ย?”
“เอ..ก็ตอนที่ว่าง ตอนที่แกออฟไลน์ไปน่ะสิ..พี่ไม่มีงานทำซักเท่าไหร่ เอาเงินที่เก็บๆไว้ไปฝากธนาคาร เป็นล้านนะ นอนกินดอกเบี้ยที่บ้านเอาสบายใจเฉิบ”นักประดิษฐ์หนุ่มหันกลับมายื่นแผ่นกระจกเล็กๆที่ประกบเก็บตัวอย่างเลือดเอาไว้ด้านใน
“เป็นนีทล่ะสิเนี่ย?”รันหัวเราะ ยักษ์หนุ่มนำตัวอย่างเลือดมาเก็บใส่น้าต่างสัมภาระและเดินไปจดๆจ้องไอเท็มที่รัดเกล้าอนาวิลสร้างออกมาอย่างสนใจ
“อยากได้เรอะ? ให้ได้อันนึง..เอาอะไร?”
รันหันกลับมามองตาลุกวาว
“ขอเอ็มพีสามนี่นะพี่?”รันคว้าเอาเครื่องเล่นเอ็มพีสามขนาดเล็กที่ฝังตัวไปกับหูฟังประหลาดตานั่นมายื่นให้รัดเกล้าดูอย่างขอความเห็น เมื่อเจ้าของอนุญาตรันก็คลี่ยิ้มร่าและเก็บใส่กระเป๋าพร้อมกับกล่าวลา “งั้นผมไปก่อนนะพี่ ไว้เจอกันในอีกวันสองวัน”
“เออๆ เอาบัตรเชิญไปด้วย”
-ผู้เล่น รัน ได้รับบัตรเชิญสู่บ้านของรัดเกล้าอนาวิลค่ะ-
“โอเคพี่ ไปล่ะ!”รันกดเลือกใช้งานบัตรเชิญสู่โรงเตี๊ยมซากุระชิกิทันที เพียงพริบตาเขาก็มาปรากฏตัวอยู่ที่กิ่งซากุระกิ่งเดิมที่เขาเคยมาปรากฏตัวครั้งก่อนที่กลับมาจากทวีปเกียร์ มองตรงไปด้านล่างจะเห็นได้เลยว่ามีผู้มาใช้บริการมากผิดกับครั้งก่อนที่ไม่มีคน
“จะกลับไปที่นู่นแล้วหรือ?”รันหันกลับไปตามเสียงถามก่อนจะคลี่ยิ้ม
“อืม ช่วงนี้อาจจะไปกลับบ่อยน่ะ นี่ก็ไปแป๊บเดียวเดี๋ยวก็มาแล้ว แค่ไปเอาของเฉยๆ”รันยิ้มให้กับเทพารักษ์สาวขี้เหงาที่นั่งอยู่ด้านข้างเล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้นโคลงศีรษะอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู “น่าๆ ไม่ต้องห่วงๆ โคลอี้ก็ชอบมาหาบ่อยๆนี่ ซากุระยาชิกิก็อยู่ที่นี่ ไม่เหงาหรอกน่า..”
“มันก็จริงนี่นะ..”
“เอาน่า ไปล่ะ ถ้าเบื่อๆทำไมไม่ลองลงไปคุยกับพวกที่มาแช่น้ำดูล่ะ?”รันลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆก่อนจะเรียกใช้งานกิ่งซากุระพันปีทันทีก่อนที่ร่างของยักษ์อัสนีหนุ่มจะหายไปจากตรงนั้นทิ้งไว้เพียงเด็กสาวผมยาวให้ได้แต่นั่งคอตก
“ถึงพระเจ้าท่านจะมาบ่อยๆ แต่ก็ใช่ว่ามันจะปลอดภัยนี่นา..แง”
“บ่นถึงใครกันเอ๋ย?”
“ว๊าย!”
//น่าสงสารจริงๆ สมิงน้อย..//
“เอ๊ะ?”วอล์คชะงักกายสะดุ้งเฮือก สมิงสาวหันขวับมองไปรอบด้านอย่างงุนงง สถานที่ๆเธอยืนอยู่ตอนนี้ไม่ใช่เรือนระฟ้าโดยมีโคโนฮะในร่างแปลงอยู่ตรงหน้า แต่เป็นสถานที่แปลกประหลาด พื้นคือแผ่นกระจกหนาที่กั้นระหว่างเธอกับวัตถุประหลาดดูคล้ายของเหลวหลากสีไหลเวียนปะปนกัน ส่วนด้านบนคือท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เปล่งประกายไปด้วยดวงดาวนับพันที่ส่องแสงสว่างมากพอจนเธอมองเห็นได้ชัดเจน
//สมิงน้อย เจ้ามีนามว่าอันใด?//
วอล์คเลิกคิ้วสงสัยกับเสียงที่ไม่น่าไว้ใจก่อนจะเอ่ยตอบ
“ลินเบลล์”
//เจ้าไม่สงสัยหรือว่าข้าคือใคร?//
“เอ่อ ต้องสงสัยด้วยเหรอคะ? งั้น..สงสัยก็ได้ค่ะ คุณเป็นใครคะ?”วอล์คยิ้มแห้งๆกับคำพูดของตัวเอง เสียงปริศนาไม่ได้ตอบกลับมาแต่อย่างใดนอกจากเสียงหัวเราะเบาๆ
//ข้าคือเวอร์โก้//
‘ซีรี่ย์โซดิแอ็ค? ได้ไง? เราก็สู้กับโคโนฮะอยู่เฉยๆนะ..’
“เอ่อ ขอถามได้ไหมคะว่าหนูเข้ามาที่นี่ได้ยังไง เอ..หนูจำได้ว่าไม่เคยอยากได้หรือขวนขวายหาทางครอบครองอาวุธซีรี่ย์โซดิแอ็คเลยนะคะ ถ้ายังไงส่งหนูกลับไปได้ไหมคะ?”วอล์คยกมือขึ้นกอดอก ดอลล์เอ็มเพรสสาวพยายามออกคำสั่งเรียกให้ซีเอ๋อร์กับเหลียงเอ๋อร์ออกมาแต่ก็ไม่สามารถทำได้
//ถึงเจ้าจะไม่อยากได้แต่ข้าเลือกเจ้า ในเมื่อของที่เคยเป็นของข้าอยู่ในมือเจ้าแล้ว//
“หนูไปขโมยอะไรคุณมากันคะ!!”
//คันชั่งแห่งลิบร้า ไม่สิ..หลังจากเจ้าหนูจิ้งจอกนั่นปะทะกับร่างแบ่งภาคของลิบร้าไปแล้วตอนนี้มันก็คงจะเป็นกางเขนแห่งลิบร้าไปแล้วสินะ//วอล์คชะงักฝีปาก กางเขนแห่งลิบร้า? หรือว่าจะเป็นไอเท็มที่ช่วยในการใช้ด้ายเวทมนตร์ของเธอที่มาสเตอร์ของสายอาชีพให้มาเป็นของขวัญหลังจากการเปลี่ยนอาชีพขั้นที่สอง
“เออ..เจ้านั่นมัน”
//นั่นคืออาวุธของลิบร้า เพื่อนของข้า..ไม่สิ ลูกน้องของข้ามากกว่า//
‘ตกลงว่าเวอร์โก้มันเกี่ยวอะไรกับลิบร้ากัน!?’
//เจ้าอาจสงสัยว่าข้าเกี่ยวอะไรกับลิบร้า แน่นอน เจ้าเกิดราศีกันย์ย่อมต้องถูกยอมรับจากข้า แอสเทรีย เทพีแห่งความยุติธรรม แต่เจ้าดันได้อาวุธของลิบร้าไปครอบครองข้าก็หมดปัญญาที่จะเข้าถึงเจ้าไป คุณสมบัติของเจ้าของอาวุธตามแต่ละราศีนั้นจำเป็นต้องมีราศีเดียวกับอาวุธชิ้นนั้นๆ และคันชั่งของลิบร้า..เปรียบเสมือนความยุติธรรมในมือข้า..//
วอล์คพยักหน้าเข้าใจ..
“แต่เดี๋ยวสิ หนูราศีกันย์แล้วทำไมถึง..”
//เวอร์โก้และลิบร้าเป็นกรณีพิเศษ ผู้ที่สังกัดราศีกันย์จะมีสิทธิ์ถือครองอาวุธของลิบร้าได้ ดังนั้นข้าขอถามหน่อยว่าเจ้าต้องการกางเขนแห่งลิบร้าหรือไม่?// ยังไม่ทันที่วอล์คจะได้ปฏิเสธ เสียงของเวอร์โก้ก็ดังขัดขึ้นมาอีกครั้ง //แล้วเจ้าไม่มีเรื่องที่ต้องการตัดสินใจอย่างยุติธรรมหรอกหรือ?//
“เรื่องแบบนั้นจะไปมีได้ยังไงกันล่ะคะ!?”
//เอ พี่ชายของเจ้ากับเพื่อนพี่ชายของเจ้า รัน..กับริว เห?//เพียงชื่อของคนสองคนดังขึ้นมาสาวเจ้าก็ได้แต่ปิดปากเงียบสนิท คนหนึ่งคือพี่ชายที่เธอรักกับอีกคนหนึ่งคนผู้ที่เธอเผลอใจเรียกหาเมื่อไม่นานมานี้ เธอกลายเป็นคนสองจิตสองใจไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
“เรื่องนั้นไม่เห็นจำเป็นต้องใช้กางเขนนั่นนี่..”
//กางเขนแห่งลิบร้ามีความสามารถหนึ่งที่จะทำให้เจ้าตัดสินใจในเรื่องต่างๆได้อย่างยุติธรรม การรับรู้ความคิดของอีกฝ่ายยังไงล่ะ? เจ้าคิดว่าการตัดสินในเรื่องต่างให้เป็นกลางจากทั้งสองฝ่ายและมีความยุติธรรมนั้นจะทำได้เช่นไร ล่วงรู้ความคิดของอีกฝ่าย นำมาประกอบกับทฤษฎีของเจ้า..//
“นั่นไม่จำเป็นเลย เรื่องนี้..”
//แล้วเจ้าไม่อยากรู้ความรู้สึกของพวกเขาหรอกหรือ?//
“แน่นอนว่าต้องอยาก!”
//แต่กลัวว่าถ้าหากรู้แล้วจะมองพวกเขาได้ไม่เหมือนเดิม..?//
มือเรียวกำหมัดแน่นข่มอาการสั่น วอล์คก้มหน้าลงมองพื้นที่เต็มไปด้วยสีสันนิ่งงัน เธอกลัวว่าถ้าหากรู้ความคิดของพวกเขาแล้วความสัมพันธ์ที่มีจะเปลี่ยนไป ทั้งรันและริวอาจจะไม่ได้ชอบเธอ ไม่มีใครอยากอยู่กับเธอในฐานะคนรัก เขาทั้งสองคนอาจจะเป็นเพียงพี่ชายของเธอเท่านั้น..
“เรื่องนั้นมันก็จริง..เพราะฉะนั้นหนูถึงไม่อยากได้มันยังไงล่ะคะ”
//เจ้ากลัว..// วอล์คพยักหน้า //เจ้ากลัวที่จะตัดสินใจ กลัวที่จะคิด กลัวที่จะเอ่ยปากบอก เจ้าก็เป็นได้เพียงแค่เด็กสาวขี้ขลาดที่ไม่กล้าแบกรับความรู้สึกของตนเอง ความรัก? ไม่สิ บางทีเจ้าอาจจะเข้าใจผิดไปเองก็เป็นได้ น่าเสียดายจิตใจเข้มแข็งของเจ้า//
“ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยหนูไปได้แล้ว..”
//ความรักจอมปลอม หึๆ//
“หุบปากซักทีเถอะน่า! คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าความรู้สึกของหนูเป็นยังไง ความรักที่มีให้กับพี่ชายยาวนานหลายปีกับความรักชั่ววูบที่มีให้กับผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันน่ะ คุณรู้เหรอ? คุณเข้าใจมันเหรอ? หา!”เด็กสาวกำหมัดแน่นหลับหูหลับตาตะโกนออกไปลั่น
//...//
“เงียบ..ไม่เข้าใจใช่ไหมล่ะ ถ้างั้นก็เลิกพูดซักที เลิกตอกย้ำมันซักที!!”
//ถูกของเจ้าที่ข้าไม่รู้ ความรักของเจ้าคือสิ่งที่ข้าไม่เคยพบมาก่อน และข้าอยากจะรู้ว่าเจ้าจะทำเยี่ยงไรกับมัน ดังนั้นข้าจะคอยตามดูเจ้าอยู่ห่างๆ หัวใจของสาวพรหมจรรย์เช่นเจ้าคือสิ่งที่ข้าไม่เข้าใจยิ่ง ข้าปรารถนาที่จะเรียนรู้จากเจ้า สาวน้อย..ข้าอยากรู้ ว่าเจ้าจะเลือกใคร//
เฮือก!
“น้องวอล์ค..”วอล์คที่สะดุ้งตื่นจากนิทราจำต้องหอบหายใจจนตัวโยนก่อนจะหันไปตามเสียงเรียก ที่ด้านข้างคือมัทนะพาธาในชุดคนทรงแปลกตานั่งดูอาการของเธอ เด็กสาวหันขวับไปมองมือซ้ายที่ยังกำกางเขนแห่งราศีตุลย์แน่นและสะบัดมันออกมาราวกับถูกของร้อน
“เป็นอะไรไป..”หญิงสาวเลื่อนมือมากุมมือเธอไว้เบาๆ วอล์คก้มหน้านิ่งจับมือของเริงรุ้งตอบ นัยน์ตาสีทองกลอกส่ายล่อกแล่กรื้นน้ำตาออกมา เธอฝัน..ไม่ใช่เรื่องที่ได้คุยกับเวอร์โก้ แต่เป็นภาพที่เธอเห็นหลังจากนั้น รันและริวที่เดินห่างออกไป สีหน้าและแววตาที่ทำให้เธอต้องหลั่งน้ำตาออกมาโดยไม่รู้ตัวนั่น
“พี่รุ้ง พี่ริวล่ะคะ?
//อีกแล้ว..//
“ไปดูอาการให้กับอินาริจังน่ะ ส่วนโคโนฮะไม่ต้องเป็นห่วง..สงบปากสงบคำไปเรียบร้อยแล้วล่ะ”วอล์คนิ่งงันไม่เชื่อหูตนเอง น้ำเสียงเศร้าสร้อยปนสะอื้นที่เธอได้ยินก่อนที่เริงรุ้งจะกล่าวออกมานั่นคืออะไร หญิงสาวตรงหน้าเธอไม่ได้ขยับปากใดๆนอกจากที่พูดออกมานั่นเลย
“พี่รุ้งเป็นอะไรไปคะ?”
//ทำไมกัน!//
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ ชาไหม? เดี๋ยวพี่ไปเอามาให้”ร่างทรงสาวคลี่ยิ้มอ่อนใจให้กับเธอ วอล์คส่ายหน้าเบาๆใส่ใจกับคำพูดของเวอร์โก้ที่ผุดเข้ามาในหัว อำนาจของกางเขนแห่งลิบร้าทำให้เธอรับรู้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย เสียงเมื่อครู่คือเสียงของเริงรุ้งไม่ผิดแน่นอน แต่ทำไมกัน..
//ริ..ว ทั้งๆที่ฉั..น นายมัน..//
“พี่รุ้ง..ชอบพี่ริวเหรอคะ?”
“เอ๊ะ? ม..ไม่ๆๆ ไม่ใช่นะจ๊ะ พี่กับเจ้าบ้านั่นน่ะนะ? ไม่มีทางๆ”ร่างทรงสาวสะบัดมือส่ายหน้ารัว วอล์คกุมมืออีกฝ่ายแน่นขึ้นเมื่อเห็นว่าเริงรุ้งพยายามดึงมือที่ถูกกุมไว้ออก วอล์คหรี่ตาลงหันไปสบตากับหญิงสาวเบื้องหน้า
//พี่ชอบริว//
“ไม่มีทางๆ น้องวอล์คเอาอะไรมาพูด น่าขำน่า..อย่างเจ้าบ้านั่นเนี่ยนะ
“พี่ชอบพี่ริวจริงๆ”
“เอ๊ะ?”เริงรุ้งมองเธอนิ่งก่อนจะเบนสายตาไปหากางเขนแห่งลิบร้าแล้วถอนหายใจและพยักหน้ายอมรับความจริง “อาวุธซีรี่ย์โซดิแอ็คนี่แปลกดีนะเนี่ย ให้ความสามารถอ่านใจคนอื่นได้เหมือนเผ่ากระต่ายขาวจับโกหกเลย ฮะๆๆ เสียรู้แล้วสิเนี่ย”
วอล์คยอมให้อีกฝ่ายยกมือขึ้นลูบศีรษะนิ่งก่อนจะรู้สึกถึงความยาวของผมที่กลับมายาวเท่าเดิม แถมยังยาวกว่าเดิมเสียด้วย “เอ่อ ชุดกับผมนี่มัน..ยังไงกันคะเนี่ย ผมของหนูมันสั้นกว่านี้นี่คะ”
“อ้าว ไม่ใช่ผลของกางเขนนั่นหรอกเหรอ?”
“ก็คงงั้นล่ะมั้งคะ พอหนูหยิบมันออกมาก็วูบไปเลย..ฮ่ะๆ”
-ผู้เล่น ลินเบลล์ ได้รับจดหมายจากผู้เล่น รัน ค่ะ-
วอล์คนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งเพื่อตัดสินใจว่าจะเปิดตรงนี้เลยดีหรือไม่ ในเมื่อมันอาจจะเป็นเรื่องด่วนหรือเขาอาจจะอยู่ในสถานการณ์ที่ติดต่อมาไม่ได้ วอล์คเสมองอีกฝ่ายก่อนจะค้อมหัวน้อยๆและลุกขึ้นเดินออกจากห้อง เริงรุ้งได้แต่มองตามก่อนจะถอนหายใจออกมา
“อย่างนี้ก็แย่ไปอีกล่ะนะ เมนไอเท็มของซีรี่ย์โซดิแอ็คก็ไปอยู่ที่ฝ่ายศัตรูแล้วหนึ่งชิ้น เฮ้อ”
“แยกไปกับพี่ริวและลาสโลว์งั้นเหรอ?”ดอลล์เอ็มเพรสคนงามกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหนักใจ ถึงแม้ว่าเวอร์โก้จะบอกให้เธอเลือกระหว่างริวกับรันซึ่งคนหนึ่งคือพี่ชายและอีกคนหนึ่งคือเพื่อนของพี่ชายที่คอยดูแล รักที่ยิ่งยืนนานอยู่ในใจเธอมากว่าสิบปีกับความรู้สึกที่ผุดขึ้นมาในจิตใจชั่ววูบนั่นไม่จำเป็นต้องมีกางเขนปัญญาอ่อนนั่นเธอก็คิดเองได้ว่าทางไหนคือทางที่เธอต้องการที่จะเลือก
ต่อให้เวลาจะผ่านพ้นไปอีกยาวนานแค่ไหนเธอก็ยังไม่คิดที่จะตัดใจไปจากรันอยู่ดี สิ่งที่เวอร์โก้กล่าวมาทำให้วอล์ครู้ว่าในใจของตนลึกๆนั้นก็มีความหวังกับริวอยู่เล็กน้อยถึงจะไม่มากแต่ก็ยังมี แต่ความรู้สึกที่มีให้กับริวนั้นมันต่างกับรัน ไม่ใช่สายลมอบอุ่นในฤดูใบไม้ผลิอย่างรันแต่เป็นร่มเงาในฤดูร้อน เปรียบเปรยไปเสียหรูหรา..
ถึงจะอยู่ด้วยแล้วรู้สึกอบอุ่นเหมือนกันแต่มันก็แตกต่างกัน..เท่านั้น
แน่นอน เธอยังต้องทำศึกกับสาวๆอีกหลายคนที่มาหลงเสน่ห์พี่ชายของเธอ ยิ่งเริงรุ้งมีใจให้ริวด้วยแล้วเธอเองก็ไม่เห็นเหตุผลอะไรที่จะเข้าไปขัดกับคนทั้งคู่ แถมริวเองก็ไม่ได้รุกอะไรทั้งเธอหรือเริงรุ้ง บางทีเจ้าตัวเขาอาจจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีสาวมาชอบ?
“พี่รุ้งคะ เรื่องโยวไกตุ๊กตานี่จะให้หนูจัดการให้เลยไหมคะ?”วอล์คชะโงกหน้าลอดผ่านบานประตูมาขอความเห็น ฝ่ายเริงรุ้งที่นั่งนิ่งอยู่ที่เดิมก็สะดุ้งเบาๆและหันกลับมาส่งสายตาสงสัยแทนคำตอบ
“น้องจะไม่รอริวเหรอ?”วอล์คคลี่ยิ้มก่อนจะส่ายหน้าเบาๆและเดินเข้ามาคว้ากางเขนแห่งลิบร้าขึ้นมาพาดบ่า รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าของเด็กสาวทำให้ร่างทรงสาววางใจลงมาได้มาก “เดินออกไปแล้วเลี้ยวซ้ายถัดจากห้องนี้ไปสองห้อง พี่ว่าน้องน่าจะเอาอยู่ แต่ว่ายังไงเดี๋ยวพี่คอยช่วยดีกว่า”
เมื่อเจ้าบ้านอาสา มีหรือเธอจะได้ขัด วอล์คสาวเท้าเดินตามอีกฝ่ายไปไม่ปริปากพูดเรื่องใดๆออกมา เมื่อเริงรุ้งหยุดลงและเปิดบานประตูออก ห้องโล่งๆไร้เครื่องตกแต่งก็ปรากฏสู่สายตา ทั่วทั้งห้องปูด้วยเสื้อทาทามิเต็มไปด้วยรอยฉีกกระชากราวกับถูกของมีคมตวัดเฉือน ที่กลางห้องคือตุ๊กตาญี่ปุ่นตัวน้อยในชุดกิโมโนสีแดงขัดกับเส้นผมยาวตรงเหยียดสวยสีดำสนิท
“พี่คอยช่วยอยู่นะ”วอล์คครางเบาๆในลำคอเป็นการตอบรับ เด็กสาวค่อยๆก้าวเท้าย่ำลงบนพื้นเสื้อหยาบเบาๆคอยดูท่าทีของโยวไกตุ๊กตาที่กลางห้อง แหวนรูนที่ช่วยส่งเสริมความสามารถการกระจายเวทมนตร์ถูกสวมเตรียมพร้อม กางเขนแห่งลิบร้าในมือขวาเช่นกัน
ด้ายเวทมนตร์ไม่ได้ถูกเตรียมพร้อมเพียงที่มือ ที่เท้าเองก็เช่นกัน ทุกก้าวที่เธอย่างเหยียบล้วนแล้วแต่ทิ้งเครือข่ายสายใยของด้ายเวทมนตร์สีฟ้าสว่างเอาไว้ตามทาง เมื่ออีฝ่ายไม่ยอมบุกและคอยจังหวะสวนกลับเธอจึงต้องอาศัยวางกับดักไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย
จากการเดินวนโดยรอบเพื่อสังเกตความเสียหายของมันแล้วนอกจากขาทั้งสองข้างและแขนขวาที่บิดเบี้ยวกับรอยแตกตามผิวหนังแล้วนอกจากนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไร ขอเพียงแค่ให้เธอต่อด้ายเวทมนตร์เข้ากับข้อต่อของตุ๊กตาญี่ปุ่นตัวนี้ได้งานก็จบลงไปส่วนหนึ่ง
การเชิดหุ่นด้วยด้ายเวทมนตร์นั้นผู้เชิดไม่จำเป็นต้องครอบครองหุ่น การใช้วิธีนี้นั้นนอกจากส่งผลให้สามารถประยุกต์ใช้ได้อย่างง่ายดายแล้วยังสามารถใช้งานกับสิ่งมีชีวิตได้อีกด้วย เพียงแต่วิธีนี้ผู้ใช้จำต้องเชี่ยวชาญเดี่ยวกับวงจรเวทพื้นฐานในร่างกายเสียก่อน
หูเสือบนศีรษะสดับรับฟังพร้อมรับเสียงของตุ๊กตาญี่ปุ่นเบื้องหน้าอย่างตั้งใจ
ทันทีที่โยวไกตุ๊กตานี่ขยับนั่นหมายถึงสัญญาณเปิดศึก
แก๊ก!
ตุ๊กตาตัวจ้อยขยับกายไปยังไม่ได้ถึงคีบก็ต้องถดถอยกลับไปที่เดิมด้วยฤทธิ์ของด้ายเวทมนตร์ ตุ๊กตาโยวไกนามเนเนะมีท่าทีขัดขืนแต่ก็สามารถส่งมาได้เพียงสายตาอาฆาตแค้นเท่านั้น
วอล์คมองตุ๊กตานั่นพร้อมกับกำกางเขนในมือแน่น ด้ายเวทมนตร์ที่ทำหน้าที่ผนึกการเคลื่อนไหวของโยวไกสาวจากเดิมที่มีไม่กี่เส้นก็เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วจนเนเนะกระดิกกระเดี้ยวอะไรไม่ได้ ตุ๊ตามีชีวิตถลึงตามองวอล์คก่อนจะค้อนส่งปะหลับปะเหลือก
ดอลล์เอ็มเพรสที่เห็นว่าง่ายผิดปกติจึงได้หันไปถามเริงรุ้ง
“พี่รุ้งคะ มันง่ายขนาดนี้เลยเหรอ?”
“ยังหรอก เนเนะใช้เส้นผมเป็นอาวุธ ระวังตัวเอาไว้ด้วยนะน้องวอล์ค มันยังไม่จบเท่านี้หรอกนะ”คำตอบที่ได้รับมาเร่งให้สมิงสาวกลับไปจับตามองการเคลื่อนไหวของโยวไกตุ๊กตาอีกครั้งหนึ่งด้วยสายตาระแวดระวังมากกว่าเดิม เนเนะมองผู้ที่พันธนาการตนเองไว้ก่อนที่จะขยับปาก
“คาโงเมะ คาโงเมะ โยวโยว โตะ...”
“น้องวอล์ค ระวัง!”ทันทีที่เสียงของอิสตรีขับกล่อมถ้อยคำกลอนประหลาดเริงรุ้งก็ร้องลั่นพร้อมกับดึงยันต์จำนวนหนึ่งออกจากแขนเสื้อและซัดไปยังเส้นผมจำนวนมากที่ขยับล้อมรอบตัววอล์คทันที ยันต์ติดไฟทันทีที่สัมผัสกับเส้นผมของโยวไกตุ๊กตา
“อานาตะ โนะ ทาเมนิ สุคุ ชิมาโชว..”เสียงของมันยังไม่หยุด ดอลล์เอ็มเพรสสาวขมวดคิ้วมุ่นขยับสองขาก้าวไม่ออก ไม่ใช่ว่าเกิดอาการกลัวขึ้นมาชั่วขณะกับเสียงเพลงน่าขนลุกนั่น ทั้งที่มันเป็นเพลงการละเล่นของเด็กๆเท่าที่เธอรู้มา แต่กับเรื่องทำนองและเสียงร้องที่หลอนจับจิตนี่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย!
นัยน์ตาสีทอวงเหลือบหลังข้ามไหล่กลับไปมองมัทนะพาธาที่พยายามเผาเส้นผมที่ล้อมกรอบเธออยู่ด้วยการซัดยันต์อยู่ที่นอกประตู ดูจากห้องโล่งที่ไม่มีอะไรนี่แล้วคงจะเป็นการกระทำของอีกฝ่ายที่ตัดปัญหากลัวว่าเนเนะจะจัดการใช้เส้นผมหยิบจับอะไรมาขว้างปา รวมถึงการที่อีกฝ่ายไม่ย่างเท้าเข้ามาในห้องและเส้นผมที่ไม่ลุกล้ำออกไปนอกห้อง ระยะหวังผลของการโจมตีในตอนนี้อยู่แค่เพียงในระยะห้องนี้เท่านั้น
“อิทสุ อิทสุ เดยารุ..”คาดว่าเสียงของตุ๊กตามีชีวิตตนนี้เป็นตัวการหนึ่งที่ทำให้เธอขยับไม่ได้ วอล์คกัดฟันกรอดฝืนร่างกายที่ไม่ยอมขยับยกกางเขนแห่งลิบร้าในมือขวาเคาะพื้นดังลั่นคราหนึ่งส่งด้ายเวทมนตร์ไปทั่วห้องโยงใยไปมาอย่างรวดเร็ว เนเนะกลอกตามองการกระทำของอีกฝ่ายก่อนจะกล่าวบทเพลงต่ออย่างรวดเร็ว
“โยอาเกะ โนะ บันนิ..”มัทนะพาธาขมวดคิ้วคลี่ยิ้มเครียด บทเพลงใกล้จะวนครบรอบและเส้นผมพวกนั้นก็ใกล้จะล้มกรอบวอล์คเอาไว้ได้แล้วเช่นกัน ยามที่บทเพลงขับจบครบรอบเฉกเช่นเดียวกับการละเล่นของเด็กๆชาวญี่ปุ่น เส้นผมจำนวนมหาศาลพวกนี้จะรวบเข้าบีบรัดร่างของเหยื่อที่อยู่ภายใน บดจนกระดูกแหลกเครื่องในเละเหลวเป็นวุ้นเลือดทะลักออกมาทางปาก สาเหตุที่เธอรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นนั่นก็เพราะโกวคิ โยวไกงูขาวของเธอเจอมากับตัวและเธอเองก้อยู่ในที่เกิดเหตุเสียด้วย
‘พลาดแล้วจริงๆที่ไม่ได้บอกน้องวอล์คเอาไว้ก่อน’
“ท่อนสุดท้ายแล้ว ถ้าร้องจบล่ะแย่แน่!”
“อิยะ, สุทโตะ สุทโตะ คาโง โนะ นา-..!!”ยังไม่ทันที่โยวไกตุ๊กตามีชีวิตจะได้ขับเพลงจนจบท่อน กางเขนสีดำสลักลายสีทองนูนต่ำงดงามก็พุ่งเข้ามาล็อคคอเธอลงกับพื้น นัยน์ตาแก้วใสกลมโตเหลือกกว้างมองร่างของสมิงสาวที่ไม่ควรจะขยับได้อย่างตื่นตระหนก
“ทำ..ไม?”ไม่ใช่เพียงเนเนะที่สงสัย มัทนะพาธาเองก็เช่นกัน บทเพลงของโยวไกตุ๊กตานั่นสามารถผนึกการเคลื่อนไหวของร่างกายได้อย่างสมบูรณ์แบบ ถ้าหากฝืนจริงๆก็น่าจะขยับคล่องได้เพียงนิ้ว ดูจากการที่ยกกางเขนแห่งลิบร้ากระแทกพื้นนั่นบอกได้คำเดียวว่าฝืนมากๆ
แล้วทำไมถึงขยับตัวได้กัน?
“เห..ไม่ร้องต่อแล้วเหรอ?”ดอลล์เอ็มเพรสสาวก้าวเท้าตรงเข้ามาหาเนเนะอย่างไม่รีบร้อน ดวงหน้าหมดจดประดับไว้ด้วยรอยยิ้มหวานนั่นไม่ได้ทำให้โยวไกสาวรู้สึกดีขึ้นมาสักนิด
“ทำไมแกถึงขยับร่างกายได้กัน?”เส้นผมที่ยืดยาวไปทั่วทั้งห้องถูกหดกลับมาอย่างรวดเร็วจนสั้นเพียงกรอมพื้น สมิงสาวเลิกคิ้วก่อนจะยิ้มออกมาบางๆและโถมตัวกดกางเขนแห่งลิบร้าให้แน่นลงไปอีกจนตุ๊กตามีชีวิตต้องดิ้นคลุกคลักราวขาดอากาศ
“ก็ไม่ได้ขยับร่างกายเสียหน่อย”วอล์คไม่ได้โกหก เธอไม่ได้ขยับร่างกายเลยแม้แต่น้อย ที่ขยับคือนิ้วทั้งสิบในสองมือต่างหากที่ขยับอยู่ตลอดเวลา แหวนรูนส่องแสงจางบ่งบอกถึงอำนาจในการควบคุมเวทมนตร์ถูกใช้จนถึงขีดสุด พลันนัยน์ตาสีดำสนิทสังเกตเห็นด้ายสีฟ้าจางส่องแสงเรืองรองพันอยู่รอบนิ้วโยงยาวไปทั่วห้อง แต่ที่มากที่สุดเห็นจะเป็นที่คานด้านบนซึ่งโยงต่อลงมายังข้อต่อต่างๆของดอลล์เอ็มเพรสสาว
“เก่งเกินไปแล้ว..”เริงรุ้งกล่าวออกมาอย่างหวาดวิตก นัยน์ตากลมโตหรี่เล็กมองเด็กสาวผู้ที่จะเป็นศัตรูของตนด้วยท่าทางตระหนก ดอลล์เอ็มเพรสสาวเบื้องหน้าเผยด้ายเวทมนตร์ที่ซ่อนเอาไว้แล้ว และเธอก็เห็นถึงสาเหตุของการที่อีกฝ่ายขยับร่างกายได้ทั้งๆที่ตกอยู่ภายใต้ทักษะของเนเนะ
คนๆนี้กำลังเชิดตัวเองอยู่!
“บ้าไปแล้ว..นี่เจ้า!”
“ไม่รำคาญเหรอ ที่ขยับตัวไม่ได้แบบนั้นน่ะ”ดอลล์เอ็มเพรสสาวคุกเข่าลงก่อนจะขยับนิ้ววาดวงเวทบนพื้นใกล้กับขาทั้งสองข้างและแขนซ้ายของเนเนะรวมแล้วทั้งหมดสามวง หลังจากถอนมือกลับมาวงเวทสัญลักษณ์รูนก็เรืองแสงสีฟ้าอ่อนและลอยขึ้นมาซึมซาบเข้าไปในข้อต่อของตุ๊กตามีชีวิต
“ทีนี้ก็แผลตามตัวล่ะนะ”วอล์คตั้งท่าจะวาดวงเวทลงบนตัวของตุ๊กตาสาวแต่กลับถูกมือเล็กๆนั้นคว้าจับเข้าที่นิ้วเข้าให้เสียก่อน ในใจนึกตระหนกแต่ก็ไม่สามารถกระชากมือกลับมาได้เนื่องด้วยบางทีตุ๊กตามีชีวิตตนนี้อาจจะกำลังลองใจเธออยู่ก็เป็นได้
“ทำไมถึงช่วยข้า มนุษย์แบบเจ้าน่ะหรือจะมีจิตใจดีเฉกเช่นนี้..”
“ฉันเป็นเสือสมิงต่างหาก”สาวเจ้ากล่าวหน้าตาย ทางผู้ถามก็ชะงักไปในทันทีที่ได้ยินคำตอบ วอล์คคลี่ยิ้มและหัวเราะเบาๆก่อนจะดึงกางเขนแห่งลิบร้าออก เนเนะถูกเด็กสาวยกขึ้นมาอุ้มพาเดินไปหามัทนะพาธาทันที “นี่ค่ะ พี่รุ้ง ซ่อมให้เรียบร้อยแล้ว”
“ไม่เอาเจ้ามนุษย์นี่นะ!”
“เป็นงั้นไป..ฮ่ะๆ เรื่องนี้พี่ต้องจัดการเองนะคะเนี่ย”เริงรุ้งที่ได้ยินคำบอกปัดก็ทำหน้าเหยเกยังไม่ยอมยื่นมือไปรับเจ้าตุ๊กตาที่ขู่ฟ่อๆนั่น วอล์คยิ้มแห้งๆมองเนเนะด้วยแววตาเอ็นดูปนจนใจ “ถ้าพี่ไม่เอาไปพี่ก็ทำภารกิจไม่จบสิคะ เอาน่า..เจ็บตัวนิดๆหน่อยๆเอง”
“พูดเหมือนมันเจ็บน้อยอย่างนั้นล่ะน้องวอล์ค!”
“ถ้างั้นจะทำยังไงล่ะคะ เจ้าหนูนี่ก็ยอมให้หนูอุ้มคนเดียว..รึเปล่าหว่า?”
“ก็เอาเป็นผู้ติดตามไปเลยซิ”เสียงทุ้มจากผู้มาใหม่ดังขั้นที่ทางเดินห่างจากตรงนั้นไปไม่นาน ในคณะผู้มาใหม่ประกอบไปด้วยริว..จิ้งจอกเก้าหางสีดำ อินาริ..จิ้งจอกเก้าหางสีขาว และเกียวบุทานุกิ โคโนฮะ และดูเหมือนว่าสาเหตุที่ทำให้เขาต้องพูดออกมาแบบนั้นคือมือเล็กๆที่คว้าจับมือของเขาอยู่นั่น
‘ไม่เว้นแม้กระทั่งเอไอเลยเรอะ!?’
“อ่า ฮ่ะๆๆ”วอล์คหัวเราะแห้งๆกับความคิดของมัทนะพาธาที่ได้ยินผ่านทางกางเขนแห่งลิบร้า “แล้วมันจะไม่เป็นการไปขัดขวางภารกิจของพี่รุ้งเค้าเหรอคะพี่ริว?”
“ไม่หรอก ก็ถือว่าฝากไว้..แค่นี้ก็ปั่นระดับไม่ขึ้นแล้วไม่ใช่รึไง? อีกอย่าง..ภารกิจนั่นแค่ให้โยวไกลงชื่อในหนังสือสัญญาเฉยๆไม่ใช่เรอะ ภารกิจมันแค่ให้รวบรวมชื่อของโยวไกในลิสท์ที่จับมาได้เท่านั้น ที่เอามาเป็นผู้ติดตามเพราะเห็นว่ามันสะดวกและปลอดภัย สามตัวนี่ก็ลงชื่อไปแล้ว..เอามาให้พวกฉันดีกว่าน่าถ้าเธอเอาไม่อยู่”ริวกล่าวขึ้นยิ้มๆและบุ้ยหน้าไปทางเนเนะและอีกสองสาวที่เดินตามหลังมา
“จะว่าไปมันก็ใช่นะ แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกนี้จะยอมไปกับพวกนายรึเปล่าเท่านั้นล่ะ”
“ข้าจะไปกับยูกุเระซามะค่ะ!”
“อินารี้~”เกียวบุทานุกิผู้ติดตามของโยวโกะสีขาวต้องร้องออกมาน้ำตาเล็ดเมื่อได้ยินคำตอบเร็วพรวดพราดแบบไม่เปิดโอกาสให้ได้ตริตรองนั่น วอล์คเอียงศีรษะกับชื่อที่จ้องจอกสาวใช้เรียกก่อนจะถอนหายใจ
“แล้วทำไมอินาริถึงกลายเป็นสีขาวล่ะ ต้องเป็นสีน้ำตาลไม่ใช่รึไง?”
“ยัยนี่นับถืออามาเทราสุ พอสูบพลังของฉันไปก็มีศักดิ์เทียบเท่ากับฉันที่เป็นยูกุเระโนะโยวโกะ ทาสรับใช้สายตรงของสึคุโยมิ พอยัยนี่ได้หางครบเก้าปุ๊บก็เปลี่ยนเป็นสีขาวและได้ศักดิ์โยอาเกะโนะโยวโกะมา”ริวกล่าวเสียงเรียบขณะจ้องมองตุ๊กตาญี่ปุ่นตัวน้อยด้วยสายตาประหลาดใจ
“ซาชิกิวาราชิ?”ร่างทรงหนุ่มหันไปถามมัทนะพาธาก่อนจะได้รับคำตอบมาเป็นการพยักหน้า
“ตุ๊กตาซาชิกิวาราชิเนี่ยนะ? เห..”ซาชิกิวาราชิเป็นผีประเภทหนึ่งซึ่งนับว่าเป็นโยวไกที่นำพาโชคลาภมาให้ มักอยู่ในรูปร่างเด็ก..ก็อย่างที่เห็นอยู่ตรงหน้านี่ ตุ๊กตาญี่ปุ่นรูปแบบเด็ก วอล์คก้มลงมองตุ๊กตาตัวน้อยในอ้อมกอดก่อนที่เนเนะจะเงยหน้าขึ้นมาสบตา
“อยากไปด้วยกันไหม?”
“อื้อ”
“งั้นเป็นอันว่าตกลง ให้นาราคุไปส่งพวกฉันที่เมืองแถวๆป่าต้องห้ามนะ..จะไปเก็บระดับซะหน่อย”มัทนะพาธาพยักหน้าเบาๆก่อนจะเดินหายไปเหลือเพียงริว วอล์คและโยวไกเยาว์วัยอีกสามตน ดอลล์เอ็มเพรสสาวยิ้มให้กับริวก่อนจะกล่าวถามออกไป
“เดี๋ยวลาสโลว์จะวาร์ปไปหาสินะคะ?”
“อืม บริการวาร์ปจำเป็นต้องมีนาฬิการะบบ ปัญหานั้นรัดเกล้าจัดการให้เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวทางนั้นจะเอานาฬิกาใหม่เรามาส่งด้วย เห็นว่าออพชั่นเจ๋งอยู่ มีลิมิทเตอร์ด้วย”วอล์คหัวเราะเบาๆและจรดนิ้วตามข้อต่อของเนเนะพร้อมทั้งวาดวงเวทที่หลังเป็นการทำสัญญาเป็นผู้ติดตาม
“คิดว่าชื่อทีมเป็นยังไง?”
“ทีมเฮอร์จา เล่นชื่อวาลคีรี่เลยน่ะนะ..เฮอร์จา ทำลายล้าง เราเป็นทีมกวาดล้างเหรอคะเนี่ย?”วอล์ดเปิดหน้าต่างระบบค้นหาระบบแปลภาษาและมองหาความหมายอย่างรวดเร็ว ริวหัวเราะเบาๆและยกหางหนีโคโนฮะที่ไล่ตามหมายจะกัดให้ขาด
“ก็ดูแต่ละคนสิ ถนัดแต่หนึ่งต่อสิบ..พี่มีตะเกียง เรามีตุ๊กตา ลาสโลว์มีเวทมนตร์ แล้วยัยพวกนี้อีก”เขาว่าก่อนจะหันไปมองสาวจิ้งจอกผมขาวข้างกายด้วยความเอ็นดูก่อนจะยกมือขึ้นมาแตะริมฝีปาก
‘มีการใช้ลิ้นด้วยนะเนี่ย’
“อะไรใช้ลิ้นคะ?”
“ถ่ายพลังให้ยัยหนูนี่น่ะ เฮ้ยเดี๋ยวดิ..พี่รู้สึกว่าไม่ได้พูดออกไปนะ?”
“หนูอ่านใจได้น่ะค่ะ”
‘ซวยแล้ว...ไอ้รัน ช่วยตูด้วย~’
อ่า ไอเรียยังไม่ตาย แล้วคนที่อยู่เบื้องหลังของ ไอน์ กับ ซไว คือใครกันแน่
:) สนุกๆๆ