ตอนที่ 16 : บทที่ 5 หนึ่งวันที่วุ่นวาย : บทเพลง
บทที่ 5 หนึ่งวันที่วุ่นวาย
ช่วงที่สอง บทเพลง
“คุณ.. รัน?”
“แม่นแล้วสาวน้อย เหะๆ”
น้ำเสียงของเธอเหมือนจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง แต่รอยยิ้มของผู้ชายตรงหน้านั้นทำให้ตาต้องเบ้ปากและส่ายศีรษะด้วยความปลงตกก่อนจะคว้าหนังสือขึ้นมาอ่านต่อโดยไม่คิดจะสนใจเขาอีก รันคลี่ยิ้มเผล่ก่อนจะกดนิ้วลงไปบนกระดิ่งเรียกพนักงานบนเคานเตอร์นั้นก่อนจะเท้าแขนจ้องตาเธอ
“วันนี้มาเป็นลูกค้านะ.. จะไม่ใส่ใจกันหน่อยเหรอ?”
“แต่เมนูที่สั่งร้านนี้ไม่มีขายค่ะ”เธอละสายตาออกมาจากหนังสือที่ยกขึ้นบังหน้าด้วยสองแก้มที่พองลมป่องจนน่าหยิก ริมฝีปากสีธรรมชาติปราศจากสารเคมีปรุงแต่งนั้นเบ้เล็กน้อยแต่ก็ยังคงมีองศายกขึ้นที่ตรงปลายด้านหนึ่ง เธอยิ้มอยู่และสายตาขี้เล่นนั่นทำให้เขาถูกใจ
“แต่แหม.. ใครจะไปนึกกันล่ะว่าโลกจะกลมได้ขนาดนี้ หรือว่านี่เป็นพรหมลิขิตที่ทำให้เราได้เจอกันเร็วขนาดนี้?”รันยิ้มหวานและหลุบตาลงมองเมนูของร้านที่วางไว้บนเคานเตอร์ ขนาดเมนูที่เป็นกระดาษแข็งเคลือบพลาสติกยังมีลวดลายเป็นกระต่ายตัวน้อยสีขาวน่ารัก เขาอดสงสัยไม่ได้จริงๆว่าใครเป็นเจ้าของร้านนี้เพราะรสนิยมแบบนี้มันสดใสจนเขาต้องคารวะ
“ใครเป็นคนแต่งร้านเนี่ย? แต่งซะหวานเชียว”
“อะ..ไม่ชอบเหรอ? หรือว่ามันหวานเกินไป?”คำถามจากตาทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นมองคนถาม นัยน์ตาสีทองกลอกมองรอบข้างอีกครั้งก่อนจะเสกลับไปยังดวงหน้าหวานของสาวน้อยเบื้องหน้าที่แทบจะกระโจนข้ามเคานเตอร์มากระชากคอเสื้อเขาอยู่รอมร่อนี่
“ตาเป็นคนแต่งเหรอ?”
“อื้ม คุณยายบอกให้แต่งยังไงก็ได้ก็เลยแต่งตามใจออกมาเป็นแบบนี้น่ะ ก็ชวยอะไรนิดหน่อย ไม่ได้ทาสีพื้นนะ แค่วาดรูปกระต่ายกับตกแต่งพวกกระดานดำหน้าร้านหรืออะไรพวกนั้น..”น้ำเสียงตอนท้ายที่เบาหวือดูเหมือนจะปัดภาระออกจากตัวเองทำให้เขาต้องเอี้ยวตัวไปมองกระดานดำที่ว่านั่น
กระต่าย.. กระต่ายเต็มเบย ฮ่ะๆๆ
“ติดใจอะไรกับน้องต่ายรึเปล่าเนี่ยหืม? หรือว่าชอบหูกระต่ายที่พี่ใส่ให้เมื่อคืนขนาดนั้นเลย?”เขาถือวิสาสะเรียกแทนตัวเองเป็นพี่ในทันทีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นมีอายุแทบไม่ต่างจากภายในเกมเลยแม้แต่น้อย อาจจะอ่อนกว่าเขาสักปีสองปีแต่เขาก็ไม่อยากให้เด็กสาวคนนี้ลูบคมง่ายๆโดยไม่มีอะไรมาจรรโลงใจอย่างเช่นการเล่นบทพี่ชายน้องสาว
“โธ่ คุณรันเจ้าขา.. ตาไม่ได้ไปติดใจอะไรกับที่คาดผมคุณกระต่ายอะไรของพี่เลยจริงๆ ร้านนี่ตาก็ช่วยคุณยายแต่งมาตั้งนานแล้ว พี่ต่างหากที่เลือกเอาหูกระต่ายนั่นมาใส่ให้ตาทีหลังน่ะ”เธอร่นคิ้วหรี่ตามองเขาด้วยสายตาที่กัดจิก แต่ระดับนี้แล้วแค่นั่นไม่มีทางทำอะไรเขาได้แน่นอนหากคนที่ส่งสายตานั่นไม่ใช่วอล์ค น้องสาวที่เขาแพ้ทางในหลายๆด้าน
“จ้าๆ งั้น.. พี่ขออัฟโฟกาโต้กับมาการูนรสส้มสามชิ้นก็แล้วกันนะ อ้อ..ขออะไรร้อนๆมาจิบด้วยจะดีมากเลยนะสาวน้อย”ชายหนุ่มยกมือทำท่าตะเบ๊ะล้อเล่นกับเธออีกครั้งหนึ่งก่อนจะเดินไปนั่งยังโซฟาและวางกระเป๋าเป้ลงบนโซฟาด้านข้างอีกตัว เหลือเพียงโซฟาตัวเล็กฝั่งตรงข้ามที่หากอีกฝ่ายเข้าใจความต้องการของเขาดีก็จะรู้ว่าตัวเองควรจะทำอะไร
เขาคว้าโน้ตเพลงของวอล์คออกมาดูผ่านๆอีกครั้งหนึ่งก่อนจะแลบลิ้นเลียริมฝีปากเมื่อสายตาดันเลยมองผ่านกระดาษตรงหน้า ไปยังสีหน้าขะมักเขม้นของตาที่กำลังง่วนอยู่กับเครื่องชงกาแฟราคาแพงที่ด้านหลังเคานเตอร์
เขาได้ยินเสียงแหบพร่าของใครอีกคนที่คาดว่าน่าจะเป็นคุณยายที่ว่าของเธอดังมาจากหลังร้านคอยบอกวิธีการและสั่งงานเด็กสาวที่ยังไม่ชินกับงานอย่างละเอียดทุกขั้นตอน และเป็นอีกครั้งที่เขาต้องหลุดยิ้มออกมาเมื่อเธอก้มตัวลงคร่ำเคร่งแต่งหน้าฟองนมบนถ้วยกาแฟของเขา
“น่ารักจริงๆเลยพับผ่าสิ ทำไมในเกมไม่เป็นแบบตัวจริงบ้างนะ”
เขาก็ได้แต่บ่นงึมงำไปคนเดียวอีกครั้งและซึมซาบไปกับทำนองเพลงที่ดังขึ้นมาในหัวตามที่กระดาษในมือได้กำหนดเอาไว้ นานเท่าไหร่แล้วไม่ทราบที่เขาจดจ่ออยู่กับงานของตัวเองจนถูกปลุกจากภวังค์ด้วยกลิ่นหอมของกาแฟในถ้วยแก้วที่เจือไปกับกลิ่นวนิลาของไอศกรีม
และดูเหมือนว่าเธอจะรู้ว่าเขาต้องการอะไรแต่เลือกที่จะไม่ทำ
“ตาครับ นั่งด้วยกันก่อนสิ?”
คนถูกเรียกหันขวับมามองเจ้าคนที่พูด ‘ครับ’ ออกมาด้วยสีหน้าราวฟ้าถล่มดินทลาย มันแปลกนักหรือที่เขาจะพูดสุภาพกับใครสักคนที่ถูกใจ? ก็ไม่ได้แปลกอะไรแต่ทำไมเธอถึงได้ทำหน้าเหมือนได้ยินอะไรแสลงหูขนาดนั้นกัน?
“ทำงานอยู่ค่ะ”
“อ่านหนังสือหลังเคานเตอร์เนี่ยนะ? น่า..นะครับ? มานั่งเป็นเพื่อนกันหน่อยน้า?”หากเขาหูไม่ฝาดเหมือนว่าเขาจะได้ยินเสียงเธอสะอึกเล็กน้อยกับลูกอ้อนที่ไม่ได้งัดออกมาใช้นานของเขา ทำตาละห้อยๆ แก้มป่องเล็กน้อยพร้อมด้วยริมฝีปากที่เชิดขึ้น ได้ผลประจำล่ะสีหน้าเหมือนลูกหมาหิวนมเนี่ย..
“อ..เอ่อ ขอไปถามคุณยายก่อนก็แล้วกัน”
“จะรอนะครับ เหะๆ”รันยิ้มหวานกลับไปก่อนจะยกแก้วกาแฟขึ้นจิบอ่างช้าๆพร้อมกับซึมซับรสชาติของเครื่องดื่มในถ้วยสีสวยในมือ รสกาแฟนุ่มลิ้นปนไปกับรสชาติอื่นที่แอบแฝงมาอย่างแนบเนียน ไม่มีกลิ่นของมันกลบกลิ่นของกาแฟเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มยิ้มออกมากับรสแคนตาลูปที่ผสมอยู่กับมอคค่าแก้วนี้และนึกชื่นชมฝีมือคนทำ
หลังจากวางแก้วในมือลงเขาก็เปลี่ยนเป้าหมายไปยังอัฟโฟกาโต้ในถ้วยข้างๆแทน ไม่นานนักของที่เขาสั่งมาก็หมดลงจนเหลือเพียงมาการูนและมอคค่าแคนตาลูปเท่านั้น และดูเหมือนสาวเสิร์ฟคนเก่งของเขาจะพยายามถ่วงเวลากับคุณยายของตนไม่ยอมมานั่งคุยกับเขาเสียทีอีกด้วย
“แหม.. เรานี่ดูไม่น่าไว้ใจเลยรึไงนะ?”
เขายิ้มออกมาและไหวไหล่ จากนั้นจึงเบนสายตาไปยังงานของตนอีกครั้ง จะเรียกว่างานก็คงไม่ได้ เรียกว่าเรื่องที่ถูกขอร้องมาจะดีกว่า ชายหนุ่มจรดปลายดินสอลงบนกระดาษก่อจะขีดเขียนถ้อยคำที่เข้ากับทำนองอันหวานซึ้งในหัวออกมาอย่างลื่นไหล
เพลงของน้องสาวที่รักของเขาจะต้องเพราะที่สุดในคอนเสิร์ตครั้งนี้..!
“แต่ไม่มีเมโลดี้มาให้ลองฟังมันก็เกินไปหน่อยนะ”
ชายหนุ่มรำพันออกมาเบาๆกับตัวเองก่อนจะหรี่ตาลงบรรจงเขียนถ้อยคำใต้โน้ตเพลงออกมาให้สวยที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วยลายมือหวัดเหมือนไก่เขี่ยของเขานี่ เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่ทราบจนเขาล้มเลิกความหวังที่ตาจะมานั่งเป็นเพื่อนเขาไปเสียแล้ว และตอนนั้นเองก็คือช่วงเวลาที่เธอได้พิสูจน์ให้เขาเห็นว่าสิ่งที่เขาคิดไปนั้นผิดถนัด
“เพลงเหรอคะ?”
“เอ๋? อ่า ..อื้ม”นัยน์ตาสีทองหรี่ลงมองแก้วกาแฟอีกแก้วที่ถูกวางลงข้างๆแก้วเดิมที่ว่างเปล่าพร้อมด้วยมาการูนหลากสีสันที่ถูกจัดวางด้วยความพิถีพิถัน ตายิ้มให้เขาเล็กน้อยก่อนจะนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของเขาและเท้าคางมอง
“จะไม่.. พูดอะไรเลยเหรอ?”
“ก็เหมือนว่าจะกวนเวลาทำงานนี่คะ?”คำพูดของสาวเจ้าทำให้เขาต้องคลี่ยิ้มเผล่ออกมาอย่างห้ามไม่ได้ นิสัยของเด็กสาวคนนี้ออกจะดีเกินไปหน่อยแล้วกระมัง? ดีจนเขาเริ่มสงสัยแล้วว่าเธอคนนี้จะมีแฟนรึยัง? ถ้าหากว่ายัง เขาจะได้...
ไม่ๆๆ.. เลิกคิดถึงเรื่องนั้น ทำงานๆ
“ไม่กวนหรอกน่า คุยเล่นด้วยมันก็ช่วยคลายเครียดนะ ขอมุขตลกๆหน่อยสิ?”
“เอ่อ... ไม่รู้สิคะ ไม่ค่อยได้เล่นมุขหรืออะไรพวกนี้เท่าไหร่”คนฟังเลิกคิ้วขึ้นมองเธอเล็กน้อยแล้วจึงเผยยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มเอ็นดูที่เธอต้องหรี่ตามองสวนกลับไปด้วยความเคลือบแคลงใจอย่างถึงที่สุด
“มันแป้กนะคะ”
“เอาน่า มาๆๆ”ตามีสีหน้าอ้ำอึ้งเล็กน้อยกับท่าทีของอีกฝ่ายที่ยืนกรานต้องการฟังมุขตลกจากเธอเสียให้ได้ จนแล้วจนรอด ตาก็ถอนหายใจออกมายาวเหยียดก่อนจะหลับหูหลับตาพูดออกมาและปิดหูปิดตาหนีผลลัพธ์จากมุขของเธอไปโดยพลัน
“หม..หมาฝรั่งหายจืดรึยังอะ?”
“หืม..? อุ๊บ... ฮุ ฮะๆๆ”
ไม่.. เขาไม่ขำกับมุขเลย ไม่สิ.. พูดให้ถูกเขาขำกับมุขนั่นต่างหาก ไม่ใช่ขำเพราะว่ามันตลก แต่ขำเพราะว่ามันแป้ก หมากฝรั่งหายจืดรึยังเนี่ยนะ? ชายหนุ่มยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะตัวสั่นด้วยความพยายามที่จะทำให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะไม่ต้องการรบกวนผู้อื่น
“ขำเพราะมันแป้กล่ะสิ..”
“เปล่าๆ ไม่ๆ.. ขำเพราะมันตลกมากต่างหาก”
“โกหกคิดตังเพิ่มนะคะ ที่ยกมาให้รอบสองนั่นฟรีนะ คุณยายฝากมาให้ คิดไปได้ยังไงกันว่าพี่เป็นแฟนตาน่ะ”
เอาล่ะรอบนี้เขาคงต้องขำจริงๆแล้ว..
“พี่ชายเราไม่ขบหัวพี่ตายเรอะ?”เขาส่ายหน้าก่อนจะอมยิ้มกำหัวคิ้วของอีกฝ่ายที่ขมวดมุ่นเข้ามาจนแทบจะชิดสนิทกัน รันส่ายศีรษะไหวๆแล้วจึงหันกลับไปจดจ่อกับเนื้อเพลงที่ยังเขียนไม่เสร็จตรงหน้า คุยกับเธอช่วยเติมน้ำตาลให้เขาได้พอสมควร ต้องยอมรับเลยว่าถ้าคนคุยด้วยน่าสนใจ ต่อให้เป็นผู้หญิงที่เขาเข้าหาด้วยไม่ค่อยเก่งก็ทำให้ฆ่าเวลาได้มากเหมือนกัน
“หวานไปรึเปล่าคะ?”
เธอพูดออกมาทำลายความเงียบเมื่อเขายกแก้วกาแฟขึ้นจิบ
“ไม่นี่ กำลังพอดีเลย อร่อยทั้งสองแก้วเลยล่ะ”
“ไม่ใช่กาแฟค่ะ ขอบคุณที่ชมค่ะ.. แต่ที่หวานน่ะหมายถึงเนื้อเพลงต่างหากล่ะคะ”รันเลิกคิ้วก่อนจะยิ้มแหยกลับไปให้อีกฝ่าย เขายกแขนทั้งสองข้างที่วางอยู่บนโต๊ะออกก่อนจะมองเนื้อเพลงในกระดาษ ภาพรวมของมันก็ดูออกจะหวานเกินไปจริงๆนั่นล่ะ..
จะยังไงดีล่ะ? เขาไม่ถนัดเพลงรักหวานๆนี่นา
สองเพลงที่เคยแต่งก็เป็นเพลงรักเศร้าๆทั้งนั้นเลยด้วย..
“แต่งไปให้ใครเหรอคะ? แฟนเหรอ?”
“...น้องสาวๆ ไม่ใช่แฟน โสดสนิทหรอกคนนี้น่ะ”รันยิ้มขำก่อนจะชี้นิ้วหัวแม่มือไปที่ตนเองด้วยท่าทีของคนที่ดูภูมิใจพร้อมกับยืดอกขึ้น มันน่าภูมิใจตรงไหนกัน อกหักติดกันรัวๆเกือบสิบครั้งเนี่ย? ถึงคนล่าสุดจะคบนานสุดเกือบสองปีก็เถอะ
“งั้นเหรอคะ? ตาว่า.. แต่งอย่างที่พี่ถนัดจะดีกว่านะคะ ถ้าเป็นเพลงที่แต่งให้น้องสาวก็น่าจะแต่งออกมาให้ดีที่สุดไม่ใช่เหรอคะ?”รันนิ่งค้างมองดวงตาหวานคู่นี้ตรงหน้าด้วยความไม่เชื่อ มือเล็กๆของเธอที่ค่อยๆเคลื่อนมากอบกุมมือขวาของเขาเอาไว้นั้นมันนุ่มเหลือเกิน นัยน์ตาสีทองคู่คมกลอกมองไปมาด้วยที่ว่าทำอะไรไม่ถูก เขาไม่คิดว่าเธอจะเริ่มก่อนแบบนี้ และเขาก็กลัวด้วยว่าเธอจะได้ยินเสียงใจที่เต้นรัวของเขาเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ
ทว่าความคิดต่างๆนานาก็เริ่มเตลิดไปหมดเมื่อตาขยับยิ้มขึ้นมา
รอยยิ้มหวานของเด็กสาวตรงหน้าปราศจากความต้องการในเชิงชู้สาว มีเพียงความใสซื่อที่หาได้ยากจากตัวของเด็กสาวสมัยนี้ที่เริ่มแก่แดดแก่ลม ตาเพียงต้องการที่จะให้กำลังใจเขาเท่านั้น ไม่มีอย่างอื่นแอบแฝงแบบที่กำลังก่อตัวขึ้นในใจเขาอย่างแน่นอน
“อ.. อื้ม นั่นสินะ แต่งเพลงให้น้องสาวทั้งทีก็ต้องแต่งแบบที่ถนัดแล้วก็แต่งให้สุดฝีมือ ขอบคุณนะ”รันยิ้มแฉ่งแล้วจึงยกมืออีกข้างขึ้นไปโคลงศีรษะอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู เขาหยิบยางลบมาลบเนื้อร้องทั้งหมดที่คิดเอาไว้ก่อนจะหรี่ตาลงขยับจากรอยยิ้มกว้างเป็นรอยยิ้มบางๆ
“ขอบคุณจริงๆนะ กาแฟอร่อยมากเลย เดี๋ยวไปจ่ายตังนะ”
“ไม่คิดเงินหรอกค่ะ คุณยายเลี้ยง.. แต่ถ้าพี่อยากจ่ายตาก็ไม่ว่านะคะ”
เด็กสาวว่ายิ้มๆชวนให้เขาต้องยิ้มกลับไปแห้งๆ
“ถ้าอย่างนั้นพี่ก็ไม่ขัดคุณยายท่านดีกว่านะ ฝากสวัสดีคุณยายเราด้วยล่ะ พี่มีธุระต้องไปต่อ.. ตั้งใจทำงานเข้านะกระต่ายน้อย”ตาเพียงนั่งนิ่งมองผู้ชายตรงหน้าค่อยๆเก็บของไปด้วยริมฝีปากที่หนักอึ้ง หากว่ากันตามจริงแล้วเขาคนนี้ให้ความรู้สึกถึงความเป็นพี่ชายมากกว่าพี่ชายแท้ๆของเธอเสียอีก ดังนั้นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะมีความคิดอยากจะรั้งตัวเขาเอาไว้ขึ้นมา
โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง เด็กสาวก็เอี้ยวตัวคว้าข้อมือของเขาที่ลุกเดินออกไปแล้วเอาไว้ ทำให้เขาต้องหันกลับมามองด้วยสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความสงสัย
“มีอะไรเหรอ?”
“คือว่า.. ขอ..เอ่อ ขอเบอร์พี่รันเอาไว้..ได้รึเปล่าคะ?”
“เอ๋...?”
‘เด็กสมัยนี้นี่น้า..’
ต่อให้บ่นอยู่ในใจแต่เขาก็ไม่เห็นเหตุผลที่จะปฏิเสธคำขอของตาและให้เบอร์โทรศัพท์ของเขากับเธอไป ที่บ่นถึงเด็กนั้นไม่ใช่เพียงแค่ตาคนเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเด็กสาวตัวเล็กที่เดินตัวปลิวปล่อยให้เขาถือถุงขนมหลายอย่างนี่อยู่คนเดียว รู้สึกว่าคำว่า ‘เดท’ ในความเข้าใจของเธอนั้นคงไม่พ้นไปจากคำว่าช็อปปิ้งไกลเท่าไหร่นัก
รันทำได้เพียงมองคู่เดทของเขาที่ดูร่าเริงผิดปกติด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มเท่านั้น เขาจะไปว่าอะไรประธานบริษัทใหญ่ที่ได้ออกมาเที่ยวเล่นแบบนี้ได้กัน เขาเข้าไปทำงานในอินเทอร์นัลเทคฯอยู่พักหนึ่งและรู้ดีเลยว่าขนาดแค่เกมมาสเตอร์หรือแอดมินฯยังงานยุ่งตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต แล้วคนที่มีตำแหน่งสูงกว่าและสูงที่สุดในบริษัทอย่างประธานบริษัทผู้เป็นหัวหน้าบอร์ดบริหารจะมีงานน้อยกว่าไปได้อย่างไร
นัยน์ตาสีทองหรี่ปรือลงล็อกตามเป้าหมายที่ไหวคล้อยไปมาในคลองจักษุ เรือนผมสีดำสนิทตัดกับผิวสีขาวซีดที่โผล่พ้นเสื้อยืดแขนยาวเปลือยไหล่นั่นส่งกลิ่นหอมของดอกไม้อ่อนๆออกมา เขาไม่รู้เรื่องพวกน้ำหอมหรืออะไรเถือกนั้นเลยสักนิด แต่ถ้าหากให้เดา กลิ่นหอมของดอกไม้ที่เหมือนกับชื่อของเธอคงไม้พ้นจะมาจากแขมพูเป็นแน่
ทิวลิป..
“ถามจริง.. ซื้อขนมมาเยอะแบบนี้จะไม่ทานข้าวเที่ยงแล้วเหรอ?”
คำพูดของเขาทำให้ร่างเล็กๆที่เริงร่าไปกับเสียงเพลงในห้างสรรพสินค้าชะงักกึกและหันกลับมา ดวงหน้าหวานบัดนี้พองลมแก้มป่องทว่ายังคงเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม ทิวลิปยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวพร้อมด้วยเสียงหัวเราะ ‘ฮี่ๆ’ ก่อนจะตรงเข้ามาคว้ามือข้างที่ว่างของเขาไปกุมเอาไว้
“งั้นรันอยากกินอะไรเดี๋ยวเราเลี้ยงเอง!”
“หืม? เธอจะเลี้ยงฉันงั้นเหรอ? จะให้ผู้หญิงมาเลี้ยงผู้ชายแบบนี้ฉันเสียเซลฟ์ยังไงก็ไม่รู้สิ ถามกลับไปที่เธอดีกว่า อยากทานอะไรครับคุณหนู?”ชายหนุ่มหลุบตาลงมองเด็กสาวที่กอดแขนเอาแก้มแนบไหล่ของเขาด้วยความรู้สึกจักจี้เล็กๆในอก
“งืม.. อย่าเรียกคุณหนูสิ ทิวลิปๆ เรียกทิวลิป แล้วรันก็เรียกตัวเองว่ารันด้วย แทนตัวเองว่าฉันมันดูแปลกๆไงไม่รู้ พวกเรามาเดทกันน้า ทำตัวให้ดูแบบ.. อินเลิฟกันหน่อยสิ เนอะ?”
อืม.. รู้สึกเหมือนคำว่าเดทในพจนานุกรมของสาวจิ๋วไฮเปอร์คนนี้จะไม่ได้หมายถึงการช็อปปิ้งเฉยๆแล้วสิ? อย่างน้อยๆเขาก็เริ่มมั่นใจแล้วว่าเขาไม่ได้เป็นแค่เบ๊ที่คอยเดินตามถือของให้เธอเท่านั้น
“ถ้าทิวลิปจะเลี้ยงล่ะก็.. อะไรรันก็ทานได้หมดนั่นล่ะครับ”
ว่าแล้วก็โปรยยิ้มหวาน..
‘ให้ตายสิ แบบนี้มันกระดากปากกว่าใช้คำว่า ‘เค้า’ อีกนะเนี่ย’ถึงในหัวจะบ่นอุบแต่รอยยิ้มของเธอคนนี้ก็ทำให้เขาแทบจะร้องหาอินซูลินมาปรับระดับน้ำตาลในเลือดแทบไม่ทัน มันไม่หวานเร่าร้อนเต็มไปด้วยความต้องการเหมือนที่สาวรุ่นส่งหากัน ไม่เหมือนกับรอยยิ้มหวานใสที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจของสาวรุ่น รอยยิ้มของทิวลิปตอนนี้ไม่เหมือนกับของใครที่เขาเคยเห็นมาก่อนในชีวิต..
เธอดู.. มีความสุข
“งั้น.. รันไปกินอาหารญี่ปุ่นกันนะ?”
“นำไปเลยจ้า..”ก็ในเมื่อคิดอะไรไม่ออกและต่างฝ่ายก็เกี่ยงที่จะเลือก ในเมื่อเธอเสนอมาแล้วหนึ่งที่แล้วทำไมเขาจะปฏิเสธ อย่างน้อยก็น่าจะมีที่วางบนโต๊ะพอที่จะเขียนเนื้อเพลงให้เสร็จได้อย่างไม่ยาก แต่แล้วความคิดนั้นก็ต้องพังทลายลงเมื่อร้านอาหารญี่ปุ่นที่ว่านั้นก็คือ..
“..ชาบูเหรอ?”
“อื้ม เราไม่เคยกินเลยนะ ไม่ได้มีเวลาออกมาลองดูเลย รัน... ไม่ชอบเหรอ?”
พอ! พอได้แล้วสาวน้อย ขอโทษทีตั้งคำถามแบบนั้นออกไป ได้โปรดอย่าใช้สายตาที่เหมือนลูกหมาตัวเล็กๆที่ทำท่าอ้อนวอนของที่หลบฝนท่ามกลางพายุอันหนาวเหน็บนั่นได้ไหม? เข้าใจเลยว่าตารู้สึกยังไงเวลาเขาทำแบบนี้ใส่..
‘กรรมเดี๋ยวนี้มันติดจรวดนะเนี่ย..’
“ไม่ๆ ชอบเลย ชอบม๊ากมากเลย.. ถ้าทิวลิปอยากลองทานดูก็ได้เลย!”เธอดูเหมือนจะไฮเปอร์ใช่ย่อย และเขาเองก็ไม่อยากจะทำลายรอยยิ้มและท่าทีคึกคักนั่นของเธอไปด้วยความสะดวกของตัวเองแน่นอน ก็เขาทำตัวไม่ถูกเวลาอยู่กับผู้หญิงมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่นา
“แล้วนี่จะไปไหนอีกรึเปล่า? หมายถึงหลังจากนี้น่ะ”
“เห.. ยังไม่ได้เริ่มกินเลย รันก็จะหนีเราไปแล้วเหรอ?”ชายหนุ่มหลุดยิ้มกับน้ำเสียงตัดพ้อของเด็กสาวเบื้องหน้าก่อนจะยกชักแขนออกจากการเกาะกุมของเธอทันที ทิวลิปใจหายวาบก่อนจะแสดงสีหน้าเหลอหลาออกมาเมื่อเขายกมือขึ้นดึงปลายจมูกของเธอเบาๆ
“มันเขี้ยวน่ะ หิวแล้วรึยังล่ะ? เข้าไปกันได้แล้ว.. โปรแกรมเดทของเรามันยังไม่จบง่ายๆแบบนี้หรอกนะทิวลิป”ในเมื่อเป็นฝ่ายรุกแล้วเขาก็จะไม่ถอยกลับอีก ช่วงเวลาหลายเดือนที่เขากลับไปขบคิดเรื่องพฤติกรรมของตนเองที่น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องอกหักจากผู้หญิงที่เขารักมากที่สุดนั้น มันทำให้เขาเชื่อว่าการกระทำและความไม่เอาถ่านของเขาเองนั่นล่ะที่คือต้นตอ
เขาไม่คิดจะเป็นไอ้คนเหลาะแหละที่ไม่ชอบเข้าสังคมแบบนั้นอีกแล้ว
เขาคนนี้จะกลายเป็นเสือผู้หญิง! ไม่... แบบนั้นจะไม่มีใครคบเอา
“เพลย์บอยนิดๆก็พอมั้ง ฮ่ะๆ”
“หืม? มีอะไรเหรอรัน?”
“เปล่าจ้า เปล่าๆ แล้วนี่ไม่คิดจะใส่ผักเลยเหรอ? มีแต่หมูกับเบคอน”เวลาที่เห็นคุณค่าและรู้สึกดีไปกับมันเขาว่ามันมักจะผ่านไปเร็ว ทั้งจากที่หลายๆคนบอกมาและรวมไปถึงประสบการณ์ตรงด้วย ทุกอิริยาบถของทิวลิปทำให้เขาอมยิ้มตลอดมื้ออาหารได้เลยทีเดียว
“ก็เราจะอิ่มแล้วอ่า นี่ต้มให้รันเลยน้า”
“ก็ทานแต่เนื้อนั่นแหละถึงได้อิ่มเร็ว แล้วที่จับมายัดๆแบบนี้นี่คือจะให้รันจัดการหมดเลยเหรอ?”เขาถามออกไปด้วยสีหน้าเก้ๆกังๆ จำนวนเนื้อสัตว์ทั้งเนื้อวัว เนื้อหนู ไก่และเบคอนในหม้อตรงหน้าของพวกเขาทั้งสองมันมากพอที่ชั่งได้เกือบกิโลฯเชียวนะ แต่เขาก็คงจะโทษเธอไม่ได้เหมือนกัน อย่างไรเสียนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอได้ออกมาทานอาหารนอกบ้านนอกเหนือจากในโรงแรมหรู
จากการพูดคุยกันระหว่างมื้ออาหารทำให้เขาได้เรียนรู้เรื่องต่างๆจากเธอมามากเหมือนกัน มันเป็นราวกับว่าเดทนี้คือการทำความรู้จักของพวกเขาทั้งสองคน ประหนึ่งว่าเด็กสาวคนนี้กำลังฝากตัวและฝากใจไว้ให้เขาดูแลก็ไม่ปาน
อ่าๆ ไม่ได้โม้หรือเข้าข้างตัวเองหรอกนะ...
แต่ไอ้ความรู้สึกที่เหมือนว่าเขากับเธอรู้จักกันมาก่อนและเคยเป็นกันมากกว่าเพื่อนในอกนี้มันจะให้ลบมันออกไปยังไงมันก็ไม่หายเสียที โดยเฉพาะเสียงหัวเราะ ‘เหะๆ’ ของเธอที่ฟังดูไม่เหมือนใครบวกกับรอยยิ้มใสซื่อที่เผยออกมากว้างจนตาแทบปิดนั่น
ถ้าหากไม่ติดว่าอยู่ในที่สาธารณะล่ะก็เธอคงไม่ได้ลอยนวลมานั่งยิ้มหวานป้อนผลงานที่เธอทำไว้ให้กับเขาแบบนี้หรอก
“ถ้าอยากให้หมดเร็วๆ ทำไมทิวลิปไม่ลองป้อนดูล่ะ? อ้ามน่ะ อ้าม~”
สีหน้าของเธอตอนนี้ที่ดูตระนกและคาดไม่ถึงกับมุขนี้ขายเท่าไหร่เขาก็ซื้อ แพงแค่ไหนก็ไม่เกี่ยง เขาชักเริ่มนึกอยากเป็นแฟนกับเธอคนนี้ด้วยแล้วสิ แต่พอนึกถึงเรื่องแฟนทำให้เขาพาลนึกไปถึงเรื่องที่พูดกับโรสก่อนที่จะออฟไลน์ออกมา
อะไรทำให้เขาพูดแบบนั้นออกไปกันหนอ?
“อ้าม..”
“อื๋อ? อ..เอาจริงเหรอ?”
รันเลิกคิ้วมองชิ้นเบคอนที่ถูกคีบเอาไว้ด้วยตะเกียบที่ถูกจับแบบแปลกๆด้วยมือของอีกฝ่าย ทิวลิปเป็นคนขาว เรียกได้ว่าขาวจน ‘โอโม่’ เลยทีเดียว แถมทรงผมที่มัดเป็นหางม้าสูงปล่อยปลายที่ดัดเป็นลอนให้คลอเคลียกับแก้มนวลที่แดงแจ๋นั่นดันปกปิดความรู้สึกของเธอเอาไว้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย จากหูข้างหนึ่งไปถึงหูอีกข้างหนึ่ง หน้าเธอแดงก่ำด้วยความเคอะเขินกับสิ่งที่ไม่เคยทำแบบนี้..
น่ารักจริงๆ..
“งับเร็วๆซี่ รันเป็นคนแรกเลยนะที่เราป้อนแบบนี้น่ะ งือ.. ไม่งับเรากินเองแล้ว!”ทันใดนั้นเองในวินาทีที่เขากำลังลังเล ทิวลิปก็ชักมือกลับและอ้าปากงับชิ้นเบคอนนั้นเสียเอง เขาเองที่ได้สติก็คว้ามือของเธอเอาไว้และงับมันอย่างที่เธอต้องการ
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งเดียวที่เกิดขึ้นในวินาทีนั้น
รสหวานของชิ้นเนื้อในปากของเขาไม่มีค่าเลยในเวลานี้ นัยน์ตาสีทองของชายหนุ่มกับนัยน์ตาสีม่วงเข้มจนเกือบดำของเด็กสาวที่สอดประสานกัน สัมผัสนุ่มจากริมฝีปากของอีกฝ่ายที่สัมผัสกับริมฝาปกของเขาเพียงชั่วครู่ในยามที่เขากัดชิ้นเบคอน ใบหน้าของทั้งสองอยู่ห่างกันเพียงคืบ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก
ผิด วินาทีนี้มันสมควรจะเป็นแค่หนึ่งวินาทีไม่ใช่หรือ? หรือว่าแรงเต้นของหัวใจของทั้งสองเพิ่มให้มันยาวนานเป็นร้อยนาทีแล้วกัน? ไม่มีใครถอยออกห่าง แต่กลับกัน..
สัมผัสเล็กน้อยนั้นไม่มากพอสำหรับเขา.. และเธอ
เขายอมรับเลยว่าจูบแรกที่มีหลักฐานและเป็นไปอย่างตามรายลักษณ์อักษร จูบแรกที่เป็นทางการ เขาเสียมันให้กับร่างเงาของเขาในเกม เขาเสียมันไปให้กับลาสโลว์ แต่นั่นคือจูบที่เป็นทางการ จูบที่ต่างฝ่ายต่างรู้สึกตัว.. ไม่ใช่จูบที่เมาทั้งคู่แบบที่เขาเคยรับมาในอดีต
มันไม่ใช่การแตะริมฝีปากกันเบาๆแบบที่คู่รักทำกัน แต่เป็นจูบที่เลยเถิดไปกว่านั้นเมื่อเธอรุกจนเปลี่ยนมันกลายเป็นสงครามแลกลิ้นในโพรงปาก เขายอมจำนนต่อข้อกล่าวหาเลยหากว่าใครจะตราหน้าเขาว่าเป็นคนที่เสพย์ติดจูบ ครั้งเดียวไม่เคยพอ..
และในตอนนี้เขาก็กำลังร้องขอวิงวอนผ่านสายตาถึงเธอ ร้องขอถึง ‘รีฟิล’ จากเธอด้วยความหวังที่เริ่มก่อตัวขึ้นมาเมื่ออีกฝ่ายเองก็ปรือตาลง
เขาจะไม่ว่าว่าเธอไวไฟหรือให้ท่า อะไรก็ตามบางอย่างในตัวเธอบอกกับเขาว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงง่าย เธอไม่ใช่ของตายที่ใครจะหมายปองแล้วก็ต้องได้ ผู้หญิงทำงานไฟแรงแบบนี้มัก ‘น่าค้นหา’ และ ‘ความน่าค้นหา’ ของทิวลิปนั้นกำลังเชิญชวนให้เขาอยากที่จะ ‘ค้นหา’ บางอย่างจากริมฝีปากเงาวาวของเธอ
“.....”
“...อืม”
-ขอเชิญหมายเลข....-
“อ๊ะ!/อะ..!”
‘คุณพนักงานครับ! ผมจะขอบคุณหรือโกรธคุณดีเนี่ย?’ชายหนุ่มร้องตะโกนในใจก่อนที่ต่างฝ่ายต่างก็ถอยออกจากกัน เด็กสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามนั่งก้มหน้างุ้มกัดปลายตะเกียบที่เพิ่งอยู่ในปากของเขาเบาๆอย่างคนเป็นกังวล ทว่าการกระทำนั้นที่เธอไม่รู้ตัวกลับทำให้ความต้องการของเขานั้นเพิ่มขึ้นสูงมากไปอีก..
จูบทางอ้อม.. แถมยังเขินขนาดนั้น ผู้ชายคนไหนอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขาแล้วไม่คว้าเธอมากอดล่ะก็เขายอมจ่ายสิบล้านเลยทีเดียว
‘ช่วยไม่ได้นี่นะ..’
แม้เขาจะถอนหายใจออกมาแต่สิ่งที่หลุดออกมาพร้อมกับลมหายใจนั้นมีเพียงแต่ความอบอุ่นและความเอ็นดูที่มีต่อเด็กสาวตรงหน้า สองอย่างนั้นยังไม่ใช่ทั้งหมด หากจะให้เขาระบุอย่างแน่ชัด อย่างสุดท้ายที่หลุดออกมาพร้อมกับการถอนหายใจของเขานั้น..
คงไม่พ้นความรัก..
‘แย่แล้ว นี่เราปล่อยตัวปล่อยใจไปรึเปล่า? ไม่กี่เดือนหลังจากที่ไคโรทิ้งเรา เราก็ไปสารภาพรักกับโรส โปรยเสน่ห์ใส่ตา แถมยังตกหลุมรักทิวลิป นี่ยังไม่นับลาสโลว์ โป๊คเกอร์เฟซแล้วยังรันมารุอีก’ เขาอดจะยิ้มออกมาไม่ได้กับเหตุการณ์ในอดีตและปัจจุบันที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว เขาถูกหักอกรวดเดียวกันเจ็ดครั้งติดเมื่อรวมไคโรด้วยแล้ว แต่คราวนี้อะไร.. เขามีใจให้ผู้หญิงอีกหกคนพร้อมๆกันซึ่งพวกเธอก็ดูจะชอบพอเขาเสียด้วย..
ถึงสามในหกจะเป็นปัญญาประดิษฐ์ก็เถอะ
แทนที่จะมีความสุขแต่กลับเหมือนว่ายุ่งขึ้นอีก เมื่อเขาเริ่มกวาดซื้อหุ้นของอินเทอร์นัลเทคฯมาได้มากพอที่จะถูกเรียกว่าเป็นหุ้นส่วนใหญ่ได้ หลังจากนี้เขาคงจะต้องตกอยู่ในสถานะเช่นเดียวกับจิรายุผู้เป็นพ่อแน่นอน พ่อแม่ของทิวลิปและโรสที่เป็นหุ้นส่วนใหญ่จะต้องเพ่งเล็งเขาอย่างแน่นอน แต่เขาที่ทำไปสนุกๆก็ไม่เห็นจะต้องเป็นกังวลไปไม่ใช่เหรอ...?
ใช่ นั่นคือในกรณีที่ผู้ใหญ่ทั้งหลายไม่คิดจะจับคู่เขาให้ดองกับทิวลิปเพื่อหวังหุ้นอีก 23% ที่อยู่ในมือของครอบครัวเขา หากรวมกันทั้งหมดแล้วตระกูลของทิวลิปก็จะมีหุ้นอยู่ถึง 52% ที่เรียกได้ว่ารายได้จากการออนไลน์ของผู้เล่นครึ่งหนึ่งจะตกมาอยู่ในมือของพวกนั้น
‘มันก็ยุ่งจริงๆล่ะนะ’
“เป็นอะไรไปหืม? นั่งนิ่งเชียว..? ถ้าอิ่มขนาดนั้นไปหาที่นั่งพักบรรยากาศดีๆกันไหม?”คำพูดของเขาทำให้เธอรู้สึกตัว ทว่าแทนที่ตกลงเด็กสาวกลับปฏิเสธราวกับต้องการให้ฝันหวานจบลงเพียงเท่านี้ รันได้แต่นั่งเฉยมองดูอีกฝ่ายด้วยความงุนงง
“ทำไมล่ะ? รัน..คุยด้วยไม่สนุกเหรอ?”
“ม.. ไม่ใช่นะ รันไม่ได้คุยไม่สนุกนะ เราแค่.. ถ้าเราอยู่กับรันต่อ เรากลัวว่าเราจะทำอะไรไม่ดีกับรันไป คือ.. เราไม่เอยากให้รันเห็นว่าเราเป็นผู้หญิงแบบนั้นนะ”กลับกลอกไปมาและระรัวจนฟังแทบไม่ทัน คำพูดของทิวลิปตอนนี้ฟังดูน่าสับสนเป็นที่สุด แต่เขาในตอนนี้ก็มั่นใจแล้วว่าไม่ใช่เขาคนเดียวที่ออกอาการแบบนี้กับเธอ
“ฮุ.. ฮึๆ ไม่เห็นเป็นไรนี่นา? วันนี้เราเป็นแฟนกันหนึ่งวันไม่ใช่เหรอ? ทิวลิปก็บอกมาเองเลยนี่นาว่าให้อินเลิฟกันหน่อย วันนี้เรามาเดทกัน.. ก็ทำให้อีกฝ่ายมีความสุขไปพร้อมกับตัวเองดีกว่า แบบนั้นไม่ดีกว่าเหรอคะคนดี? หืม?”กลบเกลื่อนความลำบากใจเช่นเดียวกันกับอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม รันคลี่ยิ้มออกมาอีกครั้งก่อนจะดีดไปที่หน้าผากของอีกฝ่ายเบาๆเป็นเชิงหยอกล้อ
“งือ... เป็นแฟนกันหนึ่งวัน อืมๆ งั้นเดี๋ยวเราไปจ่ายเงินก่อนนะ แล้วที่รักก็นำไปเลยว่าเราจะไปที่ไหนกันต่อดี”ประโยคเดียวที่แฝงความเคอะเขินเอาไว้ร่วมกับความสุข เขามองตามไหล่บางที่มนน่ากัดของเธอที่เดินไปจ่ายเงินที่เคานเตอร์ก่อนจะเหลือบมองดูเวลาจากโทรศัพท์มือถือ
‘บ่ายกว่าๆ เปียโนที่สวนพฤกษชาติข้างบนน่าจะว่างแล้วล่ะนะ แต่เพื่อความมั่นใจ..’
รันอมยิ้มออกมาก่อนจะติดต่อไปยังคนรู้จักของเขาที่ทำงานที่สวนพฤกษชาติที่ชั้นดาดฟ้าอันเป็นเป้าหมายต่อไปของพวกเขาด้วยความรวดเร็ว หลังจากได้รับการยืนยันและคำอนุญาตปนๆไปกับแรงเชียร์เล็กๆเขาก็ส่ายหน้าออกมาเล็กน้อย
‘รู้จักใครเขาไปทั่วมันก็ดีอย่างนี้เองล่ะนะ’
รันส่ายหน้ายิ้มๆก่อนจะคว้ากระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพายและเดินไปหาทิวลิปทันที เด็กสาวยิ้มให้กับเขาอีกครั้งอย่างเป็นกันเองราวกับเหตุการณ์เมื่อครู่ที่เกือบจะจูบกันจริงๆนั้นเป็นแค่เรื่องปกติของคนสองคน เธอตั้งสติได้แล้ว..
เมื่อเห็นเป็นแบบนั้นเขาก็ได้แต่เบ้หน้า
เขาชอบทิวลิปแบบก่อนหน้านี้มากกว่านี่นา ตาหวานเยิ้มที่ช้อนมองขึ้นมายังเขาที่สูงกว่า สองแก้มที่แดงเรื่อเหมือนคนเป็นไข้ แถมด้วยริมฝีปากอิ่มที่เงาวาวน่าจับต้อง แบบนั้นใครจะไม่ชอบกัน?
ชายหนุ่มคลี่ยิ้มก่อนจะรุนหลังอีกฝ่ายให้เริ่มออกเดิน
“จะไปไหนต่อเหรอคะ?”
“หาที่ให้ทิวลิปนั่งพักไง ให้เดินเลยแบบนี้เดี๋ยวก็จุกเอาพอดี”รันที่ก้มตัวลงพูดที่ข้างหูได้แต่อมยิ้มเมื่อเห็นอีกฝ่ายขนลุกซู่ เขาส่ายหน้าไหวๆด้วยความใจอ่อนก่อนจะเลื่อนมือลงไปกุมมือของอีกฝ่าย ผิวนุ่มนิ่มของอีกฝ่ายจากฝ่ามือที่สัมผัสทำให้เขาต้องยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
นานแล้วที่เขาไม่ได้กุมมือใครแบบนี้..
“จะไปที่ไหนล่ะ?”
“เอาเป็นสวนดอกไม้ข้างบนไหม? รันเคยมาครั้งนึง.. บรรยากาศดีมากเลยล่ะ”ทิวลิปพยักหน้ารับรู้กับความคิดเห็นของอีกฝ่าย เธอแทบจะมองตรงไปเบื้องหน้าไม่ได้แล้ว ใครใช้ให้เขากุมมือเธอแบบนี้กัน? ข้อตกลงที่ว่าเป็นแฟนกันหนึ่งวันนั้นเธออยากจะใช้มันกับเขาทุกวันเสียแล้วสิ
‘เทคแคร์กันดีเกินไปใจมันสั่นน้า..ตาบ้านี่’
เด็กสาวอมยิ้มเล็กๆและสาวเท้าก้าวเดินตามการชักจูงของเขาไปอย่างว่าง่ายจนทั้งคู่เดินทางมาถึงที่หมายได้ในที่สุด ทิวลิปเผลอปล่อยมือของเขาออกเนื่องจากความสวยงามและกลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธุ์ สวนพฤกษชาติแห่งนี้เป็นสถานที่ขึ้นชื่อสำหรับคู่รัก เขารู้ ทว่าเธอกลับไม่รู้
รอยยิ้มของรันค่อยๆจางหายไปกลายเป็นสีหน้าเศร้าสร้อย
รอยยิ้มของเธอ เขามั่นใจว่าเขาเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง เขาต้องการที่จะจำได้เพื่อเธอคนนี้ ทว่าทิวลิปที่ไม่ยอมปริปากบอกอะไรกับเขาเลยอาจจะไม่ต้องการสถานภาพเดิมนั้นกลับคืนมาก็เป็นได้ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไอ้สถานภาพเดิมนั้นจะเป็นเช่นไร และมีจริงหรือไม่..
แต่ในตอนนี้ เขาจะทำให้เดทแรกของเธอและเขามีคุณค่าและน่าจดจำที่สุด..
‘หวังว่าทิวลิปะไม่โกรธนะ’ เขาค่อยๆถอยห่างจากเด็กสาวเบื้องหน้าที่ถูกความงดงามของพืชพรรณไม้ดึงดูดเอาไว้ก่อนจะหลบออกไปจากทัศนะวิสัยของเธอโดยไม่ส่งเสียงใดๆออกมาอีก เขาพร้อมที่จะเห็นสีหน้าของเธอในยามที่หันมาแล้วไม่เห็นเขา และเขาก็พร้อมเช่นกันที่จะเปลี่ยนสีหน้าเศร้าหมองนั้นให้เป็นรอยยิ้มที่จริงใจที่สุดที่เธอจะมีให้เขาได้
“นี่ๆ รัน..ดูดอกไม้นั่นสิ––”
รัน?
นัยน์ตาสีม่วงเข้มกวาดมองไปรอบด้านอย่างหวาดกลัว เธอกลัวที่จะเสียเขาไป พร้อมๆกับการที่ก้อนเนื้อภายในอกรู้สึกเจ็บปวดแบบแปลกๆ น้ำตาของเธอที่แห้งเหือดไปนานแสนนานกลับก่อตัวขึ้นมาอย่างที่ไม่คาดคิด ทิวลิปเม้มริมฝีปากแน่นและกัดมันจนเลือดซิบ
ไหล่เล็กบางที่โผล่พ้นร่มผ้าไหวสั่น..
ความเหงาที่เธอไม่ต้องการกำลังกลับมาหาเธออีกครั้ง..
“รัน...”เสียงหวานของเธอสั่นเครือราวกับว่าร่างบางนี้จะแตกสลาย ทิวลิปกัดฟันปาดเช็ดน้ำตาที่ไหลนองก่อนจะก้าวเดินไปอย่างไม่รู้จุดหมาย สวนพฤกษชาติที่ควรจะมีผู้คนมาเที่ยวชมกลับเงียบลงอย่างที่ไม่ควรเป็น ความเงียบคือสิ่งที่เธอเกลียด ทว่าการถูกทิ้งคือสิ่งที่เธอเกลียดยิ่งกว่า
‘รันทิ้งเราไปอีกแล้ว..’
“ฮึก.. เราทำอะไรผิดไปงั้นเหรอ? รัน..”
ทว่าทันใดนั้นเองที่ความเงียบสงัดอันน่าวังเวงของสวนพฤกษชาติก็ถูกพังทลายลง เสียงไล่โน้ตของเปียโนดังขึ้นมาช้าๆก่อนจะเร่งจังหวะขึ้นเป็นบทเพลงที่มีแต่ความเศร้าสลด เสียงไวโอลินดังคลอเคลียขึ้นมาเบาๆผ่านทางลำโพงที่กระจายอยู่รอบด้านของเธอ
“I'm lost, so lost... Will I be able to see the sky again?”
“รัน!?”เสียงของเขาแผ่วเบา เต็มไปด้วยความหมายและความรู้สึกที่เธอฝันหา ความรักและความเห็นใจ เด็กสาวปราดมองไปยังลำโพงที่ถ่ายทอดเสียงของเขาออกมาด้วยสายตาที่ท่วมท้นไปด้วยความไม่เข้าใจ
“Oh please, one more day––”
“รัน..”เด็กสาวกัดฟันกรอด เธอไม่รู้ว่าเขาต้องการที่จะทำอะไรกันแน่ แต่ว่าเสียงเพลงนี้เริ่มที่จะกัดกินสนิมที่เกาะหัวใจของเธอลงไปช้าๆ เติมเต็มความรักในใจของเธอด้วยความเห็นใจของเขา ราวกับว่าเขารู้เรื่องราวทุกอย่างที่เธอพบเจอมา..
ไม่.. เขาลืมทุกอย่างไปหมดแล้ว
เขาลืมเธอไปแล้วจริงๆ ไม่อย่างนั้นเขาก็ต้องจำเธอได้แล้วสิ ใช่..
จำได้ทั้งเธอและโรส..
“Wishing, praying... Won’t someone allow this shadow of a girl––”ช่วงเวลาที่เธอต้องลิ้มรสนรกบนดินในอดีตค่อยๆหวนกลับมาอีกครั้ง เขาไม่น่าจะจำได้แล้วไม่ใช่หรือ? มันผ่านมาตั้งสิบเอ็ดปีแล้วไม่ใช่หรือ? เขาไม่รู้เรื่องความลับของเธอ และเขาก็สมควรที่จะลืมเรื่องของเธอไปแล้ว สิบเอ็ดปีก่อนเธอเป็นเพียงตัวประกอบในชีวิตของเขาเท่านั้นเองไม่ใช่หรือ?
“...To see one more day~”
เสียงเปียโน.. เธอได้ยินชัดเจนถึงต้นตอของมัน ทิวลิปหรี่ตาลงก่อนจะหยุดเท้า สองมือยกขึ้นกอดแขนของตนสร้างความอบอุ่นป้องกันตัวเองจากอดีตอันหนาวเหน็บที่หวนคืน เด็กสาวช้อนตามองไปยังแกรนด์เปียโนสีดำที่ตั้งอยู่ที่ศาลากลางน้ำตรงกึ่งกลางของสวนพฤกษชาติ รอบด้านบนม้านั่งคือผู้มาเที่ยวชมที่นั่งฟังเสียงเพลงด้วยสีหน้าเป็นสุข
..แม้ว่าเนื้อหาที่แท้จริงของเพลงนั้นจะน่าเศร้าเพียงแค่ไหนก็ตาม
“Remember, remember, please remember who I used to be..”
“Who am I, who am I, I'm a puppet in their game–––”
ทิวลิปมองไปยังชายหนุ่มที่นั่งพรมนิ้วบรรเลงเพลงอยู่หลังแกรนด์เปียโนหลังนั้น สีหน้าของเขาไร้อารมณ์ ไม่มีรอยยิ้มหรือความเศร้าสลด สงบนิ่งและเรียบเฉย ทว่าในตอนนั้นเองที่นัยน์ตาสีทองเสมองมาทางเธอ จดจ้องอยู่ที่เธอและไม่มองไปไหนอีก..
“Dreaming of a life I never had..”
นักไวโอลินที่อยู่ข้างๆเขาและชายอีกคนที่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์และแผงควบคุมอะไรบางอย่างไม่ได้อยู่ในสายตาของเธอเลยแม้แต่น้อย ทิวลิปจ้องสวนกลับไปในดวงตาของอีกฝ่ายราวกับกำลังพยายามตามหาความจริงที่ถูกกลบฝังไว้ด้วยบางสิ่งที่มองไม่เห็น
เนื้อเพลงนี้มันเหมือนกับว่าเขารู้ทุกอย่างในชีวิตเธอเลย
“Remember, remember, please remember who I used to be..”
“Who am I, who am I, my reality has slipped away––”
เด็กสาวลู่ไหล่ลงเล็กน้อยก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา ปัดเป่าความกังวลออกไปหมดสิ้นแล้วยิ้มออกมาจากใจ ต่อให้เขารู้หรือว่าเขาลืม แล้วยังไง? หลายๆคนบอกให้เธอยึดติดอยู่กับปัจจุบันมากกว่าอดีตหรือวาดฝันถึงอนาคต นี่คือเดทแรกที่เขาต้องการให้เธอมีความสุขที่สุด
“Sunshine, Sunshine... Isn't this the name you gave to me?–––
(Remember, remember, please remember who I used to be)..”
“Promise... My love... I'm still here–––
(Who am I, who am I, my identity is lost)..”
“คอรัส? รันเตรียมเพลงนี้เอาไว้ก่อนแล้วงั้นเหรอ..?”
“Remember, remember, please remember who I used to be––”
“Who am I, who am I, who was I supposed to be...”
ทันทีที่จบท่อนสุดท้ายของเพลงเสียงเปียโนก็หยุดลงเช่นกัน รันลุกจากเก้าอี้หน้าเปียโนก่อนจะรีบวิ่งตรงมาหาเธอในทันที สีหน้าของเขาแสดงถึงความเป็นกังวล ไม่ใช่รอยยิ้มที่แสดงออกถึงความยินดีที่ได้เห็นรอยยิ้มของเธอ แต่เป็นรอยยิ้มที่แสดงออกถึงความเป็นห่วงเมื่อเห็นคราบน้ำตาที่ยังหลงเหลืออยู่ของเธอ
“โทษทีนะ ..ที่หายไปเฉยๆน่ะ”
ทิวลิปเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะเงื้อหมัดชกไปที่ริมฝีปากของเขาเบาๆ
รันนิ่งค้างไปชั่วครู่ก่อนจะต้องอ้าปากค้างเมื่อคนตรงหน้าของเขาชักมือกลับไปบรรจงจุมพิตลงที่นิ้วของเธอ พอดีกับจุดที่ริมฝีปากของเขาเคยสัมผัส จูบทางอ้อมที่มีความหมายมากกว่าจุมพิตตรงๆ รอยยิ้มหวานฉายขึ้นบนดวงหน้าหมดจดของเด็กสาวขี้แยอีกครั้ง
“เพลงเพราะจังเนอะ?”
เธอไม่สนอีกต่อไปแล้วว่าเขาจะจำเธอได้รึเปล่า สิบเอ็ดปีก่อนจะเป็นอย่างไรก็ช่าง... ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาทำให้เธอวันนี้มันเป็นข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุดสำหรับเธอในปัจจุบัน ความรักของเธอที่มีให้เขามาตลอดสิบเอ็ดปีไม่เคยจางหายและมีแต่เพิ่มมากขึ้น
‘ตุ๊กตากระต่ายขาว’ ตัวนั้นเธอจะเก็บเอาไว้อย่างดีในใจของเธอ.. รอจนกว่าวันที่เขาจะจำเธอได้และบอกรักเธออีกครั้ง.. วันนี้จะเป็นเธอที่จะบอกรักเขา บอกให้เขารู้ว่าเธอไม่คิดจะอยู่เฉยๆและยอมแพ้ใครต่อใครอีกต่อไปแล้ว
“เรารักรันนะ รักมากกว่าใคร..ในโลกนี้เลย”
คุยกับผู้เขียน
อืม.. งงรึเปล่าครับ? สำหรับคนที่เริ่มอ่านใหม่และไม่ได้อ่านตอนก่อนที่จะรีไรท์นะครับ งงรึเปล่า? ถ้างงเดี๋ยวผมจะได้เพิ่มคำอธิบายให้มากกว่านี้อีก เพราะรู้เรื่องอยู่แล้วเลยทำให้แต่งออกมาได้ยากสักหน่อย ส่วนเพลงที่ใช้ในตอนนี้คือ 【Lizz】Xion's Theme - Original Lyrics【Kingdom Hearts】นะครับ http://www.youtube.com/watch?v=QbLMOAOoqvk อ่า..ฮ่ะๆๆ
ส่วนไอลูกชายขี้อวดที่จะเอาโรสเป็นภรรยานั้นก็ ตาย ๆ ไปเล๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
-0-555เก็บกดไม่ได้เม้นมาหลายตอน
ระบายทีเดียวเลย
มาอัพอีกนะครับ สนุกมากๆๆๆๆๆ
ต่อเร็วๆนะ