รักอลวน ก๊วนกวนคนใกล้ตัว - รักอลวน ก๊วนกวนคนใกล้ตัว นิยาย รักอลวน ก๊วนกวนคนใกล้ตัว : Dek-D.com - Writer

    รักอลวน ก๊วนกวนคนใกล้ตัว

    ใครจะขึ้นละว่าความสวยความหล่อ จะทำให้มีปัญหามากมายกับความรัก และคำว่าเพื่อนที่เป็นเส้นใยบางๆกับความรัก อะไรคือสิ่งที่เราคิดอยู่กันแน่

    ผู้เข้าชมรวม

    148

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    148

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 มี.ค. 52 / 12:48 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ในวันหยุดสุดสัปดาห์จะมีสิ่งใดวิเศษที่สุดเท่ากับการออกไปเที่ยวดูหนังกับเพื่อนสนิทคู่ชี้

      “นี่ยัยหวานแกเลือกหนังที่จะดูได้หรือยังเนี่ย” เอฟพูดขึ้นเมื่อเวลาล่วงเลยไปนานเกือบชั่วโมงกับการเลือกหนังของฉัน

      “แกก็ใช้ตาทั้งคู่ของแกดูสิ ว่าฉันเลือกหนังอยู่หรือว่านั่งดูดน้ำแป๊ปซี่อย่างแก” ฉันพูดทั้งๆที่ยังไม่ละสายตาจากโปรสเตอร์หนังใหม่ที่เข้าประจำเดือน

      “อะ! ฉันเลือกได้และ” ฉันบอกกับเอฟพร้อมทั้งชี้นิ้วไปที่รูปหนังในโปรสเตอร์

      “โห กว่าแกจะบรรจงเลือกหนังได้ก็ปาเข้าไปจะชั่วโมงและ”

      “แหมแกก็พูดเวอร์ไป จะเสียเงินทั้งทีมันก็ต้องเอาให้คุ้มค่าหน่อยดิ อย่าบ่นมากเลยแก สรุปจะดูมั้ย จะดูก็ตามฉันมาไปดูรอบและซื้อตั๋วกันเร็ว”ฉันพูดเสร็จและก็เดินฉับๆไม่สนใจเพื่อนตัวดีของฉันเลย

      ในโรงภาพยนตร์กรุณาปิดโทรศัพท์มือถือด้วยค่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้อื่นในการรับชมภาพยนตร์ด้วยนะค่ะ

      “หวานทำไมแกเลือกหนังเรื่องนี้ว่ะ” เอฟพูดทั้งๆที่ตั๋วและขนมอีกเพียบอยู่ในมือ

      “เอาหน่าแก เลือกแล้ว ซื้อแล้ว ก็จะต้องดูอย่าบ่นมากเลยและก็รีบๆปิดโทรศัพท์ซะด้วยละ อย่าให้มันดังเหมือนครั้งที่แล้วมันทำให้หน้าสวยๆของฉันอับอาย แกเข้าใจไหมเนี่ย”

      “เออฉันรู้แล้ว นี่แกเป็นเพื่อนฉันหรือเป็นแม่ฉันกันแน่ว่ะเนี่ย” ตั้งแต่ที่เอฟกับฉันรู้จักมักจีกันมานี่ก็จะ ปีแล้ว ก็ตั้งแต่นายเอฟย้ายบ้านมาก็มีฉันนี้แหละที่เข้ามาคุยกับเค้าเป็นคนแรก แถมบ้านยังอยู่ใกล้กัน เรียนที่เดียวกัน มิหนำซ้ำยังอยู่ห้องเดียวกันอีก ไม่รู้ว่าสวรรค์ส่งหรือว่านรกสร้างให้ฉันกับเขามาเจอกัน

      “โหแกซึ้งว่ะ แกว่าไหม”ฉันถามเอฟเมื่อเราสองคนกำลังเดินออกจากโรงหนัง

      “อืม” เอฟตอบฉันสั้นๆเหมือนว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

      “อะไรกัน แกให้ความคิดเห็นกับคำถามที่ฉันถามแกแค่เนี่ย ขอบใจมากเลยนะแกสำหรับคำตอบ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงอนๆเพื่อนสนิทของตัวเอง

      “หวาน ฉันรักแกว่ะ” เอฟพูดด้วยน้ำเสียงที่ซึ้งๆ หากไม่ใช่เพื่อนสนิทกันก็คงคิดว่าเอฟเนี่ยมันสารภาพรักกับฉันจริงๆ

      “แกมาทำอะไรเอาตอนนี้ว่ะ” ฉันตอบรับมุขของเพื่อนสนิทของฉันอย่างช่ำชองตามบทของหนังที่เพิ่งดูจบกันไป เรามองตากันและระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่อายคนที่อยู่ในบริเวณนั้นเลย

      “เฮ้ย เดี๋ยวข้าขอไปเข้าห้องน้ำแปปนึงนะเว้ยรอด้วยละ” เอฟพูดพร้อมกับส่งของให้กับฉัน

      “หนักหรือเบาว่ะ แต่ก็อย่าช้าแล้วกัน ไม่อย่างนั้นฉันทิ้งแกให้ขัดห้องส้วมในห้างแน่”

      “เออ รู้แล้วหน่า” เอฟตอบพร้อมกับเดินไปยังห้องน้ำ

      ในขณะที่ฉันรอ ด้วยความเบื่อฉันก็เลยไปหาอะไรทำแก้เบื่อซะหน่อย โดยการไปที่ตู้จับตุ๊กตา อุ้ยตุ๊กตาน่ารักอะอยากได้ อุ้ยอีกนิดนึงอีกนิดนึงจะได้และ จะได้และ ไม่ได้เซงเลย พอเหอะหมดไปหลายและ ทำไมมันช้าอย่างนี้ว่ะไอเอฟบ้า แต่อยู่ดีๆก็มีคนส่งตุ๊กตาที่ฉันพยายามหยิบมันเมื่อกี้เอามาให้ฉัน

      “ผมให้ครับ ผมแบงค์และคุณละครับชื่ออะไร” เค้าแนะนำตัวเองและส่งตุ๊กตาให้ฉัน ฉันยิ้มและตอบกับเขาว่า

      “ฉันหวานค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่อยากได้แล้ว” ก็ใครจะให้กล้ารับละ เป็นใครก็ไม่รู้ อยู่ๆก็เอาของมาให้

      “รับไปเถอะครับ ผมเห็นหวานเล่นเกมส์เมื่อกี้ ผมก็นึกว่าหวานอยากได้ผมเลยไปเล่นมาให้” จะให้ฉันรับให้ได้ใช่ไหมเนี่ย แต่คนอย่าฉันไม่เอาของคนอื่นฟรีๆหรอกนะ

      “นั้นหวานรับก็ได้คะ แต่แบงค์จะต้องรับเงินหวานด้วยนะ ถือว่าหวานซื้อต่อแล้วกันหวานไม่ชอบรับของคนอื่นมาฟรีๆหนะค่ะ” ขี้โม้อีกแล้วฉันปรกติเห็นของฟรีเมื่อไหร่ฉันวิ่งไปคนแรก แต่ต้องรักษาภาพพจน์หน่อย

      “ก็ได้ครับ” ในที่สุดฉันก็หาเรื่องใช้เงินให้กับตัวเองจนได้

      “นั้นฉันขอตัวก่อนนะ” และฉันก็เดินไปหาไอเอฟที่กำลังเดินออกจากห้องน้ำ

      “และเราจะได้พบกันอีกไหมครับ” แบงค์ตะโกนไล่หลังฉันแต่ว่าฉันทำเหมือนไม่ได้ยินเพราะว่าฉันไม่ได้ต้องการจะเจอเค้าอีกเป็นครั้งที่สอง

      “ผู้ชายคนนั้นใครหรอหวาน” เอฟถามฉันด้วยใบหน้าที่สงสัย

      “เค้าชื่อแบงค์หนะ เล่นเกมส์เอาตุ๊กตาในตู้มาให้ฉัน แต่ว่าฉันจ่ายเงินซื้อมานะ ตอนแรกเค้าจะให้ฉันฟรีๆแต่ฉันไม่เอาอะ ใครก็ไม่รู้จัก” ฉันตอบพร้อมเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เอฟฟังเสร็จสับ

      “อ๋อหรอ ดูเหมือนหมอนั้นมันจะชอบแกนะ เค้าขอเบอร์แกหรือเปล่าละ”เอฟถามฉันด้วยความอยากรู้

      “แกพูดจริงหรือเปล่าที่ว่า ดูเหมือนแบงค์จะชอบฉันแหนะ แต่แบงค์ไม่ได้ขอเบอร์ฉันหรอก แต่ถ้าขอฉันก็จะให้เค้านะ”

      “ทำตาเยิ้มเลยนะแก ข้าช่วยสงเคราะห์ให้เอาไหม” ความที่ว่าเรารู้จักกันมานานฉันก็ดูออกว่าเอฟไม่พอใจอย่างแรง ฉันเลยต้องรีบพูดออกไปเพื่อไม่ให้มีการข้องใจกัน

      “ฉันล้อเล่นยะ ทำไม! แกหวงฉันหรอเอ๊ะหรือว่าหึง ฮ่าฮ่า แต่แกไม่มีสิทธิ์มาหึงมาหวงฉันหรอกนะเพราะว่าเราเป็นแค่เพื่อนกัน” ฉันพูดออกไปเล่นๆเหมือนทุกทีแต่สีหน้าของเอฟและน้ำเสียงที่ตอบกลับมามันไม่เหมือนทุกทีอ่าซิ

      “เออ ข้ารู้แล้วหนะว่าข้าเป็นใครอยู่ในฐานะอะไร” ดูมันพูดซิค่ะ มันจะเล่นบทเศร้าทำไมเนี่ย ฉันก็แค่ล้อเล่นอย่างที่เคยๆทำมา

      “เฮ้ย แกอย่าทำแบบนั้นซิ ฉันรู้สึกไม่ดี” ฉันทำสีหน้าสำนึกผิดสุดๆ เผื่อว่าเอฟมันจะได้ไม่คาดโทษฉัน

      “เออช่างมันเถอะ แต่ถ้าแกเลี้ยงพิซซ่า ข้าก็จะยกโทษให้แล้วกัน”

      “ไม่ต้องมาแผนเลยไอเอฟ ฉันรู้ทันแกหรอกยะ แต่ก็เอาเหอะฉันเลี้ยงแกก็ได้ถือเป็นการเลี้ยงคืนที่คราวที่แล้วที่แกเลี้ยงฉัน” ว่าแล้ว ไอเพื่อนบ้ามันต้องมาไม้นี้ทุกที หลอกกินฟรี

      “เออ ขอบใจยัยหวานจอมงก” สีหน้าของเอฟเริ่มกลับมากวนอวัยวะเบื้องล่างของฉันเหมือนเดิม

      “พูดอย่างนี้มันหน้าเลี้ยงไหมเนี่ย”

      “โอ๋ๆ ข้าล้อเล่นหน่า” ฮ่าฮ่า ในที่สุดฉันก็ชนะแกไอเอฟ

      ในร้านพิซซ่าไม่ค่อยมีคน ฉันก็เลยเลือกไปนั่งที่โต๊ะในสุดของร้าน

      “เอฟฉันว่าแกหน้าตาก็ดีนะ ทำไมแกไม่ไปประกวดบ้างว่ะ” ฉันชักจะเริ่มสงสัยเพราะว่าเอฟก็เป็นผู้ชายที่หน้าตาดีมากคนหนึ่งเรียกว่าหล่อเลยก็ได้ แถมเขายังเป็นนักร้องประจำโรงเรียนอีกตาหาก

      “แกเพิ่งรู้หรอว่าข้าหน้าตาดี แต่ไม่เอาว่ะ ข้าไม่ค่อยชอบออกทีวี ไม่ชอบเป็นคนของประชาชน เดี๋ยวสาวๆจะเข้ามาหาข้าลำบาก แค่นี้สาวๆก็เข้ามาหาข้าลำบากมากพออยู่แล้ว” เสียงของมันดูภาคภูมิใจกับหน้าตาของตัวเอง

      “อยากจะอ้วกว่ะ” ฉันชักจะหมั่นไส้ไอเพื่อนตัวดีของฉัน

      ณ โรงเรียนมีชื่อแห่งหนึ่งในย่านกลางใจเมืองกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ฉันกับเอฟเรียนอยู่

      “ขอประกาศให้นักเรียนทุกคนทราบว่าโรงเรียนของเราจะมีการจัดประกวดเฟ้นหาดาวและเดือนประจำโรงเรียนเพื่อเป็นตัวแทนโรงเรียนไปสร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนต่อไป ขอให้ทุกห้องเรียนส่งผู้เข้าประกวดหญิง 1คนชาย1 คนที่มีความสามารถและหน้าตาดีเพื่อเป็นตัวแทนแต่ละห้อง”หลังจากสิ้นเสียงประกาศของอาจารย์ที่ปรึกษา กลุ่มยัยแพทก็ตะโกนออกมาดังลั่นห้องว่า “ธนวัตร ค่ะอาจารย์”

      “ธนวัตร ชื่อคุ้นๆใครว่ะเอฟแกรู้มะ”ฉันหันไปถามเอฟที่นั่งอยู่ข้างๆฉัน

      “นี่แกต๊องรึไงเนี่ย ธนวัตรในห้องนี้ก็มีอยู่คนเดียว ก็ข้านี้ไง หน้าเห่ยและยังไร้สมองอีกนะแก”

      “เออลืมไปว่าแกชื่อจริงชื่อธนวัตร แล้วนี่แกกล้า.....” เอ้ายังพูดไม่จบเลยไอเพื่อนบ้าก็เดินออกไปหน้าห้องซะและ

      “และส่วนตัวแทนผู้หญิงก็ต้องเป็นฉัน ชลลดา” พอยัยแพทพูดจบก็เดินออกมาหน้าห้องทันที โหยัยหน้าด้านไม่มีใครเสนอชื่อยังเสนอชื่อตัวเองอีก แต่เอ๊ะไม่มีใครคิดที่จะคัดค้านยัยนี่เลยรึไงกันเนี่ย

      “แต่ผมขอเสนอ อนันดา ครับ เธอทั้งเก่งและมีความรู้รอบด้าน ส่วนหน้าตาของเธอก็ไม่ได้เป็นรองใคร” ชื่อคุ้นๆนะอนันดา เอ๊ะมันชื่อของฉันนี่หน่า ไม่ใช่หรอมั้งในห้องเราอาจจะมีอนันดาหลายคน แต่ทำไมเพื่อนๆต้องมองมาที่ฉันด้วยละฉันไม่เข้าใจ

      “หวาน มีคนเสนอชื่อเธอหนะ ออกไปหน้าห้องซิ” อุ้ยตายว้ายกรี๊ดมีคนเสนอชื่อฉันแต่ใครนะที่เสนอชื่อของฉันชั่งตาแหลมซะจริงๆ ฉันเดินออกไปยืนข้างๆเอฟแต่อีกข้างของเอฟก็มียัยแพทที่หน้าด้านเสนอชื่อตัวเองออกมา

      “เอฟ เมื่อกี้ใครเป็นคนเสนอชื่อฉันหรอ เผอิญฉันกำลังนึกอะไรเพลินๆหนะเลยไม่ได้ฟังว่าใครเป็นคนเสนอชื่อฉัน” ฉันถามเอฟเพราะว่าเค้ายืนอยู่หน้าห้องน่าจะเห็นคนที่เสนอชื่อของฉันชัด แต่คำตอบที่ตอบกลับมาทำให้อึ้งจนปากค้าง

      “ยัยต๊องจะมีใคร ก็ต้องเป็นข้าหนะซิที่เสนอชื่อแกหนะ”

      “ตาแหลมเหมือนกันนะเนี่ยแก” ฉันตอบกลับด้วยความภาคภูมิใจในหน้าตาของตัวเอง เอฟกระซิบข้างหูฉันว่า

      “ข้าไม่อยากเข้าประกวดคู่กับยัยแพท แต่ถ้าเป็นแกข้าพอรับได้” ฉันรู้เหตุผลของมันและที่เสนอชื่อฉันแต่ฟังดูมันแปลกๆแหะ พอรับได้

      “นี่แกหมายความว่าไงเนี่ย” ฉันชักจะฉุ่นกับคำพูดของไอเอฟ

      “เอาหน่าแก ประกวดเป็นเพื่อนข้าหน่อยยังไงข้าก็อุตส่าห์ชมแกว่าหน้าตาดีนะ” ขอบใจนะแกที่อุตส่าห์ชมฉัน โชคดีของแกนะเนี่ยที่ยืนอยู่หน้าห้องไม่งั้นได้มีการเปิดตลาดสดชะกันมันซะตรงนี้แน่ไอเอฟ ไอเพื่อนที่ชอบกวนอวัยวะเบื้องล่าง แต่ฉันก็เรียกความอดทนและสติของฉันกลับมาได้ด้วยเสียงของอาจารย์ที่ปรึกษา

      “ในเมื่อมีการเสนอชื่อผู้ที่จะเป็นตัวแทนของห้องเราเข้าประกวดทั้งหมด 3 คนโดยแบ่งเป็นชาย 1คนและหญิง 2 คน อาจารย์จะให้นักเรียนในห้องร่วมกันโหวตว่าจะส่งนักเรียนหญิงคนไหนเข้าประกวด เพราะนักเรียนชายคงไม่มีปัญหา แต่อาจารย์จะให้เวลานักเรียนในการคิดว่าจะลงคะแนนให้ใครเป็นเวลา 1 วัน เพราะการประกวดจะถูกจัดขึ้นอีก 4 วันต่อจากนี้”

      อ๊อดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

      “ขอให้นักเรียนทุกคนเลือกคนที่จะเป็นตัวแทนห้องเราด้วยความสามารถของผู้ที่ถูกเสนอชื่อเพื่อเป็นหน้าเป็นตาของห้องเราที่จะได้ไปแข่งกับห้องอื่น อาจารย์ต้องขอตัวก่อนละ และตั้งใจเรียนวิชาต่อไปด้วยละนักเรียน” เมื่อสิ้นเสียงของอาจารย์ฉันกับเอฟก็เดินเข้าไปนั่งที่เตรียมตัวที่จะเรียนวิชาภาษาอังกฤษ แต่ไม่วายยังมีเสียงสุนัขพันธุ์แพทพร้อมเหล่าเพื่อนๆสุนัขของหล่อนพูดตามหลังมา

      “ยังไงเพื่อนฉันก็ต้องได้เป็นตัวแทนห้องคู่กับเอฟอยู่แล้ว หน้าเห่ยๆอย่างหล่อนอย่างหวังเลย” เชอะ อยากเป็นตายแหละ นี่ถ้าไอเอฟมันไม่เสนอชื่อฉันจ้างให้ก็ไม่ออกไปหรอก ออกไปให้ไอพวกปากปีจออย่างกลุ่มยัยแพทเม้าท์เล่นมันคงซะใจพิลึก

      “ก็คอยดูแล้วกันว่าใครจะได้เป็นตัวแทนของห้อง” ฉันพูดออกไปด้วยความเหลืออด เพราะฉันกับกลุ่มของยัยแพทไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่

      “ได้ฉันจะคอยดู” ดู๊ดู พวกมันจะท้าทายฉันไปถึงไหน หลังจากกัดกับพวกนั้นเสร็จฉันก็ต้องหันมาต่อว่าเพื่อนสนิทของฉันคนนี้ซะหน่อยเนื่องจากเป็นตัวต้นเหตุของเรื่องนี้

      “ว่าไงละแก อยู่ดีๆก็หาเรื่องมาให้ฉัน” แหม แกยังมาทำหน้าเฉยเมยเหมือนกำลังคิดวางแผนการอะไรอยู่ มันฟังที่ฉันพูดไหมเนี่ย

      ผัวส์!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

      “นี่แกมาตบหัวข้าทำไมเนี่ย” เอฟพูดพร้อมกับเอามือลูบหัวตัวเอง

      “เรียกสติแกคืนมาไง เนื่องจากแกดูเหมือนไม่ได้ฟังฉัน” ฉันละซะใจจริงๆ

      “ทำไมข้าจะไม่ได้ฟังแก ข้าแค่กำลังคิดว่าทำยังไงแกถึงจะได้เป็นตัวแทนห้อง”

      “หืมแกเป็นเรื่องที่น่าคิดมากเลย ช่วยกรุณาถามเพื่อนแกก่อนได้ไหมว่าอยากเป็นหรือเปล่า”

      ในคาบเรียนวิชาภาษาอังกฤษที่เหมือนจะเป็นภาษาบ้านเกิดของฉัน เพราะหน้าตาของฉันให้แต่สมองนะหรอตรงกันข้าม ขอข้ามไปประเทศลาวเลยแล้วกัน ถึงฉันจะสอบได้อันดับต้นๆของห้องแต่ขอยอมแพ้เรื่องภาษาเนี่ยแหละ

      “อ้า!!!!!! ทำไมมันซวยอย่างนี้ละเนี่ย ทำไมอาจารย์ต้องให้จับคู่แบบนี้ด้วย” ฉันเริ่มหัวเสียสุดๆ

      “เป็นอะไรของแกอีกละ” เอฟถามฉันเมื่อเห็นฉันหัวเสีย

      “ก็อาจารย์ละซิดันจับให้ฉันกับยัยแพทคู่กัน เพื่อทำรายงานส่งแกหนะไม่รู้ว่าทำไมต้องเป็นยัยแพท แกก็รู้ว่าฉันกับยัยนั่นไม่ถูกกันฉันว่างานนี้ล่มแน่” ฉันบอกกับเอฟถึงเหตุผลที่ทำให้ฉันหัวเสีย

      “ถ้าแกไม่อยากทำแกก็ไปบอกอาจารย์ซิ แค่นี้ก็หมดเรื่องไม่เห็นจะต้องโมโหเลย” เอฟมันคงพยายามทำให้ฉันใจเย็น ด้วยการช่วยคิดทางออกให้ฉัน แต่ฉันอยากจะบอกเพื่อนซี้ของฉันว่า ถ้าเลือกไม่ทำได้ฉันคงไม่ต้องมานั่งหัวเสียแบบนี้หรอก

      “เออ ขอบใจมากสำหรับทางออกของแก ที่คิดให้กับฉัน”

      “และสรุปแกจะเอายังไง จะหมดคาบและนะ” เอฟถามฉันเมื่อเห็นว่าฉันกำลังครุ่นคิดเพื่อหาทางออก

      “ฉันตัดสินใจได้และว่าฉันจะทำงานนี้คู่กับยัยแพท เพราะถ้าฉันถอยยัยนั่นต้องคิดว่าฉันกลัวมันแน่ๆ” โอ้! พระเจ้าช่วยลูกให้พ้นภัยจากศึกครั้งนี้ด้วยเถิด สาธุ เอ๊ะสรุปว่าฉันศาสนาไหนกันแน่ละเนี๊ย

      “เออ โชคดีแล้วกันนะแก”

      “ทำไมแกพูดอย่างนั้นว่ะไอเอฟมันเหมือนกับว่าฉันจะ....”

      พักกลางวัน ที่ โรงอาหารสุดหรูในโรงเรียน

      “หิวอ่ะ หิวขนาดกินข้าวได้เป็นกาลามังเลย” ฉันพูดออกไปด้วยความรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

      “แค่นี้หุ่นแกก็เริ่มจะเหมือนกาลามังเข้าไปทุกทีอยู่แล้วนะ” เอฟให้ความคิดเห็นกับหุ่นของฉัน

      “ฉันว่าฉันไม่ได้ขอความคิดเห็นจากแกนะ แต่ว่าหุ่นของฉันเป็นกาลามังจริงอ่ะ” ฉันเริ่มไม่มั่นใจในรูปร่างของตัวเอง

      “หุ่นแกไม่เป็นกาลามังหรอก แต่ว่าก้นแกอ่ะกาลามัง”

      “ขอบคุณนะแกที่บอกว่าหุ่นฉันไม่ใช่กาลามังแต่ทำไมต้องมาว่าก้นฉันด้วยละ”

      “เอ๊ะ นี่แกแอบมองก้นฉันหรอ” นี่ฉันคงต้องเตะมันแล้วมั้งเนี่ย มันถึงจะเลิกพูดจากวนประสาทฉันสักที

      “เปล่ามอง แต่สายตามันเหลือบไปเห็นเองว่ะ ฮ่าฮ่า” นั่นมันวอนโดนซะแล้วในเมื่อมันวอนนักฉันจัดให้

      “ไอเอฟ แกตายยยยยยยยยยยยยยย” หลังจากสิ้นเสียงฉันกับเอฟก็วิ่งไล่กันจนทั่วโรงอาหารถือว่าเป็นการออกกำลังกายก่อนกินข้าว

      เพล้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

      “โอ๊ย! ขอโทษค่ะ” ซวยอีกแล้วไง ทำไมวันนี้มันถึงได้ซวยยกกำลังหกถอดหรูดสองอย่างนี้ เป็นไงละบอกแล้วว่าฉันหนะฉลาด แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาชมตัวเองอยู่นะ ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองคู่กรรมของฉัน เอ๊ะจะว่าไปผู้ชายคนนี้หน้าตาคุ้นๆนะ แต่นึกไม่ออกแหะว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน

      “เอ้า หวานเป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บไหม ไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าจะได้เจอกันอีก” ทำไมเค้าพูดเหมือนรู้จักฉันเลยหละ

      “หวานเรียนอยู่ที่โรงเรียนนี้หรอ ทำไมหวานทำหน้าเหมือนไม่รู้จักเราเลยละ เราแบงค์ไง” อ๋อพอจะจำได้และว่านายเป็นใคร

      “อ๋อ เปล่าหวานแค่งงว่าทำไมแบงค์เรียนอยู่ที่นี้ เพราะว่าหวานไม่เคยเห็นหน้าแบงค์เลย”

      “แบงค์เพิ่งย้ายมา” นี่อย่าบอกนะว่าเค้า.....

      “พ่อแบงค์เป็นทหาร แบงค์เลยต้องย้ายที่อยู่ตามพ่อ”

      “อ๋อ อย่างนั้นหรอกหรอ” และทำไมอยู่ๆฉันถึงมาคุยกับแบงค์ได้ละเนี่ยไอเพื่อนตัวดีของฉันมันไปไหนแล้ว อ๋ออยู่ตรงนั้นเองกำลังซื้อข้าวเลยนะแก ไม่รอกันเลยนะไอเพื่อนบ้า

      “แบงค์เดี๋ยว หวานจะแนะนำเพื่อนหวานให้แบงค์รู้จักนะ”

      “เอฟ เอฟ มานี่หน่อย” โหไอเพื่อนที่ดีเลิศเลอถือจานข้าวมาแค่จานเดียวนี้แกเคยคิดที่จะซื้อเผื่อฉันบ้างไหมเนี่ย

      “เอฟ นี้แบงค์นะคนที่เคยเล่าให้ฟังไง”

      “แบงค์ และนี้เอฟนะเพื่อนสนิทของหวานเอง”

      “ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ทั้งคู่เอ่ยขึ้นมาพร้อมกัน แหมไอเอฟทำไมแกไม่เห็นพูดครับกับฉันบ้างละเนี่ย

      “งั้นเดี๋ยวแบงค์ขอนั่งกินข้าวด้วยคนนะ” ซวยแล้วไง

      “แต่หวานขอตัวไปซื้อข้าวก่อนนะ เอฟฝากแบงค์ด้วยละ” ฉันรีบวิ่งไปซื้อข้าวมากินไม่ใช่กลัวเพราะพวกนั้นรอนานหรอกนะ แต่เพราะว่าฉันหิวจนไส้จะขาดซะแล้วตาหาก

      “รอนานไหม” ฉันถามไปตามมารยาทหนะ ปรกติอยู่กับไอเอฟไม่ต้องมีพิธีรีตองอย่างนี้หรอก แต่ว่าวันนี้มีแขกพิเศษหนะซิเลยต้องมีมารยาทหน่อย

      “นี้เธอสองคนอยู่มออะไรกันหรอ” แบงค์ถามฉันกับเอฟ แต่ดูแล้วไอเอฟมันไม่ค่อยอยากคุยด้วยเลย ก็ดูมันทำหน้าซิ อย่างกับตูดลิงเลย

      “เราอยู่ ม.6 ห้อง 1 และเธอละ” ฉันเลยจำเป็นต้องตอบแทน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท

      “เราอยู่ห้อง 2 อยู่ห้องใกล้กันเลย” ว่าแล้วไงดูหน้านายแบงค์มันดีใจเป็นพิเศษ เหอะวันนี้มันวันอะไรกันเนี่ย

      “เออ ห้องหวานใครได้เป็นตัวแทนห้องที่จะเข้าประกวดหรอ ที่ห้อง 2 เราได้เป็นตัวแทนประกวดแหละ” ไม่เห็นอยากจะพูดเรื่องนี้เลย แต่ทำไมนายแบงค์ต้องยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดด้วยนะ แถมยังบอกดีกรีของตัวเองอีก นี่กะจะอวดกันรึไงเนี่ย

      “ห้องหวานนะหรอ เอฟได้เป็นตัวแทนฝ่ายชายเข้าประกวดหนะ ส่วนตัวแทนฝ่ายหญิงยังเลือกไม่ได้เลย” รู้สึกบรรยากาศมันเริ่มขุ่นมัวแหะ

      “อิ่มแล้ว ข้าไปก่อนนะหวาน” นั่นไงเอฟมันอารมณ์เสียแล้ว วันนี้ประจำเดือนมันไม่มาหรือไงว่ะเนี่ย และเอาไงดีว่ะฉันเนี่ย จะนั่งอยู่ตรงนี้หรือว่าเดินตามไอเอฟไป

      “อืมแบงค์ นั้นหวานขอตัวก่อนนะเพราะใกล้เข้าเรียนวิชาต่อไปแล้ว ตั้งใจเรียนละบายยยยยยยยย” แล้วฉันก็ต้องวิ่งตามไอเอฟไป มันจะรีบเดินไปไหนว่ะเนี่ย

      “ไอเอฟ นี่แกจะรีบเดินไปไหนว่ะรอฉันด้วยซิ”

      “เปล่าข้าไม่ได้รีบ ข้าก็เดินตามปรกติของข้า”

      “ไม่ ถ้าตามปรกติของแก แกจะต้องเดินรอฉัน แกมีอะไรบอกฉันมาตรงๆดีกว่า” ฉันรู้สึกว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างแน่ๆ

      “ข้าไม่ค่อยชอบหน้าไอหมอนั่นเท่าไหร่ ดูเหมือนมันจะ....ชั่งมันเถอะไม่มีอะไร” มันจะหยุดทำไมเนี่ย

      “มันจะอะไร” โอ๊ยยยยยยยยยอยากรู้โว๊ยว่ามันจะอะไร

      “ข้าบอกว่าไม่มีอะไร ก็ไม่มีอะไรดิ” ทำไมมันต้องอารมณ์ไม่ดีด้วยว่ะเนี่ย ฉันละงงจริงๆ แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นอยู่ทั้งวัน จนกระทั้งตอนกลับบ้าน

      “เอฟวันนี้ไม่มีซ้อมดนตรีใช่ไหม” มันต้องดูเป็นคำถามที่สิ้นคิดแหง่เลย

      “อืม” ฟังจากเสียงมันแล้วอารมณ์มันคง บ่ จอยสุดๆ

      “ไปกินไอศกรีมกันไหม เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง” นี้ฉันยอมลงทุนเพื่อแกเลยนะเนี่ย

      “ก็ได้ นี้เพราะแกเลี้ยงข้าหรอกนะ” โหไอขี้เหนียว คราวนี้ฉันยอมให้แกก็แล้วกัน

      ในร้านไอศกรีมเล็กๆ ที่จัดร้านได้น่ารักเหมาะกับวัยรุ่นที่จะมานั่งกินลมชมวิว หลังจากที่เลือกมุมนั่ง สั่งไอศกรีม และไอศกรีมมาส่งแล้ว

      “วันนี้แก เป็นอะไรของแกว่ะ ดูอารมณ์ไม่ดีเลย” ได้โอกาสแล้วต้องถาม ซะหน่อย หวังว่าคราวนี้มันคงตอบฉันนะ ไม่งั้นลงทุนค่าไอศกรีมฟรีเลยนะเนี่ย

      “ก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอก ข้าไม่ค่อยชอบขี้หน้าไอเจ้าบงเจ้าแบงค์อะไรนั่นแหนะ” อ๋อเพราะเรื่องนี้เอง

      “ทำไมว่ะ ฉันไม่เห็นว่ามันไปทำอะไรให้แกเลย”

      “คนมันไม่ชอบต้องมีเหตุผลด้วยหรอว่ะ” เออจริงของมัน

      “เลิกคุยเรื่องนี้ซะทีเถอะ เดี๋ยวเสียบรรยากาศการกินหมด” แหมไอเอฟพอไอศกรีมเข้าปากหน้าชื่นตาบานเชียวนะ

      “เปลี่ยนอารมณ์เร็วจริงๆเลยนะแก” สีหน้ามันเริ่มกลับมากวนประสาทฉันเหมือนเดิม

      “เออ ไอเอฟเดี๋ยวพุ่งนี้ฉันต้องไปทำงานที่บ้านของยัยแพทนะ”

      “เออ โชคดีแล้วกันนะแก” ไงมันพูดอย่างนี้ละว่ะ

      “เอ้าแล้วแกไม่ไปเป็นเพื่อนฉันหรอ” ขออย่าให้มันพูดว่าใช่เลยด้วยเถิด

      “เออ พรุ่งนี้ข้ามีซ้อมดนตรีว่ะ ขอโทษทีแล้วกัน” นั้นฉันว่าแล้วไง ซวยจริงๆเลย

      “และใครจะช่วยฉันทำศึกกับยัยนั่นละ” หวังว่าไอเอฟมันจะเห็นใจฉันหน่อยนะ

      “แกคงต้องช่วยตัวเองแล้วละ” เวรเอ้ยทิ้งกันแบบนี้เลย

      “โห........แก......” เซงจิต ยังพูดไม่เสร็จมันก็ลุกและ

      “อิ่มและไปเถอะ ขอบใจนะแกสำหรับไอศกรีมมื้อนี้ มันทำให้อารมณ์ข้าดีขึ้นเยอะ” อารมณ์แกดีขึ้นแต่เงินในกระเป๋าฉันลดลงเว้ยยยยยยยยย ไปก็ไปว่ะ เซงโว้ยยยยยยยยยยยยยย

      ในที่สุดเราก็มาถึงบ้านกันซะที หลังจากได้ใช้เงินในกระเป๋าตังค์เสร็จรีบร้อยแล้ว สงสัยว่าฉันวันไหนไม่ได้เสียเงินวันนั้นคงไม่มีความสุขแหง่เลย สงสัยว่าฉันจะเป็นโรคจิตอ่อนๆซะแล้วมั้งเนี่ย

      “เอฟ มีคนย้ายบ้านมาอ่ะ” ฉันบอกเอฟหลังจากที่เห็นมีคนย้ายบ้านมาอยู่แถวระแวกเดียวกับพวกเรา

      “ดูผู้ชายคนนั้นซิ รูปร่างหน้าตาคุ้นๆ เนอะ” ฉันชี้ผู้ชายคนหนึ่งให้เอฟดู

      “อืมคุ้นๆ” รู้สึกถึงลางไม่ค่อยดีแหะ พอพวกเราเดินเข้าไปใกล้ๆ ใกล้อีก เว่อร์!!!!!! และเมื่อได้เห็นหน้าผู้ชายคนนั้นใกล้ๆ ฉันเข้าใจถึงลางที่ไม่ค่อยดีแล้ว ก็ผู้ชายคนนั้นมันแบงค์นี่หน่า สงสัยฉันคงจะต้องไปถวายสังฆทานหน่อยแล้วมั้งเนี่ย ความซวยมาเยือนถึงบ้าน

      “เอ้าหวาน” ทำไมต้องเห็นฉันด้วยว่ะเนี่ย

      “ข้าเข้าบ้านก่อนนะแก ข้าชักจะเริ่มอารมณ์ บ่ จอยอีกแล้ว” เอ้าไอเพื่อนแสนดีทิ้งกันอีกแล้วนะ ฉันทำเป็นไม่ได้ยินและเดินเข้าบ้านได้เลยไหมเนี่ย พระเจ้าค่ะช่วยลูกด้วย

      “บ้านหวานอยู่แถวนี้หรอ” ตาเอ็งบอดหรือไม่มีสมองกันแน่ว่ะเนี่ย ถ้าบ้านฉันไม่อยู่แถวนี้แกจะเห็นฉันมายืนตรงนี้ไหม

      “จ้ะ บ้านหวานหลังนั้นหนะ และเอฟมาทำอะไรหรอ” นั้นด้วยความอึ้งฉันเลยปล่อยคำถามโง่ๆออกไป

      “อ๋อ เอฟย้ายบ้านมาอยู่แถวนี้ โชคดีจังเนอะที่บ้านหวานก็อยู่แถวนี้ แบบนี้ก็ดีซิจะได้ไปโรงเรียนพร้อมกันและกลับบ้านพร้อมกันเนอะ” นั้นซวยจริงๆ ฉันจะปฏิเสธยังดีละเนี่ย

      “เออ..........” ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ในความคุ้นเคยกันอยู่ มันแฝงอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น เย้ๆๆเสียงโทรศัพท์ช่วยชีวิต แต่เอฟมันโทรมาทำไมว่ะ แต่ก็ดีช่วยฉันได้ทันเวลา อืมฉันลืมบอกไปว่าเอฟเป็นคนตั้งเสียงเรียกเข้าเสียงนี้ไว้เพื่อเวลามันโทรมา เพราะไรก็ไม่รู้ที่มันต้องตั้งเพลงนี้

      “ฮัลโหลลลลลล แม่มีอะไรหรอค่ะ อยู่หน้าบ้านแล้วค่ะ ค่ะ” อิอิ ทำเนียนเหอะๆไอเอฟคง งง หน้าดู และฉันก็วางสาย

      “โทษทีนะแบงค์ หวานเข้าบ้านก่อนนะ” ใส่ตีนหมาเพ่นละว้า

      “เอ้าหวานยังไม่บอกเลยว่าพรุ่งนี้จะไปโรงเรียนพร้อมกันหรือเปล่า” ไม่ได้ยินฉันไม่ได้ยิน เมื่อเข้ามาถึงในบ้าน ฉันก็รีบขึ้นห้องนอน

      “เฮ้ยยยยย เหนื่อยเหลือเกินวันนี้ อาบน้ำล้างความซวยซะหน่อยดีกว่า” หลังจากอาบน้ำเสร็จฉันก็หลับปุ๋ย ลืมไปเลยว่ายังไม่ได้โทรกลับหาเอฟ เพื่ออธิบายเรื่องราวให้เอฟฟัง

      ก๊อกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ใครมาเคาะประตูนะ น่ารำคาญชะมัด

      “หวานตื่นได้แล้วลูก เดี๋ยวไปโรงเรียนสายนะ” อ๋อ เสียแม่ของฉันเอง ไปโรงเรียนสายหรอ ฉันสะดุ้งพรวดลุกขึ้นจากที่นอนอันแสนนุ่ม และหันไปมองนาฬิกา ตายละเจ็ดโมงจะครึ่งแล้ว ไอเอฟด่าฉันกระจุนแน่ ไม่ถึงสิบนาทีฉันก็ทำทุกอย่างเสร็จเตรียมพร้อมไปโรงเรียน แต่เมื่อพอฉันเดินออกมาถึงหน้าบ้าน โหทำไมมันซวยตั้งแต่เช้าอย่างนี้ละเนี่ย ก็จะมีเรื่องซวยอะไรอีกละก็นายแบงค์ออกมายืนรอฉันที่หน้าบ้านอ่ะ

      “หวัดดีหวาน” แหมนายยิ้มหน้าบานเชียวนะ แต่ตรงข้ามกับหน้าฉันตอนนี้คงบอกว่าบุญไม่รับแหง่ๆ

      “หวัดดีจ้าแบงค์” เซงจิบเลย เพราะอย่างนี้เลยทำให้ฉันกับนายแบงค์ต้องเดินไปพร้อมกัน และซวยยกกำลังสองเข้าไปอีกไอเอฟยืนรออยู่ที่หน้าบ้านของเขาที่ถัดไปไม่กี่หลัง สีหน้าของมันเหมือนใครเอาอึหมาไปเฟี้ยหน้ามันยังไงยังง้านนนนนนนนนน

      “ไง...” เอ้ายังพูดไม่จบก็เดินสะบัดก้นหนีไปอีกและ ทำไมมันไม่รู้จักฟังอะไรให้จบบ้างว่ะเนี่ย เพราะเหตุนี้มันเลยทำให้ฉันกับนายแบงค์ต้องเดินมาโรงเรียนพร้อมกัน ทำไมสายตาทุกคนต้องจ้องมาทางฉันด้วยนะไม่เข้าใจเลย แบงค์เดินมาส่งฉันที่ห้องเรียน และพูดกับฉันว่า

      “ตั้งใจเรียนนะ และจะมารับตอนเลิกเรียน”

      “ขอบใจจ้า แต่ไม่ต้องก็ได้” ฉันยิ้มให้เจื่อนๆ ก็เพราะอะไรซะอีกละ ก็ไอเอฟมันจ้องฉันกับนายแบงค์ตาเป็นมันส์เลยนะซิ ขนลุกเว้ย พอเดินมาถึงโต๊ะนั่งฉันก็หันไปถามเพื่อนตัวดีของฉัน

      “นี่ไอเอฟทำไมแกไม่รอฉันว่ะ” หงุดหงิดแล้วนะเว้ยยยยย

      “ทำไมต้องรอแก แกก็มีคนมารออยู่แล้วนี่” มันจะกวนประสาทฉันทำไม มันเกิดอะไรขึ้นว่ะเนี่ย

      “ทำไมแกต้องพูดอย่างนั้นว่ะ ฉันไม่ได้นัดแบงค์ให้มารอฉันนะ” ฉันว่ามันต้องเข้าใจผิดคิดว่าฉันนัดแบงค์ให้มาโรงเรียนพร้อมกับเราแหง่ๆเลย

      “หรอ และเมื่อวานฉันโทรไปทำไมแกไม่รับ” มันจะขึ้นเสียงใส่ฉันทำไมเนี่ย แต่แล้วทำไมฉันต้องมานั่งอธิบายให้มันฟังด้วยละ โอ๊ยยยยยยยไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ ไม่เป็นไรใจเย็นเข้าลูบ

      “เมื่อคืนฉัน....” เวรของกรรมยังพูดไม่ทันจบอาจารย์ก็เดินเข้ามาในห้องซะและ

      “หลังจากที่เมื่อวานอาจารย์ได้บอกนักเรียนแล้ว ว่าจะให้นักเรียนกลับไปคิด 1 คืนว่าจะเลือกนักเรียนหญิงคนไหน เป็นตัวแทนห้องเราเพื่อเข้าแข่งขัน เดี๋ยวอาจารย์จะแจกลูกปิงปองให้นักเรียนคนละ 1 ลูกให้นักเรียนทุกคนเดินออกมาใส่ในกล่อง ซึ่งหน้ากล่องจะมีชื่อของนักเรียนหญิงผู้ถูกเสนอชื่อทั้ง 2 คนแปะอยู่ และขอให้นักเรียนหญิงทั้งสองคนออกมายืนอยู่ตรงกล่องชื่อของตัวเองด้วย”

      เวลาล่วงเลยเกือบครึ่งชั่วโมงไปกับการลงคะแนน โอ้! เหลือเชื่อคะแนนของฉันกับแพทเท่ากันแต่มันจะตัดสินก็ไอตรงลูกปิงปองลูกสุดท้ายที่อยู่ในมือเอฟเนี่ยแหละ

      “เอฟ เลือกแพทนะค่ะเอฟ” ดูยัยแพทมันทำเสียงออดอ้อนเอฟดิ น่าหมั่นไส้ชะมัด

      “ยังไงเอฟก็เลือกฉัน ยัยแพทเธออย่าหวังเลย” ขอฉันเกทับหน่อยเถอะ

      “ไงฉันบอกเธอตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่ายังไงฉันก็ชนะ” มีความสุขจริงโว้ยยยยยยย ทุกคนในห้องต่างลุ้นว่าใครจะได้เป็นตัวแทนห้อง ฉันยิ้มหน้าบานเพราะรู้ว่ายังไงฉันก็ต้องชนะ แต่ว่าทำไมละ ทำไมเอฟถึงเอาลูกปิงปองที่ตัดสินไปย่อนใส่กล่องของยัยแพทละ

      “เอฟทำไมแก.....” พูดไม่ออกค่ะพี่น้อง อึ้งรับประทานค่ะ

      “ฮ่า ฮ่า เป็นไงละหวานมั่นใจเกินไป หน้าแตกยับเยิน” ยัยแพทมันหัวเราะฉัน เอฟแกนะแกและฉันจะเอาหน้าสวยๆของฉันไปไว้ที่ไหน เพราะแกเล่นขยี้มันซะแหลกคามือแกอย่างนั้น ไอเพื่อน....

      “ก็แกบอกว่าแกไม่อยากเข้าประกวด ข้าเลยลงคะแนนให้แพท” ไอเพื่อนบ้าอธิบายให้ฉันฟังกับการกระทำที่มันทำไปเมื่อกี้

      “เป็นอันสรุปได้แล้วว่า นางสาวชลลดาได้เป็นตัวแทนและจะเข้าแข่งขันคู่กับ นายธนวัตร ขอให้ทั้งสองคนคว้าตำแหน่งมาให้ได้นะ” หลังจากสิ้นเสียงของอาจารย์ก็หมดคาบพอดี และเมื่ออาจารย์เดินออกไป เสียงหัวเราะเยาะจากกลุ่มของยัยแพทก็ดังลั่นห้อง ฉันรู้ ฉันรู้ว่าพวกมันเยาะเย้ยฉัน ฉันทนไม่ได้และฉันไม่อยากจะทน ฉันเลยเลือกที่จะเดินออกไปนอกห้อง แม่จ้าลูกขอโทษที่ลูกโดดเรียน ฉันเดินมาเรื่อยๆจนขึ้นมาถึงดาดฟ้าของโรงเรียน ฉันนั่งลงและร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บใจที่ทำอะไรไม่ได้เลย ขนาดเพื่อนสนิทของฉันคนเดียวยังทำกับฉันได้และอย่างนี้ฉันจะมองหน้าคนในห้องได้ยังไง

      ปังค์!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

      เสียงเปิดประตูดาดฟ้า ใครกันใครขึ้นมาบนดาดฟ้า เสียงฝีเท้านั้นเดนมาเรื่อยๆและมาหยุดตรงที่ฉันนั่ง

      “หวาน” ใครกันนะฉันอยากอยู่คนเดียว ฉันปาดน้ำตาและเงยหน้าขึ้นมองคนที่เรียกชื่อฉัน

      “แบงค์ แบงค์มาทำอะไรที่นี้ละ” ฉันถามนายแบงค์ด้วยความตกใจ

      “แบงค์เห็นหวานเดินขึ้นมาบนดาดฟ้า แบงค์ก็เลยตามมา หวานร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรหวาน” ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมแบงค์ต้องเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของฉันด้วย

      “เปล่า ไม่มีอะไร” ฉันบอกแบงค์ไปอย่างนั้น เพราะกลัวบอกไปว่ามีทุกอย่างมันคงไม่จบ

      “ไม่มีอะไรก็ดีไป” ดีจังที่แบงค์เชื่อฉันว่าไม่มีอะไร เพราะขืนเซ้าซี้ฉันมากเดี๋ยวได้มีเรื่องกันแน่ แบงค์นั่งอยู่เป็นเพื่อนฉันจนถึงตอนพักกลาง ฉันกินอะไรไม่ลงทั้งนั้น ฉันบอกให้แบงค์ไปได้แล้ว แต่เขาไม่ยอมเขายังนั่งเป็นเพื่อนฉันจนถึงเย็น

      “แบงค์ หวานขอตัวก่อนนะ คือหวานมีธุระต้องไปทำงานที่บ้านเพื่อน ขอบใจแบงค์มากนะที่อยู่เป็นเพื่อนหวาน” และฉันกำลังเดินลงมาจากชั้นดาดฟ้า

      “หวาน” แต่แบงค์ตะโกนเรียกฉันไว้ ทำไมครั้งนี้ฉันไม่ทำเป็นไม่ได้ยินเหมือนครั้งก่อนๆ นะ

      “มีอะไรหรอแบงค์” ฉันถามเพราะฉันอยากรู้ว่าแบงค์เรียกฉันให้หยุดทำไม

      “มันจะเร็วไปไหม ถ้าแบงค์จะบอกกับหวานว่า” ฉันรู้สึกว่าความซวยจะมาเยือนฉันอีกแล้ว

      “....” ฉันเงียบรอฟังคำต่อไปที่แบงค์จะพูด

      “ว่าแบงค์ชอบหวาน” อึ้งค่ะ ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีผู้ชายมาสารภาพว่าชอบฉัน

      “แบงค์ชอบหวานตั้งแต่วันแรกที่เห็นหวานแล้ว และพอได้พูดคุยแบงค์ก็ยิ่งแน่ใจว่าแบงค์ชอบหวานมาก และหวานละคิดยังไงกับแบงค์” แบงค์พูดๆๆๆๆๆๆ แต่ฉันเงียบๆๆๆๆๆๆๆ

      “เออ...คือ....” สมองตื้อเลยค่ะ คิดอะไรไม่ออกเพราะไม่เคยถูกสารภาพรักมาก่อน และทำไมนายแบงค์ต้องทำตาหวานใส่ฉันด้วยละ ทำแบบนี้ฉันก็ปฏิเสธเค้าไม่ลงนะซิ แต่ฉันก็ตอบตกลงเค้าไม่ได้ด้วยเพราะ....

      “หวานไม่ต้องรีบตอบแบงค์ตอนนี้ก็ได้ว่าหวานคิดยังไงกับแบงค์ แต่แบงค์จะขอฟังคำตอบจากปากหวานเมื่อวันที่แบงค์ได้เป็นเดือนของโรงเรียนนะ” ไหนมันบอกไม่รีบเอาคำตอบไง วันที่ประกวดก็เหลืออีกแค่ 2 วันนับต่อจากนี้แล้วนะ และฉันก็เดินจากไปพร้อมกับความกังวัลใจติดตัวไปด้วย แต่ภาพที่เห็นหนะซิ เอฟยืนมองพวกเราอยู่จากด้านล่าง

      “เอฟ” ฉันตะโกนเรียกเขาแต่ไม่มีวี่แววที่เขาจะหยุดเดิน พอฉันกลับมาถึงห้องเรียนฉันก็ไม่เห็นใครอยู่ในห้องเลยนอกจากยัยแพทที่นั่งรอฉันเพื่อจะได้ไปทำงานด้วยกัน

      “หนีไปร้องไห้หรอจ้ะ ทำไมไม่รู้จักเวล่ำเวลาต้องให้คนสวยอย่างฉันมานั่งรอละเนี่ย” ทำไมยัยนั่นต้องปากปีจออยู่ตลอดเวลาด้วยนะ แต่ฉันไม่มีอารมณ์มาต่อล้อต่อเถียงกับยัยนั่นหรอก ฉันยอมซะครั้งก็แล้วกันเพื่อให้เรื่องจบๆไป

      บ้านยัยแพท กำลังทำงานกันหัวหมุนนนนนนนน จนจะอ้วกออกมาเป็นตัวหนังสืออยู่แล้ว

      “หวาน” ยัยแพทมันเรียกฉันทำไมเนี่ย เรียกซะดีเชียวผีเข้ารึไงกัน

      “เธอชอบเอฟหรอ” มันถามเรื่องนี้ทำไมกันเนี่ย อืมและสรุปฉันคิดยังไงกับเอฟมันกันแน่ละเนี่ย

      “แต่ถึงเธอจะคิดยังไงฉันก็ไม่สนหรอก เพราะว่าเธอก็รู้ว่าฉันชอบเอฟ และฉันจะบอกอะไรเธอให้นะ วันที่ประกวดดาวและเดือนฉันจะสารภาพรักกับเขา” อะไรนะยัยแพทจะประกาศให้คนทั่วโรงเรียนรู้เลยหรือไงว่าเธอชอบเอฟหนะ

      “และเธอมาบอกให้ฉันรู้ทำไม” และทำไมฉันต้องอารมณ์ไม่ดีด้วยละ

      “ก็แค่อยากให้เธอรู้เฉยๆ” จบจากคำพูดนั้นก็ไม่มีการสนทนาการต่ออีกเลย จนงานเสร็จฉันก็จะกลับบ้าน

      “ฉันกลับและนะ” ฉันบอกลายัยแพทตามมารยาท

      “ก็กลับไปซิยะ ใครเค้าไปลั้งหล่อนไว้มิทราบ” ไม่วายที่ยัยนั้นจะกวนประสาทฉัน แต่ฉันไม่มีอารมณ์จะทะเลาะด้วย ฉันเดินของฉันไปเรื่อยๆจนจะถึงบ้าน นี้ก็เย็นมากแล้วเอฟก็คงเลิกซ้อมดนตรีแล้วเหมือนกัน เอ๊ะใครนะรูปร่างคุ้นๆ เอฟนี่หน่า

      “เอฟ เอฟ” ฉันตะโกนเรียกเพื่อนสนิทของฉัน เพื่อจะได้ปรับความเข้าใจซึ่งกันและกัน ฉันไม่ยอมให้มันเข้าใจฉันผิดอย่างนี้เด็ดขาด เย้ๆ มันหันหน้ามาแล้วเอ้าและทำไมไม่หยุดเดินละ กลับเดินเร็วขึ้นอีก ฉันกลับมาถึงบ้านโดยที่อารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่ ฉันหวนคิดถึงวันเวลาที่ผ่านมาระหว่างฉันกับเอฟ ตั้งแต่ที่รู้จักและคบกันมาไม่มีครั้งไหนเลยที่เราทะเลาะกันรุนแรงขนาดนี้ และฉันก็จะไม่ยอมให้มันเป็นอย่างนี้อีกต่อไป ฉันบอกกับตัวเองว่าพรุ่งนี้ฉันจะบอกเรื่องทั้งหมดให้เอฟรู้และบอกความรู้สึกของฉันที่มีต่อเขาด้วย

      กริ๊งๆ กริ๊งๆ เสียงนาฬิกาปลุกของฉันดังขึ้นบอกให้ฉันรู้ว่าลุกขึ้นจากที่นอนได้แล้ว ขืนนอนต่อได้ไปโรงเรียนสายแน่ๆ และจะไม่ทันเจ้าเพื่อนซี้ด้วย ฉันรีบอาบน้ำแต่งตัวและรีบออกจากบ้านเพื่อจะมารอเจอเอฟ แต่ซวย นายแบงค์ออกมาเช้ากว่าฉันและอย่างนี้ ฉันจะกล้าเดินไปหาเอฟได้ยังไงละ ฉันหันไปเห็นเอฟเดินออกจากบ้าน

      “เอฟ เอฟ” ฉันตะโกนเรียกเอฟเพื่อให้เค้าหยุด แต่เค้าไม่ยอมหยุด ทำไมทำไมขาฉันมันขยับไม่ออกอย่างนี้ละ ปรกติฉันต้องวิ่งไปหาเขาซิ

      “หวาน” แบงค์เรียกฉัน ฉันมองหน้าเค้าด้วยแววตาที่โมโหสุดๆ ดวงตาฉันแดงก่ำ ฉันเดินเข้าบ้านไม่แม้แต่จะฟังเสียงที่เค้าเรียกฉัน ไม่ไปมันแล้วโรงเรียน ไม่มีอารมณ์จะเรียนหนังสือแล้ว ฉันพยายามที่จะโทรไปหาเอฟเพื่อปรับความเข้าใจ แต่โทรไปกี่ครั้งก็ไม่มีวี่แววที่เอฟจะรับสายฉัน ฉันเลยตัดสินใจส่ง SMS ไปหาเขา

      “เอฟฉันมีอะไรบางอย่างจะคุยกับแก เจอกันที่สวนสาธารณะที่หมู่บ้านนะ ตอน 6 โมงเย็นฉันจะรอแกนะ” เอฟมันจะอ่านไหมเนี่ย

      ติ๊ด ติ๊ด เสียงข้อความในโทรศัพท์ของฉันเข้า

      “ได้ ข้าจะไป” เย้ๆในที่สุดเอฟมันก็ตอบกลับมา

      6 โมงเย็นที่สวนสาธารณะ ฉันมาก่อนเวลาประมาณ 15 นาที และในที่สุดเอฟก็มา

      “แกมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันหรอ” ในที่สุดเอฟก็ยอมพูดกับฉันแล้ว

      “คือ วันนั้นที่ดาดฟ้า แบงค์เดินตามฉันขึ้นมาเองฉันไม่ได้เรียกเขาขึ้นมานะ และเขาก็สารภาพว่าเขาชอบฉัน แต่ว่าฉัน...”

      “แค่นี้ใช่ไหมที่แกจะบอกฉัน ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันไปละ” ยังพูดไม่จบเลยมันพูดตัดบทฉันอีกแล้ว และเอฟก็เดินจากฉันไป ไม่แม้จะหันกลับมามองฉันอีกเลย เอาว่ะอายเป็นอายยังไงวันนี้ก็ต้องบอกความรู้สึกของฉันให้เอฟรู้

      “เอฟฉันไม่ได้ชอบแบงค์ แต่ว่าฉันชอบแก ฉันชอบแกแกได้ยินฉันไหม” บอกไปแล้วบอกไปแล้ว แต่ทำไมไม่เห็นว่าเอฟมันจะหยุดเดินเลยละ

      ในที่สุดก็มาถึงวันที่ประกวดเฟ้นหาดาวและเดือนของโรงเรียน และก็เป็นวันที่ฉันต้องให้คำตอบกับแบงค์แล้ว การประกวดกำลังจะเริ่มขึ้นผู้ประกวดเดินขึ้นมาบนเวที แต่ละคนแต่งตัวสวยๆหล่อๆกันทั้งนั้น แต่คนที่เด่นที่สุดก็มีแค่ไม่กี่คน ในนั้นก็มี แบงค์ เอฟและก็ยัยแพท กรรมการให้ผู้เข้าประกวดแสดงความสามารถของตัวเอง เอฟแสดงความสามารถของตัวเองด้วยการร้องเพลง และเพลงที่เขาร้องก็คือเพลง “ช่างไม่รู้เลย” และทำไมต้องมามองหน้าฉันด้วยละ ฉันว่าหน้าตอนนี้ของฉันคงแดงแป๊ดเลยแหง่ๆเลย มันกำลังทำให้ฉันเข้าใจผิดนะไอเอฟหลังจากที่การแสดงความสามารถของผู้เข้าแข่งขันจบ ก็มีการประกาศผลและเป็นอย่างที่คิด

      “จากการตัดสินของคณะกรรมการดาวประจำโรงเรียนของเราได้แก่ นางสาวชลลดา นักเรียนชั้นม.6/1” ว่าแล้วว่ายัยนั่นต้องได้ ก็ยัยนั่นโดดเด่นที่สุดเลยหนะซิในบรรดาผู้หญิง

      “ส่วนเดือนประจำโรงเรียนเราได้แก่...” แท่น แทน แท๊นนนนนนนนนน โอ๊ยตื่นเต้นเหมือนเข้าประกวดเอง เอ๊ะแต่ว่าฉันลุ้นให้ใครได้นะระหว่างเอฟกับแบงค์ แหมก็ต้องเป็นเอฟอยู่แล้ว

      “นายธนวัตร นักเรียนชั้น ม.6/1” เย้ๆๆๆๆๆ เอฟๆๆๆๆๆได้เป็นเดือนของ โรงเรียนแต่ฉันจะดีใจไปทำไม ก็เพราะว่าเรายังทะเลาะกันอยู่เลยนะซิ

      “ดาวและเดือนพูดอะไรหน่อยครับที่ได้รับตำแหน่ง” นั่นไงยัยแพทจะสารภาพรักกับเอฟต่อสารถรนชนแล้ว

      “ค่ะขอบคุณสำหรับตำแหน่งดาวนะค่ะ แต่มีสิ่งเดียวที่ฉันจะพูดก็คือ เอฟฉันชอบนายนะชอบมาตลอดเลย” ทุกคนที่อยู่หน้าเวทีเงียบกลิบ ฉันไม่คิดว่ายัยนั่นจะกล้าพูดจริงๆ ยัยนั่นส่งไมค์ให้เอฟ เอฟๆจะพูดแล้ว

      “ผมเองก็อยากจะบอกทุกคนเหมือนกันว่า ผมมีคนที่ผมจะมอบหัวใจให้อยู่แล้ว เขาคือเพื่อนสนิทของผม ยัยหวานฉันรักแกนะเว้ยยยยยยย ” เอฟๆสารภาพรักกับฉันต่อหน้าคนทั้งโรงเรียน เค้าเดินมาหาฉันและพูดกับฉันว่า

      “โปรดให้โอกาสลองคบกับผมนะหวาน” ฉันหยิกเขาก่อนจะตอบว่า

      “ก็ได้ แต่เมื่อวานที่ฉันตะโกนแกได้ยินหรือเปล่า” เอฟยิ้มและพยักหน้า อ้ายยยยย

      “และทำไมนายทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินละ” ฉันหยิกเค้าเพื่อแก้อาการเขินนนนนน

      “ช่างมันเถอะ แต่ฉันรักเธอนะ” และเอฟก็ดึงฉันเข้าไปกอด อ้ายยยยยยฉันอายนะไอเพื่อนบ้า

      “ฉันก็รักแก” ปล่อยซะทีซิฉันอายนะไอเพื่อนบ้า อุ้ยต้องเปลี่ยนสรรพนามซิ ไอแฟนบ้า!! เรากอดกันนานจนทุกคนมองมาที่เราเป็นตาเดียวกัน และยัยแพทก็ยืนเอ๋ออยู่บนเวที ก็โดนหักอกซะต่อหน้าประชาชี โอ๊ยซะใจจริงๆ ส่วนแบงค์ที่กำลังจะเดินมาเอาคำตอบจากฉันก็หยุดขาชะงักไม่กล้าเดินต่อ แต่ฉันไม่สนใจหรอก เพราะฉันมีเอฟคนรักของฉันที่เปลี่ยนจากสถานะเพื่อนสนิทเลื่อนขั้นมาเป็นแฟนแล้ว

      ฉันรักแกนะเพื่อนสนิทของฉันนนนนนนนนนนนนน

      จบ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×